คราแรกสี่เสวี่ยไม่ต้องการให้คุณหนูเลือกทาสที่ดูน่ากลัวผู้นี้ แต่คัดค้านความต้องการของคุณหนูไม่ได้ เมื่อฟังพ่อค้าทาสแล้วก็เบาใจขึ้น
หลังจากจ่ายเงินสามสิบตำลึง สี่เสวี่ยไปซื้อรังผึ้งจากร้านชำบ้านไฉและพาเยว่ชิงออกเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบททันที
ซูเจินจูพาเฟยหลันมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยน ให้นางเลือกชุดผ้าฝ้ายสำเร็จรูปสองชุดก็จะตรงไปที่โรงหลอมเหล็กอู่จินจาง
“เจ้าเข้าไปเลือกอาวุธสักชิ้นเถอะ”
“….”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ เข้าไปเลือกเถอะ”
“คุณหนู เหตุใด...” นางแปลกใจ เฉพาะแผลเป็นบนใบหน้าก็ทำให้คนทั่วทั้งแคว้นรังเกียจนาง ผู้ที่ต้องการซื้อตัวนางล้วนเป็นบุรุษวัยกำดัด หากเป็นสตรีก็สตรีที่ชื่นชอบการเหยียบย่ำผู้อื่น แต่หากรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ก็จะยิ่งทรมานนางมากขึ้น ด้วยรู้นางไม่สามารถตอบโต้ได้ ก่อนหน้านี้นางถูกคุณหนูจวนแม่ทัพผิงซื้อตัวไป เมื่อเห็นว่าทรมานนางเท่าไหร่นางก็ไม่ปริปากร้องขอความเมตตาก็ปล่อยให้นางอดข้าวอดน้ำสิบวันก่อนให้คนหิ้วนางมาขายให้กับพ่อค้าทาส
“ไปเลือกเถอะ ข้าไม่สนใจอดีตของเจ้า เมื่ออยู่กับข้าเจ้าเพียงปกป้องข้าให้ดีเท่านั้น”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อเฟยหลันเข้าไปเลือกอาวุธซูเจินจูก็หันมาคุยกับนายท่านฮุ่ยซิ่ว
“ท่านอาเจ้าคะ ข้าอยากทำอุปกรณ์ที่เคยมาสั่งท่านทำเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นเข้าค่ะ”
“อันที่ใช้เหล็กบางทำใช่หรือไม่ อันก่อนใช้งานไม่ได้แล้วหรือแม่หนู ถึงต้องมาทำเพิ่ม”
“ใช้งานได้ดีอยู่เจ้าค่ะ เพียงแต่ต้องใช้เพิ่มเท่านั้น”
“ได้ๆ ราคาเดิมห้าตำลึง แต่ไม่ต้องใช้เวลานานเท่าเดิมอีกแล้ว พรุ่งนี้เย็นๆก็มารับได้”
เฟยหลันเลือกกระบี่อ่อนหนึ่งเล่ม ซูเจินจูเห็นว่ากระบี่อ่อนนี้พกพาง่าย ไม่เป็นที่สังเกตุ ก็พอใจมาก และยังซื้อมีดสั้นเพิ่มอีกสองเล่มด้วย
“ท่านอา ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ”
“กระบี่อ่อนสามสิบตำลึง มีดสั้นสองอันสิบหกตำลึง ของชิ้นเล็กที่เจ้าสั่งทำห้าตำลึง ทั้งหมดห้าสิบเอ็ดตำลึง ข้าคิดเจ้าห้าสิบตำลึงเท่านั้น”
“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ”
“คุณหนู ข้า เอ่อ บ่าวไม่คิดว่ากระบี่อ่อนเล่มนี้จะแพงขนาดนี้” กระบี่เล่มนี้แพงกว่าค่าตัวนางเสียอีก หากนางรู้ก่อนว่าแพงขนาดนี้นางคงไม่กล้าหยิบมา
“หากเป็นอาวุธที่เจ้าใช้ได้ถนัดมือ ข้าก็ไม่นับว่าแพง”
“บ่าว สามารถรับมันไว้ได้หรือเจ้าคะ”
“เฟยหลัน อยู่กับข้ามีกฎเพียงสี่ข้อเท่านั้น ซื่อสัตย์ ภักดี มีวินัย และห้ามนำเรื่องของข้าไปพูดกับผู้ใด หากเจ้าทำได้ กระบี่อ่อนเล่มนี้ก็เป็นของเจ้า”
“บ่าวทำได้ ขอบคุณคุณหนูที่เมตตาเจ้าค่ะ”
“เอาล่ะ ไปโถงยาเจี้ยนคังกันต่อเถอะ”
“คุณหนูผู้นี้ มาซื้อยาหรือมาขายสมุนไพรขอรับ”
“ข้ามาซื้อสมุนไพร”
“มีใบสั่งยามาหรือไม่ขอรับ”
“ไม่มี เจ้าจดตามที่ข้าบอกก็พอ”
“คุณหนูเชิญกล่าว”
“ข้าต้องการ จื่อเยียน ชวนเป้ยหมู่ ไป๋จื่อ ไป๋เสา ไป๋จี่ ปาโต้ว เหมยกุ้ยฮวา อ้ายเยี่ย หวงฉี หงฮวา อย่างละสองเหลี่ยง จัดมาสองชุด แล้วก็ เจียงหวง ตังกุย อย่างละหนึ่งเลี่ยงเจ็ดชุด เออเจียวสองแผ่น แล้วก็โถบดยากับที่บดยาชุดเล็กหนึ่งชุด”
“ชุดแรกเหลี่ยงละสองร้อยอีแปะ สิบอย่างอย่างละสองเหลี่ยงจำนวนสองชุดคิดแปดตำลึง ชุดที่สองเหลี่ยงละหกร้อยอีแปะคิดแปดตำลึงสี่ร้อยอีแปะ เออเจี่ยวแผ่นละสองร้อยอีแปะ บดยาชุดเล็กสองตำลึงรวมเป็นสิบแปดตำลึงหกร้อยอีแปะขอรับ”
ซูเจินจูและเฟยหลันเดินออกมาไม่เท่าไหร่ ท่านหมอลี่ก็เดินออกมา
“เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงคน มาขายสมุนไพรหรือ”
“เพียงมาซื้อสมุนไพรขอรับ เป็นเพียงแม่นางน้อยกับสาวใช้ นี่เป็นใบสั่งยาขอรับ”
“นี่มัน.. ตำหรับยารักษาแผลหรือ นางจัดตำหรับเป็นแน่หรือ”
“ท่านหมอ นางเพียงบอกให้ข้าจดตามที่บอกขอรับ ข้าก็ไม่รู้ว่านางได้ตำหรับยามาอย่างไร”
“นางมาซื้อเพียงยาเท่านี้หรือ”
“มีสมุนไพรสามชนิดนี้อีกชุดนึงขอรับ”
“เป็นยาบำรุงสตรีทั่วไป ช่างเถอะ ทำลายกระดาษแผ่นนี้ทิ้งซะ หากนางเป็นอะไรไปเจ้าก็บอกว่าจัดยาตามที่นางสั่งก็พอ”
“ได้ขอรับ”
