“ฉันหนาว... ขอ... ผ้าห่ม..” อ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและแววตา ก่อนที่สติของเธอจะค่อย ๆ รางเลือน
อลันถึงจะขี้หงุดหงิด ยังเป็นคนคิดเร็วทำเร็วอยู่สักหน่อย เขาคงไม่ปล่อยให้เธอต้องหนาวตายซะก่อน มือหนาสากลากชุดกระโปรงนอนออกจากเรือนกายแน่งน้อยออกอย่างระวัง เนื้อตัวของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อนราวดอกไม้แรกแย้มบาน ก็คงจะใช่... นี่มันเด็กสาว! ยัยเด็กบ้านี่อายุห่างจากเขาตั้งสิบปี คิดพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหาย เมื่อทุกปลายนิ้วสัมผัสผิวนุ่มเนียนดุจแพรไหม ความขาวจัดจ้านเสียจนเห็นเส้นเลือดฝาดสะกดดวงตาของเขาไว้ ตัวของเธอร้อนแต่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะร้อนยิ่งกว่า ม่านตาสีฟ้าครามจะเบิกกว้างตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อเสื้อเปียกในมือหล่นแหมะจากมือหนาลงบนที่นอน ปรากฏสองเต้าเต่งตึง ยอดอกเต่งตึงประดับสีชมพูหวานติดตรึงเข้าไปในหัวสมอง ทั้งที่รสนิยมของอลันต้องสาวผิวแทนเท่านั้น! แต่เธอสวย! อืม.. ยัยเด็กแสบนี่สวยทั้งตัวจริง ๆ หน้าอกหน้าใจใหญ่ขนาดนี้ก็คงจะบีบได้พอดีมือ ไม่! จับไม่ได้เด็ดขาด... ความคิดหยุดลงพลางถอนหายใจหนัก นานแล้วที่ห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่าเพราะมัวทำแต่งาน แต่เขาก็หนักแน่นมากพอหักห้ามใจ ท้ายทอยที่ช้อนประคองอยู่ถูกวางลงอย่างเบามือ จากนั้นเขาก็ลุกไปหยิบผ้านวมหนามาห่มคลุมร่างเล็กไว้ เพื่อที่จะอุ้มเธอไปนอนในห้องแขก เพราะที่นอนมันเปียก เป็นโชคดีที่ปรายลดากลับมาในอีกไม่นาน ไม่ได้เถลไถลที่ไหน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ทว่าก้าวแรกที่เหยียบห้องนอนแขกพร้อมถุงพลาสติกใบเล็กเต็มไปด้วยยา หลังจากที่หาอยู่ว่าเพื่อนไปไหน “อ้าว... ทำไม... มานอนห้องนี้ล่ะคะ?” คำถามเต็มวงหน้าสดสวยที่ก้มลงมองสภาพของคนทั้งสอง ผมสีน้ำตาลเปียกชุ่มลู่ไปกับหน้าซีดขาวราวกระดาษ ตัวม้วนอยู่ในผ้าห่มเป็นหนอนดักแด้ อลันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ตะกุกตะกักเอ่ย “ผม... ทำน้ำหกใส่เธอครับ” “คุณอลันนี่นะจริง ๆ เลย ใครทำก็ช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ” บ่นพลางหยุดยืนท้าวเอวเอาเรื่อง เธอไม่เชื่อหรอกว่าเพื่อนไม่ได้โดนแกล้ง “ครับ ผมต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ” “ได้ช่วยแน่ ๆ ค่ะ เตียงฉันนี่เปียกชุ่ม น้ำมันวางอยู่ข้าง ๆ มันจะหกลงที่นอนได้ยังไง แล้วทำไมเสื้อคุณอลันถึงได้เปียกไปด้วย?” “เธอ... ตกใจอะไรไม่รู้ มากอดผม” คนตอบลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าเขาทำอะไร ขณะดวงตาคู่สวยหรี่เล็กจนเหยียดตรง เหมือนจะเอาคำตอบใหม่แต่กลับเอ่ยไล่ “ออกไปก่อน ฉันจะเช็ดตัวให้ปริม” “อ้อ... ครับ” เสียงทุ้มตอบอย่างเก้อเขินอยู่เล็กน้อย ตาคมเหลือบมองคนบนเตียงครั้งหนึ่งอย่างนึกสงสาร ด้วยความที่เข้าใจเธอผิด ก่อนที่เขาจะยอมลุกออกไป ให้หญิงสาวทั้งสองคนอยู่กันตามลำพังอาการปวดหัวตัวร้อนค่อยทุเลาลงในสองวันถัดมา นัชชาคิดว่าคงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา ด้วยความที่เธอได้ฉีดวัคซีนครบทุกสายพันธุ์ไข้หวัดยิบย่อยตามแม่สั่งให้เลขานุการหนุ่มชาวฝรั่งเศสพาไปทุกครั้ง...
บางครั้งเธอเรียกเขาว่า ‘พ่อแบร์’ แม่จะไม่ค่อยพอใจนัก หล่อนคงอยากใช้ชีวิตซิงเกิ้ลมัม โสดสวยรวยมากอยู่ไม่ว่าจะผ่านมาสักกี่ปี ใช่ว่าเธอไม่รู้เรื่องระหว่างแม่กับเลขานุการหนุ่มอายุน้อยกว่าว่ามีอะไรแปลก ๆ เป็นเพราะว่ารู้แล้วไม่อยากก้าวก่ายต่างหาก แบร์นาร์ดเองก็ดูแลเธอดียิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ ที่มีครอบครัวใหม่ไปแล้วไม่เคยมาสนใจไยดีเธอกับแม่อีกหลังหย่าขาดกันไป หลังรับประทานอาหารเช้า ข้าวต้มทรงเครื่องฝีมือเพื่อนสาวเสร็จ ได้รับโทรศัพท์จากแบร์นาร์ดว่าเขาจะลาพักร้อน นัชชาจึงยังไม่กลับบ้าน เพราะถ้าไม่มีแบร์นาร์ดอยู่แปลว่าไม่มีคนคอยสงบสติอารมณ์แม่เวลาโมโห ถึงวันนี้สถานการณ์ของเธอและแม่จะค่อนข้างดีขึ้นมากแล้ว พอแม่รู้เรื่องที่เธอไม่สบายจากปรายลดา คนเป็นแม่ก็ต้องห่วงลูกสาวคนเดียวเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าเธอจะสร้างเรื่องอะไรร้ายแรงสักแค่ไหน “ค่ะ คุณแม่... ค่ะ เดี๋ยวหนูดูแลให้นะคะ ดูแลเป็นอย่างดีเลยค่ะ” เสียงหวานรับปากเป็นดิบดี ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะรับประทานอาหาร ถ้วยชามสองใบบนโต๊ะ ด้วยฝีมือแม่ครัวอย่างปรายลดาราบเรียบเหมือนไม่เคยมีข้าวต้มในนั้น เหลืออีกคนที่ค่อย ๆ ตักไปทำงานไปโดยไม่ได้สนใจสองสาว อลันเพียงเหลือบตามองอยู่เป็นพัก ๆ พอของถูกวางลงทั้งโทรศัพท์มือถือ ด้ามช้อนส้อม นัชชาจะค่อย ๆ เอาทิชชูเปียกบนโต๊ะเช็ดมันทุกอย่าง เธอยังใช้หน้ากากอนามัยปิดทันทีที่รับประทานอาหารเสร็จ หญิงสาวอีกคนในชุดนอนลายหวานสีชมพูสีเดียวกันถามหน้ายุ่ง “ฆ่าเชื้ออะไรขนาดนั้นยะ? แล้วนี่ในบ้าน กลัวโควิดหรือว่ากลัวเชื้อโรคอะไร?” คนได้ยินจัดแจงหน้ากากบนหน้าให้เข้าที่ ตวัดตามองคนในฝั่งขวา “ไม่ได้ ต้องสะอาดกริ๊บ... แล้วแกอย่าเข้าใกล้ฉันมาก เดี๋ยวตัวเล็กติดไปด้วย คนท้องกินยาอะไรลำบาก ฉันห่วงหลานฉัน” “ค่ะ คุณเพื่อน... ฉันก็ไม่ค่อยจะได้ดูแกหรอก ไม่ติดหวัดอยู่แล้ว คนนู้นต่างหาก...” พูดพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มไปทางชายหนุ่มที่หลุบตาลงมองแท็บเล็ตโดยไม่พูดอะไร วันนี้อลันอยู่ในเสื้อยืด กางเกงขายีนสีซีดตามเทรนแฟชั่น ที่เก็บไว้ในท้ายรถของเขาเวลาเดินทาง ตามนิสัยความเป็นคนใส่ใจกับการทำงานอยู่ตลอด “พูดคำเดียวกันเป๊ะ กลัวฉันติดหวัด” “ก็แน่ล่ะว่าต้องกลัว... คนเขาห่วงแกกันทั้งบ้านนะคะ คุณแม่” เสียงหวานบอกเพื่อนผ่านหน้ากากที่ปิดป้องใบหน้าสดสวยไว้ครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของนัชชา เธอหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะพิษไข้ แต่ก็จำได้ว่าใครคอยป้อนข้าว ป้อนยา เฝ้าไข้อยู่ยังทำเรื่องบางอย่าง! ปรายลดาเองยังเห็นว่าอลันดูใส่ใจคนป่วยเป็นพิเศษ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนที่จะใส่ใจใครเท่าไรนัก หากไม่ใช่ปรเมษฐ์หรือเธอ “คุณอลันดูแลแกดีมาก ได้นอนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้...” ต่างคนคงคิดว่าจะได้ยินคำขอบคุณของนัชชา เธอแค่จิกหางตามองอย่างไม่สบอารมณ์ “มันควรจะต้องดูไหมคะ? ใครมันสาดน้ำใส่ฉัน คนนะไม่ใช่หมา เอาน้ำมาสาด นอนอยู่ดี ๆ แท้ ๆ เกิดลูกสาวคุณนายนิตยาช็อกตายเพราะไข้ขึ้นมา แน่ใจนะว่ารับผิดชอบไหว?” คำเหน็บแนมกระตุกต่อมโทสะของเลขานุการหนุ่ม ใต้ขอบตาดำคล้ำจัดเพราะอดหลับอดนอน สายตาคมปลาบละจากจอสี่เหลี่ยมในมือพร้อมแผ่รังสีอำมหิต “ผมไถ่โทษไปแล้วนะครับ ต้องการอะไรอีกไม่ทราบ?” “เปล่าค่ะ แค่พูดลอย ๆ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเฝ้าไข้ฉันเป็นอย่างดี” พูดแล้วก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าขอบคุณจริง ๆ หรือยังไงแน่ บรรยากาศอึมครึมบนโต๊ะรับประทานอาหารทำให้ปรายลดารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เออนี่แก... ตกลงเรื่องพี่ธามมันยังไง? สรุปว่าตอนนี้แกโสดใช่ป่ะ เลิกกันแล้วเหรอ?” หญิงสาวยอมเลิกราศึกปะทะสายตาอย่างดุเดือดกับคนที่นั่งอยู่ในฝั่งซ้าย จากที่นั่งหัวโต๊ะของเธอ ด้วยความตั้งใจว่าจะเอาคืนทีหลัง เพื่อหันไปตอบ “ทำไมล่ะ แกจะหัวเราะเยาะฉันหรือไง?” “เปล่าเลยนะปริม ใครจะกล้าไปหัวเราะเพื่อนกัน ฉันเห็นแกคบใครก็ไปไม่รอดสักคน คบ ๆ เลิก ๆ พี่ธามเขาเป็นคนดี ฉันว่าเขาไม่เหมาะสมกับแก แกมันร้ายกาจมาก” ตามด้วยเสียงหัวเราะหลังจากนั้น หยอกล้อกันเหมือนปรกติซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร นัชชาฉีกยิ้มกว้างตอบให้ยังยกมือไปแตะบ่ามนเบา ๆ “ขอบใจมากที่ชมว่าฉันร้ายกาจเพื่อนรัก ฉันคงเป็นอย่างที่แกว่าแหละ” รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าสะสวย ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว “เออ... ได้ยินว่าแม่บ้านแกหยุดเหรอ?” “อืม... มาพรุ่งนี้ มะรืนมั้ง ปรกติก็ไม่ได้มาทุกวันอยู่แล้วนะ เมื่อก่อนไม่ได้จ้างด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรให้ทำมากหรอก ฉันเก็บเอง” ปรายลดาลุกขึ้นหยิบจานและช้อนส้อมมาซ้อนเรียงกันหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ นัชชาจึงลุกขึ้นช่วยตามมารยาท ชำเลืองมองท้องที่เนินนูนขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้ “เออ... คนท้องนี่ต้องบำรุงเยอะ ๆ เนอะ ฉันหาซื้ออะไรให้หลานกินดีกว่า ไม่ได้ซื้อให้แกนะ ฉะนั้นต้องกิน” ความหวังดีของเพื่อนได้รับรอยยิ้มหวานจากคุณแม่ท้องอ่อนที่คงไม่ปฏิเสธน้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ซึ่งได้รับการไหว้วานจากเจ้านาย บางเรื่องอะไรอะลุ่มอล่วยได้ อลันไม่ได้จุกจิกไปเสียหมด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ปรเมษฐ์เลือกเลขานุการชาย บางครั้งเขายังไม่เกี่ยงงานเล็กงานน้อยแม้กระทั่งงานของผู้หญิง “เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง คนท้องควรจะพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ” “ค่ะ แหม... แต่ละคนเอาใจพุดจริง ๆ นะ” คุณแม่ที่กำลังคิดถึงสามีผลัดส่งยิ้มให้คนทั้งสอง โดยไม่ได้รู้ว่าเพื่อนรักมีแผนการบางอย่างแอบแฝง นัชชาไม่ได้จำได้แค่ว่ามีคนคอยป้อนข้าวป้อนยาเพียงอย่างเดียว ในครั้งแรกไร้สติสัมปชัญญะ ภาพเลือนรางของวงหน้าหล่อเหลา เม็ดยาขมเฝื่อนผ่านริมฝีปากนุ่มหนาที่มากับสัมผัสแสนอ่อนโยน พอตื่นนอนมาคงจะทำให้เกือบจะลืมมันไป หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาทำมันมากกว่าหนึ่งครั้ง! พอหยัดกายลุกขึ้นจากโต๊ะรับประทานอาหาร คุณแม่เดินหายเข้าครัวไป และอีกคนกำลังจะลุกตาม เธอรีบต่อสายหานายสารถีประจำบ้าน “ลุงวิทย์ว่างใช่ไหมคะ? ซื้อของตามรายการมาให้ปริมหน่อย มาส่งที่บ้านพุดนะ ร้านดังที่คุณแม่ชอบ กวาดมาให้หมดห้างเลยค่ะ ตังเอาที่แบร์นาร์ดนะ” “เกิดมาเป็นลูกคุณหนูมันดีจริง ๆ นะครับ” ไม่วายที่เขาจะหันหลังกลับมาพูดจิกกัด ก่อนได้รับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว “แน่นอน... ฉันคงจะต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียม First kiss ของฉันด้วยนะ ไม่มีของฟรีบนโลก เคยได้ยินเปล่า? คุณอลัน” “ไม่ยักรู้ ผมไม่ใช่คนไทย ผมเลยไม่ถือเรื่องพวกนี้” คนตอบไหวไหล่แล้วหมุนกายเดินจากไปด้วยท่าทีเฉยเมย หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความมั่นใจหายไปจากใบหน้า ขณะมองตามแผ่นหลังกว้างกำยำด้วยแววตาเป็นประกาย แน่นอนว่าอีปริมจะต้องเอาคืน!สถาปนิกหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปีกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องมาจากว่าปิ่นแก้วจำเป็นต้องหอบงานโปรเจคใหญ่จากฟิลิปปินส์กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว แต่ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ นัชชาสนิทสนมกับบ้านนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาล ก็ไม่แปลกที่เธอจะต้องรู้จักทั้งพ่อเลี้ยง และอดีตผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อย่างหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว ยังต้องติดต่อกันด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมปรเมษฐ์ถึงไม่หาทางปลีกตัวจากผู้หญิงร้ายกาจอย่าง ‘ปิ่นแก้ว’ แม้ปิ่นแก้วจะเคยเป็นเพื่อนคนสนิทในกลุ่มของปรเมษฐ์ จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไร้เดียงสา แต่จ้องจะแทงข้างหลังปรายลดาอยู่เสมอ ด้วยความอิจฉาอยากได้ความรักของเขาที่มีให้แค่ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ผีเห็นผี... มองตากันก็รู้ว่าอีกคนมีนิสัยยังไง ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาของเพื
“m-a-n-n-e-r แปลว่า มา-ระ-ยาด นะคะคุณฝรั่ง อยู่เมืองไทยมาก็นาน ฟังภาษาไทยเข้าใจไหม? คำว่ามารยาทน่ะ” เสียงหวานสะกดทีละคำทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ขนาดรอเรือยังออกเสียงควบกล้ำชัดเจน ฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมาสิบปี! แม่ของเขาก็เป็นคนไทยถึงเขาจะถือสัญชาติอเมริกัน ไม่ต่างจากโดนตอกหน้ายับเยิน ชายหนุ่มได้แต่ยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทั่งหญิงสาวอีกคนวิ่งตามมา “พี่ซื้อขนม น้ำมาฝากเรากับพ่อเลี้ยง มากินกับพี่ก่อนสิ พุทรา กินก่อนค่อยไป เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ” บนวงหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบที่ดูไม่แก่กว่าวัยฉาบด้วยรอยยิ้มที่คงไม่ต่างจากยาพิษ นัชชาเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ปรายลดาชะงักครู่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกเร่งเร้า “ไปเร็ว... ไปกินขนมกับพี่นะ” “ค่ะ พี่ปิ่น กินก่อนก็ได้ค่อยไป แก..” มือที่ยังจับกันไว้กระตุกเบา ๆ อีกคนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความคิดตรงกันว่าหากเข้าบ้านไปตอนนี้ ปรเมษฐ์คงเลิกรากับการทำงาน แล้วมาพาคนท้องไปโรงพยาบาลแทน เป็นเรื่องปรกติของผู้ใหญ่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนชอบที่จะซื้ออาหารมารับประทานร่วมกัน แม้แต่ปิ่นแก้วเองกับคนบ้านนู้นก็มากันอยู่บ่อย ๆ มีพักหลังมานี้ที่สถานะของเจ้าต
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินยอมให้แพทย์ทำการรักษา สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เ
พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตั
กลิ่นหอมอ่อนโชยผ่านโสตประสาทของคนป่วย ดวงตาของเขาเหมือนปะติดอยู่บนใบหน้าสะสวย ประดับความหวานไว้บนขนตาเป็นแพงอนงามเหนือนัยน์ตาสว่างใส “อืม... ก็เข้ากับหน้าตาดี ปากไม่ดีหน่อยพอให้อภัย” เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หญิงสาวตั้งใจทำงานแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวยแล้วยังใจดีใช่มะ?” “มั่นใจเหลือเกินนะครับ” “แน่นอน คนมันเกิดมาสวยนี่นะ” ตอบเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ผ้าในมือเริ่มร้อนเธอก็จะชุบน้ำแล้วบิดมันใหม่ ทุกแรงเช็ดทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ ไม่แรงไปแต่ก็ไม่เบาเสียจนไม่มีประโยชน์กับการเช็ดตัวเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ มันไม่มีประโยชน์เลยต่างหาก! กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’ คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาอาฆาตแค้นเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจ อลันได้สืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว เขารายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้ฝากให้ลูกพี่ลูกน้องแอบตามไป สัญชาตญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน “คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนู สี่วันสามคืนอยู่กินกันฉันผัวเมีย! นัชชาถึงปากร้ายไปสักหน่อยเธอกลับดูแลเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้ยันขับรถยนต์พาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ วันนี้ก็ยังเตรียมข้าวต้มอร่อย ๆ ไว้ให้เรียบร้อยโดยที่เขาไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเลยสักอย่าง เป็นธรรมดาที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย อยากให้เธออยู่ชวนทะเลา
ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องธรรมดาหากคนคบกันจะคบอีกคนหนึ่งไปด้วยในฐานะกิ๊ก คู่นอน หรืออะไรก็ตามแต่ เธอไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก[แล้วทีปริมล่ะ? ปริมจะหมั้นกับคนของแม่ปริม ปริมไม่บอกพี่สักคำ คุณอานนท์ นักธุรกิจคนดัง พ่อพี่ก็รู้จัก]“ปริมไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น ปริมไม่สน จะแม่หรือใครก็บังคับปริมไม่ได้” ถ้อยคำหนักแน่นบอกว่าเธอไม่มีวันยอมให้แม่มาคลุมถุงชน! ธามไทเองก็น่าจะรู้ว่าเธอมีนิสัยยังไง ความขุ่นเคืองใจของเขาจึงเบาบางลง[แล้วนี่... ปริมอยู่ไหนอ่ะ พี่ไปหาได้ไหม?]“ห้องพุด กำลังจะทำงานหญิงแย้มให้เสร็จ พุดมันดองงานมานานละ ปริมจะรีบทำรีบส่งไปสักที”[ให้พี่ช่วยเปล่า?]“ก็มาสิ แต่เจอกันข้างนอกนะคะ เกรงใจ ห้องเพื่อน”[ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรบอกพุทราเอง]ปลายสายวางไปไม่ทันให้เธอได้พูดอะไร นัชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จริง ๆ เลยนะพี่ธามนี่ เก็บกดจากยัยพุดมาหรือไง”ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่คบหากันแม้ว่าเขาจะจบการศึกษาไปก่อนแล้วนั้น ธามไทเป็นผู้ชายรุกหนักกว่าตอนคบหากับปรายลดาเป็นเท่าตัว เธอไม่ได้บอกหรือเล่าให้ใครฟัง... นัชชาได้รับสายอีกทีคือไม่ถึงสิบนาทีถัดมาว่าเขาจะมาหาถึงที่! ด้วยความหวังดีของเพื่อนที่คงอยากให้
ลูกสาวคนเดียวไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์! ไม่ส่งเสียงมาตามสายให้หายคิดถึง ทั้งที่เคยเห็นหน้ากันมาแต่ตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นสาวอายุยี่สิบเอ็ดย่างเข้ายี่สิบสองปี คนเป็นแม่หรือจะอยู่เฉยไหว “แบร์นาร์ด... นี่เลิกโกรธสักทีได้ไหม? ฉันกำลังคิดเรื่องที่คุณพูดนะ”“ก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมไม่ชอบมัน...” เสียงเข้มเอ่ยกับเจ้าของร่างบางในเดรสสีดำสนิทเข้ารูปทรงสมส่วนคุณแม่ยังสาว ถึงปีนี้เธอจะย่างเข้าสี่สิบห้าปีก็ไม่ดูแก่ขึ้นสักเท่าไรเลยเลขานุการหนุ่มทำตัวสบาย ๆ แต่งตัวสบาย ๆ กางเกงขาสั้นเสื้อยืดด้วยความที่หยุดงานมาเป็นอาทิตย์ ลาพักร้อนแต่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ใช้เวลาพักผ่อนอย่างคุ้มค่าในห้องชุดคอนโดมิเนียมของตัวเอง“อ้อ... ไม่ใช่สิ ผมไม่ควรเรียกว่าที่ลูกเขยของคุณนายว่ามัน ต้องเป็นคุณอานนท์... ผมไม่อยากบอกเลยจริง ๆ นะว่าเขาอยู่ในกรุ๊ปไลน์ FWB เพื่อนกันมันดี นอนกับผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนภายในหนึ่งอาทิตย์ คุณยังอยากได้มาเป็นลูกเขยไหม?”นิตยายืนนิ่งเงียบโดยที่เธอยังกำกุญแจห้อง สะพายกระเป๋าสไตล์คุณนายอยู่อย่างนั้น ทั้งโมโหทั้งน้อยใจ ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไป และเธอยิ่งโมโหอีกคนก็ทำไม่สนใจอะไรเลย หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