เมื่อหญ้าวิญญาณกลายเป็นผงสีต่าง ๆ หลูมู่หยานจึงนำเอาถ่านที่ให้ความร้อนออก พร้อมกับทิ้งตัวนั่งพักบริเวณนั้น แต่เพราะการดูแลตัวเองของนางในช่วงนี้ค่อนข้างดี ทำให้การปรังแต่งหญ้าวิญญาณเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เช่นนั้นนางคงเหนื่อยจนหมดแรง
เมื่อพักผ่อนไปได้ครู่หนึ่ง หลูมู่หยานก็นึกได้ว่ายาซีซุยที่ทำไว้เมื่อครู่ สามารถกำจัดของเสียในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่นานก็หยัดตัวลุกขึ้นยืนด้วยความตั้งมั่น
การทำให้บริสุทธิ์ง่ายกว่าการสะกัดครั้งก่อน เมื่อแป้งที่ห่อด้วยพลังจิต หากวางเปลวเพลิงที่ควบคุมไฟได้ สีของมันก็จะค่อย ๆ เข้มขึ้น และขั้นตอนต่อไปคือการควบแน่นเม็ดยา ซึ่งถือเป็นจุดที่สำคัญที่สุด เพราะจะไม่สามารถหยุดพักระหว่างทำได้
กุญแจสำคัญในการควบแน่นเม็ดยาคือความร้อน และหลูมู่หยานก็มีประสบการณ์ในการเล่นแร่แปรธาตุอย่างโชคโชน ฉะนั้นทุกการเชื่อมต่อและทุกการเปลี่ยนแปลงของไฟไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ นางสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี
ผงหลากสีจากหญ้าวิญญาณในหม้อ ค่อย ๆ แยกออกและรวมเข้าด้วยกันภายใต้การควบคุมจากพลังจิตของหลูมู่หยาน ก่อนที่ผงเหล่านั้นจะค่อย ๆ ไหม้เกรียมทีละน้อย
หลูมู่หยานฉายความมั่นใจและมุ่งมั่นออกมาผ่านดวงตา นางใส่ความคิดทั้งหมดลงไปในหม้อ พร้อมเข้าสู่สวะจิตใจอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นาน จากผงในหม้อแปรเปลี่ยนเป็นเม็ดยาสองเม็ด หลูมู่หยานรีบนำถ่านส่วนหนึ่งออกเพื่อให้ไฟเบาลง และยังคงรมควันยาเหล่านั้นต่อไป
จากนั้นไม่นาน กลิ่นหอมของยาก็กระจายไปทั่วถ้ำ หลูมู่หยานหายใจเข้าออก ก่อนจะตบไปที่หม้อด้วยฝ่ามือเรียวสวย และไม่นาน ยาเม็ดสีขาวนวลก็อยู่บนมือของนาง
ทว่า ณ สถานที่ที่นางอยู่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่จะใช้ยาซีซุย เนื่องจากหลูมู่หยานต้องล้างไขกระดูดด้วยยาสมุนไพรที่ได้สะกัดเอาไว้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ฉะนั้นตอนนี้นางจึงหยิบขวดกระเบื้องออกมาและเก็บเม็ดยาที่เพิ่งสะกัดได้เอาไว้ใช้ภายหลัง
ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน หลูมู่หยานก็สามารถปรุงยาซีซุยสำเร็จ จากนั้นนางจึงเงยหน้า และมองไปยังบุรุษชุดแดงผู้มีเสน่ห์
ริ้วแดงบนใบหน้าของเขาจางหายไปแล้วในตอนนี้ ขณะเดียวกันกลุ่มอักษรรูนบนหน้าผากของเขาก็เริ่มเปล่งแสงออกมาอย่างเจิดจ้า แกนคริสตัลของไฟหลินที่อยู่บนมือ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นกองผงที่เทาบนพื้นไปแล้ว
บุรุษผู้นี้นับว่ามีความแข็งแกร่งทางร่างกายอยู่ไม่น้อย เขาสามารถรวบรวมร่องรอยของพลังงานเข้าด้วยกัน สิ่งที่ทำให้หลูมู่หยานประหลาดใจไปมากกว่านั้นคือ การทำให้พิษของไฟตะกอนในร่างของเขา
ทว่าทันใดนั้นเอง พลังที่ส่องประกายโดยรอบจากโลกและสวรรค์ก็ดูเหมือนจะถูกเรียกออกมา พวกเขาทั้งสองเข้าไปในถ้ำ กลุ่มเมฆเริ่มก่อตัวเป็นเมฆแห่งวิญญาณ เมื่อพวกเขาพบกับบุรุษต้องเสน่ห์ พลังงานพวกนั้นก็หลั่งไหลเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมชาติ
หลูมู่หยานลอบสังเกตอย่างตั้งมั่น นางเห็นบุรุษผู้นั้นสามารถดูดซับพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง ราวกับฟองน้ำ มันแย่มากที่นางไม่สามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณและสวรรค์ได้เหมือนกับบุรุษผู้นั้น
ล่วงเลยไปหลายนาที แต่บุรุษผู้นี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หลูมู่หยานได้แต่พิงเสาหินและมองดูด้วยความสนใจ
จากสถานการณ์ตรงหน้า นางสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเขาน่าจะถูกสะสมไว้ในระดับหนึ่ง แต่ภายหลังจากที่เขาได้รับยาวิญญาณ ดูเหมือนว่าเขาไม่เพียงคลายพิษไฟในร่างออกเท่านั้น แต่ยังต้านการโจมตีของเส้นเลือดที่แตกจากพลังของคริสตัลอีกด้วย
บุรุษผู้นั้นยังคงดูดซับและสะกัดพิษไฟอีกครั้งเพื่อเป็นยาชูกำลัง และการดูดซับออร่านั้นอย่างบ้าคลั่งก็ทะลุผ่านไปยังฐานการฝึกฝนของจักรพรรดิระดับสูงโดยตรง
ทว่ายังไม่จบแค่นั้น เพราะในเวลานี้พลังงานทางจิตวิญญาณโดยรอบยังคงรวมตัวและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา รวมไปถึงฐานการฝึกฝนอีกด้วย
หลูมู่หยานมองไปตรงหน้า เหมือนว่าบุรุษผู้นี้เป็นหลุมดำก้นลึกที่สามารถดูดซับพลังงานได้อย่างบ้าคลั่ง และอดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมา คนตายไปแล้ว และนางผู้นี้ไม่สามารถดูดซับออร่าได้ก็มองไปยังการกระทำนี้ นึกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอยากย้อนกลับไปไม่ว่าจะทำได้หรือไม่
เวลาล่วงเลยมาถึงหนึ่งวันก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง บุรุษผู้นั้นกดพลังชีวิตเปลี่ยนเป็นพลังงานจิตวิญญาณในร่างกายให้เข้าไปสู่จุดสูงสุดของจักรพรรดิดาบ แต่ก็ไม่ถึงกับเจาะผ่านเข้าไปในทันที
หลูมู่หยานเห็นการตัดสินใจเด็ดขาดของบุรุษผู้นี้ และนางก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความชื่นชมผ่านสายตา
เขาคนนี้ไม่เพียงแต่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังมีบุคลิกที่มุ่งมั่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาบังคับปราบปรามและทะลวงนิกายดาบ ทำให้รากฐานของเขามั่นคงยิ่งขึ้น ความเพียรและหัวใจแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมีได้
เมื่อ ‘หมิงซิ่ว’ ลืมตา เขาก็พบกับดวงตาอีกคู่ที่ปราดเปรื่องดั่งท้องทะเล ณ ตอนนี้เขารู้สึกอารมณ์ดี เพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของมีพิษสะสมอยู่มากเกินไป มันส่งผลต่ออารมณ์ของเขาให้ไม่คงที่เท่าไหร่ บ้างก็เฉยชา บ้างก็หงุดหงิด
ในตอนนี้ ตั้งแต่ที่เขาได้รับยาชิงหลิงที่สะกัดโดยหลูมู่หยาน มันไม่เพียงแค่กำจัดพิษในร่างกายของเขาเท่านั้น แต่ยังปรับความก้าวหน้าของพิษไฟ ทำให้ตัวเขาสามารถดูดซับพลังงานแกนคริสตัลของปีศาจไฟหลินที่สะกัดแล้วให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
บุรุษผู้นั้นยิ้มออกมาด้วยแววหน้าชั่วร้าย ก่อนจะเอ่ยถามสตรีตรงหน้าด้วยเสียงที่ทุ้มแหบเล็กน้อย แต่กลับดูมีเสน่ห์มากกว่าปกติ “เจ้าสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้หรือ?”
“ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น?”
หลูมู่หยานเลิกคิ้วด้วยความสงสัย พร้อมกับมีเส้นไหมสีฟ้าอยู่ในมือ
“มาทำข้อตกลงกันเถอะ” ริมฝีปากของหมิงซิ่วเหยียดยิ้ม และดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
หลูมู่หยานเดาแผนการของเขาออกทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านยังต้องการยาขจัดหรือไม่?”
นางไม่ได้สนใจว่าความคิดของบุรุษผู้นี้จะเปลี่ยนไปรวดเร็วเพียงใด เพราะอารมณ์ของเขานั้นก็ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว หมิงซิ่วส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลา
“ข้าชอบทำข้อตกลงกับคนฉลาด”
“การค้างั้นหรือ?” หลูมู่หยานเอ่ยถามหลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ การค้าขายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นางชื่นชอบ ตอนนี้นางก็นึกถึงบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตอยู่ในใจ
“หลูมู่หยาน มาพูดถึงเงื่อนไขการค้าเถอะ”
“ท่านรู้หรือว่าข้าเป็นใคร?” ดวงตาของหลูมู่หยานแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย
“ชื่อเสียงของแม่นางหลูในเมืองหลวงนั้นดังมาก มีคนไม่กี่หรอกคนที่ไม่รู้จักเจ้า” หมิงซิ่วเอ่ย พร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่ ก่อนจะยืนขึ้นและเดินไปหาหลูมู่หยาน
หลูมู่หยานกรอกตาไปมา แม้ว่านางจะมีชื่อเสียงแค่ไหนในเมืองหลวง แต่ก็ยังเป็นแค่ขยะไร้ค่าอยู่ดีหลังจากที่นางกลับไปรับยาซีซุย เพื่อฟื้นฟูร่างกาย นางเห็นใครสักคนจะกล้าเรียกนางว่าขยะ
หมิงซิ่วเดินเข้าไปใกล้หลูมู่หยาน พร้อมกับย่อตัวและมองไปที่นาง “ข้าต้องการยาชิงหลิงทั้งหมดในร่างกายของเจ้า และเจ้าสามารถร้องขอมันได้”
ตอนนี้หมิงซิ่วกำลังฝึกฝนทักษะ และเขาต้องดูดซับแกนคริสตัลเพื่อปรับแต่งปีศาจไฟโดยตรง และแน่นอนว่ามันมีข้อเสียอยู่
การปรับแต่งคริสตัลโดยตรงจะไม่ถูกหญ้าวิญญาณอื่น ๆ ขัดขวาง จะมีก็แต่สารพิษที่ตกค้างตามพลังงานร่างกาย และหลังจากที่พิษเหล่านั้นสะสมอยู่ในปริมาณที่มาก มันก็จะขัดขวางการฝึกฝนในอนาคต ซึ่งยาของหลูมู่หยานสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้
หลูมู่หยานเห็นบุรุษผู้นั้นจ้องมองมาที่นางด้วยสีหน้าจริงจัง แสดงให้เห็นว่าเขากำลังแลกกับนางในตำแหน่งเดียวกัน และไม่ได้ประเมินนางต่ำเกินไป ทำให้หลูมู่หยานรู้สึกดีกับเขา
“เจ้าต้องการศพของสัตว์อสูรระดับหกหรือไม่?” หลูมู่หยานถามบุรุษผู้นั้น พร้อมกับจ้องมองไปที่ศพของสัตว์ร้ายยักษ์สีแดงที่อยู่ไม่ไกล
หมิงซิ่วชำเลืองมองไปที่ศพ เขาได้กลั่นแกนคริสตัลของไฟหลินแล้ว แม้ว่าเพราะของมันจะมีประโยชน์กับเขาบ้าง แต่เขาก็ไม่สนใจว่าหลูมู่หยานต้องการหรือไม่
“ต้องการ?” หมิงซิ่วโน้มตัวไปที่ใบหูของหลูมู่หยาน และเอ่ยถามเบา ๆ
หลูมู่หยานรู้สึกเพียงลมหายใจของชายคนนั้นที่ข้างหูของนาง เสียงของเขาช่างมีเสน่ห์ บวกกับความรู้สึกเสียวซ่านในใจที่อธิบายไม่ได้ นางข่มอารมณ์พวกนั้นเอาไว้ และหันหน้าไปมองบุรุษผู้นั้น
ขณะนี้ใบหน้าของนางแสดงรอยยิ้มสดใส “ข้าคิดว่าต้องการ”
ความฉลาด และความไม่โอ้อวดของหลูมู่หยาน ทำให้หมิงซิ่วรู้สึกชื่นชมในตัวนางมากขึ้น และรอยยิ้มที่เปี่ยมความสุขของเขาที่เป็นภาพหายากก็ปรากฏขึ้น“ตกลง เทพตกลง”หลูมู่หยานมองไปที่บุรุษผู้ร้ายกาจผู้นั้นด้วยท่าทีเฉยชา พร้อมกับแอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นี่คือความแข็งแกร่งที่คนอื่นมองว่าเป็นสมบัติ ไม่มีอะไรในสายตาของผู้มีอำนาจระดับสูง เหมือนที่นางเคยเป็นทว่านางไม่ใช่คนที่จะเห็นอกเห็นใจกับฤดูอะไร นางสามารถไปเกิดใหม่ได้ในโลกอื่นหลังจากที่ตาย ไม่สำคัญว่าจะเสียอะไรไป เพราะวันหนึ่งนางจะสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ และกลายเป็นจุดพลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้“ที่จริงท่านไม่ได้สูญเสีย” หลูมู่หยานยิ้มและกะพริบตามองไปที่บุรุษผู้นั้น “ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถปรับแต่งเม็ดยาวิญญาณนี้ได้ แม้ว่าหญ้าวิญญาณจะไม่ใช่ของหายาก แต่สูตรก็ไม่เหมือนใคร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากเทคนิคของท่านได้รับความช่วยเหลือจากยานี้ ท่านจะได้รับผลสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว และไม่ต้องกังวลเรื่องพิษตกค้าง”หมิงซิ่วขยับของเข้าในแขนเสื้อ สตรีร่างบางผู้นี้ฉลาดยิ่งนัก และเดาว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถดูดซึม
หลังจากที่หมิงซิ่วจากไปแล้ว หลูมู่หยานก็สังเกตรอบตัว พร้อมกับปล่อยพลังจิตเพื่อตรวจสอบ หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าตรงนี้ปลอดภัยไม่มีอันตราย นางจึงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงทึบเพื่อซ่อนตัว ท่ามกลางใบไม้ทึบหลูมู่หยานตัดสินใจใช้สถานที่นี้เป็นที่พักพิงก่อนจะหลับตาพักเพื่อฟื้นฟูพลังยามแสงแรกสาดส่องลงมาบนเทือกเขาจีฮั่ว ในเช้าตรู่ของวันถัดไป หลูมู่หยานค่อย ๆ ลืมตาและเหยียดร่างกายออกเพื่อคลายความเมื่อยล้า ตอนนี้ใบหน้าของนางกลับมาเป็นปกติ ไม่ซีดเซียวอีกต่อไปแล้วหลังจากที่หลูมู่หยานกินยาหลิงหลิงไปเมื่อคืนแล้ว นางรู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากหลังจากที่ได้ดูดซับเข้าสู้ร่างกาย นางยังคงรักษาร่องรอยของพลังวิญญาณเอาไว้ได้ ซึ่งมันสามารถเป็นประกันได้ว่านางจะเดินออกจากวงล้อมนี้ได้เพียงลำพัง“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ชิงหาน และคนอื่น ๆ ลองไปดูสถานที่ที่ตกลงกันไว้ดีกว่า” หลูมู่หยานลุกขึ้นยืนพร้อมบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะกระโดดลงจากกิ่งไม้และรีบวิ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็วก่อนหน้านั้นหลูมู่หยานมีข้อตกลงกับเย่ชิงหานเอาไว้ว่า หากเราบังเอิญแยกจากกันเราจะไปรอกันในที่พักก่อนออกรอบวงนอก และหากไม่เจอกันห
เช้าวันรุ่งขึ้นหลูมู่หยาน พร้อมด้วยเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ เดินทางออกจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีหลูมู่หยานกระวนกระวายใจที่จะกลับไปปรับปรุงร่างกายของนาง ส่วนเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ ก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน ฉะนั้นการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นการเดินทางรวดเดียว ไม่มีหยุดพักระหว่างทาง“เจ้ายอมมอบอสูรเพลิงตัวนั้นแล้วหรือ?” หลูมู่หยานหันหน้าไปถามเย่ชิงหานระหว่างหยุดพักจิบชา เย่ชิงหานรู้สึกไม่ชอบที่ที่หยุดพักเท่าไหร่ เขาหยิบถ้วยชาพร้อมกับสะบัดฝาถ้วย ก่อนเอ่ยตอบไปว่า “ข้ายอมแพ้แล้ว” “แต่ว่านะ มู่หยาน เจ้ายังมีผงสีขาวนั่นอยู่ไหม? ขายให้ข้าได้หรือไม่?” เป็นเพราะหลูมู่หยานสะกัดผงสีขาวเพื่อทำให้เหล่าปีศาจหยุดเคลื่อนที่ชั่วขณะได้ และมันเป็นประโยชน์มากต่อตระกูลดาบวิญญาณที่เลี้ยงสัตว์ปีศาจเป็นส่วนใหญ่หลูมู่หยานวางถ้วยชาลง นางนิ่วหน้าเนื่องจากความขมของชาที่มากเกินไป นางยังคงชอบดื่มชาหลิงมากกว่า “ตอนนี้ข้าไม่มีติดตัวแล้ว แต่ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะเตรียมไว้ให้หลังจากที่เรากลับถึงเมืองหลวง” “ดีเลย เพราะผงนี้ สาวกระดับต่ำของตระกูลข้าจะได้มีเกราะป้องกันอีกชั้นเมื่อพิชิตสัตว์เลี้ยงวิญญาณได้”ใบหน้าของเย่ชิงหาน ตอน
เมื่อหลูมู่หยานกลับมาถึงลานในสถาบันจักรพรรดิ นางก็จัดแจงพื้นที่ด้านนอกอาคารเพื่อป้องกันการถูกรบกวนระหว่างสะกัดเม็ดยาไขกระดูก นางเทน้ำยาที่ได้เตรียมไว้ลงในอ่าง ก่อนจะพาร่างของนางลงไปแช่ตัวในน้ำที่เตรียมเอาไว้ หนึ่งชั่วโมงถัดมาหลูมู่หยานเทยาที่เหลืออยู่จากขวดแก้วลงในฝ่ามือของนางกลิ่นหอมของเม็ดยาตลบอบอวลไปทั่วห้องในขณะนี้ ด้วยพลังของยาที่อ่อนโยนนั่น ก็เริ่มไหลไปตามเส้นลมปราณของนางที่ปิดอยู่ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นลมปราณในร่างกาย ตราบใดที่สามารถเปิดเส้นลมปราณได้ เมื่อนั้นก็จะสามารถดูดซับพลังแห่งโลกและสวรรค์เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณได้เมื่อนางปล่อยให้ยาที่สะกัดได้กระจายไปที่เส้นลมปราณทั่วทั้งร่าง พลันดวงตาของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ นางรวบรวมคลื่นพลังด้วยยาที่บริสุทธิ์อีกครั้ง โดยเริ่มจากเส้นแรกก่อนจะค่อย ๆ ผลักไปด้านหน้าหลูมู่หยานรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พลังของซีซุยเคลื่อนตัวไป ตอนนี้ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวดหน้าผากสวย และจมูกได้รูปชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเริ่มขาวซีด หลูมู่หยานกัดริมฝีปากเพื่อข่มเสียงเอาไว้ และยังคงเพ่งพลังจิตเพื่อควบคุมยาให้ไปถ
