เช้าวันรุ่งขึ้นหลูมู่หยาน พร้อมด้วยเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ เดินทางออกจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี
หลูมู่หยานกระวนกระวายใจที่จะกลับไปปรับปรุงร่างกายของนาง ส่วนเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ ก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน ฉะนั้นการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นการเดินทางรวดเดียว ไม่มีหยุดพักระหว่างทาง
“เจ้ายอมมอบอสูรเพลิงตัวนั้นแล้วหรือ?” หลูมู่หยานหันหน้าไปถามเย่ชิงหานระหว่างหยุดพักจิบชา
เย่ชิงหานรู้สึกไม่ชอบที่ที่หยุดพักเท่าไหร่ เขาหยิบถ้วยชาพร้อมกับสะบัดฝาถ้วย ก่อนเอ่ยตอบไปว่า “ข้ายอมแพ้แล้ว”
“แต่ว่านะ มู่หยาน เจ้ายังมีผงสีขาวนั่นอยู่ไหม? ขายให้ข้าได้หรือไม่?”
เป็นเพราะหลูมู่หยานสะกัดผงสีขาวเพื่อทำให้เหล่าปีศาจหยุดเคลื่อนที่ชั่วขณะได้ และมันเป็นประโยชน์มากต่อตระกูลดาบวิญญาณที่เลี้ยงสัตว์ปีศาจเป็นส่วนใหญ่
หลูมู่หยานวางถ้วยชาลง นางนิ่วหน้าเนื่องจากความขมของชาที่มากเกินไป นางยังคงชอบดื่มชาหลิงมากกว่า “ตอนนี้ข้าไม่มีติดตัวแล้ว แต่ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะเตรียมไว้ให้หลังจากที่เรากลับถึงเมืองหลวง”
“ดีเลย เพราะผงนี้ สาวกระดับต่ำของตระกูลข้าจะได้มีเกราะป้องกันอีกชั้นเมื่อพิชิตสัตว์เลี้ยงวิญญาณได้”
ใบหน้าของเย่ชิงหาน ตอนนี้เปื้อนไปด้วยความสุขเล็ก ๆ “เจ้าต้องการเหรียญทองม่วงหรือไม่? หรือต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งของ?”
“เหรียญทองสีม่วง” หลูมู่หยานจำได้ว่า อีกไม่ช้าจะมีงานประมูลครั้งใหญ่ในจักรวรรดิ และนางเองก็ไม่สามารถรับเงินจากคฤหาสน์ของนายพลได้เสมอไป
เย่ชิงหานพยักหน้า พร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าจะขายยังไง?”
“ฟรี! สมุนไพรที่ใช้ทำไม่ได้แพงเกินไป” หลูมู่หยานนับเย่ชิงหานเป็นเพื่อน ฉะนั้นนางไม่จำเป็นต้องหมกเม็ดอะไรมาก
“ส่งการ์ดคริสตัลของเจ้ามาให้ข้า ข้าจะวาดให้” เย่ชิงหานเอ่ย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
การ์ดคริสตัลถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับธนาคารในทวีปอัคคีแดง แบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การ์ดคริสตัลสีขาว การ์ดคริสตัลสีดำ และการ์ดคริสตัลแร่ควอตซ์สีม่วง คล้ายคลึงกลับเหรียญทอง เหรียญดำ และเหรียญทองสีม่วง
ทว่าก็ยังมีความแตกต่างกันบ้าง เช่น การ์ดครัสตัลแร่ควอตซ์สีม่วง สามารถเก็บเหรียญได้สามชนิด การ์ดคริสตัลสีดำสามารถเก็บได้แค่เหรียญทองดำและเหรียญทอง ส่วนการ์ดคริสตัลสีขาวสามารถเก็บได้เฉพาะเหรียญทองเท่านั้น
การ์ดนี้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ตราบใดที่พวกเขามีพลังจิต คนธรรมดาก็สามารถเป็นเจ้าของรูดใช้ได้ ทว่าสำหรับการ์ดคริสตัลแร่ควอตซ์ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถซื้อได้ด้วยเงิน รวมไปถึงมันยังเป็นสิ่งที่ใช้บอกฐานะได้อีกด้วย
แม้ว่าหลูมู่หยานจะเคยเป็นพวกไร้ค่ามากก่อน แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะอยากมีพื้นฐานครอบครัวที่แข็งแกร่งกว่านี้ ฉะนั้นการ์ดคริสตัลที่นางใช้จึงเป็นการ์ดแร่ควอตซ์
“อะ นี่” หลูมู่หยานยักไหล่ ก่อนจะส่งการ์ดให้เย่ชิงหาน
การสะกัดผงนั้นง่ายมาก เพราะสิ่งที่นำมาใช้ไม่ใช่หญ้าวิญญาณ แต่เป็นเพียงสมุนไพรที่มีราคาสูงอยู่ไม่กี่ชนิด ฉะนั้นนางจึงไม่สนใจว่าเย่ชิงหานจะจ่ายมาก หรือจ่ายน้อย
เย่ชิงหานหยิบการ์ดที่หลูมู่หยานมอบให้ เขาหยุดชั่วครู่และรูดเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญทองในอดีต และส่งกลับคืนให้เจ้าของ “ก่อนอื่นข้าให้เจ้าก่อนหนึ่งล้านเหรียญทอง ถ้าไม่พอข้าจะทำให้อีกในครั้งหน้า”
หลูมู่หยานกะพริบตาถี่ หนึ่งล้านเหรียญทอง?! สมแล้วที่เป็นนายน้อยตระกูลเย่ ทั้งหล่อ ใจดี ความจริงแล้วมูลค่าของการทำมันเพียงแค่ประมาณหนึ่งหมื่นเหรียญทองเท่านั้น
เย่ชิงหานหยิบกล่องไม้ออกมาจากแหวนจักรวาล และส่งให้แก่หลูมู่หยาน “นี่คือผลไม้แห่งเพลิงที่ข้าบังเอิญพบมันตอนที่ตามหาเจ้า เอาไปใช้สิ”
เย่ชิงหานเดาว่าผลไม้แห่งเพลิงนี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับหลูมู่หยาน ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงไม่เสี่ยงไปที่เทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีเพื่อตามหามัน ฉะนั้นตลอดทางเขาจึงตั้งใจมองหาผลไม้ชนิดนั้น และเมื่อเขาเห็นมัน เย่ชิงหานและลู่เหล่าจึงจัดการตัดคอปีศาจระดับสูงเพื่อผลไม้นั้น และหญ้าวิญญาณมาให้นาง
หลูมู่หยานหยิบกล่องไม้และเปิดออกดู ภายในมีหญ้าวิญญาณสีแดงสามต้น แต่ละต้นมีผลไม้สีแดงสดหลายผลห้อยอยู่ ตอนนี้ดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มเป็นประกาย ด้วยผลไม้แห่งเพลิงจำนวนนี้ นางสามารถปรับแต่งเม็ดยาไขกระดูกได้มากขึ้น
“ข้าต้องการมันจริง ๆ ข้าจะรับไว้” หลูมู่หยานเก็บกล่องไม้นั้นด้วยความรู้สึกตื้นตัน ผลไม้ที่หายากและทรงคุณค่า นางไม่คิดมาก่อนว่าเย่ชิงหานจะทำขนาดนี้ ช่างเป็นคนที่ใจกว้างเสียจริง
“นี่ ข้าจะเอาไปทิ้งอยู่พอดี” หลูมู่หยานหยิบขวดแก้วสีขาวออกมาจากแหวนจักรวาล เพราะนางไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณใคร
เย่ชิงหานหยิบขวดลายครามและเปิดฝาออกด้วยความสงสัย พลันควันจาง ๆ ของตันเซียนก็ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ แม้แต่ลู่เหล่าก็ยังมองอย่างใกล้ชิด
“คืออะไร กลิ่นเหมือนเม็ดยาระดับสอง” เย่ชิงหานดูตกใจกับสิ่งที่เห็น พร้อมกับปิดจุกขวดเพื่อป้องกันการหล่นหาย
“มันคือเม็ดยาไขกระดูกที่สะกัดจากผลเปลวไฟ มันสามารถปรับสมรรถภาพทางกายและเส้นลมปราณได้ หลังจากกินมันไปแล้วเส้นลมปราณจะสามารถดูดซับวิญญาณแห่งโลกและสวรรค์ได้เป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้น” หลูมู่หยานอธิบาย
“อะไรนะ?! สามารถทำให้เส้นลมปราณในร่างกายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหรือมากกว่านั้นงั้นหรือ?” ดวงตาของเย่ชิงหานเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ยาซีซุยนี้ทำโดยเจ้า มู่หยาน?”
หลูมู่หยานเป็นนักดาบที่ไม่สามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณ และเปลี่ยนให้เป็นพลังงานที่สำคัญได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถสะกัดได้ แต่หลูมู่หยานทำได้ นั่นเลยทำให้เย่ชิงหานรู้สึกประหลาด และตกใจเล็กน้อย
“เจ้าคิดว่าใช่ไหม?” หลูมู่หยานลูบสร้อยข้อมือสีน้ำเงินที่มือของนาง หากไม่มีจิตวิญญาณที่ทรงพลัง และพลังวิญญาณสองชีวิต นางคงไม่สามารถสะกัดเม็ดยาไขกระดูกได้
โลกใบนี้มีเพียงปรมาจารย์ด้านดาบที่มีพลังวิญญาณสูงมากเท่านั้นที่สามารถกลั่นเม็ดยาได้ หรือที่เรียกว่า ‘นักเล่นแร่แปรธาตุ’ ที่หาได้ยาก นอกจากพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งแล้วยังต้องมีพรสวรรค์อีกด้วย
เป็นสิ่งที่ยากหากจะฝึกฝนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูง ฉะนั้นเม็ดยาระดับที่สองในตลาดจึงมีค่ามาก ไม่เคยมียาชนิดใดที่จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายและขยายเส้นลมปราณได้เหมือนยาซีซุย ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เย่ชิงหานและคนอื่น ๆ จะตกตะลึง
ตระกูลเย่ มีนักเล่นแร่แปรธาตุเพียงหนึ่งคนเท่านั้นแม้จะถูกเยินยอ แต่เขาก็ไม่สามารถสะกัดคุณภาพสูงเช่นนี้ได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เย่ชิงหานก็สงบลง พร้อมกับเอ่ยถามหลูมู่หยานด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “หลูมู่หยาน มียาล้างไขกระดูกอีกหรือไม่?”
“ทั้งหมดมีสองเม็ด ข้าให้เจ้าหนึ่งเม็ด และข้าจะเก็บไว้ใช้เองอีกหนึ่งเม็ด” นางส่ายหัว
หลูมู่หยานต้องเข้าสู่สภาวะจิตใจเมื่อสะกัดเม็ดยาไขกระดูก และนางก็สามารถสะกัดยาระดับสองได้ โดยไม่พึ่งพลังวิณญาณ
แม้ว่าเย่ชิงหานจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาเองก็กลับมายิ้มอีกครั้ง เพราะการได้รับยาเม็ดนี้ ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยอดเยี่ยม และรู้สึกขอบคุณหลูลู่หยานอย่างใจจริงสำหรับความมีน้ำใจนี้
ทว่าเมื่อคิดถึงความแข็งแกร่ง ณ ปัจจุบันของหลูมู่หยาน เย่ชิงหานจึงได้เอ่ยเตือนออกไป “มู่หยาน นอกจากคนที่เจ้าไว้ใจ อย่าบอกใครว่าเจ้ามียาชนิดนี้ เจ้าต้องป้องกันตัวเอง”
เย่ชิงหานกังวลว่าหลูมู่หยานจะตกเป็นเป้าจากผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาจะรู้ว่านางเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนออกไป
“ข้ารู้เรื่องนี้ดี” หลูมู่หยานพยักหน้ารับ พร้อมกับคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมา
หลังจากใช้เวลาขบคิดชั่วครู่ หลูมู่หยานก็เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าข้าปรับเม็ดยาซีซุย ข้าจะเก็บไว้ให้น้องสาวของเจ้าหนึ่งเม็ด”
จากที่เห็น เย่ชิงหานรักน้องสาวของเขามาก สตรีผู้นี้ได้พิษจากในครรภ์ ทำให้ไม่สามารถออกไปมาไหนได้ตั้งแต่เด็ก ซึ่งคล้ายกับการที่หลูมู่หยานจะต้องอาศัยอยู่ร่างไร้ค่าที่ด้อยกว่ามาก แต่เนื่องจากคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้กับเย่ชิงหานที่จะช่วยน้องสาวของเขา และตอนนี้พวกวัตถุดิบทั้งหมดก็มีมากมาย ฉะนั้นการรวมเพื่อสะกัดยาชำระไขกระดูก จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ขอบใจมาก มู่หยาน” เย่ชิงหานแสดงท่าทีตื่นเต้นกับคำพูดของหลูมู่หยานอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก พร้อมกับสัญญาเอาไว้อย่างสุดซึ้งว่า “ข้าจะเขียนสัญญาเอาไว้ก่อน”
นางคือหลูมู่หยาน สตรีผู้นี้ทำให้เย่ชิงหานประหลาดใจนักต่อนักตลอดการเดินทาง และเขาก็จะจดจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแดนเซงเอาไว้
แม้ว่าดวงตาของลู่เหล่าจะเต็มไปด้วยความอิจฉา ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักพอ เขาพอใจถ้าหากยาของหลูมู่หยานสามารถช่วยเขาจากอาการป่วยเรื้อรังนี้ได้
ทั้งหมดตัดสินใจพักรับประทานอาหารที่นี่ก่อนจะเริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง อีกสี่วันถัดมา พวกเขาทั้งหมดก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ ซึ่งหลังจากที่เย่ชิงหานเริ่มสนิทใจกับหลูมู่หยานแล้ว เขากลับไปหาเย่เจียและได้ทิ้งข้อมูลการติดต่อเอาไว้ให้หลูมู่หยานเป็นที่เรียบร้อย
หลูมู่หยานไม่ได้กลับบ้านในทันที นางตรงไปที่สวนที่นางอาศัยอยู่ในสถาบันจักรพรรดิแทน นางตั้งใจว่าจะรับยาซีซุยเสียก่อน เพื่อทำให้ครอบครัวของนางประหลาดใจ
เมื่อหลูมู่หยานกลับมาถึงลานในสถาบันจักรพรรดิ นางก็จัดแจงพื้นที่ด้านนอกอาคารเพื่อป้องกันการถูกรบกวนระหว่างสะกัดเม็ดยาไขกระดูก นางเทน้ำยาที่ได้เตรียมไว้ลงในอ่าง ก่อนจะพาร่างของนางลงไปแช่ตัวในน้ำที่เตรียมเอาไว้ หนึ่งชั่วโมงถัดมาหลูมู่หยานเทยาที่เหลืออยู่จากขวดแก้วลงในฝ่ามือของนางกลิ่นหอมของเม็ดยาตลบอบอวลไปทั่วห้องในขณะนี้ ด้วยพลังของยาที่อ่อนโยนนั่น ก็เริ่มไหลไปตามเส้นลมปราณของนางที่ปิดอยู่ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นลมปราณในร่างกาย ตราบใดที่สามารถเปิดเส้นลมปราณได้ เมื่อนั้นก็จะสามารถดูดซับพลังแห่งโลกและสวรรค์เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณได้เมื่อนางปล่อยให้ยาที่สะกัดได้กระจายไปที่เส้นลมปราณทั่วทั้งร่าง พลันดวงตาของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ นางรวบรวมคลื่นพลังด้วยยาที่บริสุทธิ์อีกครั้ง โดยเริ่มจากเส้นแรกก่อนจะค่อย ๆ ผลักไปด้านหน้าหลูมู่หยานรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พลังของซีซุยเคลื่อนตัวไป ตอนนี้ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวดหน้าผากสวย และจมูกได้รูปชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเริ่มขาวซีด หลูมู่หยานกัดริมฝีปากเพื่อข่มเสียงเอาไว้ และยังคงเพ่งพลังจิตเพื่อควบคุมยาให้ไปถ
