มู่จิ่วซีพูดไม่กี่คำก็รีบเดินเข้าไป กลิ่นคาวเลือดด้านในยังไม่ได้ฟุ้งจางหาย ทำเอามู่จิ่วซีขมวดคิ้วพอเข้าไปก็เป็นเรือนหลังใหญ่มาก รอบด้านล้วนเป็นกำแพง ดูไปแล้วเป็นส่วนตัวไม่เลวนางอาศัยความรู้สึกตอนถูกคลุมหัว พวกเขาไม่ได้ไปยังอาคารด้านหลังเรือน แต่เป็นภายในเรือนใหญ่หลังนี้สถานที่ที่นางสังหารคนอยู่ชิดทางด้านตะวันออก ทางด้านนั้นมีของเสียหายมากมาย เห็นชัดถึงการต่อสู้อันรุนแรงไม่นานนัก นางก็เห็นทางที่นางออกมาจากใต้ดิน เพราะว่าถูกยิงไปด้วยธนูจนเป็นรู"คุณหนูใหญ่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนกับเจ้าสำนักฮั้วอยู่ด้านล่างขอรับ" ทหารมังกรดำนายหนึ่งกล่าวขึ้นมามู่จิ่วซีให้เย่ฮานคอยดูข้างบน ส่วนนางก็ลงไปด้านล่างทันที นางขณะลงไปก็ตะโกนไปด้วย : "โม่จุน ท่านพี่ฮั้ว!""ซีเอ๋อร์!""จิ่วซี!" เสียงของชายทั้งสองตกใจได้ดังก้องมามู่จิ่วซีเห็นพวกเขาเดินออกมาจากห้องอุโมงค์หิน แต่ว่าทั้งสองคนกลับเต็มไปด้วยฝุ่น"ซีเอ๋อร์ เจ้ามาได้ยังไง? เจ้าอยากตายหรือไง!" โม่จุนทันใดนั้นก็โกรธมาก แต่เขาก็ได้เดินเข้ามาหามองแผลของนางว่ามีเลือดไหลหรือไม่"ข้าบอกให้เจ้าไปตามท่านพี่ฮั้วมาหาข้า พวกเจ้ากลับไม่บอกไม่กล่าวเลยสัก
มู่จิ่วซีนั่งบนโต๊ะม้าหินอย่างรู้สึกเสียใจ โม่จุนเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าซีดขาวของนางพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้อย่างเป็นธรรมชาติมู่จิ่วซีไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นก็หันไปกล่าวกับฮั้วอวิ๋นเทียน : "ท่านพี่ฮั้ว งั้นเจ้าเชื่อคำพูดของข้าไหม?"ฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้า : "ถ้าคนอื่นข้าอาจจะไม่เชื่อ แต่หากเจ้าพูด ข้าก็เชื่อ เพราะว่าเจ้าจะไม่เอาเรื่องแบบนี้มาหลอกข้า""อีกอย่างข้าพอฟังโม่จุนพูดเสร็จก็พบว่าอาจื่อไม่อยู่แล้ว ข้ารู้ว่าจะต้องเป็นเรื่องจริง เป็นางที่ทำร้ายเยียนเอ๋อร์ นางจะไปมีหน้าเจอข้าได้อย่างไร"ฮั้วอวิ๋นเทียนสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นปวดร้าว ไม่เคยคาดคิดว่าเยียนเอ๋อร์ยังไม่ตาย และยังเป็นน้องสาวแท้ๆ ที่ทำร้ายที่น่าโมโหสุดก็คือเขาถูกอาจื่อหลอกมานานขนาดนี้แต่กลับไม่รู้ตัวเลยดังนั้นการที่อาจื่อก็คงมีวรยุทธสูง ส่วนคนลอบยิงสังหารมู่จิ่วซีจะเป็นอาจื่อก็คงจะเป็นไปได้เขาเองโง่มากจริงๆมู่จิ่วซีรีบกล่าว : "ในเมื่อพวกเขาไม่ได้สังหารพี่เยียนเอ๋อร์ แสดงว่าพี่เยียนเอ๋อร์ตอนนี้คงจะไม่เป็นอะไร เจ้าวางใจเถอะ พวกเราจะต้องหาพี่เยียนเอ๋อร์พบ"ฮั้วอวิ๋นเทียนก็รีบกล่าว : "ไปกันเถอะ ข้าจะกลับไป
"ห๊ะ!" ชิวจวี๋ตกใจจนตะโกน ทันใดนั้นนางก็กดฟันตัวเองอย่างแรงมู่จิ่วซีผลักเซียวหลิงเย่ว์ออกและพุ่งเข้าไป แต่ทว่าสายเกินไปแล้ว ชิวจวี๋เผยรอยยิ้มอันโล่งใจพร้อมกับคอตกเสียชีวิตทันทีมู่จิ่วซีโมโหจนตบตีตัวเอง นางกลับลืมเรื่องพิษที่ซ่อนอยู่ในฟันของไส้ศึกไปสนิทเลยเซียวหลิงเย่ว์สีหน้าซีดขาวพร้อมกับมองชิวจวี๋อย่างไม่เชื่อ : "เจ้า เจ้าเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น?"ทว่าชิวจวี๋ไม่อาจตอบนางได้อีกแล้วเซียวหลิงเย่ว์หันกลับไปคุกเข่าบนพื้นและพูดอย่างร้อนรน : "ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่รู้ว่าชิวจวี๋เป็นไส้ศึก พี่ใหญ่โม่ ท่านต้องเชื่อข้านะ ข้าคือองค์หญิงแคว้นซีเย่ว์ ข้าจะเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นได้ยังไง ข้าไม่ใช่ไส้ศึกจริงๆ!"มู่จิ่วซีหันไปมองโม่จุน ใบหน้าของโม่จุนดำทะมึนจนน่ากลัว"เซียวหลิงเย่ว์ เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าชิวจวี๋เป็นไส้ศึก?""พี่ใหญ่โม่ ข้าไม่รู้จริงๆ ถ้าข้ารู้ ข้าคงไม่ได้ตายดีแน่ ท่านอ๋องสามสภาพแบบนั้น ข้าจะทำเรื่องโง่ๆอีกได้ยังไง ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ" เซียวหลิงเย่ว์ร้องห่มร้องไห้โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี มู่จิ่วซีก็กลอกตาใส่ : "ห้องของชิวจวี๋อยู่ทางไหน?""อยู่ตรงด้านนั้น ข้าจะพาเจ้าไป" เพ
มุมปากของโม่จุนกระตุก แขนรัดแน่นขึ้นทันใด : "เจ้าอย่าขยับ ระวังตกม้า" เขาจะต้องดึงกุมบังเหียนทั้งสองมือมู่จิ่วซีไม่กล้าขยับ ทำตัวแข็งทื่ออย่างกับศพ สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดเข้าใกล้แนบชิดได้อย่างชัดเจน"โม่จุน ในใจของเจ้าเองก็เสียใจมากใช่ไหม เจ้าจะพูดออกมาก็ได้ แค่อย่าทำเรื่องให้ต้องตกใจก็พอ ข้ายังเป็นผู้ป่วย คงทนรับเรื่องหวาดเสียวไม่ไหว" มู่จิ่วซีหัวเราะเฮฮาอย่างขมขื่นโม่จุนสีหน้าดำทะมึนและค่อยๆ ปล่อยนางออกพร้อมกับพูดอย่างแข็งกร้าว : "มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว""เหอะ ไปเอาคำพูดมาจากไหน ถ้าข้าไม่ใช่ผู้หญิงแล้วจะให้เป็นอะไร รูปร่างของข้าข้างหน้าเด้งข้างหลังงอน ออกจะดีขนาดนี้" มู่จิ่วซีหยุดเว้นชั่วครู่ นางพอใจกับรูปร่างนี้ของตนเองมาก "โม่จุน เจ้ามันผู้ชายซื่อบื้อ!"โม่จุนทันใดนั้นก็นึกถึงผิวขาวดุจหิมะของนางเมื่อคืนนั้นในห้อง ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ลุกโชนขึ้นมา"แค่กๆ ผู้ชายซื่อบื้อหมายความว่ายังไง" โม่จุนรีบเบี่ยงความสนใจ เขารู้สึกว่ามู่จิ่วซีในอ้อมอกเหมือนกับเผือกร้อนทำให้เลือดลมของเขาเดือดพล่านขึ้นมาทั่วตัว"ก็คือไม่รู้จักเอาใจผู้หญิง แม้เจ้าอาจไม่ต้องลำบากใจว่าจะหาผู้หญิงไม่ได
"ผู้หญิงในตำหนักในไม่มีใครมีความสุขอย่างแท้จริง" โม่จุนกล่าวอย่างเรียบเฉย "หากข้าได้แต่งงาน ก็หวังว่าจะมอบความรักให้พระชายาของข้าเองไปคนเดียวตลอดชีวิต ประคับประคองซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันยันแก่เฒ่า หากทำไม่ได้ งั้นขอไม่แต่งจะดีกว่า""นี่มันง่ายมากเลยไม่ใช่หรือไง? จริงอยู่ที่เจ้ารักษาอุดมการณ์ แต่แค่สู่ขอพระชายาคนเดียวก็พอแล้ว" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "หรือว่ามีใครบังคับเจ้าหรือไง"พอพูดจบมู่จิ่วซีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง พ่อของนางกับพระพันปีหลวงไม่ใช่ว่าหมั้นหมายบังคับให้โม่จุนแต่งกับนางหรอกเหรอ?"กระแอ่มๆ" โม่จุนไอ"เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว พูดให้ถูกก็คือเจ้าไม่ได้รักข้า ไม่อยากสู่ขอข้า อยากจะรอสู่ขอหญิงสาวที่เจ้าชอบในอนาคต ข้าเข้าใจแล้ว ถึงอย่างไรเรื่องเศร้าก็ยังไม่เกิด เจ้ายังมีโอกาศ" มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว"ข้าไม่มีผู้หญิงที่ชอบ" โม่จุนอธิบายขึ้นมาในทันควัน พอพูดขึ้นมาอรรถรสก็เปลี่ยนไป"ได้ ข้าก็ไม่ได้บังคับให้เจ้ามาชอบข้า ข้าเคยบอกว่าเจ้าอย่าเสียใจภายหลังก็พอ" ทันใดนั้นในใจของมู่จิ่วซีก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมาไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ มาบอกนางแบบนี้ จะบอกนางว่าอย่าคิดว่าเขาจะชอบนางงั้นเหรอ?ช่างม
เสียงของมู่จิ่วซีก็ดังขึ้นมา : "ต่อให้ข้าบ้าผู้ชายก็ไม่ได้บ้าเจ้า!"โม่จุนชะงัก จากนั้นมือทั้งสองข้างก็กำแน่น โกรธจนเขาสั่นไปทั้งตัวในใจตะโกนอย่างโกรดเกรี้ยว : ข้าไม่สนหรอก!ดวงตาสีฟ้ามีแต่แค่ในปีศาจ สวยอะไร ผู้หญิงคนนี้ตาบอด! นางบ้าผู้ชาย!เหล่าองครักษ์ตรงประตูของสถาบันแพทย์หลวงและเด็กปรุงเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ล้วนต่างมองหน้ากัน สองคนนี้ทำไมถึงทะเลาะกันอีกแล้ว?ท่านผู้สำเร็จราชการแทนนะท่านผู้สำเร็จราชการแทน ตอนนั้นท่านถอนหมั้นเพื่ออะไร!ทำเอากลุ่มคนกินแตงที่ส่งกำลังใจให้พวกเขาได้สมหวังกันต้องใจแตกสลาย (กลุ่มคนกินแตง หมายถึง กลุ่มคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เสพดราม่า)ค่ำคืนผ่านไปเงียบสงัด เช้าวันรุ่งขึ้นได้มาถึง แสงอรุณแรกได้กระทบส่องมายังบานหน้าต่างห้องของมู่จิ่วซี นางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อคืนนางหลับลึกและสบายอย่างมาก อาจเกิดจากบาดแผลจำนวนมาก แต่ตอนนี้สติการรับรู้ของนางฟื้นตัวแล้ว ตรงจมูกมีกลิ่นหอมของยาหลายชนิด ท้องของนางรู้สึกหิวขึ้นมา"คุณหนูใหญ่" เย่ฮานเห็นมู่จิ่วซีแต่งตัวเรียบร้อยออกมารีบเข้าไปต้อนรับ "เย่อู๋เหิงใต้เท้าเย่มาถึงแล้วขอรับ""อู่เหิงมาถึงแล้วเหรอ? เช้าขนาด
"ไม่ ไม่เป็นไร" เย่อู่เหิงปัดป้องจนมือไม้เป็นพัลวัน ขาเดินไม่สะดวกนักจนอีกนิดก็เกือบล้ม ยังดีที่มู่จิ่วซีมือตาไวช่วยพยุงเขาได้ทัน"เย่ฮาน รีบเรียกแพทย์หลวงอู๋เข้ามาดูอาการที ให้อู่เหิงเปลี่ยนกางเกงด้วย" มู่จิ่วซีรีบตะโกนเรียก"จิ่วซี ไม่ ไม่ต้องหรอก ข้า ข้าไม่เป็นไร" เย่อู่เหิงหน้าแดงจนอยากจะขุดแผ่นดินเอาหน้ามุด ช่างขายหน้าครั้งใหญ่ต่อหน้าสาธารณะแพทย์หลวงอู๋รีบเข้ามา ชายทั้งสองช่วยพยุงเย่อู่เหิงเข้าไปในห้องมู่จิ่วซีหันมามองโม่หยวนชิงทำหน้าเหมือนไม่มีความผิด"ท่านอ๋องหก ข้าก่อนหน้านี้ยังพูดไม่ชัดใช่ไหม?" ความอดทนของมู่จิ่วซีเริ่มหมดลงเพราะผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงฟังไม่เข้าใจ?หรือว่านางเป็นรักแรกของเขาหรือไง ดันทุรังอยู่แบบนี้จะดีจริงๆ หรอ?แม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกว่าเป็นหน้าเป็นตา มีความงามของชายหนุ่มที่ชื่นชอบ เอาไว้แหย่กระตุ้นผู้ชายชาติหมาอย่างโม่จุน แต่พอหลายครั้งเข้า ก็รู้สึกว่ารำคาญ"จิ่วซี ข้ารู้ว่าเจ้าเคยบอกว่าข้าตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งพอ ข้าจะพยายามให้แข็งแกร่งขึ้น จริงๆ นะ ขอเพียงเจ้าเป็นพระชายาหก ข้าจะฟังเจ้าทุกอย่าง" โม่หยวนชิงรีบมองมู่จิ่วซีอย่างอ้อนวอนพวกคนกินแตงของสถาบัน
มู่จิ่วซีอึ้งไปเล็กน้อยและรู้สึกว่าเย่อู่เหิงวันนี้เหมือนธาตุไฟเข้าแทรกแต่นางก็พยักหน้าให้ความร่วมมือและกล่าว : "ใช่ ถ้าไปไหนต้องพาคนเยอะๆ ไปด้วย แบบนั้นคงไม่สะดวก ท่านอ๋องหก ท่านคงต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี ฐานะของท่านพิเศษ อย่าถูกจับอีกล่ะ ช่วยท่านมาได้แล้วครั้งหนึ่ง คงจะไม่มีครั้งที่สองแล้ว""งั้นถ้าอยู่กับเจ้าก็ไม่ต้องให้มีคนเยอะขนาดนั้น เจ้าเองสามารถปกป้องข้าได้" โม่หยวนชิงรีบกล่าวมู่จิ่วซีสีหน้าดำทะมึน คนอื่นๆ หลังจากชะงักไปก็เริ่มทยอยพากันส่ายหัว หลังจากนี้ท่านอ๋องหกกะจะอาศัยพึ่งพาคุณหนูใหญ่มู่หรือไง? นี่ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม?แม้ว่าคุณหนูใหญ่มู่จะแข็งแกร่ง แต่ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ได้หวังให้สามีของตนเองแข็งแกร่ง ผู้หญิงสุดท้ายก็ต้องการผู้ชายที่พึ่งพาได้ ไม่ได้ต้องการลูกชายเย่อู่เหิงหลุดขำพรืดออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบมองมู่จิ่วซี"ท่านอ๋องหก ข้าเคยพูดไปแล้ว ท่านทำเป็นหูทวนลม ข้าจะไม่มีทางแต่งกับท่าน ข้าไม่ชอบคนอ่อนแอ เข้าใจไหม? หากท่านอยากจะประลองกับข้าสักตั้ง งั้นก็มา ตอนนี้เลย ท่านชนะข้าได้ก่อนค่อยว่ากัน"ความอดทนของมู่จิ่วซีหมดลงอย่างสิ้นเชิงพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้สำหรั