เมื่อถึงบ้านชนบท ซูเจินจูเข้าไปทำลายผ้าทันที สี่เสวี่ยจัดการบอกกล่าวกฎระเบียบในบ้านให้ซินซียงทาสที่ซื้อมาใหม่ฟัง เมื่อเห็นว่าหลิวหยางและจางหมิ่นออกไปอยู่ที่เรือนชั้นนอกแล้ว ก็ให้ซินเซียงเข้าไปพักอยู่ห้องเดิมของทั้งสองคนก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยในบ้านและในครัวแล้วเห็นว่าข้าวและธัชพืชเหลือเล็กน้อย จึงให้หลิวหยางเตรียมรถม้าและพาซินเซียงไปตลาดในตำบล สี่เสวี่ยซื้อชุดเครื่องนอนใหม่และผ้าฝ้ายสำหรับตัดชุดหนึ่งพับให้ซินเซียง ข้าวสาร ธัญพืช ผักดอง เกลือ น้ำตาล เพียงพอที่จะใช้ไปถึงสองเดือน สี่เสวี่ยจ่ายเงินสามตำลึงอย่างเจ็บปวดและยัดของทุกอย่างเข้าไปในรถม้า วันนี้คุณหนูไม่ได้มาด้วย นางไม่จำเป็นต้องจ้างเกวียนเทียมวัวเพิ่ม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน แต่ละคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง สี่เสวี่ยไปวาดลายผ้าที่ลานหิน ซินเซียงเก็บข้าวของและเข้าครัวทำกับข้าว หลิวหยางตรวจตราบริเวณหน้าบ้านไม่ให้คนงานเข้ามาวุ่นวายที่เรือนชั้นใน จางหมิ่นตรวจตราบริเวณหลังบ้าน ดูแลสวนดอกหอมหมื่นลี้และดูแลซูเจินจูบริเวณลานหิน
ซูเจินจูที่ทำลายผ้าเสร็จก่อนสี่เสวี่ยก็สั่งให้จางหมิ่นขึ้นเขาไปล่าสัตว์ป่ากับตน
“คุณหนู อย่าเข้าไปลึกเลยขอรับ พวกเราไม่มีธนู ล่าสัตว์ตัวเล็กๆแถวนี้ก็พอขอรับ” จางหมิ่นที่นึกอยากจะให้ซูเจินจูเป็นผู้ชาย ตนจะได้อุ้มขึ้นบ่าป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณหนูของเขาถูกกิ่งไม้ได้รับบาดเจ็บ หากเจอสัตว์ป่าก็ได้อุ้มหนีได้ทัน
“เจ้านี่ขี้บ่นเหมือนสี่เสวี่ยไม่มีผิด พวกเจ้าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันมาหรือไง”
“โถ่ คุณหนู หากบ่าวปล่อยให้คุณหนูเข้าไปลึกกว่านี้ กลับไปแม่นางสี่เสวี่ยก็คงไม่ปล่อยให้หูทั้งสองข้างของบ่าวได้อยู่สงบแน่” ถึงแม้จะเป็นบ่าวเหมือนกัน แต่บ่าวอย่างเขา และบ่าวอย่างสี่เสวี่ยก็แตกต่างกันมากนัก เขาจึงต้องเกรงใจสี่เสวี่ยอยู่หลายส่วน
ฟิ้ววว!! เสียงมีดสั้นเล่มหนึ่งลอยผ่านอากาศผ่านหน้าของจางหมิ่นไปอย่างว่องไว
“เจ้าไปเก็บมาสิ”
จางหมิ่นยังมีสีหน้าตกใจแววตาตื่นตะลึง เมื่อสักครู่คุณหนูปามีดสั้นออกไปทั้งรวดเร็วและรุนแรง หากไม่ใช่คนที่มีประสาทสัมผัสไวหรือคนที่มีพื้นฐานวรยุทธ์คงไม่มีทางหลบเลี่ยงมีดเล่มนั้นได้แน่
“เป็นกระต่ายป่าขอรับ” จางหมิ่นใช้เชือกผูกขากต่ายสะพายขึ้นหลังและเช็ดมีดสั้นส่งคืนให้ซูเจินจู
“โอ้โห กระต่ายที่นี่ช่างตัวใหญ่นัก ไปๆ ไปหาอีกสามสี่ตัวเถอะ”
กระต่ายอีกสามตัวที่จับได้ที่หลังล้วนตายด้วยมีดสั้นของซูเจินจูทั้งสิ้น
“จางหมิ่น เห็นที่ว่าข้าต้องซื้อธนูกับมีดสั้นให้พวกเจ้าเพิ่มเสียแล้ว ลำพังดาบที่ใหญ่โตของเจ้า เข้าป่ามาก็ทำได้เพียงตัดเถาวัลย์เท่านั้น”
จางหมิ่นมองหน้าซูเจินจูก่อนพยักหน้ารับอย่างปลงๆ จะให้เขาพูดอะไรได้ ไม่ใช่ว่าดาบของเขามันไม่ได้เรื่อง คราวก่อนที่ขึ้นเขามากับหลิวหยางเขาก็ใช้ดาบนี้จัดการหมูป่าตัวใหญ่ได้ด้วยซ้ำ ต้องโทษว่ามีดสั้นของคุณหนูรวดเร็วเกินไปเสียมากกว่า “เรากลับกันเถอะขอรับคุณหนู หากช้ากว่านี้แม่นางสี่เสวี่ยคงบังคับให้หลิวหยางขึ้นมาตามคุณหนูแน่ๆ”
“อ่อ เช่นนั้นก็กลับเถอะ สี่ตัวนี้ก็คงพอกินแล้ว”
“ลงไปทางนี้เถอะขอรับคุณหนู”
“ฝั่งนู้นใกล้กว่าไม่ใช่หรือ เหตุใดให้ข้าเดินอ้อม”
“หากไปทางฝั่งนั้น จะมีภูเขาลูกเล็กขวางทางเดินอยู่ ทางเดียวที่จะผ่านได้คือลอดถ้ำขอรับ แต่ในถ้ำเต็มไปด้วยแมงมุม คนในหมู่บ้านบอกว่าแมงมุมพวกนั้นเป็นแมงมุมเฝ้าป่า เคยมีนายพรานฆ่าเสือผ่านทางมากลับถูกแมงมุมกัดไม่พ้นสามวันก็ตาย บางคนเข้าไปก็ขยับตัวไม่ได้อีกเลย บางคนดีหน่อยไม่ตายแต่ก็มีผื่นขึ้นทั่วตัว ดังนั้นชาวบ้านที่ขึ้นมาล่าสัตว์ป่าจึงไม่เดินผ่านถ้ำนั้นกันขอรับ บ่าวเคยเข้าไปดูแล้วพบว่าเป็นอย่างที่ชาวบ้านว่า คุณหนูเดินอ้อมหน่อยเถอะขอรับ”
“แมงมุมหรือ เหตุใดถูกแมงมุมกัดจนถึงตาย พาข้าไปดูหน่อยเถอะ”
“คุณหนู แต่ว่า..”
“แต่ว่าอะไร เอาน่าๆ ตามข้ามาเถอะ คุณหนูผู้นี้จะปกป้องเจ้าเอง”
“โถ่ คุณหนู ..คุณหนูเดินตามหลังบ่าวเถอะขอรับ ไปดูเพียงหน้าถ้ำพอนะขอรับ หากเกิดอะไรขึ้น เอ่อ บ่าวกลัวจะไปตามหมอไม่ทัน”
“เพ้ย เจ้าแช่งข้าหรือ ไปๆ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ ขอแค่เจ้าเดินตามข้าคุณหนูผู้นี้ แมงมุมพวกนั้นไม่กัดเจ้าหรอก”
“จริงหรือขอรับ”
“จะจริงได้อย่างไร ข้าหลอกเจ้าไปอย่างนั้นเอง ฮ่าๆ” ดูท่าจางหมิ่นผู้นี้จะเป็นพี่น้องที่พลัดพลากจากสี่เสวี่ยจริงๆเป็นแน่..
ในถ้ำมีแมงมุมมากมายหลายร้อยตัว แต่ไม่ใช่แมงมุมเจ้าป่าอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจ แมงมุมพวกนี้เหมือนจะเป็นแมงมุมกินนก หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อแมงมุมทารันทูร่า นางเคยอ่านเจอในประวัติศาสคร์จีนว่าแมงมุมพวกนี้มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ พบได้ในพื้นที่ไห่หนาน หูเป่ย แล้วก็อวิ๋นหนาน มีขนาดตัวเมื่อโตเต็มวัยประมาณสิบห้าถึงสามสิบเซนติเมตร แต่เจ้าพวกนี้มีขนาดตัวใหญ่โตมากกว่าลูกหลานมันสองถึงสามเท่า ดูท่าทางว่าพิษแมงมุมก็น่าจะรุนแรงกว่าเหล่าทายาทของพวกมันในชาติก่อนมากเช่นกัน พิษที่ขนตามขาของพวกมันทำให้ชาและเป็นอัมพาตพิษโดยมากส่งผลต่อระบบประสาท พิษจากเขี้ยวของพวกมันจะทำให้อักเสบ ติดเชื้อ เกร็ดเลือดต่ำ และเจ็บปวดรุนแรง หากได้รับพิษมากเกินไป การทำงานของตับและไตผิดปกติจนตายในที่สุด
แค่พวกมันสลัดขนเบาๆพร้อมๆกัน จำนวนหลายร้อยตัวตรงนี้ไม่เป็นอัมพาตก็แปลกเกินไปแล้ว
ซูเจินจูคร้านจะฟังเสียงทัดทานของจางหมิ่น นางกรีดเนื้อกระต่ายตัวหนึ่งแล้วโยนเข้าไปในถ้ำ อาศัยช่วงเวลาที่แมงมุมสนใจซากกระต่ายตัวนั้น นำใบไม้ใบใหญ่มาช้อนรังแมงมุมที่ห่อหุ้มไข่แมงมุมใบเล็กๆไว้หลายสิบฟองแล้วจากมาทันที
รังแมงมุมที่ซูเจินจูนำกลับมาถูกวางในกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่นางสั่งให้จางหมิ่นทำขึ้น กล่องสูงเท่าอกของนางและกว้างสิบฉื่อ มีบานพับคล้ายหน้าต่างด้านข้าง ฝาด้านบนสามารถเปิดออกได้ วางกิ่งไม้ขนาดใหญ่ไว้ด้านในทั้งสี่มุม
กล่องไม้ถูกตั้งไว้ที่ห้องยาวฝั่งขวาภายในเรือน ทุกคนถูกห้ามยุ่งกับมัน และไม่มีใครคิดอยากจะยุ่งกับมันเช่นกัน
การมาบ้านชนบทครั้งนี้ ซูเจินจูได้ผ้ากลับไปขายหกผืน ก่อนกลับมาซูเจินจูให้เงิน หลิวหยาง จางหมิ่นและซินเซียง คนละสองตำลึง และต่อจากนี้ทุกคนจะเงินเดือนละสองตำลึง
ทุกคนดีใจและแปลกใจโดยปกติการเป็นทาสหากไม่มีความดีความชอบจะไม่ได้รับเงิน โชคดีของพวกเขาเหลือเกินที่ได้รับใช้คุณหนูที่แสนจะใจดีผู้นี้
จางหมิ่นขับรถม้ามาส่งซูเจินจูที่ร้านผ้าซูเตี้ยน แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้นัก เพราะหน้าร้านเต็มไปด้วยผู้คน
“หน้าร้านผ้าคนเยอะมากขอรับ คุณหนูต้องการอะไรให้บ่าวเข้าไปซื้อให้เถอะ”
“สี่เสวี่ย เจ้าไปดูหน่อยเถอะว่าคนเหล่านั้นมาทำอะไร หากมาดูงิ้วเจ้าก็รีบวิ่งกลับมาอย่าให้ใครเห็น”
“ได้เจ้าค่ะ” สี่เสวี่ยรีบลงจากรถม้าวิ่งเข้าไปทางกลุ่มคนทันที ซูเจินจูไม่ต้องรอนานสี่เสวี่ยก็รีบกลับมารายงานว่าคนที่มุงอยู่หน้าร้านคือคนมารอซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้
ซูเจินจูรีบลงจากรถม้าและให้จางหมิ่นขับรถม้าจากไปทันที ซูเจินจูและสี่เสวี่ยถือผ้าหกพับเดินผ่านกลุ่มคนหน้าร้านไป กลิ่นหอมของผ้าดึงดูดใจผู้คนจนแทบเข้ามาแย่งผ้าจากมือของพวกนาง หลงจู๊ที่เห็นเหตุการณ์ต้องให้เด็กในร้านเข้ามาช่วยขวางกลุ่มคนไว้
“คุณหนู คุณหนูของบ่าว ท่านกลับมาแล้ว”
“นี่มันอะไรกันเจ้าคะท่านลุงฝู เหตุใดคนถึงมายืนออกันเต็มหน้าร้าน นี่ท่านนำผ้ามาขายลดราคาหรือเจ้าคะ” ซูเจินจูเห็นหลงจู๊ฝูกระสับกระส่ายก็อดไม่ได้ที่หยอกล้อสักเล็กน้อย
“ฮ่าๆ คุณหนู ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนพวกนั้นล้วนมารอซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ ข้าเองก็เขียนใบสั่งจองซะจนเมื่อยมือไปหมดแล้วขอรับ”
“เหตุใดจึงมารอซื้อมากถึงเพียงนี้เล่า ไม่ใช่ว่าไม่มีของตัวอย่างในร้านแล้วหรือ”
“นั่นเพราะเมื่อวานฮูหยินท่านรองนายอำเภอใส่ชุดที่ตัดจากผ้าไหมหอมหมื่นลี้ไปงานชมดอกไม้ที่เรือนตระกูลจี้ งานนี้มีแต่เหล่าฮูหยินขุนนางหรือไม่ก็ฮูหยินของเหล่าเถ้าแก่ สตรีใดบ้างเมื่อออกจากบ้านแล้วยอมต่ำต้อยเหล่าบรรดาฮูหยินเถ้าแก่ที่ไม่เคยขาดเงินแต่ละคนล้วนสั่งจองทุกลายลายละหนึ่งพับขอรับ”
“มากถึงเพียงนั้น คนทำจะทำทันหรือ”
“… เอ่อ ไม่ใช่ว่าต้องการเท่าไหร่ก็สั่งได้หรือขอรับ”
“ผิดแล้วท่านลุง คนทำ ทำได้เพียงวันละสองพับเท่านั้น”
“น้อยเพียงนั้น!!”
“ใช่ น้อยเพียงนั้น”
“ไม่ใช่ว่าเขาขายให้ร้านอื่นหรือขอรับ”
“ข้ารับประกันได้ว่าในแคว้นหนานแห่งนี้ มีเพียงร้านผ้าซูเตี้ยนเท่านั้นที่มีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ขาย”
“…..”
“ท่านลุง เหตุใดเงียบไปละเจ้าคะ หรือว่าท่านรับจองมาเยอะมากหรือเจ้าคะ”
“โอกาสทอง นี่มันโอกาสทองของร้านผ้าซูเตี้ยน ข้าต้องออกไปบอกให้งดจองชั่วคราว หลังผู้ที่จองไว้ได้รับผ้าทั้งหมด ข้าจะเปิดประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้” หลงจู๊ฝู้คิดไวทำไว ไม่รอให้ซูเจินจูตอบรับออกออกไปงดรับจองผ้าไหมหอมหมื่นลี้ทันที
เช้านี้หลงจู๊รับสั่งจองผ้าไหมหอมหมื่นลี้ไว้หกสิบห้าพับ รวมกับคำสั่งจองเมื่อคราวก่อนขาดอีกสิบพับ งานของซูเจินจูเรียกว้าล้นมือเลยทีเดียว
ซูเจินจูรับเงินค่าผ้าหกพับ สี่ร้อยห้าสิบตำลึง โดยไม่หักค่าผ้าไหมอีก หลงจู๊ตัดสินใจไม่เก็บค่าผ้าไหมมีตำหนิอีกต่อไปแลกกับสัญญาว่าต้องขายผ้าไหมหอมหมื่นลี้ให้ร้านผ้าซูเตี้ยนร้านเดียวเท่านั้น
ซูเจินจูตัดสินใจให้สี่เสวี่ยย้ายเขาไปอยู่ที่หมู่บ้านชนบท คำสั่งซื้อผ้ามากมายทำให้ไม่อาจเสียเวลาให้สี่เสวี่ยไปๆกลับๆได้อีก
“หากเป็นเช่นนั้น คุณหนูซื้อบ่าวสักคนเถอะเจ้าค่ะ คนในเรือนไม่มีคนของคุณหนูเลย หากคุณหนูใหญ่ส่งคนมากลั่นแกล้ง คุณหนูจะเสียเปรียบนะเจ้าคะ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น หากไม่มีคนคอยปรนิบัติ ข้าคงห่วงหน้าพะวงหลัง อยู่แบบไม่เป็นสุขแน่”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้เราไปตลาดค้าทาสกันอีกสักรอบเถอะเจ้าค่ะ ซื้อทาสสัญญาตายสักคน จะได้พอไว้วางใจได้”
....
การมาตลาดค้าทาสครั้งนี้ ซูเจินจูซื้อทาสหญิงที่พอรู้หนังสือหนึ่งคนอายุประมาณสิบแปดปีนามเยว่ชิงให้ติดตามสี่เสวี่ยกลับไปหมู่บ้านชนบทเพื่อสี่เสวี่ยจะมีเวลาวาดลายผ้าไม่ต้องเสียเวลาทำงานอื่นอีก
ซูเจินจูเลือกทาสหญิงที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า รอยบากลากยาวตั้งแต่หางคิ้วจรดปลายคาง อารุราวยี่สิบปีนามเฟยหลัน
“โอ้ว คุณหนูท่านนี้ ท่านเลือกของดีเชียว ทาสที่ท่านเลือกเป็นทาสตีตรา ไม่ต้องกลัวว่านางจะหลบหนีหรือทำเรื่องไม่ดี เพราะหากนางทำอะไรผิด ทาสที่มาจากที่เดียวกับนางจะต้องถูกประหารทั้งหมดทันที ดังนั้นพวกนางจะไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านแน่นอนขอรับ”
“หากเป็นผู้อื่นทำผิด ทางการมาจับนางกลับไปข้าไม่ขาดทุนแย่หรือ”
“แน่นอนว่าทางการจะชดเชยสิบห้าตำลึงให้ท่าน”
“เช่นนั้น ข้าก็เลือกนางแล้วกัน”
.....
