คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวาม
คนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุด
ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น
"อื้ม..."
กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่าน
นัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก
"อ้าส์"
เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ
“อื้อ!”
ในจังหวะนั้นเองที่ริมฝีปากหยักลึกจาบจ้วงริมฝีปากบางของคนใต้ร่างอย่างรวดเร็วพร้อมมอบจุมพิตเร่าร้อนแทบจะกลืนกิน ขณะที่เรียวนิ้วยังคงทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“หวานไปทั้งตัวเลยรู้มั้ย” ถอนริมฝีปากออกมาพลางกระซิบแผ่วด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
อชิระเปลี่ยนมาจูบไล่ตั้งแต่ลาดไหล่ขาวเนียนแล้วหยุดหยอกล้อสองเต้าอวบอัดครู่หนึ่ง ลามลงมายังหน้าท้องแบนราบพลางจุมพิตแผ่วด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อเกิดขึ้นภายในจิตใจ
ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความหวังและศรัทธาว่าชีวิตนี้เขาคงจะได้ทำหน้าที่พ่อสักครั้ง
กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาหยุดนิ่งอยู่ที่กุหลาบงามซึ่งเปรอะเปื้อนหยาดน้ำหวานก่อนหน้านี้แล้วหันไปแทะเล็มโคนขาด้านในทั้งสองข้างสลับกัน
"อ้ะ" เสียงครางหวานของภรรยาตัวน้อยเรียกรอยยิ้มพึงพอใจที่มุมปากของเขาได้เป็นอย่างดี
ผู้เป็นสามีไม่รอช้าโฉบปลายลิ้นสากลงไปยังใจกลางความเป็นสาวของเธอด้วยความเร็วแล้วปาดลิ้มชิมหยาดน้ำหวานอย่างหิวกระหายทำเอาเรียวขาคู่งามจิกเกร็งโซฟานุ่มจนเรือนร่างสั่นสะท้าน
ทว่าชายหนุ่มไม่หยุดอยู่แค่นั้นกลับยกเรียวขาข้างหนึ่งของเธอพาดบนบ่าแกร่งเพื่อจะได้สอดแทรกเรียวลิ้นควานหารสชาติหวานล้ำอันตราตรึงใจที่หลั่งไหลออกมาจากกลีบดอกไม่ขาดสายได้ง่ายขึ้น
อีกทั้งยังไม่ยอมปล่อยให้มือได้ว่างเว้นเลื่อนไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของผู้เป็นภรรยาอย่างหลงใหลจนเธอแทบจะสำลักออกมาด้วยความสุขสม
"อ้า~" สะโพกกลมกลึงสะบัดพลิ้วด้วยความเสียดเสียว
เพียงไม่นานชายหนุ่มก็หยัดกายขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมรักที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เพราะรู้ดีว่าทั้งเขาและเธอกำลังจะทานทนต่อไปไม่ไหว
อชิระเคลื่อนตัวลงมาทาบทับเรือนร่างบอบบางพร้อมรูดชักแกนกายขนาดใหญ่สองสามครั้งแล้วถูไถเข้ากับกลีบกุหลาบสีหวาน กระทั่งจุดเชื่อมต่อถูกสอดแทรกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
Oh!
ช่องทางรักคับแน่นบีบรัดตัวตนของเขาจนปวดหนึบก่อนจะขยับกายเคลื่อนเข้าออกเนิบนาบแล้วไต่ระดับเป็นหนักหน่วงสลับกันตามแรงอารมณ์
เสียงแห่งความรัญจวนสอดประสานกันดังระงมไปทั่วห้องสวีตกว้างใหญ่พร้อมด้วยเสียงเนื้อกระทบเนื้อเป็นจังหวะก่อนจะยกเรียวขาทั้งสองข้างของเธอวางพาดบนไหล่แล้วขยับสะโพกเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง
"อ้ะ! ฮันนี่ เบาหน่อย" ร้องปรามเมื่อแกนกายของเขาสอดใส่เข้าลึกสุดทางจนรู้สึกจุก
คำว่า ฮันนี่ที่หมายถึงที่รัก ที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของผู้เป็นภรรยาชวนให้หัวใจของเขาพองโตซึ่งน้อยครั้งนักที่จะได้ยินทำเอาชายหนุ่มอยากจะอัดกระแทกมากกว่าเดิม แต่ก็พยายามรั้งไว้ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ
จนเวลาล่วงเลยต่อไปอีกสักพัก ช่องทางรักเริ่มบีบรัดถี่ยิบกว่าเดิมจนชายหนุ่มขบกรามเข้าหากันแน่นพลางพ่นลมหายใจออกทางปากอย่างแรง
"อย่าแกล้งผัวแบบนี้สิ"
"ฉัน ฉันจะไม่ไหว..." ดวงตาของเธอปรือปรอยขณะกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น
ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นจึงโน้มตัวลงไปประกบจูบเธออีกครั้งแล้วเร่งจังหวะรัวเร็วกว่าเดิมเพื่อพาเธอไปให้ถึงฝั่งฝันซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่นานเรือนร่างบอบบางก็เกร็งกระตุกพร้อมปลดปล่อยทุกความอัดอั้นออกมาอย่างหมดแรง
เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็เริ่มขยับเอวสอบอย่างขันแข็งอีกครั้งโดยไม่ลืมหยิบหมอนอิงมารองสะโพกกลมกลึงของคนใต้ร่างไว้พร้อมโน้มตัวลงไปกอบกุมความนุ่มหยุ่นไว้ในอุ้งมือใหญ่พลางเชิดใบหน้าหล่อเหลาสูดปาก สองเรือนร่างชุ่มโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ
"ซี๊ดดด"
ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามผ่านลำคอก่อนจะกดจุดเชื่อมต่อเข้าไปให้ลึกที่สุดพร้อมปลดปล่อยเชื้อทุกหยาดหยดสู่ช่องทางคับแคบ
อชิระล้มตัวลงไปซุกใบหน้าหล่อเหลาอยู่กับซอกคอขาวผุดผาดของเธออย่างคนหมดแรงพลางหายใจเหนื่อยหอบ
“ลุกได้แล้วค่ะ ฉันหนัก” พยายามดันเขาให้ออกห่างจากตัวทว่าเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดไม่ได้ทำให้คนบนร่างสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“ได้ผมแล้วจะเขี่ยทิ้งอย่างนั้นเหรอ” อดที่จะสัพยอกภรรยาตัวน้อยไม่ได้
“ใช่ เพราะฉะนั้นลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“เมียผมใจร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ไม่พูดเปล่ายังตีเนียนจุมพิตที่หน้าผากมนเบาๆ
"นี่คุณ!"
"ครับ" แสร้งตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องราว
"เอาของคุณออกไปได้แล้ว"
"อะไรเหรอ"
"ก็นั่นแหละ" ใบหน้าหวานแดงซ่านรับรู้ได้ถึงแกนกายที่ยังคงแช่ค้างไว้ซึ่งเริ่มขยุกขยิกอีกครั้ง
"ของผมอะไรกัน ตอนนี้มันเป็นของคุณต่างหาก"
"..."
“เพราะฉะนั้น ช่วยนอนต่ออีกสักพักนะ เผื่อว่าครั้งนี้ลูกจะอยากมาอยู่กับเรา” เลื่อนไปพรมจูบทั่วใบหน้าหวานของภรรยาสาวอย่างรักใคร่
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
ฟู่ว~เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่านัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษหญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอกกระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่
“คุณวิเวียนครับ ถึงเวลายาแล้วครับ” เสียงเข้มของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากเสียงเคาะประตูบานใหญ่ที่ดังกึกก้องไปทั่วโถงทางเดินของคฤหาสน์หลังโออ่าเงียบลงมือข้างหนึ่งของธาวินถือถาดคริสตัลใบเล็กซึ่งมีแก้วสมุนไพรสีอำพันส่งกลิ่นฉุนจมูกวางอยู่บนนั้น ขณะยืนรอเจ้าของห้องเปิดประตูให้อย่างใจเย็นทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มกลับรีบดึงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทสีดำแล้วไขลูกบิดผลักประตูเข้าไปทันทีความเงียบสงัดภายในห้องบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างตามลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้บอดี้การ์ดหนุ่มวางถาดยาลงบนโต๊ะพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าของห้องอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปตรวจดูตามห้องต่างๆ ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่ากระทั่งมาหยุดยืนที่ประตูกระจกตรงระเบียงซึ่งถูกเปิดแง้มไว้และมีผ้าปูที่นอนสีขาวผูกยึดกับราวเหล็กเพื่อใช้โรยตัวจากชั้นสองลงสู่สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ครั้นเห็นแบบนั้นเขาจึงต่อสายหาลูกน้องของตัวเองผ่านหูฟังไร้สายทันที“คุณวิเวียนไม่ได้อยู่ที่ห้อง คาดว่าเธอน่าจะกำลังแอบหนีไปข้างนอก เพราะฉะนั้นรีบตรวจสอบกล้องวงจรทุกจุดแล้วปิดทุกช่องทางออกให้เร็วที่สุด”“พวกมึงรู้ใช่มั้ย? ว่าถ
ฟู่ว~เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่านัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษหญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอกกระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."“ทางนั้น?”"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้