มิเพียงแต่ทุกคน จักรพรรดิอู่อันเองพอคิดดูก็เข้าใจความหมายที่องค์ชายอิงมิได้พูดออกมาเขามองไปทางเฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยอย่างน่ากลัว ยังมิทันที่องค์ชายอิงจะได้พูดออกมา จักรพรรดิอู่อันก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ท่านอดีตเสนาบดีจับตัวหลิงเยี่ยนเข้าไปเพื่อใส่ร้ายอ๋องหรง?”“แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ความทรงจำยังดีอยู่ พระชายาเว่ย เมื่อครู่เจ้าบอกมิใช่หรือว่า หลิงเยี่ยนไปบำรุงครรภ์ที่ตำหนักสวนท้อ?”“ตำหนักสวนท้อเป็นตำหนักพักร้อนขององค์ชายเว่ยอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายร้อยลี้กระมัง ท่านอดีตเสนาบดีเดินทางไกลไปถึงตำหนักสวนท้อเพื่อพาตัวหลิงเยี่ยนกลับมา แล้วพาตัวหลิงเยี่ยนกับนางรับใช้สองคนนี้เข้าไปในจวนอ๋องหรงด้วยกำลังของคนคนเดียวน่ะรึ!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ คนจวนอ๋องหรงล้วนหูหนวกตาบอด ปล่อยให้พวกท่านอดีตเสนาบดีเข้าออกได้อย่างอิสระรึ?”คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่องค์ชายอิงคิด แต่มีหรือที่จักรพรรดิอู่อันจะปล่อยให้เขาพูดก่อน หากเป็นเช่นนั้นจะมิเห็นได้ชัดหรือว่าจักรพรรดิเช่นตนนั่นโง่เขลาดังที่องค์ชายอิงพูด?คำพูดของจักรพรรดิอูอันทำให้เฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยพูดมิออกเลยองค์หญิงใหญ่กับองค์ชายเว่ยเห็นว่า สถานกา
มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามติด ๆ กัน ทั้งยังดึงให้คดีที่ผิดทิศทางกลับมาเข้าที่ด้วยจักรพรรดิอู่อันมองไปทางเฮ่อหรงอย่างเย็นชา เฮ่อหรงจึงคุกเข่าลงอย่างจนใจพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ฝ่าบาท หลานมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”“หลานชื่นชอบองค์หญิงชิ่ง… แต่ร่างกายหลานมิแข็งแรงมาโดยตลอด ดังนั้นจึงมิกล้าคิดว่าจะสามารถแต่งงานกับองค์หญิงชิ่งได้!”“วันนั้นหลานเชิญองค์ชายจิ้นไปกินดื่มพูดคุยกันที่หมู่บ้านจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ หลานคิดว่า อีกมินานองค์หญิงชิ่งก็จะกลับเยวี่ยใต้แล้ว จึงอยากจะใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”“ผลก็คือ หลานดื่มไปเพียงมิกี่แก้วก็หมดสติแล้ว! หลังจากฟื้นขึ้นมาจึงได้รู้ว่าองค์ชายจิ้นเข้าวังมาคุยเรื่องแต่งงานกับฝ่าบาท!”เฮ่อหรงเอ่ยอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท หลานมิรู้จริง ๆ ว่าหลิงเยี่ยนมาอยู่ที่จวนอ๋องหรงได้เยี่ยงไร! จวนอ๋องหรงนี้ฝ่าบาทเพิ่งประทานให้หลานเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง คนรับใช้ในตำหนักเหล่านี้หลานก็ยังมิได้รู้จักมักคุ้นมากนักด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงใหญ่ฟังถึงตรงนี้แล้วก็ช่วยเอ่ย “ฝ่าบาท บางทีรองราชองครักษ์เฮ่อกับพระชายาเว่ยอาจจะสงสารหรงเอ๋อร์ก็ได้นะเพคะ มิอยากให้เขาต
แม้ว่าไทเฮาจะชอบหลิงอวี๋ แต่เวลานี้ก็มิพอใจหลิงอวี๋แล้ว จึงตำหนิ “หลิงอวี๋ พอได้แล้วกระมัง! เจ้ารักน้องสาวเจ้า ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า!”“แต่เฮ่อจู้ยอมรับผิดแล้วเจ้ายังมิพออีกหรือ? เจ้าจะบีบให้หรงเอ๋อร์ตายไปจริง ๆ หรือ?”เว่ยเฉิงเห็นว่าไทเฮาพูดเช่นนี้ก็เอ่ยอย่างปวดใจเช่นกัน “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าทำให้ฮองเฮาเว่ยถูกลดขั้นไปอยู่ตำหนักเย็นแล้ว องค์ชายเว่ยก็ถูกส่งไปเฝ้าสุสานหลวงเช่นกัน ยังจะมิยอมปล่อยตระกูลของพระชายาเว่ยอีกหรือ?”“เจ้าจะกำจัดพวกเขาให้สิ้นซากไปจริง ๆ เลยหรือ?”“คนเจ็บป่วยเช่นเฮ่อหรงจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกเจ้าได้อย่างไร? กความก้าวร้าวเช่นนี้จะทำให้คนเจ็บปวดกันเกินไปแล้ว!”องค์หญิงใหญ่น้ำตาไหลริน พลางสะอื้นเอ่ยกับไทเฮา “ไทเฮา เฉาฮุ่ยมิควรกลับมาเลย! หากมิกลับมาก็จะมิเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้!”“หรงเอ๋อร์ ไปเก็บข้าวของ เรากลับไปกันเถิด!”ไทเฮาปวดใจกับการร้องไห้ขององค์หญิงใหญ่เป็นอย่างมาก จึงตะคอกเสียงแข็ง “พอได้แล้ว วันนี้พอแค่นี้ ห้ามผู้ใดทำให้อ๋องหรงลำบากใจอีก เรื่องงานอภิเษกเอาไว้คุยกันวันหลัง!”นางมองหลิงอวี๋อย่างตักเตือนแล้วประคององค์หญิงใหญ่จะเดินเข้าไปในจวนอ๋องหร
ท่านอดีตเสนาบดีได้ยินดังนั้นก็ใจเต้น ตอนนั้นเซียวหลินเทียนส่งคนมาหาตนเองก็มิได้บอกรายละเอียดมากนักแต่จากคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็รู้เลยว่าหลิงอวี๋มิใช่คนที่พูดเหลวไหลไปโดยไม่มีจุดหมายท่านอดีตเสนาบดีจึงจงใจตำหนิออกมา “อาอวี๋ คำพูดเช่นนี้พูดเหลวไหลมิได อ๋องหรงจะเกี่ยวข้องกับหอเหยี่ยวราตรีได้อย่างไรกัน!”“หอเหยี่ยวราตรีนั่นเป็นพวกมือสังหารที่ฆ่าคนโดยมิกะพริบตาเซียวนะ!”หลิงอวี๋เช็ดน้ำตา พลางเอ่ยอย่างทุ่มสุดตัว “ท่านปู่ ข้ารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่ง! ทว่าหากมิใช่เพราะพวกเราถูกรังแกกันจนเกินไป มาลอบสังหารข้ากับท่านอ๋องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าเองก็มิอยากจะไปยุ่งกับมือสังหารชั่วร้ายเหล่านี้หรอก!”“ท่านปู่ ท่านดูหลานเขยของท่านเถิด เนื้อตัวของเขายังมีบาดแผลรอยมีดที่ถูกลอบสังหารหลงเหลืออยู่เลย! พวกเราหนีรอดมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังมิยอมปล่อยพวกเราไป!”“จริงสิ สองวันก่อนที่เรือนหยกอำไพ ยังมีมือสังหารของหอเหยี่ยวราตรีปลอมตัวเป็นนางรับใช้มาลอบสังหารข้าเลย ข้าไปไร่นานางก็ตามติดเป็นเงาไปลอบสังหารข้า… ข้าบาดเจ็บล้วนมิได้บอกท่าน เพราะกลัวว่าท่านจะเป็นห่วง!”“หากท่านมิเชื่อก็ถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ขันทีฉางรับมาส่งให้จักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันเปิดดูไปสองสามหน้า แผ่นหลังก็เหงื่อออกแล้วองค์หญิงใหญ่อยากดูว่า สิ่งที่เซียวหลินเทียนส่งให้คือสิ่งใด แต่ไทเฮาบังสายตาไว้นางอยากจะผลักไทเฮาออกไป แต่ตนยังคงมีท่าทีเสียใจอยู่ จะทำกิริยากะทันหันเช่นนั้นได้อย่างไรจักรพรรดิอู่อันมิได้ดูต่ออีก เขาเก็บสมุดแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องเฉิงฟังคำสั่ง พาคนเข้าไปตรวจค้นจวนอ๋องหรง!”“งานอภิเษกสมรสวันนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ องค์ชายจิ้นพาองค์หญิงชิ่งกลับที่พักไปก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าค้นหาความจริงแน่ชัดแล้ว จะให้คำอธิบายที่พวกเจ้าพอใจอย่างแน่นอน!”“องค์ชายอิง องค์ชายหนิง พวกเจ้าก็กลับไปก่อนเถิด! พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงคุยเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันอีกที!”องค์ชายอิงมองเซียวหลินเทียนพลางยิ้มให้แล้วออกไปพร้อมกับมู่หรงเหยียนซงองค์ชายหนิงขยิบตาให้องค์ชายคัง แล้วทั้งสองก็ออกไปตาม ๆ กันขุนนางผู้ใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ว่านี่คือเรื่องภายในที่เกี่ยวข้องกับรชวงศ์ ก็กลัวเช่นกันว่าจะเดือดร้อนจึงพากันชิงออกไปเว่ยเฉิงจะว่าไปก็มิใช่จะว่ามิไปก็มิใช่ เขากับองค์ชายเว่ยต่างก็สับสน มิรู้ว่าเซียวหลินเ
“องค์ชายเว่ย นี่ต่อหน้าธารกำนัล เจ้าคิดว่าจะฆ่าปิดปากพระชายาของข้าหรือ?”มือที่ราวกับเหล็กของเซียวหลินเทียนจับมือขององค์ชายเว่ยไว้แน่น สายตาก็ราวกับมีดคมกริบที่แทงบนใบหน้าขององค์ชายเว่ยอย่างไร้ความปรานีองค์ชายเว่ยสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ความรังเกียจและความไร้ปรานีในนั้นมากจนเอ่อล้นและไม่มีการปิดบังไว้เลยเขาชะงักไปนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสายตาเช่นนี้ของเซียวหลินเทียน น้องสี่ผู้นี้ ที่แท้ก็สะสมความโกรธที่มีต่อตนไว้มากถึงเพียงนี้!“เจ้ามิถามนางเล่าว่านางพูดสิ่งใดกับข้า!”องค์ชายเว่ยเอ่ยอย่างแข็งนอกอ่อนใน “นางบอกว่าข้าสิ้นทายาทแล้ว! นี่มิใช่การแช่งข้ารึ?”“เซียวหลินเทียน ข้าเป็นพี่ของเจ้า นางพูดเช่นนี้กับข้า เจ้ายังจะให้ท้ายนางอีกรึ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิแสดงสีหน้า “พระชายาของข้าเป็นหมอ ทั้งยังเป็นหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวงด้วย! นางบอกว่าเจ้าป่วย เช่นนั้นก็แสดงว่าป่วย!”“นางหวังดีกับเจ้า ให้เจ้าอย่าได้กลัวการรักษา เหตุใดเจ้ามิรู้จักดีชั่วเล่า!”เซียวหลินเทียนพูดแล้วก็ปล่อยมือขององค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยจึงโซเซแล้วล้มไปข้างหน้าเซียวหลินเทียนเดินอยู่รอบ ๆ เขาแล้วคว้าคอเสื้อ
ค่ายกองทหารเสือนี้คือหมากลับของจักรพรรดิอู่อัน หากทำตามที่เซียวหลินเทียนบอกก็จะสามารถจับเกลือเป็นหนอนในค่ายกองทหารเสือได้ และจะได้รู้แน่ชัดว่าค่ายกองทหารเสือมีกี่คนที่จงรักภักดีกับตนทว่า จักรพรรดิอู่อันเป็นกังวล นี่คือแผนลับของเซียวหลินเทียน หรือต้องการบีบให้ตนเองเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของค่ายกองทหารเสือ...แต่จากกล่องเงินที่บรรจุอยู่เต็มทุกกล่องที่ย้ายออกจากทางลับมากองในเรือน ก็ได้เห็นบัญชีค่ายกองทหารเสือจำนวนมากอีกทั้งยังค้นเจอหนังสือยอมรับผิดของมู่หรงเหยียนซงจากในนั้นด้วย แววตาของจักรพรรดิอู่อันจึงยิ่งมืดมนลงเรื่อย ๆเซียวหลินเทียนพูดถูก ค่ายกองทหารเสือดูภายนอกแล้วตนเป็นผู้ควบคุม แต่แท้จริงแล้วจะใช่ตนหรือไม่ก็ยากที่จะบอก!นี่คือดาบแหลมคมที่แขวนอยู่บนหัวของตน หากมิทำให้ชัดเจน เขาจะนอนหลับอย่างสงบได้หรือ?“ฝ่าบาท ตรวจค้นแน่ชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องหรงมีทางลับสามทางจริง ส่วนห้องลับมีการขุดใหม่พ่ะย่ะค่ะ!”หากท่านอ๋องเฉิงมิได้เห็นด้วยตาตนเองก็มิอาจเชื่อได้เช่นกันเขามองเฮ่อหรงอย่างแปลกใจ สีหน้าของเฮ่อหรงขาวซีดราวกับกระดาษ ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะได้เอ่ยสิ่งใด เขาก็คุกเข่
“คิดจะหนีอย่างนั้นรึ?”มุมปากของเซียวหลินเทียนยิ้มเยาะเย้ย เขาเดินมาเข้ามาและก้มมองเฮ่อเฉียง“ในเมื่อข้ารู้ว่ามีทางลับ แล้วจะมิป้องกันพวกเจ้าหนีได้เยี่ยงไรเล่า!”“เจ้าเองก็อย่าได้ตะโกนโวยวายไป… มือสังหารที่อยู่ในทางลับถูกจับกุมตรงทางออกแล้ว! ยังมีคนที่พวกเจ้าส่งไปช่วยพวกมือสังหารเหล่านั้นที่ราชสำนักฝ่ายในนั้นก็ถูกรวบตัวไว้หมดแล้ว!”“หอเหยี่ยวราตรีของพวกเจ้าจบเห่แล้ว ต่อให้เจ้าจะหนีออกไปได้ก็หัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว!”เฮ่อเฉียงโมโหมาก ๆ เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างดุร้ายแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านอย่าทำเป็นพูดดีโกหกกระหม่อมไปหน่อยเลย กระหม่อมมิเชื่อว่าท่านจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น!”“คนที่กระหม่อมส่งออกไปเป็นยอดฝีมือของหอเหยี่ยวราตรี! พวกนักการที่ราชสำนักฝ่ายในของพวกท่านจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้เยี่ยงไร!”ท่านอ๋องเฉิงส่งเสียงเย็นชา “หากสู้ต่อตัวต่อ คนของข้าอาจจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า! แต่ข้ามีสมอง สามารถแข่งเรื่องไหวพริบได้!”เฮ่อเฉียงตะลึงพลางเอ่ยออกไป “พวกท่านใช้แผนร้ายหรือ?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แผนร้ายนั่นหมายถึงวิธีการที่พวกคนเลวต่ำช้ามิเห็นแสงสว่างเช่นพวกเจ้า
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก