งานแต่งงานของฉินตะวันตกจะเป็นการรับตัวเจ้าสาวในตอนเช้า และคู่บ่าวสาวจะเข้าหอกันก่อนพลบค่ำ การรับเจ้าสาวเข้าหอจะเป็นพิธีแต่งงานส่วนที่คึกคักที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีรายละเอียดซับซ้อนที่สุดหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนกลับมาถึงตำหนักอ๋องอี้ก็เปลี่ยนชุดแล้วไปรอพิธีรับเจ้าสาวที่จวนอ๋องหรงตลอดทางไปจวนอ๋องหรงล้วนถูกปิดมิให้ผู้คนทั่วไปสัญจร และมีองครักษ์ยืนอยู่ทุก ๆ สองถึงสามเมตร เพื่อช่วยรักษาความเรียบร้อยให้จวนอ๋องหรงนี่ก็เป็นการเปิดทางให้จักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาที่จะเดินทางมาด้วยเช่นกันรถม้าของเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มาถึงที่มุมถนนก็ห้ามเข้าไปด้านในแล้ว ทั้งสองจึงลงจากรถม้าแล้วเดินไป ด้านหลังก็มีพวกองครักษ์เช่นลู่หนานและพวกนางรับใช้เช่นหานเหมยตามมาด้วยวันนี้อ๋องหรงเป็นเจ้าภาพ องค์หญิงใหญ่เป็นผู้อาวุโส พ่อบ้านไม่มีสิทธิ์มากพอให้ออกมารับแขก ผู้ที่เป็นตัวแทนของเฮ่อหรงออกมารับแขกก็คือ เฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยและองค์ชายเว่ยที่ได้รับการยกโทษให้กลับมาเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสองค์ชายเว่ยใส่ชุดคลุมองค์ชายสีม่วงทั้งตัว พร้อมยืนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้ม คนที่มิรู้ก็ดูมิออกเลยแม้แต่น้อยว่า องค์ชายเว
ตามมาด้วยขุนนางผู้ใหญ่ที่ได้รับเชิญซึ่งทยอยกันมา จ้าวเจินเจินกับองค์ชายคังก็มาแล้ว จากนั้นองค์ชายอิงก็มาชมพิธีพร้อมกับเหล่าองครักษ์ องค์ชายหนิงก็มาด้วยเช่นกันต่อจากนั้น จักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาก็มาถึงภายใต้การคุ้มกันของกองทัพหลวง ทั้งสองลงจากรถม้าพระที่นั่งที่หน้าประตูจวนอ๋องหรงเวลานี้ เฮ่อหรงก็พากลุ่มที่ไปรับตัวเจ้าสาวมาถึงมุมถนนแล้วเช่นกันองครักษ์โห่ร้องเสียงดัง “เตรียมรับตัวเจ้าสาว...”องค์หญิงใหญ่อยู่ข้างในได้ยินดังนั้น ก็รีบสั่งคนย้ายเตาไฟไปรอรับคู่บ่าวสาวเข้าเรือนจักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาก็ยืนยิ้มอยู่ข้างบนรอดูเฮ่อหรงรับตัวเจ้าสาวมาไทเฮาตารื้นไปด้วยความตื่นเต้น ตนยังได้คืนดีกับพระธิดาในตอนที่มีชีวิตอยู่ ได้เห็นพระโอรสคนเดียวของนางแต่งงานมีลูก ชีวิตนี้มิเสียใจอะไรแล้วหลิงอวี๋ลากเซียวหลินเทียนไปด้านข้าง เขากุมมือของนางไว้ ทั้งสองคนมีความคิดเช่นเดียวกันนั่นคือ จะเข้าประตูนี้ไปมิได้สตรีผู้บริสุทธิ์เช่นมู่หรงชิ่ง จะแต่งงานเข้าจวนอ๋องหรงเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน!ทั้งสองรออยู่อย่างอดทน วันนี้เซียวหลินเทียนให้ท่านอ๋องเฉิงไปบอกกับมู่หรงเหยียนซงตอนที่ส่งของกำนัลให้แล้ว พวกเขาแค่ร
“มิพอใจ?”มู่หรงเหยียนซงขมวดคิ้วอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็หัวเราะแล้วมองไปทางจักรพรรดิอู่อัน แล้วเขาก็ก้าวไปข้างหน้า ประสานมือให้จักรพรรดิอู่อันพลางเอ่ยเสียงแข็ง“ฝ่าบาท กระหม่อมมายังฉินตะวันตกตามคำสั่งของเสด็จพ่อ มาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้ดี! กระหม่อมมิได้มิพอใจการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แต่กระหม่อมทนให้องค์หญิงชิ่งแต่งงานเข้าจวนอ๋องหรงเช่นนี้มิได้!”“กระหม่อมต้องการกราบทูลฟ้องร้องตระกูลเฮ่อ พระชายาเว่ย และเฮ่อหรงที่วางแผนใส่ร้ายกระหม่อมเพื่อต้องการบีบให้กระหม่อมยอมรับการแต่งงาน...”ทันทีที่คำพูดเช่นออกมา มิเพียงแต่ขุนนางผู้ใหญ่ที่ดูอยู่เท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ราษฎรที่มาดูความครึกครื้นเองก็ตกตะลึงไปเช่นกันการแต่งงานนี้ถูกบังคับหรอกหรือ?จักรพรรดิอู่อันใจเต้นรัว ความเสียใจของมู่หรงเหยียนซงนี้เขามิได้เตรียมพร้อมเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้น นี่มิใช่เรื่องภายในของตนเอง นี่คือเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น!“องค์ชายจิ้น เมื่อคืนเจ้าดื่มมากเกินไปหรือไม่ ยังมิสร่างเมามาพูดจาเหลวไหลอะไรกัน!”เฮ่อหรงเห็นสถานการณ์มิดี จึงแสร้งพูดไปพลางเปิดม่านเกี้ยวไปด้วย คิ
มู่หรงเหยียนซงอดกลั้นความโกรธไว้นานแล้ว เมื่อเจอจักรพรรดิอู่อันซักถามเช่นนี้ก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย “หนังสือมีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมคิดว่าอธิบายจากปากจะดีกว่า!”มู่หรงเหยียนซงเล่าออกมาว่าตนเองถูกเฮ่อหรงเชิญไปที่หมู่บ้านตระกูลเฮ่ออย่างไร แล้วถูกเฮ่อหรงใส่ยาลงในเหล้า เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าหลิงเยี่ยนนอนอยู่ข้าง ๆ ตนเมื่อเล่าไปถึงตรงนี้ หลิงเสียงเซิงก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ “องค์ชายจิ้น ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหล เยี่ยนเอ๋อร์ของกระหม่อมถูกส่งไปที่ตำหนักองค์ชายเว่ย จะไปที่หมู่บ้านตระกูลเฮ่อได้เยี่ยงไร!”หวางซือก็หน้าซีดไปเช่นกัน หลิงเยี่ยนถูกองค์ชายเว่ยรับเข้าตำหนักองค์ชายเว่ย เดิมทีหลังจากสามวันจะต้องกลับบ้านนางยังเตรียมงานเลี้ยงอย่างตื่นเต้นด้วยซ้ำ ไหนเลยจะคิดว่าพระชายาเว่ยจะส่งคนมาบอกว่า หลิงเยี่ยนแพ้ท้องออกไปไหนมิได้ จึงยกเลิกการกลับบ้านหวางซือก็มิได้คิดอะไรมาก นางรู้สึกว่า องค์ชายเว่ยให้ความสำคัญกับลูกในท้องของหลิงเยี่ยนจึงได้มารับหลิงเยี่ยนเข้าตำหนักไป และจะต้องดูแลหลิงเยี่ยนเป็นอย่างดีแน่นอนมู่หรงเหยียนซงมิสนใจคนต่ำต้อยเช่นหลิงเสียงเซิง พลางเอ่ยกับจักรพรรดิอู่อันด้วยเหตุผล “กระห
ทันทีที่หลิงอวี๋พูดสิ่งนี้ออกไป ทุกคนก็ตะลึงไปทันทีเฮ่อหรงกับองค์หญิงใหญ่ต่างก็ตะคอกเสียงแข็ง “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายผู้อื่น!”องค์หญิงใหญ่จึงยิ่งตะโกนใส่จักรพรรดิอู่อันกับไทเฮาด้วยความโกรธ “ฝ่าบาท ไทเฮา พวกท่านดู… พวกท่านดูเถิด...”“นี่หากคนนอกใส่ร้ายเราก็ช่างเถิด ตอนนี้แม้แต่หลานสะใภ้ก็มาสาดโคลนใส่พวกเราด้วย นี่คือมิชอบที่พวกเรากลับมาแย่งความโปรดปรานของพวกเขาหรือ?”“ไทเฮา หากมิจัดงานแต่งงานนี้แล้ว หม่อมฉันจะพาหรงเอ๋อร์กลับอารามจิ้งซือแล้วก็ได้เพคะ!”พูดแล้ว องค์หญิงใหญ่ก็บีบน้ำตาออกมาไทเฮาโอบกอดองค์หญิงใหญ่ไว้แล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างมิพอใจนัก แต่คำที่พูดออกมาก็ยังมิเป็นการเข้าข้างผู้ใด“อาอวี๋ จะพูดสิ่งใดออกมาลอย ๆ มิได้ เจ้ามีหลักฐานจริงหรือไม่?”คำพูดของไทเฮาทำให้หลิงอวี๋ค่อนข้างปลื้มใจ อย่างน้องนางก็มิได้ลืมว่าตนดีต่อนาง“กราบทูลไทเฮา หลิงอวี๋มิได้พูดลอย ๆ เพคะ ขอเพียงให้คนเข้าไปตรวจค้น จะต้องพบหลิงเยี่ยนแน่นอนเพคะ!”“อย่ามาก่อเรื่อง วันนี้เป็นงานอภิเษกสมรสของท่านอ๋องหรง จะให้เข้าไปตรวจค้นสุ่มสี่สุ่มห้าได้เยี่ยงไรกัน?”เว่ยเฉิงอดมิได้ที่จะลุกออกมา “พระชายาอ
จักรพรรดิอู่อันเห็นท่าทางน้อยใจขององค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกผิดอยู่ในใจเขามองหลิงอวี๋อย่างมิพอใจพลางเอ่ยเสียงเรียบ “หลิงอวี๋ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าการใส่ความจะต้องถูกเฆี่ยนสามสิบครั้ง?”นี่คือการเตือนให้หลิวอวี๋เก็บคำพูดของตนกลับไปหลิงอวี๋รู้อยู่แก่ใจดีจึงเอ่ยเรียบ ๆ “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋เชื่อว่าเสด็จพ่อจะทรงจัดการอย่างเป็นธรรมและให้ความเสมอภาคแก่ทั้งสองฝ่ายเพคะ!”นี่คือคำพูดต่อต้านจักรพรรดิอู่อันแม้แต่คนที่ซื่อตรงที่สุดก็โกรธได้เช่นกัน หลิงอวี๋เห็นมือสังหารขององค์ชายเว่ยลอบสังหารเซียวหลินเทียนหลายครั้งแล้ว ทว่าทุกครั้งจักรพรรดิอู่อันก็ลงโทษองค์ชายเว่ยมิได้เจ็บปวดเลยครั้งนี้ก็มาขู่ตนว่าจะเฆี่ยนสามสิบครั้งเพื่อองค์หญิงใหญ่อีก!เช่นนั้นก็ได้ หลิงอวี๋รับการเฆี่ยนได้ แต่เรื่องที่องค์ชายเว่ยกับอ๋องหรงทำผิดก็ต้องได้รับเช่นกันองค์ชายคังตะโกนเรียกองครักษ์มากลุ่มหนึ่งอย่างรอมิไหว กำลังคิดจะพุ่งเข้าไปในจวนอ๋องหรง ก็เห็นว่ามีเสียงตะคอกโกรธเคืองดังมาจากด้านในเสียก่อน“เซียวหลินเยี่ยน ท่านอธิบายกับกระหม่อมมา หลานสาวกระหม่อมถูกส่งตัวเข้าไปที่ตำหนักองค์ชายเว่ยในฐานะชายารอง แต่เหตุใดกลับถูกขังอ
มิเพียงแต่ทุกคน จักรพรรดิอู่อันเองพอคิดดูก็เข้าใจความหมายที่องค์ชายอิงมิได้พูดออกมาเขามองไปทางเฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยอย่างน่ากลัว ยังมิทันที่องค์ชายอิงจะได้พูดออกมา จักรพรรดิอู่อันก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ท่านอดีตเสนาบดีจับตัวหลิงเยี่ยนเข้าไปเพื่อใส่ร้ายอ๋องหรง?”“แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ความทรงจำยังดีอยู่ พระชายาเว่ย เมื่อครู่เจ้าบอกมิใช่หรือว่า หลิงเยี่ยนไปบำรุงครรภ์ที่ตำหนักสวนท้อ?”“ตำหนักสวนท้อเป็นตำหนักพักร้อนขององค์ชายเว่ยอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายร้อยลี้กระมัง ท่านอดีตเสนาบดีเดินทางไกลไปถึงตำหนักสวนท้อเพื่อพาตัวหลิงเยี่ยนกลับมา แล้วพาตัวหลิงเยี่ยนกับนางรับใช้สองคนนี้เข้าไปในจวนอ๋องหรงด้วยกำลังของคนคนเดียวน่ะรึ!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ คนจวนอ๋องหรงล้วนหูหนวกตาบอด ปล่อยให้พวกท่านอดีตเสนาบดีเข้าออกได้อย่างอิสระรึ?”คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่องค์ชายอิงคิด แต่มีหรือที่จักรพรรดิอู่อันจะปล่อยให้เขาพูดก่อน หากเป็นเช่นนั้นจะมิเห็นได้ชัดหรือว่าจักรพรรดิเช่นตนนั่นโง่เขลาดังที่องค์ชายอิงพูด?คำพูดของจักรพรรดิอูอันทำให้เฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยพูดมิออกเลยองค์หญิงใหญ่กับองค์ชายเว่ยเห็นว่า สถานกา
มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามติด ๆ กัน ทั้งยังดึงให้คดีที่ผิดทิศทางกลับมาเข้าที่ด้วยจักรพรรดิอู่อันมองไปทางเฮ่อหรงอย่างเย็นชา เฮ่อหรงจึงคุกเข่าลงอย่างจนใจพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ฝ่าบาท หลานมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”“หลานชื่นชอบองค์หญิงชิ่ง… แต่ร่างกายหลานมิแข็งแรงมาโดยตลอด ดังนั้นจึงมิกล้าคิดว่าจะสามารถแต่งงานกับองค์หญิงชิ่งได้!”“วันนั้นหลานเชิญองค์ชายจิ้นไปกินดื่มพูดคุยกันที่หมู่บ้านจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ หลานคิดว่า อีกมินานองค์หญิงชิ่งก็จะกลับเยวี่ยใต้แล้ว จึงอยากจะใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”“ผลก็คือ หลานดื่มไปเพียงมิกี่แก้วก็หมดสติแล้ว! หลังจากฟื้นขึ้นมาจึงได้รู้ว่าองค์ชายจิ้นเข้าวังมาคุยเรื่องแต่งงานกับฝ่าบาท!”เฮ่อหรงเอ่ยอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท หลานมิรู้จริง ๆ ว่าหลิงเยี่ยนมาอยู่ที่จวนอ๋องหรงได้เยี่ยงไร! จวนอ๋องหรงนี้ฝ่าบาทเพิ่งประทานให้หลานเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง คนรับใช้ในตำหนักเหล่านี้หลานก็ยังมิได้รู้จักมักคุ้นมากนักด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงใหญ่ฟังถึงตรงนี้แล้วก็ช่วยเอ่ย “ฝ่าบาท บางทีรองราชองครักษ์เฮ่อกับพระชายาเว่ยอาจจะสงสารหรงเอ๋อร์ก็ได้นะเพคะ มิอยากให้เขาต
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่