Share

บทที่ 10

last update Last Updated: 2025-04-06 10:58:03

เมื่อไปถึงหมู่บ้านจั๋วมู่ ซูเจินจูพาหัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่กับชาวบ้านอีกสามคนขึ้นไปดูต้นไม้ที่นางต้องการ

 “กลิ่นดอกไม้ที่เราได้กลิ่นกันมาจากต้นไม้พวกนี้หรือ” หลังจากที่มาถึงที่ กลิ่นหอมอบอวนทำให้ชาวบ้านแปลกใจ ใจนึงก็คิดว่าหากเป็นกลิ่นดอกไม้พวกนี้แล้วนางขุดไป ต่อไปจะไม่มีคนมาชมดอกไม้ที่หมู่บ้านอีกเป็นแน่

“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะท่านลุง กลิ่นพวกนี้เป็นกลิ่นจากดอกเหมยด้านล่างรวมกับกลิ่นความชื้นของป่าที่สมบูรณ์แห่งนี้เจ้าค่ะ แต่หากว่ามีคนขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ ต้นไม้และเถาวัลย์ถูกเหยียบย่ำก็จะทำให้กลิ่นของดอกเหมยลอยออกไป ไม่ติดค้างอยู่ที่ที่เจ้าค่ะ ท่านลุงลองดมกลิ่นหญ้าพวกนี้สิเจ้าคะ หญ้าพวกนี้ก็มีกลิ่นเช่นเดียวกัน” ซุเจินจูไม่สามารถพูดความจริง หากนางบอกความจริงคนพวกนี้ไม่มีทางให้นางขุดต้นไม้พวกนี้แน่ นางทำได้พียงหาข้ออ้างที่แม้แต่นางก็ยังรู้สึกไม่น่าเชื่อ ก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า หวังว่าท่านลุงทั้งหลายจะเชื่อข้านะเจ้าคะ

“เป็นอย่างที่เจ้าว่า เห็นทีว่าไม่ว่าอะไรที่อยู่ตรงนี้ก็คงเป็นกลิ่นแบบนี้จริงๆ” เมื่อทุกคนดมหญ้า ดมใบไม้ในละแวกนั้นแล้วก็พบว่าทุกอย่างมีกลิ่นหอมจริงๆ จึงเชื่อตามที่ซูเจินจูบอกและยังกลับไปกำชับคนในหมู่บ้านไม่ให้เข้ามาที่นี่จนทำให้กลิ่นดอกไม้หายไป

ซูเจินจูต้องการตันกุ้ย จินกุ้ย และอิ๋นกุ้ย ต้นสูงสองถึงสามเมตร อย่างละสิบต้น นางให้ค่าแรงการขนย้ายต้นละหนึ่งตำลึง ชาวบ้านต่างตกใจกับเงินจำนวนมากจึงตกลงจะย้ายทั้งสามสิบต้นให้เสร็จภายในเจ็ดวัน

ซูเจินจูฝากกุญแจบ้านและเงินค่าต้นไม้สามสิบตำลึงไว้กับลุงหวังผู้ที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านซาน เขาแปลกใจที่บ้านสร้างเสร็จแล้วแต่ซูเจินจูก็ยังไม่ย้ายเข้ามาอยู่ เมื่อคิดดูแล้วเห็นว่าไม่ได้มีอะไรเสียหายต่อคนในหมู่บ้านเขาก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียง เพียงถือกุญแจไว้คอยเปิดให้คนส่งต้นไม้เท่านั้น

เช้าวันต่อมาขณะที่นางกำลังจะออกไปที่ร้าน ก็พบบ่าวรับใช้ของจวนนายอำเภอนำของมาให้ เป็นปิ่นทองลายดอกเหมย พร้อมจดหมายจากหลินเฮงฉวนมีข้อความว่า “มีเพียงจอกสุราไม่หรรษา ดวงเทียนอาลัยยังอำลา รินหลั่งน้ำตาให้เราจนรุ่งราง” ซูเจินจูอ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ คราแรกนึกว่าหลินเฮงฉวนนัดตนไปดื่มสุรา แต่พลิกจดหมายไปๆมาๆหลายรอบก็ไม่เห็นมีเวลานัด ดูแล้วดูอีกแต่ก็ยังไม่เข้าใจ จึงให้สี่เสวี่ยนำไปเก็บไว้ในหีบ

(แต่เดิมกวีบทนี้เป็นของตู้มู้ เขียนไว้ว่า “รักมากเปรียบเสมือนดั่งไร้รัก มีเพียงจอกสุราไม่หรรษา ดวงเทียนอาลัยยังอำลา รินหลั่งน้ำตาให้เราจนรุ่งราง” กวีบทนี้ เขียนบรรยายถึงความรักของหนุ่มสาว ที่มีต่อกันอย่างท่วมท้น เมื่อถึงเวลาต้องลาจาก ทั้งที่ความรักล้นแน่นอก แม้มีจอกสุราอยู่เบื้องหน้า ก็ไม่อาจช่วยให้ยิ้มแย้มออก หลี่เฮงฉวนจงใจละทิ้งประโยคแรกด้วยกลัวว่าจะสื่อความในมากเกินไป อีกใจนึงก็คิดว่าซูเจินจูจะต้องมาพบตนเพื่อขอบคุณเรื่องปิ่นทองและถกกวีด้วยกัน จึงจงใจเขียนเช่นนั้น

ซูเจินจูเข้ามาที่ร้าน สั่งให้หลงจู๊นำผ้าไหมที่มีตำหนิมาให้นางสิบพับ นางต้องการนำไปให้ลูกค้าดูว่าจะรับซื้อผ้ามีตำหนิเหล่านี้หรือไม่ หลงจู๊จึงเลือกพับที่มีตำหนิน้อยที่สุดมาให้นาง

“ผ้าไหมพวกนี้นายท่านซื้อมาด้วยราคาสิบตำลึงขายหน้าร้านราคาสิบห้าตำลึง หากคุณหนูขายราคาสิบตำลึงได้ เราก็จะไม่ขาดทุนขอรับ”

“ท่านลุงฝูเจ้าคะ ราคาสิบตำลึงคือราคาผ้าไหมที่ไม่มีตำหนินะเจ้าคะ หากต้องจ่ายเงินสิบตำลึง ไม่สู้ไปซื้อผ้าที่ไม่มีตำหนิไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”

“แต่ราคาสิบตำลึงเป็นราคาที่ต้องทำสัญญาการค้านะขอรับ ต่อให้ไปซื้อถึงหน้าโรงทอผ้า อย่างไรก็ต้องซื้อสิบห้าตำลึง”

“แต่หากไม่ขายพวกเขา เท่ากับเราขาดทุนสิบตำลึงนะเจ้าคะ หากขายราคาถูกลงหน่อย ก็เท่ากับเราขาดทุนน้อยลง”

“อย่างไรเสีย คุณหนูลองแจ้งราคาสิบตำลึงก่อนเถอะขอรับ หากผู้ซื้อจะต่อรองข้าคิดว่าแปดตำลึงก็เป็นราคาที่น่าสนใจ”

“ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะนำผ้าพวกนี้ไปให้พวกเขาดูก่อน แต่เท่าที่ข้าเห็นผ้าเหล่านี้ล้วนมีตำหนิน้อย หากเราทำการขายจำนวนมาก ก็ต้องมีผ้าที่มีตำหนิมากปะปนไปด้วย เรื่องนี้จะมีปัญหาหรือไม่”

“คุณหนูหมายถึง พวกเขาต้องการซื้อเยอะหรือขอรับ” เมื่อได้ยินว่าจะสามารถขายผ้ามีตำหนิพวกนั้นได้จำนวนมาก หลงจู๊ก็สนใจมากขึ้นทันที

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ข้าคิดว่าหากขายให้พวกเขาได้ ข้าก็อยากทำสัญญาขายระยะยาว ต่อไปเมื่อผ้ามีตำหนิก็จะไม่ทำให้ขาดทุนจนเกินไป”

“เป็นเช่นนั้น หากสามารถขายผ้าที่มีตำหนิมากด้วยได้ ก็สามารถลดราคาได้อีกเล็กน้อย”

“เอาเถอะ ท่านลุงฝู ไว้ข้าจะลองเจรจากับพวกเขาก่อน หากตกลงกันไม่ได้ข้าจะกลับมาปรึกษาท่านอีกครั้งเจ้าค่ะ”

เมื่อเกริ่นเรื่องการซื้อผ้าจบซูเจินจูก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วเหลือก็เพียงแต่ลงมือทำผ้าออกมาแล้วนำกลับมาขายในร้านผ้าซูเตี้ยนเท่านั้น

เย็นวันนั้นซูเจินจูและสี่เสวี่ยแวะไปซื้อรังผึ้งที่ร้านชำบ้านไฉพอใกล้ถึงหน้าร้าน กลับเจอคนที่ไม่น่าจะเจอมากที่สุดอย่างซูเม่ย ซูเม่ยยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านชำบ้านไฉ นางจิตใจจดจ่อไปภายในร้านจนไม่เห็นซูเจินจูด้วยซ้ำ ซูเจินจูเองก็ลังเลที่จะเข้าไปในร้านตอนนี้ นางไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่านางกำลังจะทำอะไร ไม่เช่นนั้นรายได้ทั้งหมดต้องกลายเปนของตระกูลซู เพียงครู่เดียวซูเจินจูก็เห็นเหลียนฮัวสาวใช้คนสนิทของซูเม่ยก็เดินออกมาจากในร้าน ทั้งสองพูดคุยกันสองสามคำซูเม่ยก็เดินออกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง เห็นว่าซูเม่ยเดินออกไปไกลแล้ว ซูเจินจูจึงเดินเข้ามาซื้อรังผึ้ง

“คุณหนูแซ่ซู ท่านกลับไปเถอะ นายน้อยไฉไม่ว่างพบท่านจริงๆ ท่านมาทุกวันแบบนี้ข้าเองก็ลำบากใจ”

“เพ้ย เจ้าผายลมหรือ ปากเจ้าเหม็นยิ่งนัก กล้าดียังไงมาดูหมิ่นคูณหนูของข้า ใครมาพบนายน้อยของเจ้ากัน คุณหนูของข้าจะมาซื้อรังผึ้ง”

“ขออภัยขอรับ ขออภัยแม่นาง ขออภัยคุณหนู เป็นข้าปากพร่อยไม่ดูให้ดีว่าท่านเป็นใคร หากต้องการซื้อรังผึ้งตามข้าน้อยมาทางนี้เลยขอรับ”

“ไม่ต้อง รังผึ้งของเจ้าข้าเคยเห็นแล้ว ข้าซื้อรังขนาดใหญ่สิบอัน เจ้าไปหยิบให้ข้าเถอะ” ซูเจินจูพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เห็นท่าทีเด็กในร้านกับท่าทีของซูเม่ยเมื่อครู่ นางก็พอเดาอะไรได้บางอย่าง เรื่องนี้นางไม่อยากยุ่ง ดูท่าต้องให้สี่เสวี่ยไปดูที่ร้านอื่นเสียแล้วว่าที่ใดมีรังผึ้งขายอีกบ้าง

“ได้ขอรับ คุณหนูรอที่นี่สักครู่”

แต่ดูท่าสวรรค์คงเกลียดนาง คนที่นำรังผึ้งออกมากลับเป็นไฉตงชุน

ไฉตงชุนเป็นชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา กริยามารยาทไม่สุภาพเท่าเหล่าขุนนางแต่ก็ไม่ได้กระโชกโฮกฮาก บุคลิกดูเหมือนเจ้าสัวตัวน้อย ใครเห็นก็ต้องให้ความเคารพอยู่หลายส่วน

“คุณหนูสี่ซู ข้าได้ยินว่าเจ้ามาซื้อรังผึ้ง จึงนำออกมาให้ ข้ายังนึกว่าเจ้าไม่ต้องการรังผึ้งพวกนี้เสียแล้ว” ไฉตงชุนรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อเอ่ยทักซูเจินจู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับนาง หลังจากที่เขาให้แม่สื่อไปสู่ขอ นางก็ไม่ได้มาซื้อของที่ร้านเขาอีก ทำให้เขาร้อนใจแอบไปเจอหน้านางที่ร้านผ้าซูเตี้ยนครั้งหนึ่ง แต่ก็ถูกบ่าวที่แม่ของเขาส่งไปจับกลับมา พ่อและแม่ของเขาก็ไม่พอใจที่นางมีสัญญาติดพันกับลูกชายนายอำเภอ อย่างไรซะพวกเขาก็เป็นพ่อค้า ไม่สามารถมีเรื่องกับขุนนางได้ เรื่องนี้ทำให้เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ จะตัดใจจากนางก็ทำไม่ไหว จะไปพูดคุยกับจวนนายอำเภอเรื่องของนางยิ่งเป็นไปไม่ได้

“รังผึ้งที่ร้านของท่านเป็นของดี ข้ายังต้องการอยู่เรื่อยๆเจ้าค่ะ” ใบหน้าเฉยชายกยิ้มเพียงมุมปากของซูเจินจูก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาใจสั่นจนทำอะไรไม่ถูก

“เป็นเช่นนั้น ในเมื่อเจ้าต้องการข้าก็จะรับซื้อจากพวกชาวบ้านไว้เรื่อยๆ” ไฉตงชุนหน้าแดงไปจนถึงหู ตอนนี้เขานึกด่าตัวเองที่อายุขนาดนี้กลับไม่เคยใกล้ชิดสตรีจนทำให้ประหม่าต่อหน้าสตรีที่เค้าหลงรัก

“ขอบคุณนายน้อยไฉเจ้าค่ะ”

สี่เสวี่ยจ่ายเงินสี่ตำลึงสำหรับค่ารังผึ้งแก่หลงจู๊ในร้าน ก่อนจะพาซูเจินจูออกจากร้านมา

..

“เจ้าเรียกข้าว่าพี่ตงชุนได้หรือไม่...” ไฉตงชุนพึมพำกับตนเองเบาๆ หลังจากที่ซูเจินจูออกจากร้านไป สายตาทอดยาวออกไปตามทางที่นางเดินออกไปจนลับตา..

ซูเจินจูแจ้งฮูหยินซูว่าตนจะออกไปทำการค้าที่ตำบลเป็นเวลาสามวัน ฮูหยินซูไม่ได้ว่าอะไรและไม่ได้ให้เงินค่าเดินทางและค่าโรงเตี๊ยมแก่นางด้วย หลังจากออกจากห้องของฮูหยินซูก็เข้ามาลาฮูหยินรองมี่ซิ่น

“ท่านแม่ ข้าต้องออกไปทำการค้าที่ตำบลเจ้าค่ะ ข้าไปสามวัน ท่านดูแลตัวเองด้วย” เอาเถอะ อย่างไรก็เป็นแม่ของเจ้าของร่าง ทำดีกับนางเสียหน่อยนางจะได้ไม่สร้างเรื่องรำคาญใจ แล้วก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนร่างกายนี้ด้วย

“เหตุใดเจ้าต้องไปด้วยตนเอง เจ้าเป็นเพียงสตรีที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นคนหนึ่งเท่านั้น ข้าว่าเจ้าอยู่บ้านเย็บปักถักร้อยรอคุณชายหลินมารับเข้าจวนเถอะ” มี่ซิ่นไม่เห็นด้วย หากระหว่างเกิดพลาดท่าเสียทีพวกอันธพาล ความฝันที่อยากมีลูกเขยเป็นขุนนางของนางคงจบสิ้น

“หากคุณชายหลินไม่มารับล่ะเจ้าคะ ไม่สู้ข้าออกไปเรียนรู้การค้า ต่อไปภายหน้ายังมีการค้าไว้เลี้ยงตัวเอง”

“ภายภาคหน้าของสตรีจะได้ดีก็ต่อเมื่อเจ้ารู้จักวิธีปรนิบัติเอาใจบุรุษ ข้าเห็นว่าคุณชายหลินมาหาเจ้าหลายครั้งแล้ว เป็นเจ้าที่แง่งอนไม่ยอมออกไปพบ” พอนึกถึงเรื่องนี้มี่ซิ่นก็ไม่พอใจทันที ทุกครั้งที่คุณชายหลินมา กลับมีเพียงคุณหนูใหญ่ออกไปต้องรับ ลูกสาวของนางกลับโง่งมหลีกเลี่ยงคุณชายหลินอยู่เสมอ

“ข้าไม่ได้แง่งอน เพียงแต่ไม่มีเรื่องให้พูดคุย อีกทั้งการค้าในมือข้าก็มากนัก จึงไม่สะดวกใช้เวลาคุยเล่นกับคุยชายหลินเจ้าค่ะ”

“เจ้าอย่าทำเช่นนี้อีก ข้ารู้ว่าสิ่งมากมายในมือเจ้าคือขนม ไม่ใช่การค้า ต่อไปหากคุณชายหลินมาหาเจ้า เจ้าก็ต้องออกมาพบ หากเขาต้องการอะไรเจ้าก็ต้องตามใจ ต่อให้เขาต้องการขึ้นเตียงกับเจ้า เจ้าก็ต้องพาเขาไปที่เรือนแล้วปรนิบัติอย่างดี ขึ้นชื่อว่าบุรุษ เจ้ายั่วยวนเสียหน่อยอย่างไรเขาก็ไม่มีทางปฏิเสธ หลังจากที่เจ้าเป็นเมียเขาแล้วก็มาบอกข้า ข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปส่งที่จวนนายอำเภอด้วยตัวเอง เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ชักช้า ไม่เช่นนั้นคุณหนูใหญ่คงขึ้นไปอยู่บนเตียงก่อนเจ้าเป็นแน่”

“ท่านแม่ อันที่จริงเรื่องนี้สิ่งที่ท่านพ่อต้องการที่สุดก็คือเส้นสายการค้า ดังนั้นบนเตียงของคุณชายหลินจะเป็นพี่ใหญ่หรือเป็นข้า ก็ไม่ได้ต่างกันเลยนะเจ้าคะ ข้าเองก็เห็นความรักที่พีใหญ่มีให้คุณชายหลิน ไม่สู้สนับสนุนให้พี่ใหญ่สมหวังจะดีกว่าบังคับข้าเข้าไปนะเจ้าคะ”

“เจ้ามันโง่ยิ่งนัก ผู้ชายดีๆกลับหยิบยื่นให้แก่ผู้อื่น สัญญาสาวใช้อุ่นเตียงของเจ้าอยู่กับข้า ไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะทำลายสัญญาฉบับนี้เลย ข้าอยากจะจับเจ้าส่งไปที่เตียงคุณชายหลินนัก ยิ่งพูดก็ยิ่งชังพ่อเจ้า แทนที่จะรวบรัดกลับไปทำสัญญาสองปี คอยดูเถอะกว่าจะครบสองปี ลูกเขยของข้าก็คงตกไปเป็นลูกเขยของคนอื่นก่อนแล้ว”

ยิ่งคุยกับมี่ซิ่น ยิ่งทำให้ซูเจินจูเปิดโลก ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้ในหัวมีแต่เรื่องแปลกๆ ความคิดเรื่องพวกนี้กว้างไกลเพียงไหนกันถึงได้พูดเรื่องยั่วยวนผู้ชายกับลูกสาววัยสิบสามปีอย่างไม่กระดากอายสักนิด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 11

    ซูเจินจูที่คุยกับฮูหยินรองจนหมดแรงเดินกลับมาที่เรือนก็เห็นว่าสี่เสวี่ยเตรียมข้าวของไว้เรียบร้อยแล้ว และยังไม่ลืมที่จะเตรียมเบาะรองนั่งอย่างดีไว้ให้นางถึงสี่ใบ“คุณหนูของที่ต้องเตรียมจากที่เรือนนี้ บ่าวเตรียมครบแล้วเจ้าค่ะ แต่ที่บ้านของคุณหนูไม่มีทั้งเครื่องเรือนแล้วครื่องครัว คุณหนูจะอยู่ลำบากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“พรุ่งนี้ระหว่างทางก็แวะร้านค้าในตำบลเสียหน่อย ซื้อเครื่องนอนสองชุด ตะเกียงสี่ชุด เครื่องครัวก็ตามที่เจ้าเห็นสมควร ข้าวสาร ธัญพืชอีกเล็กน้อย แล้วก็แวะ

    Last Updated : 2025-04-06
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 12

    “พวกท่านให้บ่าวไปตามข้า มีอะไรหรือเจ้าคะ” ซูเจินจูเบื่อที่จะต้องเสแสร้งพูดจาสามส่วนเช่นนี้ นางอยากจะถามตั้งแต่ประโยคแรกที่มาถึงแล้วว่าเรียกนางมาทำไม นางไม่เข้าใจเหตุใดวาจาสามส่วนพูดอ้อมเจ็ดส่วนพวกนี้ถึงได้เป็นที่นิยมนัก“ข้าเพียงมาบอกเจ้าว่า พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปสอบก่งเซิ่น” เรื่องพวกนี้ต้องให้เขาเตือนด้วยหรือ นางที่จะเป็นเป็นสตรีของเขา เหตุใดจึงไม่ปักรองเท้าให้เขาเล่า ไม่ใช่ว่าเป็นที่รู้กันอยู่แล้วหรือว่ายามบุรุษไปสอบเคอจวี่ ต้องให้รองเท้าเป็นความหมายว่าให้เดินทางปลอดภัย หากการเย็บปักของนางไม่ดี อย่างน้อยเพียงผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนเพื่อเป็นความหมายว่านางรอเขากลับมาก็ควรต้องมีใช่หรือไม่ หรือนางต้องการใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับไฉตงชุน จึงได้ทำเช่นนี้“อ่อ เช่นนั้นข้าขออวยพรให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” เอ้า ก็แค่ไปสอบ จะต้องมาบอกด้วยหรือ“เจินจูเอ๋อร์ เจ้าเสียมารยามใส่คุณชายหลินอีกแล้ว ดูน้องสาวคนนี้ของหนี่ย์เอ๋อร์สิเจ้าคะ จะเข้าไปเป็นสตรีของคุณชายอยู่แล้วยังขาดการ

    Last Updated : 2025-04-07
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 13

    หลังจากขึ้นรถม้ามา สี่เสวี่ยก็อดที่จะพูดพึมพำใส่ซูเจินจูได้ไม่“เข็มเงินร้านข้างนอกชุดละหกตำลึงเท่านั้นนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้ารู้ แต่คุณภาพต่างกันมากนัก เข็มเงินของท่านอาฮุ่ยซิ่วทั้งตรง กลม และแหลมในขนาดที่สมส่วน ขนาดเข็มแต่ละเล่มก็มีความสั้นยาวสูงต่ำตามที่ข้าต้องการ หากไปซื้อร้านด้านนอก วันนึงก็ต้องกลับมาสั่งทำอยู่ดี เมื่อถึงวันนั้นต้นแบบก็ไม่มี ไม่รู้จะได้เข็มเงินที่ถูกใจเช่นนี้หรือไม่”“แต่ว่า คุณหนูใช้เงินจนจะหมดอีกแล้วนะเจ้าคะ เหลือเพียงหนึ่งร้อยสิบเอ็ดตำลึงเท่านั้น อีกทั้งกลับไปคราวนี้ยังต้องจ้างช่างเฉินมาทำสร้างห้องบ่าวไพร่ จะให้บ่าวไพร่มาอยู่ร่วมเรือนไม่ได้นะเจ้าคะ”“ข้ารู้แล้ว อย่างไรเสียช่วงนี้พวกเราก็ไม่ได้อยู่ สร้างก่อนสองห้อง สามวันก็คงเสร็จ”รถม้าพุ่งออกจากอำเภอเหอ แวะซื้อข้าวของจำเป็นที่ตำบลจางหนาน จ้างเกวียนเทียมวัวอีกหนึ่งคันเพื่อบรรทุกข้าวของ ก่อนมุ่งหน้าเข

    Last Updated : 2025-04-07
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 14

    เมื่อถึงบ้านชนบท ซูเจินจูเข้าไปทำลายผ้าทันที สี่เสวี่ยจัดการบอกกล่าวกฎระเบียบในบ้านให้ซินซียงทาสที่ซื้อมาใหม่ฟัง เมื่อเห็นว่าหลิวหยางและจางหมิ่นออกไปอยู่ที่เรือนชั้นนอกแล้ว ก็ให้ซินเซียงเข้าไปพักอยู่ห้องเดิมของทั้งสองคนก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยในบ้านและในครัวแล้วเห็นว่าข้าวและธัชพืชเหลือเล็กน้อย จึงให้หลิวหยางเตรียมรถม้าและพาซินเซียงไปตลาดในตำบล สี่เสวี่ยซื้อชุดเครื่องนอนใหม่และผ้าฝ้ายสำหรับตัดชุดหนึ่งพับให้ซินเซียง ข้าวสาร ธัญพืช ผักดอง เกลือ น้ำตาล เพียงพอที่จะใช้ไปถึงสองเดือน สี่เสวี่ยจ่ายเงินสามตำลึงอย่างเจ็บปวดและยัดของทุกอย่างเข้าไปในรถม้า วันนี้คุณหนูไม่ได้มาด้วย นางไม่จำเป็นต้องจ้างเกวียนเทียมวัวเพิ่มเมื่อกลับมาถึงบ้าน แต่ละคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง สี่เสวี่ยไปวาดลายผ้าที่ลานหิน ซินเซียงเก็บข้าวของและเข้าครัวทำกับข้าว หลิวหยางตรวจตราบริเวณหน้าบ้านไม่ให้คนงานเข้ามาวุ่นวายที่เรือนชั้นใน จางหมิ่นตรวจตราบริเวณหลังบ้าน ดูแลสวนดอกหอมหมื่นลี้และดูแลซูเจินจูบริเวณลานหิน

    Last Updated : 2025-04-08
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 15

    คราแรกสี่เสวี่ยไม่ต้องการให้คุณหนูเลือกทาสที่ดูน่ากลัวผู้นี้ แต่คัดค้านความต้องการของคุณหนูไม่ได้ เมื่อฟังพ่อค้าทาสแล้วก็เบาใจขึ้นหลังจากจ่ายเงินสามสิบตำลึง สี่เสวี่ยไปซื้อรังผึ้งจากร้านชำบ้านไฉและพาเยว่ชิงออกเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบททันทีซูเจินจูพาเฟยหลันมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยน ให้นางเลือกชุดผ้าฝ้ายสำเร็จรูปสองชุดก็จะตรงไปที่โรงหลอมเหล็กอู่จินจาง“เจ้าเข้าไปเลือกอาวุธสักชิ้นเถอะ”“….”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ เข้าไปเลือกเถอะ”“คุณหนู เหตุใด...” นางแปลกใจ เฉพาะแผลเป็นบนใบหน้าก็ทำให้คนทั่วทั้งแคว้นรังเกียจนาง ผู้ที่ต้องการซื้อตัวนางล้วนเป็นบุรุษวัยกำดัด หากเป็นสตรีก็สตรีที่ชื่นชอบการเหยียบย่ำผู้อื่น แต่หากรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ก็จะยิ่งทรมานนางมากขึ้น ด้วยรู้นางไม่สามารถตอบโต้ได้ ก่อนหน้านี้นางถูกคุณหนูจวนแม่ทัพผิงซื้อตัวไป

    Last Updated : 2025-04-08
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 1

    “เด็กใหม่?”“ไม่ใช่ ... เด็กคนนี้คือคุณหนูเฟิงซือจู ลูกสาวของ คุณซือฉือกับคุณฟางเหนียง”“อ่อเด็กคนนั้น มีชื่อในใบสั่งตายแต่รอดชีวิตมาได้ เด็กกำพร้าวัยสองปีรึ เอามาไว้ที่ข้าเถอะ ข้าจะเลี้ยงให้เป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุด”“มาอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ฝากเจ้าเลี้ยงไว้ที่นี่ก่อน ผู้สังหารต้องการฆ่าล้างครอบครัว หลังจากจัดการคนพวกนั้นได้ ค่อยส่งคุณหนูให้นายท่านเฟิงหม่าจู”“ถ้าฝากเลี้ยงแค่ชั่วคราวก็หาคนอื่นเถอะ”“เจ้า!!!”…....“คุณปู่ .. ทางนู้นมีทุ่งหญ้า แล้วก็มีดอกไม้เต็มไปหมด ภูเขาก็กว้างมากเลยค่ะ หลานชอบ” เด็กสาวตัวน้อยวิ่งมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจผู้มองพองโตเหมือนฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศรอบตัวอบอวลด้วยความสดใส มีชีวิตชีวา“ถ้าเจ้าชอบ เจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ ...” น้ำเสียงเจือความลำบากใจของเฟิงหม่าจูเอ่ยขึ้น พลันทำให้ผู้ติดตามก้มหน้ามองพื้นด้วยความสงสารเด็กน้อยที่ต้องตัดขาดจากโลกภายนอกด้วยวัยเพียง 4 ปี“นายท่าย ท่านหมอเหวิงและท่านหมอหยางมาถึงแล้วครับ”“นายท่าน ครูฝึกเซียวมาถึงแล้วครับ”“นายท่าน พ่อบ้าน แม่นม คนรับใช้ และผู้ดูแลทั้งหมด หนึ่งร้อยแปดชีวิตเข้าประจำที่คฤหาสน์ของตระกูลเฟิงเรียบร้อยแล้วคร

    Last Updated : 2025-04-03
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 2

    โอ้ย.. เจ็บหัว เจ็บหน้าผาก ทำไมเจ็บที่หน้าผากล่ะ??? อ่า จำได้ว่าตอนที่ขับเครื่องบินชมวิวอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ระหว่างข้ามน้ำตกไนแองการ่าฉันถูกตีที่ท้ายทอย ผู้ชายคนนั้น อดีตนายตำรวจใหญ่บิดาของจางเหว่ยซ่อนตัวอยู่บนเครื่องบิน กลับมาล้างแค้นสินะ หึหึ สุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือฉันอยู่ดี สิบกว่าปีก็ยังคงรอคอยเพื่อแก้แค้นฉัน ทำอะไรฉันตอนอยู่ในประเทศจีนไม่ได้ก็ลอบติดตามมาทำร้ายฉันถึงแคนนาดา ยอมแลกชีวิตเพื่อแก้แค้นให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่ถูกฉันเฉือนเนื้อเถือกระดูกคนนั้น..ฮ่าๆ ฉันรอดชีวิต ตกมาจากความสูงขนาดนั้น ตกลงมากลางมหาสมุทร นี่ฉันรอดมาได้ยังไงนะ หรือว่าลอยมาติดเกาะ?ขณะที่เฟิงซือจูลืมตาลำแสงสีส้มยามเย็นลอดผ่านขอบหน้าต่างเข้ามา ยังไม่ทันสังเกตสถานที่นี้ให้ชัด ความเจ็บปวดรุนแรงที่ศรีษะก็ถาโถมเข้ามา เมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็สลบไปอีกครั้งจวบจนเช้าอีกวัน เมื่อเฟิงซือจูลืมตาขึ้นก็ต้องประหลาดใจกับสถานที่ตรงหน้า ที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่โรงพยาบาลเหรอ นั่น นั่น! โต๊ะเครื่องแป้งแบบโบราณ? ชุดโต๊ะไม้แดงกลางห้อง? ตู้เสื้อผ้าแบบเตี้ยสองบานพับ? เชิงเทียนรูปทรงแปลกๆนั่น? … นี่มันเฟอร์นิเจอร์จีนโบราณเหรอ แม่เจ

    Last Updated : 2025-04-03
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 3

    คำพูดทั้งหมดของหลินเฮงฉวนนั้นถูกส่งต่ออย่างครบถ้วน แต่คนฟังนั้นไม่ใช่ซูเจินจู แต่เป็นนายท่านซูเป่า“มันขู่ข้า มันขู่จะเอาร้านผ้ามาเปิดแข่งกับข้า เจ็บใจนักเพราะนังลูกอัปรีย์ ทำให้พวกมันขึ้นมาเหยียบบนหัวข้าแล้ว” เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ“ท่านพี่ อย่าโกรธขนาดนี้เลยเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วย เจ้าเองก็เหมือนกันหนี่ย์เอ๋อร์ เรื่องพวกนี้บอกพ่อเจ้าได้เหรอ จะให้พ่อเจ้าโกรธตายรึยังไง” ฮูหยินซูเข้าไปปลอบสามีด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นนายท่านซูโกรธขนาดนี้“เจ้าสิตาย ปากเจ้าใหญ่แค่ไหนถึงกล้ามาแช่งข้า เพราะหนี่ย์เอ๋อรู้ความถึงได้บอกข้า ไม่บอกแล้วข้าจะรู้เหรอว่าไอ้จวนนายอำเภอมันตั้งใจจะเหยียบหัวข้า ทำการค้ามาตั้งกี่ปี จ่ายให้พวกมันไปตั้งเท่าไหร่ หนังเสือยังไม่ทันส่งเข้าเมืองหลวงก็ต้องส่งเข้าจวนนายอำเภอก่อนมันยังกล้าขู่ข้าขนาดนี้ อัปรีย์ ไอ้พวกอัปรีย์!! ไป ไปตามอาจูมา ข้าต้องถามนางให้รู้เรื่อง” ทำการค้ามาหลายปีจะมายอมขาดทุนแบบนี้ไม่ได้ กว่าจะเลี้ยงซูเจินจูมาหมดเงินไปตั้งเท่าไหร่ แต่งงานมีหน้ามีตาไม่ได้ ก็ต้องแต่งได้เส้นสาย แต่งเงินแต่งทองไม่ได้ก็ต้

    Last Updated : 2025-04-03

Latest chapter

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 15

    คราแรกสี่เสวี่ยไม่ต้องการให้คุณหนูเลือกทาสที่ดูน่ากลัวผู้นี้ แต่คัดค้านความต้องการของคุณหนูไม่ได้ เมื่อฟังพ่อค้าทาสแล้วก็เบาใจขึ้นหลังจากจ่ายเงินสามสิบตำลึง สี่เสวี่ยไปซื้อรังผึ้งจากร้านชำบ้านไฉและพาเยว่ชิงออกเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบททันทีซูเจินจูพาเฟยหลันมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยน ให้นางเลือกชุดผ้าฝ้ายสำเร็จรูปสองชุดก็จะตรงไปที่โรงหลอมเหล็กอู่จินจาง“เจ้าเข้าไปเลือกอาวุธสักชิ้นเถอะ”“….”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ เข้าไปเลือกเถอะ”“คุณหนู เหตุใด...” นางแปลกใจ เฉพาะแผลเป็นบนใบหน้าก็ทำให้คนทั่วทั้งแคว้นรังเกียจนาง ผู้ที่ต้องการซื้อตัวนางล้วนเป็นบุรุษวัยกำดัด หากเป็นสตรีก็สตรีที่ชื่นชอบการเหยียบย่ำผู้อื่น แต่หากรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ก็จะยิ่งทรมานนางมากขึ้น ด้วยรู้นางไม่สามารถตอบโต้ได้ ก่อนหน้านี้นางถูกคุณหนูจวนแม่ทัพผิงซื้อตัวไป

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 14

    เมื่อถึงบ้านชนบท ซูเจินจูเข้าไปทำลายผ้าทันที สี่เสวี่ยจัดการบอกกล่าวกฎระเบียบในบ้านให้ซินซียงทาสที่ซื้อมาใหม่ฟัง เมื่อเห็นว่าหลิวหยางและจางหมิ่นออกไปอยู่ที่เรือนชั้นนอกแล้ว ก็ให้ซินเซียงเข้าไปพักอยู่ห้องเดิมของทั้งสองคนก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยในบ้านและในครัวแล้วเห็นว่าข้าวและธัชพืชเหลือเล็กน้อย จึงให้หลิวหยางเตรียมรถม้าและพาซินเซียงไปตลาดในตำบล สี่เสวี่ยซื้อชุดเครื่องนอนใหม่และผ้าฝ้ายสำหรับตัดชุดหนึ่งพับให้ซินเซียง ข้าวสาร ธัญพืช ผักดอง เกลือ น้ำตาล เพียงพอที่จะใช้ไปถึงสองเดือน สี่เสวี่ยจ่ายเงินสามตำลึงอย่างเจ็บปวดและยัดของทุกอย่างเข้าไปในรถม้า วันนี้คุณหนูไม่ได้มาด้วย นางไม่จำเป็นต้องจ้างเกวียนเทียมวัวเพิ่มเมื่อกลับมาถึงบ้าน แต่ละคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง สี่เสวี่ยไปวาดลายผ้าที่ลานหิน ซินเซียงเก็บข้าวของและเข้าครัวทำกับข้าว หลิวหยางตรวจตราบริเวณหน้าบ้านไม่ให้คนงานเข้ามาวุ่นวายที่เรือนชั้นใน จางหมิ่นตรวจตราบริเวณหลังบ้าน ดูแลสวนดอกหอมหมื่นลี้และดูแลซูเจินจูบริเวณลานหิน

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 13

    หลังจากขึ้นรถม้ามา สี่เสวี่ยก็อดที่จะพูดพึมพำใส่ซูเจินจูได้ไม่“เข็มเงินร้านข้างนอกชุดละหกตำลึงเท่านั้นนะเจ้าคะคุณหนู”“ข้ารู้ แต่คุณภาพต่างกันมากนัก เข็มเงินของท่านอาฮุ่ยซิ่วทั้งตรง กลม และแหลมในขนาดที่สมส่วน ขนาดเข็มแต่ละเล่มก็มีความสั้นยาวสูงต่ำตามที่ข้าต้องการ หากไปซื้อร้านด้านนอก วันนึงก็ต้องกลับมาสั่งทำอยู่ดี เมื่อถึงวันนั้นต้นแบบก็ไม่มี ไม่รู้จะได้เข็มเงินที่ถูกใจเช่นนี้หรือไม่”“แต่ว่า คุณหนูใช้เงินจนจะหมดอีกแล้วนะเจ้าคะ เหลือเพียงหนึ่งร้อยสิบเอ็ดตำลึงเท่านั้น อีกทั้งกลับไปคราวนี้ยังต้องจ้างช่างเฉินมาทำสร้างห้องบ่าวไพร่ จะให้บ่าวไพร่มาอยู่ร่วมเรือนไม่ได้นะเจ้าคะ”“ข้ารู้แล้ว อย่างไรเสียช่วงนี้พวกเราก็ไม่ได้อยู่ สร้างก่อนสองห้อง สามวันก็คงเสร็จ”รถม้าพุ่งออกจากอำเภอเหอ แวะซื้อข้าวของจำเป็นที่ตำบลจางหนาน จ้างเกวียนเทียมวัวอีกหนึ่งคันเพื่อบรรทุกข้าวของ ก่อนมุ่งหน้าเข

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 12

    “พวกท่านให้บ่าวไปตามข้า มีอะไรหรือเจ้าคะ” ซูเจินจูเบื่อที่จะต้องเสแสร้งพูดจาสามส่วนเช่นนี้ นางอยากจะถามตั้งแต่ประโยคแรกที่มาถึงแล้วว่าเรียกนางมาทำไม นางไม่เข้าใจเหตุใดวาจาสามส่วนพูดอ้อมเจ็ดส่วนพวกนี้ถึงได้เป็นที่นิยมนัก“ข้าเพียงมาบอกเจ้าว่า พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปสอบก่งเซิ่น” เรื่องพวกนี้ต้องให้เขาเตือนด้วยหรือ นางที่จะเป็นเป็นสตรีของเขา เหตุใดจึงไม่ปักรองเท้าให้เขาเล่า ไม่ใช่ว่าเป็นที่รู้กันอยู่แล้วหรือว่ายามบุรุษไปสอบเคอจวี่ ต้องให้รองเท้าเป็นความหมายว่าให้เดินทางปลอดภัย หากการเย็บปักของนางไม่ดี อย่างน้อยเพียงผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนเพื่อเป็นความหมายว่านางรอเขากลับมาก็ควรต้องมีใช่หรือไม่ หรือนางต้องการใช้โอกาสนี้สนิทสนมกับไฉตงชุน จึงได้ทำเช่นนี้“อ่อ เช่นนั้นข้าขออวยพรให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ” เอ้า ก็แค่ไปสอบ จะต้องมาบอกด้วยหรือ“เจินจูเอ๋อร์ เจ้าเสียมารยามใส่คุณชายหลินอีกแล้ว ดูน้องสาวคนนี้ของหนี่ย์เอ๋อร์สิเจ้าคะ จะเข้าไปเป็นสตรีของคุณชายอยู่แล้วยังขาดการ

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 11

    ซูเจินจูที่คุยกับฮูหยินรองจนหมดแรงเดินกลับมาที่เรือนก็เห็นว่าสี่เสวี่ยเตรียมข้าวของไว้เรียบร้อยแล้ว และยังไม่ลืมที่จะเตรียมเบาะรองนั่งอย่างดีไว้ให้นางถึงสี่ใบ“คุณหนูของที่ต้องเตรียมจากที่เรือนนี้ บ่าวเตรียมครบแล้วเจ้าค่ะ แต่ที่บ้านของคุณหนูไม่มีทั้งเครื่องเรือนแล้วครื่องครัว คุณหนูจะอยู่ลำบากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“พรุ่งนี้ระหว่างทางก็แวะร้านค้าในตำบลเสียหน่อย ซื้อเครื่องนอนสองชุด ตะเกียงสี่ชุด เครื่องครัวก็ตามที่เจ้าเห็นสมควร ข้าวสาร ธัญพืชอีกเล็กน้อย แล้วก็แวะ

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 10

    เมื่อไปถึงหมู่บ้านจั๋วมู่ ซูเจินจูพาหัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่กับชาวบ้านอีกสามคนขึ้นไปดูต้นไม้ที่นางต้องการ“กลิ่นดอกไม้ที่เราได้กลิ่นกันมาจากต้นไม้พวกนี้หรือ” หลังจากที่มาถึงที่ กลิ่นหอมอบอวนทำให้ชาวบ้านแปลกใจ ใจนึงก็คิดว่าหากเป็นกลิ่นดอกไม้พวกนี้แล้วนางขุดไป ต่อไปจะไม่มีคนมาชมดอกไม้ที่หมู่บ้านอีกเป็นแน่“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะท่านลุง กลิ่นพวกนี้เป็นกลิ่นจากดอกเหมยด้านล่างรวมกับกลิ่นความชื้นของป่าที่สมบูรณ์แห่งนี้เจ้าค่ะ แต่หากว่ามีคนขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ ต้นไม้และเถาวัลย์ถูกเหยียบย่ำก็จะทำให้กลิ่นของดอกเหมยลอยออกไป ไม่ติดค้างอยู่ที่ที่เจ้าค่ะ ท่านลุงลองดมกลิ่นหญ้าพวกนี้สิเจ้าคะ หญ้าพวกนี้ก็มีกลิ่นเช่นเดียวกัน” ซุเจินจูไม่สามารถพูดความจริง หากนางบอกความจริงคนพวกนี้ไม่มีทางให้นางขุดต้นไม้พวกนี้แน่ นางทำได้พียงหาข้ออ้างที่แม้แต่นางก็ยังรู้สึกไม่น่าเชื่อ ก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า หวังว่าท่านลุงทั้งหลายจะเชื่อข้านะเจ้าคะ“เป็นอย่างที่เจ้าว่า เห็นทีว่าไม่ว่าอะไรที่อยู่ตรงนี้

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 9

    “คุณชายหลินกลับไปแล้วหรือเจ้าคะ” สี่เสวี่ยที่เห็นซูเจินจูเดินเข้าเรือนมาก็รีบออกมาหาทันที“กลับไปแล้ว สี่เสวี่ยเจ้าไปเอาเงินข้าออกมานับเร็ว ดูสิว่าข้าเหลือเงินเท่าไหร่”“นับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูซื้อที่ดินสองร้อยตำลึง ให้ลุงหวังสิบตำลึง มัดจำค่าปลูกบ้านสามร้อยตำลึง ค่ารถม้าสามร้อยอีแปะ ซาลาเปายี่สิบลูกแปดสิบอีแปะ ขนมร้านเสี่ยวซือกวงสองตำลึง บะหมี่ของคุณหนูสองชามของบ่าวหนึ่งชาม สิบห้าอีแปะ คุณหนูจะเหลือเงิน สามร้อยเก้าสิบห้าตำลึงกับหกร้อยสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ บ่าวแบ่งเงินที่ต้องจ่ายช่างเฉินออกมาอีก สองร้อยเจ็ดสิบห้าตำลึง คุณหนูจะเหลือเงินหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงกับหกร้อยสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ”“สี่เสวี่ย ต่อไปข้าคงต้องพึ่งพาฝีมือวาดรูปของเจ้า ให้เลี้ยงดูข้าเสียแล้ว” นางฟังที่สี่เสวี่ยเจื้อยแจ้วจัดการบัญชีให้นางดูเหมือนผู้จัดการตัวน้อย ทุกครั้งที่เงินในหีบนี้ลดลง สีหน้าของสี่เสวี่ยดูเจ็บปวดมากกว่านางที่เป็นเจ้าของเงินเสียอีก“หากคุณห

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 8

    เมื่อถึงวันนัด อิงเถากลับมารายงานซูหนี่ย์ว่าซูเจินจูออกจากบ้านไปตั้งแต่ยามเฉิน ไม่มีใครรู้ว่าไปที่ใด ซูหนี่ย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ออกไปพบคุณชายหลินเพียงลำพังด้านซูเจินจูที่ออกจากบ้านมานั้น นางออกจากอำเภอเหอ ผ่านตำบลจี๋หลง และตำบลจ้างหนาน จนถึงหมู่บ้านซานหมู่บ้านซานเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีคนอาศัยอยู่เพียงห้าสิบหลังคาเรือน พื้นดินแห้งแล้งทำให้ปลูกพืชผักได้น้อยกว่าหมู่บ้านอื่น จึงไม่ค่อยมีคนนอกหมู่บ้านเข้ามาวุ่นวาย เป็นตัวเลือกที่ดีของนางซูเจินจูเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน แจ้งความต้องการว่าต้องการซื้อที่ดิน หลังการสอบถามจนแน่ใจว่าพวกนางจะไม่เป็นอันตรายต่อคนในหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านก็พาพวกนางมาวัดที่ดินที่ว่างอยู่ท้ายหมู่บ้าน ที่ดินตรงนี้ด้านหน้าติดถนน รถม้าเข้าออกสะดวกด้านหลังลากยาวไปจนติดภูเขา ถัดไปอีกสิบจั้งก็เป็นลำธาร ติดตรงที่พื้นที่ตรงนี้กว้างถึงห้าสิบหมู่ ในตอนแรกซูเจินจูค่อนข้างลำบากใจถ้าหากต้องซื้อที่กว้างขนาดนี้ นางกลัวว่าเงินที่นางมีอยู่จะไม่พอ แต่

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 7

    “เอ่อ.. เป็นตระกูลไฉ มาขอหมั้นคุณหนูสี่ให้นายน้อยไฉตงชุนเจ้าค่ะ” อิงชุ่ยพูดเสียงเบาด้วยรู้ว่าคุณหนูใหญ่เกลียดคุณหนูสี่ และยังไม่สามารถวางอุบายรังแกนางได้สำเร็จสักครั้ง“เจ้าว่าอะไรนะ ขอหมั้นนังจิ้งจอกนั่น!! นังแพศยา เตียงคุณชายหลินรออยู่ข้างหน้ายังกล้าให้ท่าบุรุษอื่นเชียวรึ” เหอๆ นังตัวดี คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ หากคุณชายหลินรู้ เจ้าไม่มีทางชูคออยู่บนเตียงได้แน่ และถ้าหากนายน้อยไฉรู้ว่าเจ้ามีค่าเพียงสาวใช้อุ่นเตียงก็อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะเป็นแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินฮูหยินซูก็ไม่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักอย่างซูหนี่ย์ต้องผิดหวัง คนเราหากหวังดีปฏิเสธแม่สื่ออ้อมๆก็ยังพอรักษาหน้า แต่คนอย่างฮูหยินซู มีช่องให้ทำลายซูเจินจูมีหรือจะไม่ทำ เล่าวีรกรรมซูเจินจูที่เข้าไปให้ท่าคุณชายหลินถึงในจวนนายอำเภอ ออกอุบายให้คุณชายหลินทำลายชื่อเสียงตน ร้องขอขึ้นเป็นฮูหยินตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนทั้งที่พิ่งจะอายุสิบสามปี เพราะความอิจฉาที่คุณชายหลินมีใจให้ซูหนี่ย์ คุณชายหลินทั้งสงสารทั้งรู้สึกผิดจึงเขียนสัญญาจะรับนางเข้าจวนไ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status