“กวนอิ่ง ไม่ว่าเจ้าจะมองข้าเช่นไร กวนผิงทำเพื่อตระกูลกวนทั้งสิ้น!”“พระชายาอ๋องอี้เป็นกวนผิงเชิญมา กวนผิงแค่มีหน้าที่รับรองความปลอดภัยของนาง!”ท่านกวนเอ้อร์พูดใจเย็น “เจ้าไม่พอใจอะไรกวนผิงวันหลังค่อยว่ากัน ตอนนี้เชิญพระชายาไปตรวจโรคนายท่านก่อนเถอะ!”“เว้นแต่เจ้ามิหวังให้นายท่านหายป่วย ไม่งั้นก็อย่ามาขัดขวางอีก!”กวนอิ่งเหลือบจ้องท่านกวนเอ้อร์เคียดแค้น หัวเราะเยาะหยันพลางมองรถม้าหยุดลง หลิงอวี๋ยังไม่ทันออกมาหญิงต่ำช้าผู้นี้ถูกกระแทกจนเป็นลมตายในรถม้าแล้วแน่รึ?กวนอิ่งหัวเราะดีอกดีใจ ขณะคิดพาคนของตนไปก่อน เซียวหลินเทียนก็พาคนรุดมาแล้วกวนอิ่งเห็นเซียวหลินเทียนมาแล้ว นางเลยไม่คิดไปอีกหากทำหลิงอวี๋อัปยศต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้ นั่นคงระบายความโกรธนัก!“คุณหนู…”ครั้นหลิงซวนรอรถม้าหยุดลงก็วิ่งไปรถม้าที่หลิงอวี๋นั่งอย่างตะลีตะลานความโกรธเต็มท้องที่นางถูกกลิ้งไปมา หลิงอวี๋เพิ่งจัดเสื้อผ้าหน้าผมเสร็จพลางตีหน้าขรึมจับมือหลิงซวนลงรถม้าพอเห็นกวนอิ่ง หลิงอวี๋ก็พุ่งไปโดยตรง สะบัดมือตบหน้ากวนอิ่งอย่างเหี้ยมเกรียมกวนอิ่งไม่คิดฝันว่าหลิงอวี๋จะตบตนพลางนิ่งงันไปชั่วขณะถึงโถมโจมตีอย่างกร
“กวนอิ่ง อย่าเสียมารยาท!”ท่านกวนเอ้อร์เห็นว่ากวนอิ่งยิ่งพูดก็ยิ่งคุมไม่รู้เรื่อง จึงขัดจังหวะนางด้วยใบหน้านิ่ง“ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”กวนอิ่งไม่สนใจการขัดขวางของท่านกวนเอ้อร์ ไม่สามารถตีหลิงอวี๋ได้ แต่ก็ไม่สามารถอับอายกลับไปได้นี่?นางยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ลุงรองหรือว่าพูดความจริงก็ผิดหรือเจ้าคะ?”“ท่านอ๋องผู้สง่างามศักดิ์ศรียังไม่เท่าพ่อบ้านตระกูลกวน ก็ไม่ต้องเป็นท่านอ๋องแล้ว!”พ่อบ้านเหออยู่ด้านข้างได้ยินเข้าก็ยืดอย่างค่อนข้างภูมิใจ มองไปทางเซียวหลินเทียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามหลิงอวี๋หน้านิ่งกวนอิ่งทำให้ตนเองลำบากก็ยังพอว่า แต่เพราะเซียวหลินเทียนมาที่นี่เพื่อตนเอง นางจะทนเห็นเซียวหลินเทียนถูกทำให้อับอายได้เยี่ยงไร!เซียวหลินเทียนเป็นผู้ชาย และเป็นท่านอ๋องด้วย การโต้เถียงกับนางผู้หนึ่งมันคือการลดตัว!นางเป็นผู้หญิง เรื่องการโต้เถียงปล่อยให้เป็นหน้าที่นางเถิด!“ศักดิ์ศรีของคุณหนูใหญ่กวนหมายถึงมีเงินมากแค่ไหนหรือ?”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “กบในกะลาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก!”“คุณหนูกวน เจ้าลองให้พ่อบ้านเหอไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองหลวงดูสิ!“มาดูกันว่าพ่อบ้านเหอพกเงินหนึ่งแสนแ
ท่านกวนเอ้อร์เห็นกวนอิ่งพาคนของนางออกไปแล้ว เขาก็ก้าวไปโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง“หลานสาวกระหม่อมผู้นี้ถูกเอาใจจนนิสัยเสีย! แซ่กวนรู้ดีว่าหากช่วยนางปกปิดต่อไป ก็ปกปิดความจริงมิได้!”“แซ่กวนจะไม่เอ่ยอันใดอีกต่อไป ขอแค่ท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้เห็นแก่แซ่กวน ช่วยรักษาให้นายท่าน! บุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ แซ่กวนจักจดจำมันไว้ในใจพ่ะย่ะค่ะ!”“วันข้างหน้ามีตรงไหนที่แซ่กวนพอมีประโยชน์ แซ่กวนจักบุกน้ำลุยไฟโดยมิลังเลเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “พระชายาบอกจะรักษาก็ว่าตามนั้น!”ท่านกวนเอ้อร์มองไปทางหลิงอวี๋อย่างคาดหวังหลิงอวี๋เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว ท่านกวนเอ้อร์ผู้นี้ในฐานะลูกบุญธรรมของตระกูลกวน ความห่วงใยที่มีต่อนายท่านยังดูเหมือนคนในตระกูลกวนยิ่งกว่ากวนอิ่งอีก!สำหรับความจริงใจนี้ หลิงอวี๋ก็ไม่อยากทำให้ท่านกวนเอ้อร์ผิดหวังเช่นกันหลิงอวี๋เอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านกวนเอ้อร์พูดเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋จักมิเข้าใจได้เยี่ยงไรเจ้าคะ! เพราะความกตัญญูของท่านกวนเอ้อร์ โรคนี้จึงต้องรักษาให้หาย!”ท่านกวนเอ้อร์ถอนหายใจโล่งอก แล้วมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้งพระชายาอ๋องอี้
กระทั่งถึงเรือนหลัก รถม้าก็หยุด ชายหนุ่มคนหนึ่งกับพ่อบ้านเหอเข้ามาต้อนรับพวกเขาชายหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบปี รูปร่างสูงผอม ผิวขาวเรียบเนียนบนใบหน้าที่ชั่วร้ายและหล่อเหลานั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้คิ้วหนาของเขาก็มีการขยับไปด้วยเช่นกันท่านกวนเอ้อร์ลงจากรถ พอเห็นชายคนนั้น ก็แนะนำให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนรู้จัก“ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ นี่คือหลานชายของกระหม่อม ชื่อกวนซิน!”กวนซินคุณชายใหญ่ตระกูลกวนยิ้ม พลางก้าวไปทักทายพอเป็นพิธี“กวนซินคารวะท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้!”“ท่านทั้งสองมาตรวจท่านปู่ของกระหม่อมได้ กวนซินรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ไม่คอยชอบใบหน้ายิ้มแต่เปลือกนี้ของกวนซินเท่าใด แต่เมื่อเทียบกับกวนอิ่งแล้ว กวนซินดีกว่ามาก!เธอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นมารยาทกลับคืนท่านกวนเอ้อร์ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เขายื่นมือส่งสัญญาณ “ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ เชิญขอรับ!”พวกหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเดินตามท่านกวนเอ้อร์เข้าไปข้างในเรือนหลักของตระกูลกวนเป็นเรือนใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน หลิงอวี๋เห็นว่าประตูทำจากไม้จินสื่อหนาน แล้วขัดเงาแวววาวเรือนทั้งหลังนั้นยิ่งใหญ