“ว้ายยย!! เจ้าเป็นใคร” อู๋เหมย สาวรับใช้คนสนิทของมี่ซิ่นร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าที่มีรอยแผลเป็นของเฟยหลัน
“อู๋เหมย นางเป็นคนของข้า เจ้าจะตกใจอะไรกัน”
“คุณหนู คุณหนูกลับมาแล้ว ฮูหยินรองให้บ่าวมารอ วันนี้นายท่านกลับมาสั่งให้ทุกคนไปที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”
“ไอหย๋า เรียกพบทุกคนเลยหรือ มีเรื่องใหญ่อันใด”
“ไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนู ช้ากว่านี้นายท่านจะไม่พอใจนะเจ้าคะ”
“รู้แล้วๆ อู๋เหมย นี่ยาเจ็ดชุดกับเออเจียวต้มให้ท่านแม่วันละชุดเป็นยาบำรุงเลือดลม อีกสองชุดใหญ่นี้เอาไปวางไว้ในห้องข้า แล้วก็พาเฟยหลันไปพักผ่อนที่ห้องเดิมของสี่เสวี่ยให้ข้าหน่อยเถอะ”
“ได้เจ้าค่ะ คุณหนูรีบไปเถอะเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าอู๋เหมยพาสี่เสวี่ยไปยังทางไปเรือนของตนแล้ว ซูเจินจูจึงเดินไปทางห้องโถง
“คารวะท่านพ่อ” ซูเจินจูกวาดสายตามองไปทั่วห้อง เมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่กับซูเม่ยยังมาไม่ นางก็ผ่อนลมหายใจลงเล็กน้อยและเข้าไปนั่งข้างฮูหยินรองมี่ซิ่น มี่ซิ่นพยักเพยิดให้ซูเจินจูนั่งเงียบอย่าเพิ่งรบกวนนางที่กำรอชมงิ้วโรงใหญ่
“ท่านพี่ เหตุใดจึงเรียกประชุมครอบครัวหรือเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่ถามขึ้นทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องโถง
“เหตุใดจึงมาช้านัก อาจูออกไปทำงานด้านนอกยังมาหาข้าเร็วกว่าเจ้าที่อยู่ในบ้านเสียอีก” ท่านนายซูหน้าตาเคร่งเครียดคิ้วขมวดมุ่นเป็นปม หน้าอวบๆเกร็งขึ้นเหมือนกำลังขบกรามแน่นเพื่อข่มความโกรธ
“ท่านพี่ เม่ยเอ๋อร์ป่วยหนักนักจนลุกไม่ขึ้นเสียแล้วเจ้าค่ะ ข้าไปดูนางมาจึงมาล่าช้า”
“เหอะ วิ่งแร่ออกไปทำเรื่องงามหน้าได้ แต่ลุกขึ้นมาเจอหน้าข้าไม่ได้ หากเจ้าพาตัวนางมาไม่ได้ข้าจะให้คนของข้าไปลากตัวนางมาเอง”
“ช้าก่อนเจ้าค่ะ ท่านพี่ อย่าทำรุนแรงกับลูกเลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่ที่กลัวว่านายท่านซูจะให้บ่าวไพร่ไปลากตัวซูเม่ยออกมาจริงๆก็เข้ามาขวางหน้าเขาไม่ให้เดินออกไปเรียกบ่าวไพร่ พยายามคว้ามือของเขาให้เดิมเข้ามานั่ง
แต่ความโกรธของนายท่านซูไม่ใช่สิ่งที่ฮูหยินใหญ่จะทำให้สงบลงได้ ยิ่งนางฉุดรั้งเท่าไหร่ นายท่านซูยิ่งหมดความอดทนเท่านั้น
พลั่ก..
นายท่านซูพลักฮูหยินใหญ่ลงกับพื้นแล้วเรียกบ่าวไพร่ให้ไปลากซูเม่ยออกมาทันที
ซูเหวินนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างหงุดหงิด เรื่องการสอบเป็นขุนนางของเขากลับมีอุปสรรคมากมาย ตามหลักขงจื้อแล้วเขาควรดำรงไว้ด้วยความกตัญญู แต่หากเข้าข้างมารดาช่วยเหลือซูเม่ย การกระทำของพวกนางก็จะเป็นภูเขาลูกใหญ่ขวางกั้นเข้าไว้กลางเส่นทางของขุนนาง ดังนั้นเขาจึงหวังพึ่งบิดาจัดการเรื่องนี้อย่างเรียบร้อย ไม่ให้เหลือปัญหาใดที่จะมาขวางกั้นเขาในอนาคต
ซูหนี่ย์ที่รักมารดาสุดหัวใจเข้ามาช่วยประคองฮูหยินใหญ่ให้กลับเข้าไปนั่ง
“ท่านแม่อย่าขวางท่านพ่อเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้เม่ยเอ๋อร์ทำผิดต่อพวกเรามากนัก ข้าถึงวัยออกเรือนแล้วข้าไม่อยากถูกนางทำลายชีวิต หากท่านแม่ไม่เห็นแก่ข้าก็เห็นแก่อาเหวินเถอะเจ้าค่ะ น้องชายยังต้องคบค้ากับเหล่าบัณฑิต หากทำจนเรื่องนี้ใหญ่โต น้องชายจะลำบากนะเจ้าคะ”
ฮูหยินใหญ่ซูหันกลับไปมองหน้าลูกชายที่นั่งก้มหน้าอยู่ด้วยความรู้สึกผิด หากต้องเลือกนางต้องเห็นแก่อนาคตลูกชายของนางก่อน ซูเหวินเป็นเด็กฉลาด อนาคตไกล หากเขารักชอบการค้าชื่อเสียงล้วนไม่มีค่าเท่าเงินทอง แต่เมื่อเขารักชอบการเป็นขุนนาง นางที่เป็นแม่จะต้องประคองชื่อเสียงของครอบครัวให้ดีเพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่เขาในภายภาคหน้า
ซูเม่ยที่ลูกลากเข้ามาอยู่ในสภาพย่ำแย่ มองเพียงผ่านก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นางไม่กินไม่ดื่มแม้แต่นอนก็นอนไม่หลับจนร่างกายซูบผอม
“เม่ยเอ๋อร์คารวะท่านพอ” ซูเม่ยคุกเข่าโค้งกายคารวะนายท่านซู
“อาเม่ย .. เจ้าทำอย่างนั้นไปได้อย่างไร เหตุใด” นายท่านซูที่เห็นซูเม่ยซูบผอมความโกรธที่มีก็ค่อยๆจาง ใจที่แข็งก่อนหน้านี้ก็อ่อนลง
“ท่านพ่อ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพียงแค่รักพี่ตงชุน สิ่งที่เกิดขึ้นข้าไม่ได้ต้องการให้เกิด ท่านพ่อต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ข้าต้องการแต่งงานกับพี่ตงชุน” ซูเม่ยพูดความในใจออดมาด้วยความอัดอั้น น้ำตาไหลรินออกมาเป็นสาย นางไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้
“ช่วย? เจ้ามันไร้ยางอาย ทำเรื่องบัดสีกับคนพ่อแต่ร้องจะแต่งกับคนลูก เจ้าคิดว่าบ้านไฉจะรับเจ้าเข้าไปให้เป็นฮูหยินไฉตงชุน? เจ้าเลิกคิดได้เลย ข้าจะให้เจ้าแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรองของไฉถังเทียน”
“ข้าไม่ได้รักเขา ข้ารักพี่ตงชุน เหตุใดท่านต้องบังคับข้า” ซูเม่ยสามารถใจเย็นได้อีกแล้ว นางร้องโวยวายเรียกร้องความต้องการของตนเอง นางไม่ต้องการเป็นฮูหยินรองนายท่านไฉ หากต้องแต่งเข้าไปเป็นภรรยาของบิดาของบุรุษที่ตนหมายปอง ไม่สู้ยอมตายเสียดีกว่า
“หุบปาก เรื่องนี้เหลือทางให้เจ้าเลือกหรือ ใครสั่งใครสอนเจ้าให้ทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้ กับของต่ำๆเช่นธูปราคะเจ้าก็ยังกล้าซื้อมาใช้ ข้าวที่เจ้ากินเข้าไปมันไม่ได้เลี้ยงหัวเจ้าให้โตขึ้นมาเลยหรือ”
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆเจ้าค่ะ เป็นเหลียนฮัวนำมันมาให้ข้า ข้าไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ”
“ท่านพี่ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ เรื่องนี้เม่ยเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ เป็นเพราะนังบ่าวชั่วเหลียนฮัวหวังใช้โอกาสนี้มีสัมพันธ์กับไฉตงชุน ลูกเราเพียงแค่ตกลงไปในอุบายนังบ่าวชั่วเท่านั้น” ฮูหยินใหญ่ซูรีบอธิบาย เรื่องนี้จะปล่อยให้คนเข้าใจผิดไม่ได้ ลูกของนางถึงผิดแต่ก็ผิดเพราะความไม่รู้ หากปล่อยให้คนเข้าใจผิดว่าลูกนางรู้จักของต่ำพวกนี้ แม้แต่ตำแหน่งฮูหยินรองลูกของนางก็คงไม่ได้เป็น
“โง่ เจ้ามันโง่ทั้งแม่ทั้งลูก เจ้าให้บ่าวใจคดติดตามลูกข้าเช่นนี้หรือ เจ้าคิดจะทำลายตระกูลซูของข้าใช่หรือไม่ เจ้าก็เหมือนกันนังลูกโง่ เห็นอยู่กับตาว่านางทำอะไรก็ยังปล่อยในนางทำจนสำเร็จ เหตุใดถึงโง่งมเพียงนี้”
“ท่านพ่อ ข้า ข้า..”
“เจ้าไฉถังเทียนมันรังแกเจ้าใช่หรือไม่ เรื่องนี้มันต้องรับผิดชอบ พูดมาวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เรื่องที่เขารู้ตอนนี้เหมือนที่ทุกคนในบ้านรู้ แต่เรื่องนี้ล้วนมาจากบอกของฮูหยินไฉ ฟังความฝ่ายเดียวล้วนเสียเปรียบ เขาต้องการรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากปากของซูเม่ย
“เม่ยเอ๋อร์รีบบอกพ่อเจ้า บอกเจ้าจะไปทวงความยุติธรรมให้เจ้า รีบพูดเร็วเม่ยเอ๋อร์”
“ท่านพ่อ ข้า ข้าถูกนายท่ายไฉ กะ กะ.. กับ คนงานอีกสองคนรังแกเจ้าค่ะ” ซูเม่ยทั้งอับอายทั้งโกรธจนหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด
“บัดซบ นังลูกชั่ว งามหน้านัก นังบ่าวชั่วไปไหน ไปลากมันมา”
“ท่านพี่ ข้าสั่งคนโบยนางจนตาย ลากศพไปทิ้งแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้า เจ้า!!! ฆ่านางทิ้งจะไปหาพยานที่ไหน เจ้าจะให้เม่ยเอ๋อร์บากหน้าขึ้นมาเล่าเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองหรือ”
“ข้า ข้าไม่ทันคิด ท่านพี่โปรดอภัยให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“ไปเตรียมตัว พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปบ้านไฉ” นายท่านซูทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ระหว่างมองคนในบ้านทยอยเดินออกไปจากห้องโถง เขาไม่รู้จริงๆว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรไปต่อรองกับพวกบ้านไฉ แต่สิ่งที่เขารู้คือ เขาจะต้องไม่ยอมเสียเปรียบคนพวกนั้นแน่
เรื่องราวนี้ช่างเป็นการโต้เถียงที่ทรมานซูเจินจูเป็นที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับนางแม้สักนิด แต่นางยังต้องนั่งฟังประหนึ่งเป็นงิ้วฉากสำคัญ นางกลับมาถึงห้องก็ล้มตัวลงนอนหลับไปทันที
วันต่อมาซูเจินจูมาที่โถงยาเจี้ยนคังอีกครั้ง เมื่อวานนางลืมซื้อสมุนไพรแก้พิษแมงมุมและยาห้ามเลือด นางต้องการกลับเข้าไปจับแมงมุมตัวโตเต็มวัยมาลองสกัดพิษสักสองตัว ดังนั้นนางต้องปรุงยาแก้พิษพวกมันเสียก่อนโดยปกติตำรับยารักษาแผลกับห้ามเลือดจะเป็นคนละตำรับกัน แต่ซูเจินจูใช้ความรู้ดั้งเดิมปรับสูตรยาเป็นฟื้นฟูเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังลดอักเสบฆ่าเชื้อและห้ามเลือดเข้าด้วยกัน สมุนไพรสำคัญของยาตัวนี้คืออ้ายเยี่ยที่มีคุณสมบัติขับกระจายความเย็นระงับปวด อบอุ่นเส้นลมปราณเพื่อห้ามเลือด หวงฉีที่มีคุณสมบัติทำให้ชี่ไหลเวียน ระงับปวด ช่วยรักษาบาดแผลและสร้างเนื้อเยื่อ ป๋าเซีย เป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติและเป็นตัวยาเสริมของยาแก้พิษทั่วไป เมื่อสมุนไพรหลักสามตัวรวมกับสมุนไพรเสริมอีกสามสิบชนิดก็จะได้ยาใส่แผลคุณภาพดีเลยที่เดียวส่วนสมุนไพรแก้พิษนั้นกลับมีไม่ครบ ขาดส่วนประกอบสำคัญอย่างรากหญ้าขน แต่รากหญ้าขนไม่ใช่ของหายากอะไร นางสามารถเก็บได้ตามภูเขานอกเมืองหลังจากซื้อสมุนไพรที่ต้องการแล้วนางแ
“ช่วยด้วย นายหญิง ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ” สตรีผู้หนึ่งวิ่งมาที่เฟยหลัน ร้องตะโกนขอให้ช่วยอย่างสุดเสียง เมื่อนางวิ่งมาจนถึงรถม้าก็คุกเข่าลงที่หน้าเฟยหลันทันที“นายหญิงช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”เฟยหลันสังเกตว่ามีชายฉกรรจ์วิ่งตรงมาทางนี้อีกเกือบสิบคน นางไม่อยากให้คุณหนูที่อ่อนโยนอย่างซูเจินจูต้องรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าจึงชักกระบี่อ่อนออกมาขวางสตรีผู้นั้นไว้“แม่นาง เจ้านายของข้าต้องรีบเดินทาง ขอแม่นางอย่าขวางทาง”“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ หากข้าถูกจับไปข้าต้องตายแน่ๆ”“พวกเจ้า ส่งตัวนังแพศยานั่นมา ไม่ใช่นั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ” เหล่าชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามมาถึงก็ตะโกนใส่เฟยหลันทันที“พวกมันเรียกเจ้าแล้ว เจ้าไปเถอะ อย่าทำให้คุณหนูของข้าต้องแปดเปื้อน” การแกะมือของสตรีผู้นั้นออกจากร่างกายสำหรับเฟยหลันที่เป็นวรยุทธ์ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่สตรีผู้นั้นก็เห็นขบวนร
ซูเจินจูที่สั่งงานเสร็จเรียบร้อยก็เข้าไปปรุงยาในห้อง เพียงไม่นานยาทั้งสองชนิดก็เสร็จเรียบร้อย ซูเจินจูสะพายตะกร้า พร้อมผ้าและเชือกสำหรับปิดด้านบนตะกร้าขึ้นไปยังถ้ำแมงมุมทันทีซูเจินจูเดินลัดเลาะขึ้นมาทางลัด นางจำได้ว่าหากมาจากอีกฝั่งก็จะเข้าไปในถ้ำได้เช่นกันแถมระยะทางก็ใกล้กว่า นางกระโดดขึ้นต้นไม้ตรวจสอบร่องรอยของทิศทางกระโดดจากต้นหนึ่งไปยังต้นหนึ่งอย่างมั่นคงเพียงนานก็มาถึงหน้าถ้ำแต่เมื่อซูเจินจูกระโดดลงมาจากต้นไม้สิ่งที่รอรับเท้าทั้งสองข้างของนางอยู่กลับไม่ใช่พื้นดิน“โอ้ย” ซูเจินจูที่รั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ก็ล้มลงไปหัวกระแทกพื้นดินเข้าอย่างจัง ความคิดชั่ววูบที่ผุดขึ้นมาคือการกระทบกระเทือนที่หัวจะทำให้วิญญาณนางหลุดออกจากร่าง ทำให้นางรีบจับเนื้อจับตัวของตัวเอง ลมหายใจหนักหน่วงประหนึ่งว่าโล่งใจที่ไม่ได้กลายเป็นวิญญาณเร่รอนถูกผ่อนออกมา เมื่อตั้งสติได้ก็หันมามองที่ต้นเหตุ“เพ้ยยยย ศพคนนี่หว่า ไฉนมีคนมานอนตายหน้าถ้ำ บรื้ออ” นางใช้เท้าเขี่ยศพที่
ขณะเดียวกันหน้าถ้ำแมงมุมก็มีชายชุดดำคนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าชายหนุ่มที่ซูเจินจูช่วยชีวิตไว้“คารวะท่านรองแม่ทัพ”“เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”“ตอนนี้ท่านแม่ทัพเดินทางถึงเมืองหลวงแล้ว อาการก็พ้นขีดอันตราย ท่านจะเดินทางเข้าเมืองหลวงเลยหรือไม่ขอรับ”“ยังไม่ไป ในกองทัพมีสายลับ ข้าศึกรู้กลศึกของเราทั้งหมด หากหาตัวสายลับไม่เจอ ออกศึกคราวหน้าข้ากับท่านพี่คงต้องตายในสนามรบ ... เจ้าไปส่งข่าวให้ท่านพี่ข้าเก็บข่าวเรื่องข้าไว้เป็นความลับ ให้แจ้งกองทัพไปว่าหาข้าไม่พบ เป็นหรือตายไม่แน่ชัด ประกาศคัดเลือกรองแม่ทัพคนใหม่ ข้าเชื่อว่าผู้บงการเบื้องหลังต้องแย่งชิงตำแหน่งของข้าแน่”“ถ้าเช่นนั้น ท่านไปอยู่ที่หมู่บ้านเฟิงโจวก่อนดีหรือไม่ขอรับ ที่นั่นมีบ้านลับกองทัพฝั่งใต้ สะดวกต่อการติดต่อ”“ไม่ หากรู้ว่าข้าหายไปพวกมันต้องส่งคนออกตามหาแน่ เมืองฝั่งใต้ ตะวันตกฉียงใต้ และตะวังออกเฉียงใต้ล้วนอันตราย ฝั่งตะวั
หน้าถ้ำแมงมุมชายหนุ่มชุดดำที่เห็นหยางหย่งเจิ้งเดินเข้ามาก็โค้งตัวคารวะ“คารวะท่านรองแม่ทัพ”“เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”“ท่านแม่ทัพดำเนินการตามแผนของท่านแล้วขอรับ แต่ก้านลู่ถูกลอบสังหารเมื่อคืนนี้ ยังไม่พบตัวคนร้ายขอรับ”“เล่ามา”“เมื่อคืนก้านลู่ไปที่หอห่าวซีเถียนตามปกติแต่เช้านี้กลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ทางการตรวจศพแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่ข้าให้คนของเราเข้าไปแอบตรวจสอบอีกครั้งพบว่าเขาถูกวางยาพิษ เป็นพิษที่แปลกนักถูกพิษแต่ศพกลับเป็นปกติดูเหมือนนอนหลับตายไปเฉยๆ พิษหายากเช่นนี้คนธรรมดาไม่มีทางครอบครองได้ ข้าจึงคิดว่าเขาถูกฆ่าปิดปากขอรับ”“เข้าไปหาหลักฐานในที่พักแล้วส่งคนของเราเฝ้าเอาไว้ด้วย คนที่ลอบสังหารต้องกลับมาหาหลักฐานแน่นอน หากพวกมันมาก็ให้คนของเราสะกดรอยตามไป”“ทราบแล้วขอรับ”ในขณะเดียวกันเฟยหลันก็มารายงานเรื่องที่ซูเจินจูสั่งให้ทำ“จัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ บ่าวอยู่รอจนเห็นว่าไม่มีใครสงสัยจึงค่อยกลับมาเจ้าค่ะ”“ดีมาก ระหว่างนี้เจ้าลองหาข่าวพวกพ้องของเจ้าเถอะ ข้ายินดีซื้อตัวพวกเขาไว้”“ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยหลันรู้สึกยินดีมากหากพี่น้องของตนสามารถมารับใช้คุณหนูได้ นางยังจำความ
เมื่อวันส่งสินสอดมาถึง ชาวบ้านต่างมุงดูกันด้วยความอิจฉา ขบวนสินสอดยาวสามลี้ เต็มไปด้วยตำลึงเงิน ตำลึงทอง เครื่องประดับ ของล้ำค่าแปลกตาอีกมากมาย ครอบครัวซูที่สวมชุดแดงใบหน้ายิ้มแย้มเปิดประตูยืนตรวจรายการสินสอด ขานรายการของมีค่าแต่ละครั้ง ชาวบ้านแทบตาถลนออกมา รายการสินสอดล้วนเป็นไปด้วยของมีค่าที่มีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ทั้งนั้น“ข้าอิจฉาเจ้านัก น้องรอง ว่าที่สามีเจ้าช่างร่ำรวยยกขบวนสินสอดมายาวถึงสามลี้ เจ้าแต่งงานใหญ่โตถึงเพียงนี้ ถึงคราข้าต้องแต่ง มิขายหน้าเจ้าแย่หรือ”“พี่ใหญ่เหตุใดเย้าข้าเช่นนี้ ท่านก็รู้ว่างานแต่งนี้ข้าไม่ได้เต็มใจ”“น้องรอง เหตุใดพูดเช่นนั้น งานแต่งแต่ไหนแต่ไรพ่อแม่เป็นคนจัดการ ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ วาจาท่านพ่อก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะไม่ฟังได้”“ข้ารู้ แต่ข้า...”“เม่ยเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าสามีของเจ้าไปทำการค้าต่างแคว้นบ่อยๆหรือ นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะไม่ค่อยได้เจอกับเขาใช่หรือไม่”“ท่านพ่อบอกเช่นนั้นเจ้าค่ะ”“แล้วเจ้าจะเศร้าไปไย ท่านพ่อเพียงไปทำงานค้าต่างอำเภอเดือนหนึ่งพวกเรายังเจอท่านไม่กี่วัน นี่ไปทำการค้าต่างแคว้นปีหนึ่งเจ้าจะเจอหน้าเขาได้สักกี่หน เจ้าอย่าได้เส
“เจ้า.. อุทานให้เหมือนสตรีมากกว่านี้ได้หรือไม่” หยางหย่งเจิ้งหันกลับมามองเด็กสาวที่มีเค้าความงามตรงหน้า ‘ชิบหายแล้ว’ อย่างนั้นหรือ คำอุทานหยาบคายเช่นนี้เด็กสาวตรงหน้าไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน“ไอหย๋า พี่ชาย คนตกใจแยกบุรุษ สตรีด้วยหรือ”หยางหย่งเจิ้งมองหน้าซูเจินจูอย่างคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขา เขามองหน้านางนิ่งๆอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจวบจนสายตาเลื่อนลงไปเห็นว่ากริชเงินที่นางถืออยู่เป็นของเขา“กริชเงินในมือเจ้าคุ้นตาข้านัก”“พี่ชาย ท่านเป็นโจรป่าหรือ เหตุใดจึงมาคุ้นตาของในมือผู้อื่นเล่า”“เจ้าเหมือนโจรยิ่งกว่าข้าเสียอีก”“ตาท่านบอดเสียแล้ว”“!!!!!”การต่อปากต่อคำของคนทั้งสองยังไม่จบก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังขึ้นอีกครั้ง หยางหย่งเจิ้งรวบตัวซูเจินจูขึ้นมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ เสือตัวหนึ่งที่ตามกลิ่นเลือดของหมูป่าโผล่ออกมากระทันหัน เมื่อเห็นว่าเป็นเสือ หยางหย่งเจิ้งไม่รอช้ากระโดดออกมาจากจุดนั้นทันที“ไอหย๋า พี่ชายวรยุทต์ท่านล้ำเลิศนัก เป็นข้าเสียมารยาทดูเบาท่านไปเสียแล้ว”“เมื่อครู่เจ้ายังว่าข้าเป็นโจรป่าอยู่เลย”“เพ้ย หูท่านไม่ดีเสียแล้ว บุรุษที่สูงส่งเช่นท่านจะเป็นโจรป่าไปไ
“คุณหนูท่านนี้ ต้องการทาสแบบใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” นายหน้าค้าทาสรีบออกมาต้องรับซูเจินจู เด็กสาวที่สามารถใส่ชุดผ้าไหมหยกพับละห้าสิบตำลึงได้ มีเพียงลูกผู้ดีมีเงินเท่านั้น“ข้าต้องการทาสหญิง พามาให้ข้าดูหน่อยเถอะ” คุณหนูรอสักครู่ ข้าจะรีบไปพาทาสหญิงมาให้ท่านดูขอรับ” นายหน้าค้าทาสพาเหล่าทาสหญิงมายืนเรียงหน้ากระดานตรงหน้าซูเจินจู ครึ่งหนึ่งเป็นหญิงงาม ไม่ถือว่าล่มเมืองแต่ก็ไม่ได้หาได้ดาษดื่นทั่วไป อีกฝั่งเป็นทาสหญิงที่หากไม่หน้าตาขี้ริ้วก็รูปร่างผิดสัดผิดส่วนการที่เด็กผู้หญิงวัยเดียวกับซูเจินจูมาซื้อทาส ส่วนใหญ่คือทาสที่กลายเป็นสินเดิม แต่งเข้าเรือนบุรุษ ทาสหญิงที่รูปโฉมงดงามมันถูกใช้เป็นสาวใช้อุ่นเตียงเพื่อไม่ให้ความโปรดปรานจากบุรุษตกไปเป็นของผู้อื่น ส่วนทาสหญิงที่หน้าตาไม่งดงามมักถูกซื้อจากเหล่าสตรีขี้หึงที่ไม่ชอบให้หญิงงามคนใดเข้าใกล้สามีตน“ข้าไม่ถูกใจ มีคนอื่นอีกหรือไม่”“คุณหนูต้องการทาสแบบใด ข้าจะไปพาตัวมาให้ขอรับ”“พาออกมาให้หมด ข้าจะเป็นคนเลือกเอง” ซูเจินจูปรายตามองทางเฟยหลัน เฟยหลันหยิบเงินตำลึงทองหนึ่งก้อนยัดใส่มือพ่อค้าทาส ก้อนตำลึงทองเย็นๆในมือมีหรือจะทำให้พ่อค้าทาสชักช้า
“คุณหนูกลับมาแล้ว บ่าวคารวะคุณหนูขอรับ”“ท่านลุงฝู คราวนี้มีลายใหม่มาด้วยเจ้าค่ะ ท่านไปคุยกับข้าในห้องก่อนเถอะ”“ได้ขอรับ” “เจ้าสองคนน่ะคนนึงไปชงชา อีกคนไปซื้อขนมร้านเสี่ยวซือกวงในคุณหนู ไปๆให้ไว”คนงานสองกันช่วยกันลำเลียงผ้าทั้งยี่สิบสองผืนลงมาจากรถม้าเข้าไปยังห้องทำงานของหลงจู๊ฝู หลงจู๊ฝูเห็นผ้ามากมายหลายพับก็ยิ้มดีใจจนตาแทบจะปิดสนิท“ท่านลุงฝู ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายดอกเหมย ลายดอกท้อ และลายดอกบัวทั้งหมดสิบแปดพับ เป็นของที่ร้านสิบเจ็ดพับนะเจ้าคะ พับสีม่วงลายดอกบัวนี้ข้าจะนำกลับไปให้ท่านแม่”“ขอรับคุณหนู” หลงจู๊ฝูใช้พู่กันในมือขีดฆ่าจำนวนเดิมที่ลงไว้แล้วเขียนจำนวนใหม่ลงไปข้างๆ ฮูหยินรองที่ไม่มีบ้านเดิมสนับสนุน ไม่ได้รับความรักจากนายท่าน อย่างน้อยก็ยังมีลูกกตัญญูเช่นคุณหนูสี่ นับว่าสวรรค์ยังเมตตาจริงๆ“สามพับนี้เป็นลายโบตั๋นเจ้าค่ะ ส่วนพับนี้เป็นลายเป็ดยวนยาง” ซูเจินจูกับเฟยหลันช่วยกันคลี่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายเป็ดยวนยางออกมาให้หลงจู๊ฝูดู เมื่อเห็นว่าหลงจู๊ฝูมองผ้าพับลายเป็นยวนยางด้วยสายตาชื่นชมก็พูดต่อทันที“ผืนนี้ราคาห้าร้อยตำลึงเจ้าค่ะ“ไอหย๋า แพงถึงเพียงนั้น”“ไม่นับว่าแพงนะเจ้าคะท่านล
การเดินทางไปยังหมู่บ้านซานครั้งนี้เต็มไปด้วยความราบรื่น เฟยหลันเล่าเรื่องในเมืองหลวงให้ซูเจินจูฟังตลอดทาง นางเกิดและเติบโตที่เมืองหลวง ขนมร้านใดอร่อย อาหารเหลาใดเลิศรสนางล้วนรู้จัก แต่ละปีในเมืองหลวงจะจัดงานต่างๆมากมายที่นางชื่นชอบมากที่สุดคือเทศกาลดอกไม้ไฟ แต่ในทุกเทศกาลนางไม่เคยได้ปล่อยใจชื่นชมการแสดงเพราะนางต้องคอยคุ้มกันนายหญิงที่ออกพบปะเหล่าสตรีชั้นสูงในงานนั้น เหล่าสตรีในเมืองหลวงล้วนน่ากลัว อุบายแยบยลที่ถูกจัดวางอย่างดีราวกับหมากในกระดานที่ขอเพียงพวกนางเริ่มลงมือ หากรู้ตัวช้าก็ไม่มีหวังที่จะพลิกกระดานขึ้นมาเป็นฝ่ายกุมอำนาจได้ ด้วยเพราะเป็นการเดินทางที่ไม่เร่งรีบ หลีกเลี่ยงทางเล็กแคบเลือกเดินทางผ่านถนนเส้นหลักทำให้การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเกือบสามชั่วยาม แต่เป็นสามชั่วยามที่ซูเจินจูเพลิดเหลินไปกับทิวทัศน์สองข้างทางและเรื่องเล่าของเฟยหลันที่ไม่ต่างจากเทพนิยายในโลกที่ซูเจินจูจากมา“คุณหนูของบ่าว มาแล้วหรือเจ้าคะ รีบเข้าไปพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะให้ซินเซียงไปยกขนมกับน้ำชามาให้”“สี่เสวี่ยเจ้าใจเย็นก่อน คิดถึงข้าเพียงนั้นเชียวหรือ ให้ข้าเดินดูพวกนางสักหน่อยเถอะ พวกนางล้วนเป็นคนปักผ
เช้าวันต่อมาเฟยหลันก็กลับมารายงานเรื่องที่ตนสืบได้“คุณหนู บ่าวสืบมาได้ว่าคุณหนูใหญ่เลี้ยงอันธพาลไว้ข้างนอกจำนวนมากแต่ละเดือนต้องจ่ายเงินให้พวกมันหนึ่งร้อยตำลึงเป็นค่าปิดปากไม่ให้พวกมันเอาเรื่องไปฟ้องคุณชายหลิน เมื่อวานคุณหนูใหญ่ไปของเงินฮูหยินซูแต่กลับถูกไล่ออกมา จึงเข้ามาขโมยหีบเงินของท่าน เมื่อไม่เจอหีบเงินจึงข่มขู่เสี่ยวเหลียนเห็นว่านางไม่พูดจึงใส่ร้ายว่านางขโมยผ้าไหมพับหนึ่งก่อนสั่งคนงานในบ้านให้โบยนางสิบไม้ คุณหนูใหญ่ให้อิงชุ่ยนำเครื่องประดับไปขาย ใช้เงินสามร้อยตำลึงจ้างอันธพาลสามสิบคนดักฉุดท่านวันที่ท่านต้องออกไปทำการค้าครั้งหน้า อันธพาลพวกนั้นส่วนหนึ่งเป็นคนที่เคยหาเรื่องท่านตอนไปสวนดอกเหมยเจ้าค่ะ”“สืบข่าวได้ว่องไว ไม่เสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า”“คุณหนูจะให้บ่าวจัดการนางเลยหรือไม่เจ้าคะ”ซูเจินจูเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ นางกำลังครุ่นคิด การฆ่าซูหนี่ย์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การตายไม่ใช่สิ่งที่นางปารถนาจะมอบให้แก่คนจิตใจวิปริตเช่นซูหนี่ย์ สตรีประเภทใดกันถึงชื่นชอบการทำลายสตรีผู้อื่นด้วยการให้บุรุษมากมายข่มเขงรังแก หากคนที่ถูกวางอุบายไม่ใช่นาง แต่เป็นเพียงสตรีอ่อนแอสักคน สตรีเหล่านั้นคงเลือกเส
หลังจัดการไก่ทั้งหกตัวจนหมด คนทั้งสี่ก็เก็บของลงจากบนเขา วันนี้ซูเจินจูไม่อยากกลับเย็นจนเกิดไปเพราะต้องนำสมุนไพรในตระกร้าไปปลูกและเก็บให้เรียบร้อยก่อนเดินทางกลับอำเภอเหอวันพรุ่งนี้หยางหย่งเจิ้งเดินมาส่งซูเจินจูถึงหน้าเรือนหอมหมื่นลี้ก่อนจะแยกตัวกลับไปที่กระท่อมริมลำธารของเขาทันทีที่หยางหย่งเจิ้งเปิดดประตูเข้ามา ชายชุดดำในกระท่อมก็โค้งคำนับเขาทันที“เหวินอี้คารวะท่านรองแม่ทัพ”“ไม่ต้องมากพิธี เจ้ามีข่าวใหม่หรือไม่”“ข้าสืบมาได้ว่าก้านลู่ร่วมมือกับผู้ช่วยนายอำเภอของอำเภออู๋เป็นสายให้แคว้นจิ้น ตอนนี้แคว้นจิ้นละทิ้งการโจมตีฝั่งใต้แต่ยกทัพเลียบเขามายังฝั่งตะวันออกเฉียงใต้แทน คงตั้งใจตีเข้ามาทางตำบลไป่เข้าอำเภออู่เลียบกำแพงเมืองหลวงแบ่งสองทัพเข้าทั้งทางประตูทิศใต้และทศตะวันออกขอรับ”“สืบต่อว่าผู้ช่วยนายอำเภออู๋ติดต่อกับใครอีกบ้าง สืบเรื่องของนายอำเภออู๋ด้วยหากไม่ใช่พวกเดียวกันก็ใช้เขาซ้อนแผนปล่อยข่าวลวงให้ทัพศัตรู ดูท่าคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”“พวกข้าจะรีบไปสืบและส่งข่าวกลับมา ท่านรองแม่ทัพจะอยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อหรือขอรับ ข้าคิดว่าชาวบ้านที่นี่วุ่นวายกับท่านมากเกินไปนั
วันต่อมา ป้ายเรือนหอมหมื่นลี้ถูกแขวนไว้อย่างสวยงามโดไม่มีพิธีใดๆตามคำสั่งของซูเจินจู นางถือฤกษ์สะดวกและถือว่าเรือนหลังนี้ยังไม่เสร็จดี ไว้รอให้ทุกอย่างในเรือนเรียบร้อยค่อยจัดงานก็ยังไม่สายหลังจากตรวจดูความแน่นหนาและมั่งคงแล้วสี่เสวี่ยไปหาลุงหวังหัวหน้าหมู่บ้านให้ลุงหวังช่วยประกาศในหมูบ้านว่านางต้องการรับสมัครคนเย็บถุงหอมมีค่าแรงให้ใบละหนึ่งตำลึง ไม่ได้รับทุกคนในทันทีแต่นางจะให้ลองปักให้นางดูก่อน เฉพาะคนที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะได้รับงานนี้ เมื่อผ่านแล้วก็ไม่อนุญาตให้เอางานปักกลับไปทำ ต้องทำที่เรือนหอมหมื่นลี้เท่านั้น หากใครยอมรับตามนี้ได้ พรุ่งนี้เช้าให้ไปเจอนนางที่เรือนเมื่อกลับเข้าเรือนสี่เสวี่ยก็ให้ซินเซียงและเยว่ชิงช่วยกันเอาผ้าไหมมีตำหนิพับหนึ่งออกมาตัดให้เป็นขนาดถุงหอมเตรียมไว้ให้คนที่จะมาทดสอบวันพรุ่งนี้ขณะเดียวกันซูเจินจูก็ลงมือวาดผ้าลายโบตั๋น ด้วยเพราะมีผู้ช่วยฝีมือดีอย่างเยว่ชิงจึงใช้เวลาไม่นานนักผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายดอกโบตั๋นก็ทำเสร็จ เมื่อเห็นว่างานผ้าเรียบร้อยดีก็สั่งให้เฟยหลันและจางหมิ่นเตรียมตัวเพื่อขึ้นเขาจางหมิ่นเดินมาบอกหยางหย่งเจิ้งว่าคุณหนูกำลังขึ้นเขา หากเขา
ขณะเดียวกัน เฟยเมี่ยวก็เข้ามารายงานซูเจินจูที่แยกสมุนไพรอยู่ในห้องยา เฟยหลันบอกเอาไว้ก่อนออกไปซื้อม้าว่าให้คอยดูเพ่ยเพ่ยเอาไว้อย่าให้นางสร้างความเดือดร้อน นางเป็นเพียงคนที่คุณหนูบังเอิญช่วยไว้ ไม่ใช่คนของคุณหนู ดังนั้นเมื่อเห็นว่านางเหมือนจะก่อเรื่องก็เข้าไปรายงานซูเจินจูทันที“เจ้าถอยไปนะ ข้ามาอวยพรพี่สาว พี่สาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ ข้ามาอวยพรวันเกิดท่านเจ้าค่ะ” แม่หนูน้อยยังไม่ละความพยายาม ตะโกนอยู่หน้าบ้านหวังเพียงซาลาเปาสักใบครึ่งใบไปให้น้องชายที่รอนางอยู่“ออกไป นังเด็กบ้า นังเด็กตัวเหม็น พวกเจ้าคนงานทางนั้นมาช่วยข้าจับนังเด็กนี่โยนออกไปเร็ว”คนงานมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา วางอุปกรณ์ในมือก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเพ่ยเพ่ย“หยุด!! พวกเจ้าทำอะไรกัน” เสียงของซูเจินจูทำให้คนทั้งหมดที่กระอักกระอ่วนอยู่แล้วยิ่งทำอะไรไม่ถูกเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมมรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าหน้าซูเจินจูทันทีที่เห็นนางเดินออกมา“พี่สาว ข้ามาอวยพรวันเกิดให้ท่าน ขอให้ท่านอายุมั่นขวัญยืน ขอให้ท่านร่ำรวย มีอิ่ม มีหลับไม่ขาดเจ้าค่ะ”ซูเจินจูได้ฟังคำอวยพรผิดๆถูกๆก็ยิ้มมองเด็กสาวตรงหน้า“ขอบใจแม่หนู เฟยเมี่ยว เจ้าเข้าไปเอาซาลาเปา
เมื่อถึงหมู่บ้านซาน ซูเจินจูที่ยังไม่ทันได้ลงจากรถก็ได้ยินเสียงสี่เสวี่ยดังมาแต่ไกล“คุณหนู คุณหนูของบ่าวมาแล้ว”“ไอหย๋า เสียงดังมาจากไหน ตะโกนดังเพียงนี้เห็นที่ว่าบ้านข้าคงถล่มลงมาแล้ว”“คุณหนู บ่าวไม่ได้เสียงดังถึงเพียงนั้นนะเจ้าคะ ค่อยลงๆสิเจ้าคะ ทำไมกระโดดลงมาเช่นนั้น เยว่ชิงเจ้าเข้าไปเตรียมน้ำให้คุณหนู หลิวหยางจางหมิ่นมาช่วยกันยกของในรถม้า อ๊ะ แม่นางทั้งสอง”“นางคือเฟยหรงกับเฟยเมี่ยว เรื่องของพวกนางเฟยหลันจะเป็นคนจัดการ”“เจ้าค่ะ คุณหนูเข้าไปข้างในก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้างนอกแดดแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย”ผ้าสิบแปดพับและหีบเงินถูกย้ายเข้ามาวางในห้องโถงของเรือนใน คนทั้งหมดยืนตั้งแถวเป็นระเบียบอยู่หน้าซูเจินจู แต่ละคนต่อแถวเข้ามาอวยพร จนซูเจินจูที่นั่งรับคำอวยพรมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้“เอาล่ะ อย่างที่พวกเจ้ารู้ว่าเมื่อวานนี้เป็นวันเกิดของข้า ดังนั้นข้าจึงมอบของขวัญให้พวกเจ้าถือว่าเป็นการต่ออายุข้า ผ้าไหมคนละหนึ่งพับ ผ้าฝ้ายชั้นดีคนละหนึ่งพับ พวกเจ้ามาเลือกกันเถอะ”บ่าวทั้งหมดมองหน้ากันไปๆมาๆ หน้าตาประดับรอยยิ้มดีใจแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะให้ผ้าไหมกับพวกเขาจริงๆ แม้ว่าจะเห็นสี่เสวี่ยใส่ผ้าไ
เช้าวันต่อมา ซูเจินจู พาเฟยหลันและเสี่ยวเหลียนเข้ามาร้านผ้าซูเตี้ยนตั้งแต่เช้า วันนี้ที่ร้านจะจัดประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นทั้งสองผืน บรรยากาศคึกคัก บรรดาฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆมากันอย่างหนาตา คนงานในร้านวิ่งวุ่นวางเก้าอี้ยาวออกไปนอกร้านให้เหล่าผู้ติดตามได้พักผ่อนซูเจินจูเห็นว่าหลงจู๊ฝูทำงานได้ไม่มีขาดตกบงพร่องจึงกลับเข้าไปในห้องทำงานของตน เฟยหลันให้เสี่ยวเหลียนออกไปซื้อขนมกล่องร้านเสี่ยวซือกวงแทนคนงานที่วิ่งวุ่นอยู่ด้านล่างใกล้ถึงเวลาประมูล หลินเฮงฉวนก็เดินเข้ามาในร้าน หลงจู๊ฝูเห็นว่าเป็นคุณชายหลินจึงสั่งให้คนงานตั้งเก้าอี้ด้านหน้าสุดให้คุณชายหลินเป็นกรณีพิเศษ สายตาของเหล่าสตรีมองมาที่เขาอย่างมีความใน เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์จนเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรี เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขาการมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนวันนี้ก็นับว่าได้กำไรแล้วการประมูลครั้งนี้ไม่ยืดเยื้อ และไม่เสียเวลา เป็นที่รู้กันว่ายามสตรีซื้อของไม่ต่างกับบุรุษออกรบ ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับแรกถูกประมูลไปในราคาหกร้อยห้าสิบตำลึงโดยฮูหยินตระกูลจี้ ตระกูลพ่อค้าเจ้าของเหลาตือฟ่านกว่างผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋นพับที่สองถูกปร
“เสี่ยวเหลียน ชอบกินขนมหรือไม่” ซูเจินจูที่ละสายตาจากสวนดอกเหมยตรงหน้าหันกลับไปถามเพียงเสี่ยวเหลียน ด้วยรู้ว่าเฟยหลันไม่ชอบกินขนม“ชะ ชอบเจ้าค่ะ”“เฟยหลัน เจ้ากับเสี่ยวเหลียนไปหาโต๊ะนั่งแล้วสั่งขนมกินเถอะ”“เจ้าค่ะ คุณหนู” เฟยหลันเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งขนมและน้ำชาหลินเฮงฉวนสังเกตเสี่ยวเหลียนตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว ถึงนางจะไม่ได้แต่งตัวดีเท่าซูเจินจูแต่เสื้อผ้าของนางก็ยังเป็นผ้าต่วนชั้นดี ผัดแป้งแต้มชาด อีกทั้งซูเจินจูยังพยายามเอาใจนางต่อหน้าเขา คงตั้งใจยกเสี่ยวเหลียนให้เป็นเมียบ่าวของเขาแน่ๆ เห็นทีเขาต้องหาโอกาสคุยกับนางสักหน่อยว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น เดิมทีเขาก็ต้องการมีฮูหยินเพียงคนเดียว การที่นางได้มาเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเขานับเป็นขอยกเว้นเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อซูหนี่ย์เห็นอิงชุ่ยเข้ามาก็ชวนคนทั้งหมดเข้าไปเดินเล่นในสวนดอกเหมย“คุณชายหลิน เจินจูเอ๋อร์มาที่นี่เป็นครั้งแรก เราเข้าไปเดินเล่นข้างในสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”“คุณหนูสี่ซู หากเจ้าหายอ่อนล้าจากการนั่งรถม้าเมื่อสักครู่แล้ว เราก็เข้าไปเดินเล่นข้างในกันสักหน่อยเถอะ” หลินเฮงฉวนก็เห็นดีกับซูหนี่ย์ เพียงแต