“คุณวิเวียนครับ ถึงเวลายาแล้วครับ” เสียงเข้มของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้น หลังจากเสียงเคาะประตูบานใหญ่ที่ดังกึกก้องไปทั่วโถงทางเดินของคฤหาสน์หลังโออ่าเงียบลง
มือข้างหนึ่งของธาวินถือถาดคริสตัลใบเล็กซึ่งมีแก้วสมุนไพรสีอำพันส่งกลิ่นฉุนจมูกวางอยู่บนนั้น ขณะยืนรอเจ้าของห้องเปิดประตูให้อย่างใจเย็น
ทว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที ชายหนุ่มกลับรีบดึงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทสีดำแล้วไขลูกบิดผลักประตูเข้าไปทันที
ความเงียบสงัดภายในห้องบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างตามลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
บอดี้การ์ดหนุ่มวางถาดยาลงบนโต๊ะพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าของห้องอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปตรวจดูตามห้องต่างๆ ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า
กระทั่งมาหยุดยืนที่ประตูกระจกตรงระเบียงซึ่งถูกเปิดแง้มไว้และมีผ้าปูที่นอนสีขาวผูกยึดกับราวเหล็กเพื่อใช้โรยตัวจากชั้นสองลงสู่สวนดอกไม้นานาพันธุ์ ครั้นเห็นแบบนั้นเขาจึงต่อสายหาลูกน้องของตัวเองผ่านหูฟังไร้สายทันที
“คุณวิเวียนไม่ได้อยู่ที่ห้อง คาดว่าเธอน่าจะกำลังแอบหนีไปข้างนอก เพราะฉะนั้นรีบตรวจสอบกล้องวงจรทุกจุดแล้วปิดทุกช่องทางออกให้เร็วที่สุด”
“พวกมึงรู้ใช่มั้ย? ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแม้แต่ปลายนิ้ว คุณอาร์คไม่เอาพวกเราไว้แน่”
สิ้นประโยคออกคำสั่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มหันขวับไปมองบานประตูห้องตามสัญชาตญาณเพราะมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น
"คุณวิเวียนเหรอครับ" ถามพลางค่อยๆ ย่างกรายเข้าไปใกล้ แต่แล้วประตูบานนั้นกลับถูกกระแทกปิดอย่างแรงตามมาด้วยเสียงล็อกของแม่กุญแจ
ปัง กริ๊ก!
“โถ่เว้ย” สบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังจากพลาดท่าเสียทีเป็นฝ่ายถูกกักขังไว้ในห้องราวกับว่าอีกฝ่ายจงเกลียดจงชังเขาเป็นพิเศษก่อนจะต่อสายหาลูกน้องอีกครั้ง
“คุณวิเวียนยังอยู่ในพื้นที่ของคฤหาสน์ รีบหาเธอให้เจอเดี๋ยวนี้!” บอดี้การ์ดหนุ่มพ่นลมออกทางปากอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
ภรรยาเด็กของเจ้านายหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว...
เรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำหอบหิ้วกระเป๋ากับรองเท้าแบรนด์เนมไว้มั่นขณะวิ่งไปยังอีกฟากหนึ่งของคฤหาสน์อย่างไม่คิดชีวิตจนก้อนเนื้อภายในอกเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความตื่นเต้น
ครั้นพอมาถึงจุดที่ต้องการก็หันซ้ายแลขวาเพื่อความมั่นใจก่อนจะระบายลมหายใจเหนื่อยหอบออกมาอย่างแรง
ตอนนี้เหล่าบอดี้การ์ดคงกำลังกระจายกันตามหาตัวเธออย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเหลือเวลาไม่มากแล้ว
ถึงยังไงคืนนี้ก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้!
เมื่อหลายวันก่อนเธอลองเดินสำรวจรอบคฤหาสน์อย่างละเอียดและบังเอิญเห็นว่ามีประตูลับที่สามารถออกไปยังตรอกถนนด้านหลังได้ซึ่งเหมาะแก่การใช้เป็นทางหลบหนีอย่างที่สุด
ไม่รอให้เสียเวลาหญิงสาวรีบเลื่อนประตูไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยวัชพืชออกแล้วก้าวข้ามเขตอย่างง่ายดายจนเธอเองยังนึกประหลาดใจกับหนทางอันราบรื่นนี้ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังแท็กซี่ที่ได้จองไว้ล่วงหน้า
“รีบออกรถเลยค่ะ”
หลังจากพาตัวเองเข้ามานั่งบนเบาะหลังคนขับได้สำเร็จก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโดยไม่ลืมกดส่งข้อความให้บุคคลที่เธอกำลังไปหาก่อนจะปิดเครื่องมือสื่อสารทันที
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหม่อมองภาพบรรยากาศยามค่ำคืนที่ไหลเลื่อนผ่านกระจกรถด้วยความรู้สึกหนักอึ้งพลางคิดทบทวนชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
หลังจากวิเวียนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอก็เข้าพิธีแต่งงานกับทายาทเศรษฐีตามความต้องการของผู้ใหญ่ที่ได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้ตั้งแต่อดีต
ถึงแม้เธอจะค้านหัวชนฝาเพราะไม่เห็นด้วยกับความคิดโบราณอย่างการคลุมถุงชนอะไรเทือกๆ นั้น ทว่าจุดเปลี่ยนในชีวิตก็เกิดขึ้นหลังจากมารดาซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย
หญิงสาวจึงตัดสินใจทำตามคำขอสุดท้ายของคนที่เธอรักมากที่สุดโดยการแต่งงานซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน มารดาก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบราวกับหมดห่วง
และตั้งแต่วันนั้นจวบจนวันนี้ระยะเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสามปีแล้ว…
เกือบสามปีที่วิเวียนใช้ชีวิตอยู่ภายในรั้วสูงของคฤหาสน์หลังใหญ่อันเงียบเหงา ชีวิตแต่ละวันล่วงเลยไปอย่างไร้ความหมาย เธอไม่ต้องออกไปตรากตรำทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงชีพเพราะเพียงแค่เอ่ยปากบอกสิ่งที่ต้องการ ทุกอย่างจะถูกนำมาวางไว้ราวกับเสกได้
แต่นั่นมันใช่ชีวิตที่เธอต้องการจริงๆ เหรอ...
หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ความคิดพวกนั้นออกจากสมอง พอดีกับที่สายตาเหลือบเห็นป้ายขนาดใหญ่สีทองอร่ามซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเธอในค่ำคืนนี้ใกล้เข้ามาทุกที
“ขอบคุณนะคะ” วิเวียนยื่นธนบัตรมูลค่าหนึ่งพันบาทจำนวนสามใบให้คนขับ หลังจากรถจอดสนิทบริเวณหน้าโรงแรมหรูย่านใจกลางเมืองกรุงฯ
แต่แล้วลมหายใจของเธอก็สะดุด มือที่กำลังยื่นไปข้างหน้าแข็งทื่อชั่วขณะพร้อมกับดวงตาเบิกกว้าง หัวใจกลับมาเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอก
นาฬิกาข้อมือเรือนหรูของคนขับทำเอาเธออยากสลายหายไปเป็นฟองเสียเดี๋ยวนั้น ความสับสนมึนงงหลั่งไหลเข้าสู่สมองโดยอัตโนมัติ
“นะ นาย” น้ำเสียงตะกุกตะกักเล็ดลอดผ่านริมฝีปากสีหวาน คนที่เธอขังเขาไว้ในห้องเพราะความหมั่นไส้ส่วนตัวกำลังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยประจำตำแหน่งคนขับ!
“คุณอาร์ครออยู่บนห้องแล้วครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะจ้องมองอีกฝ่ายผ่านกระจกกลางรถ
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจอเจ้านายของคุณหรอกนะ” เหลือบมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“เจ้านายของผมไม่ใช่สามีของคุณหรอกเหรอครับ"
"..."
"เอ~ การที่คุณถึงขั้นลอบหนีเพื่อมาสถานที่แห่งนี้พร้อมกับบอกว่าไม่ได้มาหาสามีของตัวเอง นี่มันหมายความว่ายังไงหรือครับ”
"นี่นาย!"
“เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ก็อย่าลืมคิดหาข้ออ้าง ข้อแก้ตัวหรืออะไรก็ตามแต่ไว้ให้ดีนะครับ” พูดจบเขาก็ออกไปจากรถแล้วเปิดประตูให้คนที่กำลังนั่งอึ้งอย่างเธอ
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บใจก่อนจะหันไปมองพื้นที่โดยรอบและเห็นว่าตามมุมต่างๆ มีชายชุดดำยืนกันอยู่ประปรายเตรียมพร้อมที่จะเข้าจับตัวเธอทันทีหากคิดจะหนี
“รีบไปกันดีกว่าครับ อย่าให้คุณอาร์คไม่พอใจไปมากกว่านี้เลย"
“เจ้านายของคุณก็ไม่พอใจฉันได้ทุกเรื่องนั่นแหละ” ถึงแม้จะกระฟัดกระเฟียด แต่คนไร้หนทางเลือกอย่างเธอก็เดินตามหลังบอดี้การ์ดหนุ่มเข้าไปในโรงแรมด้วยความจำใจ
"อีกอย่างนะ ทำไมฉันต้องคิดหาข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวด้วย ในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิด"
"จะผิดหรือไม่ผิดไว้ให้คุณอาร์คเป็นคนตัดสินก็แล้วกันครับ"
หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งสอง กระทั่งมาหยุดยืนหน้าประตูห้องสวีตที่ในหนึ่งชั้นมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว
ธาวินแตะคีย์การ์ดเข้ากับเครื่องรับแล้วผลักประตูเข้าไปก่อนจะเบี่ยงตัวหลีกทางให้ภรรยาสาวของเจ้านาย หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยและหมดหน้าที่ของตัวเองบานประตูก็ถูกปิดลง
ร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็กสีดำกำลังยืนกอดอกเหม่อมองทัศนียภาพยามราตรีพร้อมกับหมุนแหวนแต่งงานที่สวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายไปมา
นัยน์ตาสีเข้มดุจรัตติกาลเหลือบมองเรือนร่างบอบบางที่สะท้อนผ่านกระจกใสแวบหนึ่งแล้วค่อยๆ หมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
"สนุกพอหรือยัง”
น้ำเสียงเย็นเยียบที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักลึกของอชิระทำเอาลมหายใจของเธอขาดห้วงพร้อมกับอาการเสียวสันหลังวาบ
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."“ทางนั้น?”"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
ฟู่ว~เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่านัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษหญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอกกระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."“ทางนั้น?”"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้