ค่ายกองทหารเสือนี้คือหมากลับของจักรพรรดิอู่อัน หากทำตามที่เซียวหลินเทียนบอกก็จะสามารถจับเกลือเป็นหนอนในค่ายกองทหารเสือได้ และจะได้รู้แน่ชัดว่าค่ายกองทหารเสือมีกี่คนที่จงรักภักดีกับตนทว่า จักรพรรดิอู่อันเป็นกังวล นี่คือแผนลับของเซียวหลินเทียน หรือต้องการบีบให้ตนเองเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของค่ายกองทหารเสือ...แต่จากกล่องเงินที่บรรจุอยู่เต็มทุกกล่องที่ย้ายออกจากทางลับมากองในเรือน ก็ได้เห็นบัญชีค่ายกองทหารเสือจำนวนมากอีกทั้งยังค้นเจอหนังสือยอมรับผิดของมู่หรงเหยียนซงจากในนั้นด้วย แววตาของจักรพรรดิอู่อันจึงยิ่งมืดมนลงเรื่อย ๆเซียวหลินเทียนพูดถูก ค่ายกองทหารเสือดูภายนอกแล้วตนเป็นผู้ควบคุม แต่แท้จริงแล้วจะใช่ตนหรือไม่ก็ยากที่จะบอก!นี่คือดาบแหลมคมที่แขวนอยู่บนหัวของตน หากมิทำให้ชัดเจน เขาจะนอนหลับอย่างสงบได้หรือ?“ฝ่าบาท ตรวจค้นแน่ชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องหรงมีทางลับสามทางจริง ส่วนห้องลับมีการขุดใหม่พ่ะย่ะค่ะ!”หากท่านอ๋องเฉิงมิได้เห็นด้วยตาตนเองก็มิอาจเชื่อได้เช่นกันเขามองเฮ่อหรงอย่างแปลกใจ สีหน้าของเฮ่อหรงขาวซีดราวกับกระดาษ ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะได้เอ่ยสิ่งใด เขาก็คุกเข่
“คิดจะหนีอย่างนั้นรึ?”มุมปากของเซียวหลินเทียนยิ้มเยาะเย้ย เขาเดินมาเข้ามาและก้มมองเฮ่อเฉียง“ในเมื่อข้ารู้ว่ามีทางลับ แล้วจะมิป้องกันพวกเจ้าหนีได้เยี่ยงไรเล่า!”“เจ้าเองก็อย่าได้ตะโกนโวยวายไป… มือสังหารที่อยู่ในทางลับถูกจับกุมตรงทางออกแล้ว! ยังมีคนที่พวกเจ้าส่งไปช่วยพวกมือสังหารเหล่านั้นที่ราชสำนักฝ่ายในนั้นก็ถูกรวบตัวไว้หมดแล้ว!”“หอเหยี่ยวราตรีของพวกเจ้าจบเห่แล้ว ต่อให้เจ้าจะหนีออกไปได้ก็หัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว!”เฮ่อเฉียงโมโหมาก ๆ เขาจ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างดุร้ายแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านอย่าทำเป็นพูดดีโกหกกระหม่อมไปหน่อยเลย กระหม่อมมิเชื่อว่าท่านจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น!”“คนที่กระหม่อมส่งออกไปเป็นยอดฝีมือของหอเหยี่ยวราตรี! พวกนักการที่ราชสำนักฝ่ายในของพวกท่านจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้เยี่ยงไร!”ท่านอ๋องเฉิงส่งเสียงเย็นชา “หากสู้ต่อตัวต่อ คนของข้าอาจจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า! แต่ข้ามีสมอง สามารถแข่งเรื่องไหวพริบได้!”เฮ่อเฉียงตะลึงพลางเอ่ยออกไป “พวกท่านใช้แผนร้ายหรือ?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แผนร้ายนั่นหมายถึงวิธีการที่พวกคนเลวต่ำช้ามิเห็นแสงสว่างเช่นพวกเจ้า
จักรพรรดิอูอันพูดจบก็มององค์หญิงใหญ่ พลางเอ่ยเหมือนปลอบใจนาง“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าตำแหน่งอ๋องหรงก็เป็นเพียงคำเรียกขานเท่านั้นเอง ไม่มีตำแหน่งข้าก็ยังคงให้เบี้ยหวัดและรางวัลกับหรงเอ๋อร์ตามเวลาอยู่ดี!”องค์หญิงใหญ่เอ่ยอย่างเฉยเมย “ฝ่าบาทพูดถูก หรงเอ๋อร์ยังมิคู่ควรกับสถานะ ตำแหน่งอ๋องหรงนำพาพวกประจบสอพลอมาหาเขา มิต้องมีก็ได้!”“ให้คนได้เป็นคนที่อยู่ว่าง ๆ ไปอย่างสงบก็ดีแล้ว ขอบพระทัยในความเห็นพระทัยของฝ่าบาทเพคะ!”จักรพรรดิอู่อันมิสนใจว่าองค์หญิงใหญ่พูดจริงหรือประชด เขามองไปทางเฮ่อจู้ที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยเสียงขรึม“ในฐานะที่เฮ่อจู้เป็นรองราชองครักษ์ของกองทัพหลวง เขาละเลยศักดิ์ศรีของแคว้นเพื่อประโยชน์ส่วนตน วางแผนร้ายบีบองค์ชายจิ้นและวางยาทำร้ายทายาทขององค์ชายเว่ย จะต้องถูกจำคุก สอบสวนและประหาร!”“เสด็จพ่อเพคะ...”พระชายาเว่ยส่งเสียงเรียกออกมาพลางคุกเข่าตามเขาเป็นลูกคนโต หากถูกประหารไปเช่นนี้แล้วนางจะไปอธิบายให้ท่านพ่อท่านแม่ฟังเยี่ยงไรเล่า!“ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตา ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันบงการให้พี่ชายทำเรื่องเช่นนี้ ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตาเถิดเพคะ หากจะประหา
กระทั่งถูกองครักษ์ของท่านอ๋องเฉิงมัดไว้กับเสาแล้วโบย องค์ชายเว่ยก็ยังคิดว่าจักรพรรดิอู่อันแค่จะทำให้ตนกลัวเขาจึงตะโกนออกมาอย่างตกใจ “เสด็จพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อโปรดให้โอกาสลูกอีกครั้งเถิด ลูกจะทบทวนตัวเองอย่างดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ...”“เพียะ...”แส้ฟาดไปบนตัวขององค์ชายเว่ย เขาถูกเฆี่ยนตีจนแทบจะหลุดด่าออกไปแล้วแต่หลังจากถูกเฆี่ยนตีไปหลายครั้ง ก็เห็นว่าจักรพรรดิอู่อันมิได้มีท่าทีจะให้หยุด องค์ชายเว่ยจึงรู้ว่าจักรพรรดิอู่อันจริงจังสายตาของเขาเปลี่ยนจากความมิเชื่อไปเป็นความประหลาดใจ แล้วกลายเป็นความโกรธแค้น...โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมองเขาถูกเฆี่ยนตีอย่างเฉยเมย เขารู้สึกเพียงว่า ใบหน้าของตนถูกจักรพรรดิอู่อันกระชากแล้วทิ้งลงไปให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเหยียบย่ำได้ตามใจ...ความเกลียดชังต่อจักรพรรดิอู่อันพุ่งสูงขึ้นในชั่วพริบตาเขานึกถึงเสด็จแม่ของตนที่ยังอยู่ที่ตำหนักเย็น… ฮองเฮาเว่ยแล้วก็นึกถึงคำพูดที่เว่ยเฉิงเคยพูดกับเขา...‘แม่ขององค์ชายถูกลดขั้นแล้วส่งไปอยู่ตำหนักเย็น นี่เป็นสัญญาณหนึ่ง! นี่มันหมายความว่าองค์จักรพรรดิมิได้โปรดปรานตระกูลเว่ยข
เรื่องนี้ยังมิจบ!จักรพรรดิอู่อันกับไทเฮากำลังจะนั่งรถม้ากลับวัง จู่ ๆ พระชายาเว่ยก็ตะโกนขึ้นมา “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีความผิด ฝ่าบาทตัดสินให้ประหารหม่อมฉัน หม่อมฉันยินยอมจากใจจริงเพคะ!”“แต่บางคนที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นลูกนอกสมรส ทั้งยังปลอมตัวเป็นบุตรีขุนนางมาแต่งงานเข้าราชวงศ์อีก เรื่องนี้ควรจะลงโทษเช่นไรหรือเพคะ?”มาแล้ว!หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้ก็ยังคิดอยู่ว่าเหตุใดพระชายาเว่ยมิเอ่ยถึงเรื่องนี้ ที่แท้ก็รอเวลานี้นี่เอง!จักรพรรดิอู่อันขมวดคิ้ว รู้สึกมิชอบเป็นอย่างยิ่งที่เวลานี้พระชายาเว่ยเพิ่มปัญหาขึ้นมาอีก!องค์ชายเว่ยตาเป็นประกายพลางเอ่ยตาม “เสด็จพ่อ คนที่เฮ่อชื่อเอ่ยถึงคือหลิงอวี๋พระชายาอ๋องอี้นี่เอง นางมิใช่หลานสาวแท้ ๆ ของท่านอดีตเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่แล้วเพคะ ฝ่าบาท ที่มาของหลิงอวี๋มิแน่ชัด หลานฮุ่ยจวนมารดาของนางลักลอบมีสัมพันธ์กับชายอื่นแล้วตั้งครรภ์ลูกนอกสมรสผู้นี้”“ท่านอดีตเสนาบดีรู้เรื่องแต่กลับมิแจ้ง ทั้งยังทำเหมือนนางเป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยแล้วให้อภิเษกสมรสกับท่านอ๋องอี้อย่างหน้ามิอายอีก! นี่เป็นการทำให้สายเลือดสูงศักดิ์ของราชวงศ์แปดเปื้อนนะเพคะ ลูกนอ
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่ตนจะสามารถล้างอายได้แล้วจริง ๆ!หลิงเสียงเซิงใจเต้นรัวหนักหลานฮุ่ยจวนกับลูกทั้งสองของนางเป็นความอัปยศที่เกิดขึ้นกับเขา เขามักจะจินตนาการว่าสักวันหนึ่งจะสามารถขับไล่เด็กสองคนนั้นออกจากบ้านไปได้แต่ขอเพียงท่านอดีตเสนาบดียังอยู่ ความฝันนี้ของเขาก็ไม่มีทางเป็นจริงได้เลย!ตอนนี้โอกาสมาวางอยู่ตรงหน้าของตนแล้ว ขอเพียงปฏิเสธไปต่อหน้าธารกำนัล หลิงอวี๋กับหลิงเสี่ยงก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนอีกแล้ว!แต่ทว่า...หลิงเสียงเซิงนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่หลิงอวี๋มากระซิบข้างหูตนเมื่อครู่แล้วก็เกิดความสับสนอย่างมากทางด้านหลิงเสียงเซิงกำลังว้าวุ่นอยู่ แต่ท่านอดีตเสนาบดีกลับใจเต้นแล้วมองไปทางหลิงเสียงเซิงเรื่องในตอนนั้นเขาเป็นคนบังคับให้หลิงเสียงเซิงแต่งงานกับหลานฮุ่ยจวน ลูกชายผู้นี้จึงโกรธเขามาครึ่งชีวิตแล้ว ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกก็แย่ลงเพราะเหตุนี้เช่นกันหากหลิงเสียงเซิงปฏิเสธว่า เรื่องที่หลิงอวี๋เป็นบุตรีของเขาต่อหน้าธารกำนัล มิแน่ว่า หลิงอวี๋อาจจะถูกจักรพรรดิอู่อันลงโทษ แต่จะถูกลดขั้นลงไปเป็นอนุภรรยาแน่ส่วนตนเองก็จะมีความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิเพราะปิดบังภูมิหลั
องค์ชายเว่ยเห็นแล้วก็ยังมิเลิกรา เขาพุ่งเข้าไปจิกผมหลิงเยี่ยนแล้วตบนางไปอีก“สารเลว… ข้าจะตีพวกที่มิทำให้สำเร็จแล้วรังแต่จะทำให้แย่ลงเช่นเจ้าให้ตาย...”เพียงแต่มือขององค์ชายเว่ยยังมิทันได้ลงไปบนหน้าของหลิงเยี่ยนก็ถูกเซียวหลินเทียนห้ามไว้ก่อน“ถอยไป ข้าทุบตีสตรีของข้าเอง มิเกี่ยวอะไรกับเจ้า!”องค์ชายเว่ยเห็นว่าเป็นเซียวหลินเทียน ก็ด่าไปแล้วก็จะสะบัดมือเซียวหลินเทียนออกไปด้วย“สตรีของเจ้า?”หลิงอวี๋เห็นเลือดไหลออกมาจากร่างกายของหลิงเยี่ยนก็มิสามารถควบคุมความโกรธของตนเองได้อีกแล้ว จึงตะคอกเสียงแข็ง“ท่านได้มาสู่ขอหรือให้สินสอดน้องสาวหม่อมฉันหรือไม่?”“นางเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยไปก็ถูกท่านส่งตัวไปที่ตระกูลเฮ่อ ท่านยังมีหน้ามากล้าพูดว่านางเป็นสตรีของท่านอีกหรือ?”หลิงอวี๋ก้าวเข้าไปใกล้ “เหตุใดเล่า เสด็จพ่อเฆี่ยนท่านไปสามสิบครั้งยังมิทำให้ท่านทบทวนตัวเองได้อีกหรือ?”“พวกเราต้องไปบอกเรื่องนี้กับเสด็จพ่ออีกหรือไม่ว่าท่านเกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่ออย่างไร เรื่องที่วางยาไทเฮาอีก?”“ท่านอย่าได้คิดว่าฮองเฮาเว่ยรับโทษแทนท่านแล้วเรื่องพวกนี้จะจบไปเช่นนี้ ยาพิษของฮองเฮาเว่ยมาจากที่ใดกันเล่า?”ย
ระหว่างทางกลับไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ในหัวของหลิงอวี๋ยังคงจดจำท่าทีมั่นใจตอนที่องค์หญิงใหญ่พูดได้แม่นนางจะส่งของตอบแทนอะไรกลับมาให้ตนกัน?ของตอบแทนนี้ต้องมิได้หมายถึงของกำนัลธรรมดาเป็นแน่ แต่คงจะเป็นการแก้แค้นที่วันนี้เฮ่อหรงถูกถอดตำแหน่งและสูญเสียทรัพย์สินไปมากมายถึงเพียงนั้นอย่างแน่นอน!ลอบสังหารหรือ?หลิงอวี๋รู้สึกว่า คนเช่นองค์หญิงใหญ่นี้คงจะมิใช้วิธีการเดียวกันซ้ำสองครั้งแน่ ๆ อีกอย่างในครั้งนี้หอเหยี่ยวราตรีก็เสียหายหนักมาก องค์หญิงใหญ่ก็คงจะไม่มีมือสังหารไว้ใช้งานมากมายนักในช่วงระยะนี้นางจะใช้วิธีการใดในการแก้แค้นตนกันนะ!“อาอวี๋ เจ้าไปโน้มน้าวหลิงเสียงเซิงให้ยอมรับว่าเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขาได้อย่างไร?”ท่านอดีตเสนาบดีนั่งอยู่บนรถม้าคันเดียวกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน เมื่อครู่เขาคิดอยู่สักพักแล้วก็ยังคิดมิออกว่า ลูกชายที่เห็นแก่ตัวของตนไปถูกหลิงอวี๋พูดอย่างไรเข้าถึงได้เปลี่ยนความคิดได้“ข้าบอกเขาไปว่า ฮองเฮาเว่ยอยู่ในตำหนักเย็นออกมามิได้ หากชีวิตนี้องค์ชายเว่ยอยากจะเป็นองค์รัชทายาทก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะเย้ย “ข้ายังบอกไปอีกว่า หากมาทำ
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่