มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "แน่นอน สามกระบวนท่าก็สามกระวานท่า เข้ามาเลย!"โม่หยวนชิงตื่นเต้น ทันใดนั้นก็ตั้งท่าพร้อมกับกล่าว : "มาเลย! ข้าไม่เชื่อว่าจะตั้งรับสามกระบวนท่าไม่ไหว!" เขามั่นใจในวรยุทธของตัวเองอยู่บ้าง"เจ้าบุกเข้ามาเลย ข้าบาดเจ็บ คงไม่สะดวกเป็นฝ่ายบุก" มู่จิ่วซีกรอกตามองบนทุกคนถึงกับปิดหน้า แม่เจ้า บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ท่านอ๋องหกยังจะประลองกับนางอีก ผู้ชายที่ไม่รักหยกถนอมบุปผาแบบนี้ คุณหนูใหญ่มู่อย่าเอาเลยเถอะ (รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง อ่อนโยนต่อผู้หญิง)"คุณหนูใหญ่สู้ๆ!""คุณหนูใหญ่ต้องชนะ!"สถาบันแพทย์หลวงไม่เคยครึกครื้นขนาดนี้ คนทั้งหมดข้างในออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น"งั้น ให้ข้าลงมือก่อน?" โม่หยวนชิงกล่าวอย่างไม่กล้า"อย่าพร่ำบ่น ให้เร็ว ข้ายังดื่มยาไม่เสร็จ!" มู่จิ่วซีตั้งกระบวนท่ายื่นมือกวักเรียกโม่หยวนชิงก็เคร่งขรึมทันที จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง เขาพุ่งเข้ามาหามู่จิ่วซี ง้างหมัดหมายจะโจมตีไหล่ของมู่จิ่วซีทุกคนเบิกตาโพลงกว้างและส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ ถึงอย่างไรความเร็วของโม่หยวนชิงก็ไม่ได้ช้า พละกำลังก็ไม่น้อย เสียงหมัดเสียดสีกับอากาศจนดังเพียงแต่ชั่ววินาทีต่อมา
ท่านอ๋องหกถูกจัดการจนทรุดยากจะฟื้น ไม่นานเขาก็วิ่งกลับไปอย่างหดหู่มู่จิ่วซีกับเย่อู่เหิงทั้งสองคนคุยกันครู่หนึ่ง เย่อู่เหิงก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับรู้ว่าสองวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นช่วงบ่าย มู่จิ่วซีเพิ่งจะลงยาใหม่ตรงบาดแผล ชิงเฟิงจู่ๆ ก็เข้ามา"คุณหนูใหญ่ เจ้าสำนักฮั้วให้ข้าน้อยมาส่งขอความบอกท่าน เขาไม่สะดวกเข้ามาในวัง""เอ๋? ท่านพี่ฮั้วมีข่าวอะไร?" มู่จิ่วซีตกใจและกล่าว"เจ้าสำนักฮั้วบอกว่าที่ให้เขาตรวจสอบชายไว้หนวดก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้วยกันกับฮูหยินรองคนนั้น ตอนนี้ได้ความแล้วขอรับ" ชิงเฟิงกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน"เอ๋? คือใคร?" มู่จิ่วซีไม่คาดคิดถึงเรื่องนี้ พริบตาก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางเกือบจะลืมชายไว้หนวดคนนั้นไปแล้วทว่าชายไว้หนวดคนนั้นถูกเซวียนหยวนเชาฆ่าปิดปากด้วยตัวเอง แน่นอนว่าคงจะไม่ใช่คนธรรมดา"เป็นปรมาจารย์ข้างกายท่านหนึ่งของท่านอ๋องสี่ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับคุณหนูอาจื่อด้วยขอรับ" ชิงเฟิงกล่าว"ปรมาจารย์ข้างกายของท่านอ๋องสี่?" มู่จิ่วซีิยิ้มเยาะ "ดูเหมือนว่าตอนนั้นคงไม่อยากให้ข้าตรวจสอบท่านอ๋องสี่สินะ คิดว่าชายไว้หนวดคนนั้นเป็นคนแคว้นเป่ยจิ้นเสียอีก"ชิงเฟิงพย
"ขอบพระทัยพระพันปีหลวงและฝ่าบาททรงเป็นห่วง ซีเอ๋อร์ไม่เป็นไร" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "แม่นมเฝิง พระพันปีหลวงทรงมีพระราชกฤษฎีกาเหรอ?"แม่นมเฝิงมองคนอื่นๆ ชิงเฟิงและแพทย์หลวงก็รู้ตัวและรีบออกไปแม่นมเฝิงมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "คุณหนูใหญ่ พระพันปีหลวงทรงตรัสว่าคงปล่อยท่านอ๋องสี่ไว้ไม่ได้"มู่จิ่วซีชะงักไป แม่นมเฝิงกล่าวต่อ : "พระพันปีหลวงตรัสว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนให้ความเมตตากับพี่น้อง แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง ไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ ได้อีกแล้ว ดังนั้นพระพันปีหลวงทรงหวังว่าจวนแม่ทัพมู่จะรับประกันเรื่องนี้กับพระพันปีหลวงได้""สังหารท่านอ๋องสี่?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว นี่คือสิ่งที่โม่จุนไม่อาจลงมือได้ เลยให้มู่จิ่วซีลงมือ ไม่ถูกสิ เลยใช้แม่ทัพใหญ่พ่อของนางแทน แต่ไม่ใช่ว่าพระพันปีหลวงต้องการให้นางลงมือสังหารหรอกหรอ?"คุณหนูใหญ่ พระพันปีหลวงตรัสเอาไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดภายใต้พระนามของท่านอ๋องสี่ได้พระราชทานให้กับท่านและจวนมู่เจ้าค่ะ" ประโยคเดียวของแม่นมเฝิงทำให้หัวใจของมู่จิ่วซีเต้นเร็วมากขึ้นทว่าต่อจากนั้นนางก็ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น : "แม่นมเฝิง เจ้ากลับไปทูลบอกพระพั
แต่ว่าตอนนางมองใบหน้าในกระจกทองสัมฤทธิ์ว่าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก รอบกายนางก็แผ่ซ่านบรรยากาศอันเย็นเยือกออกมา"ลู่เอ๋อร์!" นางตะโกนเสียงดังไปทางประตูห้องลู่เอ๋อร์รีบวิ่งเข้ามาและกล่าว : "คุณหนู อะไรหรือเจ้าคะ? นี่มันอะไรกัน? หน้ากากเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?""เจ้าลองสวมดูอย่าขยับ" มู่จิ่วซีรีบสั่งลู่เอ๋อร์มองมู่จิ่วซีเอาหน้ากากมาติดไว้ตรงหน้าของนาง ทันใดนั้นก็สั่นไปทั้งตัวมู่จิ่วซีเอาหน้ากากหนังมนุษย์ไปติดไว้บนหน้าของลู่เอ๋อร์ จากนั้นนางก็มองออกว่าเป็นหน้าของใครเพราะว่าหน้ากากนี้ก็คือใบหน้าของมู่จิ่วซี!ความเหมือนมีมากถึงเจ็ดส่วน หากอ้างอิงเทียบกับใบหน้าดั้งเดิมของนางอย่างละเอียดรอบคอบ ก็คงจะสามารถทำออกมาให้เหมือนมู่จิ่วซีได้ถึงเก้าส่วน"หา! คุณหนู นี่ นี่ไม่ใช่ว่าคือท่านหรอกเหรอ?" ลู่เอ๋อร์เบิกตามองตัวเองในกระจก ทันใดนั้นก็ตกใจร้องขึ้นมามู่จิ่วซีเอาหน้ากากออกและก็กล่าว : "ใครเป็นคนส่งมา?""ลู่อวี่ไปหยิบรายชื่อของขวัญมา นี่ใครเป็นคนทำ น่ากลัวเกินไปแล้ว" ลู่เอ๋อร์รู้สึกขนพองสยองเกล้า ลู่อวี่คือรองหัวหน้าองครักษ์ของเรือนใน"นี่คือหนังหน้าของคนจริงๆ อีกทั้งยังลอกออกมาตอนขณะยั
มู่เทียนซิงเห็นสภาพของลู่เอ๋อร์ที่ต้องให้มาพิสูจน์อีกครั้งและตกใจอย่างมาก"เอ๋? ใครกันที่ทำของแบบนี้ขึ้นมาได้?" มู่จิ่วซีรีบถาม"หมอเทวดาจื่ออวิ๋นเฟยแห่งยุทธจักร" มู่เทียนซิงกล่าว"อะไรนะ!" มู่จิ่วซีชะงักในทันที หมอเทวดาคนนี้นางเฝ้ารอจะได้พบมาตั้งนานแล้ว"ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่ว่ารู้จักจื่ออวิ๋นเฟยหรอกเหรอ? ศาสตร์แพทย์ของเจ้าไม่ใช่ว่าได้รับการสั่งสอนจากเขาหรือไง? เจ้าจะไม่รู้จักได้ยังไง?" มู่เทียนซิงกล่าวอย่างตกใจ"แค่กๆๆ" มู่จิ่วซีนึกถึงข้ออ้างเมื่อก่อนขึ้นมาได้ ดูเหมือนคราวนี้นาจะเอาหินมาทับขาตัวเองแล้ว (เอาหินมาทับขาตัวเอง หมายถึง ทำตัวเอง)"แน่นอนว่าข้ารู้จัก แต่ว่าข้าแค่ไม่รู้ว่าจะฝีมือระดับนี้" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน"บางทีอาจจะเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะได้รับอันตราย ดังนั้นเลยส่งหน้ากากนี้มาให้ ช่วงเวลาอันตรายแบบนี้ ก็จะสามารถมีคนแทนเจ้าได้" ความคิดของมู่เทียนซิงกับมู่จิ่วซีตรงข้ามกันคนละขั้วแต่ก็ไม่พูดไม่ได้ว่าเป็นวิธีที่สุดยอด อย่างเช่นตอนแลกเปลี่ยนตัวกับท่านอ๋องหก ให้สักคนสวมหน้ากากปลอมเป็นมู่จิ่วซี แบบนั้นไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอนมู่จิ่วซีมองพ่อของนาง การมอ
ไม่นานนัก เย่ฮานและชิงเฟิงก็กลับมา ทั้งสองสีหน้าไม่ค่อยดีนัก"คุณหนูใหญ่ เจินเป่าจายกล่าวว่าไม่ใช่พวกเขาเป็นคนส่ง แต่ว่ามีคนบังคับพวกเขาให้ส่งมา ยังบอกอีกว่าคุณหนูใหญ่จะต้องส่งคนมาที่เจินเป่าจาย ก็เลยทิ้งจดหมายไว้ให้คุณหนูใหญ่ฉบับหนึ่งขอรับ"เย่ฮานขณะพูดก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อมู่จิ่วซีรับมาอ่าน เห็นว่าซองจดหมายนั้นสวยมาก คงเป็นคนพิถีพิถันภายในเป็นกระดาษคุณภาพดีแผ่นหนึ่ง พอเปิดออกด้านบนเขียนอักษรไว้หนึ่งบรรทัด"ชื่นชมคุณหนูใหญ่มู่มานานแล้ว หวังว่าจะได้มีวาสนาพบกัน พรุ่งนี้ตอนกลางวันที่หอชมจันทร์ จะรอจนกว่าจะเจอ""ไม่พบเบาะแสร่องรอยอื่นเลยเหรอ?" มู่จิ่วซีเห็นว่าไม่ได้ลงชื่อไว้เลยขมวดคิ้วถามทั้ง 2 คนชิงเฟิงก็กล่าว : "ข้าน้อยถามเถ้าแก่ถึงรูปพรรณคนส่งของขวัญและจดหมายแล้ว บอกว่าเป็นชายคนหนึ่งหน้าตาไม่เลว แต่ดูไม่คล้ายคนแคว้นเกาอวิ๋นขอรับ"มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว : "พรุ่งนี้พวกเจ้ารวมถึงหลิวฮั่วกับเหอเฟิงตามข้าไปด้วยกัน"เย่ฮานและชิงเฟิงรับคำสั่งและไปที่กรมพระราชวังนครบาลรับหลิวฮั่วและเหอเฟิง เหอเฟิงฟื้นฟูกลับมาจากวังวนของการทรมานและอยากมาอยู่ข้าง
"ใช่ขอรับ ฉีเล่อฉี่กลายเป็นใบ้ ล่อให้คุณชายหม่าที่เป็นมกุฎราชกุมารแคว้นเป่ยจิ้นออกมา แต่พวกเราก็ได้ทราบเรื่องนี้นานแล้ว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะได้ชดเชย...""ไม่ต้องยึดร้านทั้งหมดที่ฉีเล่อฉี่ที่เป็นเจ้าของ ให้นางหลังจากนี้ดูแลฟื้นฟูร่างกายในจวนฉีให้ดี อย่าโผล่หัวเสนอหน้าออกมาสร้างปัญหา" มู่จิ่วซีไว้หน้าฉีหู่ซาน"แล้วคุณหนูฉีคนสามล่ะขอรับ นางเองยังถูกขังอยู่ในกระทรวงราชทัณฑ์" โจวเหยากล่าว"กระทรวงราชทัณฑ์ไม่ใช่ว่าเป็นถิ่นของใต้เท้าฉีหรอกเหรอ? ทารุณนางหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? ขังไม่กี่วันก็น้อยใจแล้ว?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห บังอาจกล้าเอายาเบื่อหนูมาวางยานาง จะดูถูกนางไปแล้ว ก็ยังดีที่ใช้กระเรียนแดง (กระเรียนแดง คือ ชื่อของยาพิษ)"ไม่ใช่ขอรับ ข้าได้ตั้งใจไปหา ใต้เท้าฉีกลัวว่าคุณหนูจะโมโห ก็เลยโบยแส้คุณหนูฉีคนสามไปห้าที เนื้อแตกเลือดซิบ ข้าได้เห็นเองกับตา จากนั้นคุณหนูฉีคนสามก็เหมือนจะคลุ้มคลั่งเล็กน้อย คงจะได้รับผลกระทบจากการถูกโบย""จริงหรือ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองโจวเหยาโจวเหยาสีหน้าตึงเครียดทันทีและกล่าว : "ข้าไม่อาจกล้าหลอกคุณหนูใหญ่มู่หลอก นางน่าสังเวชจริงๆ""ใต้เท้าโจว เจ้ากับ
มู่จิ่วซีขณะฟังก็ขมวดคิ้วเบาๆ ในใจก็คิดว่าโม่จุนครั้งนี้คงจะกระทบจิตใจอย่างมาก ถึงแม้ปากจะบอกว่ารับได้ แต่ว่าพอเกิดขึ้นจริงๆ นึกถึงเสด็จพี่ของตนเองทรยศก่อกบฏอย่างไม่ขาดสาย นั่นเท่ากับว่าต้องการจะปลงพระชนม์พระพันปีหลวงและฝ่าบาท รวมถึงสังหารเสด็จน้องอย่างเขาทำไมพวกเขาถึงอยู่อย่างสงบไม่ได้ ใช้ชีวิตดื่มด่ำกับเกียรติยศความมั่งคั่งร่ำรวยสิ ทำไมต้องเดินมาถึงจุดๆ นี้ด้วย ทำให้เขาต้องเผชิญความลำบากรอบด้าน ทำให้เขาเจ็บปวดจนใจแทบขาดคราวก่อนตั้งตัดขาของท่านอ๋องสาม คราวนี้ก็มาเป็นท่านอ๋องสี่ นี่มันเรื่องโศกนาฏกรรมที่สุดของครอบครัว"เขาตอนนี้อยู่ไหน?" มู่จิ่วซีถาม"คงจะอยู่ที่จวนท่านอ๋องสี่ขอรับ เห็นว่าพบทางเดินลับภายในซึ่งมีคนใช้งานอยู่เป็นประจำขอรับ" โจวเหยากล่าว"ข้าจะไปดู แล้วก็จะได้บอกให้เขาไปพักผ่อนด้วย"โจวเหยารีบพยักหน้าและยิ้มกล่าว : "ก็มีแค่เจ้าคุณหนูใหญ่มู่เท่านั้นที่พอจะโน้มน้าวท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ ให้เขาได้พักผ่อนเถอะ คณะเจรจาของแคว้นเป่ยจิ้นอีกสองวันก็จะมาถึงแล้ว เขาจะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์สิ"ในใจของมู่จิ่วซีคือความเหยียดหยาม ให้ตายเถอะ แคว้นเป่ยจิ้นหน้าด้านจริงๆก็เหมือ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่