“กวนอิ่ง ไม่ว่าเจ้าจะมองข้าเช่นไร กวนผิงทำเพื่อตระกูลกวนทั้งสิ้น!”“พระชายาอ๋องอี้เป็นกวนผิงเชิญมา กวนผิงแค่มีหน้าที่รับรองความปลอดภัยของนาง!”ท่านกวนเอ้อร์พูดใจเย็น “เจ้าไม่พอใจอะไรกวนผิงวันหลังค่อยว่ากัน ตอนนี้เชิญพระชายาไปตรวจโรคนายท่านก่อนเถอะ!”“เว้นแต่เจ้ามิหวังให้นายท่านหายป่วย ไม่งั้นก็อย่ามาขัดขวางอีก!”กวนอิ่งเหลือบจ้องท่านกวนเอ้อร์เคียดแค้น หัวเราะเยาะหยันพลางมองรถม้าหยุดลง หลิงอวี๋ยังไม่ทันออกมาหญิงต่ำช้าผู้นี้ถูกกระแทกจนเป็นลมตายในรถม้าแล้วแน่รึ?กวนอิ่งหัวเราะดีอกดีใจ ขณะคิดพาคนของตนไปก่อน เซียวหลินเทียนก็พาคนรุดมาแล้วกวนอิ่งเห็นเซียวหลินเทียนมาแล้ว นางเลยไม่คิดไปอีกหากทำหลิงอวี๋อัปยศต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้ นั่นคงระบายความโกรธนัก!“คุณหนู…”ครั้นหลิงซวนรอรถม้าหยุดลงก็วิ่งไปรถม้าที่หลิงอวี๋นั่งอย่างตะลีตะลานความโกรธเต็มท้องที่นางถูกกลิ้งไปมา หลิงอวี๋เพิ่งจัดเสื้อผ้าหน้าผมเสร็จพลางตีหน้าขรึมจับมือหลิงซวนลงรถม้าพอเห็นกวนอิ่ง หลิงอวี๋ก็พุ่งไปโดยตรง สะบัดมือตบหน้ากวนอิ่งอย่างเหี้ยมเกรียมกวนอิ่งไม่คิดฝันว่าหลิงอวี๋จะตบตนพลางนิ่งงันไปชั่วขณะถึงโถมโจมตีอย่างกร
“กวนอิ่ง อย่าเสียมารยาท!”ท่านกวนเอ้อร์เห็นว่ากวนอิ่งยิ่งพูดก็ยิ่งคุมไม่รู้เรื่อง จึงขัดจังหวะนางด้วยใบหน้านิ่ง“ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”กวนอิ่งไม่สนใจการขัดขวางของท่านกวนเอ้อร์ ไม่สามารถตีหลิงอวี๋ได้ แต่ก็ไม่สามารถอับอายกลับไปได้นี่?นางยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ลุงรองหรือว่าพูดความจริงก็ผิดหรือเจ้าคะ?”“ท่านอ๋องผู้สง่างามศักดิ์ศรียังไม่เท่าพ่อบ้านตระกูลกวน ก็ไม่ต้องเป็นท่านอ๋องแล้ว!”พ่อบ้านเหออยู่ด้านข้างได้ยินเข้าก็ยืดอย่างค่อนข้างภูมิใจ มองไปทางเซียวหลินเทียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามหลิงอวี๋หน้านิ่งกวนอิ่งทำให้ตนเองลำบากก็ยังพอว่า แต่เพราะเซียวหลินเทียนมาที่นี่เพื่อตนเอง นางจะทนเห็นเซียวหลินเทียนถูกทำให้อับอายได้เยี่ยงไร!เซียวหลินเทียนเป็นผู้ชาย และเป็นท่านอ๋องด้วย การโต้เถียงกับนางผู้หนึ่งมันคือการลดตัว!นางเป็นผู้หญิง เรื่องการโต้เถียงปล่อยให้เป็นหน้าที่นางเถิด!“ศักดิ์ศรีของคุณหนูใหญ่กวนหมายถึงมีเงินมากแค่ไหนหรือ?”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “กบในกะลาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก!”“คุณหนูกวน เจ้าลองให้พ่อบ้านเหอไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองหลวงดูสิ!“มาดูกันว่าพ่อบ้านเหอพกเงินหนึ่งแสนแ
ท่านกวนเอ้อร์เห็นกวนอิ่งพาคนของนางออกไปแล้ว เขาก็ก้าวไปโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง“หลานสาวกระหม่อมผู้นี้ถูกเอาใจจนนิสัยเสีย! แซ่กวนรู้ดีว่าหากช่วยนางปกปิดต่อไป ก็ปกปิดความจริงมิได้!”“แซ่กวนจะไม่เอ่ยอันใดอีกต่อไป ขอแค่ท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้เห็นแก่แซ่กวน ช่วยรักษาให้นายท่าน! บุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ แซ่กวนจักจดจำมันไว้ในใจพ่ะย่ะค่ะ!”“วันข้างหน้ามีตรงไหนที่แซ่กวนพอมีประโยชน์ แซ่กวนจักบุกน้ำลุยไฟโดยมิลังเลเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “พระชายาบอกจะรักษาก็ว่าตามนั้น!”ท่านกวนเอ้อร์มองไปทางหลิงอวี๋อย่างคาดหวังหลิงอวี๋เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว ท่านกวนเอ้อร์ผู้นี้ในฐานะลูกบุญธรรมของตระกูลกวน ความห่วงใยที่มีต่อนายท่านยังดูเหมือนคนในตระกูลกวนยิ่งกว่ากวนอิ่งอีก!สำหรับความจริงใจนี้ หลิงอวี๋ก็ไม่อยากทำให้ท่านกวนเอ้อร์ผิดหวังเช่นกันหลิงอวี๋เอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านกวนเอ้อร์พูดเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋จักมิเข้าใจได้เยี่ยงไรเจ้าคะ! เพราะความกตัญญูของท่านกวนเอ้อร์ โรคนี้จึงต้องรักษาให้หาย!”ท่านกวนเอ้อร์ถอนหายใจโล่งอก แล้วมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้งพระชายาอ๋องอี้
กระทั่งถึงเรือนหลัก รถม้าก็หยุด ชายหนุ่มคนหนึ่งกับพ่อบ้านเหอเข้ามาต้อนรับพวกเขาชายหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบปี รูปร่างสูงผอม ผิวขาวเรียบเนียนบนใบหน้าที่ชั่วร้ายและหล่อเหลานั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้คิ้วหนาของเขาก็มีการขยับไปด้วยเช่นกันท่านกวนเอ้อร์ลงจากรถ พอเห็นชายคนนั้น ก็แนะนำให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนรู้จัก“ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ นี่คือหลานชายของกระหม่อม ชื่อกวนซิน!”กวนซินคุณชายใหญ่ตระกูลกวนยิ้ม พลางก้าวไปทักทายพอเป็นพิธี“กวนซินคารวะท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้!”“ท่านทั้งสองมาตรวจท่านปู่ของกระหม่อมได้ กวนซินรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ไม่คอยชอบใบหน้ายิ้มแต่เปลือกนี้ของกวนซินเท่าใด แต่เมื่อเทียบกับกวนอิ่งแล้ว กวนซินดีกว่ามาก!เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นมารยาทกลับคืนท่านกวนเอ้อร์ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เขายื่นมือส่งสัญญาณ “ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ เชิญขอรับ!”พวกหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเดินตามท่านกวนเอ้อร์เข้าไปข้างในเรือนหลักของตระกูลกวนเป็นเรือนใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน หลิงอวี๋เห็นว่าประตูทำจากไม้จินสื่อหนาน แล้วขัดเงาแวววาวเรือนทั้งหลังนั้นยิ่งใหญ
