แชร์

บทที่ 271

ผู้เขียน: กานเฟย
หลิงอวี๋มองท่าทางดีใจเหลิงของหมอหลวงจางอย่างเย็นชา ตะโกนขึ้นฉับพลัน

“หมอหลวงจาง ผู้ใดบอกเจ้าว่าท่านปู่ข้าสิ้นชีพแล้ว?”

“เจ้าเป็นแพทย์แต่เอะอะก็หวังให้คนไข้ตาย เจ้าศึกษาจรรยาบรรณวิชาชีพในท้องสุนัขมาหรือไร?”

หมอหลวงจางพลันยิ้มหยันกล่าวว่า

“พระชายาอ๋องอี้ ข้าไม่ได้ภูมิปัญญาระดับสตรีอย่างเจ้า! หากรักษาคนไข้หายก็เรียกว่าหมอเก่ง”

“ทว่าเจ้ารักษาท่านอดีตเสนาบดีตายจะพูดดีอีกก็ไร้ประโยชน์!”

“ท่านอาลักษณ์หลิง เมื่อกี้คุณหนูรองเจ้าพูดถูกแล้ว หลิงอวี๋มาล้างแค้น! นางเกลียดที่ท่านอดีตเสนาบดีตัดขาดความสัมพันธ์กับนางในปีนั้น…”

“หุบปาก…”

เสียงสูงวัยหนึ่งดังขึ้นในห้อง

หมอหลวงจางยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป ทว่าหลิงหว่านสายตาแหลมคมเห็นท่านอดีตเสนาบดีกำลังยันกายเหยียดขึ้น

“ท่านปู่ฟื้นแล้ว!”

หลิงหว่านตะโกนลั่นตื่นเต้น พุ่งไปประคองท่านอดีตเสนาบดี น้ำตาไหลพรากหยดลง

ท่านปู่ยังรอด!

พี่หลิงหลิงช่วยชีวิตท่านปู่ไว้!

“ท่านพ่อ…”

หลิงเสียงเซิงตะลึงงันแล้วเช่นกัน พลางมองบิดาที่หมดสติอย่างงงงันเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะเหยียดกายลุกได้แล้ว

บนหน้าหวางซืองงงันเหมือนกัน วิชาแพทย์หลิงอวี๋ไม่คิดว่าจะเลิศล้ำขนาดนี้?

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 272

    เซียวหลินเทียนด่าอย่างโมโหว่า “ท่านอาลักษณ์หลิง ท่านยังคือบิดาของหลิงอวี๋รึ?”“หมอหลวงจางให้ประโยชน์เจ้ามากเท่าไร เจ้าถึงช่วยคนนอกมิช่วยญาติเช่นนี้?”หลิงเสียงเซิงคอแข็งตรงเอ่ยเรียก “ท่านอ๋องอี้ กระหม่อมหยัดยืนเท็จจริงมิช่วยญาติ! เดิมทีก็มิใช่หลิงอวี๋ช่วยพ่อกระหม่อม กระหม่อมจักมิขาดจิตสำนึกพูดปด!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเคืองขุ่นพลางตะโกน “ช่างเป็นวาจามิขาดจิตสำนึกซะจริง!”“หลิงอวี๋ เจ้ามาบอกทุกคน เจ้าช่วยท่านอดีตเสนาบดีเช่นไร?”หลิงอวี๋โดนหลิงเสียงเซิงทำรู้สึกผิดหวังเช่นกัน เจ้าพ่อแย่คนนี้จนตอนนี้ยังคิดเอาผลงานให้หมอหลวงจาง!หมอหลวงจางให้ผลประโยชน์เขามากเท่าใดกันแน่?“ท่านปู่ล้มขาหักเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บ! ตามขั้นตอนรักษาทั่วไปคือจัดการแผลแบบนี้ จำเป็นต้องทำความสะอาดขูดเนื้อเสียออก หลีกเลี่ยงแผลเปื่อยติดเชื้อ!”หลิงอวี๋หัวเราะเยือกเย็นชี้ถาดยาข้างเตียงที่ยังไม่ได้เก็บกวาด“ในถาดเป็นเนื้อเสียที่หม่อมฉันช่วยท่านปู่ขูดทำความสะอาด! เดิมทีหมอหลวงจางมิได้ขูดออก เขารักษาแผลท่านปู่เช่นนี้ไม่มีทางหายได้เด็ดขาดเพคะ!”ทุกคนมองตามทิศของนิ้วมือหลิงอวี๋ก็เห็นเนื้อเสียขาวเหลืองประปรายในถาด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 273

    เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าหลิงเสียงเซิงผกผันสิ้นทว่ากำลังมองดาบแวววับของลู่หนานยังคงกวัดแกว่งตรงหน้า แม้ยืมความกล้าหาญของหลิงเสียงเซิง เขาก็ไม่กล้าซักถามหลิงอวี๋อีกท่านอดีตเสนาบดีหัวเราะเยาะหยัน เอ่ยขุ่นเคืองว่า “หมอหลวงจาง เจ้าหลอกเอาเงินเพราะข้าพูดไม่ได้หรือ?”“ถึงแม้สติข้าเลอะเลือน แต่ยังรู้สึกตัวอยู่! เดิมทีเจ้าเข้ามาไม่ได้ป้อนยาลับอะไรข้าเลย!”“หลังเจ้าทายาสมุนไพรให้ข้า ขาข้าก็เจ็บรุนแรงเริ่มหายใจลำบาก”“ข้าฟื้นได้ ทั้งหมดคือหลานสาวข้าช่วยรักษาข้า! หากปล่อยหมอกำมะลออย่างเจ้ามารักษา ข้าคงตายไปแล้วกระมัง!”หมอหลวงจางตกใจสั่นเทิ้มทั้งร่าง คาดไม่ถึงว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเข้าใจกระจ่าง?เช่นนั้นเขารู้เรื่องที่ตนวางยาพิษเขาหรือไม่?สมองหมอหลวงจางปั่นป่วนเร็วรี่ เรื่องวางยาพิษตีให้ตายก็ยอมรับไม่ได้!หมอหลวงจางคุกเข่าลงดังตุ้บ พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ“ได้โปรดท่านอดีตเสนาบดีให้อภัยความผิด… ทั้งมวลคือความสับสนชั่วขณะของข้า! ถึงคิดแอบอ้างผลงานขอรับ!”“ข้าขอแสดงการขออภัยพระชายาอ๋องอี้… พระชายาอ๋องอี้ ข้าผิดแล้ว...”“ช้าก่อน!”เซียวหลินเทียนยิ้มเยาะ “หมอหลวงจางว่าโขกหัวคำนับแสดงการขออภัยแก่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 274

    หลิงเสียงเซิงเอื่อยเฉื่อยคิดไม่ถึงปัญหานี้หวางซือถลึงมองหลิงเสียงเซิงโหดเหี้ยม เหลียวมองหลิงอวี๋เอ่ยยิ้ม ๆ“อาอวี๋ เจ้าอธิบายให้หลิงหว่านกับน้องเจ้าก่อนว่าต้องดูแลท่านอดีตเสนาบดีอย่างไรเถอะ!”“ข้ากับท่านพ่อเจ้าจักไปให้คนเตรียมกับข้าวให้พวกเจ้าที่ครัว! พวกเจ้าอยู่ทานข้าวก่อนเถิดหนา!”ไม่รอหลิงอวี๋ปฏิเสธ หวางซือก็ดึงหลิงเสียงเซิงไปแล้วความโกรธหลิงเสียงเซิงเต็มท้อง เห็นโดยรอบไม่มีคนก็ด่าเสียงต่ำว่า“เมื่อกี้มิใช่พูดกับเจ้าแล้วรึ? ปล่อยหลิงอวี๋ตรวจโรคท่านพ่อมิได้ ไยเจ้ามิไล่นางไป?”“ท่านอ๋องอี้จับจ้องข้าอยู่ ข้าลงมือมิสะดวก!”“แต่เจ้าเป็นแค่สตรี อีกทั้งไม่มีตำแหน่งขุนนาง ยังกลัวท่านอ๋องอี้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าอีกรึ?”หวางซือโน้มไปข้างหูหลิงเสียงเซิงพลางกระซิบ“ท่านสามี ท่านเลอะเลือนแล้ว!”“ท่านจักรู้แต่ฟังคำพูดขององค์ชายเว่ย มิใช้สมองลองคิดถึงหลักลึกลับซับซ้อนภายในหน่อย! ”“ภายในมีหลักลึกลับซับซ้อนอันใดเล่า?” หลิงเสียงเซิงสับสนหวางซือหัวเราะหยัน “ท่านสามี ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยพอพระทัยเยี่ยนเอ๋อร์ของเรามิใช่เพราะงดงามมีคุณธรรม แต่เป็นท่านอดีตเสนาบดี!”“ตระกูลเราล้วนอาศัย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 275

    หลิงเสียงเซิงรีบกลับมาในห้อง หลิงอวี๋อธิบายการดูแลท่านอดีตเสนาบดีเช่นไรให้หลิงหว่านเสร็จแล้วแม้หลิงเยี่ยนอยู่ในห้อง แต่เดิมทีกลับไม่ได้ตั้งใจฟังที่หลิงอวี๋พูด หากมิใช่เพราะอยู่ต่อหน้าท่านปู่นางคงไปตั้งนานแล้ว“อาอวี๋ เจ้าเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่รึ? เจ้าทำให้ท่านปู่เจ้าหายเร็วขึ้นหน่อยได้หรือไม่? ยี่สิบกว่าวันนานเกินไปแล้ว!”เมื่อหลิงเสียงเซิงเข้าประตูก็กล่าวรีบร้อนเขาคิดเหมือนกับหวางซือ หากท่านอดีตเสนาบดีพักฟื้นนานตำแหน่งแม่ทัพใหญ่นี้ก็จะรักษาไว้มิได้!หลิงอวี๋พูดไม่ออก ท่านอดีตเสนาบดีล้มขาบาดเจ็บมิใช่มีดบาดเป็นแผลนิดหน่อยนางช่วยรักษาสุดกำลังแล้ว มิเช่นนั้นตามวิชาแพทย์โบราณ ท่านอดีตเสนาบดีคงเป็นได้แค่คนพิการติดเตียงตลอดชีวิตเท่านั้น!“พอแล้ว อย่าพูดเลย ข้าเหนื่อยแล้วพวกเจ้าออกไปเถอะ!”ท่านอดีตเสนาบดีรู้อยู่แก่ใจถึงสภาพตัวเอง แม้เขาไม่รู้ว่าหลิงอวี๋กลายเป็นหมอชั้นเซียนตั้งแต่เมื่อใด แต่ก็ไม่อยากให้หลิงเสียงเซิงทำหลิงอวี๋ยุ่งยากหลิงอวี๋เห็นกำลังวังชาท่านอดีตเสนาบดีไม่ดีพูดเยอะมิได้นางปลอบท่านอดีตเสนาบดีหลายประโยคให้เขาพักผ่อนสบายใจ กล่าวว่าจะมาตรวจดูเขาอีกวันหลังพลันเข็นเซียว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 276

    “หลิงอวี๋ หลิงเสียงเซิงขัดขวางเจ้าทุกทางที่จะช่วยท่านอดีตเสนาบดี เจ้าเคยคิดไหมว่าข้างในมีบางอย่างลึกลับซับซ้อน?”จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็เอ่ยถามหลิงอวี๋ได้ยินคำถามของเซียวหลินเทียนก็ผงะไปครู่หนึ่งในสมองนางยังจมอยู่กับความสงสัยเกี่ยวกับหวางซือพลันโพล่งถามว่า “เพราะเหตุใด?”เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ใจลอยยังนึกว่าเพราะนางเหนื่อยจะแย่แล้ว เลยพูดอย่างอดทน“ก่อนหน้านี้หลิงเสียงเซิงมิยอมให้เจ้ารักษาท่านปู่!”“ก่อนหน้าข้าได้ยินมาว่า หลิงเสียงเซิงหมายจะให้หลิงเยี่ยนเป็นพระชายารองขององค์ชายเว่ย!”“เจ้าโดนไล่ฆ่าครานี้ผู้บงการคือหานหลินที่ปรึกษาขององค์ชายเว่ย!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้วเลิกคิดฟุ้งซ่านตั้งใจตริตรองคำพูดของเซียวหลินเทียน“ความหมายของท่านคือองค์ชายเว่ยมิอยากให้หม่อมฉันรักษาท่านปู่หายถึงขัดขวางทุกทาง ทีแรกก็ส่งมือสังหารหมายปลิดชีพหม่อมฉัน!”“พบว่าฆ่าหม่อมฉันมิได้จึงส่งสัญญาณให้หลิงเสียงเซิงขัดขวางหม่อมฉันเช่นนั้นหรือ?”“อืม ไม่งั้นเป็นลูกชายคนเดียวจะขวางคนที่ช่วยบิดาได้อย่างไร!”เซียวหลินเทียนกำลังคิดว่า ช่วงนี้หลิงอวี๋ยังต้องมารักษาท่านอดีตเสนาบดีที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอยู่ หวั่น

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 277

    หลิงอวี๋ส่ายศีรษะ “หม่อมฉันยังไม่คิดแน่ชัด! แล้วก็ไม่แน่ใจว่าใช่นางแน่หรือไม่!”“เป็นนางก็ไม่แปลกใจ เดาว่ามิชอบที่ท่านอดีตเสนาบดีเอ็นดูหม่อมฉัน ไม่อยากเตรียมสินเดิมให้หม่อมฉันมาก หรือหวั่นหม่อมฉันแย่งหน้าหลิงเยี่ยน…”หลิงอวี๋กำลังคิดก็นึกถึงเรื่องสินเดิมจริง ๆนางจำที่แม่นมลี่เคยพูดถึงได้คลุมเครือ ท่านตาอดีตอัครเสนาบดีหลานมีบุตรีแค่คนเดียวคือมารดาในปีนั้นตอนที่หลานฮุ่ยจวนออกเรือน สินสมรสที่ท่านอดีตอัครเสนาบดีหลานยกให้มากมายนัก!แต่ครั้นหลิงอวี๋ออกเรือน นอกจากสินสมรสที่ท่านอดีตเสนาบดีให้แล้วหลิงเสียงเซิงกับหวางซือแค่ให้สินสมรสของหลานฮุ่ยจวนเล็กน้อยพอเป็นสัญลักษณ์เท่านั้นเพียงแต่ตอนนั้นหลิงอวี๋ไร้กังวล ทั้งรีบออกเรือนกับเซียวหลินเทียนจึงมิได้สนใจว่าหลานฮุ่ยจวนมีสินเดิมมากน้อยเท่าใดกันแน่“รอข้ากลับไปตรวจสอบก็รู้แล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงหลิงผิงพลันถามว่า “ท่านช่วยตรวจสอบได้หรือไม่ว่าหลังหลิงผิงถูกขับออกตำหนักแล้วไปที่ใด?”“นางคือนางรับใช้ที่หวางซือส่งให้หม่อมฉัน บางทีนางอาจรู้เบื้องหลังอยู่บ้าง!”หลิงผิงกับหลิงหลานอยู่ด้วยกันมาหลายปีรู้จักกันดีอย่างไม่ต้องสงสัยขอแต่หาหลิงผิงพบก็

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 278

    แม่นมลี่กล่าวขุ่นเคือง “เรื่องหลิงเยี่ยนทำผิดหวางซือสั่งสอนเคร่งครัด!”“แต่ท่านเล่า นางมิใช่แค่ไม่สั่งสอน ยังปลุกปั่นท่านโวว่าท่านทำดีด้วย!”“คุณหนู ท่านลองดูเถิด ชื่อเสียงมิร่ำเรียนไร้วิชาโอหังกำเริบเสิบสานพวกนั้นแพร่ออกไปได้อย่างไร? นี่มิใช่เป็นฝีมือของหวางซือหรือเจ้าคะ?”“หากหวางซือหวังดีท่านจริง ท่านที่เสมือนลูกสาวโดยกำเนิด นางจักปล่อยให้ท่านย่ำยีชื่อเสียงตัวเองหรือ?”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว นี่คือหวังดีประสงค์ร้าย!หวางซืออ้างว่ารักใคร่ตน ชื่อเสียงอื้อฉาว ใจกล้ามิยั้งคิดที่บ่มเพาะหลิงอวี๋แต่แรกคือการทำลายนางกลาย ๆ!หวางซือให้หลิงผิงวางพิษเรื้อรังตน เพราะมิอยากให้ตนตายอยู่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ยุคนสงสัยหลิงอวี๋ออกเรือนไปตายในเรือนคนอื่น เช่นนั้นผู้ใดจะสงสัยหวางซือเล่า?ชื่อเสียงละม่อมใฝ่คุณธรรมของหวางซือก็จะไม่รับผลกระทบสักกระผีก“คุณหนู มิใช่แค่ท่าน แม้แต่คุณชายใหญ่ก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ!”“คุณชายใหญ่โดนหวางซือยุยง มิชอบร่ำเรียนหนังสือ โดดเรียนเที่ยวเล่นไปทั่วเกือบทุกวันเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ถอนหายใจยาวเหยียด “คุณชายใหญ่ก็ถูกหวางซือเลี้ยงให้โอหังกำเริบเสิบสาน ครั้งหนึ่งโต้เถียงกับ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 279

    “สินเดิมแม่ท่านบ่าวก็ลืมแล้วว่าเท่าใด ตอนแม่ท่านจากไปบ่าวยุ่งเก็บศพนางอยู่ รอจนเสร็จก็หาใบรายการสินเดิมมิเจอแล้วเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลังจากนั้นท่านอดีตเสนาบดีให้พ่อบ้านทำบัญชี กล่าวว่าสินเดิมแม่ท่านจะเก็บไว้ให้พี่น้องพวกท่านในอนาคต!”“ต่อมาพ่อท่านตั้งหวางซือเป็นภรรยาเอก สินเดิมแม่ท่านก็ส่งให้หวางซือจัดการเจ้าค่ะ!”“ครั้นท่านออกเรือน ท่านอดีตเสนาบดีให้หวางซือนำสินเดิมแม่ท่านแบ่งครึ่งแก่ท่าน นางก็แบ่งแล้วเช่นกัน!”“แต่ใครจะรู้ว่าสินเดิมแม่ท่านมีเท่าใดกันแน่? มิใช่หวางซือพูดว่าเท่าใดก็เป็นเท่านั้นเสียหน่อย!”“ท่านอดีตเสนาบดีคือคนสะเพร่า ปกติหวางซือเป็นแม่บ้านในจวนมีความยุติธรรมเป็นประจักษ์ ผู้ใดจะสงสัยว่านางวางกลเล่าเจ้าคะ!”หลิงอวี๋พูดไม่ออก ก่อนหน้าหลิงอวี๋ไม่พะว้าพะวังถึงเสียเปรียบก็ไม่สงสัยหวางซือฉะนั้นหวางซือถึงกล้าหน้าไหว้หลังหลอกมากขนาดนี้!หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่หลิงผิงยุยงหลอกนางไปซื้อกระบี่เลื่องชื่อพวกนั้นหัวใจก็สั่นไหว หรือว่าหวางซือก็มีส่วนร่วมอยู่ภายในนี้?ไม่เช่นนั้นหวางซือจะใจดีแบบนี้ได้อย่างไร แล้วสินเดิมแบ่งครึ่งหนึ่งให้ตนจริงหรือ?หากอุบายเหล่านี้ล้

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1893

    เมื่อครอบครัวของเจี่ยงหัวกลับมาที่เรือ พวกเขาก็พบศพไร้หัวในห้องของเขา มีคราบเลือดยาวบนผนังไม้ของห้องโดยสาร ซึ่งเป็นประโยคที่ถูกสลักด้วยกระบี่อาบเลือด“จุดจบของคนทรยศ!”ครอบครัวของเจี่ยงหัวตกใจกลัวมากจนสละเรือและหนีไปในคืนนั้นพวกเขามิรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลินเทียนมิคิดจะเอาผิดพวกเขา ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และการสังหารเจี่ยงหัวนั้นก็เพียงพอแล้วเซียวหลินเทียนส่งศีรษะของเจี่ยงหัวให้สือหรง ทันใดนั้นสือหรงก็ร้องไห้เศร้าโศกและนำศีรษะของเจี่ยงหัวไปเซ่นให้กับครอบครัวของตนหลังจากนั้น สือหรงก็กระทำการบางอย่าง เขาเขียนจดหมายเลือดเรื่องที่เจี่ยงหัวสมคบคิดกับมหาปราชญ์สังหารเหล่าศิษย์ของตำหนักปีกเงิน และคัดลอกสำเนาไปหลายสิบฉบับภายในคืนเดียววันรุ่งขึ้น ที่ประตูเมืองในพื้นที่นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง แล้วก็มีคนพบศีรษะของเจี่ยงหัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง และยังมีจดหมายเลือดที่สือหรงเป็นคนเขียน ซึ่งเขียนประณามความผิดของเจี่ยงหัวขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็มีจดหมายเลือดมากมายปลิวลงมาจากกำแพงเมืองทันใดนั้นความผิดฐานทรยศอาจารย์และสมคบคิดกับมหาปราชญ์ของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1892

    หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วสารพัดและสังหารผู้คนเป็นผักปลาแต่หลิงอวี๋กลับมิรู้เลยว่ามหาปราชญ์เป็นผู้สั่งให้คนบิดเบือนและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหลังจากที่เขากลับไปถึงเมืองหลวงแดนเทพเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินนั้นคนหนึ่งทำให้มหาปราชญ์ตาบอด และอีกคนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของมหาปราชญ์ มหาปราชญ์จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรหากเขามิแก้แค้น!เขาทำให้เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินเสียชื่อเสียงและทำให้ผู้คนทั่วหล้าลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา ส่วนมหาปราชญ์ใช้โอกาสนี้พักฟื้นและหาโอกาสเหมาะเพื่อช่วงชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคือ กระบี่คุณอู่ของเซียวหลินเทียนอีกครั้งมหาปราชญ์มิได้บอกใครเกี่ยวกับการค้นพบกระบี่อายุนับพันปีเล่มนี้ ด้วยคิดว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของตน จึงมิอยากให้ใครมาแย่งชิงมันไปการแพร่กระจายข่าวลือเป็นหนึ่งในอุบายของมหาปราชญ์ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเซียวหลินเทียนและป้องกันมิให้เขาพบกับเหล่าศิษย์จากตำหนักปีกเงินซึ่งเป็นไปตามคาดว่าข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปยังวงกว้างด้วยความรวดเร็วบรรดาศิษย์ตำหนักปีกเงินบางส่วนที่กระจายอยู่ตามสถาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1891

    ผู้รอบรู้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เมื่อไรกันที่เขาได้รับความเชื่อใจจากใครบางคนมากมายถึงเพียงนี้!หลิงอวี๋พูดไปตามตรง “พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านมิได้ มิใช่ว่าข้ามิไว้ใจท่าน แต่หากพูดไปแล้วมันอาจสร้างปัญหามากมายให้ท่านได้!”“เชื่อใจข้าเถิด สักวันข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง!”ผู้รอบรู้มองตั๋วเงินในมือของตนพลางพูดอย่างใจกว้างว่า “ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง หากเจ้ามิอยากพูดก็มิต้องพูดหรอก พี่ใหญ่เชื่อใจเจ้า!”หลิงอวี๋ถึงกับยอมมอบของมีค่าทั้งหมดให้กับตนเช่นนี้ แม้จะมีความลับปิดบังต่อตนผู้รอบรู้ก็ย่อมยอมรับได้ขอแค่เขาเชื่อใจว่าหลิงอวี๋ไม่มีเจตนาร้ายก็พอแล้วสองพี่น้องพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นที่ฟ้ายังมิสว่าง ผู้รอบรู้ก็รีบรุดไปเช่ารถม้ามาหนึ่งคันโชคดีที่รถม้าเพิ่งส่งผู้โดยสารเพื่อขึ้นเรือไป ผู้รอบรู้จึงได้เช่ารถม้ามาในราคาสิบตำลึงส่วนหลิงอวี๋นั้นเพิ่งตื่น และผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามาเคาะประตูด้วยความลิงโลด “น้องชาย รีบลุกเถิด พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว! รถม้ากำลังรออยู่ข้างนอก”หลิงอวี๋รีบอาบน้ำแต่งตัวและแบกห่อผ้าของตนออกมา ผู้รอบรู้ยัดถุงกระดาษไขใบห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1890

    ผู้รอบรู้พูดมิออกแล้ว หลิงอวี๋มิรู้อะไรเลย แล้วจะจ่ายยาที่ถูกต้องได้อย่างไร!“พี่สิง ข้าอยากรู้มากว่าท่านรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าผู้รอบรู้ลำบากใจ นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”ใบหน้าของผู้รอบรู้กระตุก เขาหันมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง เมื่อก่อนข้าเป็นคนของตำหนักปีกเงิน ข้าเป็นคนของเจี่ยงฮั๋วผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา เมื่อสองปีก่อนข้าทำงานพลาดไป ทำให้เจี่ยงฮั๋วโกรธ เขาจึงไล่ข้าออกจากตำหนักปีกเงิน!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังคิดจะหาโอกาสขอพบท่านเจ้าตำหนักเก่า แล้วกลับไปที่ตำหนักปีกเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตำหนักปีกเงินเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้าตำหนักเก่าป่วยหนักและมิรับงานแล้ว ข้าจึงได้เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตลอดเช่นนี้!”“คนที่ออกมาจากตำหนักปีกเงินล้วนเก่งในการสืบหาข้อมูล แม้ว่าข้าจะออกจากตำหนักปีกเงินไปแล้ว แต่ข้าก็เคยชินกับสัญชาตญาณนี้ ดังนั้นข้าจึงใส่ใจกับข้อมูลแต่ละประเภทมาก อยากจะรู้มากแค่ไหนก็มิยาก!”หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าผู้รอบรู้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังเช่นก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status