ตุ้บ…ฮูเหยียนเสวี่ยคุกเข่าลง คำพูดของเซียวหลินเทียนทำให้นางตกใจจนหน้าซีด“ฝ่าบาท ทำเช่นนี้มิได้เพคะ...”“ข้ามิสามารถทำเช่นไรได้?”เซียวหลินเทียนเอ่ยตัดบทนางด้วยเสียงแข็ง “สองแคว้นมีสัมพันธ์ต่อกันจะมิสังหารทูตที่มาเจรจา ข้าให้เวลาเจ้าออกไปแล้ว!”“ฮูเหยียนเสวี่ย หากเจ้ากล้าพูดจาโอหังอีก ข้าจะสั่งประหารเจ้าทันที กันกู่ของเจ้าก็ทำได้เพียงรับไปอย่างว่าง่ายเท่านั้น!”ฮูเหยียนเสวี่ยทั้งร้อนใจทั้งโกรธ เซียวหลินเทียนมิได้พูดเกินจริง กันกู่เมื่อเทียบกับฉินตะวันตกก็เป็นเพียงเด็กที่เล่นกับผู้ใหญ่เท่านั้นเซียวหลินเทียนแค่ส่งทหารไปสองหมื่นนายก็สามารถทำให้กันกู่แพ้ราบคาบได้แล้วหากเซียวหลินเทียนสังหารนาง กันกู่ก็มิกล้าเอาความนางมิสามารถทำให้ท่านพ่อและครอบครัวเดือดร้อนเพราะความผิดของตนได้ในช่วงนี้ฮูเหยียนเสวี่ยจัดการเรื่องการบ้านการเมืองแทนท่านพ่อ เคยชินกับการสั่งจากตำแหน่งที่สูงแล้ว ความรู้สึกเหนือกว่าที่มีอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้นางเสียตัวตนไปถึงขั้นตำหนิหลิงอวี๋ดังเช่นที่ทำกับเหล่าขุนนางใต้บังคับบัญชาไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋มิได้อ่อนโยนดังที่เห็นภายนอก เมื่อโหดเหี้ยมขึ้นมาก็เยือกเย
ในส่วนการตัดสินใจของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋มิอยากเข้าไปแทรก แม้ว่าในใจจะค่อนข้างเห็นใจราษฎรกันกู่ แต่นี่คือสิ่งที่ฮูเหยียนเสวี่ยสร้างขึ้นเองใต้หล้านี้ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง หากไร้การคุ้มครองจากฉินตะวันตก กันกู่ก็คงดำรงอยู่มิได้และหลายปีมานี้ฉินตะวันตกเองมิได้รับบรรณาการของกันกู่มาเปล่า ๆ พวกเขาเองก็ต้องจ่ายเช่นกันเมื่อกันกู่ลำบาก ฉินตะวันตกล้วนตอบสนองต่อคำร้องขอความช่วยเหลือและไปสนับสนุนเสมอแต่สิ่งนี้มิได้รับคำขอบคุณจากกันกู่ ทั้งยังทำให้ฮูเหยียนเสวี่ยคิดว่าที่พวกเขาช่วยเป็นสิ่งที่ควรทำอีกด้วย!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเซียวหลินเทียนต้องเสียสละทหารของตนไปเพื่อแคว้นเล็ก ๆ ที่ไร้ความภักดีต่อตนด้วยเล่า!ฮูเหยียนเสวี่ยรู้สึกคับข้องใจ เช่นนั้นก็ให้ทุกอย่างกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเถิด!ฮูเหยียนเสวี่ยถูกทหารกองทัพหลวงเอาตัวออกจากวังหลวง หลังจากที่นางผิดหวังอยู่ครู่หนึ่งก็เก็บความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความแค้นฝังลึก!ทุกอย่างเป็นเพราะหลิงอวี๋คนเลวนั่น ทำให้ตนถูกบีบไปสู่สถานการณ์สิ้นหวังนางไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้แน่!ใต้หล้านี้มิได้มีเพียงฉินตะวันตกที่เป็นแคว้นที่แข็งแก