หลิงอวี๋มิได้ใส่ใจถ้อยคำแสดงอำนาจที่ฮูหยินใหญ่กวนเอ่ย แล้วตามท่านกวนเอ้อร์เข้าไปในห้องภายในห้องกว้างขวางมาก แต่แสงไฟกลับค่อนข้างมืดหลิงอวี๋ปรับแสง ถึงได้เห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงฮูหยินใหญ่กวนมีรูปลักษณ์แบบชนชั้นสูง อาภรณ์และเครื่องประดับล้วนเป็นของดี แม้ว่าใบหน้าจะได้รับการดูแลอย่างดี แต่ก็ยังไม่สามารถหลีกหนีจากการผันผ่านของวันเวลาได้ จึงมีริ้วรอยมากมายเปลือกตาของนางตก ทำให้ดูเหมือนตาสามเหลี่ยม ซึ่งยิ่งทำให้ดูมีอายุมากขึ้น!คนที่อยู่ข้างหญิงชราน่าจะเป็นฮูหยินตระกูลกวนฮูหยินกวนเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ รูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายกับกวนอิ่งนางก็สวมชุดที่ตัดเย็บอย่างดีเช่นกัน ดูจากฝีมือแล้ว ประณีตยิ่งกว่าเรือนหยกอำไพเสียอีกการตัดชุดต้องใช้เงินหลายพันตำลึงเชียวหนา!“พระชายาอ๋องอี้ นี่ฮูหยินใหญ่กวน! นี่คือฮูหยินกวน!”ท่านกวนเอ้อร์เห็นว่าทั้งฮูหยินใหญ่กวนและฮูหยินกวนต่างมิได้ริเริ่มที่จะทักทายหลิงอวี๋ เห็นได้ชัดว่าต้องการแสดงอำนาจต่อพระชายาอ๋องอี้ จึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายเริ่มแนะนำ“ฮูหยินใหญ่กวน… ฮูหยินกวน!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิชอบท่าทีที่ทั้งสองมีต่อนาง แต่ก็มิควรจะเสียมาร
หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พบว่าหญิงชราคนนี้เป็นตัวละครที่ร้ายกาจทีเดียว!คำพูดนี้ของฮูหยินใหญ่กวน ไม่ใช่การหักล้างสิ่งที่ตนเองพูดไปเมื่อครู่หรือ?สำหรับคำพูดจาเสียดสีของฮูหยินใหญ่กวนนั้น หลิงอวี๋ไม่สามารถด่ากลับไปได้ จึงทำได้เพียงแค่เงียบไว้แต่หลิงอวี๋ใช่คนที่จะยอมเงียบอยู่ตลอดที่ไหนกัน?หลิงอวี๋นึกถึงที่กวนอิ่งแสดงอำนาจใส่ตนเองก่อนหน้านี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเชิญให้ตนเองมารักษา แต่กลับไม่ให้ความเคารพตนเองเลย พวกคนที่ชอบมองว่าคนอื่นต่ำพวกนี้ หากไม่ให้นางสั่งสอนเสียหน่อย นางคงคิดว่าตนเองเป็นร้องขอจะไปรักษาเองจริง ๆ!หลิงอวี๋นึกแล้วก็ยิ้มจาง ๆ “ฮูหยินใหญ่หูไม่ดีหรือ? ไม่เป็นไร ข้ารู้เทคนิคการฝังเข็มที่ออกแบบมารักษาอาการหูตึงโดยเฉพาะเลย!”“ข้าจะฝังเข็มให้ฮูหยินใหญ่ รับรองว่าฮูหยินใหญ่จะหูดีตาดีขึ้นมาทันที จะสามารถได้ยินเสียงชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปสิบจั้งก็ตาม!”“หลิงซวน เอาเข็มเงินของข้าออกมา เอาขนาดใหญ่เลยนะ!”หลิงซวนเปิดกล่องยาออกอย่างชาญฉลาดทันที แล้วหยิบเข็มเงินออกมาสองเล่ม!เมื่อฮูหยินใหญ่เห็นเข้า ก็แทบจะกลัวจนหมดสติเข็มเงินของหมอคนอื่นยาวแค่นิ้วเท่า
หลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า เตียงของนายท่านกวนมีขนาดใหญ่มาก กว้างถึงสองเมตรเลยทีเดียวนายท่านกวนนอนหรี่ตาอยู่ ท่าทีกึ่งเป็นกึ่งตายหลิงอวี๋เข้ามาก็รู้สึกก่อนเลย แต่นางไม่รู้สึกว่านายท่านกวนมีตรงไหนที่เจ็บปวดนางมองไปที่รูปร่างหน้าตาของนายท่านกวนก่อนนายท่านกวนรูปร่างสูงมาก แม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียง แต่ก็ยังให้รู้สึกกดดันอย่างมากเขาอายุหกสิบกว่า ผมเป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว เบ้าตาของเขาโบ๋ลึกเพราะโรคร้าย ผิวหนังของเขาเป็นสีเหลืองและมีเงาดำจาง ๆ อยู่“นายท่าน! ข้าชื่อหลิงอวี๋ ท่านได้ยินข้าพูดหรือไม่?”หลิงอวี๋ถามเสียงอ่อนโยน พลางดึงข้อมือของเขาออกมาตรวจชีพจร“ท่านปู่ของข้าพูดมิได้มาครึ่งเดือนแล้ว!”กวนซินยืนอยู่ข้าง ๆ จ้องมองหลิงอวี๋ พลางตอบแทนนายท่านกวนหลิงอวี๋พยักหน้า จับชีพจรแล้วขมวดคิ้วชีพจรของนายท่านปกติมาก แต่ไม่มีโรคหรือการเจ็บปวด แต่กลับอ่อนแอเช่นนี้ นี่มันไม่ปกติ!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังสงสัย ก็รู้สึกว่านายท่านกวน จู่ ๆ ก็บีบมือตนเองแน่นหลิงอวี๋รีบเงยหน้าขึ้น ก็เห็นนายท่านกวนกะพริบตาเร็ว ๆ มาที่ตนเอง จากนั้นก็เป็นท่าทางกึ่งเป็นกึ่งตายอีกจิตใจของหลิงอวี๋วกวน นางแน่ใจว่านายท่านกว
ฮูหยินกวนจำยอมรับความพ่ายแพ้ จ้องมองท่านกวนเอ้อร์ด้วยโทสะนางเอ่ยอย่างมิเต็มใจ "ข้าขออภัย พระชายาอ๋องอี้ เป็นข้าไร้มารยาทแล้ว! ข้าจักทำตามที่ท่านบอก!"หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ ดูเหมือนมิพอใจกับคำขอโทษที่เบาบางเช่นนี้ของฮูหยินกวนกวนซินก็ยิ้มอย่างรวดเร็วพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอย่าถือสาท่านแม่ของข้าเลย พวกเราออกไปกันเถิด!”เขาดึงฮูหยินกวนบังคับนางออกไปขณะที่ท่านกวนเอ้อร์กำลังจะออกไป หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ พลางกระซิบ“ท่านช่วยข้าดูหน่อย… อย่าให้ใครเข้ามาใกล้!”“ข้ารู้สึกว่าอาการป่วยของนายท่าน… มันค่อนข้างแปลก อีกทั้งดูเหมือนนายท่านมีเรื่องจักพูดกับข้าด้วย!”ดวงตาของท่านกวนเอ้อร์จมดิ่งลง หัวใจของเขาสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที หรือว่าความสงสัยของเขาจะเป็นจริง?อาการเจ็บป่วยของนายท่าน ถูกใครแอบวางหมากอะไรหรือไม่?นึกถึงเหตุการณ์ช่วงหลายวันนี้ ท่านกวนเอ้อร์ก็หนักใจ!หรือว่าที่ช่วงนี้กวนซินกับท่านกวนต้าเรียกนักบัญชีจากทั่วแคว้นมาที่เมืองหลวงอย่างโจ่งแจ้งนั้นคือ กำลังตรวจสอบทรัพย์สินของตระกูลกวน!พวกเขามั่นใจว่านายท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน จึงอยากยึดอำนาจทางการเงินทั้งหมดไว้ในมือ...แต่ม