“ท่านพี่ใหญ่และท่านพี่รองมีเรื่องต้องทำ เลยไม่ได้ไป”
พวกเขาไม่สามารถเป็นผู้เข้าร่วมการประมูลได้
สำหรับการดูดซับคุณสมบัติทางยาซีซุยทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณสิบวัน ซึ่งพรสวรรค์และความอดทนจะเป็นตัวกำหนดการออกของฤทธิ์ยาในการขยายตัวของเส้นลมปราณ
หลูมู่หยานสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นั่นก็เป็นเพราะประสบการณ์ที่โชกโชนของนางเมื่อชีวิตที่ผ่านมา และพรสวรรค์ของร่างนี้
แม้ว่าร่างกายของนางจะเป็นร่างที่ไร้ซึ่งทางตัน ทว่าพรสวรรค์ของนางนั้นกลับยอดเยี่ยม หลูมู่หยานนั้นแข็งแกร่งกว่าความเป็นอัจริยะในชาติที่แล้วมาก
แน่นอนว่า หากไม่มีเม็ดยาล้างไขกระดูกนางอาจจะกลายเป็นขยะไร้ค่าไปชั่วชีวิต แต่ตอนนี้นางได้เปลี่ยนร่างกายของนางแล้ว นางได้ดูดซับพลังจากโลกและสวรรค์ได้สองถึงสามเท่า นับเป็นสองถึงสามเท่าของนักดาบธรรมดา
หยุนหลันขมวดคิ้ว พร้อมกับคิดในใจถึงเหตุที่ทำให้พี่ชายของหลูมู่หยานทั้งสองคนไม่ได้เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะถามหลูมู่หยานถึงสิ่งที่เขาสงสัยในที่สาธารณะ เขายิ้มและเอ่ยว่า “ในเมื่อมู่หยานไปคนเดียว ทำไมไม่มากับเราล่ะ?”
ท้ายที่สุดทั้งเขาและนางต่างเป็นครอบครัว แม้ว่าหยุนหลันจะไม่ชอบความไม่แน่นอนทางอารมณ์ของหลูมู่หยานในเฉียนโหลว แต่ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องก็ชัดเจนมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นในยามที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาอารมณ์ดีเช่นนี้เขาก็ยิ่งต้องการมากยิ่งขึ้น
“ตกลง!” หลูมู่หยานพยักหน้า
ความทรงจำส่วนใหญ่ของนางคือฉีอี้ซวน และโดยพื้นฐานนางไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการประมูลในหัวมากนัก การที่ต้องตามลูกพี่ลูกน้องอย่างหยุนหลัน คงจะดูน่าเชื่อถือกว่าการไปคนเดียว
คนอื่น ๆ ในตอนนี้พยายามหาสาเหตุที่ร่างกายของหลูมู่หยานถูกกำจัด แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้คัดค้านการตามหาอะไร
หยุนหลันมองขึ้นไปฟ้า ตอนนี้การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว “ไปกันเถอะ สายแล้ว”
“ได้”
หลังจากออกจากร้านอาหาร กลุ่มของพวกเขาก็รีบขึ้นรถม้าของตัวเองทันที ส่วนหลูมู่หยานก็อยู่กับหยุนหลัน
“เจ้ารู้จักหอการค้าหมิงเหมิงหรือไม่?” หยุนหลันหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะพร้อมกับรินส่งให้หลูมู่หยาน เขาเดาว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้คงจะรู้แค่เพียงการวิ่งตามฉีอี้ซวน ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหอการค้ามากนัก
หลูมู่หยานค่อย ๆ จิบชา ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และเอ่ยว่า “ข้ารู้แค่ว่าหอการค้าหมิงเหมิง เป็นองค์กรของหอการค้าที่กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีปวิญญาณและสวรรค์ แล้วเบื้องหลังของที่นั่นดูมีอิทธิพล แม้แต่ประเทศที่แกร่งที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ก็ยังไม่กล้าด้วย”
“ร้านค้าของพวกเขากระจายกันอยู่ทั่วทั้งทวีป และยังขายสินค้าได้หลากหลาย โดยเฉพาะงานประมูลใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำในประเทศต่าง ๆ แล้วก็ยังเป็นที่ต้องการของใครหลายคนในทุกครั้งที่มีของหายาก” เวลานี้เป็นเวลาที่หลูมู่หยานรอคอยที่จะเข้าร่วมการประมูลที่หอการค้าหมิงเหมิง
หยุนหลันใช้มือถูไปที่แก้วชา ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยถามว่า “นั่นคือสิ่งที่เจ้ารู้?”
“ใช่!” หลูมู่หยานพยักหน้า แม้ว่านางจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำเสียเท่าไหร่นัก “ลูกพี่ลูกน้องของข้ารู้เรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับหอการค้าหมิงเหมิงอีกหรือไม่? ข้าอยากรู้”
“อำนาจของหอการค้าหมิงเหมิงไม่ได้มีแค่เฉพาะสิ่งนี้ พวกเขายังควบคุมทรัพยากรมากกว่าหนึ่งในสิบของทวีปวิญญาณและสวรรค์ โดยเฉพาะในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การพัฒนาของหอหารค้าหมิงเหมิงไม่ได้หยุดนิ่ง กองกำลังหลายแห่งได้ร่วมมือกันปราบปรามและใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหยุดหมิงเหมิง แต่ที่สุดแล้วก็สามารถตกลงกันได้แบบประณีประนอม” สิ่งที่หยุนหลันเล่า ยอมรับว่าเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างลับของคนที่อยู่ภายใต้นักดาบจักรพรรดิ
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาสามารถนำของหายากมากมายออกมาประมูลได้ทุกครั้ง” หลูมู่หยานเริ่มเข้าใจอำนาจหอการค้าหมิงเหมิงมากขึ้น พวกเขาสามารถควบคุมทรัพยากรณ์มากมายของทวีปวิญญาณและสวรรค์ได้ แถมยังมองไม่เห็นคนที่หนุนหลังอีกด้วย
หอการค้าหมิงเหมิงนำสินค้าหายากมาประมูลเป็นครั้งคราว ซึ่งไม่เพียงแต่ซื้อใจผู้ประมูลเท่านั้นแต่ยังได้รับเหรียญทองสีม่วงเพียงพออีกด้วย และมากไปกว่านั้นยังสามารถเก็บความสัมพันธ์ของผู้ที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ดีกว่าการได้ทรัพยากรเครือข่ายเป็นไหน ๆ
เมื่อเทียบกับกองกำลังขนาดใหญ่ที่ถือครองทรัพยากรทั้งหมดอย่างแน่นหนาในมือของพวกเขา ปรมจารย์ด้านดาบของทวีปวิญญาณสวรรค์ก็ชอบหอการค้าพันธมิตรแห่งความมืดในยามที่พวกเขามีปัญหา
“มีปรมจารย์ดาบมากมายในทวีปวิญญาณและสวรรค์ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับหอการค้าหมิงเหมิง เพราะการได้เป็นสหายกับพวกเขานั้นประเมินค่าไม่ได้เลย และคำสั่งของพันธมิตรหมิงเหมิงระดับวีไอพีก็มีค่าและหายาก มหาอำนาจราชาแห่งดาบต่างกระตือรือร้นที่จะได้บางอย่าง” ดวงตาของหยุนหลันแสดงความกระตือรือร้นเล็กน้อย
“แล้วพันธ์มิตรแห่งความมืดมีประโยชน์อะไรหรือไม่?” เหรียญนี้สามารถทำให้ราชาแห่งดาบแข็งแกร่งได้ ซึ่งมันจะต้องไม่ง่ายเหมือนกับการแลกเปลี่ยนสิ่งของ
หยุนหลันยิ้มกระอักกระอ่วน พร้อมกับส่ายหัวไปมา “ข้าก็ไม่รู้ความหมายเฉพาะหรอก” ด้วยความแข็งแกร่งในระดับเขา ไม่สามารถล่วงรู้ความลับนั้นได้
หลูมู่หยานบ่นพึมพำ “หลิงหมิงเหมิง” ซึ่งหยุนหลันก็ไม่สามารถจับใจความได้ แม้ว่าจะนั่งอยู่ตรงข้ามกันก็ตาม
ใช้เวลาแค่เพียงจิบน้ำชา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหอการค้าหมิงเหมิงในอาณาจักรเหยียนโจว หลูมู่หยานก้าวขาลงจากรถม้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองอาคารที่สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้า
ชั้นแรกของหอการค้าเป็นร้านค้า ซึ่งจะขายสิ่งที่ปรมจารย์ด้านดาบต้องการ ไม่ว่าจะเป็น แกนคริสตัล เม็ดยา อาวุธจิตวิญญาณ และเกราะวิญญาณ เป็นต้น ส่วนชั้นที่สองเป็นพื้นที่สำหรับซื้อแกนคริสตัล ชุดเกราะหนัง และเม็ดยาที่ได้จากปีศาจ และชั้นสาม เป็นห้องประมูลอิสระ มีที่นั่งพร้อมทั้งห้องธรรมดาและห้องวีไอพี
ทันทีที่เห็นคนสามคนลงจากรถ ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาทักทายและกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “องค์ชายสาม องค์ชายห้า องค์ชายน้อย องค์ชายเสี่ยว องค์ชายฉี และท่านหญิง เชิญเข้าข้างในขอรับ”
“วันนี้เจ้าของร้านต้อนรับแขกเป็นการส่วนตัว หาตัวยากจริง ๆ นะ” หยุนหลันยิ้มอย่างสุภาพ และทำความเคารพต่อเจ้าของร้านของปรมจารย์ด้านดาบระดับสูงคนนี้ ชายผู้นี้เป็นหัวหน้าหอการค้าพันธมิตรหมิงเหมิงในรัฐหยานโจว และยังเป็นเจ้าของร้านที่มีสถานะสูงอีกด้วย
“ฮ่าฮ่า การประมูลครั้งนี้สำคัญมาก ฉะนั้นข้าจึงต้องออกไปรับด้วยตนเอง” เจ้าของร้านหลู่พาพวกเขาขึ้นไปยังห้องส่วนตัวชั้นสามด้วยรอยยิ้ม ห้องดังกล่าวเป็นห้องที่แยกไว้อย่างเป็นสัดส่วน ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษของราชวงศ์ “ข้าต้องไปรับแขกผู้มีเกียรติคนอื่น ๆ อีก ข้าไม่รบกวน”
“เชิญท่านหลู่ โปรดทำเถิด” หยุนหลันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เจ้าของร้านหลู่ออกไปแล้ว หลูมู่หยานก็มองสำรวจที่ห้องส่วนตัวที่เอาไว้เฉพาะรับแขกคนพิเศษ
สถานที่ที่หันหน้าเข้าหาเวทีประมูลในห้องส่วนตัวคือแผงกั้นโปร่งแสงที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน สามารถมองเห็นภายนอกได้จากภายใน แต่ผู้ที่อยู่ภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นภายในได้ และแผ่นกั้นที่สูงจากพื้นจรดเพดานขนาดนั้นก็มีผลในการปิดกั้นการสำรวจพลังจิตด้วย
นอกจากนี้ ยังมีเก้าอี้นุ่มหลายตัวในห้องส่วนตัวนี้ และเก้าอี้แต่ละตัวจะมีปุ่มสีแดง ผู้ประมูลสามารถเสนอราคาได้เพียงแค่กดมัน ซึ่งมันง่ายและสะดวกกว่าการประมูลในอาณาจักรแห่งการเพาะปลูก
หลังจากนั่งลง หญิงรับใช้รูปงามสองคนก็เข้ามาชงชาวิญญาณให้กับทุกคน การกระทำของพวกนางช่างเหมือนสายน้ำที่ไหลไปด้วยความสง่างาม และทำให้เจริญหูเจริญตาได้
ไม่นานกลิ่นหอมจาง ๆ ของชาก็ทำให้คนที่อยู่ในห้องรู้สึกสดชื่น
แน่นอนว่าหอการค้าหมิงเหมิงเป็นหอการค้าที่ดีที่สุดในทวีป ดีแม้กระทั่งชาที่ชงให้ดื่ม
หลังจากที่ชงชาให้แก่แขกพิเศษของงานประมูลแล้ว หญิงรับใช้ทั้งสองคนก็เอ่ยทักทาย ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไปทีละคนหลูมู่หยานหยิบถ้วยชาศิลาดลเคลือบสีขาวนวลขึ้นมา และทันทีที่เปิดฝากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชาก็โชยเตะจมูกทันที ชาดังกล่าวมีร่องรอยของพลังงานออร่าแสดงให้เห็นว่าชาจิตวิญญาณนี้อยู่ในระดับที่ดีหอการค้าหมิงเหมิงนี้ช่างสวยงามจริง ๆ หลูมู่หยานค่อย ๆ ละเลียดดื่มหลิงชาที่ไม่ได้ดื่มมากนานแม้ว่าชานี้จะด้อยกว่าชาวิญญาณที่หลูมู่หยานเคยดื่มมา ทว่านางก็ไม่ได้ไม่ชอบเสียทีเดียว ในโลกวิญญาณนางถือได้ว่าเป็นคนรักชาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง“ชาวิญญาณนี้ดีจริง ๆ หลังจากจบงานประมูล คงต้องบอกกับเจ้าของร้านเพื่อซื้อมันนะ ท่านปู่ข้าชอบรสชาติแบบนี้” เสี่ยวเซียงอุทานขึ้น หลังจากที่ได้ดื่มชาดังกล่าวไปหลายจิบหลูมู่หยานคิดตาม พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยถามพ่อค้าว่า “พ่อค้า หลิงชาของหมิงเหมิงมีขายด้วยหรือไม่?”“หลิงชาไม่ได้มีขายให้คนทั่วไปหรอก หากแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ซื้อได้บ้าง” ปลายนิ้วเรี
ขณะที่การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง หยุนหลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ยามคนเดิมจะหันกลับไปเปิดประตูเหมือนครั้งที่ผ่านมาเจ้าของร้านหลู่ปรากฏตัวพร้อมกับองค์หญิงเจ็ด พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายสาม พอดีมีบุรุษร่างใหญ่คนหนึ่งเข้าร่วมการประมูลและเขาก็ต้องการใช้ห้องส่วนตัว ทำให้ต้องใช้ห้องส่วนตัวขององค์หญิง ข้ารู้ว่าอาจจะไม่สะดวกสำหรับท่าน แต่ขอให้องค์หญิงใช้ห้องร่วมกับท่านได้หรือไม่? เจ้าของร้านหลู่ไม่สามารถรับมือกับบุรุษร่างใหญ่คนนั้นได้ บวกกับห้องส่วนตัวก็มีไว้รองรับราชวงศ์ทั้งหมดห้าห้อง ทางหอการค้าทำได้เพียงเจรจากับราชวงศ์เท่านั้น ส่วนคำตอบที่ได้รับคือต้องให้ห้องส่วนตัวขององค์หญิงเจ็ดไป และเขาเองก็มีหน้าที่เพียงแค่ประสานงานเท่านั้น“มันเป็นใคร?” หยุนหลันถามในสิ่งที่ทุกคนสงสัยเจ้าของร้านหลู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เขาเป็นราชาดาบที่แข็งแกร่ง ฉะนั้นข้าไม่สามารถบอกให้ผู้อื่นรับทราบได้” แม้ว่าสายตาของคนในห้องจะยังไม่เข้าใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถถามอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วเมื่อทุกคนเห็นด้วย เจ้าของร้านหลู่ก็ให้คนเพิ่มเก้าอี้สองสามตัวตามราคาสำหรับห
หลังจากที่เสี่ยวเซียงเสนอราคาประมูล ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปสนใจหลูมู่หยานเป็นตาเดียวหยุนหลันเห็นดวงตาของหลูมู่หยานเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง เขาหลับตาก่อนเอ่ยถามว่า “มู่หยานต้องการเตาหลอมยานี้หรือไม่?” อ่าาาาหลูมู่หยานพยักหน้าตอบ ก่อนจะหลุบสายตาลง“งั้นเดี๋ยวข้าจะประมูลให้” หยุนหลันไม่เคยได้ให้อะไรลูกพี่ลูกน้องของเขามาก่อน เมื่อเห็นว่าหลูมู่หยานสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากฉีอี้ซวนแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะเอาเตาหลอมยานั้นให้นางหลูมู่หยานประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะใจกว้างขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริง ๆ ของหยุนหลันแล้วนางก็ได้แต่คิดในใจว่า “ตกลง! แต่ข้าก็ไม่ได้ยินดี” “สามล้านหกแสน” หยุนหลันยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า “สี่ล้าน” เสียงเสนอราคาจากผู้ที่อยู่ถัดไปอีกห้องก็ดังขึ้น เสี่ยวเซียงมองไปที่หยุนหลัน “เจ้ามียังคนที่อยู่ตรงข้าม ไร้เดียงสาเหลือเกิน” “ข้าจำได้ว่าเตาหลอมยาที่อาจารย์ของเจ้ามอบให้นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้” หยุนหลันเลิกคิ้ว “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีนิสัยชอบสะสมเตาหลอม” หยุนหลันเอ่ย “เตาหลอมยานี้สำคัญสำหรับมู่หยานฉะนั้
เสียงของหนี่จุนดับความวุ่นวายของผู้คนส่วนใหญ่ เขาถือโล่วิญญาณที่ยอดเยี่ยมแต่กลับใช้ไม่ได้ แล้วทำไมถึงต้องซื้อ? หาความเดือนร้อนใส่ตัวเองหรือ? “ตามที่ท่านบอก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะประมูล” พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องของโชคชะตา โล่นี้คงมีแต่ข้อบกพร่องเท่านั้น“ใช่ ข้าขอลองก่อนได้หรือไม่? ถ้าดีข้าจะซื้อภายหลัง” ผู้ประมูลบางคนยังเชื่อในโล่ และอยากทดลองใช้จากนั้นความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าบางคนไม่ยอมแพ้ที่จะทดสอบโล่นั้นด้วยตัวเอง หากพวกเขาสามารถควบคุมได้ ก็ยินดีที่จะประมูลมันหนี่จุนดูเหมือนจะคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เขาค่อย ๆ พูดต่อไปว่า “เกรงว่าการทดลองคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมูลค่าโล่นั้นสูงมาก แต่สามารถซื้อคืนได้หากรับความเสี่ยงถ้าท่านไม่สามารถใช้ได้ การซื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลือกของท่านเอง หอการค้าหมิงเหมิงของเราไม่ได้จะเย้ยเหยียดชื่อเสียงอะไร”“โล่ชิ้นนี้ได้มอบหมายให้ประมูลโดยลูกค้าเก่า เขาไม่อนุญาตให้ผู้ประมูลทดสอบโล่ ทว่าหากผู้ประมูลซื้อไปแล้วและรับความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้ เขาก็ยินดีที่จะซื้อคืน” แม้ว่าคำพูดของหนี่จุนจะทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ แต่ทว่าก็ไม่มีใครกล้
เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ของหยุนหลันแล้ว หลูมู่หยานรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่พอใจกับการยั่วยุของกู่ยันรันและเซงรู แม้ว่าเขาเองจะไม่สามารถใช้โล่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร “แสดงให้ข้าดูอีกทีลูกพี่ลูกน้อง” หยุนหลันพยักหน้า ก่อนจะส่งโล่ขนาดเล็กในมือให้แก่หลูมู่หยาน และเพื่อไม่ให้นางต้องรู้สึกกดดัน เขาจึงเอ่ยต่อไปว่า “ไม่ต้องสนใจ ทุกอย่างจะเรียบร้อย” หลูมู่หยานยิ้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไร นางหยิบโล่มาวางในมือ ทว่าพลังวิญญาณที่นางได้ปล่อยไปก่อนหน้านี้ยังคงติดอยู่ที่โล่ และยังเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ร้ายหยุนหลัวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลูมู่หยานเป็นสายตาเดียวเพื่อรอดูว่านางจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แม้แต่เจ้าของหลู่ก็ยังคงรอ แม้ว่าเขาจะจัดการกับการ์ดคริสตัลเสร็จสิ้นแล้วก็ตาม เมื่อรู้ว่าพลังวิญญาณของสัตว์ร้ายอ่อนลงภายใต้การยับยั้งพลังงานของนาง หลูมู่หยานกะพริบตา พร้อมกับยื่นมือซ้ายออกเพื่อวาดอะไรบางอย่างลงตรงพื้นที่ว่างเหนือโล่ ตรงนั้นเป็นร่องรอยของพลังวิญญาณที่เคลื่อนไหวพร้อมกับเมฆ และน้ำ เครื่องรางที่เปล่งประกายด้วยแสงสีขาว ถูกสร้างขึ้นในอากาศ“การปราบปราม!”ทันทีที่เสียงของหลูมู่หยานเงียบลง ยันต
ฉี้อี้ซวนขมวดคิ้วด้วยอาการมึนหัวหลังจากที่ชื่อของเขาถูกเรียกโดยเซงรูลูกพี่ลูกน้องของเขา น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าหลูมู่หยานเสียอีก เขาเหลือบมองไปที่หลูมู่หยาน ก่อนจะพบว่าสายตาที่นางมองไปทางเซงรูนั้นมีแต่ความขยะแขยง เขามองไปที่ถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้า และแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกเมื่อครู่หลูมู่หยานในตอนนี้เป็นเหมือนร่างที่ส่องสว่าง สว่างเสียจนเขาไม่สามารถละสายตาออกจากนางได้ เหมือนถูกดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้ รวมไปถึงเรื่องของเซงรูที่นางต้องเผชิญอีกด้วยเซงรูยังคงอ้อนวอนไปที่องค์หญิงเจ็ดและกู่ยันรัน ทว่าพวกนางทั้งสองไม่ได้สนใจอะไรเซงรู นั่นทำให้นางถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความกังวลยามที่นางกำลังจะถูกลากออกไป พลันเซงรูก็ต้องการระบายความโกรธที่สุมอยู่ในอก นางบอกไปที่หลูมู่หยานและพูดคำว่า “หลู...” ยังไม่ทันที่จะพูดได้จบประโยคนางก็ถูกทหารรักษาพระองค์ลากออกจากห้องส่วนตัวทันที“ในที่สุดก็เรียบร้อยเสียที” เสี่ยวเซียงเห็นด้วยว่าเซงรูนั้นน่ารำคาญมากเพียงใดกู่ยันรันละสายตาจากประตูและมองไปที่ฉีอี้ซวน ก่อนจะสังเกตได้ถึงความไม่แยแสหรือเดือดเนื้อร้อนใจอะไร พร้อมกับคิดว่าหากผู้ที่ลูกลากออกไปเป็นตัวนางเ
เมื่อได้ยินคำขอจากจักรพรรดิดาบในห้องตรงข้าม สีหน้าของคนที่อยู่ในห้องของหยุนหลันก็เปลี่ยนไปทันที “เหรัญญิกหลู่ ข้ามีเหรียญทองหมึกบนตัวไม่พอ ข้าจะประมูลของเพื่อหักออกได้หรือไม่?” หลูมู่หยานเอ่ยถาม ดวงตาของนางเริ่มแสดงถึงความกังวลเล็กน้อย เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมปล่อยให้อสูรกลืนกินวิญญาณตนนี้หลุดลอยไปเจ้าของร้านหลู่ตกตะลึงกับสิ่งที่หลูมู่หยานเอ่ยถาม จากนั้นเขาก็รู้ว่านางมีแผนอะไร ซึ่งเขาก็จำเป็นจะต้องเอ่ยเตือน “แน่นอนว่าเป็นไปได้ แต่ชายชราเพียงอยากเตือนสตรีที่อยู่ข้างล่าง หากอสูรตัวนั้นไม่ได้สำคัญกับเจ้า ปล่อยให้มันเป็นของจักรพรรดิดาบเถิด อารมณ์ของเขาค่อนข้างแปลก ไม่ง่ายที่จะกระตุ้นเขา” “ขอบคุณเจ้าของร้านหลู่ที่เตือนข้า แต่อสูรตัวนี้ก็สำคัญกับข้าไม่แพ้กัน แม้แต่ราชาดาบที่แข็งแกร่งก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับข้าให้ยอมเขาในหอการค้าพันธมิตรแห่งรัตติกาลใช่หรือไม่?” หลูมู่หยานแสดงความขี้เล่นเล็กน้อย อารมณ์แปลก ๆ และไม่ง่ายที่จะยั่วยุงั้นหรือ? มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้อย่างไรหากกลัวผู้ที่แข็งแกร่งและต้องเผชิญหน้ากับเขา “เนื่องจากแม่นางหลูเลือกวิธีนี้ ชายชราจะไม่พูดมากไปกว่านี้ สำหรับในหอการค้าหมิงเห
บนห้องแห่งความลับชั้นสามของหอการค้าหมิงเหมิง มีบุรุษชุดแดงสวมหน้ากากสีเงินนั่งอยู่อย่างเกียจคร้าน และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยรายงานสถาณการณ์ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุรุษชุดแดงหยักหน้าให้หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปเปิดประตู “ผู้พิทักษ์หลาน” เจ้าของร้านหลู่ตะโกนออกมาด้วยความเคารพ และสตรีผู้นั้นก็เหลือบมองมาที่เขาขณะที่ยังยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นั้น“องค์รัชทายาท!” เจ้าของร้านหลู่เดินเข้าไปที่ห้องลับ และก็พบว่าไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ แต่ยังมีองค์รัชทายาทอยู่ในห้องด้วย เจ้าของร้านหลู่จึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ “อะไรจะเร่งด่วนปานนั้น” หมิงซิ่วเอ่ยอยากเฉื่อยชา“เมื่อครู่นี้แขกผู้มีเกียรติห้องประมูลส่วนตัวที่เก้า หยิบยาออกมาเพื่อให้ทางหอการค้าของเราทำการประมูล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราไม่เคยเห็นยาเม็ดนี้มาก่อน พวกเขาเลยตัดสินไปก่อนว่าเป็นเพียงยาระดับสองเท่านั้น” เจ้าของร้านหลู่นำขวดยาสีขาวออกมา “แขกผู้มีเกียรติผู้นั้นบอกว่ายาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน แม้ว่ายาจะอยู่ในระดับที่สอง แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น้อยกว่าระดับที่สาม”
หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไปเหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” “ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ” “ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ใบหน้
ทันใดนั้นก็มีพลังที่นุ่มนวลจำนวนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มไปด้วยก้อนกรวดที่ถูกรัศมีดาบของชายชราในชุดดำบดขยี้ ก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งทีละชิ้น แค่เพียงครู่เดียวรอยแตกที่พื้นบลูสโตนใต้ดินก็เริ่มสมาน และกลับคืนสู่สภาพเดิม“แม่นาง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณต่อเทพอีกแล้ว” เสียงของบุรุษที่ฟังแล้วเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่ดังแว่วผ่านโสตประสาทของหลูมู่หยานราวกับสายลม ความเฉยเมยระหว่างคิ้วและดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วมือนั้นเป็นฝ่ามือของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์ … หมิงซิ่ว! เมื่อมองไปยังฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นคลื่นของการทำสมาธิ และความรู้สึกไว้วางใจก็เกิดขึ้นในใจของนางอย่างอธิบายไม่ได้ หลูมู่หยานหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้กล้าหาญรูปร่างสูงโปร่ง และสวมหน้ากากสีเงินที่กำลังเดินเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ชุดสีแดงของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม และพลังที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของเขาก็เผยให้เห็นโดยธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันของเขา เหมือนกับหิ่งห้อยที่ไม่สามารถเทียบกับเฮาเยว่ได้
ชายชราชุดดำก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยกฮั่วหยุนเตียวจากพื้นด้วยมือของเขา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขายังคงท่องคาถายอมจำนนอสูรร้ายอย่างเงียบ ๆ ในปากและหลังจากท่องเสร็จเขาก็ใช้ดาบลมของหยุนลี่กรีดไปที่นิ้วชี้ และหยดเลือดสีแดงลงที่ขนของเสี่ยวซูหลูมู่หยานคลี่ยิ้มเบา ๆ กอดอก พร้อมกับมองไปที่ชายชราที่กำลังทำการแสดงด้วยท่าทีเย้ยหยันชายชราผู้นี้ยังคงต้องการที่จะปราบอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อเสียจริงหลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พบว่าเลือดที่เขาหยดไปนั้น ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณได้ เขาตกใจ และสายตาของเขาก็เริ่มนิ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องรางสีแดงออกมาจากแหวนจักรวาล โดยที่ปากยังคงพึมพำท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ และแตะเครื่องรางสีแดงด้วยมือของเขา ก่อนที่มันจะตกใส่ร่างของอสูรร้ายจากนั้นชายชราก็ได้สร้างผนึกที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นในอากาศ พร้อมกับบังคับให้เข้าสู่ก้องสำนึกของสัตว์ร้าย จากนั้นก็ได้หยดเลือดลงบนหน้าผากของมันอีกสองสามหยด ดวงตาของมันประกายแสงราวกับมีดาวนับล้าน และนี่คือสัญญาณนักฆ่าในฐานะปรมจารย์อสูรวิญญาณ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถจั
หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้าแม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ “ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไรหวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อยหลูมู่ห
ราคาของการประมูลของซีซุยตันทำให้คนที่อยู่ในห้องประมูลส่วนตัวหมายเลขเก้าต้องตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาจับจ้องไปทางหลูมู่หยานแทบจะเป็นสายตาเดียว เพราะตอนนี้นางจะกลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวย ต่อให้พวกเขากลับบ้านไปได้ช่วงหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาเหรียญทองคำจำนวนมหาศาลนี้ได้หยุนจินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจะทำกำไรถึงสามร้อยล้านเหรียญทองเลยนะ” เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของหยุนจิน หยุนหลัวก็อดมองว่าเขางี่เง่าไม่ได้ เขาอิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องเขาผู้นี้ได้ยามูลค่าสามร้อยล้านเหรียญไปครอบครอง เสี่ยวเซียงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนจินด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะเขาเองก็อยากจะได้ยาเม็ดไขกระดูกเหมือนกันหลังจากการประมูลซีซุยตันในวันนี้ จะสร้างความตื่นเต้นให้อาณาจักรแห่งอัคคี และประเทศอื่น ๆ ในทวีปวิญญาณสวรรค์ เพราะการจะได้มาซึ่งยาเม็ดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากดวงตาของกู่ยันรันเต็มไปด้วยเจตนาปองร้ายและอาฆาตแค้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงเปลี่ยนไปได้เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงสามเดือน และนางก็ดีกว่าหลูมู่หยานทุกเรื่อง เว้นพื้นฐานครอบครัว แต่ทำไมนางถึงไม่ได้รับยาซีซุยนั่นนางเกลียด เกลียดหลูมู่หยานขณะ
หลังจากนั้นก็ยังคงมีการประมูลรายการสินค้าอีกหลายอย่างจากหอการค้าหมิงเหมิง ซึ่งซีซุยตันยังไม่ได้เข้าร่วมประมูลโดยตรงหลูมู่หยานยังได้เก็บภาพดอกไม้ลิงสีม่วงที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งจีตัน รวมไปถึงการฝึกฝนอื่น ๆ ทั้งเครื่องมือจิตวิญญาณ ชุดเกราะวิญญาณ แต่นางไม่ได้ต้องการ เพราะรวม ๆ แล้วนางเองได้ประโยชน์มากมายจากการประมูลในครั้งนี้ ณ ห้องประมูลส่วนตัว แขกที่เข้าร่วมการประชุมมักจะเก็บภาพรายการประมูลที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะที่เม็ดยาซีซุยไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของมันที่ไม่ได้ดึงดูดอะไรหลังจากที่รายการสินค้าทั้งหมดถูกประมูลแล้ว หนี่จุนก็ได้คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “การประมูลต่อไปคือรายการสุดท้ายที่ค่อนข้างหนักเป็นพิเศษของหอการค้าหมิงเหมิง และเราก็เพิ่งได้รับเกียรติจากเหล่าเย่ ผู้รับผิดชอบการประมูลโจวกั๋วขึ้นมาเป็นประธาน” เมื่อจบคำพูดของหนี่จุน ผู้เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพากันส่งเสียงวุ่นวายรายการประมูลใดกันที่จะสามารถรบกวนเหล่าเย่ได้ เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สะกัดระดับกลางอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่เข
ทั้งสองคนเป็นสมาชิกราชวงศ์ และพื้นฐานครอบครัวท่านแม่ของหยุนจินก็แข็งแกร่งมาก หากหลูมู่หยานให้ยาซีซุยแก่พวกเขา และบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงของราชวงศ์ก็จะไม่ทำให้นางอับอายอย่างแน่นอน“เอาเถิด ท่านป้าก็รักข้าเหมือนลูกตัวเองมาตั้งข้ายังเด็ก เราเป็นญาติกันแค่ยาเม็ดเดียวอย่าให้มันรบกวนเลย” หลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยหยุนหลันแสดงความขอบคุณต่อลูกพี่ลูกน้องผ่านทางใบหน้า เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลูมู่หยาน ลูกพี่ลูกน้องที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับกลายเป็นคนที่ใจกว้างและกล้าเช่นนี้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ของเขาเห็นเป็นแน่“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้ายินดี ยาซีซุยตันนี้สำคัญมากสำหรับข้า และข้าจะเขียนความรู้สึกนี้ลงไปในวงแหวน หากมู่หยานมีอะไรให้ข้าช่วยในอนาคต บอกข้าได้” หยุนหลันสัญญาด้วยรอยยิ้ม “ตกลง” หลูมู่หยานตอบกลับ“หลูมู่หยาน หยุนหลันเป็นญาติของเจ้า มันก็ชัดเจนที่เจ้าจะให้เขา แต่ทำไมเจ้าถึงให้มันแก่ข้า?” หยุนจินไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงต้องการให้ยาเม็ดนี้กับเขา เป็นเพราะเขาให้เหรียญสนับสนุนนางงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้“ครั้งที่แล้วที่ข้าได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ นั่น ก
จากการยืนยันของเหล่าเย่ สายตาของผู้คนในห้องที่มองหลูมู่หยานก็เปลี่ยนไป แม้แต่คนที่ติดตามเหล่าเย่ก็มองมาที่ขวดยาสีขาวอย่างไม่วางตาเหล่าเย่ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่หลูมู่หยานด้วยรอยยิ้ม และถามว่า “แม่นางหลู เจ้ากำลังกำหนดราคาสำหรับซีซุยตันหรือไม่?” “ข้าไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ข้าเชื่อว่าหอการค้าหมิงเหมิงจะช่วยให้ข้าขายได้ในราคาดี ฉะนั้นโปรดให้ท่านเหล่าเย่เรียกราคาเริ่มต้น” หลูมู่หยานแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อหอการค้าหมิงเหมิง เหล่าเย่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “ในกรณีนี้ ชายชราจะได้ตั้งราคาให้กับแม่นาง” “ปัญหาของเหล่าเย่คือเริ่มอายุมากขึ้น” หลูมู่หยานตอบกลับอย่างสุภาพ เหล่าเย่ยิ้มและพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “แม่นางหลู เจ้ายังมียาไขกระดูกนี้อีกหรือไม่?” เดิมทีเหล่าเย่เพียงแค่ต้องการถามถึงที่มาของซีซุยตัน ว่าหลูมู่หยานได้มาจากที่ใด ไม่ว่าเขาจะรู้จะจักนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงต่อต้าน เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนมากมักมีนิสัยแปลก ๆ และไม่ชอบให้ผู้อื่นถาม ฉะนั้นเขาจึงอยากที่จะผูกมิตรกับหลูมู่หยานให้ดีเสียก่อน คนอื่น ๆ ก็เริ่มมองมาที่หลูมู่หยาน
บนห้องแห่งความลับชั้นสามของหอการค้าหมิงเหมิง มีบุรุษชุดแดงสวมหน้ากากสีเงินนั่งอยู่อย่างเกียจคร้าน และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยรายงานสถาณการณ์ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุรุษชุดแดงหยักหน้าให้หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปเปิดประตู “ผู้พิทักษ์หลาน” เจ้าของร้านหลู่ตะโกนออกมาด้วยความเคารพ และสตรีผู้นั้นก็เหลือบมองมาที่เขาขณะที่ยังยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นั้น“องค์รัชทายาท!” เจ้าของร้านหลู่เดินเข้าไปที่ห้องลับ และก็พบว่าไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ แต่ยังมีองค์รัชทายาทอยู่ในห้องด้วย เจ้าของร้านหลู่จึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ “อะไรจะเร่งด่วนปานนั้น” หมิงซิ่วเอ่ยอยากเฉื่อยชา“เมื่อครู่นี้แขกผู้มีเกียรติห้องประมูลส่วนตัวที่เก้า หยิบยาออกมาเพื่อให้ทางหอการค้าของเราทำการประมูล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราไม่เคยเห็นยาเม็ดนี้มาก่อน พวกเขาเลยตัดสินไปก่อนว่าเป็นเพียงยาระดับสองเท่านั้น” เจ้าของร้านหลู่นำขวดยาสีขาวออกมา “แขกผู้มีเกียรติผู้นั้นบอกว่ายาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน แม้ว่ายาจะอยู่ในระดับที่สอง แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น้อยกว่าระดับที่สาม”