เมื่อหลูมู่หยานกลับมาถึงลานในสถาบันจักรพรรดิ นางก็จัดแจงพื้นที่ด้านนอกอาคารเพื่อป้องกันการถูกรบกวนระหว่างสะกัดเม็ดยาไขกระดูก
นางเทน้ำยาที่ได้เตรียมไว้ลงในอ่าง ก่อนจะพาร่างของนางลงไปแช่ตัวในน้ำที่เตรียมเอาไว้ หนึ่งชั่วโมงถัดมาหลูมู่หยานเทยาที่เหลืออยู่จากขวดแก้วลงในฝ่ามือของนาง
กลิ่นหอมของเม็ดยาตลบอบอวลไปทั่วห้องในขณะนี้ ด้วยพลังของยาที่อ่อนโยนนั่น ก็เริ่มไหลไปตามเส้นลมปราณของนางที่ปิดอยู่ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นลมปราณในร่างกาย ตราบใดที่สามารถเปิดเส้นลมปราณได้ เมื่อนั้นก็จะสามารถดูดซับพลังแห่งโลกและสวรรค์เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณได้
เมื่อนางปล่อยให้ยาที่สะกัดได้กระจายไปที่เส้นลมปราณทั่วทั้งร่าง พลันดวงตาของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ นางรวบรวมคลื่นพลังด้วยยาที่บริสุทธิ์อีกครั้ง โดยเริ่มจากเส้นแรกก่อนจะค่อย ๆ ผลักไปด้านหน้า
หลูมู่หยานรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พลังของซีซุยเคลื่อนตัวไป ตอนนี้ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวด
หน้าผากสวย และจมูกได้รูปชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเริ่มขาวซีด หลูมู่หยานกัดริมฝีปากเพื่อข่มเสียงเอาไว้ และยังคงเพ่งพลังจิตเพื่อควบคุมยาให้ไปถึงเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้น
เมื่อเส้นลมปราณแรกเปิดออก ร่างกายของหลูมู่หยานก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของนางซีดเซียวแต่ก็ไม่ยอมแพ้หรือหยุดพัก นางยังคงผลักยาให้ผ่านเส้นที่สองและสามต่อไป
...
เส้นลมปราณสุดท้ายถูกเปิดออก หลูมู่หยานอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ และหลังจากพักอยู่ครู่หนึ่งนางจึงหยิบยาเสริมพลังวิญญาณออกมาหนึ่งเม็ด พร้อมนั่งไขว่ห้างเพื่อปรับแต่งและดูดซับพลังของยาต่อ
ครั้งนี้ความพยายามได้ผล หลูมู่หยานไม่เพียงแค่เปิดเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นทั้งหมดในร่างกายภายในเท่านั้น แต่นางยังต่อต้านความเจ็บปวด และใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจเพื่อนำทางยาให้กว้างกว่าสองเท่าของเส้นลมปราณ
สำหรับคุณสมบัติทางยาของเซงหลิงจะละลายในร่างกาย กระแสแห่งพลังทางจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ก็แผ่กระจายไปทั่วร่างเพื่อให้ร่องรอยของความเย็นที่ล้นออกมาหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณที่กว้างขึ้น
วันถัดมา หลูมู่หยานลืมตาขึ้น ดวงตาของนางประกายราวกับดวงดาวที่พร่างพราย รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าสวย ก่อนที่นางจะลุกขึ้นอาบน้ำและทานอาหารตามที่ใจคิด
นางใช้เวลาสามวันในการเปิดเส้นลมปราณ จากที่เห็นดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน นางจึงพาตัวเองออกไปที่ลานกว้าง นั่งไขว่ห้างและดูดซับกลิ่นอายของโลกและสวรรค์จนเต็มปอด
เมื่อแสงแรกของเฉินฮุยตกกระทบไปยังหลูมู่หยาน นางลืมตาขึ้น เหยียดกายเพื่อไล่ความเมื่อยล้าพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างร่าเริง
ตั้งแต่ที่หลูมู่หยานมายังที่แห่งนี้ นางไม่สามารถดูดซับกลิ่นอายของสวรรค์และโลกได้ รวมไปถึงนางเองไม่ได้มีพลังวิญญาณในร่างกาย ทำให้รู้สึกราวกับมีบางอย่างหายไป ตอนนี้เส้นลมปราณของนางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และความเร็วในการดูดซับกลิ่นอายของสวรรค์และโลกก็ยังทำได้เร็วกว่าปกติถึงสองเท่า
เมื่อร่องรอยของกลัวรอบกายไหลหลั่งไปตามผิวหนัง ซึมเข้าสู่เส้นเลือดต่าง ๆ ทั่วร่าง ตอนนี้หลูมู่หยานรู้ถึงความปลอดภัยในใจ
ราวกับร่างกายเหมือนหลุมลึกไร้จุดกระทบ เมื่อเติมพลังรอบกายที่ขาดหายไปหลายปีในชั่วข้ามคืน ตอนนี้หลูมู่หยานรู้สึกว่าร่างกายของนางเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แม้ว่าตอนนี้จะยังอ่อนแรง แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
หลูมู่หยานสูดหายใจเต็มปอด ก่อนจะชกไปที่หินตรงลานที่พัก ทันใดนั้นหินก็แตกออกเป็นสองส่วนทันที
“เฉพาะความแข็งแกร่งของการฝึกฝนซี่ระดับที่สิบเอ็ด ข้ายังต้องหาหญ้าจิตวิญญาณเพื่อปรับแต่งรากฐานและทำเม็ดยาให้เร็วที่สุด” หลูมู่หยานปล่อยฝ่ามือออกจากหิน และบ่นพึมพำกับตัวเอง
เมื่อจัดการทำความสะอาดเสร็จสิ้นแล้ว หลูมู่หยานก็เดินออกจากลาน นางขึ้นขี่หลังม้าเพื่อกลับไปยังบ้านในเมืองหลวงทันที
หลังจากที่หลูมู่หยานจากไป ปรากฏเป็นบุรุษสองคนที่เดินสวนเข้ามาจากทางเข้าของสถาบัน พร้อมกับสายตาที่มองไปยังสตรีที่เพิ่งขี่ม้าสวนออกไป
“อี้ซวน เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าลมหายใจของหลูมู่หยานเปลี่ยนไป” หยุนจินเอ่ยถามฉีอี้ซวนด้วยความรู้สึกสงสัย
ดวงตาของฉีอี้ซวนเริ่มแสดงความรู้สึกที่ซับซ้อนยากอธิบาย ก่อนจะสะบัดไล่ทิ้งความรู้สึกนั้น พร้อมกับตอบไปว่า “ถ้าข้าอ่านไม่ผิด ตอนนี้หลูมู่หยานกลายเป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ในระดับของผู้ที่มีอายุน้อยแล้ว”
“ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ระดับเริ่มต้น? เป็นไปไม่ได้” หยุนจินส่ายหัวอย่างเหลือเชื่อ “หลูมู่หยานมีร่างกายแบบจูไม รวมไปถึงนางไม่สามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก และแปลงร่างเป็นหยวนลี่ได้ นางจะทะลวงไปยังฐานการบ่มเพาะของปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? เจ้ามองผิดหรือไม่?”
“ไม่ ลมหายใจที่ไหลออกมาจากนาง คือปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่” ฉีอี้ซวนกล่าวด้วยถ้อยคำเด็ดขาด เพราะเขาเองก็ฝึกฝนที่ผ่านมา ทำให้เขามีความแม่นยำเกี่ยวกับปรมาจารย์ด้านดาบ
หยุนจินเอามือลูบคาง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าได้ยินว่านางเพิ่งกลับมาจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี ชักสงสัยแล้วสิว่านางไปเจออะไรมาที่นั่น”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร?” เพราะตอนนี้ฉีอี้ซวนกำลังอยู่ในช่วงของการพักผ่อนสำหรับการแข่งขันของสถาบันที่กำลังจะมาถึง ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าช่วงที่ผ่านมาหลูมู่หยานไม่ได้อยู่ในสถาบัน
“ข้าไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดนักหรอก เพียงแต่ได้ยินว่านางไปรับภารกิจจากพวกสมาคมทหารรับจ้าง และก็ตามนายจ้างไปทำภารกิจที่เทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี” หยุนจินยักไหล่ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “นางไม่เคยขี่ม้ามาก่อน ไม่ต้องพูดถึงหลูมู่หยานในตอนนี้เลย ค่อนข้างสะดุดตานะ”
ฉีอี้ซวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำจากหยุนจิน ก่อนจะเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”
หลูมู่หยานขี่ม้ากลับไปยังคฤหาสน์ของท่านจอมพล และเมื่อนางก้าวขาลงก็เหลือบไปเห็นชายชราผมสีดอกเลา ท่าทางดูแข็งแรงกำลังยิ้มต้อนรับอยู่ “นายหญิง ในที่สุดท่านก็กลับมา”
“ปู่อี้” หลูมู่หยานตะโกน พร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารัก
ชายชราผู้นี้เป็นหัวหน้าฝ่ายรับใช้ของคฤหาสน์จอมพล และดูแลหลูมู่หยานมาอย่างดีโดยตลอด อดีตเขาเคยเป็นคู่ต่อสู้ของท่านปู่ และยังไม่ได้แต่งงาน ฉะนั้นตอนนี้ปู่อี้จึงได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี่ในปีถัดมาหลังจากเหตุการณ์นั้น และเขายังเป็นนักดาบระดับสูงอีกด้วย
“นายหญิงไปที่ห้องโถงเถิด ตอนนี้ทั้งจอมพล นายพล และนายน้อยสองคนอยู่ที่นั่น” ปู่อี้มองมาที่หลูมู่หยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความรัก เขาปฏิบัติกับหลูมู่หยานราวกับนางเป็นหลานสาวของตัวเองอยู่เสมอ
หลูมู่หยานพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นช่วยข้าหาที่ผูกม้าทีนะ”
ชายชราผู้นั้นเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าหลูมู่หยานมีม้าได้อย่างไร แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ก่อนจะหันไปจับบังเหียนบังคับม้า “เอาไว้ที่ข้าเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปที่โถงก่อนนะปู่อี้” หลูมู่หยานพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบเดินไปที่โถงของคฤหสน์ทันที
ณ เวลานี้มีคนราวสองสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ‘หลูซานเทียน’ ผู้มีศักดิ์เป็นท่านปู่ ‘หลูหม่าอวี้’ ที่มีศักดิ์เป็นท่านพ่อ ‘หลูมู่ไป๋’ และ ‘หลูมู่ถิง’ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ส่วนท่านลุงอีกหนึ่งคนเฝ้าอยู่ที่สนามรบเขตชายแดน และอีกหนึ่งคนเดินทางเที่ยวรอบโลก
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านพี่ชายใหญ่ ท่านพี่ชายรอง” หลูมู่หยานเดินเข้าไปยังห้องโถง ก่อนจะตะโกนเรียกทีละคนด้วยสีหน้าและแววตาที่อบอุ่น
“หยานเอ๋อร์กลับมาแล้ว” หลูหม่าอวี้มองดูบุตรสาวที่เพิ่งเดินทางมาถึง ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ทำไมเจ้าผอมลงถึงเพียงนี้” มวลบุหรี่ยังอยู่ที่มุมปากของหม่าอวี้ พรางคิดในใจว่าบุตรสาวของเขาดูกำลังพอดี
“อาา ยัยตัวเหม็น รู้แล้วหรือว่าต้องกลับบ้าน” หลูซานเทียนเอ่ยแซวหลานสาว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข
หลูมู่หยานก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปเอาอกเอาใจท่านพ่อด้วยการกอดด้านข้าง “ท่านปู่ ข้ากลับมาเพื่อเซอร์ไพรส์ท่าน”
“ยัยตัวเหม็น ไหนเจ้าจะทำอะไร?” หลูมู่ถิง คว้าไปที่แขนของน้องสาวด้วยใบหน้าที่มีความสุขเช่นเดียวกับหลูมู่หยาน ขณะที่หลูมู่ไป๋ ก็แสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนขณะมองไปที่น้องสาวของเขา
เมื่อหลูมู่หยานเห็นว่าสมาชิกในตระกูลของนางมีแต่รอยยิ้ม นั่นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกดี และอบอุ่นหัวใจชีวิตของหลูมู่หยานถูกส่งไปฝึกฝนที่สำนักตั้งแต่มีอายุเพียงแค่สามปี ทันทีที่กลับมานางก็พบว่าครอบครัวของนาง ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ ท่านแม่ หรือแม้แต่ท่านพี่กลับเสียชีวิตแล้วตอนนี้ หลูมู่หยานหันไปหาคนในตระกูล ก่อนจะเอ่ยถามว่า “พวกท่านไม่สังเกตหรือ ว่าระดับการบ่มเพาะของข้าพัฒนาขึ้นแล้ว?”“ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่” หลูซานเทียนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาสนใจแค่ว่าหลานสาวของเขาจะกลับมาจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีอย่างปลอดภัย และไม่ได้สนใจเรื่องการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย“ช่างเป็นสุดยอดนักดาบรุ่นเยาวร์จริง ๆ” หลูหม่าอวี้เอ่ย“เจ้าสะกัดยาซีซุยแล้วหรือ?” ดวงตาของหลูมู่ไป๋ฉายแววความตื่นเต้น ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจว่า “หยานเอ๋อร์ ร่างกายของเจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง?”“อืม ข้าฝึกมาแล้ว” หลูมู่หยานยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า “ข้ายังได้ผลไม้แห่งเพลิงมาอีกสองสามผล เด
หลังจากกลับมายังห้อง หลูมู่หยานจัดการนำหญ้าวิญญาณ และผลไม้แห่งเพลิงออกมาจากแหวนจักรวาล และวางลงอย่างระมัดระวังนางใช้ผลไม้แห่งเพลิงเพียงแค่ลูกเดียวจากการสะกัดไปก่อนหน้า และยังเหลือที่เย่ชิงหานทิ้งไว้ให้อีกสิบเอ็ดผลปริมาณของมันมากเกินพอสำหรับการทำยาซีซุย สำหรับท่านปู่และคนอื่น ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ ทำให้ทุกครั้งแค่เปิดเตาหลอม ยาชำระไขกระดูกชั้นยอดสามถึงสี่เม็ดจะถูกสะกัดออกมา และมันจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใดหลูมู่หยานใส่หญ้าวิญญาณลงไปในหม้อต้มยา ผลไม้แห่งเพลิงไม่เหมาะที่จะเก็บรักษาเอาไว้ เพราะยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่ คุณสมบัติทางยาของมันก็จะลดและสูญหายไปตอนนี้ร่างกายของจูไมได้รับการรักษาแล้ว และด้วยพลังทางจิตวิญญาณของนางสามารถช่วยแก้ปัญหาระหว่างเล่นแร่แปรธาตุได้หลูมู่หยานโยนหญ้าวิญญาณ และผลไม้แห่งเพลิงลงในหม้อต้มยาเข้าด้วยกัน พร้อมกับควบคุมเปลวไฟอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มสะกัดยาช้า ๆผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ห้องของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยเศษฟางของดันเซียงกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นของวันร
เมื่อหลูมู่หยานปรากฏตัวที่ห้องอาหาร ทั้งฉีอี้ซวนและหยุนจินต่างก็จ้องมองมาที่นาง ตอนนี้หลูมู่หยานเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ในอดีตหลูมู่หยานมักจะชอบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม และมักจะประโคมเครื่องสำอางหนัก ๆ ลงบนใบหน้า และทุกครั้งที่เจอฉีอี้ซวนก็จะเห็นหลูมู่หยานเป็นเรื่องปกติแม้ว่าก่อนหน้านางจะเป็นคนที่สวยอยู่แล้วก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับชุดสีม่วงที่ดูหรูหรารัดกุม กับใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมจนฉูดฉาด กับความฉลาดที่แสดงให้เห็นระหว่างคิ้ว หลูมู่หยานนิสัยเปลี่ยนไปมาก หากใบหน้าไม่เหมือนกันจนแยกไม่ได้ เกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิดว่ามีหลูมู่หยานสองคน“มู่หยานทะลวงเข้าสู่ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่?” หยุนหลันจงใจตรวจสอบแกนระดับพลังยุทธ์ทันที เมื่อหลูมู่หยานเดินเข้ามา นางสามารถเข้าสู่ระดับปรมจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลที่ได้รับรู้มาเป็นความจริง และร่างกายของนางที่ด้อยค่าก็ถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นซากแล้วดวงตาของหลูมู่หยานไม่ได้แสดงอะไรออกมามากนัก นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างถ่อมตน “ก็แค่เรื่องบังเอิญ&
“ท่านพี่ใหญ่และท่านพี่รองมีเรื่องต้องทำ เลยไม่ได้ไป”พวกเขาไม่สามารถเป็นผู้เข้าร่วมการประมูลได้สำหรับการดูดซับคุณสมบัติทางยาซีซุยทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณสิบวัน ซึ่งพรสวรรค์และความอดทนจะเป็นตัวกำหนดการออกของฤทธิ์ยาในการขยายตัวของเส้นลมปราณหลูมู่หยานสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นั่นก็เป็นเพราะประสบการณ์ที่โชกโชนของนางเมื่อชีวิตที่ผ่านมา และพรสวรรค์ของร่างนี้แม้ว่าร่างกายของนางจะเป็นร่างที่ไร้ซึ่งทางตัน ทว่าพรสวรรค์ของนางนั้นกลับยอดเยี่ยม หลูมู่หยานนั้นแข็งแกร่งกว่าความเป็นอัจริยะในชาติที่แล้วมากแน่นอนว่า หากไม่มีเม็ดยาล้างไขกระดูกนางอาจจะกลายเป็นขยะไร้ค่าไปชั่วชีวิต แต่ตอนนี้นางได้เปลี่ยนร่างกายของนางแล้ว นางได้ดูดซับพลังจากโลกและสวรรค์ได้สองถึงสามเท่า นับเป็นสองถึงสามเท่าของนักดาบธรรมดาหยุนหลันขมวดคิ้ว พร้อมกับคิดในใจถึงเหตุที่ทำให้พี่ชายของหลูมู่หยานทั้งสองคนไม่ได้เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะถามหลูมู่หยานถึงสิ่งที่เขาสงสัยในที่สาธารณะ เขายิ้มและเอ่
หลังจากที่ชงชาให้แก่แขกพิเศษของงานประมูลแล้ว หญิงรับใช้ทั้งสองคนก็เอ่ยทักทาย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไปทีละคนหลูมู่หยานหยิบถ้วยชาศิลาดลเคลือบสีขาวนวลขึ้นมา และทันทีที่เปิดฝากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาก็โชยเตะจมูกทันที ชาดังกล่าวมีร่องรอยของพลังงานออร่าแสดงให้เห็นว่าชาจิตวิญญาณนี้อยู่ในระดับที่ดีหอการค้าหมิงเหมิงนี้ช่างสวยงามจริง ๆ หลูมู่หยานค่อย ๆ ละเลียดดื่มหลิงชาที่ไม่ได้ดื่มมากนานแม้ว่าชานี้จะด้อยกว่าชาวิญญาณที่หลูมู่หยานเคยดื่มมา ทว่านางก็ไม่ได้ไม่ชอบเสียทีเดียว ในโลกวิญญาณนางถือได้ว่าเป็นคนรักชาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง“ชาวิญญาณนี้ดีจริง ๆ หลังจากจบงานประมูล คงต้องบอกกับเจ้าของร้านเพื่อซื้อมันนะ ท่านปู่ข้าชอบรสชาติแบบนี้” เสี่ยวเซียงอุทานขึ้น หลังจากที่ได้ดื่มชาดังกล่าวไปหลายจิบหลูมู่หยานคิดตาม พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยถามพ่อค้าว่า “พ่อค้า หลิงชาของหมิงเหมิงมีขายด้วยหรือไม่?”“หลิงชาไม่ได้มีขายให้คนทั่วไปหรอก หากแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ซื้อได้บ้าง” ปลายนิ้วเรี
ขณะที่การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง หยุนหลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ยามคนเดิมจะหันกลับไปเปิดประตูเหมือนครั้งที่ผ่านมาเจ้าของร้านหลู่ปรากฏตัวพร้อมกับองค์หญิงเจ็ด พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายสาม พอดีมีบุรุษร่างใหญ่คนหนึ่งเข้าร่วมการประมูลและเขาก็ต้องการใช้ห้องส่วนตัว ทำให้ต้องใช้ห้องส่วนตัวขององค์หญิง ข้ารู้ว่าอาจจะไม่สะดวกสำหรับท่าน แต่ขอให้องค์หญิงใช้ห้องร่วมกับท่านได้หรือไม่? เจ้าของร้านหลู่ไม่สามารถรับมือกับบุรุษร่างใหญ่คนนั้นได้ บวกกับห้องส่วนตัวก็มีไว้รองรับราชวงศ์ทั้งหมดห้าห้อง ทางหอการค้าทำได้เพียงเจรจากับราชวงศ์เท่านั้น ส่วนคำตอบที่ได้รับคือต้องให้ห้องส่วนตัวขององค์หญิงเจ็ดไป และเขาเองก็มีหน้าที่เพียงแค่ประสานงานเท่านั้น“มันเป็นใคร?” หยุนหลันถามในสิ่งที่ทุกคนสงสัยเจ้าของร้านหลู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เขาเป็นราชาดาบที่แข็งแกร่ง ฉะนั้นข้าไม่สามารถบอกให้ผู้อื่นรับทราบได้” แม้ว่าสายตาของคนในห้องจะยังไม่เข้าใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถถามอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วเมื่อทุกคนเห็นด้วย เจ้าของร้านหลู่ก็ให้คนเพิ่มเก้าอี้สองสามตัวตามราคาสำหรับห
หลังจากที่เสี่ยวเซียงเสนอราคาประมูล ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปสนใจหลูมู่หยานเป็นตาเดียวหยุนหลันเห็นดวงตาของหลูมู่หยานเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง เขาหลับตาก่อนเอ่ยถามว่า “มู่หยานต้องการเตาหลอมยานี้หรือไม่?” อ่าาาาหลูมู่หยานพยักหน้าตอบ ก่อนจะหลุบสายตาลง“งั้นเดี๋ยวข้าจะประมูลให้” หยุนหลันไม่เคยได้ให้อะไรลูกพี่ลูกน้องของเขามาก่อน เมื่อเห็นว่าหลูมู่หยานสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากฉีอี้ซวนแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะเอาเตาหลอมยานั้นให้นางหลูมู่หยานประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะใจกว้างขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริง ๆ ของหยุนหลันแล้วนางก็ได้แต่คิดในใจว่า “ตกลง! แต่ข้าก็ไม่ได้ยินดี” “สามล้านหกแสน” หยุนหลันยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า “สี่ล้าน” เสียงเสนอราคาจากผู้ที่อยู่ถัดไปอีกห้องก็ดังขึ้น เสี่ยวเซียงมองไปที่หยุนหลัน “เจ้ามียังคนที่อยู่ตรงข้าม ไร้เดียงสาเหลือเกิน” “ข้าจำได้ว่าเตาหลอมยาที่อาจารย์ของเจ้ามอบให้นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้” หยุนหลันเลิกคิ้ว “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีนิสัยชอบสะสมเตาหลอม” หยุนหลันเอ่ย “เตาหลอมยานี้สำคัญสำหรับมู่หยานฉะนั้
เสียงของหนี่จุนดับความวุ่นวายของผู้คนส่วนใหญ่ เขาถือโล่วิญญาณที่ยอดเยี่ยมแต่กลับใช้ไม่ได้ แล้วทำไมถึงต้องซื้อ? หาความเดือนร้อนใส่ตัวเองหรือ? “ตามที่ท่านบอก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะประมูล” พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องของโชคชะตา โล่นี้คงมีแต่ข้อบกพร่องเท่านั้น“ใช่ ข้าขอลองก่อนได้หรือไม่? ถ้าดีข้าจะซื้อภายหลัง” ผู้ประมูลบางคนยังเชื่อในโล่ และอยากทดลองใช้จากนั้นความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าบางคนไม่ยอมแพ้ที่จะทดสอบโล่นั้นด้วยตัวเอง หากพวกเขาสามารถควบคุมได้ ก็ยินดีที่จะประมูลมันหนี่จุนดูเหมือนจะคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เขาค่อย ๆ พูดต่อไปว่า “เกรงว่าการทดลองคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมูลค่าโล่นั้นสูงมาก แต่สามารถซื้อคืนได้หากรับความเสี่ยงถ้าท่านไม่สามารถใช้ได้ การซื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลือกของท่านเอง หอการค้าหมิงเหมิงของเราไม่ได้จะเย้ยเหยียดชื่อเสียงอะไร”“โล่ชิ้นนี้ได้มอบหมายให้ประมูลโดยลูกค้าเก่า เขาไม่อนุญาตให้ผู้ประมูลทดสอบโล่ ทว่าหากผู้ประมูลซื้อไปแล้วและรับความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้ เขาก็ยินดีที่จะซื้อคืน” แม้ว่าคำพูดของหนี่จุนจะทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ แต่ทว่าก็ไม่มีใครกล้
หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไปเหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” “ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ” “ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ใบหน้
ทันใดนั้นก็มีพลังที่นุ่มนวลจำนวนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มไปด้วยก้อนกรวดที่ถูกรัศมีดาบของชายชราในชุดดำบดขยี้ ก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งทีละชิ้น แค่เพียงครู่เดียวรอยแตกที่พื้นบลูสโตนใต้ดินก็เริ่มสมาน และกลับคืนสู่สภาพเดิม“แม่นาง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณต่อเทพอีกแล้ว” เสียงของบุรุษที่ฟังแล้วเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่ดังแว่วผ่านโสตประสาทของหลูมู่หยานราวกับสายลม ความเฉยเมยระหว่างคิ้วและดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วมือนั้นเป็นฝ่ามือของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์ … หมิงซิ่ว! เมื่อมองไปยังฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นคลื่นของการทำสมาธิ และความรู้สึกไว้วางใจก็เกิดขึ้นในใจของนางอย่างอธิบายไม่ได้ หลูมู่หยานหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้กล้าหาญรูปร่างสูงโปร่ง และสวมหน้ากากสีเงินที่กำลังเดินเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ชุดสีแดงของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม และพลังที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของเขาก็เผยให้เห็นโดยธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันของเขา เหมือนกับหิ่งห้อยที่ไม่สามารถเทียบกับเฮาเยว่ได้
ชายชราชุดดำก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยกฮั่วหยุนเตียวจากพื้นด้วยมือของเขา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขายังคงท่องคาถายอมจำนนอสูรร้ายอย่างเงียบ ๆ ในปากและหลังจากท่องเสร็จเขาก็ใช้ดาบลมของหยุนลี่กรีดไปที่นิ้วชี้ และหยดเลือดสีแดงลงที่ขนของเสี่ยวซูหลูมู่หยานคลี่ยิ้มเบา ๆ กอดอก พร้อมกับมองไปที่ชายชราที่กำลังทำการแสดงด้วยท่าทีเย้ยหยันชายชราผู้นี้ยังคงต้องการที่จะปราบอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อเสียจริงหลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พบว่าเลือดที่เขาหยดไปนั้น ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณได้ เขาตกใจ และสายตาของเขาก็เริ่มนิ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องรางสีแดงออกมาจากแหวนจักรวาล โดยที่ปากยังคงพึมพำท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ และแตะเครื่องรางสีแดงด้วยมือของเขา ก่อนที่มันจะตกใส่ร่างของอสูรร้ายจากนั้นชายชราก็ได้สร้างผนึกที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นในอากาศ พร้อมกับบังคับให้เข้าสู่ก้องสำนึกของสัตว์ร้าย จากนั้นก็ได้หยดเลือดลงบนหน้าผากของมันอีกสองสามหยด ดวงตาของมันประกายแสงราวกับมีดาวนับล้าน และนี่คือสัญญาณนักฆ่าในฐานะปรมจารย์อสูรวิญญาณ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถจั
หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้าแม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ “ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไรหวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อยหลูมู่ห
ราคาของการประมูลของซีซุยตันทำให้คนที่อยู่ในห้องประมูลส่วนตัวหมายเลขเก้าต้องตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาจับจ้องไปทางหลูมู่หยานแทบจะเป็นสายตาเดียว เพราะตอนนี้นางจะกลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวย ต่อให้พวกเขากลับบ้านไปได้ช่วงหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาเหรียญทองคำจำนวนมหาศาลนี้ได้หยุนจินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจะทำกำไรถึงสามร้อยล้านเหรียญทองเลยนะ” เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของหยุนจิน หยุนหลัวก็อดมองว่าเขางี่เง่าไม่ได้ เขาอิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องเขาผู้นี้ได้ยามูลค่าสามร้อยล้านเหรียญไปครอบครอง เสี่ยวเซียงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนจินด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะเขาเองก็อยากจะได้ยาเม็ดไขกระดูกเหมือนกันหลังจากการประมูลซีซุยตันในวันนี้ จะสร้างความตื่นเต้นให้อาณาจักรแห่งอัคคี และประเทศอื่น ๆ ในทวีปวิญญาณสวรรค์ เพราะการจะได้มาซึ่งยาเม็ดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากดวงตาของกู่ยันรันเต็มไปด้วยเจตนาปองร้ายและอาฆาตแค้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงเปลี่ยนไปได้เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงสามเดือน และนางก็ดีกว่าหลูมู่หยานทุกเรื่อง เว้นพื้นฐานครอบครัว แต่ทำไมนางถึงไม่ได้รับยาซีซุยนั่นนางเกลียด เกลียดหลูมู่หยานขณะ
หลังจากนั้นก็ยังคงมีการประมูลรายการสินค้าอีกหลายอย่างจากหอการค้าหมิงเหมิง ซึ่งซีซุยตันยังไม่ได้เข้าร่วมประมูลโดยตรงหลูมู่หยานยังได้เก็บภาพดอกไม้ลิงสีม่วงที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งจีตัน รวมไปถึงการฝึกฝนอื่น ๆ ทั้งเครื่องมือจิตวิญญาณ ชุดเกราะวิญญาณ แต่นางไม่ได้ต้องการ เพราะรวม ๆ แล้วนางเองได้ประโยชน์มากมายจากการประมูลในครั้งนี้ ณ ห้องประมูลส่วนตัว แขกที่เข้าร่วมการประชุมมักจะเก็บภาพรายการประมูลที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะที่เม็ดยาซีซุยไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของมันที่ไม่ได้ดึงดูดอะไรหลังจากที่รายการสินค้าทั้งหมดถูกประมูลแล้ว หนี่จุนก็ได้คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “การประมูลต่อไปคือรายการสุดท้ายที่ค่อนข้างหนักเป็นพิเศษของหอการค้าหมิงเหมิง และเราก็เพิ่งได้รับเกียรติจากเหล่าเย่ ผู้รับผิดชอบการประมูลโจวกั๋วขึ้นมาเป็นประธาน” เมื่อจบคำพูดของหนี่จุน ผู้เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพากันส่งเสียงวุ่นวายรายการประมูลใดกันที่จะสามารถรบกวนเหล่าเย่ได้ เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สะกัดระดับกลางอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่เข
ทั้งสองคนเป็นสมาชิกราชวงศ์ และพื้นฐานครอบครัวท่านแม่ของหยุนจินก็แข็งแกร่งมาก หากหลูมู่หยานให้ยาซีซุยแก่พวกเขา และบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงของราชวงศ์ก็จะไม่ทำให้นางอับอายอย่างแน่นอน“เอาเถิด ท่านป้าก็รักข้าเหมือนลูกตัวเองมาตั้งข้ายังเด็ก เราเป็นญาติกันแค่ยาเม็ดเดียวอย่าให้มันรบกวนเลย” หลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยหยุนหลันแสดงความขอบคุณต่อลูกพี่ลูกน้องผ่านทางใบหน้า เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลูมู่หยาน ลูกพี่ลูกน้องที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับกลายเป็นคนที่ใจกว้างและกล้าเช่นนี้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ของเขาเห็นเป็นแน่“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้ายินดี ยาซีซุยตันนี้สำคัญมากสำหรับข้า และข้าจะเขียนความรู้สึกนี้ลงไปในวงแหวน หากมู่หยานมีอะไรให้ข้าช่วยในอนาคต บอกข้าได้” หยุนหลันสัญญาด้วยรอยยิ้ม “ตกลง” หลูมู่หยานตอบกลับ“หลูมู่หยาน หยุนหลันเป็นญาติของเจ้า มันก็ชัดเจนที่เจ้าจะให้เขา แต่ทำไมเจ้าถึงให้มันแก่ข้า?” หยุนจินไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงต้องการให้ยาเม็ดนี้กับเขา เป็นเพราะเขาให้เหรียญสนับสนุนนางงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้“ครั้งที่แล้วที่ข้าได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ นั่น ก
จากการยืนยันของเหล่าเย่ สายตาของผู้คนในห้องที่มองหลูมู่หยานก็เปลี่ยนไป แม้แต่คนที่ติดตามเหล่าเย่ก็มองมาที่ขวดยาสีขาวอย่างไม่วางตาเหล่าเย่ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่หลูมู่หยานด้วยรอยยิ้ม และถามว่า “แม่นางหลู เจ้ากำลังกำหนดราคาสำหรับซีซุยตันหรือไม่?” “ข้าไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ข้าเชื่อว่าหอการค้าหมิงเหมิงจะช่วยให้ข้าขายได้ในราคาดี ฉะนั้นโปรดให้ท่านเหล่าเย่เรียกราคาเริ่มต้น” หลูมู่หยานแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อหอการค้าหมิงเหมิง เหล่าเย่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “ในกรณีนี้ ชายชราจะได้ตั้งราคาให้กับแม่นาง” “ปัญหาของเหล่าเย่คือเริ่มอายุมากขึ้น” หลูมู่หยานตอบกลับอย่างสุภาพ เหล่าเย่ยิ้มและพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “แม่นางหลู เจ้ายังมียาไขกระดูกนี้อีกหรือไม่?” เดิมทีเหล่าเย่เพียงแค่ต้องการถามถึงที่มาของซีซุยตัน ว่าหลูมู่หยานได้มาจากที่ใด ไม่ว่าเขาจะรู้จะจักนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงต่อต้าน เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนมากมักมีนิสัยแปลก ๆ และไม่ชอบให้ผู้อื่นถาม ฉะนั้นเขาจึงอยากที่จะผูกมิตรกับหลูมู่หยานให้ดีเสียก่อน คนอื่น ๆ ก็เริ่มมองมาที่หลูมู่หยาน
บนห้องแห่งความลับชั้นสามของหอการค้าหมิงเหมิง มีบุรุษชุดแดงสวมหน้ากากสีเงินนั่งอยู่อย่างเกียจคร้าน และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยรายงานสถาณการณ์ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุรุษชุดแดงหยักหน้าให้หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปเปิดประตู “ผู้พิทักษ์หลาน” เจ้าของร้านหลู่ตะโกนออกมาด้วยความเคารพ และสตรีผู้นั้นก็เหลือบมองมาที่เขาขณะที่ยังยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นั้น“องค์รัชทายาท!” เจ้าของร้านหลู่เดินเข้าไปที่ห้องลับ และก็พบว่าไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ แต่ยังมีองค์รัชทายาทอยู่ในห้องด้วย เจ้าของร้านหลู่จึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ “อะไรจะเร่งด่วนปานนั้น” หมิงซิ่วเอ่ยอยากเฉื่อยชา“เมื่อครู่นี้แขกผู้มีเกียรติห้องประมูลส่วนตัวที่เก้า หยิบยาออกมาเพื่อให้ทางหอการค้าของเราทำการประมูล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราไม่เคยเห็นยาเม็ดนี้มาก่อน พวกเขาเลยตัดสินไปก่อนว่าเป็นเพียงยาระดับสองเท่านั้น” เจ้าของร้านหลู่นำขวดยาสีขาวออกมา “แขกผู้มีเกียรติผู้นั้นบอกว่ายาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน แม้ว่ายาจะอยู่ในระดับที่สอง แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น้อยกว่าระดับที่สาม”