"ผู้หญิงในตำหนักในไม่มีใครมีความสุขอย่างแท้จริง" โม่จุนกล่าวอย่างเรียบเฉย "หากข้าได้แต่งงาน ก็หวังว่าจะมอบความรักให้พระชายาของข้าเองไปคนเดียวตลอดชีวิต ประคับประคองซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันยันแก่เฒ่า หากทำไม่ได้ งั้นขอไม่แต่งจะดีกว่า""นี่มันง่ายมากเลยไม่ใช่หรือไง? จริงอยู่ที่เจ้ารักษาอุดมการณ์ แต่แค่สู่ขอพระชายาคนเดียวก็พอแล้ว" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "หรือว่ามีใครบังคับเจ้าหรือไง"พอพูดจบมู่จิ่วซีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง พ่อของนางกับพระพันปีหลวงไม่ใช่ว่าหมั้นหมายบังคับให้โม่จุนแต่งกับนางหรอกเหรอ?"กระแอ่มๆ" โม่จุนไอ"เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว พูดให้ถูกก็คือเจ้าไม่ได้รักข้า ไม่อยากสู่ขอข้า อยากจะรอสู่ขอหญิงสาวที่เจ้าชอบในอนาคต ข้าเข้าใจแล้ว ถึงอย่างไรเรื่องเศร้าก็ยังไม่เกิด เจ้ายังมีโอกาศ" มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว"ข้าไม่มีผู้หญิงที่ชอบ" โม่จุนอธิบายขึ้นมาในทันควัน พอพูดขึ้นมาอรรถรสก็เปลี่ยนไป"ได้ ข้าก็ไม่ได้บังคับให้เจ้ามาชอบข้า ข้าเคยบอกว่าเจ้าอย่าเสียใจภายหลังก็พอ" ทันใดนั้นในใจของมู่จิ่วซีก็รู้สึกไม่สบายขึ้นมาไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ มาบอกนางแบบนี้ จะบอกนางว่าอย่าคิดว่าเขาจะชอบนางงั้นเหรอ?ช่างม
เสียงของมู่จิ่วซีก็ดังขึ้นมา : "ต่อให้ข้าบ้าผู้ชายก็ไม่ได้บ้าเจ้า!"โม่จุนชะงัก จากนั้นมือทั้งสองข้างก็กำแน่น โกรธจนเขาสั่นไปทั้งตัวในใจตะโกนอย่างโกรดเกรี้ยว : ข้าไม่สนหรอก!ดวงตาสีฟ้ามีแต่แค่ในปีศาจ สวยอะไร ผู้หญิงคนนี้ตาบอด! นางบ้าผู้ชาย!เหล่าองครักษ์ตรงประตูของสถาบันแพทย์หลวงและเด็กปรุงเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ล้วนต่างมองหน้ากัน สองคนนี้ทำไมถึงทะเลาะกันอีกแล้ว?ท่านผู้สำเร็จราชการแทนนะท่านผู้สำเร็จราชการแทน ตอนนั้นท่านถอนหมั้นเพื่ออะไร!ทำเอากลุ่มคนกินแตงที่ส่งกำลังใจให้พวกเขาได้สมหวังกันต้องใจแตกสลาย (กลุ่มคนกินแตง หมายถึง กลุ่มคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เสพดราม่า)ค่ำคืนผ่านไปเงียบสงัด เช้าวันรุ่งขึ้นได้มาถึง แสงอรุณแรกได้กระทบส่องมายังบานหน้าต่างห้องของมู่จิ่วซี นางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อคืนนางหลับลึกและสบายอย่างมาก อาจเกิดจากบาดแผลจำนวนมาก แต่ตอนนี้สติการรับรู้ของนางฟื้นตัวแล้ว ตรงจมูกมีกลิ่นหอมของยาหลายชนิด ท้องของนางรู้สึกหิวขึ้นมา"คุณหนูใหญ่" เย่ฮานเห็นมู่จิ่วซีแต่งตัวเรียบร้อยออกมารีบเข้าไปต้อนรับ "เย่อู๋เหิงใต้เท้าเย่มาถึงแล้วขอรับ""อู่เหิงมาถึงแล้วเหรอ? เช้าขนาด
"ไม่ ไม่เป็นไร" เย่อู่เหิงปัดป้องจนมือไม้เป็นพัลวัน ขาเดินไม่สะดวกนักจนอีกนิดก็เกือบล้ม ยังดีที่มู่จิ่วซีมือตาไวช่วยพยุงเขาได้ทัน"เย่ฮาน รีบเรียกแพทย์หลวงอู๋เข้ามาดูอาการที ให้อู่เหิงเปลี่ยนกางเกงด้วย" มู่จิ่วซีรีบตะโกนเรียก"จิ่วซี ไม่ ไม่ต้องหรอก ข้า ข้าไม่เป็นไร" เย่อู่เหิงหน้าแดงจนอยากจะขุดแผ่นดินเอาหน้ามุด ช่างขายหน้าครั้งใหญ่ต่อหน้าสาธารณะแพทย์หลวงอู๋รีบเข้ามา ชายทั้งสองช่วยพยุงเย่อู่เหิงเข้าไปในห้องมู่จิ่วซีหันมามองโม่หยวนชิงทำหน้าเหมือนไม่มีความผิด"ท่านอ๋องหก ข้าก่อนหน้านี้ยังพูดไม่ชัดใช่ไหม?" ความอดทนของมู่จิ่วซีเริ่มหมดลงเพราะผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงฟังไม่เข้าใจ?หรือว่านางเป็นรักแรกของเขาหรือไง ดันทุรังอยู่แบบนี้จะดีจริงๆ หรอ?แม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกว่าเป็นหน้าเป็นตา มีความงามของชายหนุ่มที่ชื่นชอบ เอาไว้แหย่กระตุ้นผู้ชายชาติหมาอย่างโม่จุน แต่พอหลายครั้งเข้า ก็รู้สึกว่ารำคาญ"จิ่วซี ข้ารู้ว่าเจ้าเคยบอกว่าข้าตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งพอ ข้าจะพยายามให้แข็งแกร่งขึ้น จริงๆ นะ ขอเพียงเจ้าเป็นพระชายาหก ข้าจะฟังเจ้าทุกอย่าง" โม่หยวนชิงรีบมองมู่จิ่วซีอย่างอ้อนวอนพวกคนกินแตงของสถาบัน
มู่จิ่วซีอึ้งไปเล็กน้อยและรู้สึกว่าเย่อู่เหิงวันนี้เหมือนธาตุไฟเข้าแทรกแต่นางก็พยักหน้าให้ความร่วมมือและกล่าว : "ใช่ ถ้าไปไหนต้องพาคนเยอะๆ ไปด้วย แบบนั้นคงไม่สะดวก ท่านอ๋องหก ท่านคงต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี ฐานะของท่านพิเศษ อย่าถูกจับอีกล่ะ ช่วยท่านมาได้แล้วครั้งหนึ่ง คงจะไม่มีครั้งที่สองแล้ว""งั้นถ้าอยู่กับเจ้าก็ไม่ต้องให้มีคนเยอะขนาดนั้น เจ้าเองสามารถปกป้องข้าได้" โม่หยวนชิงรีบกล่าวมู่จิ่วซีสีหน้าดำทะมึน คนอื่นๆ หลังจากชะงักไปก็เริ่มทยอยพากันส่ายหัว หลังจากนี้ท่านอ๋องหกกะจะอาศัยพึ่งพาคุณหนูใหญ่มู่หรือไง? นี่ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม?แม้ว่าคุณหนูใหญ่มู่จะแข็งแกร่ง แต่ผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ได้หวังให้สามีของตนเองแข็งแกร่ง ผู้หญิงสุดท้ายก็ต้องการผู้ชายที่พึ่งพาได้ ไม่ได้ต้องการลูกชายเย่อู่เหิงหลุดขำพรืดออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบมองมู่จิ่วซี"ท่านอ๋องหก ข้าเคยพูดไปแล้ว ท่านทำเป็นหูทวนลม ข้าจะไม่มีทางแต่งกับท่าน ข้าไม่ชอบคนอ่อนแอ เข้าใจไหม? หากท่านอยากจะประลองกับข้าสักตั้ง งั้นก็มา ตอนนี้เลย ท่านชนะข้าได้ก่อนค่อยว่ากัน"ความอดทนของมู่จิ่วซีหมดลงอย่างสิ้นเชิงพร้อมกับตั้งท่าต่อสู้สำหรั
มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "แน่นอน สามกระบวนท่าก็สามกระวานท่า เข้ามาเลย!"โม่หยวนชิงตื่นเต้น ทันใดนั้นก็ตั้งท่าพร้อมกับกล่าว : "มาเลย! ข้าไม่เชื่อว่าจะตั้งรับสามกระบวนท่าไม่ไหว!" เขามั่นใจในวรยุทธของตัวเองอยู่บ้าง"เจ้าบุกเข้ามาเลย ข้าบาดเจ็บ คงไม่สะดวกเป็นฝ่ายบุก" มู่จิ่วซีกรอกตามองบนทุกคนถึงกับปิดหน้า แม่เจ้า บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ท่านอ๋องหกยังจะประลองกับนางอีก ผู้ชายที่ไม่รักหยกถนอมบุปผาแบบนี้ คุณหนูใหญ่มู่อย่าเอาเลยเถอะ (รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง อ่อนโยนต่อผู้หญิง)"คุณหนูใหญ่สู้ๆ!""คุณหนูใหญ่ต้องชนะ!"สถาบันแพทย์หลวงไม่เคยครึกครื้นขนาดนี้ คนทั้งหมดข้างในออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น"งั้น ให้ข้าลงมือก่อน?" โม่หยวนชิงกล่าวอย่างไม่กล้า"อย่าพร่ำบ่น ให้เร็ว ข้ายังดื่มยาไม่เสร็จ!" มู่จิ่วซีตั้งกระบวนท่ายื่นมือกวักเรียกโม่หยวนชิงก็เคร่งขรึมทันที จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง เขาพุ่งเข้ามาหามู่จิ่วซี ง้างหมัดหมายจะโจมตีไหล่ของมู่จิ่วซีทุกคนเบิกตาโพลงกว้างและส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ ถึงอย่างไรความเร็วของโม่หยวนชิงก็ไม่ได้ช้า พละกำลังก็ไม่น้อย เสียงหมัดเสียดสีกับอากาศจนดังเพียงแต่ชั่ววินาทีต่อมา
ท่านอ๋องหกถูกจัดการจนทรุดยากจะฟื้น ไม่นานเขาก็วิ่งกลับไปอย่างหดหู่มู่จิ่วซีกับเย่อู่เหิงทั้งสองคนคุยกันครู่หนึ่ง เย่อู่เหิงก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับรู้ว่าสองวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นช่วงบ่าย มู่จิ่วซีเพิ่งจะลงยาใหม่ตรงบาดแผล ชิงเฟิงจู่ๆ ก็เข้ามา"คุณหนูใหญ่ เจ้าสำนักฮั้วให้ข้าน้อยมาส่งขอความบอกท่าน เขาไม่สะดวกเข้ามาในวัง""เอ๋? ท่านพี่ฮั้วมีข่าวอะไร?" มู่จิ่วซีตกใจและกล่าว"เจ้าสำนักฮั้วบอกว่าที่ให้เขาตรวจสอบชายไว้หนวดก่อนหน้านี้ที่อยู่ด้วยกันกับฮูหยินรองคนนั้น ตอนนี้ได้ความแล้วขอรับ" ชิงเฟิงกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน"เอ๋? คือใคร?" มู่จิ่วซีไม่คาดคิดถึงเรื่องนี้ พริบตาก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางเกือบจะลืมชายไว้หนวดคนนั้นไปแล้วทว่าชายไว้หนวดคนนั้นถูกเซวียนหยวนเชาฆ่าปิดปากด้วยตัวเอง แน่นอนว่าคงจะไม่ใช่คนธรรมดา"เป็นปรมาจารย์ข้างกายท่านหนึ่งของท่านอ๋องสี่ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับคุณหนูอาจื่อด้วยขอรับ" ชิงเฟิงกล่าว"ปรมาจารย์ข้างกายของท่านอ๋องสี่?" มู่จิ่วซีิยิ้มเยาะ "ดูเหมือนว่าตอนนั้นคงไม่อยากให้ข้าตรวจสอบท่านอ๋องสี่สินะ คิดว่าชายไว้หนวดคนนั้นเป็นคนแคว้นเป่ยจิ้นเสียอีก"ชิงเฟิงพย
"ขอบพระทัยพระพันปีหลวงและฝ่าบาททรงเป็นห่วง ซีเอ๋อร์ไม่เป็นไร" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "แม่นมเฝิง พระพันปีหลวงทรงมีพระราชกฤษฎีกาเหรอ?"แม่นมเฝิงมองคนอื่นๆ ชิงเฟิงและแพทย์หลวงก็รู้ตัวและรีบออกไปแม่นมเฝิงมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "คุณหนูใหญ่ พระพันปีหลวงทรงตรัสว่าคงปล่อยท่านอ๋องสี่ไว้ไม่ได้"มู่จิ่วซีชะงักไป แม่นมเฝิงกล่าวต่อ : "พระพันปีหลวงตรัสว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนให้ความเมตตากับพี่น้อง แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง ไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ ได้อีกแล้ว ดังนั้นพระพันปีหลวงทรงหวังว่าจวนแม่ทัพมู่จะรับประกันเรื่องนี้กับพระพันปีหลวงได้""สังหารท่านอ๋องสี่?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว นี่คือสิ่งที่โม่จุนไม่อาจลงมือได้ เลยให้มู่จิ่วซีลงมือ ไม่ถูกสิ เลยใช้แม่ทัพใหญ่พ่อของนางแทน แต่ไม่ใช่ว่าพระพันปีหลวงต้องการให้นางลงมือสังหารหรอกหรอ?"คุณหนูใหญ่ พระพันปีหลวงตรัสเอาไว้แล้วว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดภายใต้พระนามของท่านอ๋องสี่ได้พระราชทานให้กับท่านและจวนมู่เจ้าค่ะ" ประโยคเดียวของแม่นมเฝิงทำให้หัวใจของมู่จิ่วซีเต้นเร็วมากขึ้นทว่าต่อจากนั้นนางก็ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น : "แม่นมเฝิง เจ้ากลับไปทูลบอกพระพั
แต่ว่าตอนนางมองใบหน้าในกระจกทองสัมฤทธิ์ว่าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก รอบกายนางก็แผ่ซ่านบรรยากาศอันเย็นเยือกออกมา"ลู่เอ๋อร์!" นางตะโกนเสียงดังไปทางประตูห้องลู่เอ๋อร์รีบวิ่งเข้ามาและกล่าว : "คุณหนู อะไรหรือเจ้าคะ? นี่มันอะไรกัน? หน้ากากเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?""เจ้าลองสวมดูอย่าขยับ" มู่จิ่วซีรีบสั่งลู่เอ๋อร์มองมู่จิ่วซีเอาหน้ากากมาติดไว้ตรงหน้าของนาง ทันใดนั้นก็สั่นไปทั้งตัวมู่จิ่วซีเอาหน้ากากหนังมนุษย์ไปติดไว้บนหน้าของลู่เอ๋อร์ จากนั้นนางก็มองออกว่าเป็นหน้าของใครเพราะว่าหน้ากากนี้ก็คือใบหน้าของมู่จิ่วซี!ความเหมือนมีมากถึงเจ็ดส่วน หากอ้างอิงเทียบกับใบหน้าดั้งเดิมของนางอย่างละเอียดรอบคอบ ก็คงจะสามารถทำออกมาให้เหมือนมู่จิ่วซีได้ถึงเก้าส่วน"หา! คุณหนู นี่ นี่ไม่ใช่ว่าคือท่านหรอกเหรอ?" ลู่เอ๋อร์เบิกตามองตัวเองในกระจก ทันใดนั้นก็ตกใจร้องขึ้นมามู่จิ่วซีเอาหน้ากากออกและก็กล่าว : "ใครเป็นคนส่งมา?""ลู่อวี่ไปหยิบรายชื่อของขวัญมา นี่ใครเป็นคนทำ น่ากลัวเกินไปแล้ว" ลู่เอ๋อร์รู้สึกขนพองสยองเกล้า ลู่อวี่คือรองหัวหน้าองครักษ์ของเรือนใน"นี่คือหนังหน้าของคนจริงๆ อีกทั้งยังลอกออกมาตอนขณะยั