ใจของหลิงอวี๋เย็นเยียบราวกับตกลงในถังน้ำแข็งหากแม้แต่คนที่เห็นใจท่านแม่ยังมิสามารถเชื่อใจได้ เช่นนั้นยังจะสามารถเชื่อผู้ใดได้อีกกัน?“อาอวี๋...”เดินไปถึงริมสระน้ำ เซียวหลินเทียนเห็นว่าสายตาของหลิงอวี๋ว่างเปล่าก็ทนมิไหวแล้วจริง ๆ จึงดึงนางให้หยุดมือทั้งสองของเขาประคองที่ใบหน้าของนางให้นางมองตนเอาไว้“นางซุนมิคู่ควรให้เจ้าต้องเศร้าหมองเพราะนางเช่นนี้!”“เจ้าอย่าได้กลัว! แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะหันหลังให้เจ้า ข้าก็จะยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างแน่วแน่ ข้าจะคอยป้องกันลมป้องกันฝนให้เจ้าเอง!”เซียวหลินเทียนออกแรงเขย่าหลิงอวี๋ ดวงตาคู่สวยของหลิงอวี๋สะท้อนใบหน้ารูปงามของเซียวหลินเทียนออกมานางก็มองเซียวหลินเทียนอยู่นิ่ง ๆ เช่นกัน นี่คือประโยคที่เซียวหลินเทียนพูดได้น่าฟังที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกันมา!นางสามารถเชื่อได้หรือไม่?หลิงอวี๋เอ่ยพึมพำ “หม่อมฉันยังมีท่าน?”“ใช่ เจ้ายังมีข้า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดรังแกเจ้า แม้แต่นางซุนก็มิได้!”“ข้าเป็นจักรพรรดิ หากแม้แต่การปกป้องเจ้ายังทำมิได้ เช่นนั้นการนั่งในตำแหน่งนี้จะมีความหมายอะไร!”“อาอวี๋ เรื่องนี้เจ้ามิต
ทรยศก็คือทรยศ! ความลำบากอะไรก็มิใช่เหตุผล!หลังจากพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋อย่างละเอียดแล้ว พวกหลิงซวนล้วนชอบนางซุนเข้าวังมาก็มาที่พระตำหนักคุนหนิงก่อน จากนั้นก็ไปที่ตำหนักกระดิ่งทองกับหลิงอวี๋ระหว่างเส้นทางนี้ นางมีโอกาสตั้งมากมายที่สามารถบอกความลำบากใจของตนกับหลิงอวี๋ได้ แต่นางซุนมิได้พูดสิ่งใดแล้วไปโจมตีหลิงอวี๋ในตำหนักกระดิ่งทอง!นี่หมายความว่าอย่างไรเล่า?หมายความว่านางซุนตั้งใจที่จะทรยศหลิงอวี๋!หมายความว่าในใจของนางซุนมิได้มองหลิงอวี๋เป็นคนในครอบครัว!สิ่งที่ทำให้ฮองเฮาปวดใจมิเพียงแต่การทรยศของนางซุน แต่ยังมีความมิเชื่อใจของนางซุนด้วย!ดังนั้น แม้ว่านางจะมีความลำบากก็มิคู่ควรกับการให้อภัย!สิ่งที่ทำให้หลิงซวนมิกล้าคิดลึกลงไปก็คือ หลิงหว่าน...การที่นางซุนทำเรื่องเหล่านี้ คุณหนูหลิงหว่านรู้หรือไม่?เพื่อนาง ฮองเฮาไปหานางที่เจิ้งโจวโดยมิกลัวอันตรายและปฏิบัติต่อหลิงหว่านอย่างดีมาตลอดเช่นกันโรงงานเวชสำอางที่หลิงหว่านเปิดก็ล้วนเป็นสูตรที่ฮองเฮาให้โดยมิเห็นแก่ตัวหากหลิงหว่านรู้เรื่องที่นางซุนจะทำแต่กลับมิบอกฮองเฮา เช่นนั้นก็จะเป็นการทรยศหลิงอวี๋เหมือนกับนางซุน!มิน่า
นางซุนเดินกลับจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนราวกับเดินละเมอท่านอดีตเสนาบดียังมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องราวเช่นนี้จึงมิได้เอ่ยถามสิ่งใดมากนางซุนเดินกลับไปในห้อง หลังจากปิดประตูแล้วก็คว้าแม่นมที่ติดตามนางเข้าวังพลางเอ่ย “ข้าพูดตามที่พวกเจ้าบอกแล้ว เมื่อใดพวกเจ้าจะปล่อยสามีข้ากับหลิงหว่าน?”แม่นมผลักนางออกแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “รีบร้อนอะไรเล่า? ขอเพียงเจ้าทำตามที่พวกเราต้องการ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านก็จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”ทันทีที่แม่นมเอ่ยปาก มิได้มีคนนอกอยู่ก็มิได้ปิดบังตน ก็เป็นเสียงของสาวน้อยผู้หนึ่งนางซุนถูกผลักจนโซเซไปล้มลงที่พื้น นางจ้องแม่นมอย่างโกรธเกรี้ยวพลางแผดเสียงใส่ “คำพูดของพวกเจ้าเชื่อถือมิได้ จะให้ข้าเชื่อพวกเจ้าอีกได้อย่างไร!”“เจ้าไม่มีทางเลือก!”แม่นมยิ้มอย่างดูถูก พลางเอ่ยเตือน “นางซุน หากต้องการให้หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านกลับมา เจ้าก็เชื่อฟังเสียดี ๆ!”“อย่าได้เล่นลูกไม้ใด ๆ เป็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นคนของข้าจะสังหารหลิงหว่านก่อน แล้วค่อยสังหารหลิงเสียงกังเป็นรายต่อไป แล้วเจ้าจะมิได้สิ่งใดทั้งนั้น!”หลังจากพูดจบ แม่นมก็เดินออกไปนางซุนทรุดนั่งลงที่พื้นอย่างหดหู่ แล้ว
เผยอวี้ฟังแล้วชะงักนิ่งไป แม่ของหลิงหว่านร้องเรียนหลิงอวี๋หรือ?“ท่านพ่อ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ขอรับ?”เผยอวี้เอ่ยอย่างร้อนใจ “หากมิพูดให้ชัดเจน ข้าก็ขอยืนกรานว่าจะมิถอนหมั้น!”วันนี้ใต้เท้าเผยก็ไปราชสำนักในช่วงเช้ามาเช่นกัน จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตำหนักกระดิ่งทองให้เผยอวี้ฟังเผยอวี้ได้ยินว่าความตั้งใจเดิมของเซียวหลินเทียนคือจะให้นางซุนมาเป็นพยานให้หลิงอวี๋ ผลก็คือนางซุนกลับซ้ำเติมผู้อื่นในยามอันตราย ผลักหลิงอวี๋ลงไปสู่เหวลึกเผยอวี้มิอาจเชื่อหูตน นี่คือเรื่องที่นางซุนทำจริง ๆ หรือ?“ข้ามิเชื่อ บางทีนางซุนอาจจะมีความยากลำบากใด ข้าจะไปถามหลิงหว่าน!”เผยอวี้รีบร้อนตรงไปที่บ้านตระกูลหลิงโดยมิสนใจแม้แต่จะเปลี่ยนชุดแต่ในยามนี้ ท่านอดีตเสนาบดีได้รู้เรื่องที่นางซุนใส่ร้ายหลิงอวี๋ต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ที่ตำหนักกระดิ่งทองจากปากของคนรับใช้แล้ว เขาโกรธจนตัวสั่น หยิบไม้เท้าตรงไปที่เรือนของนางซุนแต่ประตูเรือนของนางซุนปิดสนิท ท่านอดีตเสนาบดีใช้ไม้เท้าเคาะประตูจนเสียงดังลั่น นางซุนก็มิเปิดประตู“นางซุน ฮองเฮามิได้ปฏิบัติต่อเจ้ามิดี สินสอดที่แม่ของนางทิ้งไว้ก็แบ
ระหว่างทางที่มาเผยอวี้ได้ยินการพูดคุยกันเหล่านั้น เขาก็ยังรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ“โชคร้ายเสียจริง!”ท่านอดีตเสนาบดีส่ายหน้าทอดถอนใจ “ข้ามิรู้เลยว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับนางซุน เหตุใดนางจึงทำเรื่องเช่นนี้ลงได้!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ขอรับ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ข้าอยากพบหลิงหว่าน อยากฟังว่านางจะว่าอย่างไร!”“หลิงหว่านมิได้อยู่ที่จวน ฮูหยินใหญ่บอกว่านางไปดูการเพาะปลูกวสันตฤดูที่ไร่นาแล้ว!” กู่ซุ่ยเอ่ย“ไร่นาที่ใดขอรับ?” เผยอวี้ซักไซ้ไล่เลียงกู่ซุ่ยก็มิแน่ชัด ก่อนหน้านี้นางซุนดูแลจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ส่วนกู่ซุ่ยเป็นเพียงอนุ จะมีอำนาจใดไปถามเรื่องของพวกนางเผยอวี้อยากไปพบนางซุน แต่ก่อนไปก็ซักถามเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อนท่านอดีตเสนาบดีเล่าเรื่องที่ตนรู้ให้เขาฟัง สุดท้ายก็เอ่ยออกไป “ฮองเฮาหวังดีต่อนางซุน จึงบีบให้หลิงเสียงกังจ่ายเงินชดเชยให้นางหกแสน!”“เรื่องนี้มิใช่อย่างที่ภายนอกบอกต่อกันออกไป ฮองเฮาจะให้หลิงเสียงกังทำการผ่าตัด แต่มิได้ต้องการเงินของหลิงเสียงกังสักตำลึง!”เผยอวี้เองก็มิเชื่อว่าหลิงอวี๋จะเก็บค่ารักษากับหลิงเสียงกัง เมื่อรู้เรื่องพอประมาณแล้วก็ให้นางรับ
เผยอวี้รีบร้อนออกจากเรือนของนางซุนและออกไปโดยมิได้กล่าวลาท่านอดีตเสนาบดี จากนั้นก็ตรงเข้าวังไปหาเซียวหลินเทียนเพื่ออธิบายแทนนางซุนแต่เผยอวี้ยังมิทันได้เข้าวัง แม่ทัพเฉินกับฉินซานก็รีบร้อนเข้าวังไปแล้วสาเหตุนั้นคือ ชาวบ้านหลายหมู่บ้านที่ฉินซานรับผิดชอบเรื่องการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงพากันไปที่ว่าการอำเภอท้องถิ่น และทำการประท้วงที่เอาที่ดินหมู่บ้านของตนไปสร้างโรงเลี้ยงวัวนมทันทีที่ฉินซานทำความเข้าใจสาเหตุ ก็มิรู้ว่าผู้ใดแพร่ข่าวออกไปว่าที่ราชสำนักจะสร้างโรงเลี้ยงวัวนั้นมิได้นึกถึงราษฎรแต่ที่คิดจะสร้างโรงเลี้ยงวัวแล้วรีดนมวัวเอาไปให้ฮองเฮาผู้เลวร้ายใช้อาบน้ำแม้ว่านมวัวจะมีกลิ่นคาว แต่เมื่อเทียบกับการไม่มีอะไรกินในยามอดอยากแล้ว นมวัวก็สามารถทำให้ลูกของคนจนส่วนหนึ่งอิ่มท้องได้เมื่อได้ยินว่าการเลี้ยงวัวนมที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้เพื่อให้ฮองเฮาใช้อาบน้ำ ชาวบ้านที่โง่เขลาเหล่านี้ก็โกรธขึ้นมาทันทีพวกเขาจำนวนมากยังมิอาจอิ่มท้องได้ แต่ฮองเฮากลับมิสนใจยังจะให้ทาสเช่นพวกนางเลี้ยงวัวนมเพื่อจะรีดนมวัวไปให้นางอาบน้ำอีกเช่นนี้จะทนได้อย่างไรเล่า!“พวกเรามิต้องการฮองเฮาที่เลวร้ายและทุจริตเช่นนี
ฉินซานร้อนใจขึ้นมา “ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินเรื่องข่าวลือในสองวันมานี้แล้ว ฮองเฮามิได้เลวร้ายรังแกราษฎรและใช้อำนาจบาตรใหญ่กับคนในชนบทดังที่พวกเขาพูดกัน!”“ฝ่าบาท หากท่านทำเช่นนี้ เช่นนั้นฮองเฮา...”“รองเจ้ากรมฉิน!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วตัดบทของเขาอย่ามิพอใจ “ข้ามิได้เข้าใจฮองเฮามากไปกว่าเจ้าหรือ? ฮองเฮาเป็นคนเช่นไร ข้ารู้ดี!”“ข่าวลือตามตรอกซอกซอยในสองวันนี้ หากสงบก็อยู่เพียงในตรอกซอกซอยนั้น ยังมีสิ่งใดที่ทำให้ข่าวแพร่กระจายไปเร็วยิ่งกว่างานเลี้ยงท้องถนนเล่า!”ฉินซานหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาเร่งรีบเกินไปจนลืมในจุดนี้“จริงสิ เนื่องจากที่แคว้นเล็กมาประชุม ข้าอยากใช้เป็นข้ออ้างในการจัดงานเลี้ยงท้องถนนเพื่อให้พวกเขาเห็นถึงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตก!”ฉินซานเคารพแผนการของเซียวหลินเทียนมาก แล้วสบตากับแม่ทัพเฉินที่มองอยู่ข้าง ๆ มาโดยตลอด พลางเอ่ยพร้อมกัน “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาทจัดงานเลี้ยงท้องถนนนี้ให้ดีอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“นี่เวลาอะไร พวกเจ้ายังมีกะจิตกะใจจัดงานเลี้ยงท้องถนนอีก!”เผยอวี้รีบร้อนมา เมื่อเข้าประตูมาได้ยินสองประโยคท้ายก็เอ่ยอย่า
“ขอฝ่าบาทโปรดอย่าได้พิโรธพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้คุกเข่าลง ตอนนั้นเขามิได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้วเขาก็เข้าใจถึงความโกรธของเซียวหลินเทียนนางซุนช่างเลอะเทอะเสียจริง!“ฝ่าบาท เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ เรื่องการลงโทษนางซุนเอาไว้ค่อยพูดเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือพวกเราต้องคิดหาทางชะล้างความอยุติธรรมให้ฮองเฮา!”เผยอวี้เอ่ยอย่างขมขื่น “เรื่องเกิดจากนางซุน ตามเหตุผลแล้วกระหม่อมก็ควรจะชดใช้แทนนาง!”“ฝ่าบาทประสงค์ให้กระหม่อมทำสิ่งใดก็รับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้กระหม่อมต้องตาย ขอเพียงสามารถช่วยฮองเฮาได้ กระหม่อมก็มิปฏิเสธแม้ต้องตายนับหมื่นครั้ง!”“ลุกขึ้น!”เซียวหลินเทียนโกรธนางซุน แต่กับพี่น้องที่ช่วยเหลือกันและร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ก็ยังมิถึงกับจะไประบายความโกรธใส่เขาได้เมื่อครู่ที่เขาฉุนเฉียวถึงเพียงนั้นก็เพราะโกรธแทนหลิงอวี๋!เซียวหลินเทียนเชื่อมโยงเรื่องนี้เข้าด้วยกัน สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงในตอนนี้คือ มิรู้ว่ามือที่มองมิเห็นนั้นจะเตรียมวิธีการที่เลวร้ายยิ่งกว่าแบบใดมาโจมตีหลิงอวี๋อีก...เขาจำเป็นต้องฉวยโอกาสก่อนที่อีกฝ่ายจะลงมือ พยายาม
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต