Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-04-03 11:28:58

คำพูดทั้งหมดของหลินเฮงฉวนนั้นถูกส่งต่ออย่างครบถ้วน แต่คนฟังนั้นไม่ใช่ซูเจินจู แต่เป็นนายท่านซูเป่า

“มันขู่ข้า มันขู่จะเอาร้านผ้ามาเปิดแข่งกับข้า เจ็บใจนักเพราะนังลูกอัปรีย์ ทำให้พวกมันขึ้นมาเหยียบบนหัวข้าแล้ว” เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

“ท่านพี่ อย่าโกรธขนาดนี้เลยเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วย เจ้าเองก็เหมือนกันหนี่ย์เอ๋อร์ เรื่องพวกนี้บอกพ่อเจ้าได้เหรอ จะให้พ่อเจ้าโกรธตายรึยังไง” ฮูหยินซูเข้าไปปลอบสามีด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นนายท่านซูโกรธขนาดนี้

“เจ้าสิตาย ปากเจ้าใหญ่แค่ไหนถึงกล้ามาแช่งข้า เพราะหนี่ย์เอ๋อรู้ความถึงได้บอกข้า ไม่บอกแล้วข้าจะรู้เหรอว่าไอ้จวนนายอำเภอมันตั้งใจจะเหยียบหัวข้า ทำการค้ามาตั้งกี่ปี จ่ายให้พวกมันไปตั้งเท่าไหร่ หนังเสือยังไม่ทันส่งเข้าเมืองหลวงก็ต้องส่งเข้าจวนนายอำเภอก่อนมันยังกล้าขู่ข้าขนาดนี้ อัปรีย์ ไอ้พวกอัปรีย์!! ไป ไปตามอาจูมา ข้าต้องถามนางให้รู้เรื่อง” ทำการค้ามาหลายปีจะมายอมขาดทุนแบบนี้ไม่ได้ กว่าจะเลี้ยงซูเจินจูมาหมดเงินไปตั้งเท่าไหร่ แต่งงานมีหน้ามีตาไม่ได้ ก็ต้องแต่งได้เส้นสาย แต่งเงินแต่งทองไม่ได้ก็ต้องแต่งได้ช่องทางการค้า นี่เป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียงอย่างไรก็ต้องได้สัญญาจากจวนนายอำเภอ ไม่ว่านายอำเภอจะย้ายไปไหน ร้านผ้าซูเตี้ยนจะต้องตามไปด้วยให้ได้ ต่อให้ย้ายเข้าเมืองหลวง ร้านผ้าซูเตี้ยนก็ต้องได้ตามไป!!!!

“เจินจูเออร์ คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ” เมื่อซูเจินจูเข้ามาในโถงกลางก็พบนายท่านซู บุรุษวัยกลางคนรูปร่างท้วม ผิวขาว หน้าตาดี คิ้วบาง หางตาเฉียงขึ้นเล็กน้อย ใส่ชุดผ้าไหมชั้นดีสีน้ำเงินดูภูมิฐาน ในความทรงจำของนางปีนี้นายท่านซูอายุสามสิบเจ็ดปี ฮูหยินซู สตรีวัยกลางคนวัยสามสิบสามปี รูปร่างสมส่วน ผิวคล้ำ สวมผ้าแพรชั้นดีสีขาวปักลายนกกางเขน ฮูหยินซูเดิมแซ่หลี เป็นตระกูลค้าขายผ้าเช่นกัน เมื่อมาถึงรุ่นของนางมีนางเป็นเพียงทายาทเพียงคนเดียว เมื่อสิ้นบิดามารดา สมบัติร้านค้าของนางจึงถูกรวมเข้ากับตระกูลซูทั้งหมด

คุณหนูใหญ่ซูหนี่ย์ เป็นสตรีที่ดูอ่อนโยน คิ้วโค้งรับตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย ผิวขาวเนียนราวหยกใบหน้าไม่ถือว่างามล่มเมืองแต่กริยาท่าทางอ่อนหวาน รวมกับความรักสวยรักงาม และปีนี้อายุสิบหกปี ถึงวัยออกเรือนยังทำให้ชายหนุ่มต่างอำเภอส่งแม่สื่อมาไม่ขาดสาย

 คุณหนูรองซูเม่ย หน้าตากริยามารยาทความอ่อนโยนเหนือกว่าซูหนี่ย์อยู่มาก เสียดายที่ผิวคล้ำเหมือนมารดา ทำให้ความงามลดลงไปหลายส่วน วาจาอ่อนหวานแต่ประหยัดถ้อยประหยัดคำ อีกทั้งไม่ชอบออกจากบ้าน ทำให้ไม่ได้พบเจอผู้คนมากนัก นางอายุสิบห้าแล้ว แต่ไม่มีแม่สื่อมาทาบทามสักคนเดียว

 นายน้อยสามซูเหวิน อายุสิบสามปีเท่าซูเจินจู เด็กชายผิวคล้ำเช่นมารดา รูปหน้าหล่อเหลาเหมือนบิดา หากเอาดีด้านทหารเห็นที่ว่าเมื่อโตขึ้นมีรูปร่างกำยำสมชายชาตรี คงถูกสาวหมายปองไปทั่วเมือง

 ดูจากที่หลินเฮงฉวนมาหาเมื่อเช้า ตกเย็นนั่งล้อมวงครบบ้านใหญ่แบบนี้ท่าทางคงกำลังวางแผนจัดการอนาคตของนางแน่

“พรุ่งนี้ยามเฉิน เจ้าไปคุกเข่าหน้าจวนนายอำเภอ ป่าวประกาศไปให้ทั่วว่าเจ้าเข้าไปส่งผ้าในจวนแต่กลับถูกหลินเฮงฉวนรังแก ไม่ให้ตบแต่งเป็นเมียเอก ตระกูลซูของเราก็ยอมถอย ขอเพียงจวนนายอำเภอส่งเกี้ยวเมียรองแปดคนหาบ ตระกูซูจะส่งเจ้าด้วยสินสอดสิบหกหีบ แต่จวนนายอำเภอกลับเล่นลิ้นคิดอุ้มเจ้าเข้าจวนไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียง หากตระกูลซูไม่ยอมก็จะปล่อยให้เจ้าเสื่อมเสีย เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่อาจู” นายท่านซูพูดขึ้นทันทีที่ซูเจินจูเดินเข้ามา

“เจินจูเอ๋อร์เข้าใจเจ้าค่ะ เพียงแต่อยากให้ท่านพ่อทบทวนวิธีการนี้อีกสักหน่อย หากลูกเข้าจวนนายอำเภอ ดีชั่วก็หวังเพียงความก้าวหน้าของคุณชายหลิน หากรีบร้อนทำลายชื่อเสียงตั้งแต่รากฐานยังไม่มั่นคง ต่อไปภายภาคหน้าจะหวังบารมีคุณชายหลินมาช่วยตระกูลซูก็คงลำบาก” ไอหย๋า จะให้ข้าไปแหกปากหน้าตลาด เรื่องอับอายไม่เท่าไหร่ แต่ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยแถมยังไม่รู้ต้องตะโกนไปถึงยามใด ไม่ใช่ว่าร้องตะโกนสามวันไม่มีคนเปิดประตูจวนก็ต้องเดินกลับเรือนตัวเองหรอกหรือ แบบนั้นข้าไม่เอาด้วยหรอก

“ที่นางพูดก็มีเหตุผลนะเจ้าคะท่านพี่ หากทำลายอนาคตคุณชายหลินด้วยวิธีนี้แล้ว ต่อจะทำอะไรผ่านนายอำเภอหลินก็คงลำบาก” ฮูหยินซูมีหรือจะเห็นแก่ซูเจินจู เพียงแต่นางอยากให้ซูหนี่ย์แต่งเป็นภรรยาเอกให้คุณชายหลิน นางจะให้ใครมาทำลายคุณชายหลิน ว่าที่ลูกเขยของนางไม่ได้เด็ดขาด

“ใช่ขอรับท่านพ่อ ท่านพี่เฮงฉวนเองก็ดีกับลูก ตอนอยู่ที่สถานศึกษาก็ช่วยเหลือลูกไว้ไม่น้อย ตอนนี้ท่านพี่เฮงฉวนก็สอบจวี่เหรินผ่านแล้ว อีกไม่นานก็สอบก่งเซิน หากเราบุ่มบ่ามทำอะไรไปอาจจะได้ไม่คุ้มเสียนะขอรับ” ท่านพ่อช่างโง่เขลานัก เจินจูเป็นเพียงลูกที่เกิดจากเมียรอง ต่อให้ยกนางให้คุณชายหลินฟรีๆ สำหรับซูเหวินยังถือว่าคุ้มเสียด้วยซ้ำ ทำให้คุณชายหลินเป็นหนี้บุญคุณเขาไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้ ให้อนาคตหากเขาอยากเป็นขุนนางก็จำเป็นต้องอาศัยเส้นสายขุนนางเก่าสนับสนุน ไม่อย่างนั้นด้วยฐานะของลูกพ่อค้าคงต้องเกิดใหม่เท่านั้นถึงจะเข้าเป็นขุนนางได้

“หากท่านพ่อไม่วางใจ พรุ่งนี้ลูกกับอาเหวินจะไป....” ซูหนี่ย์ยังพูดไม่ทันจบประโยคนายท่านซูก็ขัดขึ้น

“ไม่ได้ เกิดเข้าไปหนึ่งคนรังแกหนึ่งคน ส่งเจ้าเข้าไป ข้าไม่ขาดทุนย่อยยับรึไง”

“ข้ายอมขาดทุนขอเพียงขาดทุนให้คุณชายหลินข้ายอมสิ้นเนื้อประดาตัว” ซูหนี่ย์พูดขึ้นอย่างอัดอั้น ควรเป็นนางที่ได้ครองรักกับคุณชายหลิน ไม่ใช่นางจิ้งจอกเจินจูที่วางอุบายเหยียบหัวนางเช่นนี้ คนอย่างซูหนี่ย์ อยากได้อะไรต้องได้ ในเมื่อเจินจูให้วิธีหน้าไม่อาย ทำไมนางจะทำบ้างไม่ได้ ขอแค่ได้แต่งให้คุณชายหลิน ชื่อเสียงอะไรนางก็ไม่สนใจทั้งนั้น

“หุบปาก!!!!!” เสียงตะโกนดั่งลั่นของนายท่านซูทำให้ทำให้ซูหนี่ย์หุบปากลง ประโยคที่อยากเอ่ยก็ทำได้เพียงกลืนลงไปเงียบๆ

“ท่านพ่อเจ้าคะ เรื่องนี้ข้าคิดว่าท่านพ่อควรเป็นคนออกหน้าเจ้าค่ะ” เหอะ! ล้อเล่นกับข้าแน่แล้ว เห็นอยู่ชัดๆว่ายัยเด็กซูหนี่ย์อยากได้ไอ้ตี๋เฮงฉวนใจจะขาด ไยต้องมาเปลืองแรงใช้นางไต่เต้าเล่า

“พูดต่อ!”

“ที่ท่านพ่อต้องการตอนนี้คือสัญญายืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าข้าจะเข้าจวนนายอำเภอเมื่ออายุเลยวัยปักปิ่นเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรตอนนี้คุณชายหลินก็ยังไม่ได้สอบขุนนาง แต่สัญญานั้นจะใช้เป็นหลักฐานได้ทันทีว่าคุณชายหลินได้ทำลายชื่อเสียงข้าไปแล้ว ในเมื่อคุณชายหลินยังไม่มีอำนาจให้มือให้ท่านยืมใช้ ไม่สู้เก็บหลักฐานไว้ต่อรองกับจวนนายอำเภอ รออีกไม่ถึงสองปี ไม่แน่ว่าคุณชายหลินต้องแต่งภรรยาเอก ยังใช้สัญญานี้ต่อรองกับบ้านฝั่งภรรยาแลกระหว่างข้าไม่เข้าจวนกับช่องทางการค้าของตระกูลซูละเจ้าคะ”

 ...

วันต่อมานายท่านซูกลับบ้านพร้อมสัญญาที่เขียนโดยนายอำเภอหลินอู่หนึ่งฉบับพร้อมกำชับให้ซูเจินจูกลับไปทำงานที่ร้าน ‘อย่างน้อยซูเจินจูก็เป็นแรงงานที่ต้องจ่ายเงินให้อย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว หากอยู่เฉยๆก็ขาดทุนเปล่า ผู้หญิงใกล้ออกเรือน แถมออกไปเป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียง ต้องรีบใช้งานให้คุ้มไว้ตั้งแต่วันนี้’

ณ จวนนายอำเภอ

“ท่านพ่อเขียนหลักฐานยืมยันแบบนี้ เรามิเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือขอรับ”

“ไม่มีทาง สัญญาฉบับนั้นช่องโหว่มากมาย ทั้งเรื่องที่นางตั้งใจนำผ้ามาให้แม่เจ้าเลือกทั้งๆที่ไม่มีใครสั่งซื้อ ทั้งเรื่องที่เจ้าอยู่กับเหล่าบัณฑิตมากมาย การอยู่ต่อหน้าคนมากมายแต่ยังเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น ใครมองก็รู้ว่าเป็นอุบายของสตรี ทั้งเจ้ายังรับผิดชอบด้วยการเปิดจวนรับนาง ถึงแม้จะไม่ได้ตำแหน่งภรรยาเอก แต่ทุกคนก็รู้ว่าสตรีที่เกิดจากอนุเป็นฮูหยินขุนนางไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องกังวล อย่าเสียเวลาอ่านหนังสือด้วยเรื่องพวกนี้เลย”

“ขอบคุณท่านพ่อ” หลินเฮงฉวนคุกเข่ากล่าวขอบคุณอย่างยินดีที่สุด นี่เป็นคำขอบคุณจากใจจริงของเขา เขากลัวเหลือเกินว่าจะถูกผู้หญิงคนใดทำเสื่อมเสียจนไม่อาจสอบขุนนางได้ เขาเป็นลูกคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นคงไม่อาจมองหน้าบรรพบุรุษได้อีก วันนั้นเขาเห็นซูเจินจูยืนเหม่ออยู่จึงตั้งใจเพียงเย้าแหย่นางเพียงเล็กน้อย ใครจะรู้ว่าซูเจินจูกลับกล้าวางอุบายใส่เขา ทำให้เค้านึกเสียใจที่เคยนึกเอ็นดูนาง และถึงแม้ว่าเหล่าบุรุษจะสามารถมีได้หลายภรรยา แต่เขาก็ตั้งใจว่าจะแต่งผู้หญิงเพียงคนเดียวเหมือนนายอำเภอหลินบิดาของเขา ครอบครัวร่มเย็น ไม่ต้องกังวลเรื่องในบ้าน ไม่ร้อนเหมือนจวนของเหล่าสหายหลายๆคนของเขาที่มีสามภรรยาสี่อนุ ความตั้งใจเหล่านั้นถูกซูเจินจูลำลายลงหมดสิ้นแล้ว

เช้าวันถัดมาขณะที่ซูเจินจูกินข้าวเช้าอยู่ในเรือนของนาง มีซิ่นก็เดินเข้ามาพร้อมบ่าวรับใช้หนึ่งคน

“คุกเข่า”

“  ”

“ข้าบอกให้เจ้าคุกเข่า”

“  ”

“โอ้ย!!!” ทันทีที่มี่ซิ่นยกมือขึ้นเตรียมจะตบหน้าซูเจินจู ยังไม่ทันได้ตบลงบนหน้าก็มีของหนักๆกระแทกเข้ามาที่ขานาง

“เจ้า! เจ้า!! กล้าถีบเก้าอี้ใส่ข้า นังลูกอกตัญญู ” เห็นนางมี่ซิ่นเงื้อมือขึ้นหมายจะตบนางอีกครั้ง นางเบี่ยงตัวหลบทำให้นางมีซิ่งล้มลงกับพื้นก่อนที่เจินจูจะเดินหลบไปที่สวน

“เจ้ามันโง่เหมือนใครนะ เตียงคุณชายหลินอยู่ตรงหน้าให้เจ้าปีน เจ้าไม่ปีน” เสียงกร่นด่าทั้งฟังได้บ้าง ฟังไม่ได้บ้างลอยตามหลังนางมาเป็นระยะ ให้ตายเถอะ แม่ที่ไหนเหมือนนางบ้าง จากความทรงนี้ทุกครั้งที่นางไม่ได้ดั่งใจหรือถูกฮูหยินรังแก นางจะมาระบายโทสะกับซูเจินจูอยู่เป็นประจำ มีครั้งนึงที่สั่งให้ซูเจินจูคุกเข่าอยู่หนึ่งวันเต็มๆ เพียงเพราะนางถูกฮูหยินให้คุกเข้าพียงหนึ่งก้านธูป แถมยังพยายามหาบ้านขุนนางเพื่อจะส่งนางไปเป็นอนุอยู่ตลอดเวลา มีแม่แบบนี้นางคร้านจะใส่ใจ

มี่ซิ่นเป็นลูกของนายพรานที่นำหนังสัตว์มาขายให้นายท่านผู้เฒ่าซู อยู่ๆวันนึงเกิดลมเพลมพัดนายท่านผู้เฒ่าซูพานายท่านซูที่ขณะนั้นอายุยี่สิบสี่ปีไปศึกษาเส้นทางการค้า ประจวบเหมาะกับนายพรานพาลูกสาวซึ่งก็คือมีซิ่นในวัยสิบสี่ปีติดตามไปด้วย วันนั้นนอกจากขายหนังกวางแล้วยังขายลูกสาวได้อีกยี่สิบตำลึง นับจากนั้นมีซิ่นก็เหมือนไร้ญาติขาดมิตร จะอยู่หรือตายล้วนขึ้นอยู่กับความเมตตาของนายท่านซู ในวัยสิบห้า มีซิ่นคลอดซูเจินจู แต่ด้วยอายุยังน้อยและก่อนหน้านั้นร่างกายก็ขาดสารอาหารทำให้มีซิ่นตกเลือดมาก หมอบอกว่าไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก นับจากนั้นนางก็ตั้งมั่นไว้ว่าจะต้องให้เจินจูแต่งเข้าจวนขุนนาง หากเจินจูได้รับความเมตตาจากขุนนางชั้นสูง ความดีความชอบนี้ก็ต้องตกมาถึงนาง ฐานะนางในบ้านจะได้สูงขึ้น ดังนั้นเมื่อสามปีก่อนที่นายอำเภอหลินย้ายมาใหม่ๆนางแทบอย่างจะส่งเจินจูเป็นไปอนุนายอำเภอหลิน ติดตรงที่ตอนนั้นเจินจูอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 4

    ซูเจินจูออกจากบ้านตระกูลซูมาพร้อมสี่เสวี่ยตรงเข้าไปที่ “ร้านผ้าซูเตี้ยน”“คุณหนูสี่มาแล้ว” หลงจู๊ออกมาตอนรับซูเจินจูอย่างคุ้นเคย น้ำเสียงเจือความห่วงใย หลงจู๊ผู้นี้ทำงานอยู่ที่ร้านผ้าซูเตี้ยนมาตั้งแต่เริ่มเปิดร้านใหม่ๆ ได้รับความไว้ใจจากนายท่านผู้เฒ่าซูมาก ยิ่งเห็นซูเจินจูมาตั้งแต่เกิดจนโต ได้ยินข่าวเสียหายที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วยิ่งเป็นห่วงคุณหนูผู้นี้จากใจจริง“ทำให้ท่านลุงฝูเป็นห่วงแล้ว”“คุณหนูรีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะขอรับ” หลงจู๊พยายามพูดให้ซูเจินจูเข้าไปด้านในให้ได้ ด้วยเห็นสายตาจากหลายๆคนมองมาที่ซูเจินจูอย่างอยากรู้อยากเห็น เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนนายอำเภอได้ถูกเล่าลือออกไปอย่างกว้างขวาง แต่ซูเจินจูกลับเพียงยืนนิ่งๆอยู่ตรงนั้นสักพัก หลังทักทายกันอีกสองสามประโยค ซูเจินจูจึงขอตัวเข้าไปดูเอกสารที่ห้องทำงานบนชั้นสองร้านผ้าซูเตี้ยนเป็นร้านผ้าที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอำเภอเหอ ขายผ้าพับและเสื้อคลุมขนสัตว์ผ้าพ

    Last Updated : 2025-04-03
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 5

    เดือนละสิบตำลึง ปีนึงจะได้หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง หกปีก็จะมีเจ็ดร้อยยี่สิบตำลึง ในหีบนี้เหลือเงินห้าร้อยตำลึง หักจากที่นางสั่งทำอุปกรณ์ทำผ้าห้าตำลึง ซื้อกริชเงินสี่สิบตำลึง เจินจูคนเก่านับได้ว่าประหยัดจริงๆอืม... ปิ่นเงินแปดอัน ปิ่นทองหกอัน ปิ่นหยกสี่อัน ชุดเครื่องประดับเงินสองชุด ชุดเครื่องประดับทองสองชุด ต่างหูหยกหนึ่งคู่ ต่างหูปะการังแดงหนึ่งคู่เอ๊ะ!! เสื้อคลุมขนจิ้งจอกแดง“ปิ่นเงินหนึ่งอัน ปิ่นหยกหนึ่งอัน ต่างหูหยกหนึ่งคู่ เอาไว้เท่านี้พอ ที่เหลือเจ้าเอาไปขายซะ” ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าท่า ของพวกนี้มีไว้นางก็ไม่ได้ใช้ ไม่สู้เปลี่ยนเป็นเงินเตรียมไว้ดีกว่า“ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู!!!! ของพวกนี้ต้องเก็บไว้เป็นสินเดิม หากคุณหนูแต่งงานออกไปแล้วไม่มีสินเดิมจะถูกครอบครัวฝ่ายชายรังแกเอานะเจ้าคะ” สี่เสวี่ยตกใจกับท่าที่ของคุณหนูของนาง ตั้งแต่ชนเสาคราวนั้นคุณหนูของนางก็ดูเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าจะยังใจดีกับนาง แต่ท่าทางเฉยเมยตลอดเวลานั้นก็ราวกับเป็

    Last Updated : 2025-04-03
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 6

    เช้าวันต่อมา ขณะที่ซูเจินจูกำลังจะออกไปร้านผ้า อิงชุ่ยก็ได้มาขวางหน้านางไว้“คุณหนูใหญ่ให้บ่าวมาเชิญคุณหนูสี่ไปชมดอกเหมยที่หมู่บ้านจั๋วมู่ด้วยกันเจ้าค่ะ” อิงชุ่ยพูดจาอ่อนหวานมีความเคารพต่อซูเจินจู เมื่อเช้าอิงเถาได้ออกไปจ้างอันธพาลไว้แล้ว นางต้องพาคุณหนูสี่ไปด้วยกันให้สำเร็จ“ข้าไม่ไป” ซูเจินจูไม่ได้สนใจอิงชุ่ย นางเดินออกไปทันที อิงชุ่ยที่ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอ้าปากพะงาบๆเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทุกๆสองวันซูหนี่ย์จะต้องให้อิงชุ่ยมาชวนนางออกไปข้างนอก ทุกครั้งซูเจินจูจะปฏิเสธกลับไป แต่ครั้งนี้ เป็นฮูหยินรองที่มาชวนนางออกไปเดินตลาด ซูเจินจูเพียงให้เงินนางไปสิบตำลึง และด้วยเห็นแก่เงินสิบตำลึง ฮูหยินรองมี่ซิ่นจึงไม่ได้รบเร้าเจินจูต่อและออกไปอย่างสบายใจ“ท่านน้า เจินจูเออร์ละเจ้าคะ ข้าสั่งบ่าวไพร่ให้ไปจองเหลาอาหารตือฟ่างกว่างไว้แล้ว จะได้ให้เจิ

    Last Updated : 2025-04-04
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 7

    “เอ่อ.. เป็นตระกูลไฉ มาขอหมั้นคุณหนูสี่ให้นายน้อยไฉตงชุนเจ้าค่ะ” อิงชุ่ยพูดเสียงเบาด้วยรู้ว่าคุณหนูใหญ่เกลียดคุณหนูสี่ และยังไม่สามารถวางอุบายรังแกนางได้สำเร็จสักครั้ง“เจ้าว่าอะไรนะ ขอหมั้นนังจิ้งจอกนั่น!! นังแพศยา เตียงคุณชายหลินรออยู่ข้างหน้ายังกล้าให้ท่าบุรุษอื่นเชียวรึ” เหอๆ นังตัวดี คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ หากคุณชายหลินรู้ เจ้าไม่มีทางชูคออยู่บนเตียงได้แน่ และถ้าหากนายน้อยไฉรู้ว่าเจ้ามีค่าเพียงสาวใช้อุ่นเตียงก็อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะเป็นแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินฮูหยินซูก็ไม่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักอย่างซูหนี่ย์ต้องผิดหวัง คนเราหากหวังดีปฏิเสธแม่สื่ออ้อมๆก็ยังพอรักษาหน้า แต่คนอย่างฮูหยินซู มีช่องให้ทำลายซูเจินจูมีหรือจะไม่ทำ เล่าวีรกรรมซูเจินจูที่เข้าไปให้ท่าคุณชายหลินถึงในจวนนายอำเภอ ออกอุบายให้คุณชายหลินทำลายชื่อเสียงตน ร้องขอขึ้นเป็นฮูหยินตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนทั้งที่พิ่งจะอายุสิบสามปี เพราะความอิจฉาที่คุณชายหลินมีใจให้ซูหนี่ย์ คุณชายหลินทั้งสงสารทั้งรู้สึกผิดจึงเขียนสัญญาจะรับนางเข้าจวนไ

    Last Updated : 2025-04-04
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 8

    เมื่อถึงวันนัด อิงเถากลับมารายงานซูหนี่ย์ว่าซูเจินจูออกจากบ้านไปตั้งแต่ยามเฉิน ไม่มีใครรู้ว่าไปที่ใด ซูหนี่ย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ออกไปพบคุณชายหลินเพียงลำพังด้านซูเจินจูที่ออกจากบ้านมานั้น นางออกจากอำเภอเหอ ผ่านตำบลจี๋หลง และตำบลจ้างหนาน จนถึงหมู่บ้านซานหมู่บ้านซานเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีคนอาศัยอยู่เพียงห้าสิบหลังคาเรือน พื้นดินแห้งแล้งทำให้ปลูกพืชผักได้น้อยกว่าหมู่บ้านอื่น จึงไม่ค่อยมีคนนอกหมู่บ้านเข้ามาวุ่นวาย เป็นตัวเลือกที่ดีของนางซูเจินจูเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน แจ้งความต้องการว่าต้องการซื้อที่ดิน หลังการสอบถามจนแน่ใจว่าพวกนางจะไม่เป็นอันตรายต่อคนในหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านก็พาพวกนางมาวัดที่ดินที่ว่างอยู่ท้ายหมู่บ้าน ที่ดินตรงนี้ด้านหน้าติดถนน รถม้าเข้าออกสะดวกด้านหลังลากยาวไปจนติดภูเขา ถัดไปอีกสิบจั้งก็เป็นลำธาร ติดตรงที่พื้นที่ตรงนี้กว้างถึงห้าสิบหมู่ ในตอนแรกซูเจินจูค่อนข้างลำบากใจถ้าหากต้องซื้อที่กว้างขนาดนี้ นางกลัวว่าเงินที่นางมีอยู่จะไม่พอ แต่

    Last Updated : 2025-04-05
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 9

    “คุณชายหลินกลับไปแล้วหรือเจ้าคะ” สี่เสวี่ยที่เห็นซูเจินจูเดินเข้าเรือนมาก็รีบออกมาหาทันที“กลับไปแล้ว สี่เสวี่ยเจ้าไปเอาเงินข้าออกมานับเร็ว ดูสิว่าข้าเหลือเงินเท่าไหร่”“นับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูซื้อที่ดินสองร้อยตำลึง ให้ลุงหวังสิบตำลึง มัดจำค่าปลูกบ้านสามร้อยตำลึง ค่ารถม้าสามร้อยอีแปะ ซาลาเปายี่สิบลูกแปดสิบอีแปะ ขนมร้านเสี่ยวซือกวงสองตำลึง บะหมี่ของคุณหนูสองชามของบ่าวหนึ่งชาม สิบห้าอีแปะ คุณหนูจะเหลือเงิน สามร้อยเก้าสิบห้าตำลึงกับหกร้อยสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ บ่าวแบ่งเงินที่ต้องจ่ายช่างเฉินออกมาอีก สองร้อยเจ็ดสิบห้าตำลึง คุณหนูจะเหลือเงินหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงกับหกร้อยสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ”“สี่เสวี่ย ต่อไปข้าคงต้องพึ่งพาฝีมือวาดรูปของเจ้า ให้เลี้ยงดูข้าเสียแล้ว” นางฟังที่สี่เสวี่ยเจื้อยแจ้วจัดการบัญชีให้นางดูเหมือนผู้จัดการตัวน้อย ทุกครั้งที่เงินในหีบนี้ลดลง สีหน้าของสี่เสวี่ยดูเจ็บปวดมากกว่านางที่เป็นเจ้าของเงินเสียอีก“หากคุณห

    Last Updated : 2025-04-05
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 10

    เมื่อไปถึงหมู่บ้านจั๋วมู่ ซูเจินจูพาหัวหน้าหมู่บ้านจั๋วมู่กับชาวบ้านอีกสามคนขึ้นไปดูต้นไม้ที่นางต้องการ“กลิ่นดอกไม้ที่เราได้กลิ่นกันมาจากต้นไม้พวกนี้หรือ” หลังจากที่มาถึงที่ กลิ่นหอมอบอวนทำให้ชาวบ้านแปลกใจ ใจนึงก็คิดว่าหากเป็นกลิ่นดอกไม้พวกนี้แล้วนางขุดไป ต่อไปจะไม่มีคนมาชมดอกไม้ที่หมู่บ้านอีกเป็นแน่“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะท่านลุง กลิ่นพวกนี้เป็นกลิ่นจากดอกเหมยด้านล่างรวมกับกลิ่นความชื้นของป่าที่สมบูรณ์แห่งนี้เจ้าค่ะ แต่หากว่ามีคนขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ ต้นไม้และเถาวัลย์ถูกเหยียบย่ำก็จะทำให้กลิ่นของดอกเหมยลอยออกไป ไม่ติดค้างอยู่ที่ที่เจ้าค่ะ ท่านลุงลองดมกลิ่นหญ้าพวกนี้สิเจ้าคะ หญ้าพวกนี้ก็มีกลิ่นเช่นเดียวกัน” ซุเจินจูไม่สามารถพูดความจริง หากนางบอกความจริงคนพวกนี้ไม่มีทางให้นางขุดต้นไม้พวกนี้แน่ นางทำได้พียงหาข้ออ้างที่แม้แต่นางก็ยังรู้สึกไม่น่าเชื่อ ก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า หวังว่าท่านลุงทั้งหลายจะเชื่อข้านะเจ้าคะ“เป็นอย่างที่เจ้าว่า เห็นทีว่าไม่ว่าอะไรที่อยู่ตรงนี้

    Last Updated : 2025-04-06
  • พ่ายรักบุปผาพิษ   บทที่ 11

    ซูเจินจูที่คุยกับฮูหยินรองจนหมดแรงเดินกลับมาที่เรือนก็เห็นว่าสี่เสวี่ยเตรียมข้าวของไว้เรียบร้อยแล้ว และยังไม่ลืมที่จะเตรียมเบาะรองนั่งอย่างดีไว้ให้นางถึงสี่ใบ“คุณหนูของที่ต้องเตรียมจากที่เรือนนี้ บ่าวเตรียมครบแล้วเจ้าค่ะ แต่ที่บ้านของคุณหนูไม่มีทั้งเครื่องเรือนแล้วครื่องครัว คุณหนูจะอยู่ลำบากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“พรุ่งนี้ระหว่างทางก็แวะร้านค้าในตำบลเสียหน่อย ซื้อเครื่องนอนสองชุด ตะเกียงสี่ชุด เครื่องครัวก็ตามที่เจ้าเห็นสมควร ข้าวสาร ธัญพืชอีกเล็กน้อย แล้วก็แวะ

    Last Updated : 2025-04-06

Latest chapter

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   47

    “มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   46

    การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   45

    “องค์ชายหก ท่านช่างเป็นดาวนำโชคของพวกข้านัก” ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายเซียวพูดขึ้นขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปูทับด้วยเบาะรองนั่งขนกระต่าย เบาะรองนี้ซูเจินจูสั่งให้ซินเซียงทำขึ้นจากขนกระต่ายสีอื่นๆเย็บติดสวมทับเบาะด้านในที่ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายยัดใส่ด้วยนุ่นที่ซื้อไปจากตำบลอีกที ที่สี่มุมผูกด้วยพู่หลากสีที่ทำขึ้นด้วยพู่ไหมจากเผ่าเจี๋ยที่ซูเจินจูได้รับมาจากนายท่านซูเมื่อครั้งออกไปทำการค้าต่างแคว้น“นั่นสิเพคะ หากไม่มีพระองค์พวกหม่อมชั้นคงต้องต่อแถวยาวหลายลี้ ตากแดดตากลมอยู่ด้านนอกเสียแล้ว” ผิงเหม่ยเหรินพูดขึ้นขณะพยักเพยิดไปท่างลี่รุ่ยเซียงสหายรักแต่ยังไม่ทันที่ลี่รุ่ยเซียงจะได้พูดอะไร องค์ชายหกก็หันกลับไปพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบมาตลอด“จิวอิง เหตุใดเจ้าจึงเงียบนัก คนงานนั่นก็บอกแล้วว่าเป็นถุงหอมหมื่นลี้ ไม่ใช่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้เสียหน่อย หรือเจ้ากลัวว่าพวกข้าติดใจผ้าไหมหอมหมื่นลี้จนลืมผ้าไหมหยกของเจ้า”“หามิได้เพคะ ขอเพียงองค์ชายหกทรงพอพระทัย หม่อมฉันจะกล้าไม่พอใจได้เช่นไร”“คุณหนูเจ้าคะ มีกลุ่มคุณหนูคุณชายดูว่าจะมาจากเมืองหลวง อ้างตัวว่าเป็นองค์ชายหก ตอนนี้บ่

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   44

    เช้าวันต่อมา หลิวหยางรับหน้าที่ขับรถม้าคันใหม่พาซูเจินจู สี่เสวี่ย เฟยหลัน และเฟยอวี่เข้าพบฮูหยินนายตำบลที่จวนนายตำบลเป่ย เมื่อมาถึงหน้าจวนนายตำบลหลิวหยางลงไปแจ้งกับคนเฝ้าประตูว่าคุณหนูของตนแซ่ซูชื่อเจินจูนำผ้าไหมหอมหมื่นลี้มาขอเข้าพบฮูหยิน พร้อมให้เงินหนึ่งตำลึงแก่คนเฝ้าประตู เงินหนึ่งตำลึงเร่งฝีเท้าคนให้ไวได้ดังม้า ไม่ถึงสองเค่อคนเฝ้าประตูก็ออกมาเปิดประตูให้ให้รถม้าเข้าไปซูเจินจูสวมชุดผ้าไหมหยกสีขาวปักลายนกกระยาง ลายปักละเอียดเพียงดูผ่านๆก็ยังสามารถรู้ได้ว่าเป็นงานปักชั้นสูง ผมรวบขึ้นอย่างประณีตปักด้วยปิ่นหยกขาวเนื้อดีหนึ่งคู่ที่ดูเข้ากันได้ดีกับกำไลหยกขาวที่ข้อมือ ผิวขาวราวหยก ขนตาเป็นแพหนาสีดำ ปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อยิ่งทำให้ซูเจินจูงดงามจนคนที่ได้เห็นไม่สามารถละสายตาไปได้สี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยอวี่ ผู้ติดตามทั้งสามคนสวมชุดผ้าไหมเฉกเช่นคุณหนูจากจวนใดจวนหนึ่ง เฟยหลันที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าหายดีแล้วยิ่งดูงดงามและลึกลับเมื่อสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน ปักด้วยปิ่นเงินลายดอกหลันฮวาเดินคู่มากับเฟยอวี่ในชุดผ้าไหมสีเดียวกันรวมผมขึ้นอย่างเป็นระเบียบปักด้วยปิ่นเงินลายเมฆา สี่เสวี่ยที่ตามรับใช้ใกล้ชิ

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   43

    ซูเจินจูฝั่งร้านผ้าซูเตี้ยนได้สั่งให้คนงานไปซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ของร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนมาหนึ่งพับ เมื่อสำรวจดูแล้วพบว่ากลิ่นของผ้าไม่ใช่กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้แต่เป็นกลิ่นของดอกเหมย อีกทั้งลายผ้าไม่คมชัดคงเป็นการวาดลายลงไปโดยตรง การใช้สีอ่อนเช่นนี้จะทำให้ลายผ้ามีสีซีดได้ง่าย อีกทั้งกลิ่นดอกเหมยไม่สามารถเกาะติดผ้าได้ดีเท่ากลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ เวลาผ่านไปสักพักกลิ่นก็คงจางหายไปเอง ดังนั้นผ้าไหมพวกนี้ไม่สามารถนับเป็นคู่แข่งอย่างแท้จริงได้หลงจู๊ฝูที่ออกไปสืบข่าวด้วยตนเองกลับมาพบนายท่านซูละซูเจินจูด้วยสีหน้าสบายใจ“เห็นทีว่าคุณหนูจะพูดถูกทุกอย่างเลยขอรับ ผู้ที่ซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้จากร้านเฉินอี้เตี้ยนไปกลับมาโวยวายที่ร้านเหตุเพราะเพียงนำผ้าไปซักเท่านั้น กลิ่นที่ควรมีก็ไม่มีอีกต่อไป เห็นทีว่าร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนจะเสียชื่อเสียครั้งใหญ่เป็นแน่”“เช่นนั้นข้าค่อยสบายใจหน่อย เอาล่ะ เมื่อหมดเรื่องแล้วเห็นทีว่าถึงเวลาไปเอาผ้าเสียที เจ้าล่ะ อาจู จะไปเอาผ้าหอมไหมหมื่นลี้อีกเมื่อใด”“ข้าให้เฟยหลันไปเอาผ้าแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็คงนำผ้ากลับมาแล้ว เห็นทีว่างานปักงานแรกคงเป็นการตีตราร้านลงบนผ้าเสียแล้วน

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   42

    “คุณหนู บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เฟยหลันมองเฟยหมิงที่อยู่บนเตียงแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ลมหายใจของนางดีขึ้นมากแล้ว คุณหนูรักษานางได้จริงๆซูเจินจูรับเข็มเงินและโถบดยาไปก่อนจะสั่งให้เสี่ยวเหลียนนำเข็มเงินไปต้มในน้ำร้อนและให้เฟยหลันกรีดผ้าที่ขาของเฟยหมิงออก“กระดูกขาของนางแตก หากนางทนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับขาสักสามเดือนขาของนางก็จะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม”“นางยังจะกลับมาเดินได้อีกหรือเจ้าคะ”“ต้องนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ไปก่อนสามเดือน หากขยับเขยื้อนก่อนหน้านั้นก็อาจจะเดินไม่ได้”“คุณหนูเหมือนหมอเทวดาเลยเจ้าค่ะ”“เจ้าจะร้องไห้ทำไม ไอหย๋า ข้าแพ้น้ำตาของพวกเจ้านัก หยุดร้องเถอะข้าจะให้เสี่ยวเหลียนไปซื้อขนมให้เจ้ากิน”“คุณหนู บ่าวแค่ดีใจมากไปเจ้าค่ะ แต่เดิมบ่าวแค่ต้องการฝังศพนางให้ดีเสียหน่อย ใครจะรู้ว่าคุณหนูดึงวิญญาณนางกลับมาจากนรกได้”“เพ้ย เจ้านี่ ตายแล้วไม่ให้นางขึ้นสวรรค์แต่กลับให้นางไปลงนรก เอาล่ะๆ เจ้าไปบดยากองนั้นเถอะ เดี๋ยวข้าฝังเข็มเสร็จแล้วต้องพอกยาให้นาง”“ทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ มัน เยอะมากเลยนะเจ้าคะ”“ทั้งหมดนั่นแหละพอกทั้งขาแล้วเอาผ้ามาพันเข้ากับไม้แผ่นเสียหน่อย กระดูกจะได้ไม่เคลื่อนที่มากนัก”

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   41

    หลังหลินเฮงฉวนกลับไปซูเจินจูเข้ามาที่ร้านผ้าซูเตี้ยนพร้อมกับนายท่านซู สินค้าที่นำกลับมาถูกจดไว้ในรายการอย่างลวกๆ ซูเจินจูจำเป็นต้องทำมันใหม่เพื่อให้เป็นระเบียบมากขึ้น นายท่านซูนำผ้าจากเผ่าเจี๋ย ชนเผ่าเร่ร่อนดำเดินชีวิตด้วยการเดินทางไปเรื่อยๆกลับมาไม่น้อย ผ้าจากเผ่าเจี๋ยเป็นผ้าหนังสัตว์ที่ถูกตัดเย็บด้วยวิธีการแปลกใหม่ หนังสัตว์ที่ไม่หนาฝีเข็มที่เย็บจนหนังแนบชิดติดกันจนลมไม่สามารถเข้าได้เป็นชุดคลุมอย่างดีสำหรับฤดูหนาว แต่ผ้าจากเผ่าเจี๋ยทั้งหมดเป็นเพียงของบรรณาการที่ส่งเข้าไปยังจวนขุนนางเท่านั้นทำให้ซูเจินจูรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถทำกำไรจากของดีเช่นนี้ได้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่นายท่านซูมีโอกาสดูงานประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายโบตั๋น ผ้าไหมสามพับทำกำไรได้มากถึงสี่พันสี่ร้อยตำลึง จริงอย่างที่หลงจู๊ฝูพูด ร้านผ้าซูเตี้ยนควรจัดงานกราบไหว้เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งได้แล้วผ้ามีตำหนิห้าสิบพับถูกขนย้ายออกมาเพื่อเตรียมไว้ให้ซูเจินจู อีกทั้งนายท่านซูยังมอบเงินให้ซูเจินจูห้าร้อยตำลึง“ข้าเพิ่งรู้ว่าฮูหยินไม่เคยให้เงินเจ้าเลยยามออกมาทำการค้า ต่อไปหากข้าไม่อยู่เจ้านำเงินของที่ร้านออกไปเป็นค่าเดินทางได้เล

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   40

    ซูหนี่ย์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ยกยิ้มเหยียดหยาม ดี ให้คนของท่านพ่อตีนางให้ตาย นังบ่าวชั่วที่ติดตามนังจิ้งจอกนั่นไม่สมควรมีชีวิตอยู่เป็นหนามตำตานาง ให้ตายเถอะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเกลียด ทำไมตอนที่พวกนางออกไปทำการค้าถึงไม่เจอโจรป่าเสียบ้างนะเฟยหลันและคนของนายท่านซูถือไม้พลองยืนอยู่กลางลานหน้าห้องโถง ขอเพียงส่งสัญญาณคนทั้งคู่ก็พร้อมแสดงฝีมือทันที แต่เฟยหลันที่อยู่บนลานหันกลับมามองซูเจินจูแล้วส่ายหน้าช้าๆ“ท่านพ่อ ให้คนของท่านเข้าไปอีกคนหนึ่งเถอะเจ้าค่ะ”นายท่านซูหนัยมามองซูเจินจูเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกผู้คุ้มกันอีกคนขึ้นไปกลางลาน เอาเถอะ อย่างไรเสียซูเจินจูก็มีผู้ติดตามคนเดียว หากนางแพ้ก็แค่หาคนคุ้มกันให้ซูเจินจูเพิ่ม หากนางชนะเขาก็จะสบายใจมากขึ้น“ลงมือ!!!”เฟยหลันตวัดไม้พลองลงไปอย่างเต็มแรง ผู้ที่เข้ามารับไม้แรกถึงกับถอยร่นลงไปหลายก้าว มือที่จับไม้พลองไว้สั่นจนแทบทำไม้พลองหลุดมือ เฟยหลันกระโดดตามเข้าไปฟาดไม้พลองลงที่ข้อมือก่อนจะตวัดไม้พลองอีกด้านไปเกี่ยวไม้พลองของผู้คุ้มกันคนที่สองลง ลูกเตะที่เตะลงไปที่ศรีษะอย่างแม่นยำทำให้ผู้คุ้มกันคนที่สองล้มลงไปนอนกับพื้นที่ที ไม้พลอยที่มือของเฟยหลันถ

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   39

    เฟยหลันเดินตามซูเจินจูไปที่ศาลาเพื่อย่างไก่ป่าทั้งหกตัวต่อ อย่างไรเสียไก่หกตัวนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรนางทำใจเมินพวกมันไม่ลง น่องไก่สิบสองน่องอยู่ในจานของซูเจินจู ตัวไก่ไร้น่องสองตัวถูกส่งไปยังกระท่อมของหยางหย่งเจิ้งพร้อมบะหมี่ผักหยางหย่งเจิ้งเปิดประตูรับไก่ย่างและบะหมี่ผักที่หลิวหยางนำมาส่งให้ เมื่อเห็นว่าหลิวหยางเดินออกไปไกลแล้วจึงหันหลังกลับเข้ากระท่อมของตน“ท่านรองแม่ทัพ เหตุใดไก่ในหมู่บ้านนี้ถึงไม่มีขาหรือขอรับ”“หวู่เยวี้ยน เจ้าจะไปรู้อะไร เด็กสาวบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านนั่นชอบกินน่องไก่ ท่านรองแม่ทัพถึงได้สั่งให้เจ้าไปจับไก่ป่ามาบ่อยๆไงเล่า”“ไอหย๋า ไอ้เจ้าพวกนี้คือไก่ที่ข้าจับมาอย่างนั้นหรือ”“หยุด เจ้าจับมาคนเดียวหรืออย่างไร แล้วเหตุใดจึงมาเพียงพวกเจ้า ทำไมเหวินอี้ไม่มาด้วย” หยางหย่งเจิ้งปรามทั้งสองก่อนจะพูดเรื่อยเปื่อยไปมากกว่านี้“เรียนท่านรองแม่ทัพ เหวินอี้ตามสืบเรื่องยาพิษที่ใช้ปลิดชีวิตก้านลู่อยู่ขอรับ หากรู้ว่าเป็นพิษชนิดใดคงสืบหากบฏได้เร็วขึ้น”“เรื่องรองนายอำเภออู๋ไปถึงไหนแล้ว”“ตอนนี้ถูกจับขังคุกอยู่ที่อำเภออู๋ ปิดปากเงียบ คืนนี้จะเริ่มการทรมานขอรับ”“ดี อย่างไรก็ต้องรู้ให้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status