เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ของเฝิงโป สีหน้าผ่อนคลายเล็กน้อยคิดครู่หนึ่งพลางหยิบตั๋วเงินร้อยตำลึงส่งให้เขา“งั้นก็ลำบากเจ้าช่วยข้าหานางให้เร็วที่สุดด้วย!”นัยน์ตาเฝิงโปทอประกาย เพิ่งคิดเอื้อมมือไปรับก็ถูกเกิ่งเสี่ยวหาวตีมือหนึ่งฝ่ามือ“ทำงานให้พี่ข้าแล้วยังกล้าเอาผลประโยชน์ วอนตายซะแล้ว!”เฝิงโปรั้งมืออย่างหน้าม่อยคอตกหลิงอวี๋ขยิบตาให้เกิ่งเสี่ยวหาว พลางเอาตั๋วเงินโยนลงบนเตียง“ฮ่องเต้ไม่ปล่อยทหารหิวโหย(1)… ให้เขาเอาเถอะ! ขอแค่เขาช่วยข้าทำงานเต็มที่เขาก็ขาดผลประโยชน์มิได้!”“เฝิงโป ข้ายังมีคำถามถามเจ้า หลิงผิงกับเจ้าวางแผนหลอกเอาเงินข้า แผนพวกนี้ผู้ใดเป็นคนคิดให้นาง?” หลิงอวี๋ถามเฝิงโปมองตั๋วเงินสักครู่พลางขบคิดคำพูดของหลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นเขาพูดเจื่อน ๆ “พระชายาอ๋องอี้ ข้าน้อยล้วนเชื่อฟังคำสั่งหลิงผิงถึงหลอกท่าน! มิใช่เจตนาจริงของข้าน้อยหลอกพระชายาขอรับ!”“เงินพวกนั้นหลิงผิงแบ่งให้ข้านิดเดียว ที่เหลือถูกนางเอาไปหมดแล้วขอรับ!”“ประเด็นคือผู้ใดคิดแผนให้นาง?” หลิงอวี๋ถามอย่างเหลืออด“เจ้าวางใจ ข้าไม่คิดตามเงินพวกนั้นคืน ข้าแค่อยากรู้ว่าผู้ใดกำลังแฝงอยู่ลับหลังข้า!”ครั้นเฝิ
หลิงอวี๋เห็นบุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งลงรถม้าบุรุษวัยสี่สิบกว่าปี สวมเสื้อคลุมยาวสีเทา คุณภาพเสื้อคลุมประณีตละเอียด ฝีมือก็พิถีพิถันมากเช่นกันเขามีส่วนสูงปานกลาง ไว้หนวดทรงรั้งขมวด มีไฝเล็ก ๆ เด่นบนจมูกมีผู้คุ้มกันติดตามอยู่ข้างหลังเขา ดูสูงใหญ่แข็งแรงกำยำ“พวกเจ้าคือผู้ใด? เหตุใดขวางทางเรา?”ครั้นหลิงซวนเห็นสถานการณ์ก็ขวางตรงหน้าหลิงอวี๋ทันที ถามเสียงเฉียบขาด“พระชายาอ๋องอี้ ข้าหาเจ้าเจอง่ายมาก!”บุรุษหัวเราะเหน็บแนม “ข้าคือพ่อบ้านของตระกูลกวน ข้าแซ่เหอ!”“พระชายาอ๋องอี้รับเงินมากมายของตระกูลกวน รับปากไปตรวจโรคนายท่านข้าที่เรือน นี่ก็หลายวันไม่เห็นไปเยือน!”“ท่านเอ้อร์ให้เหอโหม่วมาเชิญพระชายา… พระชายาอ๋องอี้ โปรดขึ้นรถม้าเถิดขอรับ!”คราก่อนหลิงอวี๋เคยถูกคนหลอกอ้างเป็นตระกูลหลี่ว์ ครานี้ก็หลักแหลมขึ้นแล้ว นางหัวเราะเล็กน้อย“พ่อบ้านเหอ วันนี้หลิงอวี่ยังมีธุระไม่มีเวลาไป!”“หลิงอวี๋รับปากเจ้า รุ่งเช้าวันพรุ่งจักไปตรวจโรคนายท่านที่เรือน!”พ่อบ้านเหอหน้าขรึมทันใดพลางพูดเคืองขุ่น “พระชายาอ๋องอี้ เหอโหม่วรับปากท่านเอ้อร์แล้วจักเชิญคนไปแน่นอน โปรดพระชายาอ๋องอี้อย่าทำเหอโหม่วลำบากเล