ข่าวลือที่แพร่ออกไปกะทันหันเหล่านั้นมาถึงหูของหลิงอวี๋ ทีแรกนางมิได้สนใจ ตนอยู่ในตำแหน่งสูง มีคนจำนวนมากมิเชื่อมั่นเรื่องคัดเลือกสนมก่อนหน้านี้ถูกเซียวหลินเทียนปฏิเสธไป พวกคนที่อยากส่งลูกสาวเข้ามาในวังก็ย่อมมิพอใจอยู่แล้วดังนั้นจึงอยากจะอาศัยเรื่องของหลิงเสียงกังมาใส่ความตนคนบริสุทธิ์มิต้องทำสิ่งใดก็จะเห็นเองว่าบริสุทธิ์ นางรู้สึกว่าขอเพียงคนของตนรู้ว่าตนมีจิตใจดีก็เพียงพอแล้วแต่เหล่าขุนนางกลับมิได้เห็นเช่นนั้น ข่าวมิดีมากมายถูกปล่อยออกไปเช่นนี้ ฮองเฮาผู้มีศีลธรรมเสื่อมเสียจะเป็นมารดาแห่งแว่นแคว้นได้อย่างไร!พวกผู้ตรวจการเป็นผู้นำฟ้องร้องหลิงอวี๋ และเกลี้ยกล่อมให้เซียวหลินเทียนถอดถอนฮองเฮาจากนั้นขุนนางของพวกจ้าวฮุยก็พากันยื่นสาส์นกราบทูลฟ้องร้องหลิงอวี๋ เป้าหมายก็คือต้องการถอดถอนฮองเฮาเช่นกันเพียงแค่สองวัน สาส์นกราบทูลฟ้องร้องหลิงอวี๋ก็กองเต็มโต๊ะของเซียวหลินเทียนแล้วเซียวหลินเทียนอ่านไปเพียงมิกี่อันก็โกรธมาก เรื่องบุญคุณความแค้นของหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังนั้นเขารู้ดี ขุนนางเหล่านี้มิรู้สิ่งใดเลยกลับกล้ามาใส่ร้ายหลิงอวี๋เช่นนี้เซียวหลินเทียนให้จ้าวซวนไปหาหลิงเสียงกัง อย
เมื่อครู่ชั่วพริบตาหลิงอวี๋เห็นสายตาโกรธแค้นของนางซุนที่มีต่อตน นางจึงรู้สึกมิค่อยสบายใจแต่เมื่อคิดว่าเมื่อก่อนป้าสะใภ้ใหญ่ดีต่อตน หลิงอวี๋ก็มิได้คิดเล็กคิดน้อยกับนาง“ป้าสะใภ้ใหญ่ หากท่านรู้สึกว่าการที่ข้าไล่ท่านลุงออกไปมันมิดีต่อเขา ท่านก็เรียกเขากลับมาเถิด!”หลิงอวี๋ตัดสินใจว่าต่อไปจะมิยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องสามีภรรยาของลุงกับป้าแล้ว จึงเอ่ยออกไป“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยทีหลังเถิด!”นางซุนเอ่ยพอเป็นพิธีทั้งสองคนเดินไปคุยไปจนไปถึงหน้าประตูตำหนักกระดิ่งทองขันทีเหอเห็นก็รีบเข้าไปรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนจัดการเรื่องบ้านเมืองไปพอประมาณแล้ว จึงชี้ที่สาส์นกราบทูลบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับขุนนางทั้งหมด“สาส์นกราบทูลที่ขุนนางทั้งหลายฟ้องร้องฮองเฮามาข้าได้อ่านหมดแล้ว เช้านี้จะตอบในคราวเดียว”“สิ่งที่เหล่าขุนนางเป็นห่วงที่สุดก็คือ เรื่องที่ฮองเฮาแย่งชิงทรัพย์สินจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเพื่อพ่อและเรื่องที่รังแกหลิงเสียงกังกับภรรยา วันนี้ข้าตั้งใจเชิญนางซุนฮูหยินหลิงผู้อยู่ในเหตุการณ์มาเล่าสถานการณ์ให้ชัดเจน!”“ฮองเฮาและนางซุนเข้าตำหนัก!”หลิงอวี๋กับนางซุนได้ยินเสียงเรียกก็เข้าไปตำหน