เมื่อหลูมู่หยานเห็นว่าสมาชิกในตระกูลของนางมีแต่รอยยิ้ม นั่นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกดี และอบอุ่นหัวใจชีวิตของหลูมู่หยานถูกส่งไปฝึกฝนที่สำนักตั้งแต่มีอายุเพียงแค่สามปี ทันทีที่กลับมานางก็พบว่าครอบครัวของนาง ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ ท่านแม่ หรือแม้แต่ท่านพี่กลับเสียชีวิตแล้วตอนนี้ หลูมู่หยานหันไปหาคนในตระกูล ก่อนจะเอ่ยถามว่า “พวกท่านไม่สังเกตหรือ ว่าระดับการบ่มเพาะของข้าพัฒนาขึ้นแล้ว?”“ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่” หลูซานเทียนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาสนใจแค่ว่าหลานสาวของเขาจะกลับมาจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีอย่างปลอดภัย และไม่ได้สนใจเรื่องการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย“ช่างเป็นสุดยอดนักดาบรุ่นเยาวร์จริง ๆ” หลูหม่าอวี้เอ่ย“เจ้าสะกัดยาซีซุยแล้วหรือ?” ดวงตาของหลูมู่ไป๋ฉายแววความตื่นเต้น ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจว่า “หยานเอ๋อร์ ร่างกายของเจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง?”“อืม ข้าฝึกมาแล้ว” หลูมู่หยานยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า “ข้ายังได้ผลไม้แห่งเพลิงมาอีกสองสามผล เด
หลังจากกลับมายังห้อง หลูมู่หยานจัดการนำหญ้าวิญญาณ และผลไม้แห่งเพลิงออกมาจากแหวนจักรวาล และวางลงอย่างระมัดระวังนางใช้ผลไม้แห่งเพลิงเพียงแค่ลูกเดียวจากการสะกัดไปก่อนหน้า และยังเหลือที่เย่ชิงหานทิ้งไว้ให้อีกสิบเอ็ดผลปริมาณของมันมากเกินพอสำหรับการทำยาซีซุย สำหรับท่านปู่และคนอื่น ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ ทำให้ทุกครั้งแค่เปิดเตาหลอม ยาชำระไขกระดูกชั้นยอดสามถึงสี่เม็ดจะถูกสะกัดออกมา และมันจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใดหลูมู่หยานใส่หญ้าวิญญาณลงไปในหม้อต้มยา ผลไม้แห่งเพลิงไม่เหมาะที่จะเก็บรักษาเอาไว้ เพราะยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่ คุณสมบัติทางยาของมันก็จะลดและสูญหายไปตอนนี้ร่างกายของจูไมได้รับการรักษาแล้ว และด้วยพลังทางจิตวิญญาณของนางสามารถช่วยแก้ปัญหาระหว่างเล่นแร่แปรธาตุได้หลูมู่หยานโยนหญ้าวิญญาณ และผลไม้แห่งเพลิงลงในหม้อต้มยาเข้าด้วยกัน พร้อมกับควบคุมเปลวไฟอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มสะกัดยาช้า ๆผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ห้องของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยเศษฟางของดันเซียงกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นของวันร
เมื่อหลูมู่หยานปรากฏตัวที่ห้องอาหาร ทั้งฉีอี้ซวนและหยุนจินต่างก็จ้องมองมาที่นาง ตอนนี้หลูมู่หยานเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ในอดีตหลูมู่หยานมักจะชอบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม และมักจะประโคมเครื่องสำอางหนัก ๆ ลงบนใบหน้า และทุกครั้งที่เจอฉีอี้ซวนก็จะเห็นหลูมู่หยานเป็นเรื่องปกติแม้ว่าก่อนหน้านางจะเป็นคนที่สวยอยู่แล้วก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับชุดสีม่วงที่ดูหรูหรารัดกุม กับใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมจนฉูดฉาด กับความฉลาดที่แสดงให้เห็นระหว่างคิ้ว หลูมู่หยานนิสัยเปลี่ยนไปมาก หากใบหน้าไม่เหมือนกันจนแยกไม่ได้ เกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิดว่ามีหลูมู่หยานสองคน“มู่หยานทะลวงเข้าสู่ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่?” หยุนหลันจงใจตรวจสอบแกนระดับพลังยุทธ์ทันที เมื่อหลูมู่หยานเดินเข้ามา นางสามารถเข้าสู่ระดับปรมจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลที่ได้รับรู้มาเป็นความจริง และร่างกายของนางที่ด้อยค่าก็ถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นซากแล้วดวงตาของหลูมู่หยานไม่ได้แสดงอะไรออกมามากนัก นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างถ่อมตน “ก็แค่เรื่องบังเอิญ&
“ท่านพี่ใหญ่และท่านพี่รองมีเรื่องต้องทำ เลยไม่ได้ไป”พวกเขาไม่สามารถเป็นผู้เข้าร่วมการประมูลได้สำหรับการดูดซับคุณสมบัติทางยาซีซุยทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณสิบวัน ซึ่งพรสวรรค์และความอดทนจะเป็นตัวกำหนดการออกของฤทธิ์ยาในการขยายตัวของเส้นลมปราณหลูมู่หยานสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นั่นก็เป็นเพราะประสบการณ์ที่โชกโชนของนางเมื่อชีวิตที่ผ่านมา และพรสวรรค์ของร่างนี้แม้ว่าร่างกายของนางจะเป็นร่างที่ไร้ซึ่งทางตัน ทว่าพรสวรรค์ของนางนั้นกลับยอดเยี่ยม หลูมู่หยานนั้นแข็งแกร่งกว่าความเป็นอัจริยะในชาติที่แล้วมากแน่นอนว่า หากไม่มีเม็ดยาล้างไขกระดูกนางอาจจะกลายเป็นขยะไร้ค่าไปชั่วชีวิต แต่ตอนนี้นางได้เปลี่ยนร่างกายของนางแล้ว นางได้ดูดซับพลังจากโลกและสวรรค์ได้สองถึงสามเท่า นับเป็นสองถึงสามเท่าของนักดาบธรรมดาหยุนหลันขมวดคิ้ว พร้อมกับคิดในใจถึงเหตุที่ทำให้พี่ชายของหลูมู่หยานทั้งสองคนไม่ได้เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะถามหลูมู่หยานถึงสิ่งที่เขาสงสัยในที่สาธารณะ เขายิ้มและเอ่
หลังจากที่ชงชาให้แก่แขกพิเศษของงานประมูลแล้ว หญิงรับใช้ทั้งสองคนก็เอ่ยทักทาย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไปทีละคนหลูมู่หยานหยิบถ้วยชาศิลาดลเคลือบสีขาวนวลขึ้นมา และทันทีที่เปิดฝากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาก็โชยเตะจมูกทันที ชาดังกล่าวมีร่องรอยของพลังงานออร่าแสดงให้เห็นว่าชาจิตวิญญาณนี้อยู่ในระดับที่ดีหอการค้าหมิงเหมิงนี้ช่างสวยงามจริง ๆ หลูมู่หยานค่อย ๆ ละเลียดดื่มหลิงชาที่ไม่ได้ดื่มมากนานแม้ว่าชานี้จะด้อยกว่าชาวิญญาณที่หลูมู่หยานเคยดื่มมา ทว่านางก็ไม่ได้ไม่ชอบเสียทีเดียว ในโลกวิญญาณนางถือได้ว่าเป็นคนรักชาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง“ชาวิญญาณนี้ดีจริง ๆ หลังจากจบงานประมูล คงต้องบอกกับเจ้าของร้านเพื่อซื้อมันนะ ท่านปู่ข้าชอบรสชาติแบบนี้” เสี่ยวเซียงอุทานขึ้น หลังจากที่ได้ดื่มชาดังกล่าวไปหลายจิบหลูมู่หยานคิดตาม พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยถามพ่อค้าว่า “พ่อค้า หลิงชาของหมิงเหมิงมีขายด้วยหรือไม่?”“หลิงชาไม่ได้มีขายให้คนทั่วไปหรอก หากแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ซื้อได้บ้าง” ปลายนิ้วเรี
ขณะที่การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง หยุนหลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ยามคนเดิมจะหันกลับไปเปิดประตูเหมือนครั้งที่ผ่านมาเจ้าของร้านหลู่ปรากฏตัวพร้อมกับองค์หญิงเจ็ด พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายสาม พอดีมีบุรุษร่างใหญ่คนหนึ่งเข้าร่วมการประมูลและเขาก็ต้องการใช้ห้องส่วนตัว ทำให้ต้องใช้ห้องส่วนตัวขององค์หญิง ข้ารู้ว่าอาจจะไม่สะดวกสำหรับท่าน แต่ขอให้องค์หญิงใช้ห้องร่วมกับท่านได้หรือไม่? เจ้าของร้านหลู่ไม่สามารถรับมือกับบุรุษร่างใหญ่คนนั้นได้ บวกกับห้องส่วนตัวก็มีไว้รองรับราชวงศ์ทั้งหมดห้าห้อง ทางหอการค้าทำได้เพียงเจรจากับราชวงศ์เท่านั้น ส่วนคำตอบที่ได้รับคือต้องให้ห้องส่วนตัวขององค์หญิงเจ็ดไป และเขาเองก็มีหน้าที่เพียงแค่ประสานงานเท่านั้น“มันเป็นใคร?” หยุนหลันถามในสิ่งที่ทุกคนสงสัยเจ้าของร้านหลู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เขาเป็นราชาดาบที่แข็งแกร่ง ฉะนั้นข้าไม่สามารถบอกให้ผู้อื่นรับทราบได้” แม้ว่าสายตาของคนในห้องจะยังไม่เข้าใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถถามอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วเมื่อทุกคนเห็นด้วย เจ้าของร้านหลู่ก็ให้คนเพิ่มเก้าอี้สองสามตัวตามราคาสำหรับห
หลังจากที่เสี่ยวเซียงเสนอราคาประมูล ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปสนใจหลูมู่หยานเป็นตาเดียวหยุนหลันเห็นดวงตาของหลูมู่หยานเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง เขาหลับตาก่อนเอ่ยถามว่า “มู่หยานต้องการเตาหลอมยานี้หรือไม่?” อ่าาาาหลูมู่หยานพยักหน้าตอบ ก่อนจะหลุบสายตาลง“งั้นเดี๋ยวข้าจะประมูลให้” หยุนหลันไม่เคยได้ให้อะไรลูกพี่ลูกน้องของเขามาก่อน เมื่อเห็นว่าหลูมู่หยานสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากฉีอี้ซวนแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะเอาเตาหลอมยานั้นให้นางหลูมู่หยานประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะใจกว้างขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริง ๆ ของหยุนหลันแล้วนางก็ได้แต่คิดในใจว่า “ตกลง! แต่ข้าก็ไม่ได้ยินดี” “สามล้านหกแสน” หยุนหลันยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า “สี่ล้าน” เสียงเสนอราคาจากผู้ที่อยู่ถัดไปอีกห้องก็ดังขึ้น เสี่ยวเซียงมองไปที่หยุนหลัน “เจ้ามียังคนที่อยู่ตรงข้าม ไร้เดียงสาเหลือเกิน” “ข้าจำได้ว่าเตาหลอมยาที่อาจารย์ของเจ้ามอบให้นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้” หยุนหลันเลิกคิ้ว “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีนิสัยชอบสะสมเตาหลอม” หยุนหลันเอ่ย “เตาหลอมยานี้สำคัญสำหรับมู่หยานฉะนั้
หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไปเหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” “ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ” “ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ใบหน้
ทันใดนั้นก็มีพลังที่นุ่มนวลจำนวนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มไปด้วยก้อนกรวดที่ถูกรัศมีดาบของชายชราในชุดดำบดขยี้ ก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งทีละชิ้น แค่เพียงครู่เดียวรอยแตกที่พื้นบลูสโตนใต้ดินก็เริ่มสมาน และกลับคืนสู่สภาพเดิม“แม่นาง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณต่อเทพอีกแล้ว” เสียงของบุรุษที่ฟังแล้วเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่ดังแว่วผ่านโสตประสาทของหลูมู่หยานราวกับสายลม ความเฉยเมยระหว่างคิ้วและดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วมือนั้นเป็นฝ่ามือของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์ … หมิงซิ่ว! เมื่อมองไปยังฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นคลื่นของการทำสมาธิ และความรู้สึกไว้วางใจก็เกิดขึ้นในใจของนางอย่างอธิบายไม่ได้ หลูมู่หยานหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้กล้าหาญรูปร่างสูงโปร่ง และสวมหน้ากากสีเงินที่กำลังเดินเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ชุดสีแดงของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม และพลังที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของเขาก็เผยให้เห็นโดยธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันของเขา เหมือนกับหิ่งห้อยที่ไม่สามารถเทียบกับเฮาเยว่ได้
ชายชราชุดดำก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยกฮั่วหยุนเตียวจากพื้นด้วยมือของเขา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขายังคงท่องคาถายอมจำนนอสูรร้ายอย่างเงียบ ๆ ในปากและหลังจากท่องเสร็จเขาก็ใช้ดาบลมของหยุนลี่กรีดไปที่นิ้วชี้ และหยดเลือดสีแดงลงที่ขนของเสี่ยวซูหลูมู่หยานคลี่ยิ้มเบา ๆ กอดอก พร้อมกับมองไปที่ชายชราที่กำลังทำการแสดงด้วยท่าทีเย้ยหยันชายชราผู้นี้ยังคงต้องการที่จะปราบอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อเสียจริงหลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พบว่าเลือดที่เขาหยดไปนั้น ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณได้ เขาตกใจ และสายตาของเขาก็เริ่มนิ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องรางสีแดงออกมาจากแหวนจักรวาล โดยที่ปากยังคงพึมพำท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ และแตะเครื่องรางสีแดงด้วยมือของเขา ก่อนที่มันจะตกใส่ร่างของอสูรร้ายจากนั้นชายชราก็ได้สร้างผนึกที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นในอากาศ พร้อมกับบังคับให้เข้าสู่ก้องสำนึกของสัตว์ร้าย จากนั้นก็ได้หยดเลือดลงบนหน้าผากของมันอีกสองสามหยด ดวงตาของมันประกายแสงราวกับมีดาวนับล้าน และนี่คือสัญญาณนักฆ่าในฐานะปรมจารย์อสูรวิญญาณ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถจั
หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้าแม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ “ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไรหวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อยหลูมู่ห
ราคาของการประมูลของซีซุยตันทำให้คนที่อยู่ในห้องประมูลส่วนตัวหมายเลขเก้าต้องตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาจับจ้องไปทางหลูมู่หยานแทบจะเป็นสายตาเดียว เพราะตอนนี้นางจะกลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวย ต่อให้พวกเขากลับบ้านไปได้ช่วงหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาเหรียญทองคำจำนวนมหาศาลนี้ได้หยุนจินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจะทำกำไรถึงสามร้อยล้านเหรียญทองเลยนะ” เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของหยุนจิน หยุนหลัวก็อดมองว่าเขางี่เง่าไม่ได้ เขาอิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องเขาผู้นี้ได้ยามูลค่าสามร้อยล้านเหรียญไปครอบครอง เสี่ยวเซียงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนจินด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะเขาเองก็อยากจะได้ยาเม็ดไขกระดูกเหมือนกันหลังจากการประมูลซีซุยตันในวันนี้ จะสร้างความตื่นเต้นให้อาณาจักรแห่งอัคคี และประเทศอื่น ๆ ในทวีปวิญญาณสวรรค์ เพราะการจะได้มาซึ่งยาเม็ดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากดวงตาของกู่ยันรันเต็มไปด้วยเจตนาปองร้ายและอาฆาตแค้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงเปลี่ยนไปได้เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงสามเดือน และนางก็ดีกว่าหลูมู่หยานทุกเรื่อง เว้นพื้นฐานครอบครัว แต่ทำไมนางถึงไม่ได้รับยาซีซุยนั่นนางเกลียด เกลียดหลูมู่หยานขณะ
หลังจากนั้นก็ยังคงมีการประมูลรายการสินค้าอีกหลายอย่างจากหอการค้าหมิงเหมิง ซึ่งซีซุยตันยังไม่ได้เข้าร่วมประมูลโดยตรงหลูมู่หยานยังได้เก็บภาพดอกไม้ลิงสีม่วงที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งจีตัน รวมไปถึงการฝึกฝนอื่น ๆ ทั้งเครื่องมือจิตวิญญาณ ชุดเกราะวิญญาณ แต่นางไม่ได้ต้องการ เพราะรวม ๆ แล้วนางเองได้ประโยชน์มากมายจากการประมูลในครั้งนี้ ณ ห้องประมูลส่วนตัว แขกที่เข้าร่วมการประชุมมักจะเก็บภาพรายการประมูลที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะที่เม็ดยาซีซุยไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของมันที่ไม่ได้ดึงดูดอะไรหลังจากที่รายการสินค้าทั้งหมดถูกประมูลแล้ว หนี่จุนก็ได้คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “การประมูลต่อไปคือรายการสุดท้ายที่ค่อนข้างหนักเป็นพิเศษของหอการค้าหมิงเหมิง และเราก็เพิ่งได้รับเกียรติจากเหล่าเย่ ผู้รับผิดชอบการประมูลโจวกั๋วขึ้นมาเป็นประธาน” เมื่อจบคำพูดของหนี่จุน ผู้เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพากันส่งเสียงวุ่นวายรายการประมูลใดกันที่จะสามารถรบกวนเหล่าเย่ได้ เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สะกัดระดับกลางอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่เข
ทั้งสองคนเป็นสมาชิกราชวงศ์ และพื้นฐานครอบครัวท่านแม่ของหยุนจินก็แข็งแกร่งมาก หากหลูมู่หยานให้ยาซีซุยแก่พวกเขา และบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงของราชวงศ์ก็จะไม่ทำให้นางอับอายอย่างแน่นอน“เอาเถิด ท่านป้าก็รักข้าเหมือนลูกตัวเองมาตั้งข้ายังเด็ก เราเป็นญาติกันแค่ยาเม็ดเดียวอย่าให้มันรบกวนเลย” หลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยหยุนหลันแสดงความขอบคุณต่อลูกพี่ลูกน้องผ่านทางใบหน้า เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลูมู่หยาน ลูกพี่ลูกน้องที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับกลายเป็นคนที่ใจกว้างและกล้าเช่นนี้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ของเขาเห็นเป็นแน่“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้ายินดี ยาซีซุยตันนี้สำคัญมากสำหรับข้า และข้าจะเขียนความรู้สึกนี้ลงไปในวงแหวน หากมู่หยานมีอะไรให้ข้าช่วยในอนาคต บอกข้าได้” หยุนหลันสัญญาด้วยรอยยิ้ม “ตกลง” หลูมู่หยานตอบกลับ“หลูมู่หยาน หยุนหลันเป็นญาติของเจ้า มันก็ชัดเจนที่เจ้าจะให้เขา แต่ทำไมเจ้าถึงให้มันแก่ข้า?” หยุนจินไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงต้องการให้ยาเม็ดนี้กับเขา เป็นเพราะเขาให้เหรียญสนับสนุนนางงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้“ครั้งที่แล้วที่ข้าได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ นั่น ก
จากการยืนยันของเหล่าเย่ สายตาของผู้คนในห้องที่มองหลูมู่หยานก็เปลี่ยนไป แม้แต่คนที่ติดตามเหล่าเย่ก็มองมาที่ขวดยาสีขาวอย่างไม่วางตาเหล่าเย่ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่หลูมู่หยานด้วยรอยยิ้ม และถามว่า “แม่นางหลู เจ้ากำลังกำหนดราคาสำหรับซีซุยตันหรือไม่?” “ข้าไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ข้าเชื่อว่าหอการค้าหมิงเหมิงจะช่วยให้ข้าขายได้ในราคาดี ฉะนั้นโปรดให้ท่านเหล่าเย่เรียกราคาเริ่มต้น” หลูมู่หยานแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อหอการค้าหมิงเหมิง เหล่าเย่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “ในกรณีนี้ ชายชราจะได้ตั้งราคาให้กับแม่นาง” “ปัญหาของเหล่าเย่คือเริ่มอายุมากขึ้น” หลูมู่หยานตอบกลับอย่างสุภาพ เหล่าเย่ยิ้มและพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “แม่นางหลู เจ้ายังมียาไขกระดูกนี้อีกหรือไม่?” เดิมทีเหล่าเย่เพียงแค่ต้องการถามถึงที่มาของซีซุยตัน ว่าหลูมู่หยานได้มาจากที่ใด ไม่ว่าเขาจะรู้จะจักนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงต่อต้าน เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนมากมักมีนิสัยแปลก ๆ และไม่ชอบให้ผู้อื่นถาม ฉะนั้นเขาจึงอยากที่จะผูกมิตรกับหลูมู่หยานให้ดีเสียก่อน คนอื่น ๆ ก็เริ่มมองมาที่หลูมู่หยาน
บนห้องแห่งความลับชั้นสามของหอการค้าหมิงเหมิง มีบุรุษชุดแดงสวมหน้ากากสีเงินนั่งอยู่อย่างเกียจคร้าน และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยรายงานสถาณการณ์ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุรุษชุดแดงหยักหน้าให้หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปเปิดประตู “ผู้พิทักษ์หลาน” เจ้าของร้านหลู่ตะโกนออกมาด้วยความเคารพ และสตรีผู้นั้นก็เหลือบมองมาที่เขาขณะที่ยังยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นั้น“องค์รัชทายาท!” เจ้าของร้านหลู่เดินเข้าไปที่ห้องลับ และก็พบว่าไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ แต่ยังมีองค์รัชทายาทอยู่ในห้องด้วย เจ้าของร้านหลู่จึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ “อะไรจะเร่งด่วนปานนั้น” หมิงซิ่วเอ่ยอยากเฉื่อยชา“เมื่อครู่นี้แขกผู้มีเกียรติห้องประมูลส่วนตัวที่เก้า หยิบยาออกมาเพื่อให้ทางหอการค้าของเราทำการประมูล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราไม่เคยเห็นยาเม็ดนี้มาก่อน พวกเขาเลยตัดสินไปก่อนว่าเป็นเพียงยาระดับสองเท่านั้น” เจ้าของร้านหลู่นำขวดยาสีขาวออกมา “แขกผู้มีเกียรติผู้นั้นบอกว่ายาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน แม้ว่ายาจะอยู่ในระดับที่สอง แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น้อยกว่าระดับที่สาม”