ในใจของมู่จิ่วซีมั่นใจแน่นอนว่าคือลู่เวยหย่า แต่นางไม่มีหลักฐาน อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นช่วงนี้ก็ทำท่าเชื่องสะขนาดนั้น ผนวกกับสุขภาพแม่ของนางเพิ่งจะดีขึ้นมา นางเองก็มีเรื่องมากมายต้องจัดการ นางจึงไม่ได้มีเวลาไปจัดการให้นางผู้หญิงคนนั้นโผล่หางจิ้งจอกออกมา"ดังนั้นเจ้าเลยรู้สึกว่าจ้วงชิงเหมย..."โม่จุนถาม"องค์กรที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้แทรกซึมเข้ามาในระหว่างแคว้น อีกอย่างจำนวนคนก็คงจะไม่ใช่น้อยๆ คนพวกนั้นคงจะร่วมมือกันปกปิดอำพรางซึ่งกันและกัน หากช้ากว่านี้อีกไม่กี่ปี แคว้นเกาอวิ๋นจะต้องพังทลายจากภายในแน่นอน"มู่จิ่วซีsหันไปมองโม่จุนพร้อมกับกล่าวอย่างหนักแน่นสีหน้าของโม่จุนเคร่งขึมและจริงจังขึ้นมา เขาพยักหน้าเบาๆ และกล่าว : "สามปีก่อน หลังจากข้าปราบปรามท่านอ๋องสามไป ข้าก็ต้องเผชิญกับการรุกรานของแคว้นศัตรู ในราชสำนักทั้งหมดก็ได้พระพันปีหลวงและองคมนตรีหลายคนเป็นคนดูแล แม้ว่าคนที่ส่งให้ไปจัดการจะเป็นคนที่สนิทไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแทรกซึมเข้ามาของศัตรูได้"โม่จุนพูดความรู้สึกของเขาออกมาพร้อมกับมองมู่จิ่วซีที่เผยสีหน้าตื่นตกใจและก็กล่าวต่อ : "จิ่วซี คราวนี้ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ถ้าไม่ใช่เจ
ดวงตาสีดำของโม่จุนทั้งสองข้างก็ทอประกายแสงอันคมกริบมองไปที่มู่จิ่วซี"เจ้ามาจ้องเขม็งอะไรข้า? ตำหนักในที่ไหนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันท์พี่น้อง?" มู่จิ่วซีก็ถลึงจ้องมองกลับ "พูดตามตรง เสด็จแม่ของเจ้าก็จากไปแล้ว เจ้าเติบโตมาขนาดนี้ได้ก็นับว่าบุญมากแล้ว""นั่นเพราะพระพันปีหลวงองค์ก่อนได้ปกป้องข้าเอาไว้ตลอด" สีหน้าของโม่จุนนิ่งขรึม ดูไปแล้วเขาเหมือนจะโมโหเล็กน้อยพระพันปีหลวงองค์ก่อนสำหรับโม่จุนแล้วก็เหมือนกับแม่บุญธรรม แน่นอนเขาไม่ยอมรับคำพูดใส่ร้ายของมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีก็ได้แต่ระงับอารมณ์เอาไว้ จากนั้นก็กล่าวขอโทษกับเขา : "ข้าขอโทษแค่ตัดสินพิจารณาจากสถานการณ์ปกติ งั้นเจ้าคิดคว่าใครเป็นคนวางยาเงาหอมนิโลบลให้กับพระพันปีหลวงองค์ก่อนล่ะ?"โม่จุนไม่พูดอะไร ในตอนท้ายเขามองไปที่นางครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว แต่ว่าสีหน้าของเขากลับดูลึกซึ้งอย่างมาก ทำให้มู่จิ่วซีอดไม่ได้ที่จะคิดมาก"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ยังไม่ต้องไปยุ่ง เจ้าสนใจเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า" โม่จุนปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยมู่จิ่วซีพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในศาลต้าหลี่"พ่อข้ามาแล้วเหรอ?" มู่จิ่วซีพอได้ทราบจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
พอนางเดินเข้ามาที่ห้องโถงด้านข้าง ไป๋เฟิ่งหว่านก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีและก็พูด : "มู่จิ่วซี เจ้ากลับมาทำไม? แล้วน้องสามข้าล่ะเป็นยังไงบ้าง?"มู่จิ่วซีเหลือบมองนาง ไป๋เฟิ่งหว่านเป็นห่วงน้องชายคนนี้ของนางจริงๆ"ไป๋ฉี่เฟิงยังไม่ตาย เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว พ่อเจ้าเองก็ไม่ได้จะเอาเรื่องไป๋ชิงแล้ว อีดเดี๋ยวพวกเจ้าก็กลับกันได้แล้ว""อะไรนะ? ไม่เอาเรื่องแล้ว?" สีหน้าของไป๋เฟิ่งหว่านราวกับไม่อยากจะเชื่อ"ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าอย่าลืมว่าแม่ของเจ้ายังไม่ได้ขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่ เจ้าก็ยังเป็นเพียงคุณหนูของอนุภรรยา ไป๋ชิงต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ลูกสาวของคุณหญิงใหญ่ พ่อของเจ้าไม่มีทางทำอะไรขายหน้าให้เป็นเรื่องตลกทั้งแคว้นเกาอวิ๋นหรอก"มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะเย้ย สายตาก็มองไปที่สวีหยางและองครักษ์อีกคนที่อยู่ด้านหลังของไป๋เฟิ่งหว่าน"เจ้าคือสวีหยาง?" มู่จิ่วซีจ้องมองไปที่เขาสวีหยางชะงักไปพักหนึ่งและก็พยักหน้า"เจ้าเองคงเป็นองครักษ์ของจวนอัครมหาเสนาบดีใช่ไหม?" มู่จิ่วซีถามอีกครั้งสวีหยางไม่เข้าใจทำไมมู่จิ่วซีถึงถามแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงพยักหน้า"องครักษ์ของจวนอัครมหาเสนาบดียังดีไปกว่าคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพใ
มู่จิ่วซีพอเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่เหมือนกับหมดทางเลือกของเย่อู่เหิงก็ได้เอ่ยขึ้นมา : "ใต้เท้าเย่ ขอโทษที ข้าจะชดใช้ให้"เย่อู่เหิงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาและส่ายหัว : "เรื่องของไป๋ชิงจบลงทั้งแบบนี้น่ะเหรอ?""อืม อัครมหาเสนาบดีไม่ได้เอาเรื่องแล้ว แน่นอนไป๋ชิงก็ไม่ได้เป็นอะไร อีกอย่างไป๋ฉี่เฟิงก็ยังไม่ตาย เขาก็แค่ต้องอดทนลำบากก็แค่นั้น ไปเถอะ พวกเราไปพบแม่นมหรงด้วยกัน"มู่จิ่วซียิ้มหวานให้กับเขา"ได้ยินมาว่าเจ้าดึงพิษออกมาจากในฟันของนางงั้นเหรอ?" เย่อู่เหิงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร การจับไส้ศึกคือเรื่องของเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาล แต่ว่าไส้ศึกก็เกี่ยวข้องกับคดีด้วย ศาลต้าหลี่ก็เลยมีอำนาจที่จะสอบปากคำแต่ว่ามู่จิ่วซีไม่ใช่คนของศาลต้าหลี่ และก็ไม่ใช่คนของเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาล แต่นางกลับสามารถจับไส้ศึกคนหนึ่งได้ ความรู้สึกทำให้เย่อู่เหิงรู้สึกลำบากกระอักกระอ่วนอย่างมากคนที่มีหน้าที่เฉพาะกลับจับไม่ได้ แต่คุณหนูใหญ่คนหนึ่งที่เอาแต่กินเที่ยวดื่มเล่นกลับเก่งกาจขึ้นมาได้ในพริบตา นั่นยิ่งทำให้พวกเขาดูด้อยความสามารถมากขึ้นไปอีก"ใต้เท้าเย่ ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างบริสุทธิ์ใจได้ไหม?" มู่จิ
