“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด
“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”
ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน
“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม
"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."
“ทางนั้น?”
"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น
"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ
"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"
รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา
“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้นพลางขยับเข้าไปอีกก้าวและอีกก้าว กระทั่งสองสามีภรรยาประจันหน้ากันในระยะประชิด
“ฉัน ฉันนัดกับเพื่อนไว้ค่ะ” โพล่งตอบทันทีที่แผ่นหลังบางชนเข้ากับผนังเย็นเฉียบไร้หนทางหลบหนี
“นัดกับเพื่อนคนไหนในที่แบบนี้?"
“เพื่อนๆ สมัยมหาลัยค่ะ คือเรามีนัดสังสรรค์กันที่ห้องบอลรูมข้างล่าง” อธิบายจนลิ้นแทบจะพันกันแล้วหลุบสายตามองต่ำเมื่อเห็นนัยน์ตาคมเข้มกำลังจับจ้องเธอแทบไม่กะพริบ
“ถ้าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริงแล้วทำไมถึงไม่กล้าสบตาผม”
“คือฉัน...ฉันพูดจริงๆ นะ จะให้ลูกน้องของคุณไปตรวจสอบดูก็ได้"
"แน่นอนว่าต้องเป็นแบบนั้น"
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้ฉันได้ไปเจอเพื่อนๆ เถอะนะคะ”
“ผมคงให้ในสิ่งที่คุณต้องการไม่ได้หรอก"
"อะไรของคุณอีกล่ะคะ"
"คุณอย่าลืมสิ ว่าคืนนี้เราเองก็มีภารกิจที่ต้องทำด้วยเหมือนกัน”
“ถ้าคุณอยากนักก็ทำไปคนเดียวแล้วกันเพราะฉันจะไปหาเพื่อน”
“อย่ามาทำเป็นไขสือหน่อยเลย เรื่องนั้นผมทำเองคนเดียวได้ที่ไหน”
“หรือคุณลองไปหาผู้หญิงสักคนมาทำหน้าที่นั้นแทนฉันดีมั้ย"
“วิเวียน!” คำพูดที่หลุดลอดออกมาจากริมฝีปากบางทำเอาความโกรธของเขาพลุ่งพล่าน
“เราพูดเรื่องนี้กันกี่ครั้งกี่หนแล้วล่ะคะ ฉันบอกแล้วไงว่ายังไม่พร้อม” ระบายลมหายใจเบาๆ แล้วพ่นคำพูดออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น
"แค่คุณกักขังฉันไว้ในกรงทองที่เรียกว่าบ้านก็เกินจะทนแล้ว อย่ามายัดเยียดให้ฉันต้องเสียสละตัวเองเพื่อมีลูกให้คุณอีกเลย"
ประโยคเหล่านั้นทำเอาคนฟังถึงกับพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอดันแผงอกแกร่งให้ห่างจากตัวแล้วทำท่าจะเดินไปยังประตูห้อง
“ใครอนุญาตให้คุณเดินหนีผม”
“ฉันอนุญาตตัวเองได้”
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะถูกปล่อยไปง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ"
อชิระกระชากข้อมือของเธออย่างลืมตัวจนเรือนร่างบอบบางปะทะเข้ากับแผงอกแกร่งของเขาอีกครั้งแล้วสอดท่อนแขนรวบรั้งเอวเล็กแนบชิด
"อ้ะ! ปล่อยนะ"
"ให้ตายยังไง ผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณไปหรอก วิเวียน"
"..."
“เพราะคืนนี้เราต้องอยู่ทำลูกด้วยกัน..."
“ไม่! อื้อ~”
อชิระเลือกที่จะมองข้ามความไม่พอใจของภรรยาสาวแล้วฉกฉวยกลีบปากบางโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นซ่านเข้าไปซอกซอนกระหวัดเกี่ยวควานหาความหอมหวานในโพรงปากนุ่ม
ชายหนุ่มดื่มด่ำจุมพิตเร่าร้อนอย่างหลงใหล ไม่สนใจหญิงสาวที่พยายามดิ้นรนเป็นพัลวันหวังหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา แถมยังรัดรึงเธอไว้แน่นกว่าเดิมจนก่อเกิดกระแสแห่งความปรารถนาวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย
อีกทั้งฝ่ามือใหญ่ยังคอยตรึงท้ายทอยของคนตัวเล็กไว้มั่นขณะบดเคล้าริมฝีปากชุ่มฉ่ำมอบรสสัมผัสสุดแสนจะวาบหวามให้เธออย่างเอาแต่ใจ
แรงต่อต้านที่เหลือเพียงน้อยนิดของหญิงสาวใกล้จะหมดลงไปทุกที กระทั่งอ่อนระทวยอยู่ในวงแขนแกร่งที่ค่อยๆ ถอนรสจูบหวานล้ำออกมาอย่างอ้อยอิ่งพลางกระซิบแผ่ว
"คุณไม่เข้าใจหรอก ว่าผมต้องใช้ความอดทนกับมันมากแค่ไหนที่ได้นอนกับเมียแค่เดือนละครั้ง"
"..."
"เพราะฉะนั้น ได้โปรด…อย่าปฏิเสธผมเลย" ลมหายใจกรุ่นร้อนเป่ารดผิวแก้มกระจ่างใสที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
คำอ้อนวอนของสามีทำให้เธอเผลอไล่สายตามองใบหน้าหล่อเหลาราวต้องมนตร์สะกด ไม่ว่าจะเป็นเรียวคิ้วเข้มเหนือดวงตาคู่คมดุจเหยี่ยว สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักลึกบนโครงหน้าสมบูรณ์แบบชวนหลงใหล
บ่อยครั้งเลยทีเดียวที่เธอไม่กล้าสบสายตาลึกล้ำคู่นั้นเพราะบางครั้งมันช่างว่างเปล่าเย็นชาชวนให้รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ ทว่าก็มีอีกหลายครั้งที่มันแฝงไปด้วยความรู้สึกรักใคร่เอ็นดูเมื่อยามมองเธอ
“ผมอยากมีลูก ลูกของเรา…” ถ้อยคำหนักแน่นถูกกระซิบชิดริมฝีปากสีหวานพร้อมลมหายใจหอบกระชั้น
ไออุ่นจากเรือนร่างของกันและกันยิ่งเป็นแรงขับเคลื่อนให้เชื้อเพลิงแห่งความปรารถนาลุกโชนได้เป็นอย่างดีก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ เลื่อนปลายนิ้วลูบไล้แผ่วเบายังกลีบปากนุ่มนิ่มจนเผยอแย้มออกเล็กน้อย
เสี้ยววินาทีต่อมา ลมหายใจที่เดิมทีเป็นของเธอกลับถูกเขายึดครองอย่างถือสิทธิ์ จากนั้นริมฝีปากของสองสามีภรรยาก็บดเคล้าเข้าหากันอย่างลึกล้ำ ดื่มด่ำรสสัมผัสหอมหวานปานหยาดน้ำผึ้ง
อชิระเริ่มคลายวงแขนแกร่งแล้วเปลี่ยนมาสวมกอดคนตัวเล็กไว้เพียงหลวมๆ พร้อมกับปรนเปรอจุมพิตให้เธออย่างหนักหน่วง กระทั่งต่างฝ่ายต่างปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองโดยที่ริมฝีปากยังคงเชื่อมต่อกัน
หลังจากนั้นเพียงไม่นานร่างกายของคู่สามีภรรยาก็เปลือยเปล่าอยู่บนโซฟาเบดสีกรมท่าตัวใหญ่
นัยน์ตาลึกล้ำของเขากวาดมองเนื้อผิวนวลเนียนไร้มลทินของคนใต้ร่างพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ขณะเดียวกันปลายนิ้วเรียวของเธอก็ลูบไล้สัมผัสไปตามแผงอกวกวนอยู่กับลอนกล้ามแน่นตึงอย่างเผลอไผล
ผู้เป็นสามีไม่ปล่อยให้เสียเวลาก้มใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอขาวดอมดมกลิ่นกายสาวหอมรัญจวนของภรรยาอย่างอดใจไม่ไหวก่อนจะใช้ปลายลิ้นอุ่นร้อนลากเลียไปตามลำคอขาวผ่องจนเธอบิดเร่าด้วยความวาบหวิว
"อ้าส์"
ไม่พอแค่นั้นชายหนุ่มยังใช้นิ้วร้ายสะกิดปลายถันสีหวานจนชูชันท้าทายสายตาและทันทีที่สัมผัสได้ว่ามันแข็งเป็นไตก็ยิ่งบีบบี้สลับเคล้นคลึงอย่างสนุกมือทำเอาหญิงสาวเผลอจิกเรียวเล็บลงบนแผ่นหลังแกร่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"อื้อ"
ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนเป็นกอบกุมความอวบอิ่มทั้งสองข้างสลับกับใช้ริมฝีปากร้อนผ่าวดูดกลืนยอดอกแล้วกัดย้ำๆ ก่อนจะตามด้วยปลายลิ้นสากลากเลียตั้งแต่ฐานจรดปลายยอดสีชมพูจนเปียกชุ่ม
เขาปรารถนาที่จะฟอนเฟ้นและดูดกลืนความเต่งตึงนี้ให้สาแก่ใจให้สมกับที่ต้องอดทนรอคอยเวลานี้ในแต่ละเดือนด้วยความทรมาน
"คุณสวยเหลือเกิน" ส่งเสียงคล้ายคนละเมอ ขณะจมจ่อมอยู่กับเต้าอวบอัดของภรรยาสาวอย่างลุ่มหลง
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
ฟู่ว~เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่านัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษหญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอกกระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่
ฟู่ว~เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเรียบหรูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนจะค่อยๆ ระบายออกทางปากหวังลดความรู้สึกประหม่านัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นยังคงจ้องมองเปลวเทียนที่ส่องแสงสลัวกลางโต๊ะไม้สักภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ที่เธอตั้งใจเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษหญิงสาวนั่งรอการกลับมาจากทำงานของผู้เป็นสามีตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจิบน้ำเปล่าอยู่เป็นระยะด้วยความตื่นเต้น"เนื่องในโอกาสอะไรน่ะ" เสียงประหลาดใจของคนที่เธอกำลังรอคอยดังขึ้นจากทางด้านหลังยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวแรงแทบทะลุออกจากอกกระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนข้างภรรยาสาวแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากของเธอแผ่วเบาเป็นการทักทายก่อนจะพาตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางพูดขึ้นอีกครั้ง"วันวาเลนไทน์ก็ไม่ใช่ วันเกิดก็ไม่ใช่ วันครบรอบแต่งงานก็ผ่านมาแล้ว"คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความฉงน เพราะผู้เป็นภรรยามักจะจัดดินเนอร์แบบนี้เฉพาะวันสำคัญเท่านั้นซึ่งหมายความว่า วันนี้ก็ต้องเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ แต่เขาดันนึกไม่ออกเลยจริงๆ"คือว่าฉันมี..." คำพูดมากมายที่
สองเดือนต่อมา…สายตาแทบทุกคู่ของผู้เข้าร่วมงานการกุศลจ้องมองไปยังคู่สามีภรรยาที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความตื่นตาตื่นใจฝ่ายชายสวมสูทสีดำเรียบหรูดูสง่าและน่าเกรงขาม ขณะที่ฝ่ายหญิงมาในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงดูโดดเด่นสะดุดตา ชายกระโปรงของเธอพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดินเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเข้ากันกับลำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับสมเกียรติภรรยาทายาทธุรกิจเครื่องประดับทั้งสองเดินเข้าไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ตามมารยาท กระทั่งไฮโซผมสีดอกเลาคนหนึ่งเปิดบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดด้วยความอยากรู้อยากเห็น"คู่นี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ"ใบหน้าหวานของวิเวียนที่เดิมทีฉายแววสดใสมีชีวิตชีวาเจื่อนลงถนัดตาก่อนจะหันไปมองผู้เป็นสามีอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทางนั้นยิงคำถามออกมาอีกครั้ง“ธุรกิจออกจะใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีทายาทสืบทอดก็น่าเสียดายแย่ ว่ามั้ยจ๊ะ”“ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันครับ” อชิระสวนกลับทันที“หรือถ้าวิธีธรรมชาติไม่ได้ผล ลองปรึกษาแพทย์เพื่อใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็ดีเหมือนกันนะ ฉั
อชิระค่อยๆ โน้มกายพาเธอนอนราบลงบนผืนผ้าภายใต้เม็ดทรายนุ่มละเอียดแล้วใช้ฝ่ามือฟอนเฟ้นบีบคลึงสองเต้าใหญ่สลับหยอกล้อถันสีหวานจนแข็งเป็นไตปลายลิ้นร้ายกาจเริ่มไล้วนไปรอบๆ ส่วนยอดแล้วเข้าครอบครองไว้ในอุ้งปากร้อนก่อนจะดูดดึงอย่างตะกละตะกลามจนคนใต้ร่างบิดเร่าด้วยความทรมานกับสัมผัสที่เขามอบให้"อ้าส์"มือเล็กปัดป่ายสะเปะสะปะพร้อมส่งเสียงครางแผ่วหลุดลอดผ่านริมฝีปากบาง เมื่อผู้เป็นสามีลุ่มหลงอยู่กับเนินเนื้อทั้งสองข้างของเธอชายหนุ่มผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะความปวดร้าวอันเสียวสยิวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายแทบจะระเบิดออกมา กระทั่งฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบแล้วแช่นิ่งตรงจุดหวงแหนยิ่งของกายสาวเขาเริ่มขยับเพียงแผ่วเบาแล้วเร่งจังหวะลูบไล้หนักขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหว"อ้ะ!" นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้าสู่ห้วงลึกของภรรยาสาวจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยว"อื้อ คุณอาร์ค" ส่งเสียงครวญครางอู้อี้ เมื่ออีกฝ่ายขยับนิ้วที่ชุ่มฉ่ำหยาดน้ำหวานเข้าออกเนิบนาบแล้วเร่งจังหวะกระชั้นถี่อาการตอดรัดและบีบแน่นภายในทำให้เขาลอบยกยิ้มพึงพอใจกับการได้ปรนเปรอก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วทำเอาเธอสะท้านเฮือกส่งเสียง
“หายไปไหนนะ” ริมฝีปากบางพึมพำแผ่วเบาขณะสาวเท้าเดินเข้าไปตามห้องต่างๆ ภายในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมายามวิกาลแล้วพบว่าข้างกายปราศจากผู้เป็นสามีกระทั่งสายตาเหลือบเห็นแสงไฟสลัวๆ บริเวณชายหาดพร้อมกับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาจึงเดินมุ่งหน้าไปทางนั้นทันทีชายหนุ่มที่นั่งชันเข่าอยู่บนผ้าลินินลวดลายตารางเหม่อมองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มือข้างหนึ่งของเขาถือแก้วที่มีหยาดน้ำสีอำพันไว้เพียงหลวมๆ“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”วิเวียนเดินเข้าไปหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยความโล่งอกซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเงยใบหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคุณ” ตอบพลางกระชับผ้าคลุมไหล่สร้างความอบอุ่น"พอดีผมนอนไม่ค่อยหลับ""มีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ""เปล่าหรอก อาจจะไม่ชินกับการเข้านอนเร็วน่ะ นั่งก่อนสิ"หญิงสาวจึงหย่อนกายลงนั่งตามคำเชิญชวนพลางกวาดสายตาไปยังรอบๆ บริเวณจนมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของเขา“ขอฉันดื่มด้วยได้มั้ยคะ”“อย่าเลย”“น่านะ” น้ำเสียงแฝงความซุกซนแล้วทำท่าจะคว้าแก้วมาจาก
สัปดาห์ต่อมา...ทันทีที่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานใกล้ชายหาด เจ้าของเรือนร่างบอบบางในชุดลายดอกไม้สีสันสดใสรีบก้าวเท้าลงมาด้วยความตื่นเต้นเสียงคลื่นซัดสาดสาดกระทบชายฝั่งดังแว่วตามสายลมอบอุ่นในช่วงบ่ายคล้อยของวันผสานกลิ่นอายโอโซนแสนสดชื่นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสมือนได้รับอิสรภาพคืนกลับมานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังคงกวาดมองทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งที่ถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆปุกปุยสีขาวตัดกับผืนน้ำทะเลใสซึ่งมีดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเปล่งประกายระยิบระยับหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดจนในชั่วขณะหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความเงียบสงบก่อนจะถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปบนผืนทรายขาวละเอียดตามคำเรียกร้องของหัวใจ“วิ! อย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”ร่างสูงที่เพิ่งก้าวลงมาจากเครื่องบินตะโกนตักเตือนไล่ตามหลังพร้อมทอดถอนใจกับการกระทำเหมือนเด็กน้อยของเธอแล้วก้มลงหยิบรองเท้าที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ดูดำดูดี“คุณวิเวียนดูจะมีความสุขมากเลยนะครับ”“อืม” เขาครางตอบในลำคอเพราะเห็นด้วยกับความคิดของลูกน้องคนสนิท“คุณอาร์คก็ดูสบายใจขึ้นมากเหมือนกันนะครับ” หันมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อ
“จากผลการตรวจร่างกายของคุณทั้งสองไม่พบความผิดปกติอะไรนะคะ”แพทย์หญิงวัยกลางคนระบายรอยยิ้มละมุนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเริ่มอธิบายผลการตรวจที่แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดอีกครั้งวิเวียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะตั้งใจฟังสิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำลังอธิบาย ทว่าชายหนุ่มข้างกายกลับขมวดคิ้วมุ่น แววตาลึกล้ำฉายความฉงนอย่างเห็นได้ชัดอันที่จริงการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยากไม่ได้อยู่ในแผนการของพวกเขาตั้งแต่แรก ทว่าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมครอบครัวในวันนั้น ท่านทั้งสองหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแล้วแนะนำแกมบังคับให้ลองมาตรวจร่างกายกันใหม่อีกครั้ง“ถ้าคุณหมอบอกว่าร่างกายของพวกเราแข็งแรงดี แล้วทำไมถึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกล่ะครับ” เป็นสิ่งที่เขาสงสัยมาเนิ่นนานเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่ได้รับคำแนะนำทุกอย่าง“เมื่อสักครู่นี้หมอได้อธิบายผลการตรวจร่างกายของพวกคุณอย่างละเอียดไปแล้ว ทีนี้เรามาต่อกันที่สภาพจิตใจบ้างนะคะ" พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงกลับดูจริงจังมากขึ้น“ความเครียดเป็นตัวการหลักที่จะเข้าไปรบก
หนึ่งเดือนต่อมา..."วิ เป็นยังไงบ้าง"ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำตะเบ็งเสียงถามคนข้างในด้วยความตื่นเต้นจนปิดไม่มิด หลังจากภรรยาสาวหายเข้าไปในนั้นพร้อมชุดทดสอบการตั้งครรภ์สักพักแล้วเนื่องจากประจำเดือนที่มักจะมาตรงแทบทุกเดือนดันคลาดเคลื่อนไปราวหนึ่งสัปดาห์ พอเขารู้เข้าแบบนั้นก็รีบปลุกให้เธอลุกขึ้นมาตรวจตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำอชิระถึงกับอยู่ไม่เป็นสุขคอยเดินไปเดินมาพลางจับจ้องประตูห้องน้ำท่าทางลุ้นๆ บัดนี้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแทบหลุดออกจากอกจนอยากจะเปิดประตูเข้าไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดพลั่ก!"กี่ขีด!" โพล่งถามทันทีที่ประตูถูกเปิดออกแล้วหยุดยืนมองเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนอนลวดลายน่ารักอย่างรอคอยคำตอบวิเวียนตัดสินใจยื่นตลับตรวจให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับหันใบหน้าไปมองทางอื่น หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ความตื่นเต้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความผิดหวังที่ไม่อาจหลบซ่อนพร้อมพึมพำออกมาเสียงแผ่ว"ขีดเดียวหรอกเหรอ""ที่ประจำเดือนมาเลทมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ใช่ว่าจะตั้งครรภ์เสมอไปอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ"
