“เออ... ได้ยินว่าแม่บ้านแกหยุดเหรอ?”
“อืม... มาพรุ่งนี้ มะรืนมั้ง ปรกติก็ไม่ได้มาทุกวันอยู่แล้วนะ เมื่อก่อนไม่ได้จ้างด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรให้ทำมากหรอก ฉันเก็บเอง” ปรายลดาลุกขึ้นหยิบจานและช้อนส้อมมาซ้อนเรียงกันหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ นัชชาจึงลุกขึ้นช่วยตามมารยาท ชำเลืองมองท้องที่เนินนูนขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้
“เออ... คนท้องนี่ต้องบำรุงเยอะ ๆ เนอะ ฉันหาซื้ออะไรให้หลานกินดีกว่า ไม่ได้ซื้อให้แกนะ ฉะนั้นต้องกิน”
ความหวังดีของเพื่อนได้รับรอยยิ้มหวานจากคุณแม่ท้องอ่อนที่คงไม่ปฏิเสธน้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ซึ่งได้รับการไหว้วานจากเจ้านาย บางเรื่องอะไรอะลุ่มอล่วยได้ อลันไม่ได้จุกจิกไปเสียหมด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ปรเมษฐ์เลือกเลขานุการชาย
บางครั้งเขายังไม่เกี่ยงงานเล็กงานน้อยแม้กระทั่งงานของผู้หญิง
“เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง คนท้องควรจะพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ”
“ค่ะ แหม... แต่ละคนเอาใจพุดจริง ๆ นะ” คุณแม่ที่กำลังคิดถึงสามีผลัดส่งยิ้มให้คนทั้งสอง โดยไม่ได้รู้ว่าเพื่อนรักมีแผนการบางอย่างแอบแฝง
นัชชาไม่ได้จำได้แค่ว่ามีคนคอยป้อนข้าวป้อนยาเพียงอย่างเดียว ในครั้งแรกไร้สติสัมปชัญญะ ภาพเลือนรางของวงหน้าหล่อเหลา เม็ดยาขมเฝื่อนผ่านริมฝีปากนุ่มหนาที่มากับสัมผัสแสนอ่อนโยน พอตื่นนอนมาคงจะทำให้เกือบจะลืมมันไป หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาทำมันมากกว่าหนึ่งครั้ง!
พอหยัดกายลุกขึ้นจากโต๊ะรับประทานอาหาร คุณแม่เดินหายเข้าครัวไป และอีกคนกำลังจะลุกตาม เธอรีบต่อสายหานายสารถีประจำบ้าน
“ลุงวิทย์ว่างใช่ไหมคะ? ซื้อของตามรายการมาให้ปริมหน่อย มาส่งที่บ้านพุดนะ ร้านดังที่คุณแม่ชอบ กวาดมาให้หมดห้างเลยค่ะ ตังเอาที่แบร์นาร์ดนะ”
“เกิดมาเป็นลูกคุณหนูมันดีจริง ๆ นะครับ” ไม่วายที่เขาจะหันหลังกลับมาพูดจิกกัด ก่อนได้รับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว
“แน่นอน... ฉันคงจะต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียม First kiss ของฉันด้วยนะ ไม่มีของฟรีบนโลก เคยได้ยินเปล่า? คุณอลัน”
“ไม่ยักรู้ ผมไม่ใช่คนไทย ผมเลยไม่ถือเรื่องพวกนี้” คนตอบไหวไหล่แล้วหมุนกายเดินจากไปด้วยท่าทีเฉยเมย
หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความมั่นใจหายไปจากใบหน้า ขณะมองตามแผ่นหลังกว้างกำยำด้วยแววตาเป็นประกาย แน่นอนว่าอีปริมจะต้องเอาคืน!
-------------------------------
สถาปนิกหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปีกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องมาจากว่าปิ่นแก้วจำเป็นต้องหอบงานโปรเจคใหญ่จากฟิลิปปินส์กลับมาทำต่อ
มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว แต่ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่
นัชชาสนิทสนมกับบ้านนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาล ก็ไม่แปลกที่เธอจะต้องรู้จักทั้งพ่อเลี้ยง และอดีตผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อย่างหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว ยังต้องติดต่อกันด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมปรเมษฐ์ถึงไม่หาทางปลีกตัวจากผู้หญิงร้ายกาจอย่าง ‘ปิ่นแก้ว’
แม้ปิ่นแก้วจะเคยเป็นเพื่อนคนสนิทในกลุ่มของปรเมษฐ์ จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไร้เดียงสา แต่จ้องจะแทงข้างหลังปรายลดาอยู่เสมอ ด้วยความอิจฉาอยากได้ความรักของเขาที่มีให้แค่ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด
ผีเห็นผี... มองตากันก็รู้ว่าอีกคนมีนิสัยยังไง
ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาของเพื่อนสาวจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน้ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด
“ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” ว่าพลางเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไร แต่เพื่อนอย่างเธอก็พอรู้ได้ว่าฮอร์โมนคนท้องทำให้คุณแม่กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวนอยู่สักหน่อย
“แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ”
“ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม
“ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง”
“เรื่องมันยาวอ่ะ ไปคุยกันข้างนอกได้ไหมล่ะ?” คำถามของนัชชาไม่ได้คาดหวังอะไรนัก รู้เหตุผลดีว่าทำไมอีกคนถึงยอมอยู่บ้านอย่างหงุดหงิด
“แกจะให้ฉันทิ้งผัวไว้กับอดีตชู้รักในบ้านตามลำพังเนี่ยนะ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? แกไม่เชื่อใจพ่อเลี้ยงเหรอ ฉันว่าเขาออกจะรักแก”
‘รัก’ พาแววตากร้าวอ่อนลง ปรายลดาฉุกใจคิดขึ้นมาได้ควรมีเหตุผลสักหน่อย หากเพื่อนไม่แย้งขึ้นมาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
“แต่ฉันว่าเขาควรมีเวลาให้แกกับลูก! ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน บ้านก็รวย ส่งลูกเรียนอินเทอร์เงินเหลือกินเหลือใช้สบาย ๆ ทั้งชาติ เห็นงานสำหรับกว่าเมียท้องอ่อนได้ยังไง? แล้วอีนั่นมันก็รู้ว่าแกท้อง ยังหอบงานมา มันหมายความว่าไงวะ!” สิ้นคำประกาศกร้าว หญิงสาวที่ยังคงอยู่ในชุดอยู่บ้านกางเกงขาสั้นของเพื่อนลุกพรวดขึ้น ดึงข้อมือเรียวไว ๆ
“ไป...”
“หา..? อะไร ๆ ไปไหน?” เธอแค่ถูกบังคับให้เดินไปอย่างไปงุนงงและตกใจ ด้วยนิสัยส่วนตัวของนัชชา บวกกับความไม่ชอบปิ่นแก้วอยู่แล้วแทบมองไม่เห็นหนทางสดใส
ปิ่นแก้วเห็นสองสาวกำลังจูงมือกันเดินเข้าบ้าน แสร้งยกมือขึ้นแตะบ่าชายหนุ่มให้มองงานว่ามีเรื่องผิดพลาด ทั้งที่มันไม่มีอะไร คนมาใหม่เห็นได้จากแววตาริษยาที่สาดมองมา แม้ปากว่าอีกอย่าง
“อ้าว... สองคนมาพอดีเลย พี่กับเปากำลังบ่นถึงอยู่”
ปรายลดาแค่เปรยยิ้มให้ ต่างจากนัชชาโดยสิ้นเชิง ใบหน้าสดสวยโฉบเฉี่ยวออกอาการไม่พอใจ
ที่ผ่านมานอกจากปิ่นแก้วจะเข้าหาพ่อเลี้ยงด้วยคำว่า ‘เพื่อนร่วมงาน’ หล่อนยังมีจุดประสงค์จะเคลมเขาอยู่ตลอดเวลา แม้รู้ดีว่าตอนนี้ทั้งสองคนจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ตาม!
“พ่อเลี้ยง ปริมจะพาพุดไปโรงพยาบาลนะ วันนี้โรงพยาบาลที่พุดฝากท้องมีลงทะเบียนคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่...”
“ลูกพี่นะ ปริม ทำไมปริมต้องไป?” ปรเมษฐ์แย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย มือเปรอะเปื้อนยังคงกำดินสอ หลุบตามองสองมือเรียวที่กอบกุมกันอยู่ ด้วยความรู้สึกเจ็บจุกประหลาด เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้ทำหน้าที่พ่อเลย “ก็เห็นว่ายุ่งนี่คะ... ปริมว่าง ปริมอยากดูแลคนท้องคนไส้ แม่พุดกับลูกสำคัญที่สุดกับปริมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ ปริมจะดูแลคุณแม่พุทราอย่างดี” คำพูดของนัชชาเหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ไม่รู้ว่าภรรยาฝากท้องที่โรงพยาบาลไหนด้วยซ้ำ พอเลื่อนสายตามองไปยังอีกคนที่มีสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ “เราสองคนน่ะ มีเรื่องอะไรปิดบังพี่อีกหรือเปล่า? อย่ามาประชดพี่นะ ที่พี่ทำงานงก ๆ นี่ก็ตั้งใจจะหาเงินให้ลูก” “ปริมไม่เคยมีเรื่องปิดบังอะไรใครอยู่แล้ว หมอบอกว่าวันนี้ควรจะไป หมอย้ำว่าสำคัญมาก! ใช่ไหมพุด?” ปลายเสียงบอกคนข้างกายที่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้วแล้วเออออตาม “นั่นสิ... ถ้าแกไม่เตือนฉันคงลืมไปแล้วแน่ ๆ ขอบใจนะเพื่อน อุตส่าห์ดูตารางคนท้องให้ด้วย น่ารักที่สุดเนี่ย ยัยปริม” ว่าแล้วก็บีบแก้มขาวนวลเล่น เหมือนที่หยอกก
ปิ่นแก้วจึงจงเกลียดจงชังหญิงสาวเป็นเท่าทวี พอสองหนุ่มรับอาสาหน้าที่ไปหยิบจานมาใส่อาหาร ถุงหลายใบบนโต๊ะกับขนมที่มีภาชนะห่อหุ้มของมันอยู่แล้วถูกแกะออกวางพร้อมรอยยิ้ม “แม่อนงค์ล่ะ? พุด ชวนแม่มากินข้าว กินขนมด้วยกันเปล่า?” “หน้าใส ใจดี ไม่มีกาลเทศะ ออ... นิยายเรื่องใหม่นี่ พุด แกได้อ่านป่ะ?” บางคนจงใจกัดสีหน้าแย้มยิ้มของปิ่นแก้ว แต่เพียงไม่นาน นัชชาก็ทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรไป ยังเลียนแบบท่าทางไร้เดียงสา “อุ๊ย... ขนมของพี่ปิ่นน่าทานมากเลยค่ะ เนอะพุทรา” น้ำเสียงแสนไพเราะอ่อนหวานน่าจะเป็นน้ำเสียงของปรายลดาเสียมากกว่าทำเอาชายหนุ่มสองคนที่วางจานหลายใบลงบนโต๊ะกระจกในห้องรับแขกกว้างขวาง คิ้วขมวดมุ่นไปตามกัน ใคร ๆ ก็เห็นอยู่ว่านัชชาชอบจิกชอบกัดเป็นชีวิตจิตใจ “น่ากินจริง ๆ เรอะ ไม่ใช่ว่าประชด?” “จริงสิคะ คุณอลัน ทำไมเห็นปริมเป็นคนขี้ประชดไปได้ล่ะ?” เธอหันไปบอกร่างสูงในเสื้อยืด กางเกงยีนเท่ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ปรายลดาสะกิดมือเพื่อนสาวข้าง ๆ กันให้สงบปากสงบคำ หยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะยกขึ้นจรดสายตาไว้ในท่าทีว่าจะกินก็ไม่กิ
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินย
“ให้พยาบาลสาว ๆ ดูแลไปก่อนนะคะ รับรองว่าไม่เกินสิบห้านาที หื่นนิดก็อดทนหน่อย เดี๋ยวน้องปริมจะรีบมาเฝ้าคุณอลันเนอะ” สองหญิงสาวโบกมือลาคนป่วยก่อนเดินออกจากห้องไป อลันถึงหงุดหงิดผู้หญิงช่างกวนประสาทสักแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พริ้มตาปิดลงหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะฤทธิ์ยา ------------------------------- “หน็อย... นังเด็กบ้า!” เสียงตวาดกร้าวดัง มือทุบพวงมาลัยในรถยนต์ที่คนขับเหยียบคันเร่งแรงตามอารมณ์ ผ่านความมืดสลัวของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน น้ำตานองแก้มแดงก่ำบนใบหน้าสดสวยเพราะความโกรธและเสียใจ ปิ่นแก้วคบ ๆ เลิก ๆ กับปรเมษฐ์มาตั้งแต่เรียนจบ หล่อนเคยที่จะเข้าออกบ้านได้ตลอดเหมือนเป็นญาติมิตรกันอีกคนหนึ่ง เคยนอนกกกอดทำเรื่องสนุก ๆ อยู่บนเตียงของเขา จนกระทั่งเขาปฏิเสธที่จะอยู่ในฐานะคู่นอน และคงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไว้ เพราะหัวใจมีแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียวมาตลอด ‘ปิ่น... ผมจำเป็นต้องเลิกคบกับคุณนะ แล้วที่คุณเจตนาทำร้ายครอบครัวผม เตรียมทนายเอาไว้ด้วยล่ะ’ นั่นคือข้อความหลังจากที่เธอปิดเครื่องไป ด้วยกลัวความผิดอันสั่งสมมาจากความริษยา
อลันเป็นคนจู้จี้จุกจิก น่ารำคาญในนอกเวลางาน อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งที่ยังไม่เข้าวัยทอง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนว่าง่าย น้องชายห่าง ๆ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องยังขยาดเขาทุกคน ถึงขั้นว่าเจอกันนาน ๆ ครั้งดีกว่าหากไม่ได้มีธุระเรื่องงาน ก็ไม่คิดว่าจะมีใครทนเขาไหว ยิ่งตอนนี้ที่ความร้อนพลุ่งพล่านเหมือนวัวตัวผู้กลัดมัน ถึงหมอจะให้ยา และน้ำเกลือยังช่วยชะล้างสารตกค้างในร่างกาย ไม่รวมพิษไข้ที่พอจะบรรเทาอาการหื่นลงบ้าง! เสื้อยืดสีขาวเข้ารูปธรรมดา ๆ โค้งเว้าเข้าสัดส่วนนมเป็นนม เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด ของเจ้าของร่างเย้ายวนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมช้อนข้าว มีผู้หญิงสวย ๆ มาบริการถึงที่แบบนี้ เขาคงอยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวต้ม... มือเล็กบรรจงจับช้อนส่งให้ถึงปาก คนป่วยไข้สูงกว่าสามสิบแปดองศาเลยเจริญอาหารแม้ว่ารสชาติมันจืดชืดอย่างบางคนว่า กระทั่งมันหมดไม่มีเหลือ เขารับประทานยาครบทุกเม็ดพร้อมดื่มน้ำตาม และก็ยังมีคนคอยป้อน! แก้วที่วางลงพร้อมหน้าที่ที่ทำได้เป็นอย่างดีจึงได้รับคำชมเชย “ขอบคุณนะ ปริม... หาอะไรทานซะด้วยล่ะ” “ฉันไม่กินข้าวเย็น ก
กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถึงกรามแกร่ง... “โกนหนวดให้ไหม? เลขาฯ เถื่อนหรือโจรปล้นธนาคาร เคราเฟิ้มเชียว” ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายอย่างหิวกระหาย ก่อนจะแสร้งยิ้ม “ทำเป็นหรือไงครับ?” “เป็นสิ ฉันแอบโกนหนวดให้พ่อแบร์ประจำแหละ แต่ว่าแม่ไม่ค่อยชอบให้ฉันทำ ยิ่งเดี๋ยวนี้ พอแม่ได้ยินเรื่องของยัยพุดนะ แม่ดูห๊วงหวงเลขาฯ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเคยเป็น” พูดไปอย่างลืมตัวก่อนที่จะกลอกตาไปมา ชะงักมือหยุดกึก... นัชชาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพ่อแบร์นาร์ดของเธอก็คือ ‘พ่อเลี้ยง’ เหมือนกรณีของเพื่อนสาว ต่างตรงที่ปรเมษฐ์เป็นน้องชายของพ่อเลี้ยง
วงหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดจัด ด้วยความที่มันคงไม่สะดวกสบายกับผู้ชายที่ยังมีอารมณ์ทางเพศ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะอาการเจ็บป่วย เขาต้องใช้ความอดทนอยู่ตลอด แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ “ไม่เคยเทคแคร์แฟนขนาดนี้ พูดเหมือนว่ามีแฟนงั้นแหละ” “มีแล้ว แต่ว่าทะเลาะกันนิดหน่อย เป็นรุ่นพี่รหัสของยัยพุดน่ะ” บอกไปตรง ๆ ให้อีกคนเลิกเข้าใจเธอผิด อลันไม่เข้าใจเธอเลยต่างหาก เขาไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงปากร้ายอย่างนัชชาจะมีแฟน “แล้ว First Kiss อะไร มีแฟนแต่ไม่เคยจูบแฟน?” ใบหน้าร้อนผ่าวละจากกล้ามเป็นมัด ๆ ว่าด้วยท่าทางเอาเรื่อง “เออ! ฉันจะเก็บ First Kiss ไว้ให้แฟนฉันไง หมาที่ไหนมาเลียปากก็ไม่รู้ หันหลังมา... ฉันจะเช็ดหลังให้ค่ะ” “ไม่น่าเชื่อ...” พูดแล้วก็นิ่งอึ้งไป ก่อนขยับตัวให้ผู้ดูแลได้ทำงานถนัดกว่าเมื่อคืนที่เธอแค่เปลี่ยนเสื้อ เช็ดหน้าเช็ดคอให้เขา และเป็นเพราะความลืมตัวอลันคงไม่ได้ฉุกใจคิดว่าคนข้างหลังจะตกใจ มือเรียวหยุดทุกการกระทำ ขณะเบิกตากว้างมองลวดลายของหน้ายักษ์ญี่ปุ่นสลับดอกซากุระ ยังมีรอยแผลเป็นทางยาวลากผ่านไปเกือบครึ่งหลังคาดว่าค
หนุ่มวัยสามสิบถึงกับเบิกตากว้างตะลึง จะมีผู้หญิงสักกี่คนกล้าลวนลามเขาทางสายตา โดยเฉพาะเด็กสาวอายุยี่สิบเอ็ด! “แก่แดดเกินไปแล้วนะเรา จะไปไหนก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทรบอกผมหน่อยละกัน” ใบหน้าสดสวยเงยขึ้นมองเขาเป็นครั้งสุดท้าย ส่งยิ้มหวานลา “งั้นไปแล้วนะ ดูแลตัวเองให้หายดี ก่อนจะไปดูแลคนอื่น เป็นคนทำงานไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ย ที่ฉันพูดวันนั้น ฉันแค่อยากแกล้งคุณ ฉันขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้คุณป่วย” สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย พาหัวใจชายหนุ่มกระตุกวูบในวินาทีนั้น เขาเพิ่งรับรู้และเข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมปรายลดาถึงรักเพื่อนสาวคนนี้กว่าใคร “ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก ผมติดไข้หวัดมาเอง ช่วยไม่ได้ ผมควรจะต้องไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้แต่ทีแรก” หากเขาไม่ติดจากเธอแล้วก็มีโอกาสไปติดเชื้อหวัดจากที่อื่น อลันยังอดไม่ได้ที่จะนึกขอบคุณเจ้าไวรัสตัวร้ายอยู่ลึก ๆ ดวงตาคู่คมปลาบไม่ละวางไปจากใบหน้าสดสวยโฉบเฉี่ยว ซ่อนความอ่อนหวานไว้บนริมฝีปากบางกระจับอมชมพู “วันหลังอย่าไปจูบผู้หญิงมั่วซั่วด้วยล่ะ โรคสมัยนี้มันเยอะ ดีนะติดแค่ไวรัส ไม่ติดเริมติดหูดที่ปากมาเป็นของแ
อลันไม่ได้กลับไปทำงานกับเจ้านายเก่าอย่างปรเมษฐ์ เมื่อคุณนายนิตยาไม่ยอม หล่อนรั้งเขาไว้ด้วยคำว่าจะไม่ยกลูกสาวให้คำเดียว เขาจึงต้องลาออกเป็นการถาวรแต่ส่งน้องชายคือเจมส์ไปฝึกงานเลขาฯ แทนชีวิตแต่งงานเรียบง่ายที่มีความสุขในทุก ๆ วัน จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะความเอาแต่ใจประสาเด็กสาว หรือเรื่องความขี้หึงของอลันมาถึงจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย ผ่านด่านตรวจคนเข้ามาเมืองมาอย่างง่ายดาย คนเป็นสามีก็ทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว เรียกรถแท็กซี่ บอกทางที่จะไปด้วยภาษาท้องถิ่น ช่วยคนขับรถเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างหลัง“พี่พูดได้กี่ภาษาอ่ะ? ทำไมปริมไม่เคยถามพี่เลยนะ” เสียงหวานบ่นถามทั้งตัวเองและคนที่ปิดประตูนั่งตามในที่นั่งข้างหลัง“ภาษาไทย... โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษครับที่รัก...”ความสนิทสนมกันเกินไป มีบางอย่างที่ไม่รู้... หญิงสาวชะงักนิ่งไปหลังนับนิ้วจนครบว่าไม่ผิดแน่“ตั้งห้า... ภาษา แล้วปริมเคยว่า...” เธอหน้าตาตะลึงมองเขาที่แค่ยิ้มกับคำดูถูกคราแรกพบหน้ากัน แน่ว่าอลันจำมันได้แม่น!‘เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ด หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา...’“ตอนสักอายุสิบห้า พ่อแม่พี่ไม่ค่อยว่าง พี่กลับมาอยู่บราซิลกับ
“ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง...”สองหนุ่มสาวกอดกันตัวกลม สองหนุ่มบอร์ดี้การ์ดมองหน้ากันก็ตรงไปสะสางเรื่องให้เรียบร้อย เจ้าของห้องที่ใบหน้าลำคอเต็มไปด้วยรอยข่วนไม่ได้หนีหรือมีท่าทีหวาดกลัวอานนท์เป็นคนส่งการ์ดกุญแจห้องให้เธอเดินออกไปเฉย ๆ และแค่มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดชายอื่นด้วยแววตาเศร้าหมองจนเธอจากไป-------------------------------เรื่องวุ่นวายทั้งหมดถึงหูคุณนายที่มารออยู่ข้างล่างเพนเฮ้าส์ของนายอานนท์พร้อมกับแบร์นาร์ดนิตยาเพิ่งรู้ว่าลูกสาวมีปัญหากับปิ่นแก้ว ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกิดการทำร้ายร่างกาย คุณแม่ที่กำลังเกรี้ยวโกรธจึงส่งทนาย โทรบอกพวกพ้องให้จัดการกับคนผิดอย่างถึงที่สุดนัชชาไม่ใช่เด็กที่จะร้องไห้เพราะความกลัว แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาเช่นนั้นวันนี้เธอแค่ทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่อ้อนกอดผู้ชายตัวโต ให้เขาต้องอุ้มขึ้นรถในที่นั่งข้างหลัง ในสายตาของหลายคนรวมถึงพ่อแม่คงไม่ขัดหรือห้ามปราม เพราะคงจะห้ามกันไม่ได้กับการที่คุณหนูของบ้าน โตเป็นสาว ได้ตกหลุมผู้ชายสักคนหัวปักหัวปำเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำแล่นฉลิวในความเงียบ มีโอกาสได้นั่งกันตามลำพังข้า
ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าตัวต้นเหตุยังวนเวียนอยู่แถวนี้ หลังจากที่เขาขับรถมาสมทบกับเจมส์ ยังมีบอร์ดี้การ์ดนอกเครื่องแบบอีกสองคน ตามคำสั่งของคุณนายว่าให้เฝ้าลูกสาวไว้ “พวกสวะน่ะพอได้ ตำรวจต้องการตัวอยู่แล้ว ซัดทอดความผิดไปว่าเก็บกันเอง ขัดผลประโยชน์ แต่คุณนักธุรกิจคนดังคนนั้น ใจเย็น ๆ หน่อย” “อย่างมากก็กลับไปอยู่บราซิล...” พูดจบก็เหน็บอาวุธไว้ด้านหลัง ก่อนลงจากรถยนต์อย่างไม่รอช้า แน่นอนว่าเขาจะใช้มันในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ถุงมือถักทอด้วยเส้นใยโพลีเอสเทอร์บางละเอียด ใช้กับงานที่ป้องกันคราบเหงื่อและรอยนิ้วมือจะทำให้เขาไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ถูกสวมทีละข้าง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉย ลอบมองซ้ายขวามือกระตุกหมวกแก้ปให้ปกใบหน้าลงมาเล็กน้อย เปลวไฟในดวงตาคู่คมสีฟ้าครามลุกโชน จับจ้องอยู่กับรถยนต์สีดำอีกสองคันถัดไป คนขับนั้นเป็นพี่น้องห่าง ๆ หน้าตา ความสูง และรูปร่างเป็นล่ำสันใกล้เคียงกันกับเขา สองคนข้างหลังที่เพิ่งจะขึ้นรถไปต่างหากคือเป้าหมาย... ------------------------------- สิ่งที่นัชชาไม่ต้องการมากที่สุด คือความเจ
“พี่ให้โอกาสน้องขอโทษน้องสาวพี่แล้วนะคะน้องปริม แต่น้องยังทำปากดี ช่วยไม่ได้”แทนที่นัชชาจะกลัว กลับแค่นหัวเราะ “ฮึ! แกคิดดีแล้วเหรอ? ที่มายุ่งฉันน่ะ”“ไม่ได้ยุ่ง แค่มาเป็นกามเทพ... กับเป็นเพื่อนเจ้าสาว พี่คงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า” เสียงหัวเราะดัง ยกมือขึ้นป้องปากด้วยท่าทางเสแสร้ง ความคับแค้นใจสะท้อนขึ้นในแววตากร้าวของนัชชา หยัดกายลุกขึ้นนั่งในท่าเตรียมพร้อมปะทะ!“ฉันว่าแกควรไปพบจิตแพทย์นะนังปิ่น ไม่ก็หัดเข้าวัดเข้าวาซะบ้าง ผู้ชายเขาไม่เอาทำพาลไปทั่ว รับรองได้ว่าแม่ฉันเอาเรื่องแกแน่ ๆ” เสียงขู่ฟ่อหลุดรอดจากไรฟัน หญิงสาวอีกคนก็ขยับก้าวช้า ๆ มาหยุดลงข้างเตียงอย่างท้าทาย“แม่น้องไม่เอาเรื่องพี่หรอก... ดีเสียอีก... พี่มาช่วยให้เรื่องมัน Happy ending พี่ไม่ได้มาฆ่าใคร ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราเลยนะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของปิ่นแก้วแม้กระการแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องของคนกันเองตามปากว่าเป็นความสะใจล้วน ๆ ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แลัวนังเด็กปากดี! ยังไปเอาเรื่องปานทิพย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยความคิดแค้นของปิ่นแก้วไม่น้อยไปกว่านัชชา ดวงตาคู่สวยคมฟาด
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในเชิ้ตสีดำสนิทนั่งตัวเกร็ง มือกุมพวงมาลัยแน่น เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิปรกติในรถให้ความรู้สึกเย็นยะเยียบ เขาจึงต้องกดปลายเท้าเหยียบลงอีก เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น“ขับช้า ๆ หน่อยสิคุณอลัน จะรีบไปไหนกัน บ้านฉันก็อยู่แค่นี้” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าละจากแท็บเล็ตในมือ สารถีประจำตัวก็ลดความเร็วลงเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญหลายวันมานี้เขาเหนื่อยหน่ายกับการพูดเรื่องเดิม ๆ คือมาขอลูกสาว เมื่อคุณนายนิตยาทำเป็นไม่สนใจยังให้เหตุผลว่าลูกสาวของหล่อนเด็กเกินจะมีครอบครัว“ลูกปริม... มีเงินใช้หรือเปล่า?”“ปริมหาเงินใช้เอง แต่ถ้าวันไหนไม่มีหรือไม่พอ ผมไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก ผมโอนไวครับ”เมีย ย้ำชัดหนักแน่น คนข้างหลังปิดตาลงเพื่อสะกดกลั้นความโกรธ ก่อนจะเหน็บแนมด้วยถ้อยคำร้ายกาจ“ทรัพย์สมบัติพ่อ ทำไมไม่เอาไปลงทุน จะรอแต่งงานกับผู้หญิงไทยเอากรีนการ์ดค่อยกว้านซื้อที่ดินหรือว่ายังไง?”“ผมจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? ผมไม่ได้อยากได้สัญชาติไทย เลิกให้คนไปสืบเรื่องของผมนะครับคุณนาย ที่ดินที่ผมไปดูมาคือเรือนหอของผมกับปริม ผมจะให้เธอเลือกเองว่าอยากได้บ้านแบบไหน”“แบร์นาร์ดบอกฉัน
ความสัมพันธ์อันดีของเขาจบลงที่การปล่อยมือจากสาวร้อนแรงอย่างปิ่นแก้ว ไม่ว่าเป็นใครก็คงจะต้องเสียดายอยู่ อานนท์คิดว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า“รอบนี้แกรับเสื้อมาจากจีนกี่กระสอบอ่ะ? ฉันต้องหุ้นกับแกเท่าไร” พูดไปพร้อม ๆ กับที่จดขยุกขยิกลงในโทรศัพท์ขนาดพอดีมือ สีหน้าจริงจังของนัชชาคงเฉพาะเวลาเรียน และธุรกิจเล็ก ๆ ของเธอกับเพื่อนสาวปรายลดาเป็นคนริเริ่มร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นในคราวแรก สุดท้ายก็ทำคนเดียวไม่ไหว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ท้องโตมากจนเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวไปมา คราวเด็กน้อยในท้องถีบแขนถีบขา อีกไม่ถึงสองเดือนคลอดลูกแล้วคงจะได้ยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้“ชุดนอนแขนสั้น กางเกงผ้าฝ้าย แจ็คเก็ตยีน อย่างละสามกระสอบ พวกงานลิขสิทธิ์เก็บไว้ก่อน ล่อซื้อเยอะไม่อยากเสี่ยง ทั้งหมดเท่าไรแกคิดเลย”กองเสื้อผ้าตรงหน้ามีที่ขายไม่ออก ตัวไหนขายดีปรายลดาก็จะสั่งมาอีกเป็นล็อต ๆในห้องพักแบ่งแยกเป็นสัดส่วน ห้องสตูดิโอของคอนโดมิเนียมกลายเป็นที่เก็บเสื้อผ้านับพันตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างคนมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปเสียเงินเช่าห้องเก็บเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ด้วยค่าเช่าหลักครึ่งแสนต่อเดือนในเมื่อห้องนี้ก็ไม
“งานหมั้นเหรอ... น้ายกเลิกไปเพราะอะไรรู้ไหม?” ถามพลางยกมือป้องปากหัวเราะเป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนที่จะพิงแผ่นหลังบนเก้าอี้มีพนักของผู้บริหาร ใบหน้าสดสวยฉาบประกายเย็นยะเยือก“น้าไม่อยากให้ลูกสาวติดโรค เพราะไปคลุกคลีกับพวกมักมากในกาม เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย”“ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ... มีกินเล็กกินน้อยบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่ผมจริงจังกับน้องปริม ถ้าผมหมั้นกับน้อง ผมจะไม่มีใครอีกทั้งนั้น” คนที่มีสีหน้าเข้มเครียดมาเพื่อแก้ความเข้าใจผิด อานนท์ไปพูดกับผู้ใหญ่ให้กลับมาคุยกับนิตยาอีกครั้ง ทว่าหล่อนก็ทำเป็นเมินเฉยจนเขาต้องเข้ามายืนทนโท่อยู่ตรงนี้“ลูกสาวน้าคบอยู่กับทายาทซีเพิร์ลจ้ะ น้าต้องขอโทษด้วย เราคงไม่อยากให้พ่อมีปัญหาเนอะ” เป็นข้ออ้างของคนฉลาดกว่า ชายหนุ่มในชุดสูทหล่อเหลาที่ยืนอยู่ในฝั่งตรงข้ามกันจึงเลิกคิ้วขึ้น“อะไรนะครับ? คุณน้า ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องหุ้นของพ่อ... คุณน้าอย่าลืมสิครับ ผมเป็นนักธุรกิจ ทำงานหาเงินใช้เอง”“ไม่ได้ลืม แค่เตือนด้วยความหวังดี ในฐานะคนทำงานมานานกว่า เรื่องผลประโยชน์ครอบครัวมันควรจะต้องมาก่อนตั้งตัวได้อย่างน้านะ นนท์” สีหน้าของนักธุรกิจสาวรุ่นแม่เต็มเปี่ยมไปด้ว
ร่างกำยำส่งแรงกระแทกแต่ละครั้งหนักหน่วงจนศีรษะกระทบเข้ากับหมอนที่รองรับอยู่บนหัวเตียง ประกายเร่าร้อนดิบเถื่อนฉายออกมาทางแววตา“อ๊า... อื้ม... อลัน เอาแรง ๆ อีก...” คนบ่นสั่งสูดลมเข้าปากอย่างซ่านสยิว ราวกับว่าร่างกายปรับเปลี่ยนขนาดไปเองตามธรรมชาติสรรค์สร้าง ร่องทางรักขยายตัวอย่างเหมาะสม ปลดปล่อยและดูดดึงมันกลับเข้าสู่กลางกาย ร่างบางบิดเร่าแอ่นเอวรับทุกอย่างที่เป็นเขา ส่งเสียงครางหวานในสีหน้ายุ่งเหยิง ไม่ต่างจากว่าเธอได้กลายเป็นทาสบำเรอกามของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ“อลัน...! ปริมจะเสร็จ... อ๊า... อีกนิด... เร็ว ๆ!” เธอส่งเสียงหวีดร้องก่อนยกมือขึ้นปิดป้องปากไว้ ด้วยความเกรงใจห้องข้าง ๆ จังหวะเร่งเร้าของบุรุษผู้พกพาความร้อนแรงมาชนิดจัดเต็ม ไม่มีพักหรือหยุดสักนาที สวรรค์ของเธออาจอยู่ใกล้กว่าขณะที่อีกคนไม่ได้ทำตามคำขอ หยุดพื้นพรมอันสวยงามเบื้องหน้าให้ชะงักนิ่งบางครั้งอลันก็ชอบที่จะแกล้งเธออย่างนั้น เขามักพาเธอไปแค่ครึ่งทางก่อนค่อยบรรเลงบทเรียนสวาทต่อ ให้มันเป็นไปอย่างช้า ๆ อย่างดุเดือดเลือดร้อน...มือหนาตะปบเข้าท้ายทอยน้อย จับพลิกให้นอนคว่ำหน้าโดยไม่ปล่อยให้ส่วนสอดสวมกันหลุดออก แม้ว่ามันจะลื่
ร่างสูงโน้มตัวลงประกบลงบนเรียวปากอิ่มงาม ขณะที่เธอตอบรับจุมพิตหวานฉ่ำ เลื่อนมือขึ้นล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา แม้ว่าเขาจะยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมืออาชีพที่พลอดรักกันได้ทุกเช้าเย็นปากอุ่นนุ่มเผยอเชื้อเชิญให้เธอเป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นน้อยเข้าหาความหวาน จากนั้นปลายลิ้นหนาก็กระหวัดเกี่ยวอย่างช่ำชองงานงานที่นัชชาทำได้ดีที่สุดและได้รับคำชมเชยจากครูผู้สอนเสมอคือจูบ... หากว่าเป็นเรื่องอย่างอื่นแล้วคนฉลาดหัวไว ผ่านการดูอะไรต่อมิอะไรมามาก เทียบไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของคู่ขาในอดีตของอลัน ทว่าเขากลับเสพย์ติดเรือนร่างนิ่มนวลนี้มากที่สุด เสพย์ติดทุกอย่างที่เป็นเธอผ่านริมฝีปากนุ่มละมุนคราวขยับอย่างเป็นผู้นำให้อีกคนเผยอรั้งปากตาม ชายหนุ่มคอยแต่จะแย่งสูดลมหายใจของเธอไว้ให้เป็นของเขา มือลูบไล้หน้าท้องแบนราบเข้าไปในสาบเสื้อ แต่เพียงหยุดไว้เท่านั้นหลายนานกับการผลัดแลกรสจูบแสนหวานแทนคำบอกรัก ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาแทนที่กันและกันได้ ก็จะต้องเป็นเขาเท่านั้น ก่อนที่ชายผู้แสนดีจะมอบอิสรภาพให้ เขาผ่อนลมหายใจหอบสั่นอันเต็มไปด้วยความปรารถนา“ไป... ขึ้นห้องนอนกันดีกว่า”นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามหลุบมองร่างเป