“m-a-n-n-e-r แปลว่า มา-ระ-ยาด นะคะคุณฝรั่ง อยู่เมืองไทยมาก็นาน ฟังภาษาไทยเข้าใจไหม? คำว่ามารยาทน่ะ” เสียงหวานสะกดทีละคำทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ขนาดรอเรือยังออกเสียงควบกล้ำชัดเจน
ฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมาสิบปี! แม่ของเขาก็เป็นคนไทยถึงเขาจะถือสัญชาติอเมริกัน ไม่ต่างจากโดนตอกหน้ายับเยิน ชายหนุ่มได้แต่ยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทั่งหญิงสาวอีกคนวิ่งตามมา “พี่ซื้อขนม น้ำมาฝากเรากับพ่อเลี้ยง มากินกับพี่ก่อนสิ พุทรา กินก่อนค่อยไป เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ” บนวงหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบที่ดูไม่แก่กว่าวัยฉาบด้วยรอยยิ้มที่คงไม่ต่างจากยาพิษ นัชชาเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ปรายลดาชะงักครู่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกเร่งเร้า “ไปเร็ว... ไปกินขนมกับพี่นะ” “ค่ะ พี่ปิ่น กินก่อนก็ได้ค่อยไป แก..” มือที่ยังจับกันไว้กระตุกเบา ๆ อีกคนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความคิดตรงกันว่าหากเข้าบ้านไปตอนนี้ ปรเมษฐ์คงเลิกรากับการทำงาน แล้วมาพาคนท้องไปโรงพยาบาลแทน เป็นเรื่องปรกติของผู้ใหญ่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนชอบที่จะซื้ออาหารมารับประทานร่วมกัน แม้แต่ปิ่นแก้วเองกับคนบ้านนู้นก็มากันอยู่บ่อย ๆ มีพักหลังมานี้ที่สถานะของเจ้าตัวเปลี่ยนไป ปรเมษฐ์แสดงท่าทีห่างเหินยังขีดเส้นชัดเจนว่าต้องการเป็นแค่คนรู้จัก ไม่มีแม้กระทั่งคำว่าเพื่อนหลงเหลือ ด้วยความที่เขาไม่อยากให้ภรรยาไม่สบายใจ ยิ่งในเดือนหน้านี้กำลังจะแต่งงาน เริ่มแจกการ์ดเชิญไปบ้างแล้ว ปิ่นแก้วจึงจงเกลียดจงชังหญิงสาวเป็นเท่าทวี พอสองหนุ่มรับอาสาหน้าที่ไปหยิบจานมาใส่อาหาร ถุงหลายใบบนโต๊ะกับขนมที่มีภาชนะห่อหุ้มของมันอยู่แล้วถูกแกะออกวางพร้อมรอยยิ้ม “แม่อนงค์ล่ะ? พุด ชวนแม่มากินข้าว กินขนมด้วยกันเปล่า?” “หน้าใส ใจดี ไม่มีกาลเทศะ ออ... นิยายเรื่องใหม่นี่ พุด แกได้อ่านป่ะ?” บางคนจงใจกัดสีหน้าแย้มยิ้มของปิ่นแก้ว แต่เพียงไม่นาน นัชชาก็ทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรไป ยังเลียนแบบท่าทางไร้เดียงสา “อุ๊ย... ขนมของพี่ปิ่นน่าทานมากเลยค่ะ เนอะพุทรา” น้ำเสียงแสนไพเราะอ่อนหวานน่าจะเป็นน้ำเสียงของปรายลดาเสียมากกว่าทำเอาชายหนุ่มสองคนที่วางจานหลายใบลงบนโต๊ะกระจกในห้องรับแขกกว้างขวาง คิ้วขมวดมุ่นไปตามกัน ใคร ๆ ก็เห็นอยู่ว่านัชชาชอบจิกชอบกัดเป็นชีวิตจิตใจ “น่ากินจริง ๆ เรอะ ไม่ใช่ว่าประชด?” “จริงสิคะ คุณอลัน ทำไมเห็นปริมเป็นคนขี้ประชดไปได้ล่ะ?” เธอหันไปบอกร่างสูงในเสื้อยืด กางเกงยีนเท่ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ปรายลดาสะกิดมือเพื่อนสาวข้าง ๆ กันให้สงบปากสงบคำ หยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะยกขึ้นจรดสายตาไว้ในท่าทีว่าจะกินก็ไม่กิน นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรอยู่หรือเปล่า พอดีกันกับที่อีกคนเอ่ยถามเรื่องยา ปรเมษฐ์จึงอาสาไปหยิบยาในห้องนอนให้ภรรยา อาหารบนโต๊ะนั้นปิ่นแก้วเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง มีขนมหวานไทย โรตีสายไหม น้ำผลไม้ขวดใหญ่ ซึ่งหล่อนค่อย ๆ รินลงใส่แก้ว โดยไม่ได้รู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ตลอดเวลา ยิ่งกับนัชชาที่เป็นคนช่างสังเกต แววตาของปิ่นแก้วนั้นเต็มไปด้วยความริษยา หวงแหนพ่อเลี้ยงไม่ต่างจากว่าเขาเป็นสมบัติตน “กินน้ำส้มคั้นก่อนสิ พี่ซื้อมาให้คนท้องโดยเฉพาะเลยนะ” ทันทีที่น้ำถูกส่งให้เจ้าตัวกับมือก็ถูกแย่งไป ปิ่นแก้วถึงกับหน้าเสีย ตามองตามน้ำส้มแก้วใหญ่ถูกส่งไปให้ลูกครึ่งหนุ่มบนโซฟาในที่นั่งฝั่งข้าง ๆ กัน “คุณอลันลองชิมดูว่าอร่อยไหม?” “ไม่กินครับ” ชายหนุ่มตอบเต็มปากเต็มคำ ดวงตาสีฟ้าครามคุโชนมองคนตัวเล็กอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่หญิงสาวหายป่วยดี ก็ตั้งท่าหาเรื่องอยู่เต็มที่ แม้กระทั่งตอนนี้ที่ส่ายแก้วในมือไปมาด้วยท่าทางยั่วโทสะ “เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ด หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา ทำงานเป้ะทุกอย่าง แม้แต่อาหาร เขายังชิมให้เจ้านาย... เผื่อว่ามันจะมียาพิษหรือเปล่า? เลขาฯ พ่อฉัน ลูกหลานคุณนายเทย์เลอร์ ตระกูลดังเป็นเลขานุการกันทั้งนั้น ทำอะไร ละเอียดยิบไปหมด นี่แค่ล้างจาน... ก็ไม่เห็นจะสะอาด” “นี่แก... อย่าไปยั่วโมโหคุณอลันเชียวนะ” ว่าแล้วตีหน้าขาขาวเนียนเหนือกางเกงสั้นสีชมพูแรง ๆ จนเกิดรอยแดง เจ้าตัวก็แค่สะดุ้ง ขณะที่ตอนนี้คนถูกเปรียบเทียบไม่ต่างจากว่าถูกฉีกหน้ายับเยิน ยิ่งพอได้ยิน “เด็กเส้น” ใบหน้าหล่อเหลาขมึงทึงน่าหวาดกลัวพาหญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากที่อ้าค้างอยู่ พร้อมหน้าตาตื่นตะลึง “Oh...! I’m Sorry Now you’re 30 years old right? so... must be เส้นใหญ่ ผู้ใหญ่เส้น? ก๋วยเตี๋ยวน่ะค่ะ คุณฝรั่งขา ปริมกำลังหมายถึงก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ รู้จักไหมคะ?” เป็นความสำเร็จของนัชชาที่ทำให้หนุ่มวัยสามสิบโมโหเลือดขึ้นหน้า ขบกรามกรอดจนเห็นสันกราม อาหารบนโต๊ะจึงถูกจัดการอย่างไม่ใช่การชิม... ทุกจานแทบหายเกลี้ยง ก่อนกระดกน้ำตามหมดแก้ว พฤติกรรมประชดประชันของหนุ่มใหญ่อยู่ในสายตาของปรเมษฐ์ที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากที่เขาส่งกล่องยาให้ภรรยารับไป “ทำอะไรของแก? อลัน... ไปหิวมาจากไหน” “คุณอลันคงไม่ได้หิว... พี่เปา โดนยัยปริมตัวแสบแกล้งน่ะ” คนตอบหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนสุดความสูง “ไปดีกว่า เดี๋ยวจะไปหาหมอไม่ทัน พี่เปาอยู่บ้านไปเถอะ แต่กลับมางานต้องเสร็จนะคะ ให้เวลาสองชั่วโมง โอเคนะ” ชายหนุ่มหน้าระรื่นดีใจขึ้นมา โน้มตัวลงประคองกอดเอวบางอย่างแสนรัก “เสร็จครับ ที่รัก พี่เคลียร์งานนี้เสร็จ พี่จะอยู่กับพุดกับลูกทุกวัน เราสามคนไปเที่ยวกันให้หนำใจเลยนะ” แล้วฝังริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน แก้มขาวผ่องของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ก่อนที่เธอจะซุกหน้าลงบนเสื้อเชิ้ตกลิ่นหอมอ่อนของสามี สวมกอดกันไม่สนใจสายตาใคร “อู้หูย... อิจฉาคนมีความรักวุ้ย” นัชชาบ่นแล้วลุกเดินไปเป็นคนแรก อีกคนจึงเดินตามไปในอีกครู่ พอได้ล่ำลาอย่างไม่มีเรื่องค้างคาใจอะไรอีก ปรเมษฐ์ได้สะสางงานอยู่ที่บ้านตามลำพัง หลังจากที่ปิ่นแก้วขอตัวกลับบ้าน เพื่อไปทำงานที่ฟิลิปปินส์ต่อ และเป็นเพราะว่าเขาอยากให้อลันคอยดูแลเมียตลอด จึงอ้อนขอให้ยอมเป็นคนขับรถยนต์ไปส่งโรงพยาบาล แม้ว่าสองสาวจะไม่อยากให้ชายหนุ่มไปด้วย แต่เมื่อเจ้าตัวคว้ากุญแจรถยนต์ขึ้นที่นั่งคนขับไปแล้วคงไม่มีทางเลือก จากบ้านไปจนถึงโรงพยาบาลเอกชนใช้เวลาสิบห้านาที พอรถยนต์จอดสนิทดีในอาคารจอดรถยนต์ พวกเธอก็พากันลงรถ ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนเปิดประตูลงมา ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำกับอาการเขย่าเสื้อ มือเกาะประตูไว้ไม่ปล่อยคล้ายจะยืนไม่อยู่ ปรายลดานั้นยืนอยู่ข้างหลังของเขาใกล้ทางลมพัดผ่าน ระหว่างชั้นของลานจอดรถยนต์ เธอสังเกตเห็นอยู่ว่าอีกคนนั้นดูร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก “เป็นอะไรหรือเปล่า? คุณอลัน” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ก่อนจะคลายหายความสงสัย “ว่าแล้วเชียว... ฉันว่านางใส่อะไรลงไปในน้ำส้มแน่ ๆ อีนี่มันไม่ทำร้ายแกกับลูก มันคงกะจะเคลมผัวแก” เสียงแหลมเล็กที่เค้นมาจากลำคอจากโกรธแค้นพาดวงตาสีฟ้าครามมีเปลวไฟลูกหนึ่งปะทุขึ้นมา จากที่ร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่แล้วยามลอบมองวงหน้าหวานข้างกายในรถยนต์ “เฮ้ย! ปริม... แกรู้ว่าพี่ปิ่นใส่อะไรลงไปในน้ำส้ม แล้วยังให้คุณอลันกินแทนฉันเนี่ยนะ” “ฉันแค่สงสัยเปล่าวะ พูดมากไป พ่อเลี้ยงแกไม่ด่าว่าฉันใส่ร้ายเพื่อนเขา ฉันคงได้เป็นผู้ร้ายแทนนางเลยป่ะ โรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้านแค่นี้ เดี๋ยวฉันพาคุณอลันไปหาหมอเอง แกรีบโทรบอกผัวแกด่วน ๆ เลย” “อืม... อย่าลืมเก็บผลเลือดของคุณอลันไว้เป็นหลักฐานด้วยล่ะ” นั่นหมายความว่าเธอจะเอาเรื่องปิ่นแก้วอย่างแน่นอน! ปรายลดาหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายต่อสายหาปรเมษฐ์ แล้วต่างคนจึงพาผู้ชายตัวโตที่โดนอะไรในอาหารไม่รู้ได้โดยเรียกบุรุษพยาบาลให้เข้ามาให้ความช่วยเหลือเนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินยอมให้แพทย์ทำการรักษา สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เ
พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตั
กลิ่นหอมอ่อนโชยผ่านโสตประสาทของคนป่วย ดวงตาของเขาเหมือนปะติดอยู่บนใบหน้าสะสวย ประดับความหวานไว้บนขนตาเป็นแพงอนงามเหนือนัยน์ตาสว่างใส “อืม... ก็เข้ากับหน้าตาดี ปากไม่ดีหน่อยพอให้อภัย” เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หญิงสาวตั้งใจทำงานแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวยแล้วยังใจดีใช่มะ?” “มั่นใจเหลือเกินนะครับ” “แน่นอน คนมันเกิดมาสวยนี่นะ” ตอบเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ผ้าในมือเริ่มร้อนเธอก็จะชุบน้ำแล้วบิดมันใหม่ ทุกแรงเช็ดทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ ไม่แรงไปแต่ก็ไม่เบาเสียจนไม่มีประโยชน์กับการเช็ดตัวเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ มันไม่มีประโยชน์เลยต่างหาก! กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’ คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาอาฆาตแค้นเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจ อลันได้สืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว เขารายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้ฝากให้ลูกพี่ลูกน้องแอบตามไป สัญชาตญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน “คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนู สี่วันสามคืนอยู่กินกันฉันผัวเมีย! นัชชาถึงปากร้ายไปสักหน่อยเธอกลับดูแลเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้ยันขับรถยนต์พาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ วันนี้ก็ยังเตรียมข้าวต้มอร่อย ๆ ไว้ให้เรียบร้อยโดยที่เขาไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเลยสักอย่าง เป็นธรรมดาที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย อยากให้เธออยู่ชวนทะเลา
ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องธรรมดาหากคนคบกันจะคบอีกคนหนึ่งไปด้วยในฐานะกิ๊ก คู่นอน หรืออะไรก็ตามแต่ เธอไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก[แล้วทีปริมล่ะ? ปริมจะหมั้นกับคนของแม่ปริม ปริมไม่บอกพี่สักคำ คุณอานนท์ นักธุรกิจคนดัง พ่อพี่ก็รู้จัก]“ปริมไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น ปริมไม่สน จะแม่หรือใครก็บังคับปริมไม่ได้” ถ้อยคำหนักแน่นบอกว่าเธอไม่มีวันยอมให้แม่มาคลุมถุงชน! ธามไทเองก็น่าจะรู้ว่าเธอมีนิสัยยังไง ความขุ่นเคืองใจของเขาจึงเบาบางลง[แล้วนี่... ปริมอยู่ไหนอ่ะ พี่ไปหาได้ไหม?]“ห้องพุด กำลังจะทำงานหญิงแย้มให้เสร็จ พุดมันดองงานมานานละ ปริมจะรีบทำรีบส่งไปสักที”[ให้พี่ช่วยเปล่า?]“ก็มาสิ แต่เจอกันข้างนอกนะคะ เกรงใจ ห้องเพื่อน”[ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรบอกพุทราเอง]ปลายสายวางไปไม่ทันให้เธอได้พูดอะไร นัชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จริง ๆ เลยนะพี่ธามนี่ เก็บกดจากยัยพุดมาหรือไง”ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่คบหากันแม้ว่าเขาจะจบการศึกษาไปก่อนแล้วนั้น ธามไทเป็นผู้ชายรุกหนักกว่าตอนคบหากับปรายลดาเป็นเท่าตัว เธอไม่ได้บอกหรือเล่าให้ใครฟัง... นัชชาได้รับสายอีกทีคือไม่ถึงสิบนาทีถัดมาว่าเขาจะมาหาถึงที่! ด้วยความหวังดีของเพื่อนที่คงอยากให้
ลูกสาวคนเดียวไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์! ไม่ส่งเสียงมาตามสายให้หายคิดถึง ทั้งที่เคยเห็นหน้ากันมาแต่ตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นสาวอายุยี่สิบเอ็ดย่างเข้ายี่สิบสองปี คนเป็นแม่หรือจะอยู่เฉยไหว “แบร์นาร์ด... นี่เลิกโกรธสักทีได้ไหม? ฉันกำลังคิดเรื่องที่คุณพูดนะ”“ก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมไม่ชอบมัน...” เสียงเข้มเอ่ยกับเจ้าของร่างบางในเดรสสีดำสนิทเข้ารูปทรงสมส่วนคุณแม่ยังสาว ถึงปีนี้เธอจะย่างเข้าสี่สิบห้าปีก็ไม่ดูแก่ขึ้นสักเท่าไรเลยเลขานุการหนุ่มทำตัวสบาย ๆ แต่งตัวสบาย ๆ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดด้วยความที่หยุดงานมาเป็นอาทิตย์ ลาพักร้อนแต่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ใช้เวลาพักผ่อนอย่างคุ้มค่าในห้องชุดคอนโดมิเนียมของตัวเอง“อ้อ... ไม่ใช่สิ ผมไม่ควรเรียกว่าที่ลูกเขยของคุณนายว่ามัน ต้องเป็นคุณอานนท์... ผมไม่อยากบอกเลยจริง ๆ นะว่าเขาอยู่ในกรุ๊ปไลน์ FWB เพื่อนกันมันดี นอนกับผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนภายในหนึ่งอาทิตย์ คุณยังอยากได้มาเป็นลูกเขยไหม?”นิตยายืนนิ่งเงียบโดยที่เธอยังกำกุญแจห้อง สะพายกระเป๋าสไตล์คุณนายอยู่อย่างนั้น ทั้งโมโหทั้งน้อยใจ ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไป และเธอยิ่งโมโหอีกคนก็ทำไม่สนใจอะไรเลย หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ
ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตามมาเอาเสื้อยืดแบรนด์เนม เธอคงทิ้งมันไปพร้อมกับความทรงจำช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่กี่วันช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นเขายังทำตัวเป็นหนุ่มโสดอย่างเคย ในวันหยุดของเขามักไปเที่ยวสังสรรค์กับเจมส์ มาร์คัส ลูกพี่ลูกน้องหรือเพื่อน ๆ บอร์ดี้การ์ด เลขานุการ ด้วยความที่วันพักผ่อนไม่ได้มีกันบ่อยมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ทำ...“ให้หวานไปส่งคุณไหมคะ... You want... to do it tonight...?” น้ำเสียงและแววตาเย้ายวนบอกว่าหญิงสาวต้องการอะไร จากบทรักร้อนแรงของหนุ่มหล่อล่ำขาประจำ มือเรียววางทาบบนเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทขณะที่เขาพิงร่างโงนเงนไว้กับผนัง ในสถานที่ที่มีเสียงอื้ออึง สปอร์ตไลท์หลากสีสะท้อนไปมา โซฟาล้อมรอบผู้คนที่รินเทน้ำสีอำพันลงในแก้ว แสงสีเสียงและเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ได้เกิดรู้สึกวูบวาบหวือหวาหรืออารมณ์ทางเพศ อยากจับใครสักคนกลับไปทำเรื่องเร่าร้อนรุนแรงอย่างเคย “So sleepy...” เบ้ปากว่า เขาแค่อยากจะกลับบ้านนอน ดวงตาคู่คมสีฟ้าครามปรือมองอกอวบอัดภายใต้เดรสสีดำรัดรูปอย่างเฉยเมย ก่อนจะเดินออกจากร้านไปดื้อ ๆ โดยมีลูกครึ่งหนุ่มในชุดเรียบหรูดูดีเดินตามไป สไตล์ของเจมส์คือเสื้อยื
ความซ่าของนัชชาหายไปไม่มีเหลือ รับรู้ได้ถึงทุกสัมผัสแนบชิดสนิทกัน ขวางกั้นไว้แค่เสื้อผ้า เรือนกายกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบดเบียดจนอกอวบอัดบี้อยู่บนเสื้อเชิ้ตหอม กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปกับกลิ่นโคโลญจน์ฉุนรุนแรง เสียงหวานเอ่ยอู้อี้ในคอ“คุณอลัน... ลุกเหอะ... ฉันหนัก...”“ทำไมล่ะ? ทำไม... ผมทำไม่ได้... แฟนคุณไม่ตัวหนักเรอะ” ในน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาปล่อยเส้นผมนุ่มสลวยจากมือ ร่างหนาค่อยเท้าแขนพาร่างโงนเงนลุกขึ้นมองเธออีกครั้ง ภาพพร่ามัวเบื้องหน้าสายตาหากหรี่ตามองดี ๆ มันก็ชัดเจนขึ้น“ฉันไม่เคยให้ใครมาทับ... มาแตะต้องตัวฉัน แม่ฉันสอนมาดีย่ะ” ในท่าทีดุดันแต่คงไม่มากพอ เธอแน่ใจไม่มีทางสู้แรงฝรั่งยักษ์ได้! หากว่าคนเมาเกิดอารมณ์จะทำอะไรสักอย่างขึ้นมา ก็คงไม่ต่างจากมดตัวเล็ก ๆ สำหรับเขา“ออ... แปลว่าผมได้สิทธิพิเศษ”คนได้ยินลอบกลืนน้ำลายลงคอ หลุบตามองเนื้อแน่น ๆ ของหนุ่มล่ำกล้ามโตที่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้ทุกวัน อุณหภูมิร้อนจัดพุ่งเข้าหน้า ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าหน้าแรง ๆ ดึงสติตัวเองกลับมาเอ่ยปากต่อว่า“นี่คุณอลัน คุณเมานะ แบบนี้มันไม่มึนตึงแล้ว... ลุกออกไปซะที อย่าให้ฉันสู้ คุณจะเจ็บตัว...”“อื