หลิงอวี๋มิใช่แม่พระ ผู้ป่วยที่ต้องช่วยเหลือในใต้หล้ามีตั้งมาก นางมิสามารถช่วยเหลือทุกคนได้ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องไปแคว้นกันกู่ที่อยู่ไกลถึงเพียงนั้นอีก!แต่ท่านหญิงใหญ่จะยอมแพ้หรือ?หากประมุขแคว้นกันกู่ป่วยหนักจริง ๆ อีกทั้งท่านหญิงใหญ่ก็เป็นลูกกตัญญู นางไม่มีทางยอมแพ้กับคำปฏิเสธนี้ของเซียวหลินเทียนแน่เมื่อนึกถึงที่หานอวี๋บอกว่า ท่านหญิงใหญ่เป็นสตรีที่ดูมีพลังมาก หลิงอวี๋ก็ให้ความสำคัญกับท่านหญิงใหญ่ผู้นี้เป็นพิเศษเดิมทีหลิงอวี๋ยังคิดว่าอีกสองวันจึงจะได้พบกับฮูเหยียนเสวี่ยที่งานเลี้ยงไหนเลยจะคิดว่า วันรุ่งขึ้นยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะว่าราชกิจเสร็จ ป้ายอวยพรของฮูเหยียนเสวี่ยก็ส่งมาที่พระตำหนักคุนหนิงแล้ว“ฮองเฮาเพคะ หากท่านมิทรงต้องการพบ บ่าวจะไปปฏิเสธนางให้เพคะ!”หลิงซวนเอ่ยอย่างเอาใจใส่“เหตุใดจะมิพบเล่า?”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เชิญนางเข้ามาเถิด!”ฮูเหยียนเสวี่ยเข้ามาคารวะตนที่ตำหนักอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นางหลิงอวี๋ก็ต้องพบเสียหน่อย เหตุใดจะต้องหลบซ่อนเล่า!หลิงอวี๋เปลี่ยนเป็นชุดเรียบง่านแล้วไปพบฮูเหยียนเสวี่ยที่โถงกลางฮูเหยียนเสวี่ยพานางรับใช้มาเพียงสองคน ตอนที่นางเข
สีหน้าของหลิงอวี๋เรียบเฉยลงฮูเหยียนเสวี่ยผู้นี้ ตนเห็นแก่ที่พ่อของนางป่วยและเห็นใจอารมณ์ของนาง จึงพูดกับนางดี ๆแต่นางทำเหมือนตนเป็นแค่คนทั่วไปจริง ๆ ทั้งยังกล้ากล่าวโทษตนอีก!หลิงอวี๋นึกถึงอีกเป้าหมายหนึ่งที่แคว้นเล็ก ๆ เหล่านี้มาประชุมกันในครานี้ นั่นก็คือหยั่งเชิงความสามารถของเซียวหลินเทียนหากวันนี้ตนมิจัดการฮูเหยียนเสวี่ยผู้นี้ เช่นนั้นจะมิเป็นการทำให้เซียวหลินเทียนเสียหน้าหรือ?“เพล้ง!”หลิงอวี๋สะบัดมือแล้วถ้วยชาก็บินไปตกอยู่ตรงเท้าของฮูเหยียนเสวี่ย“ฮูเหยียนเสวี่ย เจ้าช่างกล้าหาญนัก กล้าบ่นโวยวายต่อหน้าข้า!”“เจ้าเห็นที่นี่เป็นอะไร?”หลิงอวี๋ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “อะไรคือที่เจ้าบอกว่ากันกู่ของเจ้ามอบบรรณาการมาให้ฉินตะวันตกทุกปี สิบปีมิเคยขาด? เจ้าคิดว่านี่คือความภาคภูมิใจของเจ้าในฐานะคนกันกู่หรือ?” “เจ้ามิเคยเรียนประวัติศาสตร์ของกันกู่หรือ? ตอนนั้นกันกู่ของเจ้าถูกแคว้นเพื่อนบ้านตีพ่าย ชนเผ่าเหลืออยู่เพียงหนึ่งพันกว่าคน สตรีและเด็กถูกทหารแคว้นเพื่อนบ้านทำลายอย่างโหดเหี้ยม!”“ปู่ของเจ้าเป็นดังสุนัขไร้บ้าน ร้องขอความช่วยเหลือไปทั่วทุกที่ สุดท้ายก็มาขอที่แทบเท้าของฉินตะ
ตุ้บ…ฮูเหยียนเสวี่ยคุกเข่าลง คำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้นางตกใจจนหน้าซีด“ฝ่าบาท ทำเช่นนี้มิได้เพคะ...”“ข้ามิสามารถทำเช่นไรได้?”เซียวหลินเทียนเอ่ยตัดบทนางด้วยเสียงแข็ง “สองแคว้นมีสัมพันธ์ต่อกันจะมิสังหารทูตที่มาเจรจา ข้าให้เวลาเจ้าออกไปแล้ว!”“ฮูเหยียนเสวี่ย หากเจ้ากล้าพูดจาโอหังอีก ข้าจะสั่งประหารเจ้าทันที กันกู่ของเจ้าก็ทำได้เพียงรับไปอย่างว่าง่ายเท่านั้น!”ฮูเหยียนเสวี่ยทั้งร้อนใจทั้งโกรธ เซียวหลินเทียนมิได้พูดเกินจริง กันกู่เมื่อเทียบกับฉินตะวันตกก็เป็นเพียงเด็กที่เล่นกับผู้ใหญ่เท่านั้นเซียวหลินเทียนแค่ส่งทหารไปสองหมื่นนายก็สามารถทำให้กันกู่แพ้ราบคาบได้แล้วหากเซียวหลินเทียนสังหารนาง กันกู่ก็มิกล้าเอาความนางมิสามารถทำให้ท่านพ่อและครอบครัวเดือดร้อนเพราะความผิดของตนได้ในช่วงนี้ฮูเหยียนเสวี่ยจัดการเรื่องการบ้านการเมืองแทนท่านพ่อ เคยชินกับการสั่งจากตำแหน่งที่สูงแล้ว ความรู้สึกเหนือกว่าที่มีอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้นางเสียตัวตนไปถึงขั้นตำหนิหลิงอวี๋ดังเช่นที่ทำกับเหล่าขุนนางใต้บังคับบัญชาไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋มิได้อ่อนโยนดังที่เห็นภายนอก เมื่อโหดเหี้ยมขึ้นมาก็เยือกเย
ในส่วนการตัดสินใจของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋มิอยากเข้าไปแทรก แม้ว่าในใจจะค่อนข้างเห็นใจราษฎรกันกู่ แต่นี่คือสิ่งที่ฮูเหยียนเสวี่ยสร้างขึ้นเองใต้หล้านี้ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง หากไร้การคุ้มครองจากฉินตะวันตก กันกู่ก็คงดำรงอยู่มิได้และหลายปีมานี้ฉินตะวันตกเองมิได้รับบรรณาการของกันกู่มาเปล่า ๆ พวกเขาเองก็ต้องจ่ายเช่นกันเมื่อกันกู่ลำบาก ฉินตะวันตกล้วนตอบสนองต่อคำร้องขอความช่วยเหลือและไปสนับสนุนเสมอแต่สิ่งนี้มิได้รับคำขอบคุณจากกันกู่ ทั้งยังทำให้ฮูเหยียนเสวี่ยคิดว่าที่พวกเขาช่วยเป็นสิ่งที่ควรทำอีกด้วย!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเซียวหลินเทียนต้องเสียสละทหารของตนไปเพื่อแคว้นเล็ก ๆ ที่ไร้ความภักดีต่อตนด้วยเล่า!ฮูเหยียนเสวี่ยรู้สึกคับข้องใจ เช่นนั้นก็ให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเถิด!ฮูเหยียนเสวี่ยถูกทหารกองทัพหลวงเอาตัวออกจากวังหลวง หลังจากที่นางผิดหวังอยู่ครู่หนึ่งก็เก็บความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความแค้นฝังลึก!ทุกอย่างเป็นเพราะหลิงอวี๋คนเลวนั่น ทำให้ตนถูกบีบไปสู่สถานการณ์สิ้นหวังนางไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้แน่!ใต้หล้านี้มิได้มีเพียงฉินตะวันตกที่เป็นแคว้นที่แข็งแก
ข่าวลือที่แพร่ออกไปกะทันหันเหล่านั้นมาถึงหูของหลิงอวี๋ ทีแรกนางมิได้สนใจ ตนอยู่ในตำแหน่งสูง มีคนจำนวนมากมิเชื่อมั่นเรื่องคัดเลือกสนมก่อนหน้านี้ถูกเซียวหลินเทียนปฏิเสธไป พวกคนที่อยากส่งลูกสาวเข้ามาในวังก็ย่อมมิพอใจอยู่แล้วดังนั้นจึงอยากจะอาศัยเรื่องของหลิงเสียงกังมาใส่ความตนคนบริสุทธิ์มิต้องทำสิ่งใดก็จะเห็นเองว่าบริสุทธิ์ นางรู้สึกว่าขอเพียงคนของตนรู้ว่าตนมีจิตใจดีก็เพียงพอแล้วแต่เหล่าขุนนางกลับมิได้เห็นเช่นนั้น ข่าวมิดีมากมายถูกปล่อยออกไปเช่นนี้ ฮองเฮาผู้มีศีลธรรมเสื่อมเสียจะเป็นมารดาแห่งแว่นแคว้นได้อย่างไร!พวกผู้ตรวจการเป็นผู้นำฟ้องร้องหลิงอวี๋ และเกลี้ยกล่อมให้เซียวหลินเทียนถอดถอนฮองเฮาจากนั้นขุนนางของพวกจ้าวฮุยก็พากันยื่นสาส์นกราบทูลฟ้องร้องหลิงอวี๋ เป้าหมายก็คือต้องการถอดถอนฮองเฮาเช่นกันเพียงแค่สองวัน สาส์นกราบทูลฟ้องร้องหลิงอวี๋ก็กองเต็มโต๊ะของเซียวหลินเทียนแล้วเซียวหลินเทียนอ่านไปเพียงมิกี่อันก็โกรธมาก เรื่องบุญคุณความแค้นของหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังนั้นเขารู้ดี ขุนนางเหล่านี้มิรู้สิ่งใดเลยกลับกล้ามาใส่ร้ายหลิงอวี๋เช่นนี้เซียวหลินเทียนให้จ้าวซวนไปหาหลิงเสียงกัง อย
เมื่อครู่ชั่วพริบตาหลิงอวี๋เห็นสายตาโกรธแค้นของนางซุนที่มีต่อตน นางจึงรู้สึกมิค่อยสบายใจแต่เมื่อคิดว่าเมื่อก่อนป้าสะใภ้ใหญ่ดีต่อตน หลิงอวี๋ก็มิได้คิดเล็กคิดน้อยกับนาง“ป้าสะใภ้ใหญ่ หากท่านรู้สึกว่าการที่ข้าไล่ท่านลุงออกไปมันมิดีต่อเขา ท่านก็เรียกเขากลับมาเถิด!”หลิงอวี๋ตัดสินใจว่าต่อไปจะมิยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องสามีภรรยาของลุงกับป้าแล้ว จึงเอ่ยออกไป“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยทีหลังเถิด!”นางซุนเอ่ยพอเป็นพิธีทั้งสองคนเดินไปคุยไปจนไปถึงหน้าประตูตำหนักกระดิ่งทองขันทีเหอเห็นก็รีบเข้าไปรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนจัดการเรื่องบ้านเมืองไปพอประมาณแล้ว จึงชี้ที่สาส์นกราบทูลบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับขุนนางทั้งหมด“สาส์นกราบทูลที่ขุนนางทั้งหลายฟ้องร้องฮองเฮามาข้าได้อ่านหมดแล้ว เช้านี้จะตอบในคราวเดียว”“สิ่งที่เหล่าขุนนางเป็นห่วงที่สุดก็คือ เรื่องที่ฮองเฮาแย่งชิงทรัพย์สินจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเพื่อพ่อและเรื่องที่รังแกหลิงเสียงกังกับภรรยา วันนี้ข้าตั้งใจเชิญนางซุนฮูหยินหลิงผู้อยู่ในเหตุการณ์มาเล่าสถานการณ์ให้ชัดเจน!”“ฮองเฮาและนางซุนเข้าตำหนัก!”หลิงอวี๋กับนางซุนได้ยินเสียงเรียกก็เข้าไปตำหน
คำพูดของนางซุนทำให้เกิดความโกลาหลในราชสำนักทันทีมีคนตะโกนขึ้นมาอย่างมิอยากจะเชื่อ “หกแสน? รักษาอาการปวดหัวต้องให้เงินมากเกินความเป็นจริงเช่นนี้เชียวหรือ! เช่นนั้นในเมืองหลวงนี้ใครจะมีปัญญาไปหาหมอ!”“ฮองเฮาช่างมีวิธีการในการหาเงินเพิ่มโดยแท้!” มีคนเหยียดหยามออกมาอย่างมิหวังดี“หลิงเสียงกังเป็นท่านลุงของพระนาง ยังใจดำเรียกเงินถึงเพียงนี้ เช่นนั้นคนอื่นก็มิอยากจะคิดเลย!”“ข้าว่าพวกเรามิต้องเป็นขุนนางแล้ว ไปเรียนแพทย์กันดีกว่า ที่แท้การตรวจผู้ป่วยคนหนึ่งก็ได้เงินมากกว่าว่าพวกเราทำงานตลอดชีวิตเสียอีก!”สีหน้าของเซียวหลินเทียนเรียบเฉยไปทันที นางมิอาจเชื่อได้ว่านางซุนจะเป็นคนเช่นนี้ ที่กล้าพูดจาเหลวไหลใส่ร้ายหลิงอวี๋ตนคิดว่านางซุนเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของหลิงอวี๋ ดีกับหลิงอวี๋มาโดยตลอด จึงตั้งใจเชิญนางมาที่ราชสำนักเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหลิงอวี๋ไหนเลยจะคิดว่าจะเชิญคนที่กดหลิงอวี๋อย่างหนักที่สุดมา!“ปัง!”เซียวหลินเทียนตบโต๊ะอย่างทนมิไหวพลางตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “นางซุน เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดสิ่งใด?”“นี่เจ้ากำลังใส่ร้ายฮองเฮาอยู่นะ!”นางซุนหมอบลงกับพื้นพลางเอ่ยเสียงสั่น “ฝ่าบา
ใจของหลิงอวี๋เย็นเยียบราวกับตกลงในถังน้ำแข็งหากแม้แต่คนที่เห็นใจท่านแม่ยังมิสามารถเชื่อใจได้ เช่นนั้นยังจะสามารถเชื่อผู้ใดได้อีกกัน?“อาอวี๋...”เดินไปถึงริมสระน้ำ เซียวหลินเทียนเห็นว่าสายตาของหลิงอวี๋ว่างเปล่าก็ทนมิไหวแล้วจริง ๆ จึงดึงนางให้หยุดมือทั้งสองของเขาประคองที่ใบหน้าของนางให้นางมองตนเอาไว้“นางซุนมิคู่ควรให้เจ้าต้องเศร้าหมองเพราะนางเช่นนี้!”“เจ้าอย่าได้กลัว! แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะหันหลังให้เจ้า ข้าก็จะยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างแน่วแน่ ข้าจะคอยป้องกันลมป้องกันฝนให้เจ้าเอง!”เซียวหลินเทียนออกแรงเขย่าหลิงอวี๋ ดวงตาคู่สวยของหลิงอวี๋สะท้อนใบหน้ารูปงามของเซียวหลินเทียนออกมานางก็มองเซียวหลินเทียนอยู่นิ่ง ๆ เช่นกัน นี่คือประโยคที่เซียวหลินเทียนพูดได้น่าฟังที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกันมา!นางสามารถเชื่อได้หรือไม่?หลิงอวี๋เอ่ยพึมพำ “หม่อมฉันยังมีท่าน?”“ใช่ เจ้ายังมีข้า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดรังแกเจ้า แม้แต่นางซุนก็มิได้!”“ข้าเป็นจักรพรรดิ หากแม้แต่การปกป้องเจ้ายังทำมิได้ เช่นนั้นการนั่งในตำแหน่งนี้จะมีความหมายอะไร!”“อาอวี๋ เรื่องนี้เจ้ามิต
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ
เซียวหลินเทียนอยู่บนแท่นสูงเห็นผลิตภัณฑ์นมเหล่านั้นถูกทุกคนลิ้มลองไปอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากของเขาก็ปรากฏความเยาะเย้ยต่อหมู่บ้านที่ค้านการเลี้ยงวัวนมเหล่านั้น เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงตอนแรก หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวสร้างโรงงานยาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินจนทำให้ชาวบ้านท้องถิ่งนั้นร่ำรวยกันขึ้นมา!แต่องค์หญิงหกต้องการจะแย่งโรงงานยาของหลิงอวี๋ จึงซื้อโรงงานยาด้วยราคาที่สูง เกิ่งเสี่ยวหาวโกรธมากก็เลยย้ายโรงงานยาไปที่หมู่บ้านอื่น!หลิงอวี๋กับตนพยายามคิดทุกทางเพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และคิดที่จะช่วยให้ชาวบ้านท้องถิ่นให้ร่ำรวยขึ้น ในเมื่อพวกเขามิเห็นค่าก็มองหมู่บ้านอื่นร่ำรวยด้วยความอิจฉาตาร้อนไปเสียเถิด!กฎหมายมิได้รับผิดชอบต่อทุกคน เมื่อเทียบกับการลงโทษชาวบ้านเหล่านี้ เซียวหลินเทียนคิดว่าการลงโทษที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้พวกเขาได้มองการสูญเสียความร่ำรวยนั้นไป...ฉินซานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเดินตามงานเลี้ยงและแจกใบประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้น ประกาศว่าผลิตภัณฑ์นมจะนำพาผลกำไรทางเศรษฐกิจมาให้เทียบกับการโฆษณาปากเปล่าแล้ว การมีผลิตภัณฑ์นมจำนวนมากวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ทุกคนทั้งได้ลิ
การผ่าตัดเปิดกะโหลก นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันปีของเมืองหลวง!หลิงเสียงกังเลือดท่วม สถานการณ์เร่งด่วนร้ายแรงถึงชีวิตทำให้เหล่าบัณฑิตและราษฎรเหล่านั้นวางความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋ลงชั่วคราวแม้จะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่านอดีตเสนาบดีเป็นบิดาของหลิงเสียงกัง ตามกฎหมายแล้วมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะให้หลิงอวี๋รักษาหรือไม่ และพวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านนางซุนในฐานะภรรยามิได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ การคัดค้านของนางจึงถูกเมินไปหลิงอวี๋พาพวกหลิงหว่านเข้าไปปฐมพยาบาลหลิงเสียงกังข้างในเซียวหลินเทียนมองนางซุนอย่างเย็นชาราวกับมองคนตายนางซุนผู้นี้ใส่ร้ายหลิงอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีความยากบำลาก ก็มิคู่ควรที่จะได้รับการอภัยนางซุนเห็นหลิงเสียงกังถูกล้อมไว้ ส่วนนางนั้นเดียวดายไร้ผู้ใดสนใจ เมื่อเห็นเผยอวี้นั่งอยู่ด้านข้างและมีองครักษ์คนหนึ่งกำลังจัดการบาดแผลให้เขาอยู่นางซุนก็เข้าไปอย่างรู้สึกผิด พลางเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ “แม่ทัพเผย หว่านเอ๋อร์ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิรู้ว่าควรจะเกลียดหรือโกรธนางซุนดี จึงเอ่ยเรียบ ๆ “นางก็ถูกช่วยออกมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็มาถึง!”นางซุนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจแล้วรีบเอ่ย “คนที่ข
“ฉึก… ฉึก...”เสียงลูกธนูคมกริบทั้งสองที่แทงทะลุร่าง ทำให้ราษฎรและบัณฑิตที่พุ่งไปข้างหน้าเมื่อเห็นทหารสองคนถูกยิงเข้าที่อกก็ชะงักอยู่กับที่ทันทียังมิทันที่พวกเขาจะได้ตอบสนองก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมา “ทหารของข้าไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์มิเลือกหน้า คนเลวสองคนนี้คิดจะสังหารพวกเจ้า กระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย มีเจตนาแอบแฝง เป็นความผิดร้ายแรงมิอาจให้อภัยได้!”“ข้าสังหารพวกเขาเป็นการเตือน! ผู้ใดที่กล้ามิฟังคำสั่งและลงมืออีกก็จะมีจุดจบดังเช่นพวกเขา!”ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้นตกตะลึงไปกับฉากนี้ คนที่มีเหตุผลเมื่อคิดแล้วก็เหงื่อออกทั่วร่างหากมิใช่เพราะมือธนูที่ซ่อนตัวอยู่บนที่สูงสังหารมือสังหารที่ก่อเรื่องสองคนนั้น พวกเขาก็จะถูกปลุกปั่น เมื่อเห็นทหารของจักรพรรดิสังหารราษฎร พวกเขาจะพุ่งเข้าไปทุบตีต่อสู้กับเหล่าทหารหรือไม่!ถึงเวลานั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?มิว่าจะเป็นราษฎรหรือทหารที่ตายก็ล้านทำให้จัตุรัสเกิดสถานการณ์นองเลือดที่ไหลดั่งสายน้ำ...เมื่อนึกถึงภาพนองเลือดนั้น ทุกคนก็กลัวจนตัวสั่น!และในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เผยอวี้ก็ขี่ม้าพร้อมแบกหลิงเสียงกังมาออกมาตามทางที
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้
ผู้ป่วยเหล่านี้แต่ละคนต่างก็แย่งกันเล่าว่าหลิงอวี๋รักษาโรคให้พวกเขาอย่างไร จนเสียงดังที่จัตุรัสยิ่งวุ่นวายมากขึ้นแต่ใต้เท้าเถี่ยมิได้คิดจะห้ามแม้แต่น้อยคนที่ด่าเหล่านั้นก็ยังคงตะโกนอย่างมิพอใจ “พวกเจ้าถูกหลิงอวี๋ซื้อตัวเพื่อมาล้างมลทินให้ชื่อของนาง!”“พวกเจ้าจะต้องเห็นว่านางเป็นฮองเฮาจึงได้ตั้งใจจะเอาใจนาง พูดดีกับนาง!”ครอบครัวผู้ป่วยคนหนึ่งมีคนด่าที่ลุกออกไปด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครอบครัวนั้นก็ทนมิไหวแล้วซัดหมัดให้หน้าคนที่ด่าไปเต็ม ๆ“พล่ามไร้สาระอะไรของเจ้า ข้ามิเคยได้รับเงินจากฮองเฮาสักตำลึง!”“เรามีกันมากถึงเพียงนี้ ล้วนรู้บุญคุณของฮองเฮา มิอยากเห็นพระนางที่มีความคิดที่ดีต่อราษฎรเช่นนี้ต้องถูกคำต่ำช้าเยี่ยงพวกเจ้าใส่ร้าย!”“หมู่บ้านข้าก็มีคนมา เจ้ามิเชื่อคำพูดของข้าก็ไปถามคนในหมู่บ้านว่าฮองเฮาส่งคนไปจ่ายเงินซื้อพวกเราหรือไม่?”“หากฮองเฮาซื้อพวกเราได้ แล้วพระนางจะสามารถซื้อตัวคนในหลายหมู่บ้านทั้งหมดนั้นได้หรือ?”คนที่ด่าเหล่านั้นเห็นว่าคนนับมิถ้วนส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้พวกเขา คนที่ด่าคนหนึ่งยังคงเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “พูดเรื่องพวกนี้หาได้มีประโยชน์ไม่… ต้องให้หลิงเส
เมื่อไต่สวนคดีนี้แล้ว หลี่ต้าหนิวมิเพียงแต่มิถูกลงโทษ แต่ยังได้รับชื่อเสียงที่ดีมากอีกด้วย ครอบครัวผู้เสียหายเหล่านั้นก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่ต้าหนิววันที่อาคารศึกษาถล่ม พวกเขาโกรธจนมีคนวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหนิวแล้วทุบบ้านเขาจนพังตอนนี้เมื่อรู้ว่าถูกคนทำให้เข้าใจหลี่ต้าหนิวผิด คนเหล่านั้นจึงละอายกับการกระทำของตน“เมื่อพูดเรื่องของหลี่ต้าหนิวกระจ่างแล้ว ตอนนี้จะไต่สวนคดีที่หลิงอวี๋เรียกเงินค่ารักษาเกินจริงและเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”ใต้เท้าเถี่ยเป็นคนที่เที่ยงตรงมิเห็นแก่หน้าใครอย่างแท้จริง ยามไต่สวนคดีก็ถือว่าหลิงอวี๋เป็นคนผิด มิเรียกแม้แต่ฮองเฮาแต่เรียกชื่อออกไปตรง ๆการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากบัณฑิตอย่างล้นหลาม พวกเขารู้สึกว่าใต้เท้าเถี่ยจะต้องตัดสินคดีโดยยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแน่นอนเมื่อเห็นหลิงอวี๋แต่งกายด้วยชุดฮองเฮา รอให้คดีตัดสินเสร็จสิ้น นางจะไม่มีวาสนาได้แต่งชุดฮองเฮาอีกต่อไป!ใต้เท้าเถี่ยยังมิได้รับข่าวว่าเผยอวี้พาตัวหลิงเสียงกังกลับมา ภายนอกเขาดูสงบ แต่กลับแอบมองไปทางแม่ทัพสือตอนนี้คำให้การของหลิงเสียงกังสำคัญที่สุด หากเขามิมาให้การ คำให้การของพวกท่านอดีตเสน
เถ้าแก่เหอถูกใต้เท้าเถี่ยรัวคำถามใส่ก็พูดมิออก เหงื่อเย็นพลันผุดออกมาเต็มไปหมด“เถ้าแก่เหอ ข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับร้านตั๋วเงินมาแล้ว ทั้งยังมีผู้ที่อยู่แถวนั้นอีกหลายสิบคน วันที่ในสมุดบัญชีเจ้าบันทึกว่าหลี่ต้าหนิวไปฝากเงินสองแสนไว้ ไม่มีผู้ใดเห็นหลี่ต้าหนิวมาฝากเงินเลย!”“สองแสนนี้มาโผล่ในสมุดบัญชีอย่างน่าประหลาดได้อย่างไร?”“หรือเจ้ามิพอใจหลี่ต้าหนิวจึงจงใจปลอมแปลงบัญชีเพื่อกล่าวหาเท็จว่าเขาทุจริต?”เถ้าแก่เหอทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนออกไป “ใต้เท้าเถี่ย ข้าหรือจะกล้ากล่าวหาหลี่ต้าหนิวอย่างเป็นเท็จ มีคนที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนหลี่ต้าหนิวเอาตั๋วเงินของร้านตั๋วเงินไท่เหอมาที่ร้านตั๋วเงินสี่หลายแล้วฝากในชื่อของหลี่ต้าหนิวจริง ๆ ขอรับ!”“ตอนนั้นเขาใช้ตั๋วเงิน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาขนย้าย!”“คล้ายหลี่ต้าหนิว มิได้หมายความว่าคนที่มาฝากเงินคือหลี่ต้าหนิว เงินนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจใช้ชื่อเขาฝากเงินเพื่อใส่ร้ายหลี่ต้าหนิว ใช่หรือไม่?”“ขอรับ!” เถ้าแก่เหอทำได้เพียงยอมรับ“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเรื่องที่พวกเจ้าฟ้องร้องว่าหลี่ต้าหนิวทุจริตเงินก่อสร
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้