เมื่อครู่ชั่วพริบตาหลิงอวี๋เห็นสายตาโกรธแค้นของนางซุนที่มีต่อตน นางจึงรู้สึกมิค่อยสบายใจแต่เมื่อคิดว่าเมื่อก่อนป้าสะใภ้ใหญ่ดีต่อตน หลิงอวี๋ก็มิได้คิดเล็กคิดน้อยกับนาง“ป้าสะใภ้ใหญ่ หากท่านรู้สึกว่าการที่ข้าไล่ท่านลุงออกไปมันมิดีต่อเขา ท่านก็เรียกเขากลับมาเถิด!”หลิงอวี๋ตัดสินใจว่าต่อไปจะมิยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องสามีภรรยาของลุงกับป้าแล้ว จึงเอ่ยออกไป“เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยทีหลังเถิด!”นางซุนเอ่ยพอเป็นพิธีทั้งสองคนเดินไปคุยไปจนไปถึงหน้าประตูตำหนักกระดิ่งทองขันทีเหอเห็นก็รีบเข้าไปรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนจัดการเรื่องบ้านเมืองไปพอประมาณแล้ว จึงชี้ที่สาส์นกราบทูลบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับขุนนางทั้งหมด“สาส์นกราบทูลที่ขุนนางทั้งหลายฟ้องร้องฮองเฮามาข้าได้อ่านหมดแล้ว เช้านี้จะตอบในคราวเดียว”“สิ่งที่เหล่าขุนนางเป็นห่วงที่สุดก็คือ เรื่องที่ฮองเฮาแย่งชิงทรัพย์สินจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเพื่อพ่อและเรื่องที่รังแกหลิงเสียงกังกับภรรยา วันนี้ข้าตั้งใจเชิญนางซุนฮูหยินหลิงผู้อยู่ในเหตุการณ์มาเล่าสถานการณ์ให้ชัดเจน!”“ฮองเฮาและนางซุนเข้าตำหนัก!”หลิงอวี๋กับนางซุนได้ยินเสียงเรียกก็เข้าไปตำหน
คำพูดของนางซุนทำให้เกิดความโกลาหลในราชสำนักทันทีมีคนตะโกนขึ้นมาอย่างมิอยากจะเชื่อ “หกแสน? รักษาอาการปวดหัวต้องให้เงินมากเกินความเป็นจริงเช่นนี้เชียวหรือ! เช่นนั้นในเมืองหลวงนี้ใครจะมีปัญญาไปหาหมอ!”“ฮองเฮาช่างมีวิธีการในการหาเงินเพิ่มโดยแท้!” มีคนเหยียดหยามออกมาอย่างมิหวังดี“หลิงเสียงกังเป็นท่านลุงของพระนาง ยังใจดำเรียกเงินถึงเพียงนี้ เช่นนั้นคนอื่นก็มิอยากจะคิดเลย!”“ข้าว่าพวกเรามิต้องเป็นขุนนางแล้ว ไปเรียนแพทย์กันดีกว่า ที่แท้การตรวจผู้ป่วยคนหนึ่งก็ได้เงินมากกว่าว่าพวกเราทำงานตลอดชีวิตเสียอีก!”สีหน้าของเซียวหลินเทียนเรียบเฉยไปทันที นางมิอาจเชื่อได้ว่านางซุนจะเป็นคนเช่นนี้ ที่กล้าพูดจาเหลวไหลใส่ร้ายหลิงอวี๋ตนคิดว่านางซุนเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของหลิงอวี๋ ดีกับหลิงอวี๋มาโดยตลอด จึงตั้งใจเชิญนางมาที่ราชสำนักเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหลิงอวี๋ไหนเลยจะคิดว่าจะเชิญคนที่กดหลิงอวี๋อย่างหนักที่สุดมา!“ปัง!”เซียวหลินเทียนตบโต๊ะอย่างทนมิไหวพลางตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “นางซุน เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดสิ่งใด?”“นี่เจ้ากำลังใส่ร้ายฮองเฮาอยู่นะ!”นางซุนหมอบลงกับพื้นพลางเอ่ยเสียงสั่น “ฝ่าบา
ใจของหลิงอวี๋เย็นเยียบราวกับตกลงในถังน้ำแข็งหากแม้แต่คนที่เห็นใจท่านแม่ยังมิสามารถเชื่อใจได้ เช่นนั้นยังจะสามารถเชื่อผู้ใดได้อีกกัน?“อาอวี๋...”เดินไปถึงริมสระน้ำ เซียวหลินเทียนเห็นว่าสายตาของหลิงอวี๋ว่างเปล่าก็ทนมิไหวแล้วจริง ๆ จึงดึงนางให้หยุดมือทั้งสองของเขาประคองที่ใบหน้าของนางให้นางมองตนเอาไว้“นางซุนมิคู่ควรให้เจ้าต้องเศร้าหมองเพราะนางเช่นนี้!”“เจ้าอย่าได้กลัว! แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะหันหลังให้เจ้า ข้าก็จะยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างแน่วแน่ ข้าจะคอยป้องกันลมป้องกันฝนให้เจ้าเอง!”เซียวหลินเทียนออกแรงเขย่าหลิงอวี๋ ดวงตาคู่สวยของหลิงอวี๋สะท้อนใบหน้ารูปงามของเซียวหลินเทียนออกมานางก็มองเซียวหลินเทียนอยู่นิ่ง ๆ เช่นกัน นี่คือประโยคที่เซียวหลินเทียนพูดได้น่าฟังที่สุดนับตั้งแต่รู้จักกันมา!นางสามารถเชื่อได้หรือไม่?หลิงอวี๋เอ่ยพึมพำ “หม่อมฉันยังมีท่าน?”“ใช่ เจ้ายังมีข้า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดรังแกเจ้า แม้แต่นางซุนก็มิได้!”“ข้าเป็นจักรพรรดิ หากแม้แต่การปกป้องเจ้ายังทำมิได้ เช่นนั้นการนั่งในตำแหน่งนี้จะมีความหมายอะไร!”“อาอวี๋ เรื่องนี้เจ้ามิต
ทรยศก็คือทรยศ! ความลำบากอะไรก็มิใช่เหตุผล!หลังจากพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋อย่างละเอียดแล้ว พวกหลิงซวนล้วนชอบนางซุนเข้าวังมาก็มาที่พระตำหนักคุนหนิงก่อน จากนั้นก็ไปที่ตำหนักกระดิ่งทองกับหลิงอวี๋ระหว่างเส้นทางนี้ นางมีโอกาสตั้งมากมายที่สามารถบอกความลำบากใจของตนกับหลิงอวี๋ได้ แต่นางซุนมิได้พูดสิ่งใดแล้วไปโจมตีหลิงอวี๋ในตำหนักกระดิ่งทอง!นี่หมายความว่าอย่างไรเล่า?หมายความว่านางซุนตั้งใจที่จะทรยศหลิงอวี๋!หมายความว่าในใจของนางซุนมิได้มองหลิงอวี๋เป็นคนในครอบครัว!สิ่งที่ทำให้ฮองเฮาปวดใจมิเพียงแต่การทรยศของนางซุน แต่ยังมีความมิเชื่อใจของนางซุนด้วย!ดังนั้น แม้ว่านางจะมีความลำบากก็มิคู่ควรกับการให้อภัย!สิ่งที่ทำให้หลิงซวนมิกล้าคิดลึกลงไปก็คือ หลิงหว่าน...การที่นางซุนทำเรื่องเหล่านี้ คุณหนูหลิงหว่านรู้หรือไม่?เพื่อนาง ฮองเฮาไปหานางที่เจิ้งโจวโดยมิกลัวอันตรายและปฏิบัติต่อหลิงหว่านอย่างดีมาตลอดเช่นกันโรงงานเวชสำอางที่หลิงหว่านเปิดก็ล้วนเป็นสูตรที่ฮองเฮาให้โดยมิเห็นแก่ตัวหากหลิงหว่านรู้เรื่องที่นางซุนจะทำแต่กลับมิบอกฮองเฮา เช่นนั้นก็จะเป็นการทรยศหลิงอวี๋เหมือนกับนางซุน!มิน่า
นางซุนเดินกลับจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนราวกับเดินละเมอท่านอดีตเสนาบดียังมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องราวเช่นนี้จึงมิได้เอ่ยถามสิ่งใดมากนางซุนเดินกลับไปในห้อง หลังจากปิดประตูแล้วก็คว้าแม่นมที่ติดตามนางเข้าวังพลางเอ่ย “ข้าพูดตามที่พวกเจ้าบอกแล้ว เมื่อใดพวกเจ้าจะปล่อยสามีข้ากับหลิงหว่าน?”แม่นมผลักนางออกแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “รีบร้อนอะไรเล่า? ขอเพียงเจ้าทำตามที่พวกเราต้องการ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านก็จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”ทันทีที่แม่นมเอ่ยปาก มิได้มีคนนอกอยู่ก็มิได้ปิดบังตน ก็เป็นเสียงของสาวน้อยผู้หนึ่งนางซุนถูกผลักจนโซเซไปล้มลงที่พื้น นางจ้องแม่นมอย่างโกรธเกรี้ยวพลางแผดเสียงใส่ “คำพูดของพวกเจ้าเชื่อถือมิได้ จะให้ข้าเชื่อพวกเจ้าอีกได้อย่างไร!”“เจ้าไม่มีทางเลือก!”แม่นมยิ้มอย่างดูถูก พลางเอ่ยเตือน “นางซุน หากต้องการให้หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านกลับมา เจ้าก็เชื่อฟังเสียดี ๆ!”“อย่าได้เล่นลูกไม้ใด ๆ เป็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นคนของข้าจะสังหารหลิงหว่านก่อน แล้วค่อยสังหารหลิงเสียงกังเป็นรายต่อไป แล้วเจ้าจะมิได้สิ่งใดทั้งนั้น!”หลังจากพูดจบ แม่นมก็เดินออกไปนางซุนทรุดนั่งลงที่พื้นอย่างหดหู่ แล้ว
เผยอวี้ฟังแล้วชะงักนิ่งไป แม่ของหลิงหว่านร้องเรียนหลิงอวี๋หรือ?“ท่านพ่อ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ขอรับ?”เผยอวี้เอ่ยอย่างร้อนใจ “หากมิพูดให้ชัดเจน ข้าก็ขอยืนกรานว่าจะมิถอนหมั้น!”วันนี้ใต้เท้าเผยก็ไปราชสำนักในช่วงเช้ามาเช่นกัน จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตำหนักกระดิ่งทองให้เผยอวี้ฟังเผยอวี้ได้ยินว่าความตั้งใจเดิมของเซียวหลินเทียนคือจะให้นางซุนมาเป็นพยานให้หลิงอวี๋ ผลก็คือนางซุนกลับซ้ำเติมผู้อื่นในยามอันตราย ผลักหลิงอวี๋ลงไปสู่เหวลึกเผยอวี้มิอาจเชื่อหูตน นี่คือเรื่องที่นางซุนทำจริง ๆ หรือ?“ข้ามิเชื่อ บางทีนางซุนอาจจะมีความยากลำบากใด ข้าจะไปถามหลิงหว่าน!”เผยอวี้รีบร้อนตรงไปที่บ้านตระกูลหลิงโดยมิสนใจแม้แต่จะเปลี่ยนชุดแต่ในยามนี้ ท่านอดีตเสนาบดีได้รู้เรื่องที่นางซุนใส่ร้ายหลิงอวี๋ต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ที่ตำหนักกระดิ่งทองจากปากของคนรับใช้แล้ว เขาโกรธจนตัวสั่น หยิบไม้เท้าตรงไปที่เรือนของนางซุนแต่ประตูเรือนของนางซุนปิดสนิท ท่านอดีตเสนาบดีใช้ไม้เท้าเคาะประตูจนเสียงดังลั่น นางซุนก็มิเปิดประตู“นางซุน ฮองเฮามิได้ปฏิบัติต่อเจ้ามิดี สินสอดที่แม่ของนางทิ้งไว้ก็แบ