คำพูดของนางซุนทำให้เกิดความโกลาหลในราชสำนักทันทีมีคนตะโกนขึ้นมาอย่างมิอยากจะเชื่อ “หกแสน? รักษาอาการปวดหัวต้องให้เงินมากเกินความเป็นจริงเช่นนี้เชียวหรือ! เช่นนั้นในเมืองหลวงนี้ใครจะมีปัญญาไปหาหมอ!”“ฮองเฮาช่างมีวิธีการในการหาเงินเพิ่มโดยแท้!” มีคนเหยียดหยามออกมาอย่างมิหวังดี“หลิงเสียงกังเป็นท่านลุงของพระนาง ยังใจดำเรียกเงินถึงเพียงนี้ เช่นนั้นคนอื่นก็มิอยากจะคิดเลย!”“ข้าว่าพวกเรามิต้องเป็นขุนนางแล้ว ไปเรียนแพทย์กันดีกว่า ที่แท้การตรวจผู้ป่วยคนหนึ่งก็ได้เงินมากกว่าว่าพวกเราทำงานตลอดชีวิตเสียอีก!”สีหน้าของเซียวหลินเทียนเรียบเฉยไปทันที นางมิอาจเชื่อได้ว่านางซุนจะเป็นคนเช่นนี้ ที่กล้าพูดจาเหลวไหลใส่ร้ายหลิงอวี๋ตนคิดว่านางซุนเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของหลิงอวี๋ ดีกับหลิงอวี๋มาโดยตลอด จึงตั้งใจเชิญนางมาที่ราชสำนักเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหลิงอวี๋ไหนเลยจะคิดว่าจะเชิญคนที่กดหลิงอวี๋อย่างหนักที่สุดมา!“ปัง!”เซียวหลินเทียนตบโต๊ะอย่างทนมิไหวพลางตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “นางซุน เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดสิ่งใด?”“นี่เจ้ากำลังใส่ร้ายฮองเฮาอยู่นะ!”นางซุนหมอบลงกับพื้นพลางเอ่ยเสียงสั่น “ฝ่าบา
ใจของหลิงอวี๋เย็นเยียบราวกับตกลงในถังน้ำแข็งหากแม้แต่คนที่เห็นใจท่านแม่ยังมิสามารถเชื่อใจได้ เช่นนั้นยังจะสามารถเชื่อผู้ใดได้อีกกัน?“อาอวี๋...”เดินไปถึงริมสระน้ำ เซียวหลินเทียนเห็นว่าสายตาของหลิงอวี๋ว่างเปล่าก็ทนมิไหวแล้วจริง ๆ จึงดึงนางให้หยุดมือทั้งสองของเขาประคองที่ใบหน้าของนางให้นางมองตนเอาไว้“นางซุนมิคู่ควรให้เจ้าต้องเศร้าหมองเพราะนางเช่นนี้!”“เจ้าอย่าได้กลัว! แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะหันหลังให้เจ้า ข้าก็จะยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างแน่วแน่ ข้าจะคอยป้องกันลมป้องกันฝนให้เจ้าเอง!”เซียวหลินเทียนออกแรงเขย่าหลิงอวี๋ ดวงตาคู่สวยของหลิงอวี๋สะท้อนใบหน้ารูปงามของเซียวหลินเทียนออกมานางก็มองเซียวหลินเทียนอยู่นิ่ง ๆ เช่นกัน นี่คือประโยคที่เซียวหลินเทียนพูดได้น่าฟังที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกันมา!นางสามารถเชื่อได้หรือไม่?หลิงอวี๋เอ่ยพึมพำ “หม่อมฉันยังมีท่าน?”“ใช่ เจ้ายังมีข้า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดรังแกเจ้า แม้แต่นางซุนก็มิได้!”“ข้าเป็นจักรพรรดิ หากแม้แต่การปกป้องเจ้ายังทำมิได้ เช่นนั้นการนั่งในตำแหน่งนี้จะมีความหมายอะไร!”“อาอวี๋ เรื่องนี้เจ้ามิต
ทรยศก็คือทรยศ! ความลำบากอะไรก็มิใช่เหตุผล!หลังจากพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋อย่างละเอียดแล้ว พวกหลิงซวนล้วนชอบนางซุนเข้าวังมาก็มาที่พระตำหนักคุนหนิงก่อน จากนั้นก็ไปที่ตำหนักกระดิ่งทองกับหลิงอวี๋ระหว่างเส้นทางนี้ นางมีโอกาสตั้งมากมายที่สามารถบอกความลำบากใจของตนกับหลิงอวี๋ได้ แต่นางซุนมิได้พูดสิ่งใดแล้วไปโจมตีหลิงอวี๋ในตำหนักกระดิ่งทอง!นี่หมายความว่าอย่างไรเล่า?หมายความว่านางซุนตั้งใจที่จะทรยศหลิงอวี๋!หมายความว่าในใจของนางซุนมิได้มองหลิงอวี๋เป็นคนในครอบครัว!สิ่งที่ทำให้ฮองเฮาปวดใจมิเพียงแต่การทรยศของนางซุน แต่ยังมีความมิเชื่อใจของนางซุนด้วย!ดังนั้น แม้ว่านางจะมีความลำบากก็มิคู่ควรกับการให้อภัย!สิ่งที่ทำให้หลิงซวนมิกล้าคิดลึกลงไปก็คือ หลิงหว่าน...การที่นางซุนทำเรื่องเหล่านี้ คุณหนูหลิงหว่านรู้หรือไม่?เพื่อนาง ฮองเฮาไปหานางที่เจิ้งโจวโดยมิกลัวอันตรายและปฏิบัติต่อหลิงหว่านอย่างดีมาตลอดเช่นกันโรงงานเวชสำอางที่หลิงหว่านเปิดก็ล้วนเป็นสูตรที่ฮองเฮาให้โดยมิเห็นแก่ตัวหากหลิงหว่านรู้เรื่องที่นางซุนจะทำแต่กลับมิบอกฮองเฮา เช่นนั้นก็จะเป็นการทรยศหลิงอวี๋เหมือนกับนางซุน!มิน่า
นางซุนเดินกลับจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนราวกับเดินละเมอท่านอดีตเสนาบดียังมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องราวเช่นนี้จึงมิได้เอ่ยถามสิ่งใดมากนางซุนเดินกลับไปในห้อง หลังจากปิดประตูแล้วก็คว้าแม่นมที่ติดตามนางเข้าวังพลางเอ่ย “ข้าพูดตามที่พวกเจ้าบอกแล้ว เมื่อใดพวกเจ้าจะปล่อยสามีข้ากับหลิงหว่าน?”แม่นมผลักนางออกแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “รีบร้อนอะไรเล่า? ขอเพียงเจ้าทำตามที่พวกเราต้องการ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านก็จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”ทันทีที่แม่นมเอ่ยปาก มิได้มีคนนอกอยู่ก็มิได้ปิดบังตน ก็เป็นเสียงของสาวน้อยผู้หนึ่งนางซุนถูกผลักจนโซเซไปล้มลงที่พื้น นางจ้องแม่นมอย่างโกรธเกรี้ยวพลางแผดเสียงใส่ “คำพูดของพวกเจ้าเชื่อถือมิได้ จะให้ข้าเชื่อพวกเจ้าอีกได้อย่างไร!”“เจ้าไม่มีทางเลือก!”แม่นมยิ้มอย่างดูถูก พลางเอ่ยเตือน “นางซุน หากต้องการให้หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านกลับมา เจ้าก็เชื่อฟังเสียดี ๆ!”“อย่าได้เล่นลูกไม้ใด ๆ เป็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นคนของข้าจะสังหารหลิงหว่านก่อน แล้วค่อยสังหารหลิงเสียงกังเป็นรายต่อไป แล้วเจ้าจะมิได้สิ่งใดทั้งนั้น!”หลังจากพูดจบ แม่นมก็เดินออกไปนางซุนทรุดนั่งลงที่พื้นอย่างหดหู่ แล้ว
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก