สถาปนิกหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปีกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องมาจากว่าปิ่นแก้วจำเป็นต้องหอบงานโปรเจคใหญ่จากฟิลิปปินส์กลับมาทำต่อ
มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว แต่ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ นัชชาสนิทสนมกับบ้านนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาล ก็ไม่แปลกที่เธอจะต้องรู้จักทั้งพ่อเลี้ยง และอดีตผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อย่างหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว ยังต้องติดต่อกันด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมปรเมษฐ์ถึงไม่หาทางปลีกตัวจากผู้หญิงร้ายกาจอย่าง ‘ปิ่นแก้ว’ แม้ปิ่นแก้วจะเคยเป็นเพื่อนคนสนิทในกลุ่มของปรเมษฐ์ จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไร้เดียงสา แต่จ้องจะแทงข้างหลังปรายลดาอยู่เสมอ ด้วยความอิจฉาอยากได้ความรักของเขาที่มีให้แค่ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ผีเห็นผี... มองตากันก็รู้ว่าอีกคนมีนิสัยยังไง ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาของเพื่อนสาวจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน้ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด “ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” ว่าพลางเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไร แต่เพื่อนอย่างเธอก็พอรู้ได้ว่าฮอร์โมนคนท้องทำให้คุณแม่กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวนอยู่สักหน่อย “แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ” “ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม “ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง” “เรื่องมันยาวอ่ะ ไปคุยกันข้างนอกได้ไหมล่ะ?” คำถามของนัชชาไม่ได้คาดหวังอะไรนัก รู้เหตุผลดีว่าทำไมอีกคนถึงยอมอยู่บ้านอย่างหงุดหงิด “แกจะให้ฉันทิ้งผัวไว้กับอดีตชู้รักในบ้านตามลำพังเนี่ยนะ?” “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? แกไม่เชื่อใจพ่อเลี้ยงเหรอ ฉันว่าเขาออกจะรักแก” ‘รัก’ พาแววตากร้าวอ่อนลง ปรายลดาฉุกใจคิดขึ้นมาได้ควรมีเหตุผลสักหน่อย หากเพื่อนไม่แย้งขึ้นมาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด “แต่ฉันว่าเขาควรมีเวลาให้แกกับลูก! ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน บ้านก็รวย ส่งลูกเรียนอินเทอร์เงินเหลือกินเหลือใช้สบาย ๆ ทั้งชาติ เห็นงานสำหรับกว่าเมียท้องอ่อนได้ยังไง? แล้วอีนั่นมันก็รู้ว่าแกท้อง ยังหอบงานมา มันหมายความว่าไงวะ!” สิ้นคำประกาศกร้าว หญิงสาวที่ยังคงอยู่ในชุดอยู่บ้านกางเกงขาสั้นของเพื่อนลุกพรวดขึ้น ดึงข้อมือเรียวไว ๆ “ไป...” “หา..? อะไร ๆ ไปไหน?” เธอแค่ถูกบังคับให้เดินไปอย่างไปงุนงงและตกใจ ด้วยนิสัยส่วนตัวของนัชชา บวกกับความไม่ชอบปิ่นแก้วอยู่แล้วแทบมองไม่เห็นหนทางสดใส ปิ่นแก้วเห็นสองสาวกำลังจูงมือกันเดินเข้าบ้าน แสร้งยกมือขึ้นแตะบ่าชายหนุ่มให้มองงานว่ามีเรื่องผิดพลาด ทั้งที่มันไม่มีอะไร คนมาใหม่เห็นได้จากแววตาริษยาที่สาดมองมา แม้ปากว่าอีกอย่าง “อ้าว... สองคนมาพอดีเลย พี่กับเปากำลังบ่นถึงอยู่” ปรายลดาแค่เปรยยิ้มให้ ต่างจากนัชชาโดยสิ้นเชิง ใบหน้าสดสวยโฉบเฉี่ยวออกอาการไม่พอใจ ที่ผ่านมานอกจากปิ่นแก้วจะเข้าหาพ่อเลี้ยงด้วยคำว่า ‘เพื่อนร่วมงาน’ หล่อนยังมีจุดประสงค์จะเคลมเขาอยู่ตลอดเวลา แม้รู้ดีว่าตอนนี้ทั้งสองคนจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ตาม! “พ่อเลี้ยง ปริมจะพาพุดไปโรงพยาบาลนะ วันนี้โรงพยาบาลที่พุดฝากท้องมีลงทะเบียนคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่...” “ลูกพี่นะ ปริม ทำไมปริมต้องไป?” ปรเมษฐ์แย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย มือเปรอะเปื้อนยังคงกำดินสอ หลุบตามองสองมือเรียวที่กอบกุมกันอยู่ ด้วยความรู้สึกเจ็บจุกประหลาด เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้ทำหน้าที่พ่อเลย “ก็เห็นว่ายุ่งนี่คะ... ปริมว่าง ปริมอยากดูแลคนท้องคนไส้ แม่พุดกับลูกสำคัญที่สุดกับปริมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ ปริมจะดูแลคุณแม่พุทราอย่างดี” คำพูดของนัชชาเหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ไม่รู้ว่าภรรยาฝากท้องที่โรงพยาบาลไหนด้วยซ้ำ พอเลื่อนสายตามองไปยังอีกคนที่มีสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ “เราสองคนน่ะ มีเรื่องอะไรปิดบังพี่อีกหรือเปล่า? อย่ามาประชดพี่นะ ที่พี่ทำงานงก ๆ นี่ก็ตั้งใจจะหาเงินให้ลูก” “ปริมไม่เคยมีเรื่องปิดบังอะไรใครอยู่แล้ว หมอบอกว่าวันนี้ควรจะไป หมอย้ำว่าสำคัญมาก! ใช่ไหมพุด?” ปลายเสียงบอกคนข้างกายที่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้วแล้วเออออตาม “นั่นสิ... ถ้าแกไม่เตือนฉันคงลืมไปแล้วแน่ ๆ ขอบใจนะเพื่อน อุตส่าห์ดูตารางคนท้องให้ด้วย น่ารักที่สุดเนี่ย ยัยปริม” ว่าแล้วก็บีบแก้มขาวนวลเล่น เหมือนที่หยอกกันอยู่บ่อย ๆ นัชชายิ้มหวานกว้างเต็มวงหน้า ทว่าพอโดนหยิกแก้มเสร็จตวัดหางตามองไปทางสถาปนิกหนุ่ม “ขอโทษที่แย่งหน้าที่พ่อเลี้ยงนะคะ ปริมแค่หวังดี เห็นอยู่ว่ากำลังยุ่ง ๆ กับเพื่อนร่วมงาน ให้เป็นหน้าที่ของคนว่างงานอย่างปริมแล้วกันค่ะ ตอนนี้ปริมว่างมาก พ่อกับแม่โกรธปริมเพราะปริมทำแบบนี้ในห้องประชุม...” คนพูดก้าวขาไปใกล้ ๆ ร่างบางในชุดทำงานดูดีมีภูมิฐาน เปล่งเสียงดังสุดเสียง “กรี๊ด!” ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...” “พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ “พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกิริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหน ทางด้านเลขานุการหนุ่มตื่นแต่เช้ามาเคลียร์งานให้เจ้านาย ยังต้องทำหน้าที่ล้างจานแทนแม่บ้าน เพราะมีคนจงใจแกล้งทำรกเลอะเทอะเอาไว้ กองใหญ่เท่าภูเขา อาหารบำรุงคนท้องมีพนักงานมาส่งของทั้งวัน เขายังต้องคอยไปเปิดประตูรับตั้งแต่ผลไม้ เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี ที่คนสั่งเหมือนจะสั่งมาเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อยให้เขาต้องเดินไปบ่อย ๆ ได้อาหารอะไรมาก็ใส่จานเป็นหย่อมแล้วเปลี่ยนจานใหม่ มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ! “ยัยเด็กบ้า! คอยดูเถอะ...” First Kiss บ้าบอคอแตกอะไร!? ท่าทางแก่แดดอย่างยัยเด็กแรดนี่ น่าจะผ่านมือผู้ชายมาโชกโชนด้วยซ้ำ บางครั้งเขาได้ยินสองสาวคุยกัน ขนาดปรายลดาที่ผ่านเรื่องอย่างว่ากับสามีมายังมีจริต มียางอาย หากจะต้องพูดเรื่องบนเตียงกับใครต่างจากนัชชา เธอจะแค่หัวเราะแล้วพูดว่า ‘เล่าให้ฟังบ้างดิ’ อลันเป็นคนสุขุมมีสติอยู่เสมอด้วยนิสัยของเขาเองเว้นคราวนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งเพราะอารมณ์โกรธเกรี้ยวอยู่ในห้องครัวตามลำพัง ก่อนที่เสียงประตูบานเลื่อนอัตโนมัติจะดังเตือนว่ามีใครสักคนกำลังจะออกจากบ้าน มันทำให้เขาต้องสะบัดน้ำยาล้างจานจากมือ รีบล้างด้วยน้ำสะอาดไว ๆ วิ่งพรวดพราดออกไป “นี่! รอก่อน จะไปไหนกันน่ะ?” ตะคอกตามหลังไปติด ๆ สองสาวที่จับจูงมือกันเตรียมออกจากบ้านรับรู้ได้ว่าบางคนคงไม่ปล่อยให้ไปกันตามลำพัง ยิ่งเป็นคนปากไวอย่างนัชชา เสียงแหลมเล็กต่อว่า “จะไปไหนมันก็เรื่องของฉันกับเพื่อนไหม? นี่คุณ... พุทราไม่ใช่นักโทษ จะมากักตัวอะไรกันตลอดเวลา ผัวก็ไม่ใช่ ผัวเขายังไม่ว่าเลย มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานนะคะ หัดมีมารยาทบ้าง” คนถูกด่าทอด้วยท่าทางประชดประชันชุดใหญ่ไฟกะพริบ! กัดฟันกรอด ๆ มองผู้หญิงตัวเล็กที่ปากดีเหลือเกิน ครั้นพอจะอ้าปากเถียง...“m-a-n-n-e-r แปลว่า มา-ระ-ยาด นะคะคุณฝรั่ง อยู่เมืองไทยมาก็นาน ฟังภาษาไทยเข้าใจไหม? คำว่ามารยาทน่ะ” เสียงหวานสะกดทีละคำทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ขนาดรอเรือยังออกเสียงควบกล้ำชัดเจน ฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมาสิบปี! แม่ของเขาก็เป็นคนไทยถึงเขาจะถือสัญชาติอเมริกัน ไม่ต่างจากโดนตอกหน้ายับเยิน ชายหนุ่มได้แต่ยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทั่งหญิงสาวอีกคนวิ่งตามมา “พี่ซื้อขนม น้ำมาฝากเรากับพ่อเลี้ยง มากินกับพี่ก่อนสิ พุทรา กินก่อนค่อยไป เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ” บนวงหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบที่ดูไม่แก่กว่าวัยฉาบด้วยรอยยิ้มที่คงไม่ต่างจากยาพิษ นัชชาเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ปรายลดาชะงักครู่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกเร่งเร้า “ไปเร็ว... ไปกินขนมกับพี่นะ” “ค่ะ พี่ปิ่น กินก่อนก็ได้ค่อยไป แก..” มือที่ยังจับกันไว้กระตุกเบา ๆ อีกคนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความคิดตรงกันว่าหากเข้าบ้านไปตอนนี้ ปรเมษฐ์คงเลิกรากับการทำงาน แล้วมาพาคนท้องไปโรงพยาบาลแทน เป็นเรื่องปรกติของผู้ใหญ่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนชอบที่จะซื้ออาหารมารับประทานร่วมกัน แม้แต่ปิ่นแก้วเองกับคนบ้านนู้นก็มากันอยู่บ่อย ๆ มีพักหลังมานี้ที่สถานะของเจ้าต
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินยอมให้แพทย์ทำการรักษา สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เ
พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตั
กลิ่นหอมอ่อนโชยผ่านโสตประสาทของคนป่วย ดวงตาของเขาเหมือนปะติดอยู่บนใบหน้าสะสวย ประดับความหวานไว้บนขนตาเป็นแพงอนงามเหนือนัยน์ตาสว่างใส “อืม... ก็เข้ากับหน้าตาดี ปากไม่ดีหน่อยพอให้อภัย” เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หญิงสาวตั้งใจทำงานแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวยแล้วยังใจดีใช่มะ?” “มั่นใจเหลือเกินนะครับ” “แน่นอน คนมันเกิดมาสวยนี่นะ” ตอบเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ผ้าในมือเริ่มร้อนเธอก็จะชุบน้ำแล้วบิดมันใหม่ ทุกแรงเช็ดทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ ไม่แรงไปแต่ก็ไม่เบาเสียจนไม่มีประโยชน์กับการเช็ดตัวเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ มันไม่มีประโยชน์เลยต่างหาก! กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’ คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาอาฆาตแค้นเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจ อลันได้สืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว เขารายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้ฝากให้ลูกพี่ลูกน้องแอบตามไป สัญชาตญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน “คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนู สี่วันสามคืนอยู่กินกันฉันผัวเมีย! นัชชาถึงปากร้ายไปสักหน่อยเธอกลับดูแลเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้ยันขับรถยนต์พาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ วันนี้ก็ยังเตรียมข้าวต้มอร่อย ๆ ไว้ให้เรียบร้อยโดยที่เขาไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเลยสักอย่าง เป็นธรรมดาที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย อยากให้เธออยู่ชวนทะเลา
ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องธรรมดาหากคนคบกันจะคบอีกคนหนึ่งไปด้วยในฐานะกิ๊ก คู่นอน หรืออะไรก็ตามแต่ เธอไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก[แล้วทีปริมล่ะ? ปริมจะหมั้นกับคนของแม่ปริม ปริมไม่บอกพี่สักคำ คุณอานนท์ นักธุรกิจคนดัง พ่อพี่ก็รู้จัก]“ปริมไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น ปริมไม่สน จะแม่หรือใครก็บังคับปริมไม่ได้” ถ้อยคำหนักแน่นบอกว่าเธอไม่มีวันยอมให้แม่มาคลุมถุงชน! ธามไทเองก็น่าจะรู้ว่าเธอมีนิสัยยังไง ความขุ่นเคืองใจของเขาจึงเบาบางลง[แล้วนี่... ปริมอยู่ไหนอ่ะ พี่ไปหาได้ไหม?]“ห้องพุด กำลังจะทำงานหญิงแย้มให้เสร็จ พุดมันดองงานมานานละ ปริมจะรีบทำรีบส่งไปสักที”[ให้พี่ช่วยเปล่า?]“ก็มาสิ แต่เจอกันข้างนอกนะคะ เกรงใจ ห้องเพื่อน”[ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรบอกพุทราเอง]ปลายสายวางไปไม่ทันให้เธอได้พูดอะไร นัชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จริง ๆ เลยนะพี่ธามนี่ เก็บกดจากยัยพุดมาหรือไง”ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่คบหากันแม้ว่าเขาจะจบการศึกษาไปก่อนแล้วนั้น ธามไทเป็นผู้ชายรุกหนักกว่าตอนคบหากับปรายลดาเป็นเท่าตัว เธอไม่ได้บอกหรือเล่าให้ใครฟัง... นัชชาได้รับสายอีกทีคือไม่ถึงสิบนาทีถัดมาว่าเขาจะมาหาถึงที่! ด้วยความหวังดีของเพื่อนที่คงอยากให้
ลูกสาวคนเดียวไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์! ไม่ส่งเสียงมาตามสายให้หายคิดถึง ทั้งที่เคยเห็นหน้ากันมาแต่ตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นสาวอายุยี่สิบเอ็ดย่างเข้ายี่สิบสองปี คนเป็นแม่หรือจะอยู่เฉยไหว “แบร์นาร์ด... นี่เลิกโกรธสักทีได้ไหม? ฉันกำลังคิดเรื่องที่คุณพูดนะ”“ก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมไม่ชอบมัน...” เสียงเข้มเอ่ยกับเจ้าของร่างบางในเดรสสีดำสนิทเข้ารูปทรงสมส่วนคุณแม่ยังสาว ถึงปีนี้เธอจะย่างเข้าสี่สิบห้าปีก็ไม่ดูแก่ขึ้นสักเท่าไรเลยเลขานุการหนุ่มทำตัวสบาย ๆ แต่งตัวสบาย ๆ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดด้วยความที่หยุดงานมาเป็นอาทิตย์ ลาพักร้อนแต่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ใช้เวลาพักผ่อนอย่างคุ้มค่าในห้องชุดคอนโดมิเนียมของตัวเอง“อ้อ... ไม่ใช่สิ ผมไม่ควรเรียกว่าที่ลูกเขยของคุณนายว่ามัน ต้องเป็นคุณอานนท์... ผมไม่อยากบอกเลยจริง ๆ นะว่าเขาอยู่ในกรุ๊ปไลน์ FWB เพื่อนกันมันดี นอนกับผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนภายในหนึ่งอาทิตย์ คุณยังอยากได้มาเป็นลูกเขยไหม?”นิตยายืนนิ่งเงียบโดยที่เธอยังกำกุญแจห้อง สะพายกระเป๋าสไตล์คุณนายอยู่อย่างนั้น ทั้งโมโหทั้งน้อยใจ ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไป และเธอยิ่งโมโหอีกคนก็ทำไม่สนใจอะไรเลย หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ
ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตามมาเอาเสื้อยืดแบรนด์เนม เธอคงทิ้งมันไปพร้อมกับความทรงจำช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่กี่วันช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นเขายังทำตัวเป็นหนุ่มโสดอย่างเคย ในวันหยุดของเขามักไปเที่ยวสังสรรค์กับเจมส์ มาร์คัส ลูกพี่ลูกน้องหรือเพื่อน ๆ บอร์ดี้การ์ด เลขานุการ ด้วยความที่วันพักผ่อนไม่ได้มีกันบ่อยมีเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้ทำ...“ให้หวานไปส่งคุณไหมคะ... You want... to do it tonight...?” น้ำเสียงและแววตาเย้ายวนบอกว่าหญิงสาวต้องการอะไร จากบทรักร้อนแรงของหนุ่มหล่อล่ำขาประจำ มือเรียววางทาบบนเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทขณะที่เขาพิงร่างโงนเงนไว้กับผนัง ในสถานที่ที่มีเสียงอื้ออึง สปอร์ตไลท์หลากสีสะท้อนไปมา โซฟาล้อมรอบผู้คนที่รินเทน้ำสีอำพันลงในแก้ว แสงสีเสียงและเครื่องดื่มมึนเมา ไม่ได้เกิดรู้สึกวูบวาบหวือหวาหรืออารมณ์ทางเพศ อยากจับใครสักคนกลับไปทำเรื่องเร่าร้อนรุนแรงอย่างเคย “So sleepy...” เบ้ปากว่า เขาแค่อยากจะกลับบ้านนอน ดวงตาคู่คมสีฟ้าครามปรือมองอกอวบอัดภายใต้เดรสสีดำรัดรูปอย่างเฉยเมย ก่อนจะเดินออกจากร้านไปดื้อ ๆ โดยมีลูกครึ่งหนุ่มในชุดเรียบหรูดูดีเดินตามไป สไตล์ของเจมส์คือเสื้อยื