รถม้ามุ่งหน้าสู่คฤหาสน์กวนหลิงอวี๋พิงกำแพงรถม้าพักผ่อนพลางใส่ใจเส้นทางไปด้วยก่อนหน้านางรู้เกี่ยวกับตระกูลกวนจากปากหลิงซวนตระกูลกวนร่ำรวยเช่นนี้ ลือกันว่าเป็นบรรพบุรุษตระกูลกวนค้นพบเหมืองทองแห่งหนึ่งเหมืองทองแห่งนี้เกื้อหนุนตระกูลกวนเปิดร้านมองหลายที่ทั่วแคว้น ไม่แปลกใจว่าจะร่ำรวยเทียมแคว้นขณะนั้นเองหลิงอวี๋นึกถึงคำพูดอวดดีประโยคนั้นที่กวนอิ่งเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ขอเพียงท่านตบแต่งกับข้า ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลกวนจะเป็นของท่าน!”หลิงอวี๋เคยถามหลิงซวนอย่างใคร่รู้ ตระกูลกวนมีคนแบบใดบ้าง?หลิงซวนก็พูดทุกอย่างที่ตนได้ยินมาให้หลิงอวี๋แล้วนายท่านาตระกูลกวนมีทายาทน้อยนิด ชั่วชีวิตนี้มีบุตรชายเพียงคนเดียวท่านกวนต้าท่านกวนเอ้อร์ที่พูดถึงคือท่านเอ้อร์ของตระกูลกวน ที่จริงแล้วถูกนายท่านกวนรับเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก!ท่านต้าตระกูลกวนคือบุตรชายของนายท่านกวน อีกทั้งมีแค่บุตรคนเดียวด้วย!ท่านกวนต้าผู้นี้ถูกฮูหยินใหญ่กวนรักเอ็นดูมากตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขาไม่มีความสามารถโดดเด่นพิเศษอะไร!แต่ท่านกวนเอ้อร์กลับอยู่ข้างกายนายท่านกวนตั้งแต่เล็กจนโต ติดตามนายท่านกวนขึ้นเหนือล่องใต้ ลือว
พอหลิงอวี๋ได้ยินเสียงกวนอิ่ง ยังคิดไม่ถึงว่านางต้องการทำอะไรตนเสียงแส้ม้าเพียะ เพียะ เพียะ ไม่ขาดสายหลิงอวี๋ได้ยินเสียงม้าร้องฮี้อย่างเจ็บปวด รถม้าโคลงเคลงขึ้นลงหลิงอวี๋ถูกปะทะจนตุปัดตุเป๋นางรีบคว้าขอบหน้าต่างรถไว้มั่นพลางตรึงร่างตนให้คงที่สุดแรงประเดี๋ยวเดียวหลิงอวี๋ก็มองกระจ่างทันที กวนอิ่งมิใช่ต้องการชีวิตตน นางแค่ทำให้ตนอับอายด้วยวิธีเช่นนี้ ให้ตนรับความระทมหากคนตายจะไม่จบ แต่ถ้ากลิ้งไปมาถูกกระแทกจนจ้ำช้ำเขียวเต็มร่างอย่างนี้นี่กวนอิ่งกำลังแสดงอำนาจใส่ตน!หลิงอวี๋ตระหนักรู้จุดนี้ พลางร่างกายร่วงหล่น พลางคิดหาแผนรับมือกวนอิ่งแค่หมายตนอ้อนวอนกันแสงลั่นฟ้าโขกหัวสู่ดินต่อนาง ระบายความขุ่นเคืองจากความอัปยศอดสูในวันนั้น!หลิงอวี๋ไม่สบายใจที่ถูกสั่นสะเทือน นางกำลังฝืนยันก็พลันได้ยินเสียงเรียกคลุมเครือ“คุณหนูใหญ่ คนของท่านอ๋องอี้ไล่ตามมาแล้วขอรับ!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก เซียวหลินเทียนตามมาแล้วนั่นดีนัก!“เฮอะ ตัวข้ากลัวคนง่อยนั่นรึไง?”“นี่คืออาณาบริเวณของตระกูลกวนแล้ว หากเขากล้ามา แม้แต่เขาตัวข้าก็จะเก็บกวาดด้วย!”เมื่อกวนอิ่งนึกถึงวันนั้นที่ขอแต่งงานกับเซียวหลินเที
“กวนอิ่ง ไม่ว่าเจ้าจะมองข้าเช่นไร กวนผิงทำเพื่อตระกูลกวนทั้งสิ้น!”“พระชายาอ๋องอี้เป็นกวนผิงเชิญมา กวนผิงแค่มีหน้าที่รับรองความปลอดภัยของนาง!”ท่านกวนเอ้อร์พูดใจเย็น “เจ้าไม่พอใจอะไรกวนผิงวันหลังค่อยว่ากัน ตอนนี้เชิญพระชายาไปตรวจโรคนายท่านก่อนเถอะ!”“เว้นแต่เจ้ามิหวังให้นายท่านหายป่วย ไม่งั้นก็อย่ามาขัดขวางอีก!”กวนอิ่งเหลือบจ้องท่านกวนเอ้อร์เคียดแค้น หัวเราะเยาะหยันพลางมองรถม้าหยุดลง หลิงอวี๋ยังไม่ทันออกมาหญิงต่ำช้าผู้นี้ถูกกระแทกจนเป็นลมตายในรถม้าแล้วแน่รึ?กวนอิ่งหัวเราะดีอกดีใจ ขณะคิดพาคนของตนไปก่อน เซียวหลินเทียนก็พาคนรุดมาแล้วกวนอิ่งเห็นเซียวหลินเทียนมาแล้ว นางเลยไม่คิดไปอีกหากทำหลิงอวี๋อัปยศต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้ นั่นคงระบายความโกรธนัก!“คุณหนู…”ครั้นหลิงซวนรอรถม้าหยุดลงก็วิ่งไปรถม้าที่หลิงอวี๋นั่งอย่างตะลีตะลานความโกรธเต็มท้องที่นางถูกกลิ้งไปมา หลิงอวี๋เพิ่งจัดเสื้อผ้าหน้าผมเสร็จพลางตีหน้าขรึมจับมือหลิงซวนลงรถม้าพอเห็นกวนอิ่ง หลิงอวี๋ก็พุ่งไปโดยตรง สะบัดมือตบหน้ากวนอิ่งอย่างเหี้ยมเกรียมกวนอิ่งไม่คิดฝันว่าหลิงอวี๋จะตบตนพลางนิ่งงันไปชั่วขณะถึงโถมโจมตีอย่างกร
“กวนอิ่ง อย่าเสียมารยาท!”ท่านกวนเอ้อร์เห็นว่ากวนอิ่งยิ่งพูดก็ยิ่งคุมไม่รู้เรื่อง จึงขัดจังหวะนางด้วยใบหน้านิ่ง“ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”กวนอิ่งไม่สนใจการขัดขวางของท่านกวนเอ้อร์ ไม่สามารถตีหลิงอวี๋ได้ แต่ก็ไม่สามารถอับอายกลับไปได้นี่?นางยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ลุงรองหรือว่าพูดความจริงก็ผิดหรือเจ้าคะ?”“ท่านอ๋องผู้สง่างามศักดิ์ศรียังไม่เท่าพ่อบ้านตระกูลกวน ก็ไม่ต้องเป็นท่านอ๋องแล้ว!”พ่อบ้านเหออยู่ด้านข้างได้ยินเข้าก็ยืดอย่างค่อนข้างภูมิใจ มองไปทางเซียวหลินเทียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามหลิงอวี๋หน้านิ่งกวนอิ่งทำให้ตนเองลำบากก็ยังพอว่า แต่เพราะเซียวหลินเทียนมาที่นี่เพื่อตนเอง นางจะทนเห็นเซียวหลินเทียนถูกทำให้อับอายได้เยี่ยงไร!เซียวหลินเทียนเป็นผู้ชาย และเป็นท่านอ๋องด้วย การโต้เถียงกับนางผู้หนึ่งมันคือการลดตัว!นางเป็นผู้หญิง เรื่องการโต้เถียงปล่อยให้เป็นหน้าที่นางเถิด!“ศักดิ์ศรีของคุณหนูใหญ่กวนหมายถึงมีเงินมากแค่ไหนหรือ?”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “กบในกะลาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก!”“คุณหนูกวน เจ้าลองให้พ่อบ้านเหอไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองหลวงดูสิ!“มาดูกันว่าพ่อบ้านเหอพกเงินหนึ่งแสนแ
ท่านกวนเอ้อร์เห็นกวนอิ่งพาคนของนางออกไปแล้ว เขาก็ก้าวไปโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง“หลานสาวกระหม่อมผู้นี้ถูกเอาใจจนนิสัยเสีย! แซ่กวนรู้ดีว่าหากช่วยนางปกปิดต่อไป ก็ปกปิดความจริงมิได้!”“แซ่กวนจะไม่เอ่ยอันใดอีกต่อไป ขอแค่ท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้เห็นแก่แซ่กวน ช่วยรักษาให้นายท่าน! บุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ แซ่กวนจักจดจำมันไว้ในใจพ่ะย่ะค่ะ!”“วันข้างหน้ามีตรงไหนที่แซ่กวนพอมีประโยชน์ แซ่กวนจักบุกน้ำลุยไฟโดยมิลังเลเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “พระชายาบอกจะรักษาก็ว่าตามนั้น!”ท่านกวนเอ้อร์มองไปทางหลิงอวี๋อย่างคาดหวังหลิงอวี๋เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว ท่านกวนเอ้อร์ผู้นี้ในฐานะลูกบุญธรรมของตระกูลกวน ความห่วงใยที่มีต่อนายท่านยังดูเหมือนคนในตระกูลกวนยิ่งกว่ากวนอิ่งอีก!สำหรับความจริงใจนี้ หลิงอวี๋ก็ไม่อยากทำให้ท่านกวนเอ้อร์ผิดหวังเช่นกันหลิงอวี๋เอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านกวนเอ้อร์พูดเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋จักมิเข้าใจได้เยี่ยงไรเจ้าคะ! เพราะความกตัญญูของท่านกวนเอ้อร์ โรคนี้จึงต้องรักษาให้หาย!”ท่านกวนเอ้อร์ถอนหายใจโล่งอก แล้วมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้งพระชายาอ๋องอี้
กระทั่งถึงเรือนหลัก รถม้าก็หยุด ชายหนุ่มคนหนึ่งกับพ่อบ้านเหอเข้ามาต้อนรับพวกเขาชายหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบปี รูปร่างสูงผอม ผิวขาวเรียบเนียนบนใบหน้าที่ชั่วร้ายและหล่อเหลานั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้คิ้วหนาของเขาก็มีการขยับไปด้วยเช่นกันท่านกวนเอ้อร์ลงจากรถ พอเห็นชายคนนั้น ก็แนะนำให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนรู้จัก“ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ นี่คือหลานชายของกระหม่อม ชื่อกวนซิน!”กวนซินคุณชายใหญ่ตระกูลกวนยิ้ม พลางก้าวไปทักทายพอเป็นพิธี“กวนซินคารวะท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้!”“ท่านทั้งสองมาตรวจท่านปู่ของกระหม่อมได้ กวนซินรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ไม่คอยชอบใบหน้ายิ้มแต่เปลือกนี้ของกวนซินเท่าใด แต่เมื่อเทียบกับกวนอิ่งแล้ว กวนซินดีกว่ามาก!เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นมารยาทกลับคืนท่านกวนเอ้อร์ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เขายื่นมือส่งสัญญาณ “ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ เชิญขอรับ!”พวกหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเดินตามท่านกวนเอ้อร์เข้าไปข้างในเรือนหลักของตระกูลกวนเป็นเรือนใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน หลิงอวี๋เห็นว่าประตูทำจากไม้จินสื่อหนาน แล้วขัดเงาแวววาวเรือนทั้งหลังนั้นยิ่งใหญ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน