Share

บทที่ 9

last update Last Updated: 2025-04-05 10:57:41

“คุณชายหลินกลับไปแล้วหรือเจ้าคะ” สี่เสวี่ยที่เห็นซูเจินจูเดินเข้าเรือนมาก็รีบออกมาหาทันที

“กลับไปแล้ว สี่เสวี่ยเจ้าไปเอาเงินข้าออกมานับเร็ว ดูสิว่าข้าเหลือเงินเท่าไหร่”

“นับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูซื้อที่ดินสองร้อยตำลึง ให้ลุงหวังสิบตำลึง มัดจำค่าปลูกบ้านสามร้อยตำลึง ค่ารถม้าสามร้อยอีแปะ ซาลาเปายี่สิบลูกแปดสิบอีแปะ ขนมร้านเสี่ยวซือกวงสองตำลึง บะหมี่ของคุณหนูสองชามของบ่าวหนึ่งชาม สิบห้าอีแปะ คุณหนูจะเหลือเงิน สามร้อยเก้าสิบห้าตำลึงกับหกร้อยสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ บ่าวแบ่งเงินที่ต้องจ่ายช่างเฉินออกมาอีก สองร้อยเจ็ดสิบห้าตำลึง คุณหนูจะเหลือเงินหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงกับหกร้อยสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ”

“สี่เสวี่ย ต่อไปข้าคงต้องพึ่งพาฝีมือวาดรูปของเจ้า ให้เลี้ยงดูข้าเสียแล้ว” นางฟังที่สี่เสวี่ยเจื้อยแจ้วจัดการบัญชีให้นางดูเหมือนผู้จัดการตัวน้อย ทุกครั้งที่เงินในหีบนี้ลดลง สีหน้าของสี่เสวี่ยดูเจ็บปวดมากกว่านางที่เป็นเจ้าของเงินเสียอีก

“หากคุณหนูกินขนมร้านเสี่ยวซือกวงทุกวัน บ่าวเลี้ยงคุณหนูไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ” สี่เสวี่ยหัวเราะคิกคัก คุณหนูซื้อขนมร้านเสี่ยวซือกวงกินทุกวัน นางก็พลอยได้กินไปด้วย แต่ตอนนี้นางกินจนเบื่อแล้วจริงๆ หากไปเล่าให้ใครฟังว่านางกินขนมกล่องละสองตำลึงจนเบื่อ คนอื่นต้องหาว่านางเพ้อเจ้อแน่ๆ

ฝั่งซูหนี่ย์ เมื่อเห็นว่าหลินเฮงฉวนรีบร้อนออกไปโดยไม่ทันได้บอกลานาง นางก็คิดว่าซูเจินจูต้องทำให้เขาไม่พอใจอย่างแน่นอน ด้วยรู้ว่าหลินเฮงฮวนจะต้องไปสอบก่งเซิน นางจึงเลิกสนใจซูเจินจู และใช้เวลาปักผ้าเช็ดหน้าอย่างปราณีตให้เขาแทน

ช่วงเวลาดีๆมันผ่านไปไว ครบสิบห้าวันที่ซูเจินจูต้องเข้าไปดูความคืบหน้าบ้านของนาง สิ่งที่ทำให้นางหงุดหงิดที่สุดในเช้าวันนี้คือนางลืมเตรียมเบาะรองนั่งออกมาด้วย

“คุณหนูอย่าหงุดหงิดไปเลยเจ้าค่ะ คราวหลังหากคุณหนูอยากได้อะไรก็บอกบ่าวเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูจะได้ไม่ลืมอีก”

“ไอหย๋า คนลืมก็คือลืมสิ หากจำได้ว่าต้องบอกเจ้า ข้าก็ถือเบาะมาเองเสียดีไหมเล่า”

“จริงด้วยเจ้าค่ะ งั้นคราวหน้าบ่าวจะเตรียมเบาะไว้ให้นะเจ้าคะ” ยิ่งนานวัน สี่เสวี่ยยิ่งรักคุณหนูมากขึ้น คุณหนูที่เหมือนจะเฉยชากับทุกๆอย่างกลับชอบหยอกล้อนางเล่น คุณหนูต้องรักนางมากแน่ๆ

ซูเจินจูสั่งรถม้าให้ขับไปยังบ้านติดเชิงเขาของนาง การก่อสร้างเต็มไปด้วยความรวดเร็วและเรียบร้อย ตอนนี้กำแพงกับลานบ้านเสร็จแล้ว เหลือเพียงตัวบ้านของนางเท่านั้น  ซูเจินจูจึงขอให้หัวหน้าหมู่บ้านจ้างคนมากรุยดินด้านหลังลานหิน นางตั้งใจจะซื้อดอกไม้ที่ใช้สำหรับย้อมสีผ้ามาปลูก ที่ดินหลังลานหินเหลืออยู่สามสิบหมู่ นางไม่รู้ว่าจะหาดอกไม้มาได้มากแค่ไหน นางจึงสั่งกรุยดินทั้งหมด นางให้ค่าแรงวันละหกสิบอีแปะเท่าค่าแรงในตำบล หัวหน้าหมู่บ้านจึงให้ผู้ชายในหมู่บ้านจำนวนยี่สิบคนมาทำงานนี้ คาดว่าจะเสร็จพร้อมกับตัวบ้านพอดี เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีซูเจินจูขอตัวออกจากหมู่บ้านมา วันนี้ซูเจินจูตั้งใจพาสี่เสวี่ยไปชมดอกไม้ที่หมู่บ้านจั๋วมู่

หมู่บ้านจั๋วมู่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีกลิ่นหอมที่สุด พื้นที่ตีนเขาของที่นี่มีสวนดอกเหมย กลิ่นของดอกเหมยที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น แม้กระทั่งดอกเหมยร่วงหล่นจนหมดต้นก็ยังได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจนยากจะห้ามใจ หัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่จึงสร้างรั้วล้อมสวนดอกเหมยกันผู้คนเข้ามาขโมย

เมื่อเข้าไปใกล้สวนดอกเหมย ก็จะเห็นเพิงน้ำชาเล็กๆ เพิงขายของป่า ผักป่า และยังขายกลีบดอกเหมยอีกด้วย

สี่เสวี่ยทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ นางได้ยินอิงเถากับอิงชุ่ยพูดถึงสวนดอกไม้หมู่บ้านจั๋วมู่มานานแล้ว วันนี้ได้มาเห็นเองกับตา สูดดมกลิ่นหอมนี้ด้วยตนเอง ต่อให้ตายก็ตายตาหลับ

ซูเจินจูสูดกลิ่นหอมแล้วยิ้มกับตนเอง หากเป็นเล่าปี่คงต้องพูดว่า ข้าได้ขงเบ้ง ดุจน้ำได้ปลาจริงๆ กลิ่นพวกนี้ไม่ใช่กลิ่นดอกเหมย แต่เป็นกลิ่นของดอกตันกุ้ย หนึ่งในสามสายพันธ์ของดอกหอมหมื่นลี้ กลิ่นอยู่ใกล้ๆแต่กลับไม่เห็นต้น เห็นที่ว่าต้นตันกุ้ยคงอยู่บนภูเขาเป็นแน่

 ซูเจินจูทิ้งให้สี่เสวี่ยเดินชมดอกเหมย สี่เสวี่ยเองก็กังวลใจแต่ก็ไม่กล้าขึ้นเขามาเป็นภาระของคุณหนูได้แต่บอกให้คุณหนูอย่าเข้าไปลึกจนเกินไป หากคุณหนูออกมาช้า นางจะไปตามคนมาช่วย

ซูเจินจูอ้อมสวนดอกเหมยขึ้นไปบนภูเขา สภาพโดยรอบเป็นป่าเป็นเขาที่ค่อนข้างซับซ้อน ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็แทบจะไม่มีทางให้เดินเท่านั้น อาจเป็นเพราะพื้นที่ตรงนี้เชื่อมต่อกับสวนดอกเหมย ผู้คนพลุกพล่าน สัตว์ป่าจึงไม่ลงมาหาอาหารมากนัก นานไปคนก็เลิกมาจับสัตว์แถวนี้ ทำให้พื้นที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ ซูเจินจูใช้เวลาเดินตามกลิ่นเข้าไปสองเค่อก็ได้เจอกับต้นตันกุ้ย นอกจากนี้ยังมีจินกุ้ยและอิ๋นกุ้ยอีกด้วย ตันกุ้ย หรือกุ้ยฮวาสีแดงมีกลิ่นหอมขจรขจายไปไกลที่สุดในบรรดากุ้ยฮวาทั้ง 3 จิ้นกุ้ยหรือกุ้ยฮวาสีทอง มีดอกใหญ่สีเหลือง กลิ่นหอมแรง อิ๋นกุ้ยหรือกุ้ยฮวาสีเงินสีดอกสีขาวมีดอกเล็กและกลิ่นหอมอ่อนๆ

กุ้ยฮวาทั้งสามคือสายพันธ์ของดอกหอมหมื่นลี้ เมื่อจดจำทางได้แล้วซูเจินจูก็ลงจากเขามาสมทบกับสี่เสวี่ยที่สวนดอกเหมย

“เจอของที่คุณหนูต้องการหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อสี่เสวี่ยเห็นคุณหนูกลับมาอย่างปลอดภัยนางถึงกับถอยใจอย่างโล่งอก

“เจอ มีเยอะกว่าที่คิดเสียอีก ครั้งหน้าคงต้องรบกวนลุงหวังให้ออกหน้าคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่เสียหน่อยแล้ว”

มาจั๋วมู่รอบนี้ซูเจินจูได้กำไรอย่างคาดไม่ถึง ตอนแรกนางยังคิดว่าการวาดลายผ้าคงทำให้นางพอกินพอใช้หากต้องหนีออกจากตระกูล แต่ถ้าได้ดอกหอมหมื่นลี้ไปคั้นสีใช้วาดลงบนผ้า ผ้าของนางก็คงทำให้นางเป็นเศรษฐีได้เลยทีเดียว

เย็นวันนั้นเมื่อซุเจินจูกลับถึงบ้านในอำเภอเหอ ก็พบว่าบ้านต็มไปด้วยเสียงโวยวายของฮูหยิน ในหนึ่งเดือนนายท่านซูจะออกไปทำการค้าอย่างน้อยยี่สิบวัน ทั้งเดินทางไปยังอำเภอกุ้ยที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อซื้อผ้าไหมชั้นดี เข้าเมืองหลวงเพื่อซื้อผ้าไหมหยกของคุณหนูจิวอิง ส่งเสื้อคลุมขนสัตว์ไปยังร้านค้าในเมืองชั้นใน พูดคุยสังสรรค์กับเหล่าเถ้าแก่ร้านต่างๆ ไม่มีครั้งไหนที่นายท่านซูกลับบ้านแล้วฮูหยินซูจะทำให้ไม่สบายใจ ยกเว้นครั้งนี้ ที่นายท่านซูพาอนุภรรยาพร้อมลูกชายวัยสองขวบกลับมาด้วย

แต่เดิมนายท่านซูเลี้ยงดูอนุภรรยาไว้ที่อำเภออู๋ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่ขณะนี้แคว้นจิ้นได้ยกทัพเข้าตีแคว้นหนานจากทางใต้ ทำให้นายท่านซูเกรงว่าอำเภออู๋จะได้รับผลกระทบไปด้วย จึงย้ายเมียรักเข้ามาที่บ้านใหญ่ทางฝั่งตะวันออกแทน

แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับซูเจินจู นางจึงเดินเลี่ยงกลับไปยังเรือนของตนอย่างเงียบๆ คนในบ้านจะมากขึ้นหรือน้อยลงล้วนไม่เกี่ยวกับนางที่พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับทุกคนอยู่แล้ว

หลังจากนั้นทุกวัน ฮูหยินรองมี่ซิ่นจะต้องเข้ามาร้องไห้กับซูเจินจูเสมอ เรื่องที่นางยอมไม่ได้ที่สุดคืออนุภรรยาคนใหม่ที่ชื่อลั่วเยียนได้เงินเดือนโดยตรงจากนายท่านซูถึงยี่สิบตำลึง แต่นางก็ไม่กล้าพอที่จะไปเรียกร้องขอเงินเพิ่มจากฮูหยินใหญ่

ฮูหยินใหญ่เหมยหลินกร่นด่าลั่วเยียนทุกครั้งเมื่ออยู่ลับหลังนายท่านซู แต่นางไม่กล้าโวยวายใหญ่โต หรือไล่ลั่วเยียนออกจากบ้านอีกแล้ว เพราะนายท่านซูขู่ว่าจะหย่านาง สมบัติของนางทั้งหมดตอนนี้กลายเป็นของตระกูลซู หากนางถูกหย่านางจะไม่เหลืออะไรเลย

หลังจากที่นายท่านซูนำลั่วเยี่ยนและบุตรชาย ซูหนานซีกลับมา สั่งให้ฮูหยินใหญ่จัดเรือน ซื้อบ่าวไพร่ให้ใหม่สองคนก็ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง

หลังจากที่นายท่านซูจากไป ลั่นเยียนก็เก็บเนื้อเก็บตัว

เพราะเป็นเพียงตระกูลพ่อค้า กฎ ระเบียบ การคารวะต่างๆจึงไม่มีเหมือนจวนขุนนาง ลั่วเยี่ยนไม่ได้พบปะฮูหยินใหญ่มากนัก จึงลดความรุนแรงภายในบ้านลงไปได้มาก

ซูหนี่ย์ ปักผ้าเช็ดหน้าเสร็จแล้ว เป็นลายดอกกล้วยไม้สีเหลืองตัดกับก้านสีเขียวอ่อนฝีเข็มละเอียดลออ ที่มุมผ้าข้างนึงปักอักษร หนี่ย์ด้วยสีขาว ตอนนี้นางกำลังปักรองเท้าให้หลินเฮงฉวน นางไม่แน่ใจว่านางจะทำเสร็จทันหรือไม่ หากทำรองเท้าไม่ทัน แค่เพียงผ้าเช็ดหน้าก็พอที่จะสื่อความในใจของนางออกไปได้แล้ว

ซูเม่ย กับเหลียนฮัวสาวใช้คนสนิทออกจากบ้านทุกวัน แต่ฮูหยินซูไม่มีเวลาว่างพอที่จะมาสนใจนาง จึงไม่ได้ถามว่านางไปที่ใด เพียงแค่นางกลับมาตรงเวลาก็พอแล้ว

ซูเหวินอยู่ที่สถานศึกษา ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ตนมีน้องชายคนใหม่แล้ว

ซูเจินจู กินขนมกล่องละสองตำลึงของร้านเสี่ยวซือกวงทุกวันอย่างมีความสุข

เมื่อครบกำหนดสิบห้าวัน ซูเจินจูและสี่เสวี่ยก็ได้เช่ารถม้าออกจากเมือง บ้านของนางเสร็จแล้ว เหล่าคนงานต่างยืนรอนางอย่างใจจดใจจ่อ ยามที่เห็นว่าเจ้าของบ้านเป็นเพียงเด็กหญิง พวกเขาต่างกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินค่าแรง

หลังจากซูเจินจูตรวจดูความเรียบร้อยทั้งหมดจนพอใจแล้ว จึงจ่ายเงินสองร้อยเจ็ดสิบห้าตำลึงให้ช่างเฉิน

ค่าแรงคนที่หัวหน้าหมู่บ้านพามาคือวันละหกสิบอีแปะ ทำงานสิบห้าวัน ได้เก้าร้อยอีแปะ ซูเจินจูจึงจ่ายให้คนละหนึ่งตำลึงทั้งยี่สิบคน ทุกคนที่มาทำงานรู้สึกดีกับซูเจินจูเป็นอย่างมาก เงินที่เพิ่มมาอีกหนึ่งร้อยอีแปะเพียงพอให้ครอบครัวของพวกเขาอิ่มได้หลายวัน

ซูเจินจูขอให้หัวหน้าหมูบ้านหาคนมาทำโต๊ะให้นาง นางต้องการโต๊ะยาว ต้องยาวและกว้างเพียงพอที่จะวางผ้าลงไปหนึ่งพับได้อย่างพอดี แต่นางต้องการเพียงขอบโต๊ะเท่านั้น คนงานที่ได้รับเงินหนึ่งตำลึงไปก่อนหน้านี้ อาสาทำงานให้นางโดยไม่คิดเงิน ละยังทำให้นางถึงห้าตัว ด้วยแรงคนยี่สิบคน เพียงครึ่งวันโต๊ะที่นางต้องการก็วางเรียงอยู่ที่ลานหินอย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งยังใช้ไม้ที่เหลือทำเก้าอี้ไว้ให้นางสามตัวอีกด้วย

“คุณหนูต้องหยุดกินขนมสักพักนะเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูเหลือเงินแค่เจ็ดสิบตำลึงเท่านั้น” สี่เสวี่ยทั้งตกใจทั้งเศร้าใจกับการผลาญเงินของคุณหนูเหลือเกิน คุณหนูใช้เงินอย่างประหยัดมาหกปี พอมาเจอเรื่องของคุณชายหลิน คุณหนูกลับใช้เงินจนหมดภายในระยะเวลาเพียงหกเดือน

“เหลือน้อยเพียงนั้น เพ้ย แล้วข้าจะซื้อเครื่องเรือนอย่างไรเล่า เงินทองพวกนี้หมดง่ายจริงเชียว” ได้เกิดใหม่ทั้งที น่าจะให้นางพกสมบัติเก่าของนางมาด้วยสิ ไหนเลยต้องให้นางมาทำงานหาเงินเช่นนี้ แล้วเงินที่นางมีเมื่อชาติที่แล้วตั้งหลายร้อยล้านหยวนไม่เท่ากับเสียเปล่าหรอกหรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ

ซูเจินซูที่ดูบ้านจนพอใจแล้วก็เดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อให้ช่วยออกหน้าซื้อต้นไม้จากหมู่บ้านจั๋วมู่ เดิมทีต้นไม้ในป่าก็เป็นของที่ใครต้องการก็ไปเอามาได้ แต่ซูเจินจูต้องการต้นไม้ที่สูงสองถึงสามเมตรและยังต้องการต้นที่สมบูรณ์พร้อมราก นางจึงพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อให้คนในหมู่บ้านนำมาปลูกให้นาง

เมื่อบอกความต้องการของตนแก่หัวหน้าหมู่บ้านหวังแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่ทำให้ซูเจินจูผิดหวัง หัวหน้าหมู่บ้านพาซูเจินจูและสี่เสวี่ยขึ้นรถม้าตรงไปพบหัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่ทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 10

    เมื่อไปถึงหมู่บ้านจั๋วมู่ ซูเจินจูพาหัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่กับชาวบ้านอีกสามคนขึ้นไปดูต้นไม้ที่นางต้องการ“กลิ่นดอกไม้ที่เราได้กลิ่นกันมาจากต้นไม้พวกนี้หรือ” หลังจากที่มาถึงที่ กลิ่นหอมอบอวนทำให้ชาวบ้านแปลกใจ ใจนึงก็คิดว่าหากเป็นกลิ่นดอกไม้พวกนี้แล้วนางขุดไป ต่อไปจะไม่มีคนมาชมดอกไม้ที่หมู่บ้านอีกเป็นแน่“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะท่านลุง กลิ่นพวกนี้เป็นกลิ่นจากดอกเหมยด้านล่างรวมกับกลิ่นความชื้นของป่าที่สมบูรณ์แห่งนี้เจ้าค่ะ แต่หากว่ามีคนขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ ต้นไม้และเถาวัลย์ถูกเหยียบย่ำก็จะทำให้กลิ่นของดอกเหมยลอยออกไป ไม่ติดค้างอยู่ที่ที่เจ้าค่ะ ท่านลุงลองดมกลิ่นหญ้าพวกนี้สิเจ้าคะ หญ้าพวกนี้ก็มีกลิ่นเช่นเดียวกัน” ซุเจินจูไม่สามารถพูดความจริง หากนางบอกความจริงคนพวกนี้ไม่มีทางให้นางขุดต้นไม้พวกนี้แน่ นางทำได้พียงหาข้ออ้างที่แม้แต่นางก็ยังรู้สึกไม่น่าเชื่อ ก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า หวังว่าท่านลุงทั้งหลายจะเชื่อข้านะเจ้าคะ“เป็นอย่างที่เจ้าว่า เห็นทีว่าไม่ว่าอะไรที่อยู่ตรงนี้

    Last Updated : 2025-04-06
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 11

    ซูเจินจูที่คุยกับฮูหยินรองจนหมดแรงเดินกลับมาที่เรือนก็เห็นว่าสี่เสวี่ยเตรียมข้าวของไว้เรียบร้อยแล้ว และยังไม่ลืมที่จะเตรียมเบาะรองนั่งอย่างดีไว้ให้นางถึงสี่ใบ“คุณหนูของที่ต้องเตรียมจากที่เรือนนี้ บ่าวเตรียมครบแล้วเจ้าค่ะ แต่ที่บ้านของคุณหนูไม่มีทั้งเครื่องเรือนแล้วครื่องครัว คุณหนูจะอยู่ลำบากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“พรุ่งนี้ระหว่างทางก็แวะร้านค้าในตำบลเสียหน่อย ซื้อเครื่องนอนสองชุด ตะเกียงสี่ชุด เครื่องครัวก็ตามที่เจ้าเห็นสมควร ข้าวสาร ธัญพืชอีกเล็กน้อย แล้วก็แวะ

    Last Updated : 2025-04-06
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 12

    “พวกท่านให้บ่าวไปตามข้า มีอะไรหรือเจ้าคะ” ซูเจินจูเบื่อที่จะต้องเสแสร้งพูดจาสามส่วนเช่นนี้ นางอยากจะถามตั้งแต่ประโยคแรกที่มาถึงแล้วว่าเรียกนางมาทำไม นางไม่เข้าใจเหตุใดวาจาสามส่วนพูดอ้อมเจ็ดส่วนพวกนี้ถึงได้เป็นที่นิยมนัก“ข้าเพียงมาบอกเจ้าว่า พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปสอบก่งเซิ่น” เรื่องพวกนี้ต้องให้เขาเตือนด้วยหรือ นางที่จะเป็นเป็นสตรีของเขา เหตุใดจึงไม่ปักรองเท้าให้เขาเล่า ไม่ใช่ว่าเป็นที่รู้กันอยู่แล้วหรือว่ายามบุรุษไปสอบเคอจวี่ ต้องให้รองเท้าเป็นความหมายว่าให้เดินทางปลอดภัย หากการเย็บปักของนางไม่ดี อย่างน้อยเพียงผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนเพื่อเป็นความหมายว่านางรอเขากลับมาก็ควรต้องมีใช่หรือไม่ หรือนางต้องการใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับไฉตงชุน จึงได้ทำเช่นนี้“อ่อ เช่นนั้นข้าขออวยพรให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” เอ้า ก็แค่ไปสอบ จะต้องมาบอกด้วยหรือ“เจินจูเอ๋อร์ เจ้าเสียมารยามใส่คุณชายหลินอีกแล้ว ดูน้องสาวคนนี้ของหนี่ย์เอ๋อร์สิเจ้าคะ จะเข้าไปเป็นสตรีของคุณชายอยู่แล้วยังขาดการ

    Last Updated : 2025-04-07
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 13

    หลังจากขึ้นรถม้ามา สี่เสวี่ยก็อดที่จะพูดพึมพำใส่ซูเจินจูได้ไม่“เข็มเงินร้านข้างนอกชุดละหกตำลึงเท่านั้นนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้ารู้ แต่คุณภาพต่างกันมากนัก เข็มเงินของท่านอาฮุ่ยซิ่วทั้งตรง กลม และแหลมในขนาดที่สมส่วน ขนาดเข็มแต่ละเล่มก็มีความสั้นยาวสูงต่ำตามที่ข้าต้องการ หากไปซื้อร้านด้านนอก วันนึงก็ต้องกลับมาสั่งทำอยู่ดี เมื่อถึงวันนั้นต้นแบบก็ไม่มี ไม่รู้จะได้เข็มเงินที่ถูกใจเช่นนี้หรือไม่”“แต่ว่า คุณหนูใช้เงินจนจะหมดอีกแล้วนะเจ้าคะ เหลือเพียงหนึ่งร้อยสิบเอ็ดตำลึงเท่านั้น อีกทั้งกลับไปคราวนี้ยังต้องจ้างช่างเฉินมาทำสร้างห้องบ่าวไพร่ จะให้บ่าวไพร่มาอยู่ร่วมเรือนไม่ได้นะเจ้าคะ”“ข้ารู้แล้ว อย่างไรเสียช่วงนี้พวกเราก็ไม่ได้อยู่ สร้างก่อนสองห้อง สามวันก็คงเสร็จ”รถม้าพุ่งออกจากอำเภอเหอ แวะซื้อข้าวของจำเป็นที่ตำบลจางหนาน จ้างเกวียนเทียมวัวอีกหนึ่งคันเพื่อบรรทุกข้าวของ ก่อนมุ่งหน้าเข

    Last Updated : 2025-04-07
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 14

    เมื่อถึงบ้านชนบท ซูเจินจูเข้าไปทำลายผ้าทันที สี่เสวี่ยจัดการบอกกล่าวกฎระเบียบในบ้านให้ซินซียงทาสที่ซื้อมาใหม่ฟัง เมื่อเห็นว่าหลิวหยางและจางหมิ่นออกไปอยู่ที่เรือนชั้นนอกแล้ว ก็ให้ซินเซียงเข้าไปพักอยู่ห้องเดิมของทั้งสองคนก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยในบ้านและในครัวแล้วเห็นว่าข้าวและธัชพืชเหลือเล็กน้อย จึงให้หลิวหยางเตรียมรถม้าและพาซินเซียงไปตลาดในตำบล สี่เสวี่ยซื้อชุดเครื่องนอนใหม่และผ้าฝ้ายสำหรับตัดชุดหนึ่งพับให้ซินเซียง ข้าวสาร ธัญพืช ผักดอง เกลือ น้ำตาล เพียงพอที่จะใช้ไปถึงสองเดือน สี่เสวี่ยจ่ายเงินสามตำลึงอย่างเจ็บปวดและยัดของทุกอย่างเข้าไปในรถม้า วันนี้คุณหนูไม่ได้มาด้วย นางไม่จำเป็นต้องจ้างเกวียนเทียมวัวเพิ่มเมื่อกลับมาถึงบ้าน แต่ละคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง สี่เสวี่ยไปวาดลายผ้าที่ลานหิน ซินเซียงเก็บข้าวของและเข้าครัวทำกับข้าว หลิวหยางตรวจตราบริเวณหน้าบ้านไม่ให้คนงานเข้ามาวุ่นวายที่เรือนชั้นใน จางหมิ่นตรวจตราบริเวณหลังบ้าน ดูแลสวนดอกหอมหมื่นลี้และดูแลซูเจินจูบริเวณลานหิน

    Last Updated : 2025-04-08
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 15

    คราแรกสี่เสวี่ยไม่ต้องการให้คุณหนูเลือกทาสที่ดูน่ากลัวผู้นี้ แต่คัดค้านความต้องการของคุณหนูไม่ได้ เมื่อฟังพ่อค้าทาสแล้วก็เบาใจขึ้นหลังจากจ่ายเงินสามสิบตำลึง สี่เสวี่ยไปซื้อรังผึ้งจากร้านชำบ้านไฉและพาเยว่ชิงออกเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบททันทีซูเจินจูพาเฟยหลันมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยน ให้นางเลือกชุดผ้าฝ้ายสำเร็จรูปสองชุดก็จะตรงไปที่โรงหลอมเหล็กอู่จินจาง“เจ้าเข้าไปเลือกอาวุธสักชิ้นเถอะ”“….”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ เข้าไปเลือกเถอะ”“คุณหนู เหตุใด...” นางแปลกใจ เฉพาะแผลเป็นบนใบหน้าก็ทำให้คนทั่วทั้งแคว้นรังเกียจนาง ผู้ที่ต้องการซื้อตัวนางล้วนเป็นบุรุษวัยกำดัด หากเป็นสตรีก็สตรีที่ชื่นชอบการเหยียบย่ำผู้อื่น แต่หากรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ก็จะยิ่งทรมานนางมากขึ้น ด้วยรู้นางไม่สามารถตอบโต้ได้ ก่อนหน้านี้นางถูกคุณหนูจวนแม่ทัพผิงซื้อตัวไป

    Last Updated : 2025-04-08
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 16

    วันต่อมาซูเจินจูมาที่โถงยาเจี้ยนคังอีกครั้ง เมื่อวานนางลืมซื้อสมุนไพรแก้พิษแมงมุมและยาห้ามเลือด นางต้องการกลับเข้าไปจับแมงมุมตัวโตเต็มวัยมาลองสกัดพิษสักสองตัว ดังนั้นนางต้องปรุงยาแก้พิษพวกมันเสียก่อนโดยปกติตำรับยารักษาแผลกับห้ามเลือดจะเป็นคนละตำรับกัน แต่ซูเจินจูใช้ความรู้ดั้งเดิมปรับสูตรยาเป็นฟื้นฟูเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังลดอักเสบฆ่าเชื้อและห้ามเลือดเข้าด้วยกัน สมุนไพรสำคัญของยาตัวนี้คืออ้ายเยี่ยที่มีคุณสมบัติขับกระจายความเย็นระงับปวด อบอุ่นเส้นลมปราณเพื่อห้ามเลือด หวงฉีที่มีคุณสมบัติทำให้ชี่ไหลเวียน ระงับปวด ช่วยรักษาบาดแผลและสร้างเนื้อเยื่อ ป๋าเซีย เป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติและเป็นตัวยาเสริมของยาแก้พิษทั่วไป เมื่อสมุนไพรหลักสามตัวรวมกับสมุนไพรเสริมอีกสามสิบชนิดก็จะได้ยาใส่แผลคุณภาพดีเลยที่เดียวส่วนสมุนไพรแก้พิษนั้นกลับมีไม่ครบ ขาดส่วนประกอบสำคัญอย่างรากหญ้าขน แต่รากหญ้าขนไม่ใช่ของหายากอะไร นางสามารถเก็บได้ตามภูเขานอกเมืองหลังจากซื้อสมุนไพรที่ต้องการแล้วนางแ

    Last Updated : 2025-04-09
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 17

    “ช่วยด้วย นายหญิง ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ” สตรีผู้หนึ่งวิ่งมาที่เฟยหลัน ร้องตะโกนขอให้ช่วยอย่างสุดเสียง เมื่อนางวิ่งมาจนถึงรถม้าก็คุกเข่าลงที่หน้าเฟยหลันทันที“นายหญิงช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”เฟยหลันสังเกตว่ามีชายฉกรรจ์วิ่งตรงมาทางนี้อีกเกือบสิบคน นางไม่อยากให้คุณหนูที่อ่อนโยนอย่างซูเจินจูต้องรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าจึงชักกระบี่อ่อนออกมาขวางสตรีผู้นั้นไว้“แม่นาง เจ้านายของข้าต้องรีบเดินทาง ขอแม่นางอย่าขวางทาง”“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ หากข้าถูกจับไปข้าต้องตายแน่ๆ”“พวกเจ้า ส่งตัวนังแพศยานั่นมา ไม่ใช่นั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ” เหล่าชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามมาถึงก็ตะโกนใส่เฟยหลันทันที“พวกมันเรียกเจ้าแล้ว เจ้าไปเถอะ อย่าทำให้คุณหนูของข้าต้องแปดเปื้อน” การแกะมือของสตรีผู้นั้นออกจากร่างกายสำหรับเฟยหลันที่เป็นวรยุทธ์ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่สตรีผู้นั้นก็เห็นขบวนร

    Last Updated : 2025-04-09

Latest chapter

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   47

    “มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   46

    การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   45

    “องค์ชายหก ท่านช่างเป็นดาวนำโชคของพวกข้านัก” ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายเซียวพูดขึ้นขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปูทับด้วยเบาะรองนั่งขนกระต่าย เบาะรองนี้ซูเจินจูสั่งให้ซินเซียงทำขึ้นจากขนกระต่ายสีอื่นๆเย็บติดสวมทับเบาะด้านในที่ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายยัดใส่ด้วยนุ่นที่ซื้อไปจากตำบลอีกที ที่สี่มุมผูกด้วยพู่หลากสีที่ทำขึ้นด้วยพู่ไหมจากเผ่าเจี๋ยที่ซูเจินจูได้รับมาจากนายท่านซูเมื่อครั้งออกไปทำการค้าต่างแคว้น“นั่นสิเพคะ หากไม่มีพระองค์พวกหม่อมชั้นคงต้องต่อแถวยาวหลายลี้ ตากแดดตากลมอยู่ด้านนอกเสียแล้ว” ผิงเหม่ยเหรินพูดขึ้นขณะพยักเพยิดไปท่างลี่รุ่ยเซียงสหายรักแต่ยังไม่ทันที่ลี่รุ่ยเซียงจะได้พูดอะไร องค์ชายหกก็หันกลับไปพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบมาตลอด“จิวอิง เหตุใดเจ้าจึงเงียบนัก คนงานนั่นก็บอกแล้วว่าเป็นถุงหอมหมื่นลี้ ไม่ใช่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้เสียหน่อย หรือเจ้ากลัวว่าพวกข้าติดใจผ้าไหมหอมหมื่นลี้จนลืมผ้าไหมหยกของเจ้า”“หามิได้เพคะ ขอเพียงองค์ชายหกทรงพอพระทัย หม่อมฉันจะกล้าไม่พอใจได้เช่นไร”“คุณหนูเจ้าคะ มีกลุ่มคุณหนูคุณชายดูว่าจะมาจากเมืองหลวง อ้างตัวว่าเป็นองค์ชายหก ตอนนี้บ่

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   44

    เช้าวันต่อมา หลิวหยางรับหน้าที่ขับรถม้าคันใหม่พาซูเจินจู สี่เสวี่ย เฟยหลัน และเฟยอวี่เข้าพบฮูหยินนายตำบลที่จวนนายตำบลเป่ย เมื่อมาถึงหน้าจวนนายตำบลหลิวหยางลงไปแจ้งกับคนเฝ้าประตูว่าคุณหนูของตนแซ่ซูชื่อเจินจูนำผ้าไหมหอมหมื่นลี้มาขอเข้าพบฮูหยิน พร้อมให้เงินหนึ่งตำลึงแก่คนเฝ้าประตู เงินหนึ่งตำลึงเร่งฝีเท้าคนให้ไวได้ดังม้า ไม่ถึงสองเค่อคนเฝ้าประตูก็ออกมาเปิดประตูให้ให้รถม้าเข้าไปซูเจินจูสวมชุดผ้าไหมหยกสีขาวปักลายนกกระยาง ลายปักละเอียดเพียงดูผ่านๆก็ยังสามารถรู้ได้ว่าเป็นงานปักชั้นสูง ผมรวบขึ้นอย่างประณีตปักด้วยปิ่นหยกขาวเนื้อดีหนึ่งคู่ที่ดูเข้ากันได้ดีกับกำไลหยกขาวที่ข้อมือ ผิวขาวราวหยก ขนตาเป็นแพหนาสีดำ ปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อยิ่งทำให้ซูเจินจูงดงามจนคนที่ได้เห็นไม่สามารถละสายตาไปได้สี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยอวี่ ผู้ติดตามทั้งสามคนสวมชุดผ้าไหมเฉกเช่นคุณหนูจากจวนใดจวนหนึ่ง เฟยหลันที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าหายดีแล้วยิ่งดูงดงามและลึกลับเมื่อสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน ปักด้วยปิ่นเงินลายดอกหลันฮวาเดินคู่มากับเฟยอวี่ในชุดผ้าไหมสีเดียวกันรวมผมขึ้นอย่างเป็นระเบียบปักด้วยปิ่นเงินลายเมฆา สี่เสวี่ยที่ตามรับใช้ใกล้ชิ

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   43

    ซูเจินจูฝั่งร้านผ้าซูเตี้ยนได้สั่งให้คนงานไปซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ของร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนมาหนึ่งพับ เมื่อสำรวจดูแล้วพบว่ากลิ่นของผ้าไม่ใช่กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้แต่เป็นกลิ่นของดอกเหมย อีกทั้งลายผ้าไม่คมชัดคงเป็นการวาดลายลงไปโดยตรง การใช้สีอ่อนเช่นนี้จะทำให้ลายผ้ามีสีซีดได้ง่าย อีกทั้งกลิ่นดอกเหมยไม่สามารถเกาะติดผ้าได้ดีเท่ากลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ เวลาผ่านไปสักพักกลิ่นก็คงจางหายไปเอง ดังนั้นผ้าไหมพวกนี้ไม่สามารถนับเป็นคู่แข่งอย่างแท้จริงได้หลงจู๊ฝูที่ออกไปสืบข่าวด้วยตนเองกลับมาพบนายท่านซูละซูเจินจูด้วยสีหน้าสบายใจ“เห็นทีว่าคุณหนูจะพูดถูกทุกอย่างเลยขอรับ ผู้ที่ซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้จากร้านเฉินอี้เตี้ยนไปกลับมาโวยวายที่ร้านเหตุเพราะเพียงนำผ้าไปซักเท่านั้น กลิ่นที่ควรมีก็ไม่มีอีกต่อไป เห็นทีว่าร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนจะเสียชื่อเสียครั้งใหญ่เป็นแน่”“เช่นนั้นข้าค่อยสบายใจหน่อย เอาล่ะ เมื่อหมดเรื่องแล้วเห็นทีว่าถึงเวลาไปเอาผ้าเสียที เจ้าล่ะ อาจู จะไปเอาผ้าหอมไหมหมื่นลี้อีกเมื่อใด”“ข้าให้เฟยหลันไปเอาผ้าแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็คงนำผ้ากลับมาแล้ว เห็นทีว่างานปักงานแรกคงเป็นการตีตราร้านลงบนผ้าเสียแล้วน

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   42

    “คุณหนู บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เฟยหลันมองเฟยหมิงที่อยู่บนเตียงแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ลมหายใจของนางดีขึ้นมากแล้ว คุณหนูรักษานางได้จริงๆซูเจินจูรับเข็มเงินและโถบดยาไปก่อนจะสั่งให้เสี่ยวเหลียนนำเข็มเงินไปต้มในน้ำร้อนและให้เฟยหลันกรีดผ้าที่ขาของเฟยหมิงออก“กระดูกขาของนางแตก หากนางทนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับขาสักสามเดือนขาของนางก็จะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม”“นางยังจะกลับมาเดินได้อีกหรือเจ้าคะ”“ต้องนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ไปก่อนสามเดือน หากขยับเขยื้อนก่อนหน้านั้นก็อาจจะเดินไม่ได้”“คุณหนูเหมือนหมอเทวดาเลยเจ้าค่ะ”“เจ้าจะร้องไห้ทำไม ไอหย๋า ข้าแพ้น้ำตาของพวกเจ้านัก หยุดร้องเถอะข้าจะให้เสี่ยวเหลียนไปซื้อขนมให้เจ้ากิน”“คุณหนู บ่าวแค่ดีใจมากไปเจ้าค่ะ แต่เดิมบ่าวแค่ต้องการฝังศพนางให้ดีเสียหน่อย ใครจะรู้ว่าคุณหนูดึงวิญญาณนางกลับมาจากนรกได้”“เพ้ย เจ้านี่ ตายแล้วไม่ให้นางขึ้นสวรรค์แต่กลับให้นางไปลงนรก เอาล่ะๆ เจ้าไปบดยากองนั้นเถอะ เดี๋ยวข้าฝังเข็มเสร็จแล้วต้องพอกยาให้นาง”“ทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ มัน เยอะมากเลยนะเจ้าคะ”“ทั้งหมดนั่นแหละพอกทั้งขาแล้วเอาผ้ามาพันเข้ากับไม้แผ่นเสียหน่อย กระดูกจะได้ไม่เคลื่อนที่มากนัก”

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   41

    หลังหลินเฮงฉวนกลับไปซูเจินจูเข้ามาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนพร้อมกับนายท่านซู สินค้าที่นำกลับมาถูกจดไว้ในรายการอย่างลวกๆ ซูเจินจูจำเป็นต้องทำมันใหม่เพื่อให้เป็นระเบียบมากขึ้น นายท่านซูนำผ้าจากเผ่าเจี๋ย ชนเผ่าเร่ร่อนดำเดินชีวิตด้วยการเดินทางไปเรื่อยๆกลับมาไม่น้อย ผ้าจากเผ่าเจี๋ยเป็นผ้าหนังสัตว์ที่ถูกตัดเย็บด้วยวิธีการแปลกใหม่ หนังสัตว์ที่ไม่หนาฝีเข็มที่เย็บจนหนังแนบชิดติดกันจนลมไม่สามารถเข้าได้เป็นชุดคลุมอย่างดีสำหรับฤดูหนาว แต่ผ้าจากเผ่าเจี๋ยทั้งหมดเป็นเพียงของบรรณาการที่ส่งเข้าไปยังจวนขุนนางเท่านั้นทำให้ซูเจินจูรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถทำกำไรจากของดีเช่นนี้ได้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่นายท่านซูมีโอกาสดูงานประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋น ผ้าไหมสามพับทำกำไรได้มากถึงสี่พันสี่ร้อยตำลึง จริงอย่างที่หลงจู๊ฝูพูด ร้านผ้าซูเตี้ยนควรจัดงานกราบไหว้เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งได้แล้วผ้ามีตำหนิห้าสิบพับถูกขนย้ายออกมาเพื่อเตรียมไว้ให้ซูเจินจู อีกทั้งนายท่านซูยังมอบเงินให้ซูเจินจูห้าร้อยตำลึง“ข้าเพิ่งรู้ว่าฮูหยินไม่เคยให้เงินเจ้าเลยยามออกมาทำการค้า ต่อไปหากข้าไม่อยู่เจ้านำเงินของที่ร้านออกไปเป็นค่าเดินทางได้เล

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   40

    ซูหนี่ย์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ยกยิ้มเหยียดหยาม ดี ให้คนของท่านพ่อตีนางให้ตาย นังบ่าวชั่วที่ติดตามนังจิ้งจอกนั่นไม่สมควรมีชีวิตอยู่เป็นหนามตำตานาง ให้ตายเถอะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเกลียด ทำไมตอนที่พวกนางออกไปทำการค้าถึงไม่เจอโจรป่าเสียบ้างนะเฟยหลันและคนของนายท่านซูถือไม้พลองยืนอยู่กลางลานหน้าห้องโถง ขอเพียงส่งสัญญาณคนทั้งคู่ก็พร้อมแสดงฝีมือทันที แต่เฟยหลันที่อยู่บนลานหันกลับมามองซูเจินจูแล้วส่ายหน้าช้าๆ“ท่านพ่อ ให้คนของท่านเข้าไปอีกคนหนึ่งเถอะเจ้าค่ะ”นายท่านซูหนัยมามองซูเจินจูเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกผู้คุ้มกันอีกคนขึ้นไปกลางลาน เอาเถอะ อย่างไรเสียซูเจินจูก็มีผู้ติดตามคนเดียว หากนางแพ้ก็แค่หาคนคุ้มกันให้ซูเจินจูเพิ่ม หากนางชนะเขาก็จะสบายใจมากขึ้น“ลงมือ!!!”เฟยหลันตวัดไม้พลองลงไปอย่างเต็มแรง ผู้ที่เข้ามารับไม้แรกถึงกับถอยร่นลงไปหลายก้าว มือที่จับไม้พลองไว้สั่นจนแทบทำไม้พลองหลุดมือ เฟยหลันกระโดดตามเข้าไปฟาดไม้พลองลงที่ข้อมือก่อนจะตวัดไม้พลองอีกด้านไปเกี่ยวไม้พลองของผู้คุ้มกันคนที่สองลง ลูกเตะที่เตะลงไปที่ศรีษะอย่างแม่นยำทำให้ผู้คุ้มกันคนที่สองล้มลงไปนอนกับพื้นที่ที ไม้พลอยที่มือของเฟยหลันถ

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   39

    เฟยหลันเดินตามซูเจินจูไปที่ศาลาเพื่อย่างไก่ป่าทั้งหกตัวต่อ อย่างไรเสียไก่หกตัวนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรนางทำใจเมินพวกมันไม่ลง น่องไก่สิบสองน่องอยู่ในจานของซูเจินจู ตัวไก่ไร้น่องสองตัวถูกส่งไปยังกระท่อมของหยางหย่งเจิ้งพร้อมบะหมี่ผักหยางหย่งเจิ้งเปิดประตูรับไก่ย่างและบะหมี่ผักที่หลิวหยางนำมาส่งให้ เมื่อเห็นว่าหลิวหยางเดินออกไปไกลแล้วจึงหันหลังกลับเข้ากระท่อมของตน“ท่านรองแม่ทัพ เหตุใดไก่ในหมู่บ้านนี้ถึงไม่มีขาหรือขอรับ”“หวู่เยวี้ยน เจ้าจะไปรู้อะไร เด็กสาวบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านนั่นชอบกินน่องไก่ ท่านรองแม่ทัพถึงได้สั่งให้เจ้าไปจับไก่ป่ามาบ่อยๆไงเล่า”“ไอหย๋า ไอ้เจ้าพวกนี้คือไก่ที่ข้าจับมาอย่างนั้นหรือ”“หยุด เจ้าจับมาคนเดียวหรืออย่างไร แล้วเหตุใดจึงมาเพียงพวกเจ้า ทำไมเหวินอี้ไม่มาด้วย” หยางหย่งเจิ้งปรามทั้งสองก่อนจะพูดเรื่อยเปื่อยไปมากกว่านี้“เรียนท่านรองแม่ทัพ เหวินอี้ตามสืบเรื่องยาพิษที่ใช้ปลิดชีวิตก้านลู่อยู่ขอรับ หากรู้ว่าเป็นพิษชนิดใดคงสืบหากบฏได้เร็วขึ้น”“เรื่องรองนายอำเภออู๋ไปถึงไหนแล้ว”“ตอนนี้ถูกจับขังคุกอยู่ที่อำเภออู๋ ปิดปากเงียบ คืนนี้จะเริ่มการทรมานขอรับ”“ดี อย่างไรก็ต้องรู้ให้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status