มิเพียงแต่ทุกคน จักรพรรดิอู่อันเองพอคิดดูก็เข้าใจความหมายที่องค์ชายอิงมิได้พูดออกมาเขามองไปทางเฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยอย่างน่ากลัว ยังมิทันที่องค์ชายอิงจะได้พูดออกมา จักรพรรดิอู่อันก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ท่านอดีตเสนาบดีจับตัวหลิงเยี่ยนเข้าไปเพื่อใส่ร้ายอ๋องหรง?”“แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ความทรงจำยังดีอยู่ พระชายาเว่ย เมื่อครู่เจ้าบอกมิใช่หรือว่า หลิงเยี่ยนไปบำรุงครรภ์ที่ตำหนักสวนท้อ?”“ตำหนักสวนท้อเป็นตำหนักพักร้อนขององค์ชายเว่ยอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายร้อยลี้กระมัง ท่านอดีตเสนาบดีเดินทางไกลไปถึงตำหนักสวนท้อเพื่อพาตัวหลิงเยี่ยนกลับมา แล้วพาตัวหลิงเยี่ยนกับนางรับใช้สองคนนี้เข้าไปในจวนอ๋องหรงด้วยกำลังของคนคนเดียวน่ะรึ!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ คนจวนอ๋องหรงล้วนหูหนวกตาบอด ปล่อยให้พวกท่านอดีตเสนาบดีเข้าออกได้อย่างอิสระรึ?”คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่องค์ชายอิงคิด แต่มีหรือที่จักรพรรดิอู่อันจะปล่อยให้เขาพูดก่อน หากเป็นเช่นนั้นจะมิเห็นได้ชัดหรือว่าจักรพรรดิเช่นตนนั่นโง่เขลาดังที่องค์ชายอิงพูด?คำพูดของจักรพรรดิอูอันทำให้เฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยพูดมิออกเลยองค์หญิงใหญ่กับองค์ชายเว่ยเห็นว่า สถานกา
มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามติด ๆ กัน ทั้งยังดึงให้คดีที่ผิดทิศทางกลับมาเข้าที่ด้วยจักรพรรดิอู่อันมองไปทางเฮ่อหรงอย่างเย็นชา เฮ่อหรงจึงคุกเข่าลงอย่างจนใจพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ฝ่าบาท หลานมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”“หลานชื่นชอบองค์หญิงชิ่ง… แต่ร่างกายหลานมิแข็งแรงมาโดยตลอด ดังนั้นจึงมิกล้าคิดว่าจะสามารถแต่งงานกับองค์หญิงชิ่งได้!”“วันนั้นหลานเชิญองค์ชายจิ้นไปกินดื่มพูดคุยกันที่หมู่บ้านจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ หลานคิดว่า อีกมินานองค์หญิงชิ่งก็จะกลับเยวี่ยใต้แล้ว จึงอยากจะใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”“ผลก็คือ หลานดื่มไปเพียงมิกี่แก้วก็หมดสติแล้ว! หลังจากฟื้นขึ้นมาจึงได้รู้ว่าองค์ชายจิ้นเข้าวังมาคุยเรื่องแต่งงานกับฝ่าบาท!”เฮ่อหรงเอ่ยอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท หลานมิรู้จริง ๆ ว่าหลิงเยี่ยนมาอยู่ที่จวนอ๋องหรงได้เยี่ยงไร! จวนอ๋องหรงนี้ฝ่าบาทเพิ่งประทานให้หลานเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง คนรับใช้ในตำหนักเหล่านี้หลานก็ยังมิได้รู้จักมักคุ้นมากนักด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงใหญ่ฟังถึงตรงนี้แล้วก็ช่วยเอ่ย “ฝ่าบาท บางทีรองราชองครักษ์เฮ่อกับพระชายาเว่ยอาจจะสงสารหรงเอ๋อร์ก็ได้นะเพคะ มิอยากให้เขาต
แม้ว่าไทเฮาจะชอบหลิงอวี๋ แต่เวลานี้ก็มิพอใจหลิงอวี๋แล้ว จึงตำหนิ “หลิงอวี๋ พอได้แล้วกระมัง! เจ้ารักน้องสาวเจ้า ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า!”“แต่เฮ่อจู้ยอมรับผิดแล้วเจ้ายังมิพออีกหรือ? เจ้าจะบีบให้หรงเอ๋อร์ตายไปจริง ๆ หรือ?”เว่ยเฉิงเห็นว่าไทเฮาพูดเช่นนี้ก็เอ่ยอย่างปวดใจเช่นกัน “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าทำให้ฮองเฮาเว่ยถูกลดขั้นไปอยู่ตำหนักเย็นแล้ว องค์ชายเว่ยก็ถูกส่งไปเฝ้าสุสานหลวงเช่นกัน ยังจะมิยอมปล่อยตระกูลของพระชายาเว่ยอีกหรือ?”“เจ้าจะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซากไปจริง ๆ เลยหรือ?”“คนเจ็บป่วยเช่นเฮ่อหรงจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกเจ้าได้อย่างไร? กความก้าวร้าวเช่นนี้จะทำให้คนเจ็บปวดกันเกินไปแล้ว!”องค์หญิงใหญ่น้ำตาไหลริน พลางสะอื้นเอ่ยกับไทเฮา “ไทเฮา เฉาฮุ่ยมิควรกลับมาเลย! หากมิกลับมาก็จะมิเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้!”“หรงเอ๋อร์ ไปเก็บข้าวของ เรากลับไปกันเถิด!”ไทเฮาปวดใจกับการร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่เป็นอย่างมาก จึงตะคอกเสียงแข็ง “พอได้แล้ว วันนี้พอแค่นี้ ห้ามผู้ใดทำให้อ๋องหรงลำบากใจอีก เรื่องงานอภิเษกเอาไว้คุยกันวันหลัง!”นางมองหลิงอวี๋อย่างตักเตือนแล้วประคององค์หญิงใหญ่จะเดินเข้าไปในจวนอ๋องหร
ท่านอดีตเสนาบดีได้ยินดังนั้นก็ใจเต้น ตอนนั้นเซียวหลินเทียนส่งคนมาหาตนเองก็มิได้บอกรายละเอียดมากนักแต่จากคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็รู้เลยว่าหลิงอวี๋มิใช่คนที่พูดเหลวไหลไปโดยไม่มีจุดหมายท่านอดีตเสนาบดีจึงจงใจตำหนิออกมา “อาอวี๋ คำพูดเช่นนี้พูดเหลวไหลมิได อ๋องหรงจะเกี่ยวข้องกับหอเหยี่ยวราตรีได้อย่างไรกัน!”“หอเหยี่ยวราตรีนั่นเป็นพวกมือสังหารที่ฆ่าคนโดยมิกะพริบตาเซียวนะ!”หลิงอวี๋เช็ดน้ำตา พลางเอ่ยอย่างทุ่มสุดตัว “ท่านปู่ ข้ารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่ง! ทว่าหากมิใช่เพราะพวกเราถูกรังแกกันจนเกินไป มาลอบสังหารข้ากับท่านอ๋องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าเองก็มิอยากจะไปยุ่งกับมือสังหารชั่วร้ายเหล่านี้หรอก!”“ท่านปู่ ท่านดูหลานเขยของท่านเถิด เนื้อตัวของเขายังมีบาดแผลรอยมีดที่ถูกลอบสังหารหลงเหลืออยู่เลย! พวกเราหนีรอดมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังมิยอมปล่อยพวกเราไป!”“จริงสิ สองวันก่อนที่เรือนหยกอำไพ ยังมีมือสังหารของหอเหยี่ยวราตรีปลอมตัวเป็นนางรับใช้มาลอบสังหารข้าเลย ข้าไปไร่นานางก็ตามติดเป็นเงาไปลอบสังหารข้า… ข้าบาดเจ็บล้วนมิได้บอกท่าน เพราะกลัวว่าท่านจะเป็นห่วง!”