มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "แน่นอน สามกระบวนท่าก็สามกระวานท่า เข้ามาเลย!"โม่หยวนชิงตื่นเต้น ทันใดนั้นก็ตั้งท่าพร้อมกับกล่าว : "มาเลย! ข้าไม่เชื่อว่าจะตั้งรับสามกระบวนท่าไม่ไหว!" เขามั่นใจในวรยุทธของตัวเองอยู่บ้าง"เจ้าบุกเข้ามาเลย ข้าบาดเจ็บ คงไม่สะดวกเป็นฝ่ายบุก" มู่จิ่วซีกรอกตามองบนทุกคนถึงกับปิดหน้า แม่เจ้า บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ท่านอ๋องหกยังจะประลองกับนางอีก ผู้ชายที่ไม่รักหยกถนอมบุปผาแบบนี้ คุณหนูใหญ่มู่อย่าเอาเลยเถอะ (รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง อ่อนโยนต่อผู้หญิง)"คุณหนูใหญ่สู้ๆ!""คุณหนูใหญ่ต้องชนะ!"สถาบันแพทย์หลวงไม่เคยครึกครื้นขนาดนี้ คนทั้งหมดข้างในออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น"งั้น ให้ข้าลงมือก่อน?" โม่หยวนชิงกล่าวอย่างไม่กล้า"อย่าพร่ำบ่น ให้เร็ว ข้ายังดื่มยาไม่เสร็จ!" มู่จิ่วซีตั้งกระบวนท่ายื่นมือกวักเรียกโม่หยวนชิงก็เคร่งขรึมทันที จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง เขาพุ่งเข้ามาหามู่จิ่วซี ง้างหมัดหมายจะโจมตีไหล่ของมู่จิ่วซีทุกคนเบิกตาโพลงกว้างและส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ ถึงอย่างไรความเร็วของโม่หยวนชิงก็ไม่ได้ช้า พละกำลังก็ไม่น้อย เสียงหมัดเสียดสีกับอากาศจนดังเพียงแต่ชั่ววินาทีต่อมา
ท่านอ๋องหกถูกจัดการจนทรุดยากจะฟื้น ไม่นานเขาก็วิ่งกลับไปอย่างหดหู่มู่จิ่วซีกับเย่อู่เหิงทั้งสองคนคุยกันครู่หนึ่ง เย่อู่เหิงก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับรู้ว่าสองวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นช่วงบ่าย มู่จิ่วซีเพิ่งจะลงยาใหม่ตรงบาดแผล ชิงเฟิงจู่ๆ ก็เข้ามา"คุณหนูใหญ่ เจ้าสำนักฮั้วให้ข้าน้อยมาส่งขอความบอกท่าน เขาไม่สะดวกเข้ามาในวัง""เอ๋? ท่านพี่ฮั้วมีข่าวอะไร?" มู่จิ่วซีตกใจและกล่าว"เจ้าสำนักฮั้วบอกว่าที่ให้เขาตรวจสอบชายไว้หนวดก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้วยกันกับฮูหยินรองคนนั้น ตอนนี้ได้ความแล้วขอรับ" ชิงเฟิงกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน"เอ๋? คือใคร?" มู่จิ่วซีไม่คาดคิดถึงเรื่องนี้ พริบตาก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางเกือบจะลืมชายไว้หนวดคนนั้นไปแล้วทว่าชายไว้หนวดคนนั้นถูกเซวียนหยวนเชาฆ่าปิดปากด้วยตัวเอง แน่นอนว่าคงจะไม่ใช่คนธรรมดา"เป็นปรมาจารย์ข้างกายท่านหนึ่งของท่านอ๋องสี่ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับคุณหนูอาจื่อด้วยขอรับ" ชิงเฟิงกล่าว"ปรมาจารย์ข้างกายของท่านอ๋องสี่?" มู่จิ่วซีิยิ้มเยาะ "ดูเหมือนว่าตอนนั้นคงไม่อยากให้ข้าตรวจสอบท่านอ๋องสี่สินะ คิดว่าชายไว้หนวดคนนั้นเป็นคนแคว้นเป่ยจิ้นเสียอีก"ชิงเฟิงพย
"ขอบพระทัยพระพันปีหลวงและฝ่าบาททรงเป็นห่วง ซีเอ๋อร์ไม่เป็นไร" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "แม่นมเฝิง พระพันปีหลวงทรงมีพระราชกฤษฎีกาเหรอ?"แม่นมเฝิงมองคนอื่นๆ ชิงเฟิงและแพทย์หลวงก็รู้ตัวและรีบออกไปแม่นมเฝิงมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "คุณหนูใหญ่ พระพันปีหลวงทรงตรัสว่าคงปล่อยท่านอ๋องสี่ไว้ไม่ได้"มู่จิ่วซีชะงักไป แม่นมเฝิงกล่าวต่อ : "พระพันปีหลวงตรัสว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนให้ความเมตตากับพี่น้อง แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง ไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ ได้อีกแล้ว ดังนั้นพระพันปีหลวงทรงหวังว่าจวนแม่ทัพมู่จะรับประกันเรื่องนี้กับพระพันปีหลวงได้""สังหารท่านอ๋องสี่?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว นี่คือสิ่งที่โม่จุนไม่อาจลงมือได้ เลยให้มู่จิ่วซีลงมือ ไม่ถูกสิ เลยใช้แม่ทัพใหญ่พ่อของนางแทน แต่ไม่ใช่ว่าพระพันปีหลวงต้องการให้นางลงมือสังหารหรอกหรอ?"คุณหนูใหญ่ พระพันปีหลวงตรัสเอาไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดภายใต้พระนามของท่านอ๋องสี่ได้พระราชทานให้กับท่านและจวนมู่เจ้าค่ะ" ประโยคเดียวของแม่นมเฝิงทำให้หัวใจของมู่จิ่วซีเต้นเร็วมากขึ้นทว่าต่อจากนั้นนางก็ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น : "แม่นมเฝิง เจ้ากลับไปทูลบอกพระพั
แต่ว่าตอนนางมองใบหน้าในกระจกทองสัมฤทธิ์ว่าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก รอบกายนางก็แผ่ซ่านบรรยากาศอันเย็นเยือกออกมา"ลู่เอ๋อร์!" นางตะโกนเสียงดังไปทางประตูห้องลู่เอ๋อร์รีบวิ่งเข้ามาและกล่าว : "คุณหนู อะไรหรือเจ้าคะ? นี่มันอะไรกัน? หน้ากากเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?""เจ้าลองสวมดูอย่าขยับ" มู่จิ่วซีรีบสั่งลู่เอ๋อร์มองมู่จิ่วซีเอาหน้ากากมาติดไว้ตรงหน้าของนาง ทันใดนั้นก็สั่นไปทั้งตัวมู่จิ่วซีเอาหน้ากากหนังมนุษย์ไปติดไว้บนหน้าของลู่เอ๋อร์ จากนั้นนางก็มองออกว่าเป็นหน้าของใครเพราะว่าหน้ากากนี้ก็คือใบหน้าของมู่จิ่วซี!ความเหมือนมีมากถึงเจ็ดส่วน หากอ้างอิงเทียบกับใบหน้าดั้งเดิมของนางอย่างละเอียดรอบคอบ ก็คงจะสามารถทำออกมาให้เหมือนมู่จิ่วซีได้ถึงเก้าส่วน"หา! คุณหนู นี่ นี่ไม่ใช่ว่าคือท่านหรอกเหรอ?" ลู่เอ๋อร์เบิกตามองตัวเองในกระจก ทันใดนั้นก็ตกใจร้องขึ้นมามู่จิ่วซีเอาหน้ากากออกและก็กล่าว : "ใครเป็นคนส่งมา?""ลู่อวี่ไปหยิบรายชื่อของขวัญมา นี่ใครเป็นคนทำ น่ากลัวเกินไปแล้ว" ลู่เอ๋อร์รู้สึกขนพองสยองเกล้า ลู่อวี่คือรองหัวหน้าองครักษ์ของเรือนใน"นี่คือหนังหน้าของคนจริงๆ อีกทั้งยังลอกออกมาตอนขณะยั
มู่เทียนซิงเห็นสภาพของลู่เอ๋อร์ที่ต้องให้มาพิสูจน์อีกครั้งและตกใจอย่างมาก"เอ๋? ใครกันที่ทำของแบบนี้ขึ้นมาได้?" มู่จิ่วซีรีบถาม"หมอเทวดาจื่ออวิ๋นเฟยแห่งยุทธจักร" มู่เทียนซิงกล่าว"อะไรนะ!" มู่จิ่วซีชะงักในทันที หมอเทวดาคนนี้นางเฝ้ารอจะได้พบมาตั้งนานแล้ว"ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่ว่ารู้จักจื่ออวิ๋นเฟยหรอกเหรอ? ศาสตร์แพทย์ของเจ้าไม่ใช่ว่าได้รับการสั่งสอนจากเขาหรือไง? เจ้าจะไม่รู้จักได้ยังไง?" มู่เทียนซิงกล่าวอย่างตกใจ"แค่กๆๆ" มู่จิ่วซีนึกถึงข้ออ้างเมื่อก่อนขึ้นมาได้ ดูเหมือนคราวนี้นาจะเอาหินมาทับขาตัวเองแล้ว (เอาหินมาทับขาตัวเอง หมายถึง ทำตัวเอง)"แน่นอนว่าข้ารู้จัก แต่ว่าข้าแค่ไม่รู้ว่าจะฝีมือระดับนี้" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน"บางทีอาจจะเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะได้รับอันตราย ดังนั้นเลยส่งหน้ากากนี้มาให้ ช่วงเวลาอันตรายแบบนี้ ก็จะสามารถมีคนแทนเจ้าได้" ความคิดของมู่เทียนซิงกับมู่จิ่วซีตรงข้ามกันคนละขั้วแต่ก็ไม่พูดไม่ได้ว่าเป็นวิธีที่สุดยอด อย่างเช่นตอนแลกเปลี่ยนตัวกับท่านอ๋องหก ให้สักคนสวมหน้ากากปลอมเป็นมู่จิ่วซี แบบนั้นไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอนมู่จิ่วซีมองพ่อของนาง การมอ
ไม่นานนัก เย่ฮานและชิงเฟิงก็กลับมา ทั้งสองสีหน้าไม่ค่อยดีนัก"คุณหนูใหญ่ เจินเป่าจายกล่าวว่าไม่ใช่พวกเขาเป็นคนส่ง แต่ว่ามีคนบังคับพวกเขาให้ส่งมา ยังบอกอีกว่าคุณหนูใหญ่จะต้องส่งคนมาที่เจินเป่าจาย ก็เลยทิ้งจดหมายไว้ให้คุณหนูใหญ่ฉบับหนึ่งขอรับ"เย่ฮานขณะพูดก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อมู่จิ่วซีรับมาอ่าน เห็นว่าซองจดหมายนั้นสวยมาก คงเป็นคนพิถีพิถันภายในเป็นกระดาษคุณภาพดีแผ่นหนึ่ง พอเปิดออกด้านบนเขียนอักษรไว้หนึ่งบรรทัด"ชื่นชมคุณหนูใหญ่มู่มานานแล้ว หวังว่าจะได้มีวาสนาพบกัน พรุ่งนี้ตอนกลางวันที่หอชมจันทร์ จะรอจนกว่าจะเจอ""ไม่พบเบาะแสร่องรอยอื่นเลยเหรอ?" มู่จิ่วซีเห็นว่าไม่ได้ลงชื่อไว้เลยขมวดคิ้วถามทั้ง 2 คนชิงเฟิงก็กล่าว : "ข้าน้อยถามเถ้าแก่ถึงรูปพรรณคนส่งของขวัญและจดหมายแล้ว บอกว่าเป็นชายคนหนึ่งหน้าตาไม่เลว แต่ดูไม่คล้ายคนแคว้นเกาอวิ๋นขอรับ"มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว : "พรุ่งนี้พวกเจ้ารวมถึงหลิวฮั่วกับเหอเฟิงตามข้าไปด้วยกัน"เย่ฮานและชิงเฟิงรับคำสั่งและไปที่กรมพระราชวังนครบาลรับหลิวฮั่วและเหอเฟิง เหอเฟิงฟื้นฟูกลับมาจากวังวนของการทรมานและอยากมาอยู่ข้าง
"ใช่ขอรับ ฉีเล่อฉี่กลายเป็นใบ้ ล่อให้คุณชายหม่าที่เป็นมกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้นออกมา แต่พวกเราก็ได้ทราบเรื่องนี้นานแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะได้ชดเชย...""ไม่ต้องยึดร้านทั้งหมดที่ฉีเล่อฉี่ที่เป็นเจ้าของ ให้นางหลังจากนี้ดูแลฟื้นฟูร่างกายในจวนฉีให้ดี อย่าโผล่หัวเสนอหน้าออกมาสร้างปัญหา" มู่จิ่วซีไว้หน้าฉีหู่ซาน"แล้วคุณหนูฉีคนสามล่ะขอรับ นางเองยังถูกขังอยู่ในกระทรวงราชทัณฑ์" โจวเหยากล่าว"กระทรวงราชทัณฑ์ไม่ใช่ว่าเป็นถิ่นของใต้เท้าฉีหรอกเหรอ? ทารุณนางหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? ขังไม่กี่วันก็น้อยใจแล้ว?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห บังอาจกล้าเอายาเบื่อหนูมาวางยานาง จะดูถูกนางไปแล้ว ก็ยังดีที่ใช้กระเรียนแดง (กระเรียนแดง คือ ชื่อของยาพิษ)"ไม่ใช่ขอรับ ข้าได้ตั้งใจไปหา ใต้เท้าฉีกลัวว่าคุณหนูจะโมโห ก็เลยโบยแส้คุณหนูฉีคนสามไปห้าที เนื้อแตกเลือดซิบ ข้าได้เห็นเองกับตา จากนั้นคุณหนูฉีคนสามก็เหมือนจะคลุ้มคลั่งเล็กน้อย คงจะได้รับผลกระทบจากการถูกโบย""จริงหรือ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองโจวเหยาโจวเหยาสีหน้าตึงเครียดทันทีและกล่าว : "ข้าไม่อาจกล้าหลอกคุณหนูใหญ่มู่หลอก นางน่าสังเวชจริงๆ""ใต้เท้าโจว เจ้ากับ
มู่จิ่วซีขณะฟังก็ขมวดคิ้วเบาๆ ในใจก็คิดว่าโม่จุนครั้งนี้คงจะกระทบจิตใจอย่างมาก ถึงแม้ปากจะบอกว่ารับได้ แต่ว่าพอเกิดขึ้นจริงๆ นึกถึงเสด็จพี่ของตนเองทรยศก่อกบฏอย่างไม่ขาดสาย นั่นเท่ากับว่าต้องการจะปลงพระชนม์พระพันปีหลวงและฝ่าบาท รวมถึงสังหารเสด็จน้องอย่างเขาทำไมพวกเขาถึงอยู่อย่างสงบไม่ได้ ใช้ชีวิตดื่มด่ำกับเกียรติยศความมั่งคั่งร่ำรวยสิ ทำไมต้องเดินมาถึงจุดๆ นี้ด้วย ทำให้เขาต้องเผชิญความลำบากรอบด้าน ทำให้เขาเจ็บปวดจนใจแทบขาดคราวก่อนตั้งตัดขาของท่านอ๋องสาม คราวนี้ก็มาเป็นท่านอ๋องสี่ นี่มันเรื่องโศกนาฏกรรมที่สุดของครอบครัว"เขาตอนนี้อยู่ไหน?" มู่จิ่วซีถาม"คงจะอยู่ที่จวนท่านอ๋องสี่ขอรับ เห็นว่าพบทางเดินลับภายในซึ่งมีคนใช้งานอยู่เป็นประจำขอรับ" โจวเหยากล่าว"ข้าจะไปดู แล้วก็จะได้บอกให้เขาไปพักผ่อนด้วย"โจวเหยารีบพยักหน้าและยิ้มกล่าว : "ก็มีแค่เจ้าคุณหนูใหญ่มู่เท่านั้นที่พอจะโน้มน้าวท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ ให้เขาได้พักผ่อนเถอะ คณะเจรจาของแคว้นเป่ยจิ้นอีกสองวันก็จะมาถึงแล้ว เขาจะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์สิ"ในใจของมู่จิ่วซีคือความเหยียดหยาม ให้ตายเถอะ แคว้นเป่ยจิ้นหน้าด้านจริงๆก็เหมือ