ฟู่ว~
เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่า
นัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษ
หญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น
"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอก
กระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง
"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"
คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ
"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่ซักซ้อมไว้ก่อนหน้านี้ถูกกลืนลงสู่ลำคออย่างช่วยไม่ได้ เพราะจู่ๆ เธอกลับพูดอะไรไม่ออก
ท่าทางอ้ำอึ้งของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ชายหนุ่มเกิดความสงสัยมากกว่าเดิมพลางกวาดสายตามองข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างพินิจพิจารณา
กลิ่นเทียนหอมสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายไม่หวานเลี่ยนเหมือนอย่างที่ผ่านมา ไวน์หนึ่งขวดที่ยังไม่ได้เปิดวางคู่กันกับแก้วหนึ่งใบ อาหารบนโต๊ะตรงหน้ามีฝาครอบไว้จึงไม่รู้ว่าข้างในเป็นเมนูอะไรและที่น่าแปลกใจคือของเธอมีเพียงแก้วน้ำเปล่าใบเดียว
“เราไม่ได้จะดื่มไวน์ด้วยกันหรอกเหรอ”
“แล้วดินเนอร์แบบไหนกัน ที่อาหารมีแค่ของผม”
"หรือว่าคุณถอดอะไรๆ ที่สมควรอยู่บนเรือนร่างมาเสิร์ฟให้ผมเป็นกรณีพิเศษ"
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแฝงจุดประสงค์อย่างที่พูดขณะนัยน์ตาเป็นประกายวาววับเมื่อคิดเข้าข้างตัวเองว่าภรรยาจะทำเซอร์ไพรส์อะไรเทือกๆ นั้น
"ทะลึ่งสมกับเป็นคุณจริงๆ เลย"
"ก็ถ้าไม่ใช่ แล้วมันคืออะไรล่ะ"
"ถ้าอยากรู้ก็ลองเปิดดูสิคะ" ริมฝีปากอวบอิ่มระบายรอยยิ้มพรายบนใบหน้าสวยหวาน
อชิระไม่รอช้าเปิดฝาครอบอาหารออก ครั้นพอเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้นก็ยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่นก่อนจะหยิบภาพถ่ายสีขาวดำที่ปรากฏรูปร่างแปลกประหลาดขึ้นมาดูพร้อมพึมพำอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
"อะไรน่ะ"
ผ่านไปกว่าหลายวินาทีที่ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัส กระทั่งหัวสมองของเขาขาวโพลนพร้อมกับตัวที่แข็งทื่อไปชั่วขณะ
มือซึ่งจับกระดาษแผ่นนั้นเริ่มสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นทุกวินาทีจนแทบกระดอนออกมาจากอก อีกทั้งกระบอกตายังอุ่นร้อนพร้อมลำคอที่ตีบตัน
"จะ จริงเหรอ" ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงขณะเงยหน้าขึ้นมองเธอ
วิเวียนพยักหน้าเป็นคำตอบพลางคลี่รอยยิ้มบางแสนอ่อนโยน เสี้ยววินาทีหยาดน้ำตาก็ไหลทะลักลงมาอาบผิวแก้มนวลเนียนอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นอากัปกิริยาทุกอย่างของสามี
"ใช่ค่ะ ฉันท้องแล้ว"
"โอ้! ผม ผมไม่อยากจะเชื่อเลย" เขาพูดราวกับว่าหูของตัวเองอาจกำลังฟังผิดเพี้ยนไปแล้วเหลือบมองภาพใบนั้นอีกครั้งด้วยความสับสนอลหม่านที่ตีกันอยู่ในสมอง
"เรากำลังจะมีลูก คุณจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะคะ" วิเวียนย้ำเตือนเขาอีกครั้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นความจริงที่เธอเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นเดียวกัน
ร่างสูงลุกพรวดแล้วเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะใช้ปลายนิ้วที่ยังคงสั่นปาดน้ำตาออกให้คนตัวเล็กอย่างลวกๆ แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากมน จากนั้นจึงย่อตัวลงนั่งคุกเข่าพลางกอบกุมมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น
"เมื่อไหร่ คุณรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ช่วงบ่ายของวันนี้เองค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายผิดปกติเลยรีบไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น" วิเวียนจับมือของเขาทาบทับลงบนหน้าท้องที่ยังคงแบนราบพร้อมรอยยิ้มกว้าง
"เกือบๆ สองเดือนแล้วค่ะ"
"ผลผลิตจากเกาะแห่งนั้นสินะ" ความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านอยู่ในอกของเขาจนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
"ก็ว่าทำไมช่วงหลังมานี้พฤติกรรมหลายอย่างของคุณดูแปลกไป ที่แท้ก็เพราะมีเจ้าตัวเล็กคนนี้นี่เอง" ลูบไล้ไปมาพร้อมหัวใจที่พองโต
"คุณต้องพูดว่าเพราะเจ้าตัวเล็กสองคนนี้นี่เองต่างหาก เดี๋ยวลูกก็น้อยใจหรอกค่ะ"
"หืม?" สมองของเขาเหมือนจะเบลอไปชั่วขณะด้วยความสับสนกับประโยคข้างต้น
"คุณมองไม่ออกเหรอคะ"
อชิระรีบยื่นมือไปคว้าภาพอัลตราซาวด์บนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างละเอียดโดยมีเธอชี้ไปที่ตัวอ่อนขนาดจิ๋วอีกตัวที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น
"พระเจ้า!"
"ลูกของเรามาทีเดียวสองคนเลยค่ะ" น้ำเสียงออกจะภาคภูมิใจโดยที่อีกฝ่ายยังรู้สึกได้
ชายหนุ่มจึงรีบสวมกอดเธอไว้ด้วยความดีใจและปลื้มปีติ หัวใจของพวกเขาอิ่มเอิบสมกับการรอคอยอันแสนยาวนาน หลังจากต้องรับมือกับความผิดหวังที่นับครั้งแทบไม่ถ้วน
ชีวิตหลังแต่งงานทำให้คู่สามีภรรยาได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง เพราะการแต่งงานไม่ใช่จุดจบ หากแต่เป็นจุดเริ่มต้น
การมีลูกก็คงจะเป็นอีกก้าวของการสร้างครอบครัวแสนสุขสันต์ที่ยังคงต้องเรียนรู้อะไรต่างๆ อีกมากมายไม่มีวันจบสิ้น
วิเวียนหลับตาลงดื่มด่ำกับอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยซึ่งเธออยากอยู่ในวงแขนนี้ตลอดไป เพราะถึงแม้เธอจะเติบโตมาโดยที่ไม่มีพ่อคอยให้ความรักความอบอุ่น
แต่เธอมั่นใจเหลือเกินว่าลูกๆ จะได้รับสิ่งเหล่านี้จากพ่อของพวกเขาอย่างแน่นอน…
"ผมจะดูแลคุณกับลูกๆ ของเราให้ดีที่สุด"
"ฉันก็จะดูแลคุณกับลูกๆ ของเราให้ดีที่สุดเช่นเดียวกันค่ะ"
คู่สามีภรรยากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นขณะให้คำมั่นสัญญาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เพราะท้ายที่สุด พวกเขาก็ทำภารกิจที่ต้องการและรอคอยมาอย่างเนิ่นนานได้สำเร็จ จากความรัก ความเข้าใจ และความหวังที่ไม่มีวันสิ้นสุด...
THE END.❤️
“คุณวิเวียนครับ ถึงเวลายาแล้วครับ” เสียงเข้มของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากเสียงเคาะประตูบานใหญ่ที่ดังกึกก้องไปทั่วโถงทางเดินของคฤหาสน์หลังโออ่าเงียบลงมือข้างหนึ่งของธาวินถือถาดคริสตัลใบเล็กซึ่งมีแก้วสมุนไพรสีอำพันส่งกลิ่นฉุนจมูกวางอยู่บนนั้น ขณะยืนรอเจ้าของห้องเปิดประตูให้อย่างใจเย็นทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มกลับรีบดึงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทสีดำแล้วไขลูกบิดผลักประตูเข้าไปทันทีความเงียบสงัดภายในห้องบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างตามลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้บอดี้การ์ดหนุ่มวางถาดยาลงบนโต๊ะพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าของห้องอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปตรวจดูตามห้องต่างๆ ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่ากระทั่งมาหยุดยืนที่ประตูกระจกตรงระเบียงซึ่งถูกเปิดแง้มไว้และมีผ้าปูที่นอนสีขาวผูกยึดกับราวเหล็กเพื่อใช้โรยตัวจากชั้นสองลงสู่สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ครั้นเห็นแบบนั้นเขาจึงต่อสายหาลูกน้องของตัวเองผ่านหูฟังไร้สายทันที“คุณวิเวียนไม่ได้อยู่ที่ห้อง คาดว่าเธอน่าจะกำลังแอบหนีไปข้างนอก เพราะฉะนั้นรีบตรวจสอบกล้องวงจรทุกจุดแล้วปิดทุกช่องทางออกให้เร็วที่สุด”“พวกมึงรู้ใช่มั้ย? ว่าถ
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."“ทางนั้น?”"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
ฟู่ว~เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่านัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษหญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอกกระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."“ทางนั้น?”"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้