“หากท่านมิเชื่อก็ถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ขันทีฉางรับมาส่งให้จักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันเปิดดูไปสองสามหน้า แผ่นหลังก็เหงื่อออกแล้วองค์หญิงใหญ่อยากดูว่า สิ่งที่เซียวหลินเทียนส่งให้คือสิ่งใด แต่ไทเฮาบังสายตาไว้นางอยากจะผลักไทเฮาออกไป แต่ตนยังคงมีท่าทีเสียใจอยู่ จะทำกิริยากะทันหันเช่นนั้นได้อย่างไรจักรพรรดิอู่อันมิได้ดูต่ออีก เขาเก็บสมุดแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องเฉิงฟังคำสั่ง พาคนเข้าไปตรวจค้นจวนอ๋องหรง!”“งานอภิเษกสมรสวันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ องค์ชายจิ้นพาองค์หญิงชิ่งกลับที่พักไปก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าค้นหาความจริงแน่ชัดแล้ว จะให้คำอธิบายที่พวกเจ้าพอใจอย่างแน่นอน!”“องค์ชายอิง องค์ชายหนิง พวกเจ้าก็กลับไปก่อนเถิด! พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงคุยเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันอีกที!”องค์ชายอิงมองเซียวหลินเทียนพลางยิ้มให้แล้วออกไปพร้อมกับมู่หรงเหยียนซงองค์ชายหนิงขยิบตาให้องค์ชายคัง แล้วทั้งสองก็ออกไปตาม ๆ กันขุนนางผู้ใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ว่านี่คือเรื่องภายในที่เกี่ยวข้องกับรชวงศ์ ก็กลัวเช่นกันว่าจะเดือดร้อนจึงพากันชิงออกไปเว่ยเฉิงจะว่าไปก็มิใช่จะว่ามิไปก็มิใช่ เขากับองค์ชายเว่ยต่างก็สับสน มิรู้ว่าเซียวหลินเ
“องค์ชายเว่ย นี่ต่อหน้าธารกำนัล เจ้าคิดว่าจะฆ่าปิดปากพระชายาของข้าหรือ?”มือที่ราวกับเหล็กของเซียวหลินเทียนจับมือขององค์ชายเว่ยไว้แน่น สายตาก็ราวกับมีดคมกริบที่แทงบนใบหน้าขององค์ชายเว่ยอย่างไร้ความปรานีองค์ชายเว่ยสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ความรังเกียจและความไร้ปรานีในนั้นมากจนเอ่อล้นและไม่มีการปิดบังไว้เลยเขาชะงักไปนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสายตาเช่นนี้ของเซียวหลินเทียน น้องสี่ผู้นี้ ที่แท้ก็สะสมความโกรธที่มีต่อตนไว้มากถึงเพียงนี้!“เจ้ามิถามนางเล่าว่านางพูดสิ่งใดกับข้า!”องค์ชายเว่ยเอ่ยอย่างแข็งนอกอ่อนใน “นางบอกว่าข้าสิ้นทายาทแล้ว! นี่มิใช่การแช่งข้ารึ?”“เซียวหลินเทียน ข้าเป็นพี่ของเจ้า นางพูดเช่นนี้กับข้า เจ้ายังจะให้ท้ายนางอีกรึ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิแสดงสีหน้า “พระชายาของข้าเป็นหมอ ทั้งยังเป็นหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวงด้วย! นางบอกว่าเจ้าป่วย เช่นนั้นก็แสดงว่าป่วย!”“นางหวังดีกับเจ้า ให้เจ้าอย่าได้กลัวการรักษา เหตุใดเจ้ามิรู้จักดีชั่วเล่า!”เซียวหลินเทียนพูดแล้วก็ปล่อยมือขององค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยจึงโซเซแล้วล้มไปข้างหน้าเซียวหลินเทียนเดินอยู่รอบ ๆ เขาแล้วคว้าคอเสื้อ