คราแรกสี่เสวี่ยไม่ต้องการให้คุณหนูเลือกทาสที่ดูน่ากลัวผู้นี้ แต่คัดค้านความต้องการของคุณหนูไม่ได้ เมื่อฟังพ่อค้าทาสแล้วก็เบาใจขึ้นหลังจากจ่ายเงินสามสิบตำลึง สี่เสวี่ยไปซื้อรังผึ้งจากร้านชำบ้านไฉและพาเยว่ชิงออกเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบททันทีซูเจินจูพาเฟยหลันมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยน ให้นางเลือกชุดผ้าฝ้ายสำเร็จรูปสองชุดก็จะตรงไปที่โรงหลอมเหล็กอู่จินจาง“เจ้าเข้าไปเลือกอาวุธสักชิ้นเถอะ”“….”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ เข้าไปเลือกเถอะ”“คุณหนู เหตุใด...” นางแปลกใจ เฉพาะแผลเป็นบนใบหน้าก็ทำให้คนทั่วทั้งแคว้นรังเกียจนาง ผู้ที่ต้องการซื้อตัวนางล้วนเป็นบุรุษวัยกำดัด หากเป็นสตรีก็สตรีที่ชื่นชอบการเหยียบย่ำผู้อื่น แต่หากรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ก็จะยิ่งทรมานนางมากขึ้น ด้วยรู้นางไม่สามารถตอบโต้ได้ ก่อนหน้านี้นางถูกคุณหนูจวนแม่ทัพผิงซื้อตัวไป
วันต่อมาซูเจินจูมาที่โถงยาเจี้ยนคังอีกครั้ง เมื่อวานนางลืมซื้อสมุนไพรแก้พิษแมงมุมและยาห้ามเลือด นางต้องการกลับเข้าไปจับแมงมุมตัวโตเต็มวัยมาลองสกัดพิษสักสองตัว ดังนั้นนางต้องปรุงยาแก้พิษพวกมันเสียก่อนโดยปกติตำรับยารักษาแผลกับห้ามเลือดจะเป็นคนละตำรับกัน แต่ซูเจินจูใช้ความรู้ดั้งเดิมปรับสูตรยาเป็นฟื้นฟูเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังลดอักเสบฆ่าเชื้อและห้ามเลือดเข้าด้วยกัน สมุนไพรสำคัญของยาตัวนี้คืออ้ายเยี่ยที่มีคุณสมบัติขับกระจายความเย็นระงับปวด อบอุ่นเส้นลมปราณเพื่อห้ามเลือด หวงฉีที่มีคุณสมบัติทำให้ชี่ไหลเวียน ระงับปวด ช่วยรักษาบาดแผลและสร้างเนื้อเยื่อ ป๋าเซีย เป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติและเป็นตัวยาเสริมของยาแก้พิษทั่วไป เมื่อสมุนไพรหลักสามตัวรวมกับสมุนไพรเสริมอีกสามสิบชนิดก็จะได้ยาใส่แผลคุณภาพดีเลยที่เดียวส่วนสมุนไพรแก้พิษนั้นกลับมีไม่ครบ ขาดส่วนประกอบสำคัญอย่างรากหญ้าขน แต่รากหญ้าขนไม่ใช่ของหายากอะไร นางสามารถเก็บได้ตามภูเขานอกเมืองหลังจากซื้อสมุนไพรที่ต้องการแล้วนางแ
“ช่วยด้วย นายหญิง ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ” สตรีผู้หนึ่งวิ่งมาที่เฟยหลัน ร้องตะโกนขอให้ช่วยอย่างสุดเสียง เมื่อนางวิ่งมาจนถึงรถม้าก็คุกเข่าลงที่หน้าเฟยหลันทันที“นายหญิงช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”เฟยหลันสังเกตว่ามีชายฉกรรจ์วิ่งตรงมาทางนี้อีกเกือบสิบคน นางไม่อยากให้คุณหนูที่อ่อนโยนอย่างซูเจินจูต้องรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าจึงชักกระบี่อ่อนออกมาขวางสตรีผู้นั้นไว้“แม่นาง เจ้านายของข้าต้องรีบเดินทาง ขอแม่นางอย่าขวางทาง”“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ หากข้าถูกจับไปข้าต้องตายแน่ๆ”“พวกเจ้า ส่งตัวนังแพศยานั่นมา ไม่ใช่นั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ” เหล่าชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามมาถึงก็ตะโกนใส่เฟยหลันทันที“พวกมันเรียกเจ้าแล้ว เจ้าไปเถอะ อย่าทำให้คุณหนูของข้าต้องแปดเปื้อน” การแกะมือของสตรีผู้นั้นออกจากร่างกายสำหรับเฟยหลันที่เป็นวรยุทธ์ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่สตรีผู้นั้นก็เห็นขบวนร
ซูเจินจูที่สั่งงานเสร็จเรียบร้อยก็เข้าไปปรุงยาในห้อง เพียงไม่นานยาทั้งสองชนิดก็เสร็จเรียบร้อย ซูเจินจูสะพายตะกร้า พร้อมผ้าและเชือกสำหรับปิดด้านบนตะกร้าขึ้นไปยังถ้ำแมงมุมทันทีซูเจินจูเดินลัดเลาะขึ้นมาทางลัด นางจำได้ว่าหากมาจากอีกฝั่งก็จะเข้าไปในถ้ำได้เช่นกันแถมระยะทางก็ใกล้กว่า นางกระโดดขึ้นต้นไม้ตรวจสอบร่องรอยของทิศทางกระโดดจากต้นหนึ่งไปยังต้นหนึ่งอย่างมั่นคงเพียงนานก็มาถึงหน้าถ้ำแต่เมื่อซูเจินจูกระโดดลงมาจากต้นไม้สิ่งที่รอรับเท้าทั้งสองข้างของนางอยู่กลับไม่ใช่พื้นดิน“โอ้ย” ซูเจินจูที่รั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ก็ล้มลงไปหัวกระแทกพื้นดินเข้าอย่างจัง ความคิดชั่ววูบที่ผุดขึ้นมาคือการกระทบกระเทือนที่หัวจะทำให้วิญญาณนางหลุดออกจากร่าง ทำให้นางรีบจับเนื้อจับตัวของตัวเอง ลมหายใจหนักหน่วงประหนึ่งว่าโล่งใจที่ไม่ได้กลายเป็นวิญญาณเร่รอนถูกผ่อนออกมา เมื่อตั้งสติได้ก็หันมามองที่ต้นเหตุ“เพ้ยยยย ศพคนนี่หว่า ไฉนมีคนมานอนตายหน้าถ้ำ บรื้ออ” นางใช้เท้าเขี่ยศพที่
ขณะเดียวกันหน้าถ้ำแมงมุมก็มีชายชุดดำคนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าชายหนุ่มที่ซูเจินจูช่วยชีวิตไว้“คารวะท่านรองแม่ทัพ”“เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”“ตอนนี้ท่านแม่ทัพเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว อาการก็พ้นขีดอันตราย ท่านจะเดินทางเข้าเมืองหลวงเลยหรือไม่ขอรับ”“ยังไม่ไป ในกองทัพมีสายลับ ข้าศึกรู้กลศึกของเราทั้งหมด หากหาตัวสายลับไม่เจอ ออกศึกคราวหน้าข้ากับท่านพี่คงต้องตายในสนามรบ ... เจ้าไปส่งข่าวให้ท่านพี่ข้าเก็บข่าวเรื่องข้าไว้เป็นความลับ ให้แจ้งกองทัพไปว่าหาข้าไม่พบ เป็นหรือตายไม่แน่ชัด ประกาศคัดเลือกรองแม่ทัพคนใหม่ ข้าเชื่อว่าผู้บงการเบื้องหลังต้องแย่งชิงตำแหน่งของข้าแน่”“ถ้าเช่นนั้น ท่านไปอยู่ที่หมู่บ้านเฟิงโจวก่อนดีหรือไม่ขอรับ ที่นั่นมีบ้านลับกองทัพฝั่งใต้ สะดวกต่อการติดต่อ”“ไม่ หากรู้ว่าข้าหายไปพวกมันต้องส่งคนออกตามหาแน่ เมืองฝั่งใต้ ตะวันตกฉียงใต้ และตะวังออกเฉียงใต้ล้วนอันตราย ฝั่งตะวั
หน้าถ้ำแมงมุมชายหนุ่มชุดดำที่เห็นหยางหย่งเจิ้งเดินเข้ามาก็โค้งตัวคารวะ“คารวะท่านรองแม่ทัพ”“เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านแม่ทัพดำเนินการตามแผนของท่านแล้วขอรับ แต่ก้านลู่ถูกลอบสังหารเมื่อคืนนี้ ยังไม่พบตัวคนร้ายขอรับ”“เล่ามา”“เมื่อคืนก้านลู่ไปที่หอห่าวซีเถียนตามปกติแต่เช้านี้กลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ทางการตรวจศพแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่ข้าให้คนของเราเข้าไปแอบตรวจสอบอีกครั้งพบว่าเขาถูกวางยาพิษ เป็นพิษที่แปลกนักถูกพิษแต่ศพกลับเป็นปกติดูเหมือนนอนหลับตายไปเฉยๆ พิษหายากเช่นนี้คนธรรมดาไม่มีทางครอบครองได้ ข้าจึงคิดว่าเขาถูกฆ่าปิดปากขอรับ”“เข้าไปหาหลักฐานในที่พักแล้วส่งคนของเราเฝ้าเอาไว้ด้วย คนที่ลอบสังหารต้องกลับมาหาหลักฐานแน่นอน หากพวกมันมาก็ให้คนของเราสะกดรอยตามไป”“ทราบแล้วขอรับ”ในขณะเดียวกันเฟยหลันก็มารายงานเรื่องที่ซูเจินจูสั่งให้ทำ“จัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ บ่าวอยู่รอจนเห็นว่าไม่มีใครสงสัยจึงค่อยกลับมาเจ้าค่ะ”“ดีมาก ระหว่างนี้เจ้าลองหาข่าวพวกพ้องของเจ้าเถอะ ข้ายินดีซื้อตัวพวกเขาไว้”“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยหลันรู้สึกยินดีมากหากพี่น้องของตนสามารถมารับใช้คุณหนูได้ นางยังจำความ
เมื่อวันส่งสินสอดมาถึง ชาวบ้านต่างมุงดูกันด้วยความอิจฉา ขบวนสินสอดยาวสามลี้ เต็มไปด้วยตำลึงเงิน ตำลึงทอง เครื่องประดับ ของล้ำค่าแปลกตาอีกมากมาย ครอบครัวซูที่สวมชุดแดงใบหน้ายิ้มแย้มเปิดประตูยืนตรวจรายการสินสอด ขานรายการของมีค่าแต่ละครั้ง ชาวบ้านแทบตาถลนออกมา รายการสินสอดล้วนเป็นไปด้วยของมีค่าที่มีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ทั้งนั้น“ข้าอิจฉาเจ้านัก น้องรอง ว่าที่สามีเจ้าช่างร่ำรวยยกขบวนสินสอดมายาวถึงสามลี้ เจ้าแต่งงานใหญ่โตถึงเพียงนี้ ถึงคราข้าต้องแต่ง มิขายหน้าเจ้าแย่หรือ”“พี่ใหญ่เหตุใดเย้าข้าเช่นนี้ ท่านก็รู้ว่างานแต่งนี้ข้าไม่ได้เต็มใจ”“น้องรอง เหตุใดพูดเช่นนั้น งานแต่งแต่ไหนแต่ไรพ่อแม่เป็นคนจัดการ ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ วาจาท่านพ่อก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะไม่ฟังได้”“ข้ารู้ แต่ข้า...”“เม่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าสามีของเจ้าไปทำการค้าต่างแคว้นบ่อยๆหรือ นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไม่ค่อยได้เจอกับเขาใช่หรือไม่”“ท่านพ่อบอกเช่นนั้นเจ้าค่ะ”“แล้วเจ้าจะเศร้าไปไย ท่านพ่อเพียงไปทำงานค้าต่างอำเภอเดือนหนึ่งพวกเรายังเจอท่านไม่กี่วัน นี่ไปทำการค้าต่างแคว้นปีหนึ่งเจ้าจะเจอหน้าเขาได้สักกี่หน เจ้าอย่าได้เส
“เจ้า.. อุทานให้เหมือนสตรีมากกว่านี้ได้หรือไม่” หยางหย่งเจิ้งหันกลับมามองเด็กสาวที่มีเค้าความงามตรงหน้า ‘ชิบหายแล้ว’ อย่างนั้นหรือ คำอุทานหยาบคายเช่นนี้เด็กสาวตรงหน้าไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน“ไอหย๋า พี่ชาย คนตกใจแยกบุรุษ สตรีด้วยหรือ”หยางหย่งเจิ้งมองหน้าซูเจินจูอย่างคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขา เขามองหน้านางนิ่งๆอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจวบจนสายตาเลื่อนลงไปเห็นว่ากริชเงินที่นางถืออยู่เป็นของเขา“กริชเงินในมือเจ้าคุ้นตาข้านัก”“พี่ชาย ท่านเป็นโจรป่าหรือ เหตุใดจึงมาคุ้นตาของในมือผู้อื่นเล่า”“เจ้าเหมือนโจรยิ่งกว่าข้าเสียอีก”“ตาท่านบอดเสียแล้ว”“!!!!!”การต่อปากต่อคำของคนทั้งสองยังไม่จบก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังขึ้นอีกครั้ง หยางหย่งเจิ้งรวบตัวซูเจินจูขึ้นมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ เสือตัวหนึ่งที่ตามกลิ่นเลือดของหมูป่าโผล่ออกมากระทันหัน เมื่อเห็นว่าเป็นเสือ หยางหย่งเจิ้งไม่รอช้ากระโดดออกมาจากจุดนั้นทันที“ไอหย๋า พี่ชายวรยุทต์ท่านล้ำเลิศนัก เป็นข้าเสียมารยาทดูเบาท่านไปเสียแล้ว”“เมื่อครู่เจ้ายังว่าข้าเป็นโจรป่าอยู่เลย”“เพ้ย หูท่านไม่ดีเสียแล้ว บุรุษที่สูงส่งเช่นท่านจะเป็นโจรป่าไปไ
“คุณหนูกลับมาแล้ว บ่าวคารวะคุณหนูขอรับ”“ท่านลุงฝู คราวนี้มีลายใหม่มาด้วยเจ้าค่ะ ท่านไปคุยกับข้าในห้องก่อนเถอะ”“ได้ขอรับ” “เจ้าสองคนน่ะคนนึงไปชงชา อีกคนไปซื้อขนมร้านเสี่ยวซือกวงในคุณหนู ไปๆให้ไว”คนงานสองกันช่วยกันลำเลียงผ้าทั้งยี่สิบสองผืนลงมาจากรถม้าเข้าไปยังห้องทำงานของหลงจู๊ฝู หลงจู๊ฝูเห็นผ้ามากมายหลายพับก็ยิ้มดีใจจนตาแทบจะปิดสนิท“ท่านลุงฝู ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายดอกเหมย ลายดอกท้อ และลายดอกบัวทั้งหมดสิบแปดพับ เป็นของที่ร้านสิบเจ็ดพับนะเจ้าคะ พับสีม่วงลายดอกบัวนี้ข้าจะนำกลับไปให้ท่านแม่”“ขอรับคุณหนู” หลงจู๊ฝูใช้พู่กันในมือขีดฆ่าจำนวนเดิมที่ลงไว้แล้วเขียนจำนวนใหม่ลงไปข้างๆ ฮูหยินรองที่ไม่มีบ้านเดิมสนับสนุน ไม่ได้รับความรักจากนายท่าน อย่างน้อยก็ยังมีลูกกตัญญูเช่นคุณหนูสี่ นับว่าสวรรค์ยังเมตตาจริงๆ“สามพับนี้เป็นลายโบตั๋นเจ้าค่ะ ส่วนพับนี้เป็นลายเป็ดยวนยาง” ซูเจินจูกับเฟยหลันช่วยกันคลี่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายเป็ดยวนยางออกมาให้หลงจู๊ฝูดู เมื่อเห็นว่าหลงจู๊ฝูมองผ้าพับลายเป็นยวนยางด้วยสายตาชื่นชมก็พูดต่อทันที“ผืนนี้ราคาห้าร้อยตำลึงเจ้าค่ะ“ไอหย๋า แพงถึงเพียงนั้น”“ไม่นับว่าแพงนะเจ้าคะท่านล
การเดินทางไปยังหมู่บ้านซานครั้งนี้เต็มไปด้วยความราบรื่น เฟยหลันเล่าเรื่องในเมืองหลวงให้ซูเจินจูฟังตลอดทาง นางเกิดและเติบโตที่เมืองหลวง ขนมร้านใดอร่อย อาหารเหลาใดเลิศรสนางล้วนรู้จัก แต่ละปีในเมืองหลวงจะจัดงานต่างๆมากมายที่นางชื่นชอบมากที่สุดคือเทศกาลดอกไม้ไฟ แต่ในทุกเทศกาลนางไม่เคยได้ปล่อยใจชื่นชมการแสดงเพราะนางต้องคอยคุ้มกันนายหญิงที่ออกพบปะเหล่าสตรีชั้นสูงในงานนั้น เหล่าสตรีในเมืองหลวงล้วนน่ากลัว อุบายแยบยลที่ถูกจัดวางอย่างดีราวกับหมากในกระดานที่ขอเพียงพวกนางเริ่มลงมือ หากรู้ตัวช้าก็ไม่มีหวังที่จะพลิกกระดานขึ้นมาเป็นฝ่ายกุมอำนาจได้ ด้วยเพราะเป็นการเดินทางที่ไม่เร่งรีบ หลีกเลี่ยงทางเล็กแคบเลือกเดินทางผ่านถนนเส้นหลักทำให้การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเกือบสามชั่วยาม แต่เป็นสามชั่วยามที่ซูเจินจูเพลิดเหลินไปกับทิวทัศน์สองข้างทางและเรื่องเล่าของเฟยหลันที่ไม่ต่างจากเทพนิยายในโลกที่ซูเจินจูจากมา“คุณหนูของบ่าว มาแล้วหรือเจ้าคะ รีบเข้าไปพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะให้ซินเซียงไปยกขนมกับน้ำชามาให้”“สี่เสวี่ยเจ้าใจเย็นก่อน คิดถึงข้าเพียงนั้นเชียวหรือ ให้ข้าเดินดูพวกนางสักหน่อยเถอะ พวกนางล้วนเป็นคนปักผ
เช้าวันต่อมาเฟยหลันก็กลับมารายงานเรื่องที่ตนสืบได้“คุณหนู บ่าวสืบมาได้ว่าคุณหนูใหญ่เลี้ยงอันธพาลไว้ข้างนอกจำนวนมากแต่ละเดือนต้องจ่ายเงินให้พวกมันหนึ่งร้อยตำลึงเป็นค่าปิดปากไม่ให้พวกมันเอาเรื่องไปฟ้องคุณชายหลิน เมื่อวานคุณหนูใหญ่ไปของเงินฮูหยินซูแต่กลับถูกไล่ออกมา จึงเข้ามาขโมยหีบเงินของท่าน เมื่อไม่เจอหีบเงินจึงข่มขู่เสี่ยวเหลียนเห็นว่านางไม่พูดจึงใส่ร้ายว่านางขโมยผ้าไหมพับหนึ่งก่อนสั่งคนงานในบ้านให้โบยนางสิบไม้ คุณหนูใหญ่ให้อิงชุ่ยนำเครื่องประดับไปขาย ใช้เงินสามร้อยตำลึงจ้างอันธพาลสามสิบคนดักฉุดท่านวันที่ท่านต้องออกไปทำการค้าครั้งหน้า อันธพาลพวกนั้นส่วนหนึ่งเป็นคนที่เคยหาเรื่องท่านตอนไปสวนดอกเหมยเจ้าค่ะ”“สืบข่าวได้ว่องไว ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า”“คุณหนูจะให้บ่าวจัดการนางเลยหรือไม่เจ้าคะ”ซูเจินจูเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ นางกำลังครุ่นคิด การฆ่าซูหนี่ย์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การตายไม่ใช่สิ่งที่นางปารถนาจะมอบให้แก่คนจิตใจวิปริตเช่นซูหนี่ย์ สตรีประเภทใดกันถึงชื่นชอบการทำลายสตรีผู้อื่นด้วยการให้บุรุษมากมายข่มเขงรังแก หากคนที่ถูกวางอุบายไม่ใช่นาง แต่เป็นเพียงสตรีอ่อนแอสักคน สตรีเหล่านั้นคงเลือกเส
หลังจัดการไก่ทั้งหกตัวจนหมด คนทั้งสี่ก็เก็บของลงจากบนเขา วันนี้ซูเจินจูไม่อยากกลับเย็นจนเกิดไปเพราะต้องนำสมุนไพรในตระกร้าไปปลูกและเก็บให้เรียบร้อยก่อนเดินทางกลับอำเภอเหอวันพรุ่งนี้หยางหย่งเจิ้งเดินมาส่งซูเจินจูถึงหน้าเรือนหอมหมื่นลี้ก่อนจะแยกตัวกลับไปที่กระท่อมริมลำธารของเขาทันทีที่หยางหย่งเจิ้งเปิดดประตูเข้ามา ชายชุดดำในกระท่อมก็โค้งคำนับเขาทันที“เหวินอี้คารวะท่านรองแม่ทัพ”“ไม่ต้องมากพิธี เจ้ามีข่าวใหม่หรือไม่”“ข้าสืบมาได้ว่าก้านลู่ร่วมมือกับผู้ช่วยนายอำเภอของอำเภออู๋เป็นสายให้แคว้นจิ้น ตอนนี้แคว้นจิ้นละทิ้งการโจมตีฝั่งใต้แต่ยกทัพเลียบเขามายังฝั่งตะวันออกเฉียงใต้แทน คงตั้งใจตีเข้ามาทางตำบลไป่เข้าอำเภออู่เลียบกำแพงเมืองหลวงแบ่งสองทัพเข้าทั้งทางประตูทิศใต้และทศตะวันออกขอรับ”“สืบต่อว่าผู้ช่วยนายอำเภออู๋ติดต่อกับใครอีกบ้าง สืบเรื่องของนายอำเภออู๋ด้วยหากไม่ใช่พวกเดียวกันก็ใช้เขาซ้อนแผนปล่อยข่าวลวงให้ทัพศัตรู ดูท่าคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”“พวกข้าจะรีบไปสืบและส่งข่าวกลับมา ท่านรองแม่ทัพจะอยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อหรือขอรับ ข้าคิดว่าชาวบ้านที่นี่วุ่นวายกับท่านมากเกินไปนั
วันต่อมา ป้ายเรือนหอมหมื่นลี้ถูกแขวนไว้อย่างสวยงามโดไม่มีพิธีใดๆตามคำสั่งของซูเจินจู นางถือฤกษ์สะดวกและถือว่าเรือนหลังนี้ยังไม่เสร็จดี ไว้รอให้ทุกอย่างในเรือนเรียบร้อยค่อยจัดงานก็ยังไม่สายหลังจากตรวจดูความแน่นหนาและมั่งคงแล้วสี่เสวี่ยไปหาลุงหวังหัวหน้าหมู่บ้านให้ลุงหวังช่วยประกาศในหมูบ้านว่านางต้องการรับสมัครคนเย็บถุงหอมมีค่าแรงให้ใบละหนึ่งตำลึง ไม่ได้รับทุกคนในทันทีแต่นางจะให้ลองปักให้นางดูก่อน เฉพาะคนที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะได้รับงานนี้ เมื่อผ่านแล้วก็ไม่อนุญาตให้เอางานปักกลับไปทำ ต้องทำที่เรือนหอมหมื่นลี้เท่านั้น หากใครยอมรับตามนี้ได้ พรุ่งนี้เช้าให้ไปเจอนนางที่เรือนเมื่อกลับเข้าเรือนสี่เสวี่ยก็ให้ซินเซียงและเยว่ชิงช่วยกันเอาผ้าไหมมีตำหนิพับหนึ่งออกมาตัดให้เป็นขนาดถุงหอมเตรียมไว้ให้คนที่จะมาทดสอบวันพรุ่งนี้ขณะเดียวกันซูเจินจูก็ลงมือวาดผ้าลายโบตั๋น ด้วยเพราะมีผู้ช่วยฝีมือดีอย่างเยว่ชิงจึงใช้เวลาไม่นานนักผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายดอกโบตั๋นก็ทำเสร็จ เมื่อเห็นว่างานผ้าเรียบร้อยดีก็สั่งให้เฟยหลันและจางหมิ่นเตรียมตัวเพื่อขึ้นเขาจางหมิ่นเดินมาบอกหยางหย่งเจิ้งว่าคุณหนูกำลังขึ้นเขา หากเขา
ขณะเดียวกัน เฟยเมี่ยวก็เข้ามารายงานซูเจินจูที่แยกสมุนไพรอยู่ในห้องยา เฟยหลันบอกเอาไว้ก่อนออกไปซื้อม้าว่าให้คอยดูเพ่ยเพ่ยเอาไว้อย่าให้นางสร้างความเดือดร้อน นางเป็นเพียงคนที่คุณหนูบังเอิญช่วยไว้ ไม่ใช่คนของคุณหนู ดังนั้นเมื่อเห็นว่านางเหมือนจะก่อเรื่องก็เข้าไปรายงานซูเจินจูทันที“เจ้าถอยไปนะ ข้ามาอวยพรพี่สาว พี่สาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ ข้ามาอวยพรวันเกิดท่านเจ้าค่ะ” แม่หนูน้อยยังไม่ละความพยายาม ตะโกนอยู่หน้าบ้านหวังเพียงซาลาเปาสักใบครึ่งใบไปให้น้องชายที่รอนางอยู่“ออกไป นังเด็กบ้า นังเด็กตัวเหม็น พวกเจ้าคนงานทางนั้นมาช่วยข้าจับนังเด็กนี่โยนออกไปเร็ว”คนงานมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา วางอุปกรณ์ในมือก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเพ่ยเพ่ย“หยุด!! พวกเจ้าทำอะไรกัน” เสียงของซูเจินจูทำให้คนทั้งหมดที่กระอักกระอ่วนอยู่แล้วยิ่งทำอะไรไม่ถูกเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าหน้าซูเจินจูทันทีที่เห็นนางเดินออกมา“พี่สาว ข้ามาอวยพรวันเกิดให้ท่าน ขอให้ท่านอายุมั่นขวัญยืน ขอให้ท่านร่ำรวย มีอิ่ม มีหลับไม่ขาดเจ้าค่ะ”ซูเจินจูได้ฟังคำอวยพรผิดๆถูกๆก็ยิ้มมองเด็กสาวตรงหน้า“ขอบใจแม่หนู เฟยเมี่ยว เจ้าเข้าไปเอาซาลาเปา
เมื่อถึงหมู่บ้านซาน ซูเจินจูที่ยังไม่ทันได้ลงจากรถก็ได้ยินเสียงสี่เสวี่ยดังมาแต่ไกล“คุณหนู คุณหนูของบ่าวมาแล้ว”“ไอหย๋า เสียงดังมาจากไหน ตะโกนดังเพียงนี้เห็นที่ว่าบ้านข้าคงถล่มลงมาแล้ว”“คุณหนู บ่าวไม่ได้เสียงดังถึงเพียงนั้นนะเจ้าคะ ค่อยลงๆสิเจ้าคะ ทำไมกระโดดลงมาเช่นนั้น เยว่ชิงเจ้าเข้าไปเตรียมน้ำให้คุณหนู หลิวหยางจางหมิ่นมาช่วยกันยกของในรถม้า อ๊ะ แม่นางทั้งสอง”“นางคือเฟยหรงกับเฟยเมี่ยว เรื่องของพวกนางเฟยหลันจะเป็นคนจัดการ”“เจ้าค่ะ คุณหนูเข้าไปข้างในก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้างนอกแดดแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย”ผ้าสิบแปดพับและหีบเงินถูกย้ายเข้ามาวางในห้องโถงของเรือนใน คนทั้งหมดยืนตั้งแถวเป็นระเบียบอยู่หน้าซูเจินจู แต่ละคนต่อแถวเข้ามาอวยพร จนซูเจินจูที่นั่งรับคำอวยพรมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้“เอาล่ะ อย่างที่พวกเจ้ารู้ว่าเมื่อวานนี้เป็นวันเกิดของข้า ดังนั้นข้าจึงมอบของขวัญให้พวกเจ้าถือว่าเป็นการต่ออายุข้า ผ้าไหมคนละหนึ่งพับ ผ้าฝ้ายชั้นดีคนละหนึ่งพับ พวกเจ้ามาเลือกกันเถอะ”บ่าวทั้งหมดมองหน้ากันไปๆมาๆ หน้าตาประดับรอยยิ้มดีใจแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะให้ผ้าไหมกับพวกเขาจริงๆ แม้ว่าจะเห็นสี่เสวี่ยใส่ผ้าไ
เช้าวันต่อมา ซูเจินจู พาเฟยหลันและเสี่ยวเหลียนเข้ามาร้านผ้าซูเตี้ยนตั้งแต่เช้า วันนี้ที่ร้านจะจัดประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นทั้งสองผืน บรรยากาศคึกคัก บรรดาฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆมากันอย่างหนาตา คนงานในร้านวิ่งวุ่นวางเก้าอี้ยาวออกไปนอกร้านให้เหล่าผู้ติดตามได้พักผ่อนซูเจินจูเห็นว่าหลงจู๊ฝูทำงานได้ไม่มีขาดตกบงพร่องจึงกลับเข้าไปในห้องทำงานของตน เฟยหลันให้เสี่ยวเหลียนออกไปซื้อขนมกล่องร้านเสี่ยวซือกวงแทนคนงานที่วิ่งวุ่นอยู่ด้านล่างใกล้ถึงเวลาประมูล หลินเฮงฉวนก็เดินเข้ามาในร้าน หลงจู๊ฝูเห็นว่าเป็นคุณชายหลินจึงสั่งให้คนงานตั้งเก้าอี้ด้านหน้าสุดให้คุณชายหลินเป็นกรณีพิเศษ สายตาของเหล่าสตรีมองมาที่เขาอย่างมีความใน เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์จนเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรี เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขาการมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนวันนี้ก็นับว่าได้กำไรแล้วการประมูลครั้งนี้ไม่ยืดเยื้อ และไม่เสียเวลา เป็นที่รู้กันว่ายามสตรีซื้อของไม่ต่างกับบุรุษออกรบ ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับแรกถูกประมูลไปในราคาหกร้อยห้าสิบตำลึงโดยฮูหยินตระกูลจี้ ตระกูลพ่อค้าเจ้าของเหลาตือฟ่านกว่างผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับที่สองถูกปร
“เสี่ยวเหลียน ชอบกินขนมหรือไม่” ซูเจินจูที่ละสายตาจากสวนดอกเหมยตรงหน้าหันกลับไปถามเพียงเสี่ยวเหลียน ด้วยรู้ว่าเฟยหลันไม่ชอบกินขนม“ชะ ชอบเจ้าค่ะ”“เฟยหลัน เจ้ากับเสี่ยวเหลียนไปหาโต๊ะนั่งแล้วสั่งขนมกินเถอะ”“เจ้าค่ะ คุณหนู” เฟยหลันเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งขนมและน้ำชาหลินเฮงฉวนสังเกตเสี่ยวเหลียนตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว ถึงนางจะไม่ได้แต่งตัวดีเท่าซูเจินจูแต่เสื้อผ้าของนางก็ยังเป็นผ้าต่วนชั้นดี ผัดแป้งแต้มชาด อีกทั้งซูเจินจูยังพยายามเอาใจนางต่อหน้าเขา คงตั้งใจยกเสี่ยวเหลียนให้เป็นเมียบ่าวของเขาแน่ๆ เห็นทีเขาต้องหาโอกาสคุยกับนางสักหน่อยว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น เดิมทีเขาก็ต้องการมีฮูหยินเพียงคนเดียว การที่นางได้มาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขานับเป็นขอยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อซูหนี่ย์เห็นอิงชุ่ยเข้ามาก็ชวนคนทั้งหมดเข้าไปเดินเล่นในสวนดอกเหมย“คุณชายหลิน เจินจูเอ๋อร์มาที่นี่เป็นครั้งแรก เราเข้าไปเดินเล่นข้างในสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“คุณหนูสี่ซู หากเจ้าหายอ่อนล้าจากการนั่งรถม้าเมื่อสักครู่แล้ว เราก็เข้าไปเดินเล่นข้างในกันสักหน่อยเถอะ” หลินเฮงฉวนก็เห็นดีกับซูหนี่ย์ เพียงแต