หลิงอวี๋มิได้ใส่ใจถ้อยคำแสดงอำนาจที่ฮูหยินใหญ่กวนเอ่ย แล้วตามท่านกวนเอ้อร์เข้าไปในห้องภายในห้องกว้างขวางมาก แต่แสงไฟกลับค่อนข้างมืดหลิงอวี๋ปรับแสง ถึงได้เห็นหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงฮูหยินใหญ่กวนมีรูปลักษณ์แบบชนชั้นสูง อาภรณ์และเครื่องประดับล้วนเป็นของดี แม้ว่าใบหน้าจะได้รับการดูแลอย่างดี แต่ก็ยังไม่สามารถหลีกหนีจากการผันผ่านของวันเวลาได้ จึงมีริ้วรอยมากมายเปลือกตาของนางตก ทำให้ดูเหมือนตาสามเหลี่ยม ซึ่งยิ่งทำให้ดูมีอายุมากขึ้น!คนที่อยู่ข้างหญิงชราน่าจะเป็นฮูหยินตระกูลกวนฮูหยินกวนเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ รูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายกับกวนอิ่งนางก็สวมชุดที่ตัดเย็บอย่างดีเช่นกัน ดูจากฝีมือแล้ว ประณีตยิ่งกว่าเรือนหยกอำไพเสียอีกการตัดชุดต้องใช้เงินหลายพันตำลึงเชียวหนา!“พระชายาอ๋องอี้ นี่ฮูหยินใหญ่กวน! นี่คือฮูหยินกวน!”ท่านกวนเอ้อร์เห็นว่าทั้งฮูหยินใหญ่กวนและฮูหยินกวนต่างมิได้ริเริ่มที่จะทักทายหลิงอวี๋ เห็นได้ชัดว่าต้องการแสดงอำนาจต่อพระชายาอ๋องอี้ จึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายเริ่มแนะนำ“ฮูหยินใหญ่กวน… ฮูหยินกวน!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิชอบท่าทีที่ทั้งสองมีต่อนาง แต่ก็มิควรจะเสียมาร
หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พบว่าหญิงชราคนนี้เป็นตัวละครที่ร้ายกาจทีเดียว!คำพูดนี้ของฮูหยินใหญ่กวน ไม่ใช่การหักล้างสิ่งที่ตนเองพูดไปเมื่อครู่หรือ?สำหรับคำพูดจาเสียดสีของฮูหยินใหญ่กวนนั้น หลิงอวี๋ไม่สามารถด่ากลับไปได้ จึงทำได้เพียงแค่เงียบไว้แต่หลิงอวี๋ใช่คนที่จะยอมเงียบอยู่ตลอดที่ไหนกัน?หลิงอวี๋นึกถึงที่กวนอิ่งแสดงอำนาจใส่ตนเองก่อนหน้านี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเชิญให้ตนเองมารักษา แต่กลับไม่ให้ความเคารพตนเองเลย พวกคนที่ชอบมองว่าคนอื่นต่ำพวกนี้ หากไม่ให้นางสั่งสอนเสียหน่อย นางคงคิดว่าตนเองเป็นร้องขอจะไปรักษาเองจริง ๆ!หลิงอวี๋นึกแล้วก็ยิ้มจาง ๆ “ฮูหยินใหญ่หูไม่ดีหรือ? ไม่เป็นไร ข้ารู้เทคนิคการฝังเข็มที่ออกแบบมารักษาอาการหูตึงโดยเฉพาะเลย!”“ข้าจะฝังเข็มให้ฮูหยินใหญ่ รับรองว่าฮูหยินใหญ่จะหูดีตาดีขึ้นมาทันที จะสามารถได้ยินเสียงชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปสิบจั้งก็ตาม!”“หลิงซวน เอาเข็มเงินของข้าออกมา เอาขนาดใหญ่เลยนะ!”หลิงซวนเปิดกล่องยาออกอย่างชาญฉลาดทันที แล้วหยิบเข็มเงินออกมาสองเล่ม!เมื่อฮูหยินใหญ่เห็นเข้า ก็แทบจะกลัวจนหมดสติเข็มเงินของหมอคนอื่นยาวแค่นิ้วเท่า
หลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า เตียงของนายท่านกวนมีขนาดใหญ่มาก กว้างถึงสองเมตรเลยทีเดียวนายท่านกวนนอนหรี่ตาอยู่ ท่าทีกึ่งเป็นกึ่งตายหลิงอวี๋เข้ามาก็รู้สึกก่อนเลย แต่นางไม่รู้สึกว่านายท่านกวนมีตรงไหนที่เจ็บปวดนางมองไปที่รูปร่างหน้าตาของนายท่านกวนก่อนนายท่านกวนรูปร่างสูงมาก แม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียง แต่ก็ยังให้รู้สึกกดดันอย่างมากเขาอายุหกสิบกว่า ผมเป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว เบ้าตาของเขาโบ๋ลึกเพราะโรคร้าย ผิวหนังของเขาเป็นสีเหลืองและมีเงาดำจาง ๆ อยู่“นายท่าน! ข้าชื่อหลิงอวี๋ ท่านได้ยินข้าพูดหรือไม่?”หลิงอวี๋ถามเสียงอ่อนโยน พลางดึงข้อมือของเขาออกมาตรวจชีพจร“ท่านปู่ของข้าพูดมิได้มาครึ่งเดือนแล้ว!”กวนซินยืนอยู่ข้าง ๆ จ้องมองหลิงอวี๋ พลางตอบแทนนายท่านกวนหลิงอวี๋พยักหน้า จับชีพจรแล้วขมวดคิ้วชีพจรของนายท่านปกติมาก แต่ไม่มีโรคหรือการเจ็บปวด แต่กลับอ่อนแอเช่นนี้ นี่มันไม่ปกติ!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังสงสัย ก็รู้สึกว่านายท่านกวน จู่ ๆ ก็บีบมือตนเองแน่นหลิงอวี๋รีบเงยหน้าขึ้น ก็เห็นนายท่านกวนกะพริบตาเร็ว ๆ มาที่ตนเอง จากนั้นก็เป็นท่าทางกึ่งเป็นกึ่งตายอีกจิตใจของหลิงอวี๋วกวน นางแน่ใจว่านายท่านกว
ฮูหยินกวนจำยอมรับความพ่ายแพ้ จ้องมองท่านกวนเอ้อร์ด้วยโทสะนางเอ่ยอย่างมิเต็มใจ "ข้าขออภัย พระชายาอ๋องอี้ เป็นข้าไร้มารยาทแล้ว! ข้าจักทำตามที่ท่านบอก!"หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ ดูเหมือนมิพอใจกับคำขอโทษที่เบาบางเช่นนี้ของฮูหยินกวนกวนซินก็ยิ้มอย่างรวดเร็วพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอย่าถือสาท่านแม่ของข้าเลย พวกเราออกไปกันเถิด!”เขาดึงฮูหยินกวนบังคับนางออกไปขณะที่ท่านกวนเอ้อร์กำลังจะออกไป หลิงอวี๋ก็รั้งเขาไว้ พลางกระซิบ“ท่านช่วยข้าดูหน่อย… อย่าให้ใครเข้ามาใกล้!”“ข้ารู้สึกว่าอาการป่วยของนายท่าน… มันค่อนข้างแปลก อีกทั้งดูเหมือนนายท่านมีเรื่องจักพูดกับข้าด้วย!”ดวงตาของท่านกวนเอ้อร์จมดิ่งลง หัวใจของเขาสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที หรือว่าความสงสัยของเขาจะเป็นจริง?อาการเจ็บป่วยของนายท่าน ถูกใครแอบวางหมากอะไรหรือไม่?นึกถึงเหตุการณ์ช่วงหลายวันนี้ ท่านกวนเอ้อร์ก็หนักใจ!หรือว่าที่ช่วงนี้กวนซินกับท่านกวนต้าเรียกนักบัญชีจากทั่วแคว้นมาที่เมืองหลวงอย่างโจ่งแจ้งนั้นคือ กำลังตรวจสอบทรัพย์สินของตระกูลกวน!พวกเขามั่นใจว่านายท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน จึงอยากยึดอำนาจทางการเงินทั้งหมดไว้ในมือ...แต่ม
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก