พ่ายรักนายเลขาฯเถื่อน
Chapter 1ร่างสูงสง่าในเชิ้ตสีดำสนิทกางเกงสแล็คเข้ารูปหยุดก้าวลงข้าง ๆ บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 หรูหราสมราคารถยนต์ที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเอง เพราะไม่ได้นำรถเจ้านายมาในวันนี้
อลันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เลขาฯ ยังเป็นผู้อารักขาที่ดีตามแบบฉบับของพ่อ ตระกูล ‘แบรดฟอร์ด’ ตั้งแต่รุ่นทวดทุกคนมีการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญา ได้รับการฝึกฝนวิชาป้องกันตัวทุกขนาน ไม่น้อยหน้าไปกว่าบอร์ดี้การ์ดชั้นแนวหน้า ดาราคนดังเซเลบระดับโลก หรือแม้แต่ประธานาธิบดียินดีที่จะจ่ายเงินเดือนสูงลิบ สำหรับการมีเลขาฯ ดี ๆ ไว้ข้างกาย แม้ว่าพวกเขาจะสิ้นชื่อสิ้นเนื้อประดาตัวไปนานแล้ว หลังผู้นำครอบครัวอย่างนิคาซิโอ้ (Nicasio) เสียชีวิตในหน้าที่อย่างสมเกียรติ มรดกมากมายกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามพินัยกรรมตกเป็นของลูกชายเพียงคนเดียว ทรัพย์สินของพ่อเรียกได้ว่ามากพอจะทำให้อลันใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชาติ เขากลับไม่ได้แตะต้องเงินส่วนนั้นเลย ด้วยนิสัยความตระหนี่ถี่เหนียว ใช้เงินอย่างระมัดระวังหากต้องไปเที่ยวสังสรรค์นาน ๆ ครั้ง แบ่งสันปันส่วนการใช้จ่ายเงินอย่างสมเหตุสมผล ประสาคนซึ่งเรียนรู้คำว่า ‘เลขานุการ’ มาตั้งแต่เป็นเด็กหัดเดินกระเตาะกระแตะ เขายังเป็นคนจู้จี้จุกจิกอยู่สักหน่อย เป็นธรรมดาของทุกคนที่ใช้นามสกุล ‘Bradford’ พ่วงชื่อกลางด้วยคือ ‘Eduardo’ ความเรื่องมากของเขาเริ่มต้นที่บราซิล อลันเกิดที่นั่นแต่ด้วยสังคมไม่ค่อยจะดีนักในความคิดเห็นของพ่อ พ่อของเขาซึ่งถือสัญชาติอเมริกันจึงทำให้เขาเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยสมบูรณ์แบบ สักประมาณสิบขวบได้ อลันเคยถามพ่อว่า ทำไมพ่อถึงเป็นคนอเมริกัน? ในเมื่อพวกเขาอยู่บราซิลกันหมดแม้กระทั่งแม่ที่เป็นคนภูเก็ต เขาควรถือสัญชาติไทยด้วยซ้ำ ก่อนจะได้คำตอบว่าพ่อไปเกิดที่สหรัฐฯ โดยบังเอิญ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นเพียงสองประเทศที่มีกฎหมายเปิดทางให้ถือสัญชาติตามสถานที่เกิด โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของพ่อแม่ หมายความว่าเด็กที่เกิดที่นั่นจะได้สัญชาติอเมริกัน ต่อให้พวกเขาจะเป็นนักท่องเที่ยวก็ตาม อลันจึงเติบโตและใช้ชีวิตในสหรัฐฯ ตลอดจนมาอาศัยอยู่ในเมืองไทยถึงสิบปี พูด-อ่านภาษาไทยชัดแจ๋วเท่าเจ้าของภาษา ทำงานให้สถาปนิกหนุ่ม นักธุรกิจคนดัง ในฐานะเลขานุการที่ไม่ต่างไปจากทาสในเรือนเบี้ย... บางครั้งก็ไม่แน่ใจนักว่าเมืองไทยได้เลิกทาสไปนานหรือยัง... เลขาฯ บอร์ดี้การ์ดอย่างเขาทำงานวันละไม่ต่ำกว่าสิบสองถึงสิบห้าชั่วโมง ขยันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต! ช่วยงานหลักงานเอกสาร ส่งตารางประชุมของบอสแล้วเขายังดูแลเด็กในความดูแลให้เสียด้วย คิ้วเข้มหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาคู่คมสีฟ้าครามขมวดมุ่น ชะเง้อคอหาเมียเจ้านายที่ไม่กลับมาสักที ก่อนจะก้มหน้าลงมองกระจกด้านข้างตัวรถ หรี่ตามองหยดน้ำที่เกาะอยู่เป็นหยดหย่อม เขาไม่ชอบความสกปรก... เขาไม่ชอบอะไรที่ไม่เรียบร้อย อะไรที่มันไม่เป็นที่เป็นทางเหมือนตัวเขา ก็จะพาลหงุดหงิดไม่ชอบมันไปเสียทุกอย่าง เจ้าของวงหน้าคร้ามคมโน้มตัวลงเอามือไพล่หลังเพ่งพิจารณามันให้ชัด เสื้อเชิ้ตสีดำหลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงถูกจัดแจงให้เข้าที่เข้าทางให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยในชั่วโมงทำงาน มือหนาหยิบกระดาษทิชชูเปียกจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท เช็ดกระจกไปมา พยายามที่จะจัดการกับเรื่องเล็กน้อย ด้วยการเสียสละผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาเช็ดอีกรอบ จนกลายเป็นคนที่ทำอะไรโง่ ๆ พองานตรงหน้าเรียบร้อยดี จึงทอดสายตามองไปทางโล่งกว้างในวัดอีกครั้งหนึ่ง รอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้างามหมดจดพาวงหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ‘น้องพุทราคนสวย’ นั่นคือชื่อในอัลบั้มรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือ และยังคงอยู่ในหน้าแรกของจอโทรศัพท์ วันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตแม่ของปรายลดา เขาได้รับหน้าที่เป็นสารถี เพื่อที่จะคอยดูแลเธอใกล้ ๆ เนื่องมาจากว่าสถานการณ์ทางบ้านเจ้านายไม่ค่อยจะดีนัก ร่างสูงพิงแผ่นหลังไว้กับประตูรถยนต์สีดำสนิท ขณะยืนรอหญิงสาวที่เดินหายไปทางหลังวัดได้สักพัก ถึงเขาจะได้รับคำสั่งว่าไม่ให้คลาดสายตาจากเธอ เขาก็มีมารยาทในสังคมขั้นพื้นฐาน สำหรับเวลาทำความเคารพศพของผู้ล่วงลับ คนอะไรไม่รู้... ยิ่งโต ยิ่งสวย ไม่น่ารีบมีแฟนเลย อลันจำได้ว่าเคยพูดประโยคนั้นกับเจ้านายขี้หวงครั้งหนึ่ง ก่อนจะโดนลูกถีบมหากาฬ ต้องไปนอนลอยคอกลางเกาะสวรรค์ ประเทศฟิลิปปินส์ ทว่าตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดว่าเธอสวย... ใบหน้าหล่อเหลาคมคายระรื้น ก่อนที่เขาจะกลับขึ้นรถยนต์ สตาร์ทรถรอเจ้าตัว พอเม็ดฝนโปรยปรายลงมาเป็นหยดหย่อม เขาถึงได้เห็นว่าร่างบางในชุดนักศึกษาก้าวฉับ ๆ กลับขึ้นรถอย่างรวดเร็ว “ฝนตกทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ?” “ไม่ได้ตกหนักค่ะ คุณอลัน แค่ปรอย ๆ รถอยู่ใกล้แค่นี้เอง” เหตุผลของเธอพอฟังขึ้นอยู่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้านายกำชับเรื่องบางอย่างไว้ อลันหน้าเครียดเข้มบอก “แต่คราวหน้าต้องโทรเรียกผมนะ ผมจะเดินไปรับ พุดท้องลูกเจ้านายผมอยู่ เกิดเป็นลมเป็นแล้ง เดินสะดุดอะไรขึ้นมา ผมจะลำบากทีหลัง” “ถ้าพุดเป็นอะไร เรียกคุณอลันไปนานละ ห่วงตัวเองเถอะค่ะ ทำตัวติดพุดมาก ระวังให้ดี” ว่าแล้วก็ดึงเข็มขัดนิรภัยรัดรวบตัวไว้เรียบร้อย ชายหนุ่มออกรถ เหยียบคันเร่งไปเบา ๆ ไม่เร็วไม่ช้ามากนัก ขณะที่ใบหน้าสดสวยเง้างอนทำให้เขาเผลอลอบยิ้ม พอเธอสะบัดหน้าใส่เขาก็ทำเคร่งขรึมเช่นเดิม ไม่แปลกที่หัวใจของหนุ่มวัยสามสิบปีจะสั่นไหวอยู่เล็กน้อย ทว่าตัวเขาเองคงต้องอกหักไปตามระเบียบ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ปรเมษฐ์เพิ่งลงเอยความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับลูกเลี้ยงของพี่ชาย ที่รับอุปการะมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ และถ้าหากว่าไม่มีเรื่องจำเป็นจริง ๆ ผู้ชายขี้หวงคงไม่ทิ้งสาวน้อยคนสวยไว้ในความดูแลของเขา ระหว่างไปสะสางงานในต่างประเทศให้เสร็จแน่ ความไว้ใจก็เป็นส่วนหนึ่ง ด้วยความที่ทำงานให้บอสมาร่วมสิบปี ตัวเขาไม่ต่างไปจากน้องชายหรือเพื่อนสนิท การเดินทางจากวัดไปถึงบ้านใช้เวลาไม่นาน เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไป แต่ยังคงอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ด้วยเสียงดังกระหน่ำของสายฝนสาดเทลงมาดังพายุ บีเอ็มดับบลิวสีดำจอดสนิทดีหน้าบ้านหลังใหญ่โตที่เขาต้องมาส่งคือบ้านของแม่เจ้านาย เนื่องจากว่าเจ้าตัวอยู่ต่างประเทศในตอนนี้และคงไม่อยากให้คนท้องไส้อยู่คนเดียว เขาเห็นว่าเธอตื่นดีแล้วจึงบอก “พุดอยู่บ้านแม่อนงค์จนกว่าบอสจะกลับนะครับ บอสกำชับไว้ว่าให้ผมไปรับ ไปส่งตลอด พรุ่งนี้ผมจะมารับแต่เช้า ต้องไปทำธุระที่มอใช่ไหม?” หญิงสาวรู้สึกเกรงใจเขา ด้วยความที่เธอยังมีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการหลายอย่าง กลอกตาไปมา “อืม... พุดว่าจะหยุดนอนอยู่บ้านนะ เวียนหัว รู้สึกไม่ค่อยสบายเลย” “งั้นคุณพุดโทรหาผมอีกทีครับ... ถ้าจะไปไหน” อลันคลี่ยิ้มกว้างอย่างรู้ใจอีกฝ่ายดี ถ้าเธอคิดจะไปไหนตามลำพัง ไม่มีทางรอดพ้นสายตาเขาไปได้ เป็นเรื่องที่อีกคนรู้ว่าเธอคงจะปลีกตัวได้ยาก โทรศัพท์ในกระเป๋าที่สั่นดังได้อย่างตรงเวลา หญิงสาวหยิบมันออกมากดสองสามที ชูขึ้นให้อีกคนดู “ปริมไลน์มาพอดี... สงสัยว่าจะมานอนเป็นเพื่อนพุด กลับบ้านนั้นละกันค่ะ” นัชชาหรือปริมเป็นเพื่อนสนิทของปรายลดามาตั้งแต่ชั้นอนุบาล เลขาฯ คนสนิทอย่างเขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้าหล่อนมานานมาก ๆ แล้ว ในสีหน้าเคร่งขรึมของลูกครึ่งหนุ่มเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเฉย “ครับ ตามใจ” อลันไหวไหล่ แล้วเหยียบคันเร่งอีกครั้ง เพื่อไปส่งหญิงสาวที่บ้านหญิงสาวในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทจีบรอบสั้นประเข่ายืนรอเพื่อนรักมาได้สักพัก ใต้กันสาดหน้าบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าซึ่งมันไม่ได้ช่วยบดบังเม็ดฝนที่โหมกระหน่ำได้สักเท่าไร ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตตามเทรนแฟชั่นลู่สนิทลงไปบนเรือนกายผุดผ่อง ขณะยกสองมือขึ้นกอดกุมเสื้อสีขาวที่เห็นขอบเส้นบราเซียอยู่บาง ๆ หวังให้มันได้คลายหนาวลงแต่ก็ไม่เลย... บางทีความเหน็บหนาวอาจมาจากก้นบึ้งของหัวใจเธอที่ไม่ว่าทำอะไรก็ไม่ถูกใจแม่ แม่บอกว่าเธอเอาแต่ใจมากเกินไป ดื้อรั้น ปากร้าย ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคำว่าอดทนอะไรในชีวิตสักอย่าง... ใบหน้าสดสวยสลดเศร้ามองพื้นขรุขระ เม็ดฝนที่กระแทกลงอย่างหนัก เสียงลมคำรามกรรโชกพัดผ่านโสตประสาทอย่างน่ากลัว เหมือนว่าจะมีพายุลูกใหญ่ในค่ำคืนนี้ นัชชาได้แต่หวังว่าเจ้าของบ้านจะไม่ปล่อยให้เธอต้องยืนตากฝนนาน ไม่นานนัก รถยนต์ยุโรปหรูสีดำสนิทจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่โต พร้อมกับการปรากฏตัวของเพื่อนรัก ปรายลดาเปิดประตูรถยนต์ออกมาพร้อมร่มคันใหญ่หนึ่งคัน ปล่อยให้คนขับรถไปจอดรถเสียก่อน เข้ามาหาเธอในทันที “ยัยปริม มายืนเป็นลูกหมาตกน้ำอะไรตรงนี้เนี่ย... ไม่ได้เอารถมาเหรอแก?” นัชชาหลุบตาลงต่ำ เบะปากเป
“คุณป้อม ผมว่า... ไม่ควรปล่อยเธอไปแบบนี้ ผมจะไปรับปริมกลับบ้านนะครับ” เสียงเข้มขรึมกึ่งอ้อนวอนของเลขานุการประจำบ้าน ‘ธนทรัพย์สกุล’ บอกว่าเขาอยากบึ่งรถไปรับคุณหนูมากแค่ไหน นัยน์ตาสีนิลสนิทรับวงหน้าหล่อเหลาเย็นยะเยือกสบมองไปยังดวงตาคู่สวยใต้อายไลเนอร์คมกริบที่เลื่อนจากเอกสารกองพะเนิน มือเล็กวางปากกาแท็บเล็ตในมือ ทิ้งแผ่นหลังลงบนโซฟามีพนักพิงของผู้บริหารพร้อมสีหน้าครุ่นคิด “อืม... เดี๋ยวนะ... แบร์นาร์ด คุณจะไปรับมันทำไม?” “ทำไมจะไปรับไม่ได้ล่ะ? ผมว่าสวย ๆ แบบหนูปริมป่านนี้อาจถูกผู้ชายหลอกไปทำไม่ดีไม่ร้ายแล้วก็ได้ อย่าบอกนะว่าคุณป้อมไม่ห่วงลูกสาวเลย?” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าปีแลดูอ่อนกว่าวัยประสาคนมีเงินนิ่งเฉย ก็เพราะว่าห่วง... หวง รักมากเกินไป ลูกของเธอถึงได้กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้! กระเป๋าแบรนด์ใบละเจ็ดแสนเธอก็ถอยให้ลูกได้ แบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิน เธอให้ลูกเอาไปช้อปปิ้งได้วันเป็นล้าน! ลูกสาวสุดที่รักอยากได้รถยนต์ขับไปเรียน ไว้รับส่งเพื่อนที่กำลังจะตั้งตัวทำธุรกิจ เธอก็ถอยบีเอ็มดับบลิวตัวล่าสุดรุ่นท็อปให้ ‘คุณแม่ขา น้องปริมอยากได้จังเลยค่ะ’ ทั้งน้ำเสียงและสายตาเว้าว
ในรุ่งเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่า นัยน์สีฟ้าครามเข้มเบิกโพล่งสะดุ้งตื่นจากนิทรา พลันผลักผ้านวมหนาที่คลุมห่มตัวอยู่อย่างงุนงง เมื่อคืนที่หลับไปทั้งชุดทำงานเขาไม่ได้หยิบจับอะไรสักอย่าง ผ้าห่มลายตุ๊กตาน่ารักจะเป็นฝีมือใครหากไม่ใช่เมียเจ้าของบ้าน! ร่างสูงในเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นดังจากข้างหมอน สายจากปรเมษฐ์โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบของลูกเมีย และงานเฝ้าของเขาว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมส่งข่าวมาว่ากำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ตื่นเต็มตาได้ไม่ยาก ทว่าพอวางสายจากเจ้านายหนุ่ม อลันมีความคิดบางอย่างเมื่อเหลือบมองตามบันไดทางขึ้นไปชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาอบอุ่น ทำไมบ้านเงียบ? พุทราก็ไม่มาเรียกเขาสักคำ เพราะนิสัยของปรายลดาเป็นคนช่างห่วง ยังดูแลทุกคนรอบตัวเป็นอย่างดี เขาไม่ลังเลที่จะถือวิสาสะบุกห้องนอนตามหน้าที่ ก้าวขายาว ๆ เหยียบย่องขึ้นบันไดไป ชั้นสองมีสามห้องนอน ห้องโถงกลาง และห้องนอนสำหรับเล่นสนุกซุกซนของเจ้านาย ซึ่งคนเป็นเลขาฯ มานานถึงสิบปีต้องรู้ความลับเรื่องรสนิยมทางเพศของปรเมษฐ์เป็นอย่างดี ถึงเจ้าตัวจะเลิกราจากคู่ขาประหลาด ๆ ไปเพราะความรักในตัวลูกเลี้ยง
“ฉันหนาว... ขอ... ผ้าห่ม..” อ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและแววตา ก่อนที่สติของเธอจะค่อย ๆ รางเลือน อลันถึงจะขี้หงุดหงิด ยังเป็นคนคิดเร็วทำเร็วอยู่สักหน่อย เขาคงไม่ปล่อยให้เธอต้องหนาวตายซะก่อน มือหนาสากลากชุดกระโปรงนอนออกจากเรือนกายแน่งน้อยออกอย่างระวัง เนื้อตัวของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อนราวดอกไม้แรกแย้มบาน ก็คงจะใช่... นี่มันเด็กสาว! ยัยเด็กบ้านี่อายุห่างจากเขาตั้งสิบปี คิดพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหาย เมื่อทุกปลายนิ้วสัมผัสผิวนุ่มเนียนดุจแพรไหม ความขาวจัดจ้านเสียจนเห็นเส้นเลือดฝาดสะกดดวงตาของเขาไว้ ตัวของเธอร้อนแต่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะร้อนยิ่งกว่า ม่านตาสีฟ้าครามจะเบิกกว้างตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อเสื้อเปียกในมือหล่นแหมะจากมือหนาลงบนที่นอน ปรากฏสองเต้าเต่งตึง ยอดอกเต่งตึงประดับสีชมพูหวานติดตรึงเข้าไปในหัวสมอง ทั้งที่รสนิยมของอลันต้องสาวผิวแทนเท่านั้น! แต่เธอสวย! อืม.. ยัยเด็กแสบนี่สวยทั้งตัวจริง ๆ หน้าอกหน้าใจใหญ่ขนาดนี้ก็คงจะบีบได้พอดีมือ ไม่! จับไม่ได้เด็ดขาด... ความคิดหยุดลงพลางถอนหายใจหนัก นานแล้วที่ห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่าเพราะมัวทำแต่งาน แต่เขาก็หนักแน่นมากพอหักห้ามใจ ท้ายทอยที่ช้
สถาปนิกหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปีกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องมาจากว่าปิ่นแก้วจำเป็นต้องหอบงานโปรเจคใหญ่จากฟิลิปปินส์กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว แต่ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ นัชชาสนิทสนมกับบ้านนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาล ก็ไม่แปลกที่เธอจะต้องรู้จักทั้งพ่อเลี้ยง และอดีตผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อย่างหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว ยังต้องติดต่อกันด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมปรเมษฐ์ถึงไม่หาทางปลีกตัวจากผู้หญิงร้ายกาจอย่าง ‘ปิ่นแก้ว’ แม้ปิ่นแก้วจะเคยเป็นเพื่อนคนสนิทในกลุ่มของปรเมษฐ์ จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไร้เดียงสา แต่จ้องจะแทงข้างหลังปรายลดาอยู่เสมอ ด้วยความอิจฉาอยากได้ความรักของเขาที่มีให้แค่ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ผีเห็นผี... มองตากันก็รู้ว่าอีกคนมีนิสัยยังไง ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาของเพื
“m-a-n-n-e-r แปลว่า มา-ระ-ยาด นะคะคุณฝรั่ง อยู่เมืองไทยมาก็นาน ฟังภาษาไทยเข้าใจไหม? คำว่ามารยาทน่ะ” เสียงหวานสะกดทีละคำทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ขนาดรอเรือยังออกเสียงควบกล้ำชัดเจน ฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมาสิบปี! แม่ของเขาก็เป็นคนไทยถึงเขาจะถือสัญชาติอเมริกัน ไม่ต่างจากโดนตอกหน้ายับเยิน ชายหนุ่มได้แต่ยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทั่งหญิงสาวอีกคนวิ่งตามมา “พี่ซื้อขนม น้ำมาฝากเรากับพ่อเลี้ยง มากินกับพี่ก่อนสิ พุทรา กินก่อนค่อยไป เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ” บนวงหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบที่ดูไม่แก่กว่าวัยฉาบด้วยรอยยิ้มที่คงไม่ต่างจากยาพิษ นัชชาเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ปรายลดาชะงักครู่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกเร่งเร้า “ไปเร็ว... ไปกินขนมกับพี่นะ” “ค่ะ พี่ปิ่น กินก่อนก็ได้ค่อยไป แก..” มือที่ยังจับกันไว้กระตุกเบา ๆ อีกคนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความคิดตรงกันว่าหากเข้าบ้านไปตอนนี้ ปรเมษฐ์คงเลิกรากับการทำงาน แล้วมาพาคนท้องไปโรงพยาบาลแทน เป็นเรื่องปรกติของผู้ใหญ่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนชอบที่จะซื้ออาหารมารับประทานร่วมกัน แม้แต่ปิ่นแก้วเองกับคนบ้านนู้นก็มากันอยู่บ่อย ๆ มีพักหลังมานี้ที่สถานะของเจ้าต
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินยอมให้แพทย์ทำการรักษา สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เ
พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตั