เฮ่อเฉียง!หลิงอวี๋เชื่อในหูตนเองว่าไม่มีทางฟังผิดไปแม้ว่าเฮ่อเฉียงจะมิได้พูดคุยกับตนเองมากนัก แต่โทนเสียงของเขานั้นหลิงอวี๋ไม่มีทางลืมเฮ่อเฉียงเป็นทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นหัวหน้าหอจะมิใช่เฮ่อหรงหรือ?หลิงอวี๋มิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่า เฮ่อหรงจะมีความเกี่ยวข้องกับหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นที่เซียวหลินเทียนบอกว่าเขาแกล้งป่วยทั้งหมดนั่นก็สมเหตุสมผลแล้วมีเพียงแค่คนป่วยกระเสาะกระแสะมิดึงดูดความสนใจใครเท่านั้น จึงจะมีโอกาสมิพบใครเลยได้ตลอดทั้งปี แล้วแอบไปทำการค้าลับ ๆ เหล่านี้ได้และมีเพียงผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจเหนือใครเช่นเฮ่อหรงเท่านั้น จึงจะกล้าช่วยมือสังหารเหล่านั้นออกมาจากศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ แล้วเหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาโดยมิรู้ตัวเฮ่อเฉียงสามารถนั่งตำแหน่งทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรีได้ ความสามารถกับวรยุทธล้วนต้องแข็งแกร่งมาก นางจะเดินออกไปเงียบ ๆ โดยมิถูกจับได้ได้หรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เฮ่อเฉียงก็เอ่ยขึ้นมา “เจ้าได้รับบาดเจ็บ คืนนี้ก็อยู่ที่ทางลับนี่อย่าออกไปไหน คนของท่านอ๋องอี้ที่อยู่ด้านนอกจะต้องค้นหาไปทั่วทุกที่แน่นอน หลบอยู่สักคื
ขณะที่หลิงอวี๋นอนคว่ำหน้าพักผ่อนอยู่ที่พื้น นางก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่พื้นแล้วก็มีเสียงรัวกลองดังมาราง ๆ ด้วยหลิงอวี๋ตกใจลุกขึ้นนั่งเฮ่อเฉียงคิดจะทำอะไรอีก?หรือว่าเขาพบว่ามีคนแอบบุกเข้ามาในห้องลับเลยกำลังเรียกคนมาจับตน?หากตนเป็นเฮ่อเฉียง เวลานี้จะทำสิ่งใดกันนะ?หลิงอวี๋ลองคิดกลับกันพลางเคลื่อนที่ออกไปอย่างเงียบ ๆตอนนี้ในห้องลับยังมีมือสังหารอยู่อีกหนึ่งคน เฮ่อเฉียงใช้งานเขาเช่นนี้ทั้งยังยอมให้เขามาซ่อนตัวที่ห้องลับอีก ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คนผู้นี้ต้องมีความสามารถโดนเด่นหากกลับไปทางเดิมก็อาจจะเป็นการหาเรื่องยุ่งให้ตนเองแล้วไปเจอเข้ากับเฮ่อหรงกับเฮ่อเฉียงเอาได้เช่นนั้นทางที่เหลือที่สามารถหนีออกไปได้ก็มีเพียงเส้นทางที่ตนอยู่นี่แต่เส้นทางห้องลับนี้จะไปสถานที่ใดกัน หากตนออกไปแล้วจะเจอกำลังพลมารอจับตนอยู่หรือไม่หลิงอวี๋กังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางคุยกับหานอวี้ไว้แล้วว่า ตอนกลางคืนตนจะกลับไปเจอนาง ให้หานอวี้ช่วยปิดบังให้ตนด้วยหากตนมิกลับไป แล้วหากเฮ่อเฉียงตรวจสอบนางรับใช้พบว่าตนหายไปจากนิสัยที่สามารถฆ่าคนโดยมิกะพริบตาได้ขอ
“บอกมา หลิงเอ๋อร์เล่า?”เฮ่อเฉียงพูดประโยคนี้ลอดไรฟันออกมาหานอวี้จึงคุกเข่าลง “พ่อ… พ่อบ้านเฮ่อ… หลิงเอ๋อร์ยังมิกลับมาเจ้าค่ะ มิรู้ว่านางยังอยู่ที่ทางห้องครัวหรือไม่ นาง… นางค่อนข้างมึนงง จำเส้นทางมิค่อยได้เจ้าค่ะ!”แม่นางลั่วได้ยินจึงเอ่ย “บางทีอาจจะหลงทางแล้วกลับไปที่ครัวจริง ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ! พ่อบ้านเฮ่อ บ่าวจะไปหาเองเจ้าค่ะ!”เฮ่อเฉียงขยิบตาแล้วองครักษ์ผู้หนึ่งก็เดินออกไปแต่เขาเดินไปมิทันถึงประตูเรือนก็เห็นนางรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว “แม่นางลั่ว ทางห้องครัวมีองครักษ์ผู้หนึ่งมิระวังลืมดับไฟ ไฟก็เลยลุกไหม้ของแห้งบางส่วนแล้วเจ้าค่ะ...”“ว่ากระไรนะ? เหตุใดเขาจึงมิระวังเช่นนั้น!”แม่นางลั่วได้ยินว่าไฟลุกไหม้ก็ร้อนใจลากนางรับใช้รีบวิ่งไปทันทีนางรับใช้ผู้นั้นจึงเอ่ยอย่างกังวล “แม่นางลั่ว โชคดีที่หลิงเอ๋อร์อยู่ด้วย นางกับข้าจึงช่วยกันดับไฟแล้ว นางกำลังเก็บของอยู่ ให้ข้ามาบอกเจ้าว่านางมารวมตัวด้วยมิได้แล้ว!”“เวลานี้ยังจะรวมตัวอะไรอีก พ่อบ้านเฮ่อ คนของข้าอยู่ครบ ข้าต้องรีบกลับไปดูว่าของเสียหายไปเท่าใด! เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องไปถึงงานอภิเษกสมรสด้วยเจ้าค่ะ!”แม่นางลั่
ส่วนพี่เฉินผู้นี้ หลิงอวี๋วิ่งกลับมาที่ครัวแล้วเห็นว่าเขาขโมยของกิน ตอนนั้นหลิงอวี๋มิได้ตะโกนออกมาแต่หลิงอวี๋อาศัยที่เขากำลังจะไปพร้อมถือตะเกียงน้ำมันนั้นหลบอยู่ในความมืดแล้วจงใจแทงเข็มเงินแทงเข้าที่ขาของเขาตอนที่เขาเดินผ่านห้องของแห้ง พี่เฉินจึงล้มลง ตะเกียงน้ำมันก็ตกลงไปบนหญ้าแห้งด้านข้างแล้วติดไฟขึ้นมาทันทีกระทั่งไฟลุกขึ้นมาเยอะแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้รีบตะโกนเรียกนางรับใช้ให้มาช่วยกันดับไฟนางรับใช้ได้ยินหลิงอวี๋บอกว่าหลงทางแล้วนอนกับนาง นางเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงนอนเร็วจนสะลึมสะลืออยู่เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนี้นางก็คิดว่าตนหลับลึกไปแล้วหลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาทีหลังก็เลยมิได้สงสัยหลิงอวี๋จึงรอดพ้นไปได้เช่นนี้หลังจากยุ่งมานาน แม่นางลั่วเองก็มิได้ลงโทษ เห็นว่าดึกมากแล้วจึงด่าไปเล็กน้อยแล้วให้พวกหลิงอวี๋ไปนอนก่อนพวกคนในครัวเพิ่งได้พักไปมิกี่ชั่วยามก็ถูกแม่นางลั่วเรียกมาทำงานแล้วหลิงอวี๋ถือโอกาสแนะนำหานอวี้ให้แม่นางลั่วรู้จัก แม่นางลั่วจึงมิรีรอและไปพาตัวมาเลยเมื่อหานอวี้เห็นหลิงอวี๋ ใจที่กังวลมาทั้งคืนก็กลับเข้าที่แล้ว“พระชายา ท่านเจอของที่ตามหาหรือไม่เจ้าคะ?” หานอวี้ทำง
มือสังหารเหล่านี้ถูกท่านอ๋องเฉิงส่งตัวไปขังที่ฝ่ายในราชสำนักแล้ว ท่านอ๋องเฉิงยังให้กลุ่มแม่ทัพกว่าร้อยคนที่ประจำการอยู่เมืองหลวงมาประจำการที่ฝ่ายในราชสำนักเป็นการชั่วคราวด้วย เพื่อป้องกันมิให้มือสังหารเหล่านี้ถูกช่วยออกไป มิรู้ว่าท่านอ๋องเฉิงไปพูดอย่างไรกับจักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันจึงได้อนุญาตเซียวหลินเทียนอ่านข้อความที่หลิงอวี๋ส่งมาเสร็จแล้วก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็เรียกเผยอวี้ ฉินซาน หลี่ว์จงเจ๋อและอันเจ๋อมา จากนั้นทั้งห้าคนก็วางแผนร่วมกันช่วงก่อนหน้านี้ฉินซานมิได้มาที่ตำหนักอ๋องอี้เลยเนื่องจากเรื่องของฉินรั่วซือ จึงรักษาระยะห่างกับเซียวหลินเทียนไปเขารู้สึกละอายที่จะเจอเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ฉินรั่วซือน้องสาวตนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงกับเผยแพร่ข่าวเท็จเรื่องโสมโลหิตออกไปทั่วเพื่อตำแหน่งชายารองของท่านอ๋องอี้ และยุยงให้องค์ชายทั้งสองมิลงรอยกันที่ภัตตาคารจี๋เสียง เรื่องน่าอายที่ฉินรั่วซือทำไว้ไปถึงหูของฉินซาน ฉินซานจึงกลับไปดุด่าฉินรั่วซืออย่างรุนแรงฮูหยินฉินได้ยินแล้วก็ทั้งผิดหวังทั้งปวดใจ นางมิได้ตักเตือนฉินรั่วซือ เพียงแต่เอ่ยเรียบ ๆ “รั่วซือ เจ้าไปอยู่ที่วัดประจำตระกู
งานอภิเษกสมรสของอ๋องหรงพระโอรสในองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่จึงกลับไปเตรียมตัวที่จวนอ๋องหรงก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยจวนอ๋องหรงเริ่มประดับประดาไฟต่าง ๆ และตกแต่งโถงจัดงานแล้วหลิงอวี๋มิได้ไปสำรวจที่ทางลับอีก แล้วอยู่ช่วยแม่นางหลิงจัดการที่ครัวกับหานอวี้องค์หญิงใหญ่ก็มาตรวจสอบเรื่องอาหารด้วยตนเอง แต่ก็มิได้สงสัยหลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋กับหานอวี้ต่างรอวันรุ่งขึ้นและจะอาศัยช่วงพิธีอภิเษกสมรสที่กำลังชุลมุนออกไปจากจวนอ๋องหรงหลิงอวี๋ยังต้องเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสอีก ก่อนหน้านี้นางให้เรือนหยกอำไพเตรียมชุดสำหรับเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสให้ตนและส่งไปที่ตำหนักอ๋องอี้แล้ววันรุ่งขึ้นฟ้ายังมิทันสว่าง ทุกคนในครัวต่างก็ยุ่งง่วนกันแล้วหลิงอวี๋รอให้กลุ่มที่ไปรับเจ้าสาวออกเดินทางแล้วปะปนเข้าไปในกลุ่มนางรับใช้ที่ไปรับเจ้าสาวออกจากจวนอ๋องหรงไปหานอวี้ยังอยู่ที่นี่ นางยังต้องไปคุ้มกันหลิงเยี่ยนมิให้ถูกฆ่าปิดปากก่อนหลิงอวี๋เดินทางกับกลุ่มคนไปตามถนน แล้วก็เห็นกลุ่มคนจำนวนมากมาดูกันอยู่ที่มุมถนน นางจึงจงใจเดินรั้งท้ายแล้วแฝงเข้าไปในฝูงชนและเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่งร้านค้านี้เป็นร้านของครอบครัวเกิ่งเส
งานแต่งงานของฉินตะวันตกจะเป็นการรับตัวเจ้าสาวในตอนเช้า และคู่บ่าวสาวจะเข้าหอกันก่อนพลบค่ำ การรับเจ้าสาวเข้าหอจะเป็นพิธีแต่งงานส่วนที่คึกคักที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีรายละเอียดซับซ้อนที่สุดหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนกลับมาถึงตำหนักอ๋องอี้ก็เปลี่ยนชุดแล้วไปรอพิธีรับเจ้าสาวที่จวนอ๋องหรงตลอดทางไปจวนอ๋องหรงล้วนถูกปิดมิให้ผู้คนทั่วไปสัญจร และมีองครักษ์ยืนอยู่ทุก ๆ สองถึงสามเมตร เพื่อช่วยรักษาความเรียบร้อยให้จวนอ๋องหรงนี่ก็เป็นการเปิดทางให้จักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาที่จะเดินทางมาด้วยเช่นกันรถม้าของเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มาถึงที่มุมถนนก็ห้ามเข้าไปด้านในแล้ว ทั้งสองจึงลงจากรถม้าแล้วเดินไป ด้านหลังก็มีพวกองครักษ์เช่นลู่หนานและพวกนางรับใช้เช่นหานเหมยตามมาด้วยวันนี้อ๋องหรงเป็นเจ้าภาพ องค์หญิงใหญ่เป็นผู้อาวุโส พ่อบ้านไม่มีสิทธิ์มากพอให้ออกมารับแขก ผู้ที่เป็นตัวแทนของเฮ่อหรงออกมารับแขกก็คือ เฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยและองค์ชายเว่ยที่ได้รับการยกโทษให้กลับมาเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสองค์ชายเว่ยใส่ชุดคลุมองค์ชายสีม่วงทั้งตัว พร้อมยืนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้ม คนที่มิรู้ก็ดูมิออกเลยแม้แต่น้อยว่า องค์ชายเว
ตามมาด้วยขุนนางผู้ใหญ่ที่ได้รับเชิญซึ่งทยอยกันมา จ้าวเจินเจินกับองค์ชายคังก็มาแล้ว จากนั้นองค์ชายอิงก็มาชมพิธีพร้อมกับเหล่าองครักษ์ องค์ชายหนิงก็มาด้วยเช่นกันต่อจากนั้น จักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาก็มาถึงภายใต้การคุ้มกันของกองทัพหลวง ทั้งสองลงจากรถม้าพระที่นั่งที่หน้าประตูจวนอ๋องหรงเวลานี้ เฮ่อหรงก็พากลุ่มที่ไปรับตัวเจ้าสาวมาถึงมุมถนนแล้วเช่นกันองครักษ์โห่ร้องเสียงดัง “เตรียมรับตัวเจ้าสาว...”องค์หญิงใหญ่อยู่ข้างในได้ยินดังนั้น ก็รีบสั่งคนย้ายเตาไฟไปรอรับคู่บ่าวสาวเข้าเรือนจักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาก็ยืนยิ้มอยู่ข้างบนรอดูเฮ่อหรงรับตัวเจ้าสาวมาไทเฮาตารื้นไปด้วยความตื่นเต้น ตนยังได้คืนดีกับพระธิดาในตอนที่มีชีวิตอยู่ ได้เห็นพระโอรสคนเดียวของนางแต่งงานมีลูก ชีวิตนี้มิเสียใจอะไรแล้วหลิงอวี๋ลากเซียวหลินเทียนไปด้านข้าง เขากุมมือของนางไว้ ทั้งสองคนมีความคิดเช่นเดียวกันนั่นคือ จะเข้าประตูนี้ไปมิได้สตรีผู้บริสุทธิ์เช่นมู่หรงชิ่ง จะแต่งงานเข้าจวนอ๋องหรงเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน!ทั้งสองรออยู่อย่างอดทน วันนี้เซียวหลินเทียนให้ท่านอ๋องเฉิงไปบอกกับมู่หรงเหยียนซงตอนที่ส่งของกำนัลให้แล้ว พวกเขาแค่ร
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่