"ชิ เข้าใจผิดก็เข้าใจผิด ถึงอย่างไรข้าก็ถูกคนเข้าใจผิดไปแล้วไม่ใช่แค่ครั้งสองคน ข้าไม่สนหรอก เอาเถอะ จัดการธุระต่อเถอะ ข้าเองก็ยุ่งอยู่!"มู่จิ่วซีกำลังกังวลว่าตัวเองไม่ได้มีเวลาฝึกฝนเฟิงเหยียนหยูเฟย การที่เห็นศัตรูปรากฎตัวขึ้นมาคนแล้วคนเล่าตรงหน้า ส่วนนางกลับยังไม่มีพละกำลังแข็งแกร่งมากพอ แบบนี้นางจะไม่ร้อนใจได้อย่างไรขณะพูดนางก็เดินไปทางห้องขัง จากนั้นก็พูดมาประโยคหนึ่ง : "ใต้เท้าเย่ เจ้าไม่ถูกพิษ"เย่อู่เหิงก็ถอนหายใจโล่งอกออกมา ส่วนโม่จุนก็หันไปมองและพูดกับเขา : "เรื่องของอัครมหาเสนาบดี นางพวกเจ้าแล้วงั้นเหรอ?"เย่อู่เหิงพยักหน้าพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างมาก"เหอะ! นางกลับเชื่อในเจ้าเนี่ยนะ" โม่จุนไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้พูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จากนั้นเขาก็ไม่ได้รอฟังเย่อู่เหิงพูดก็เดินตามมู่จิ่วซีไปสีหน้าของเย่อู่เหิงเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและก็ทำอะไรไม่ถูก ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนกำลังอิจฉาเขานะ?ไม่ใช่ว่าเพิ่งถอนหมั้นไปเหรอ? ถ้าอิจฉาเขาจริง งั้นท่านผู้สำเร็จราชการแทนจะตบหน้าเอาคืนเขาเร็วไปแล้วไหม นี่น่ะเหรอยอดเทพสงครามแห่งแคว้นเก
ดวงตาของแม่นมหรงก็แทบจะถลนออกมา ใบหน้าของก็บูดบึ้งในทันทีและรีบกล่าวออกมา : "มู่จิ่วซี เจ้ามันอีนางปีศาจ เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้! ลูกสาวข้านางบริสุทธิ์ นางเป็นผู้บริสุทธิ์ นางไม่รู้เรื่องอะไรเลย""แม่นมหรง ทึกคนต่างก็มีความรู้สึก ข้าเองก็ไม่อยากทำอะไรลูกสาวเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าเองก็ต้องทำความปลอดภัยของอาณาจักร ข้าเองก็ทำได้แต่ต้องทำแบบนี้""แต่ว่าข้าสามารถรับประกันได้ ขอเพียงเจ้าให้ข้อมูลกับข้าเล็กน้อย ข้าก็จะปล่อยลูกสาวของเจ้าไป และข้าก็จะไม่บอกเรื่องที่เจ้าคือไส้ศึกกับนาง ข้าจะให้นางได้เป็นคนธรรมดาอยู่ในแคว้นเกาอวิ๋น มีชีวิตสงบสุขตลอดไป เจ้าคิดว่าเป็นไง?"สีหน้าของแม่นมหรงก็หวาดกลัวขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังใบหน้าอันงดงามของมู่จิ่วซีที่กำลังพูดและแฝงไปด้วยรอยยิ้ม นางไม่คเยคาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะเป็นคนน่ากลัวและโหดร้ายได้ขนาดนี้ต่างจากคุณหนูใหญ่ของจวนมู่ที่ไม่มีอะไรดีคนนั้นเท่าที่นางจำได้ และก็เป็นคุณหนูใหญ่ผู้ดีคนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจนางหวาดกลัวมาก ในใจก็คิดว่าอาจเพราะความผิดพลาดนี้ แผนทั้งหมดก็อาจจะผิดพลาดไปทั้งหมดด้วยเช่นกันในตอนสุดท้าย เพราะความผิดพลาดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก"ฮูหยินร
หลังจากแม่นมหรงมองนางอย่างลึกซึ้งพักหนึ่งก็พยักหน้าเบาๆมุมปากของมู่จิ่วซีก็กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชาและชั่วร้าย จากนั้นก็หันไปมองท่านผู้สำเร็จราชการแทนใบหน้าอันหล่อเหลาของโม่จุนยากที่จะดูได้ยิ่งกว่าอะไร รอบตัวของเขาแผ่ซ่านบรรยากาศอันเย็นเยือก"คุณหนูใหญ่มู่ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตามที่พูดไว้ และก็สุดท้ายช่วยให้บ่าวได้มีความสุขสักครั้งเถอะ" แม่นมหรงยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ"แม่นมหรง แล้วป้าสะใภ้รองลู่เวยหย่าเป็นไส้ศึกด้วยเหมือนกันใช่ไหม?" มู่จิ่วซีถามแม่นมหรงเองก็ตกตะลึงไป จากนั้นก็กล่าวขึ้นมา : "บ่าวไม่ทราบจริงๆ เจ้าคะ""ได้ ขอบใจเจ้ามาก ลูกสาวเจ้าจะไม่เป็นอะไร เจ้าจากไปอย่างสงบเถอะ" มู่จิ่วซีพูดจบก็เดินจากไปโม่จุนและเย่อู่เหิงก็รีบเดินตามกันออกมาและปิดประตูห้องขังลง"ไม่ไว้ชีวิตนางเหรอ?" เย่อู่เหิงรีบถาม"ไม่มีประโยชน์หรอก สิ่งที่นางรู้ก็ได้พูดออกมาหมดแล้ว หากนางมีชีวิตอยู่จะเป็นการทำร้ายลูกสาวของนาง" มู่จิ่วซีถอนหายใจโม่จุนก็พยักหน้าและหันมองไปที่เย่อู่เหิงพร้อมกับกล่าว : "ให้นางจากไปอย่างไม่ทรมาน"เย่อู่เหิงก็พยักหน้าและออกไปรับสั่งจัดการ"โม่จุน ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?
โม่จุนลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีดำของเขามองเห็นดวงตากลมโตที่แฝงด้วยรอยยิ้มของนางอย่างใกล้ชิด"นี่เจ้าตรวจเสร็จหรือยังเนี่ย!""อี๋ น้ำลาย!" มู่จิ่วซีกระเด้งตัวออกห่างพร้อมกับเช็ดหน้าด้วยสีหน้ารังเกียจใบหน้าหลอเหลาของโม่จุนก็แดงขึ้นมาทันที เขาเขินอายจนอยากจะมุดแทรกแผ่นดินหนี"โม่จุน เจ้านี่มันโสโครก พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง พ่นน้ำลายออกมาเพื่อ" มู่จิ่วซีรู้สึกว่านางเองหมดคำจะพูดจริงๆ"ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครใช้ให้เจ้าพูดมากันล่ะ" โม่จุนไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองนาง คอของเขาเองตอนนี้ก็แดงขึ้นมาแล้ว"เป็นข้าที่ผิดอีกแล้ว โม่จุน เจ้าจะซื่อสัตว์สักหน่อยได้ไหม ข้าเห็นเจ้าวิตกขนาดนั้นก็ถึงได้ถาม ข้าไม่ใช่ว่าจะกินเจ้าสักหน่อย เจ้าจะวิตกกังวลอะไร ใครจะไปรู้ว่าเจาจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้""มู่จิ่วซี เป็นเจ้าต่างหากที่ไม่จริงจัง! เดี๋ยวดูเดี๋ยวไม่ดู ถ้าไม่ดูข้าจะได้ไป" โม่จุนก็แค่อยากที่จะหลีกห่างจากผู้หญิงคนนี้โคตรขายขี้หน้าเลย"ดูสิ ถ้าไม่ให้ดูข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่" มู่จิ่วซีรีบก้าวเข้ามา โม่จุนก็หลับตาลงทันที เขายืนนิ่งไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยราวกับด้ามพู่กันมู่จิ่วซีก็ใช้มือเปิดเปลือกตาของเขาเพื่อมอง
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่