ค่ายกองทหารเสือนี้คือหมากลับของจักรพรรดิอู่อัน หากทำตามที่เซียวหลินเทียนบอกก็จะสามารถจับเกลือเป็นหนอนในค่ายกองทหารเสือได้ และจะได้รู้แน่ชัดว่าค่ายกองทหารเสือมีกี่คนที่จงรักภักดีกับตนทว่า จักรพรรดิอู่อันเป็นกังวล นี่คือแผนลับของเซียวหลินเทียน หรือต้องการบีบให้ตนเองเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของค่ายกองทหารเสือ...แต่จากกล่องเงินที่บรรจุอยู่เต็มทุกกล่องที่ย้ายออกจากทางลับมากองในเรือน ก็ได้เห็นบัญชีค่ายกองทหารเสือจำนวนมากอีกทั้งยังค้นเจอหนังสือยอมรับผิดของมู่หรงเหยียนซงจากในนั้นด้วย แววตาของจักรพรรดิอู่อันจึงยิ่งมืดมนลงเรื่อย ๆเซียวหลินเทียนพูดถูก ค่ายกองทหารเสือดูภายนอกแล้วตนเป็นผู้ควบคุม แต่แท้จริงแล้วจะใช่ตนหรือไม่ก็ยากที่จะบอก!นี่คือดาบแหลมคมที่แขวนอยู่บนหัวของตน หากมิทำให้ชัดเจน เขาจะนอนหลับอย่างสงบได้หรือ?“ฝ่าบาท ตรวจค้นแน่ชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องหรงมีทางลับสามทางจริง ส่วนห้องลับมีการขุดใหม่พ่ะย่ะค่ะ!”หากท่านอ๋องเฉิงมิได้เห็นด้วยตาตนเองก็มิอาจเชื่อได้เช่นกันเขามองเฮ่อหรงอย่างแปลกใจ สีหน้าของเฮ่อหรงขาวซีดราวกับกระดาษ ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะได้เอ่ยสิ่งใด เขาก็คุกเข่
“คิดจะหนีอย่างนั้นรึ?”มุมปากของเซียวหลินเทียนยิ้มเยาะเย้ย เขาเดินมาเข้ามาและก้มมองเฮ่อเฉียง“ในเมื่อข้ารู้ว่ามีทางลับ แล้วจะมิป้องกันพวกเจ้าหนีได้เยี่ยงไรเล่า!”“เจ้าเองก็อย่าได้ตะโกนโวยวายไป… มือสังหารที่อยู่ในทางลับถูกจับกุมตรงทางออกแล้ว! ยังมีคนที่พวกเจ้าส่งไปช่วยพวกมือสังหารเหล่านั้นที่ราชสำนักฝ่ายในนั้นก็ถูกรวบตัวไว้หมดแล้ว!”“หอเหยี่ยวราตรีของพวกเจ้าจบเห่แล้ว ต่อให้เจ้าจะหนีออกไปได้ก็หัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว!”เฮ่อเฉียงโมโหมาก ๆ เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างดุร้ายแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านอย่าทำเป็นพูดดีโกหกกระหม่อมไปหน่อยเลย กระหม่อมมิเชื่อว่าท่านจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น!”“คนที่กระหม่อมส่งออกไปเป็นยอดฝีมือของหอเหยี่ยวราตรี! พวกนักการที่ราชสำนักฝ่ายในของพวกท่านจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้เยี่ยงไร!”ท่านอ๋องเฉิงส่งเสียงเย็นชา “หากสู้ต่อตัวต่อ คนของข้าอาจจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า! แต่ข้ามีสมอง สามารถแข่งเรื่องไหวพริบได้!”เฮ่อเฉียงตะลึงพลางเอ่ยออกไป “พวกท่านใช้แผนร้ายหรือ?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แผนร้ายนั่นหมายถึงวิธีการที่พวกคนเลวต่ำช้ามิเห็นแสงสว่างเช่นพวกเจ้า