พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย
นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตัวเองขนาดไหน ตอนนี้ยังทำเหมือนว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์… นัชชาส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา พอดีกับที่พยาบาลและพนักงานของโรงพยาบาลยกถาดอาหารเข้ามา คนป่วยบนเตียงยกผ้าห่มขึ้นซุกนอนหันก้นให้อย่างไม่สนใจใคร “คุณพยาบาลคะ... ช่วยดูสายน้ำเกลือให้หน่อย ฉันว่ามันมีฟองหรือเปล่า มันเป็นอะไรไหมคะ?” “ค่ะ เดี๋ยวดูให้นะคะ” พยาบาลสาวรับคำด้วยรอยยิ้ม เดินอ้อมไปในอีกฝั่งหนึ่ง หยิบสายน้ำเกลือขึ้นมาเคาะสองสามครั้ง คุณหมอคนเดิมก็เข้ามาซักถามอาการ วัดไข้และความดัน ขณะที่คนป่วยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ นอนหลับตานิ่ง ๆ อย่างเหนื่อยล้าอ่อนแรง ทุกอย่างตกเป็นภาระหน้าที่ของญาติ เมื่ออาจารย์แพทย์เริ่มอธิบายรายละเอียดยิบย่อยในเรื่องการรับประทานยาต้านไวรัสว่าต้องรับประทานอย่างไร ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ วิตามิน การปฏิบัติตัวในการดูแลผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัย หลังดูแลผู้ป่วยทุกครั้งควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่ให้สะอาดทันที แม้ว่าเธอจะฉัดวัคซีนป้องกันไข้หวัดทุกสายพันธุ์แล้วก็ตาม พอแพทย์และพยาบาลจากไป หญิงสาวถึงกับถอนหายใจ ขณะทำตามคำแนะนำของคุณหมอคือสวมหน้ากากอนามัยให้เรียบร้อย ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลง ปรับที่นอนให้เอนขึ้นอีกระดับ อำนวยความสะดวกให้คนป่วยและตัวเธอเอง “คุณอลัน... กินข้าวกินยาก่อน คุณไม่ได้เป็นหวัดธรรมดา ต่อให้เป็นกัปตันอเมริกาก็ต้องรับประทานยาต้านไวรัสนะคะ หมอบอกว่าต้องกิน” เพราะได้ยินอยู่ทุกคำที่นายแพทย์กำชับบอกแม้นอนหลับตาอยู่เหมือนไม่สนใจ เขาเพียงพลิกตัวกลับไปบอกเนือย ๆ “รู้แล้ว... ผมไม่ได้โง่” “ฉันรู้ว่าคุณไม่โง่ค่ะ เพราะถ้าคุณโง่ คุณคงไม่ซัดอาหารปิ่นแก้วเรียบ แถมมาจูบปากคนไข้ให้ตัวเองติดหวัดหรอกใช่ไหม?” “ถ้าคุณจะหลอกถามผม... เพื่อด่า เอาไว้ให้หายดีก่อนละกันนะ” ในน้ำเสียงและสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาว่าตัวเองควรสงบศึก เป็นความคิดเดียวกันกับอีกคน “ค่ะ ไว้จะรอ” ตอบด้วยรอยยิ้ม นัชชาจึงจัดการกับถ้วยชามที่มีพลาสติกใสปิดไว้อย่างดีบนโต๊ะเลื่อนมีล้อสำหรับเคลื่อนย้าย อาหารของโรงพยาบาลวันนี้เป็นข้าวต้ม ความเป็นคนละเอียดรอบคอบของนัชชาที่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ เธอดึงหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าออกวางพักไว้บนคาง ชิมข้าวต้มก่อนด้วยช้อนอีกคันต่างหากจากคนป่วย แล้วทำหน้าแหยง ๆ “อืม… เหมือนน้ำล้างเท้าเลย คุณกินได้ไหมอ่ะ” “กินได้...” ในน้ำเสียงแผ่วเบา นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามจับจ้องทุกการกระทำเอาใจใส่ จากที่โมโหอยู่ในคราวแรก เขาเห็นว่าเธอค่อย ๆ เป่าควันลอยฉุยให้ความร้อนหายไปจากช้อน อย่างใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ดูแลเรื่องความสะอาดบนโต๊ะ และทุกอย่างเป็นอย่างดี อลันเป็นคนจู้จี้จุกจิก น่ารำคาญในนอกเวลางาน อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งที่ยังไม่เข้าวัยทอง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนว่าง่าย น้องชายห่าง ๆ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องยังขยาดเขาทุกคน ถึงขั้นว่าเจอกันนาน ๆ ครั้งดีกว่าหากไม่ได้มีธุระเรื่องงาน ก็ไม่คิดว่าจะมีใครทนเขาไหว ยิ่งตอนนี้ที่ความร้อนพลุ่งพล่านเหมือนวัวตัวผู้กลัดมัน ถึงหมอจะให้ยา และน้ำเกลือยังช่วยชะล้างสารตกค้างในร่างกาย ไม่รวมพิษไข้ที่พอจะบรรเทาอาการหื่นลงบ้าง! เสื้อยืดสีขาวเข้ารูปธรรมดา ๆ โค้งเว้าเข้าสัดส่วนนมเป็นนม เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด ของเจ้าของร่างเย้ายวนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมช้อนข้าว มีผู้หญิงสวย ๆ มาบริการถึงที่แบบนี้ เขาคงอยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวต้ม... มือเล็กบรรจงจับช้อนส่งให้ถึงปาก คนป่วยไข้สูงกว่าสามสิบแปดองศาเลยเจริญอาหารแม้ว่ารสชาติมันจืดชืดอย่างบางคนว่า กระทั่งมันหมดไม่มีเหลือ เขารับประทานยาครบทุกเม็ดพร้อมดื่มน้ำตาม และก็ยังมีคนคอยป้อน! แก้วที่วางลงพร้อมหน้าที่ที่ทำได้เป็นอย่างดีจึงได้รับคำชมเชย “ขอบคุณนะ ปริม... หาอะไรทานซะด้วยล่ะ” “ฉันไม่กินข้าวเย็น กลัวอ้วน... เดี๋ยวไม่สวย” พูดพลางเชิดหน้าเชิดตาให้ชายหนุ่มที่เกือบจะหัวเราะเข้ากับคำพูดนั้น เขาเพียงตะแคงตัวหันไปอีกทาง มีหญิงสาวปรับที่นอนให้ ยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้มิดชิด ผ้าห่มสีขาวของโรงพยาบาลดูเล็กไปถนัดตากับผู้ชายตัวโต สูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร “สูงจริง ๆ เลยนะ คนอะไรสูงยังกับ...” คำที่ละไว้ ได้แต่หวังว่าอีกคนจะหันกลับมาหาเรื่อง กลับมีเพียงความเงียบ เธอชะเง้อคอมองคนที่พริ้มตาปิดลง ก่อนจะสังเกตเห็นปลายเท้าโผล่พ้นจากผ้าห่มสีขาว จึงเดินไปหยิบผ้าอีกผืนหนึ่งมาคลุมเท้าของเขาเอาไว้ “ไม่อิ่มก็บอกฉันนะ จะลงไปซื้อของกินข้างล่างให้ จะเข้าห้องน้ำ จะเอาอะไรเรียกนะ ไม่ต้องเกรงใจ Goodnight ค่ะ” พูดดี ๆ สักหน่อยในท่าทางเป็นห่วงเป็นใย ร่างบางก็ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเฝ้าคนป่วย ชายหนุ่มลอบยิ้มอยู่เงียบ ๆ กับความน่ารักเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนัชชาที่คงจะชอบแกล้งคนอื่นด้วยคำพูดไม่เข้าหูจนติดเป็นนิสัย ทว่าพอภาพผิวขาวเนียนละเอียด อกอวบอัดประดับสีชมพูสีหวานที่เคยเห็นมาครั้งหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมอง ปนเปไปกับอาการปวดศีรษะเพราะพิษไข้ อาการปวดหนึบของเจ้าน้องชายตัวร้ายตามมาติด ๆ เขาต้องผ่อนลมหายใจแล้วฝืนปิดตาลงนอนตาม-----------
วันต่อมาอาการปวดหัวตัวร้อนดีขึ้นไม่น้อย แม้ตลอดคืนจะมีไข้สูงกว่า 38 องศา
ด้วยความที่พยาบาลส่วนตัวทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี คอยลุกขึ้นมาให้ความช่วยเหลือคุณหมอและพยาบาล วัดไข้ เช็ดตัวทุกสามถึงสี่ชั่วโมง พาคนป่วยเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ในตอนเช้า ดูแลเรื่องอาหารและยา ถึงเขาจะรับประทานเองได้เธอก็จะป้อนจนอิ่มโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ เป็นความสุขของหนุ่มโสดที่มีสาวสวยมาบริการ ทีแรกอลันคงนึกอยากแกล้งเสียมากกว่า กลายเป็นว่าเขาดันเผลอคิดคล้อยตามเรื่องที่ปรายลดาเคยเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเป็นคนน่ารัก ใจดี แค่ปากเสียไปสักหน่อย นัชชาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีมาก ๆ ตรงกันข้ามกับความคิดอคติของเขาโดยสิ้นเชิง “ถ้าน้ำเกลือมันหมด เดี๋ยวพยาบาลคงเข้ามาเปลี่ยน คุณง่วงก็ไปนอนเถอะ” เสียงแหบพร่าบอก ข้างเตียงในฝั่งซ้ายถัดจากเสาน้ำเกลือ ร่างบางในเสื้อยืดสีชมพู กางเกงยีนเข้ารูปทรงโค้งเว้าเข้าสัดส่วน กวาดตามองดูความเรียบร้อย ก่อนก้มหน้ามองเขาอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มหวานผ่านดวงตาเหนื่อยล้าจากการนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม ภายใต้หน้ากากอนามัย “ฉันไม่เป็นไร คุณจะกินอะไรนอกจากข้าวต้มหรือเปล่า ดูผอมจังเลยนะคุณอลัน เอาอกไก่หรือไข่ขาวสักสองลังไหม?” เขารู้ว่าเธอกำลังประชดเรื่องกล้าม! ทั้งที่ไม่เคยมีใครจะว่า แม้แต่พยาบาลสาว ๆ ผลัดกันเดินเข้าเดินออกไม่ซ้ำหน้า ตั้งใจมาช่วยเช็ดตัวให้เขาก็ปฏิเสธไปให้ญาติเป็นคนดูแล “คุณปริม... พูดจากับใครดี ๆ มันลำบากมากเลยหรือไง? ผมว่าคุณไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีเลยนะ” นัชชาไหวไหล่ตอบ “ฉันก็เป็นแบบนี้อ่ะ ทำไมล่ะ? ตกลงคุณจะเอาอะไรไหม ฉันจะไปซื้อให้ คุณกินข้าวต้มทุกมื้อนี่อิ่มเหรอ? หวังดีนะเนี่ยเลยถาม” “ไม่เอา ผม... กินอะไรไม่ค่อยไหว ตอนนี้... รู้สึกเหนียวตัว” อึกอักบอกอย่างเกรงใจ เขาคิดว่าอีกคนคงเหนื่อยทว่าเธอก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร ค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนเตียง หยิบผ้าชุบน้ำที่ลอยอยู่ขึ้นมาบิดเบา ๆ ปากไม่หยุดบ่นผ่านผ้าที่ปิดบังใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่ง “เวลาป่วยใครดูแลล่ะเนี่ย? เพื่อน ๆ คุณกลัว ‘ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1’ กันหมด ตอนไปเที่ยวกันก็ไปเที่ยวได้ ทำไมตอนไม่สบายคบไม่ได้สักคน เพื่อนปลอมแหง ๆ” “ยุุ่งจริง... เด็กอะไร...” ปากไม่มีหูรูด ไม่มีสัมมาคารวะ... นั่นคือที่เขาอยากต่อว่าแต่กลับไม่พูดออกไป อย่างน้อย ๆ อลันก็มีสำนึกในบุญคุณคน “เอ่อ... ยังไงก็ขอบคุณ... นะ” “ไม่เป็นไร ฉันชอบทำบุญทำทาน โดยเฉพาะกับฝรั่งไร้ญาติ ฉันอุตส่าห์ลืมเรื่องตอนเด็ก ๆ ที่คุณรังแกฉันด้วยล่ะ” เธอพูดไปเรื่อยเปื่อย ปัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ปรกหน้าผากของเขาขึ้นไม่ให้เกะกะ แตะผ้าเปียกหมาดเช็ดไปมาตามที่พยาบาลสอนบอกกลิ่นหอมอ่อนโชยผ่านโสตประสาทของคนป่วย ดวงตาของเขาเหมือนปะติดอยู่บนใบหน้าสะสวย ประดับความหวานไว้บนขนตาเป็นแพงอนงามเหนือนัยน์ตาสว่างใส “อืม... ก็เข้ากับหน้าตาดี ปากไม่ดีหน่อยพอให้อภัย” เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หญิงสาวตั้งใจทำงานแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวยแล้วยังใจดีใช่มะ?” “มั่นใจเหลือเกินนะครับ” “แน่นอน คนมันเกิดมาสวยนี่นะ” ตอบเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ผ้าในมือเริ่มร้อนเธอก็จะชุบน้ำแล้วบิดมันใหม่ ทุกแรงเช็ดทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ ไม่แรงไปแต่ก็ไม่เบาเสียจนไม่มีประโยชน์กับการเช็ดตัวเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ มันไม่มีประโยชน์เลยต่างหาก! กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’ คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาอาฆาตแค้นเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจ อลันได้สืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว เขารายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้ฝากให้ลูกพี่ลูกน้องแอบตามไป สัญชาตญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน “คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนู สี่วันสามคืนอยู่กินกันฉันผัวเมีย! นัชชาถึงปากร้ายไปสักหน่อยเธอกลับดูแลเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้ยันขับรถยนต์พาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ วันนี้ก็ยังเตรียมข้าวต้มอร่อย ๆ ไว้ให้เรียบร้อยโดยที่เขาไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเลยสักอย่าง เป็นธรรมดาที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย อยากให้เธออยู่ชวนทะเลา
ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องธรรมดาหากคนคบกันจะคบอีกคนหนึ่งไปด้วยในฐานะกิ๊ก คู่นอน หรืออะไรก็ตามแต่ เธอไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก[แล้วทีปริมล่ะ? ปริมจะหมั้นกับคนของแม่ปริม ปริมไม่บอกพี่สักคำ คุณอานนท์ นักธุรกิจคนดัง พ่อพี่ก็รู้จัก]“ปริมไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น ปริมไม่สน จะแม่หรือใครก็บังคับปริมไม่ได้” ถ้อยคำหนักแน่นบอกว่าเธอไม่มีวันยอมให้แม่มาคลุมถุงชน! ธามไทเองก็น่าจะรู้ว่าเธอมีนิสัยยังไง ความขุ่นเคืองใจของเขาจึงเบาบางลง[แล้วนี่... ปริมอยู่ไหนอ่ะ พี่ไปหาได้ไหม?]“ห้องพุด กำลังจะทำงานหญิงแย้มให้เสร็จ พุดมันดองงานมานานละ ปริมจะรีบทำรีบส่งไปสักที”[ให้พี่ช่วยเปล่า?]“ก็มาสิ แต่เจอกันข้างนอกนะคะ เกรงใจ ห้องเพื่อน”[ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรบอกพุทราเอง]ปลายสายวางไปไม่ทันให้เธอได้พูดอะไร นัชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จริง ๆ เลยนะพี่ธามนี่ เก็บกดจากยัยพุดมาหรือไง”ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่คบหากันแม้ว่าเขาจะจบการศึกษาไปก่อนแล้วนั้น ธามไทเป็นผู้ชายรุกหนักกว่าตอนคบหากับปรายลดาเป็นเท่าตัว เธอไม่ได้บอกหรือเล่าให้ใครฟัง... นัชชาได้รับสายอีกทีคือไม่ถึงสิบนาทีถัดมาว่าเขาจะมาหาถึงที่! ด้วยความหวังดีของเพื่อนที่คงอยากให้
ลูกสาวคนเดียวไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์! ไม่ส่งเสียงมาตามสายให้หายคิดถึง ทั้งที่เคยเห็นหน้ากันมาแต่ตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นสาวอายุยี่สิบเอ็ดย่างเข้ายี่สิบสองปี คนเป็นแม่หรือจะอยู่เฉยไหว “แบร์นาร์ด... นี่เลิกโกรธสักทีได้ไหม? ฉันกำลังคิดเรื่องที่คุณพูดนะ”“ก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมไม่ชอบมัน...” เสียงเข้มเอ่ยกับเจ้าของร่างบางในเดรสสีดำสนิทเข้ารูปทรงสมส่วนคุณแม่ยังสาว ถึงปีนี้เธอจะย่างเข้าสี่สิบห้าปีก็ไม่ดูแก่ขึ้นสักเท่าไรเลยเลขานุการหนุ่มทำตัวสบาย ๆ แต่งตัวสบาย ๆ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดด้วยความที่หยุดงานมาเป็นอาทิตย์ ลาพักร้อนแต่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ใช้เวลาพักผ่อนอย่างคุ้มค่าในห้องชุดคอนโดมิเนียมของตัวเอง“อ้อ... ไม่ใช่สิ ผมไม่ควรเรียกว่าที่ลูกเขยของคุณนายว่ามัน ต้องเป็นคุณอานนท์... ผมไม่อยากบอกเลยจริง ๆ นะว่าเขาอยู่ในกรุ๊ปไลน์ FWB เพื่อนกันมันดี นอนกับผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนภายในหนึ่งอาทิตย์ คุณยังอยากได้มาเป็นลูกเขยไหม?”นิตยายืนนิ่งเงียบโดยที่เธอยังกำกุญแจห้อง สะพายกระเป๋าสไตล์คุณนายอยู่อย่างนั้น ทั้งโมโหทั้งน้อยใจ ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไป และเธอยิ่งโมโหอีกคนก็ทำไม่สนใจอะไรเลย หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ
ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตามมาเอาเสื้อยืดแบรนด์เนม เธอคงทิ้งมันไปพร้อมกับความทรงจำช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่กี่วันช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นเขายังทำตัวเป็นหนุ่มโสดอย่างเคย ในวันหยุดของเขามักไปเที่ยวสังสรรค์กับเจมส์ มาร์คัส ลูกพี่ลูกน้องหรือเพื่อน ๆ บอร์ดี้การ์ด เลขานุการ ด้วยความที่วันพักผ่อนไม่ได้มีกันบ่อยมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ทำ...“ให้หวานไปส่งคุณไหมคะ... You want... to do it tonight...?” น้ำเสียงและแววตาเย้ายวนบอกว่าหญิงสาวต้องการอะไร จากบทรักร้อนแรงของหนุ่มหล่อล่ำขาประจำ มือเรียววางทาบบนเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทขณะที่เขาพิงร่างโงนเงนไว้กับผนัง ในสถานที่ที่มีเสียงอื้ออึง สปอร์ตไลท์หลากสีสะท้อนไปมา โซฟาล้อมรอบผู้คนที่รินเทน้ำสีอำพันลงในแก้ว แสงสีเสียงและเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ได้เกิดรู้สึกวูบวาบหวือหวาหรืออารมณ์ทางเพศ อยากจับใครสักคนกลับไปทำเรื่องเร่าร้อนรุนแรงอย่างเคย “So sleepy...” เบ้ปากว่า เขาแค่อยากจะกลับบ้านนอน ดวงตาคู่คมสีฟ้าครามปรือมองอกอวบอัดภายใต้เดรสสีดำรัดรูปอย่างเฉยเมย ก่อนจะเดินออกจากร้านไปดื้อ ๆ โดยมีลูกครึ่งหนุ่มในชุดเรียบหรูดูดีเดินตามไป สไตล์ของเจมส์คือเสื้อยื
ความซ่าของนัชชาหายไปไม่มีเหลือ รับรู้ได้ถึงทุกสัมผัสแนบชิดสนิทกัน ขวางกั้นไว้แค่เสื้อผ้า เรือนกายกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบดเบียดจนอกอวบอัดบี้อยู่บนเสื้อเชิ้ตหอม กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปกับกลิ่นโคโลญจน์ฉุนรุนแรง เสียงหวานเอ่ยอู้อี้ในคอ“คุณอลัน... ลุกเหอะ... ฉันหนัก...”“ทำไมล่ะ? ทำไม... ผมทำไม่ได้... แฟนคุณไม่ตัวหนักเรอะ” ในน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาปล่อยเส้นผมนุ่มสลวยจากมือ ร่างหนาค่อยเท้าแขนพาร่างโงนเงนลุกขึ้นมองเธออีกครั้ง ภาพพร่ามัวเบื้องหน้าสายตาหากหรี่ตามองดี ๆ มันก็ชัดเจนขึ้น“ฉันไม่เคยให้ใครมาทับ... มาแตะต้องตัวฉัน แม่ฉันสอนมาดีย่ะ” ในท่าทีดุดันแต่คงไม่มากพอ เธอแน่ใจไม่มีทางสู้แรงฝรั่งยักษ์ได้! หากว่าคนเมาเกิดอารมณ์จะทำอะไรสักอย่างขึ้นมา ก็คงไม่ต่างจากมดตัวเล็ก ๆ สำหรับเขา“ออ... แปลว่าผมได้สิทธิพิเศษ”คนได้ยินลอบกลืนน้ำลายลงคอ หลุบตามองเนื้อแน่น ๆ ของหนุ่มล่ำกล้ามโตที่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้ทุกวัน อุณหภูมิร้อนจัดพุ่งเข้าหน้า ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าหน้าแรง ๆ ดึงสติตัวเองกลับมาเอ่ยปากต่อว่า“นี่คุณอลัน คุณเมานะ แบบนี้มันไม่มึนตึงแล้ว... ลุกออกไปซะที อย่าให้ฉันสู้ คุณจะเจ็บตัว...”“อื
“No... of course not” (ไม่ใช่แน่นอน) “but I miss you...” สำเนียงอเมริกันจ๋าในทีเล่นทีจริง เลขานุการหนุ่มหลุบตาลงซ่อนประกายไหวสั่นในดวงตาไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ทำเอาหัวฟุ้งซ่านมาจนถึงตอนนี้ โทรหาก็ไม่โทร แล้วมาบอกว่าคิดถึงเขาเนี่ยนะ!“แม่ฉันไม่ชอบไอ้หน้าหนวดเป็นเลขาฯ เถื่อน คุณควรจะโกนทุกวัน จะได้สู้หน้าแกได้แบบสดใส เสื้อผ้า เบ้าหน้าผ่าน...”“หนวดผมมันทำไมครับ? ผมว่ามันไม่ได้ยาวมาก แล้วมันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับการทำงานด้วย”“ก็เลยต้องไว้แบบเป็นตอ ๆ ไว้จั๊กจี๋สาว ๆ เหรอ? ว๊าย... จั๊กจี้จังเลยอ่ะ” เสียงแหลมปรี๊ดว่าอย่างหยอกล้อ นัชชาก็เป็นอย่างนั้นพอเห็นหนวดเป็นตอสั้น ๆ ก่อนที่ใบหน้าสดสวยจะเปื้อนยิ้มอีกครั้งกับสีหน้าเรียบเฉย“คุณหนูปริมมีแฟนแล้วนะครับ” ไม่รู้ว่าส่วนเกินอีกคนกำลังพูดกับใครแน่ หญิงสาวหันไปตอบ “เลิกแล้วลุง ตอนนี้ปริมโสดค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ คนนี้ไม่ยุ่ง จุกจิกเกิน ไปดีกว่า...” ปลายเสียงบอกพลันสะบัดหน้าเดินหนีไปไว ๆ เธอคงไม่รู้ตัวว่าบางคนเผลอดีใจกับคำว่า ‘โสด’ “เดี๋ยวปริม... จะไปไหน?” เรียกตามหลังไป อลันรู้หน้าที่ตัวเองดีว
พ่ายรักนายเลขาฯเถื่อนChapter 1 ร่างสูงสง่าในเชิ้ตสีดำสนิทกางเกงสแล็คเข้ารูปหยุดก้าวลงข้าง ๆ บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 3 หรูหราสมราคารถยนต์ที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขาเอง เพราะไม่ได้นำรถเจ้านายมาในวันนี้อลันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เลขาฯ ยังเป็นผู้อารักขาที่ดีตามแบบฉบับของพ่อ ตระกูล ‘แบรดฟอร์ด’ ตั้งแต่รุ่นทวดทุกคนมีการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญา ได้รับการฝึกฝนวิชาป้องกันตัวทุกขนาน ไม่น้อยหน้าไปกว่าบอร์ดี้การ์ดชั้นแนวหน้า ดาราคนดังเซเลบระดับโลก หรือแม้แต่ประธานาธิบดียินดีที่จะจ่ายเงินเดือนสูงลิบ สำหรับการมีเลขาฯ ดี ๆ ไว้ข้างกาย แม้ว่าพวกเขาจะสิ้นชื่อสิ้นเนื้อประดาตัวไปนานแล้ว หลังผู้นำครอบครัวอย่างนิคาซิโอ้ (Nicasio) เสียชีวิตในหน้าที่อย่างสมเกียรติ มรดกมากมายกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามพินัยกรรมตกเป็นของลูกชายเพียงคนเดียว ทรัพย์สินของพ่อเรียกได้ว่ามากพอจะทำให้อลันใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชาติ เขากลับไม่ได้แตะต้องเงินส่วนนั้นเลย ด้วยนิสัยความตระหนี่ถี่เหนียว ใช้เงินอย่างระมัดระวังหากต้องไปเที่ยวสังสรรค์นาน ๆ ครั้ง แบ่งสันปันส่วนการใช้จ่ายเงินอย่างสมเหตุสมผล ประสาคนซึ่งเรียนรู้คำว่า ‘เลขา