เมื่อหลูมู่หยานเห็นว่าสมาชิกในตระกูลของนางมีแต่รอยยิ้ม นั่นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกดี และอบอุ่นหัวใจชีวิตของหลูมู่หยานถูกส่งไปฝึกฝนที่สำนักตั้งแต่มีอายุเพียงแค่สามปี ทันทีที่กลับมานางก็พบว่าครอบครัวของนาง ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ ท่านแม่ หรือแม้แต่ท่านพี่กลับเสียชีวิตแล้วตอนนี้ หลูมู่หยานหันไปหาคนในตระกูล ก่อนจะเอ่ยถามว่า “พวกท่านไม่สังเกตหรือ ว่าระดับการบ่มเพาะของข้าพัฒนาขึ้นแล้ว?”“ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่” หลูซานเทียนพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาสนใจแค่ว่าหลานสาวของเขาจะกลับมาจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีอย่างปลอดภัย และไม่ได้สนใจเรื่องการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย“ช่างเป็นสุดยอดนักดาบรุ่นเยาวร์จริง ๆ” หลูหม่าอวี้เอ่ย“เจ้าสะกัดยาซีซุยแล้วหรือ?” ดวงตาของหลูมู่ไป๋ฉายแววความตื่นเต้น ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจว่า “หยานเอ๋อร์ ร่างกายของเจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง?”“อืม ข้าฝึกมาแล้ว” หลูมู่หยานยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า “ข้ายังได้ผลไม้แห่งเพลิงมาอีกสองสามผล เด
หลังจากกลับมายังห้อง หลูมู่หยานจัดการนำหญ้าวิญญาณ และผลไม้แห่งเพลิงออกมาจากแหวนจักรวาล และวางลงอย่างระมัดระวังนางใช้ผลไม้แห่งเพลิงเพียงแค่ลูกเดียวจากการสะกัดไปก่อนหน้า และยังเหลือที่เย่ชิงหานทิ้งไว้ให้อีกสิบเอ็ดผลปริมาณของมันมากเกินพอสำหรับการทำยาซีซุย สำหรับท่านปู่และคนอื่น ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ ทำให้ทุกครั้งแค่เปิดเตาหลอม ยาชำระไขกระดูกชั้นยอดสามถึงสี่เม็ดจะถูกสะกัดออกมา และมันจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใดหลูมู่หยานใส่หญ้าวิญญาณลงไปในหม้อต้มยา ผลไม้แห่งเพลิงไม่เหมาะที่จะเก็บรักษาเอาไว้ เพราะยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่ คุณสมบัติทางยาของมันก็จะลดและสูญหายไปตอนนี้ร่างกายของจูไมได้รับการรักษาแล้ว และด้วยพลังทางจิตวิญญาณของนางสามารถช่วยแก้ปัญหาระหว่างเล่นแร่แปรธาตุได้หลูมู่หยานโยนหญ้าวิญญาณ และผลไม้แห่งเพลิงลงในหม้อต้มยาเข้าด้วยกัน พร้อมกับควบคุมเปลวไฟอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มสะกัดยาช้า ๆผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ห้องของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยเศษฟางของดันเซียงกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นของวันร
เมื่อหลูมู่หยานปรากฏตัวที่ห้องอาหาร ทั้งฉีอี้ซวนและหยุนจินต่างก็จ้องมองมาที่นาง ตอนนี้หลูมู่หยานเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ในอดีตหลูมู่หยานมักจะชอบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม และมักจะประโคมเครื่องสำอางหนัก ๆ ลงบนใบหน้า และทุกครั้งที่เจอฉีอี้ซวนก็จะเห็นหลูมู่หยานเป็นเรื่องปกติแม้ว่าก่อนหน้านางจะเป็นคนที่สวยอยู่แล้วก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับชุดสีม่วงที่ดูหรูหรารัดกุม กับใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมจนฉูดฉาด กับความฉลาดที่แสดงให้เห็นระหว่างคิ้ว หลูมู่หยานนิสัยเปลี่ยนไปมาก หากใบหน้าไม่เหมือนกันจนแยกไม่ได้ เกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิดว่ามีหลูมู่หยานสองคน“มู่หยานทะลวงเข้าสู่ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่?” หยุนหลันจงใจตรวจสอบแกนระดับพลังยุทธ์ทันที เมื่อหลูมู่หยานเดินเข้ามา นางสามารถเข้าสู่ระดับปรมจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลที่ได้รับรู้มาเป็นความจริง และร่างกายของนางที่ด้อยค่าก็ถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นซากแล้วดวงตาของหลูมู่หยานไม่ได้แสดงอะไรออกมามากนัก นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างถ่อมตน “ก็แค่เรื่องบังเอิญ&
“ท่านพี่ใหญ่และท่านพี่รองมีเรื่องต้องทำ เลยไม่ได้ไป”พวกเขาไม่สามารถเป็นผู้เข้าร่วมการประมูลได้สำหรับการดูดซับคุณสมบัติทางยาซีซุยทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณสิบวัน ซึ่งพรสวรรค์และความอดทนจะเป็นตัวกำหนดการออกของฤทธิ์ยาในการขยายตัวของเส้นลมปราณหลูมู่หยานสามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นั่นก็เป็นเพราะประสบการณ์ที่โชกโชนของนางเมื่อชีวิตที่ผ่านมา และพรสวรรค์ของร่างนี้แม้ว่าร่างกายของนางจะเป็นร่างที่ไร้ซึ่งทางตัน ทว่าพรสวรรค์ของนางนั้นกลับยอดเยี่ยม หลูมู่หยานนั้นแข็งแกร่งกว่าความเป็นอัจริยะในชาติที่แล้วมากแน่นอนว่า หากไม่มีเม็ดยาล้างไขกระดูกนางอาจจะกลายเป็นขยะไร้ค่าไปชั่วชีวิต แต่ตอนนี้นางได้เปลี่ยนร่างกายของนางแล้ว นางได้ดูดซับพลังจากโลกและสวรรค์ได้สองถึงสามเท่า นับเป็นสองถึงสามเท่าของนักดาบธรรมดาหยุนหลันขมวดคิ้ว พร้อมกับคิดในใจถึงเหตุที่ทำให้พี่ชายของหลูมู่หยานทั้งสองคนไม่ได้เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะถามหลูมู่หยานถึงสิ่งที่เขาสงสัยในที่สาธารณะ เขายิ้มและเอ่
หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไปเหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” “ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ” “ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ใบหน้
ทันใดนั้นก็มีพลังที่นุ่มนวลจำนวนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มไปด้วยก้อนกรวดที่ถูกรัศมีดาบของชายชราในชุดดำบดขยี้ ก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งทีละชิ้น แค่เพียงครู่เดียวรอยแตกที่พื้นบลูสโตนใต้ดินก็เริ่มสมาน และกลับคืนสู่สภาพเดิม“แม่นาง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณต่อเทพอีกแล้ว” เสียงของบุรุษที่ฟังแล้วเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่ดังแว่วผ่านโสตประสาทของหลูมู่หยานราวกับสายลม ความเฉยเมยระหว่างคิ้วและดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วมือนั้นเป็นฝ่ามือของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์ … หมิงซิ่ว! เมื่อมองไปยังฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นคลื่นของการทำสมาธิ และความรู้สึกไว้วางใจก็เกิดขึ้นในใจของนางอย่างอธิบายไม่ได้ หลูมู่หยานหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้กล้าหาญรูปร่างสูงโปร่ง และสวมหน้ากากสีเงินที่กำลังเดินเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ชุดสีแดงของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม และพลังที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของเขาก็เผยให้เห็นโดยธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันของเขา เหมือนกับหิ่งห้อยที่ไม่สามารถเทียบกับเฮาเยว่ได้
ชายชราชุดดำก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยกฮั่วหยุนเตียวจากพื้นด้วยมือของเขา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขายังคงท่องคาถายอมจำนนอสูรร้ายอย่างเงียบ ๆ ในปากและหลังจากท่องเสร็จเขาก็ใช้ดาบลมของหยุนลี่กรีดไปที่นิ้วชี้ และหยดเลือดสีแดงลงที่ขนของเสี่ยวซูหลูมู่หยานคลี่ยิ้มเบา ๆ กอดอก พร้อมกับมองไปที่ชายชราที่กำลังทำการแสดงด้วยท่าทีเย้ยหยันชายชราผู้นี้ยังคงต้องการที่จะปราบอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อเสียจริงหลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พบว่าเลือดที่เขาหยดไปนั้น ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณได้ เขาตกใจ และสายตาของเขาก็เริ่มนิ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องรางสีแดงออกมาจากแหวนจักรวาล โดยที่ปากยังคงพึมพำท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ และแตะเครื่องรางสีแดงด้วยมือของเขา ก่อนที่มันจะตกใส่ร่างของอสูรร้ายจากนั้นชายชราก็ได้สร้างผนึกที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นในอากาศ พร้อมกับบังคับให้เข้าสู่ก้องสำนึกของสัตว์ร้าย จากนั้นก็ได้หยดเลือดลงบนหน้าผากของมันอีกสองสามหยด ดวงตาของมันประกายแสงราวกับมีดาวนับล้าน และนี่คือสัญญาณนักฆ่าในฐานะปรมจารย์อสูรวิญญาณ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถจั
หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้าแม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ “ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไรหวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อยหลูมู่ห
ราคาของการประมูลของซีซุยตันทำให้คนที่อยู่ในห้องประมูลส่วนตัวหมายเลขเก้าต้องตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาจับจ้องไปทางหลูมู่หยานแทบจะเป็นสายตาเดียว เพราะตอนนี้นางจะกลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวย ต่อให้พวกเขากลับบ้านไปได้ช่วงหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาเหรียญทองคำจำนวนมหาศาลนี้ได้หยุนจินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจะทำกำไรถึงสามร้อยล้านเหรียญทองเลยนะ” เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของหยุนจิน หยุนหลัวก็อดมองว่าเขางี่เง่าไม่ได้ เขาอิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องเขาผู้นี้ได้ยามูลค่าสามร้อยล้านเหรียญไปครอบครอง เสี่ยวเซียงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนจินด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะเขาเองก็อยากจะได้ยาเม็ดไขกระดูกเหมือนกันหลังจากการประมูลซีซุยตันในวันนี้ จะสร้างความตื่นเต้นให้อาณาจักรแห่งอัคคี และประเทศอื่น ๆ ในทวีปวิญญาณสวรรค์ เพราะการจะได้มาซึ่งยาเม็ดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากดวงตาของกู่ยันรันเต็มไปด้วยเจตนาปองร้ายและอาฆาตแค้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงเปลี่ยนไปได้เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงสามเดือน และนางก็ดีกว่าหลูมู่หยานทุกเรื่อง เว้นพื้นฐานครอบครัว แต่ทำไมนางถึงไม่ได้รับยาซีซุยนั่นนางเกลียด เกลียดหลูมู่หยานขณะ
หลังจากนั้นก็ยังคงมีการประมูลรายการสินค้าอีกหลายอย่างจากหอการค้าหมิงเหมิง ซึ่งซีซุยตันยังไม่ได้เข้าร่วมประมูลโดยตรงหลูมู่หยานยังได้เก็บภาพดอกไม้ลิงสีม่วงที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งจีตัน รวมไปถึงการฝึกฝนอื่น ๆ ทั้งเครื่องมือจิตวิญญาณ ชุดเกราะวิญญาณ แต่นางไม่ได้ต้องการ เพราะรวม ๆ แล้วนางเองได้ประโยชน์มากมายจากการประมูลในครั้งนี้ ณ ห้องประมูลส่วนตัว แขกที่เข้าร่วมการประชุมมักจะเก็บภาพรายการประมูลที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะที่เม็ดยาซีซุยไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของมันที่ไม่ได้ดึงดูดอะไรหลังจากที่รายการสินค้าทั้งหมดถูกประมูลแล้ว หนี่จุนก็ได้คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “การประมูลต่อไปคือรายการสุดท้ายที่ค่อนข้างหนักเป็นพิเศษของหอการค้าหมิงเหมิง และเราก็เพิ่งได้รับเกียรติจากเหล่าเย่ ผู้รับผิดชอบการประมูลโจวกั๋วขึ้นมาเป็นประธาน” เมื่อจบคำพูดของหนี่จุน ผู้เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพากันส่งเสียงวุ่นวายรายการประมูลใดกันที่จะสามารถรบกวนเหล่าเย่ได้ เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สะกัดระดับกลางอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่เข
ทั้งสองคนเป็นสมาชิกราชวงศ์ และพื้นฐานครอบครัวท่านแม่ของหยุนจินก็แข็งแกร่งมาก หากหลูมู่หยานให้ยาซีซุยแก่พวกเขา และบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงของราชวงศ์ก็จะไม่ทำให้นางอับอายอย่างแน่นอน“เอาเถิด ท่านป้าก็รักข้าเหมือนลูกตัวเองมาตั้งข้ายังเด็ก เราเป็นญาติกันแค่ยาเม็ดเดียวอย่าให้มันรบกวนเลย” หลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยหยุนหลันแสดงความขอบคุณต่อลูกพี่ลูกน้องผ่านทางใบหน้า เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลูมู่หยาน ลูกพี่ลูกน้องที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับกลายเป็นคนที่ใจกว้างและกล้าเช่นนี้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ของเขาเห็นเป็นแน่“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้ายินดี ยาซีซุยตันนี้สำคัญมากสำหรับข้า และข้าจะเขียนความรู้สึกนี้ลงไปในวงแหวน หากมู่หยานมีอะไรให้ข้าช่วยในอนาคต บอกข้าได้” หยุนหลันสัญญาด้วยรอยยิ้ม “ตกลง” หลูมู่หยานตอบกลับ“หลูมู่หยาน หยุนหลันเป็นญาติของเจ้า มันก็ชัดเจนที่เจ้าจะให้เขา แต่ทำไมเจ้าถึงให้มันแก่ข้า?” หยุนจินไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงต้องการให้ยาเม็ดนี้กับเขา เป็นเพราะเขาให้เหรียญสนับสนุนนางงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้“ครั้งที่แล้วที่ข้าได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ นั่น ก
จากการยืนยันของเหล่าเย่ สายตาของผู้คนในห้องที่มองหลูมู่หยานก็เปลี่ยนไป แม้แต่คนที่ติดตามเหล่าเย่ก็มองมาที่ขวดยาสีขาวอย่างไม่วางตาเหล่าเย่ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่หลูมู่หยานด้วยรอยยิ้ม และถามว่า “แม่นางหลู เจ้ากำลังกำหนดราคาสำหรับซีซุยตันหรือไม่?” “ข้าไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ข้าเชื่อว่าหอการค้าหมิงเหมิงจะช่วยให้ข้าขายได้ในราคาดี ฉะนั้นโปรดให้ท่านเหล่าเย่เรียกราคาเริ่มต้น” หลูมู่หยานแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อหอการค้าหมิงเหมิง เหล่าเย่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “ในกรณีนี้ ชายชราจะได้ตั้งราคาให้กับแม่นาง” “ปัญหาของเหล่าเย่คือเริ่มอายุมากขึ้น” หลูมู่หยานตอบกลับอย่างสุภาพ เหล่าเย่ยิ้มและพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “แม่นางหลู เจ้ายังมียาไขกระดูกนี้อีกหรือไม่?” เดิมทีเหล่าเย่เพียงแค่ต้องการถามถึงที่มาของซีซุยตัน ว่าหลูมู่หยานได้มาจากที่ใด ไม่ว่าเขาจะรู้จะจักนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงต่อต้าน เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนมากมักมีนิสัยแปลก ๆ และไม่ชอบให้ผู้อื่นถาม ฉะนั้นเขาจึงอยากที่จะผูกมิตรกับหลูมู่หยานให้ดีเสียก่อน คนอื่น ๆ ก็เริ่มมองมาที่หลูมู่หยาน
บนห้องแห่งความลับชั้นสามของหอการค้าหมิงเหมิง มีบุรุษชุดแดงสวมหน้ากากสีเงินนั่งอยู่อย่างเกียจคร้าน และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยรายงานสถาณการณ์ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุรุษชุดแดงหยักหน้าให้หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปเปิดประตู “ผู้พิทักษ์หลาน” เจ้าของร้านหลู่ตะโกนออกมาด้วยความเคารพ และสตรีผู้นั้นก็เหลือบมองมาที่เขาขณะที่ยังยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นั้น“องค์รัชทายาท!” เจ้าของร้านหลู่เดินเข้าไปที่ห้องลับ และก็พบว่าไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ แต่ยังมีองค์รัชทายาทอยู่ในห้องด้วย เจ้าของร้านหลู่จึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ “อะไรจะเร่งด่วนปานนั้น” หมิงซิ่วเอ่ยอยากเฉื่อยชา“เมื่อครู่นี้แขกผู้มีเกียรติห้องประมูลส่วนตัวที่เก้า หยิบยาออกมาเพื่อให้ทางหอการค้าของเราทำการประมูล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราไม่เคยเห็นยาเม็ดนี้มาก่อน พวกเขาเลยตัดสินไปก่อนว่าเป็นเพียงยาระดับสองเท่านั้น” เจ้าของร้านหลู่นำขวดยาสีขาวออกมา “แขกผู้มีเกียรติผู้นั้นบอกว่ายาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน แม้ว่ายาจะอยู่ในระดับที่สอง แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น้อยกว่าระดับที่สาม”