ระหว่างทางที่มาเผยอวี้ได้ยินการพูดคุยกันเหล่านั้น เขาก็ยังรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ“โชคร้ายเสียจริง!”ท่านอดีตเสนาบดีส่ายหน้าทอดถอนใจ “ข้ามิรู้เลยว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับนางซุน เหตุใดนางจึงทำเรื่องเช่นนี้ลงได้!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ขอรับ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ข้าอยากพบหลิงหว่าน อยากฟังว่านางจะว่าอย่างไร!”“หลิงหว่านมิได้อยู่ที่จวน ฮูหยินใหญ่บอกว่านางไปดูการเพาะปลูกวสันตฤดูที่ไร่นาแล้ว!” กู่ซุ่ยเอ่ย“ไร่นาที่ใดขอรับ?” เผยอวี้ซักไซ้ไล่เลียงกู่ซุ่ยก็มิแน่ชัด ก่อนหน้านี้นางซุนดูแลจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ส่วนกู่ซุ่ยเป็นเพียงอนุ จะมีอำนาจใดไปถามเรื่องของพวกนางเผยอวี้อยากไปพบนางซุน แต่ก่อนไปก็ซักถามเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อนท่านอดีตเสนาบดีเล่าเรื่องที่ตนรู้ให้เขาฟัง สุดท้ายก็เอ่ยออกไป “ฮองเฮาหวังดีต่อนางซุน จึงบีบให้หลิงเสียงกังจ่ายเงินชดเชยให้นางหกแสน!”“เรื่องนี้มิใช่อย่างที่ภายนอกบอกต่อกันออกไป ฮองเฮาจะให้หลิงเสียงกังทำการผ่าตัด แต่มิได้ต้องการเงินของหลิงเสียงกังสักตำลึง!”เผยอวี้เองก็มิเชื่อว่าหลิงอวี๋จะเก็บค่ารักษากับหลิงเสียงกัง เมื่อรู้เรื่องพอประมาณแล้วก็ให้นางรับ
เผยอวี้รีบร้อนออกจากเรือนของนางซุนและออกไปโดยมิได้กล่าวลาท่านอดีตเสนาบดี จากนั้นก็ตรงเข้าวังไปหาเซียวหลินเทียนเพื่ออธิบายแทนนางซุนแต่เผยอวี้ยังมิทันได้เข้าวัง แม่ทัพเฉินกับฉินซานก็รีบร้อนเข้าวังไปแล้วสาเหตุนั้นคือ ชาวบ้านหลายหมู่บ้านที่ฉินซานรับผิดชอบเรื่องการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงพากันไปที่ว่าการอำเภอท้องถิ่น และทำการประท้วงที่เอาที่ดินหมู่บ้านของตนไปสร้างโรงเลี้ยงวัวนมทันทีที่ฉินซานทำความเข้าใจสาเหตุ ก็มิรู้ว่าผู้ใดแพร่ข่าวออกไปว่าที่ราชสำนักจะสร้างโรงเลี้ยงวัวนั้นมิได้นึกถึงราษฎรแต่ที่คิดจะสร้างโรงเลี้ยงวัวแล้วรีดนมวัวเอาไปให้ฮองเฮาผู้เลวร้ายใช้อาบน้ำแม้ว่านมวัวจะมีกลิ่นคาว แต่เมื่อเทียบกับการไม่มีอะไรกินในยามอดอยากแล้ว นมวัวก็สามารถทำให้ลูกของคนจนส่วนหนึ่งอิ่มท้องได้เมื่อได้ยินว่าการเลี้ยงวัวนมที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้เพื่อให้ฮองเฮาใช้อาบน้ำ ชาวบ้านที่โง่เขลาเหล่านี้ก็โกรธขึ้นมาทันทีพวกเขาจำนวนมากยังมิอาจอิ่มท้องได้ แต่ฮองเฮากลับมิสนใจยังจะให้ทาสเช่นพวกนางเลี้ยงวัวนมเพื่อจะรีดนมวัวไปให้นางอาบน้ำอีกเช่นนี้จะทนได้อย่างไรเล่า!“พวกเรามิต้องการฮองเฮาที่เลวร้ายและทุจริตเช่นนี
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ
เซียวหลินเทียนอยู่บนแท่นสูงเห็นผลิตภัณฑ์นมเหล่านั้นถูกทุกคนลิ้มลองไปอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากของเขาก็ปรากฏความเยาะเย้ยต่อหมู่บ้านที่ค้านการเลี้ยงวัวนมเหล่านั้น เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงตอนแรก หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวสร้างโรงงานยาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินจนทำให้ชาวบ้านท้องถิ่งนั้นร่ำรวยกันขึ้นมา!แต่องค์หญิงหกต้องการจะแย่งโรงงานยาของหลิงอวี๋ จึงซื้อโรงงานยาด้วยราคาที่สูง เกิ่งเสี่ยวหาวโกรธมากก็เลยย้ายโรงงานยาไปที่หมู่บ้านอื่น!หลิงอวี๋กับตนพยายามคิดทุกทางเพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และคิดที่จะช่วยให้ชาวบ้านท้องถิ่นให้ร่ำรวยขึ้น ในเมื่อพวกเขามิเห็นค่าก็มองหมู่บ้านอื่นร่ำรวยด้วยความอิจฉาตาร้อนไปเสียเถิด!กฎหมายมิได้รับผิดชอบต่อทุกคน เมื่อเทียบกับการลงโทษชาวบ้านเหล่านี้ เซียวหลินเทียนคิดว่าการลงโทษที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้พวกเขาได้มองการสูญเสียความร่ำรวยนั้นไป...ฉินซานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเดินตามงานเลี้ยงและแจกใบประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้น ประกาศว่าผลิตภัณฑ์นมจะนำพาผลกำไรทางเศรษฐกิจมาให้เทียบกับการโฆษณาปากเปล่าแล้ว การมีผลิตภัณฑ์นมจำนวนมากวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ทุกคนทั้งได้ลิ
การผ่าตัดเปิดกะโหลก นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันปีของเมืองหลวง!หลิงเสียงกังเลือดท่วม สถานการณ์เร่งด่วนร้ายแรงถึงชีวิตทำให้เหล่าบัณฑิตและราษฎรเหล่านั้นวางความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋ลงชั่วคราวแม้จะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่านอดีตเสนาบดีเป็นบิดาของหลิงเสียงกัง ตามกฎหมายแล้วมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะให้หลิงอวี๋รักษาหรือไม่ และพวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านนางซุนในฐานะภรรยามิได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ การคัดค้านของนางจึงถูกเมินไปหลิงอวี๋พาพวกหลิงหว่านเข้าไปปฐมพยาบาลหลิงเสียงกังข้างในเซียวหลินเทียนมองนางซุนอย่างเย็นชาราวกับมองคนตายนางซุนผู้นี้ใส่ร้ายหลิงอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีความยากบำลาก ก็มิคู่ควรที่จะได้รับการอภัยนางซุนเห็นหลิงเสียงกังถูกล้อมไว้ ส่วนนางนั้นเดียวดายไร้ผู้ใดสนใจ เมื่อเห็นเผยอวี้นั่งอยู่ด้านข้างและมีองครักษ์คนหนึ่งกำลังจัดการบาดแผลให้เขาอยู่นางซุนก็เข้าไปอย่างรู้สึกผิด พลางเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ “แม่ทัพเผย หว่านเอ๋อร์ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิรู้ว่าควรจะเกลียดหรือโกรธนางซุนดี จึงเอ่ยเรียบ ๆ “นางก็ถูกช่วยออกมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็มาถึง!”นางซุนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจแล้วรีบเอ่ย “คนที่ข
“ฉึก… ฉึก...”เสียงลูกธนูคมกริบทั้งสองที่แทงทะลุร่าง ทำให้ราษฎรและบัณฑิตที่พุ่งไปข้างหน้าเมื่อเห็นทหารสองคนถูกยิงเข้าที่อกก็ชะงักอยู่กับที่ทันทียังมิทันที่พวกเขาจะได้ตอบสนองก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมา “ทหารของข้าไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์มิเลือกหน้า คนเลวสองคนนี้คิดจะสังหารพวกเจ้า กระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย มีเจตนาแอบแฝง เป็นความผิดร้ายแรงมิอาจให้อภัยได้!”“ข้าสังหารพวกเขาเป็นการเตือน! ผู้ใดที่กล้ามิฟังคำสั่งและลงมืออีกก็จะมีจุดจบดังเช่นพวกเขา!”ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้นตกตะลึงไปกับฉากนี้ คนที่มีเหตุผลเมื่อคิดแล้วก็เหงื่อออกทั่วร่างหากมิใช่เพราะมือธนูที่ซ่อนตัวอยู่บนที่สูงสังหารมือสังหารที่ก่อเรื่องสองคนนั้น พวกเขาก็จะถูกปลุกปั่น เมื่อเห็นทหารของจักรพรรดิสังหารราษฎร พวกเขาจะพุ่งเข้าไปทุบตีต่อสู้กับเหล่าทหารหรือไม่!ถึงเวลานั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?มิว่าจะเป็นราษฎรหรือทหารที่ตายก็ล้านทำให้จัตุรัสเกิดสถานการณ์นองเลือดที่ไหลดั่งสายน้ำ...เมื่อนึกถึงภาพนองเลือดนั้น ทุกคนก็กลัวจนตัวสั่น!และในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เผยอวี้ก็ขี่ม้าพร้อมแบกหลิงเสียงกังมาออกมาตามทางที
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้
ผู้ป่วยเหล่านี้แต่ละคนต่างก็แย่งกันเล่าว่าหลิงอวี๋รักษาโรคให้พวกเขาอย่างไร จนเสียงดังที่จัตุรัสยิ่งวุ่นวายมากขึ้นแต่ใต้เท้าเถี่ยมิได้คิดจะห้ามแม้แต่น้อยคนที่ด่าเหล่านั้นก็ยังคงตะโกนอย่างมิพอใจ “พวกเจ้าถูกหลิงอวี๋ซื้อตัวเพื่อมาล้างมลทินให้ชื่อของนาง!”“พวกเจ้าจะต้องเห็นว่านางเป็นฮองเฮาจึงได้ตั้งใจจะเอาใจนาง พูดดีกับนาง!”ครอบครัวผู้ป่วยคนหนึ่งมีคนด่าที่ลุกออกไปด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครอบครัวนั้นก็ทนมิไหวแล้วซัดหมัดให้หน้าคนที่ด่าไปเต็ม ๆ“พล่ามไร้สาระอะไรของเจ้า ข้ามิเคยได้รับเงินจากฮองเฮาสักตำลึง!”“เรามีกันมากถึงเพียงนี้ ล้วนรู้บุญคุณของฮองเฮา มิอยากเห็นพระนางที่มีความคิดที่ดีต่อราษฎรเช่นนี้ต้องถูกคำต่ำช้าเยี่ยงพวกเจ้าใส่ร้าย!”“หมู่บ้านข้าก็มีคนมา เจ้ามิเชื่อคำพูดของข้าก็ไปถามคนในหมู่บ้านว่าฮองเฮาส่งคนไปจ่ายเงินซื้อพวกเราหรือไม่?”“หากฮองเฮาซื้อพวกเราได้ แล้วพระนางจะสามารถซื้อตัวคนในหลายหมู่บ้านทั้งหมดนั้นได้หรือ?”คนที่ด่าเหล่านั้นเห็นว่าคนนับมิถ้วนส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้พวกเขา คนที่ด่าคนหนึ่งยังคงเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “พูดเรื่องพวกนี้หาได้มีประโยชน์ไม่… ต้องให้หลิงเส
เมื่อไต่สวนคดีนี้แล้ว หลี่ต้าหนิวมิเพียงแต่มิถูกลงโทษ แต่ยังได้รับชื่อเสียงที่ดีมากอีกด้วย ครอบครัวผู้เสียหายเหล่านั้นก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่ต้าหนิววันที่อาคารศึกษาถล่ม พวกเขาโกรธจนมีคนวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหนิวแล้วทุบบ้านเขาจนพังตอนนี้เมื่อรู้ว่าถูกคนทำให้เข้าใจหลี่ต้าหนิวผิด คนเหล่านั้นจึงละอายกับการกระทำของตน“เมื่อพูดเรื่องของหลี่ต้าหนิวกระจ่างแล้ว ตอนนี้จะไต่สวนคดีที่หลิงอวี๋เรียกเงินค่ารักษาเกินจริงและเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”ใต้เท้าเถี่ยเป็นคนที่เที่ยงตรงมิเห็นแก่หน้าใครอย่างแท้จริง ยามไต่สวนคดีก็ถือว่าหลิงอวี๋เป็นคนผิด มิเรียกแม้แต่ฮองเฮาแต่เรียกชื่อออกไปตรง ๆการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากบัณฑิตอย่างล้นหลาม พวกเขารู้สึกว่าใต้เท้าเถี่ยจะต้องตัดสินคดีโดยยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแน่นอนเมื่อเห็นหลิงอวี๋แต่งกายด้วยชุดฮองเฮา รอให้คดีตัดสินเสร็จสิ้น นางจะไม่มีวาสนาได้แต่งชุดฮองเฮาอีกต่อไป!ใต้เท้าเถี่ยยังมิได้รับข่าวว่าเผยอวี้พาตัวหลิงเสียงกังกลับมา ภายนอกเขาดูสงบ แต่กลับแอบมองไปทางแม่ทัพสือตอนนี้คำให้การของหลิงเสียงกังสำคัญที่สุด หากเขามิมาให้การ คำให้การของพวกท่านอดีตเสน
เถ้าแก่เหอถูกใต้เท้าเถี่ยรัวคำถามใส่ก็พูดมิออก เหงื่อเย็นพลันผุดออกมาเต็มไปหมด“เถ้าแก่เหอ ข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับร้านตั๋วเงินมาแล้ว ทั้งยังมีผู้ที่อยู่แถวนั้นอีกหลายสิบคน วันที่ในสมุดบัญชีเจ้าบันทึกว่าหลี่ต้าหนิวไปฝากเงินสองแสนไว้ ไม่มีผู้ใดเห็นหลี่ต้าหนิวมาฝากเงินเลย!”“สองแสนนี้มาโผล่ในสมุดบัญชีอย่างน่าประหลาดได้อย่างไร?”“หรือเจ้ามิพอใจหลี่ต้าหนิวจึงจงใจปลอมแปลงบัญชีเพื่อกล่าวหาเท็จว่าเขาทุจริต?”เถ้าแก่เหอทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนออกไป “ใต้เท้าเถี่ย ข้าหรือจะกล้ากล่าวหาหลี่ต้าหนิวอย่างเป็นเท็จ มีคนที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนหลี่ต้าหนิวเอาตั๋วเงินของร้านตั๋วเงินไท่เหอมาที่ร้านตั๋วเงินสี่หลายแล้วฝากในชื่อของหลี่ต้าหนิวจริง ๆ ขอรับ!”“ตอนนั้นเขาใช้ตั๋วเงิน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาขนย้าย!”“คล้ายหลี่ต้าหนิว มิได้หมายความว่าคนที่มาฝากเงินคือหลี่ต้าหนิว เงินนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจใช้ชื่อเขาฝากเงินเพื่อใส่ร้ายหลี่ต้าหนิว ใช่หรือไม่?”“ขอรับ!” เถ้าแก่เหอทำได้เพียงยอมรับ“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเรื่องที่พวกเจ้าฟ้องร้องว่าหลี่ต้าหนิวทุจริตเงินก่อสร
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้