คนใต้ร่างหอบหายใจรัวแรงจนเนินเนื้อทั้งสองข้างกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก่อนจะสอดเรียวนิ้วทั้งห้าเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีดำธรรมชาติของเขาเพื่อระบายอารมณ์ความต้องการอันแสนวาบหวามคนที่เป็นฝ่ายปรนเปรอดูจะทรมานรวดร้าวรอคอยการได้ปลดปล่อยไม่ต่างกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามยืดระยะเวลาเพื่อมอบความหฤหรรษ์ให้เธออย่างถึงที่สุดฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปลูบไล้ยังเรียวขางามทำเอาขนกายของเธอลุกชันก่อนจะวกกลับมาหยุดอยู่ที่เนินเนื้ออวบอูมปราศจากแพรไหมน่าสัมผัสส่งผลให้ภายในช่องท้องบีบรัดจากเพลิงพิศวาสอันซาบซ่านที่ถูกเขาปลุกปั่น"อื้ม..."กระทั่งปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับกรีดกรายกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทก่อนจะแหวกออกหยอกล้อกับติ่งเกสรทำเอาเรือนร่างบอบบางแอ่นกายตอบรับสัมผัสนั้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านนัยน์ตาลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อแทบไม่กะพริบ เธอยังคงหลับตาพริ้มล่องลอยไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้พร้อมส่งเสียงออกมาไม่ขาดปาก"อ้าส์"เรียวนิ้วที่บัดนี้อาบชโลมไปด้วยความชุ่มฉ่ำค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในโพรงเนื้อบอบบางก่อนจะขยับเข้าออกเนิบนาบส่งผลให้ช่องทางร้อนระอุตอดรัดถี่ยิบ“อื้อ!”ในจังหวะนั้นเองท
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปในที่สุด“ผมควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามมากกว่าว่าทำไมคุณถึงกล้าทำแบบนี้”ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเริ่มขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ เมื่อไล่สายตามองเรือนร่างบอบบางของภรรยาสาวที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าชัดเจน“ก็แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้” สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้พวงแก้มใสบนใบหน้าหวานจะซีดขาวเพราะความกลัวก็ตาม"เพราะการกระทำของคุณกำลังทำให้ผมคิดไปในทางนั้น..."“ทางนั้น?”"คุณคงไม่ได้แอบมีคนอื่นหรอกใช่มั้ย" หรี่สายตามองเธออย่างจับผิด อาจเพราะช่วงหลังมานี้สัมผัสได้ถึงความหมางเมินที่ภรรยามีต่อเขาจนอดไม่ได้ที่จะคิดอะไรแบบนั้น"คุณให้ลูกน้องจับตาดูฉันราวกับนักโทษในแดนประหารแล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีคนอื่นล่ะคะ" ประชดประชันอย่างเจ็บแสบ"แล้วทำไมคุณถึงพยายามหนีออกมาอย่างกับนัดใครไว้ จะให้ผมคิดเรื่องนี้ยังไง?"รอยยิ้มเยาะถูกยกขึ้นตรงมุมปากของร่างสูงที่กำลังเคลื่อนกายเข้าใกล้หญิงสาวจนเธอรีบถอยหนี ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา“ทำไมไม่ตอบ หืม...” ความเงียบไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขาสงบลง รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองมากขึ้