มันจะมีสักกี่เหตุผลกัน? คิดแล้วก็แสร้งถามกลับอย่างนิ่ง ๆ
“ก็เรียนการตลาดนี่นะ คุณมาบอกอะไรตอนนี้ล่ะ?”
“ที่ผมไม่พูด เพราะคุณไม่เคยฟังไงครับ” เขายิ้ม เป็นยิ้มเย็นยะเยือกที่สุดเท่าที่รู้จักกันมา แบร์นาร์ดไม่สามารถก้าวก่ายในบางเรื่องได้ แต่ถ้าหากว่ามีโอกาสที่จะพูดแล้วละก็ เขาต้องปกป้องนัชชา...
“ปริมกำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของเธอ ถ้าคุณไม่รีบเอาเธอมายุ่งกับบริษัท ผมเชื่อว่าเธออยู่ของเธอได้ เดี๋ยวนี้เธอไม่ได้ใช้เงินฟุ้งเฟ้อมาก ผลการเรียนก็ดี เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจขายเสื้อผ้ากับเพื่อน คุณพุทราซื้อคอนโดฯ เป็นชื่อของตัวเอง เป็นเด็กปีสี่กันเองนะครับ”
ทั่วทั้งวงหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความชื่นชมประหนึ่งว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง ก่อนจะวกกลับเรื่องเดิม
“ผมไม่ไว้ใจนายนนท์... คุณป้อมจะยกลูกสาวให้เขาจริง ๆ?”
“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ... ฉันไม่อยากเห็นหน้ามัน ถ้ามันไม่ยอมหมั้นกับนายนนท์ให้ฉัน”
ความดื้อรั้นของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวฉายชัดออกมาทางสีหน้าและแววตา มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมสาวสวยรวยมากอย่างเธอไม่แต่งงานครั้งที่สอง ขณะที่เจ้าของร่างสูงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ
“คุณจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม? คุณป้อม”
“...”
“ผมขอลาพักร้อนสักพักแล้วกัน... ผมจะหาเลขาฯ เก่ง ๆ มาทำงานแทน รับรองว่าผมไม่เอาเด็กไม่เป็นงานมาให้กวนใจคุณ” ในน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าสดสวยของสาวใหญ่นิ่งเฉย หากแต่แฝงความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ในดวงตาคู่สวยเอ่อคลอ
กระทั่งวินาทีที่เขาจ้องมองมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะหมุนกายจากไป ทิ้งเธอไว้ในห้องลำพัง
เสียงประตูที่ปิดลงเบา ๆ พาเจ้าของร่างบางในห้องโล่งกว้างได้แต่ยืนกัดฟันแน่น ตัวสั่นเทาเพราะความโกรธ ข้าวของบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ทั้งปาก สมุด ที่วางทับกระดาษลอยไปกระแทกเข้ากับประตูตามแรงโทสะ
“ไอ้เลขาฯ บ้า! ไอ้ผู้ชายเฮ็งซวย เข้าข้างกันดีนัก อยากไปไหนก็ไป จะลาพักร้อนแม่งครึ่งปี ก็เรื่องของมึง!” เสียงตวาดกร้าวตามไล่หลังไป กว่าที่เธอจะสงบสติอารมณ์ได้ ต้องใช้เวลาพักใหญ่กับการนั่งนิ่ง ๆ บนโซฟา
นิตยาได้แต่หวังว่าตัวเธอคงไม่กลับไปเป็นแม่ค้าปากตลาดเหมือนในสมัยที่ยังเป็นขายปลาในตลาดสด เมื่อทุกวันนี้เธอผ่านจุด ๆ นั้นมานานมากเสียจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วว่าความจนคืออะไร
และถึงจะโกรธลูกสาวสักแค่ไหน เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเป็นแม่จะไม่คิดว่านัชชากลายเป็นเด็กนิสัยเสียเพราะเติบโตมากับแม่ซึ่งเป็นคนโมโหร้าย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างเธอ!
-------------------------------
ในรุ่งเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่า นัยน์สีฟ้าครามเข้มเบิกโพล่งสะดุ้งตื่นจากนิทรา พลันผลักผ้านวมหนาที่คลุมห่มตัวอยู่อย่างงุนงง เมื่อคืนที่หลับไปทั้งชุดทำงานเขาไม่ได้หยิบจับอะไรสักอย่าง ผ้าห่มลายตุ๊กตาน่ารักจะเป็นฝีมือใครหากไม่ใช่เมียเจ้าของบ้าน!
ร่างสูงในเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นดังจากข้างหมอน สายจากปรเมษฐ์โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบของลูกเมีย และงานเฝ้าของเขาว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมส่งข่าวมาว่ากำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ตื่นเต็มตาได้ไม่ยาก
ทว่าพอวางสายจากเจ้านายหนุ่ม อลันมีความคิดบางอย่างเมื่อเหลือบมองตามบันไดทางขึ้นไปชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาอบอุ่น
ทำไมบ้านเงียบ? พุทราก็ไม่มาเรียกเขาสักคำ
เพราะนิสัยของปรายลดาเป็นคนช่างห่วง ยังดูแลทุกคนรอบตัวเป็นอย่างดี เขาไม่ลังเลที่จะถือวิสาสะบุกห้องนอนตามหน้าที่ ก้าวขายาว ๆ เหยียบย่องขึ้นบันไดไป
ชั้นสองมีสามห้องนอน ห้องโถงกลาง และห้องนอนสำหรับเล่นสนุกซุกซนของเจ้านาย ซึ่งคนเป็นเลขาฯ มานานถึงสิบปีต้องรู้ความลับเรื่องรสนิยมทางเพศของปรเมษฐ์เป็นอย่างดี ถึงเจ้าตัวจะเลิกราจากคู่ขาประหลาด ๆ ไปเพราะความรักในตัวลูกเลี้ยง
ห้องนอนห้องในสุดของชั้น ประตูสีดำสลับขาวเปิดอ้าไว้ทำให้เขาต้องถือวิสาสะผลักลูกบิดเบา ๆ เข้าไป สัญชาตญาณบอกได้ในทันทีว่าปรายลดาคิดแผนบางอย่างไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยิ่งพอพบว่าบนเตียงนอนเหลืออยู่เพียงผ้านวมหนาก้อนม้วนกลม
เสียงไอค่อกแค่กหลุดมาเป็นระยะ ขณะปลายเท้าหนาหยุดอยู่ข้างเตียง ก้มหน้าลงมองกระดาษใบเล็ก ๆ ที่หญิงสาวเขียนทิ้งไว้
[ไปซื้อยาให้ปริม ปริมไม่สบาย... จะรีบกลับ]
“Damn!” คำสบถหลุดรอดมาจากหนุ่มบราซิลที่กำลังจะกลายร่างเป็นพวกหัวรุนแรง แน่ว่าตระกูลแบรดฟอร์ดตั้งแต่รุ่นทวด ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เลขาฯ
ประกายโทสะปะทุขึ้นในแววตาคู่สีฟ้าคราม ฉับพลันกับที่ความคั่งแค้นทั้งเก่าและใหม่พุ่งขึ้นมา อลันไม่คิดว่าปรายลดาจะไปซื้อยา แต่ไปหาปองกานต์ต่างหาก!
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ นังตัวดี!” เสียงตวาดกร้าวดัง มือหนากระชากผ้านวมจากคนที่ซุกกอดมันอยู่อย่างหวงแหน แต่เป็นเพราะความหนาวจับใจ ร่างสั่นเทายกสองมือกอบกุมตัวเองแล้วห่อไหล่ลีบเล็ก
“ไม่ลุกใช่ไหม...?” เสียงขู่ฟ่อผ่านไรฟัน ร่างสูงกระโจนกายข้ามผ่านเตียงนอนไปในอีกฝั่ง เพื่อหยิบอ่างใบเล็ก ๆ ที่ลอยน้ำอยู่บนโต๊ะหัวเตียงเทสาดลงไปบนที่นอนด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
น้ำเย็นตามอุณหภูมิห้องและผ้าขนหนูบนกายไม่ต่างจากน้ำร้อนดี ๆ คนหลับอย่างไรก็ต้องตื่น ในสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดทำให้ดวงตาคู่สวยหรี่มองภาพพร่าเลือนตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ผมจะถามครั้งเดียว... เพื่อนคุณอยู่ที่ไหน?”
“หนาว... ผ้าห่ม...” เสียงตะกุกตะกักกระซิบบอกผู้ชายตัวโตที่ไม่มีวี่แววส่งของให้ตามคำขอ ชุดกระโปรงนอนเปียกโชกชุ่มแนบไปกับเรือนกายผุดผ่อง
อาการนิ่งเงียบบนใบหน้าเย็นยะเยือกเป็นคำตอบได้อย่างดี เมื่อคำสั่งของเจ้านายทุกคำสั่งนับเป็นคำขาดกับอลัน แบรดฟอร์ด เลขาฯ ผู้ไม่เคยทำงานพลาด!
ร่างสูงตวัดกายออกจากห้องไปอย่างไม่แยแสคนข้างหลัง เพื่อหยิบโทรศัพท์บนโซฟาข้างล่าง ขณะที่ยังพยายามสงบสติอารมณ์ในทุกย่างก้าวเดิน คว้าโทรศัพท์กดเบอร์ซึ่งคนปลายสายแทบจะรับในทันที
“อยู่ไหนครับ?” [ร้านขายยา... รถติดมาก ประมาณชั่วโมงนะคุณอลัน ขอโทษที่ไม่ได้บอกค่ะ ปริมไม่สบายมาก แบตจะหมดแล้ว แค่นี้ก่อนนะ] “พุด...” สายที่ตัดไปทำชายหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย มือเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาจึงใช้ความคิดว่าควรไปตามหาปรายลดาที่ไหน หรือควรรอก่อนสักหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ผ้าสีขาวกับอ่างใบเล็ก ๆ ด้วยฝีมือของเขายังคงกองอยู่ตรงปลายเตียงที่เดิม ใบหน้าสดสวยซีดเซียวปิดตาสนิทแน่นจนหัวคิ้วผูกกัน ริมฝีปากสีขาวซีดสั่นจนกรามกระทบ ดูอย่างไรแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนแกล้งป่วย กว่าจะคิดได้ว่าเขาควรติดต่อปรายลดาก่อนสาดน้ำใส่คนในห้องอย่างนั้น ก็ตอนไล่สายตาไปตามเสื้อผ้าเปียกโชกชุ่ม สองแขนของเธอกอดกุมตัวเองแน่น นอนตัวขดงอ จนหน้าอกทะลักออกมาตามซอกแขน ภายใต้ชุดสีชมพูหวานแนบเนื้อติดสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน เขาแน่ใจว่าข้างในเปลือยเปล่าไม่มีชั้นในสักชิ้น อลันลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นทุกอย่างเต็มสองตา เด็กปากดีทำไมโตมานมใหญ่ขนาดนี้วะ! เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด แล้วนี่... เขาจะทำยังไงต่อ?
เป็นโชคดีที่ปรายลดากลับมาในอีกไม่นาน ไม่ได้เถลไถลที่ไหน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ทว่าก้าวแรกที่เหยียบห้องนอนแขกพร้อมถุงพลาสติกใบเล็กเต็มไปด้วยยา หลังจากที่หาอยู่ว่าเพื่อนไปไหน “อ้าว... ทำไม... มานอนห้องนี้ล่ะคะ?” คำถามเต็มวงหน้าสดสวยที่ก้มลงมองสภาพของคนทั้งสอง ผมสีน้ำตาลเปียกชุ่มลู่ไปกับหน้าซีดขาวราวกระดาษ ตัวม้วนอยู่ในผ้าห่มเป็นหนอนดักแด้ อลันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ตะกุกตะกักเอ่ย “ผม... ทำน้ำหกใส่เธอครับ” “คุณอลันนี่นะจริง ๆ เลย ใครทำก็ช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ” บ่นพลางหยุดยืนท้าวเอวเอาเรื่อง เธอไม่เชื่อหรอกว่าเพื่อนไม่ได้โดนแกล้ง “ครับ ผมต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ” “ได้ช่วยแน่ ๆ ค่ะ เตียงฉันนี่เปียกชุ่ม น้ำมันวางอยู่ข้าง ๆ มันจะหกลงที่นอนได้ยังไง แล้วทำไมเสื้อคุณอลันถึงได้เปียกไปด้วย?” “เธอ... ตกใจอะไรไม่รู้ มากอดผม” คนตอบลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าเขาทำอะไร ขณะดวงตาคู่สวยหรี่เล็กจนเหยียดตรง เหมือนจะเอาคำตอบใหม่แต่กลับเอ่ยไล่ “ออกไปก่อน ฉันจะเช็ดตัวให้ปริม” “อ้อ... ครับ” เสียงทุ้มตอบอย่างเก้อเขิ
“เออ... ได้ยินว่าแม่บ้านแกหยุดเหรอ?” “อืม... มาพรุ่งนี้ มะรืนมั้ง ปรกติก็ไม่ได้มาทุกวันอยู่แล้วนะ เมื่อก่อนไม่ได้จ้างด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรให้ทำมากหรอก ฉันเก็บเอง” ปรายลดาลุกขึ้นหยิบจานและช้อนส้อมมาซ้อนเรียงกันหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ นัชชาจึงลุกขึ้นช่วยตามมารยาท ชำเลืองมองท้องที่เนินนูนขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้ “เออ... คนท้องนี่ต้องบำรุงเยอะ ๆ เนอะ ฉันหาซื้ออะไรให้หลานกินดีกว่า ไม่ได้ซื้อให้แกนะ ฉะนั้นต้องกิน” ความหวังดีของเพื่อนได้รับรอยยิ้มหวานจากคุณแม่ท้องอ่อนที่คงไม่ปฏิเสธน้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ซึ่งได้รับการไหว้วานจากเจ้านาย บางเรื่องอะไรอะลุ่มอล่วยได้ อลันไม่ได้จุกจิกไปเสียหมด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ปรเมษฐ์เลือกเลขานุการชาย บางครั้งเขายังไม่เกี่ยงงานเล็กงานน้อยแม้กระทั่งงานของผู้หญิง “เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง คนท้องควรจะพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ” “ค่ะ แหม... แต่ละคนเอาใจพุดจริง ๆ นะ” คุณแม่ที่กำลังคิดถึงสามีผลัดส่งยิ้มให้คนทั้งสอง โดยไม่ได้รู้ว่าเพื่อนรักมีแผนการบางอย่างแอบแฝง นัชชาไม่ได้จำได้แค
“ลูกพี่นะ ปริม ทำไมปริมต้องไป?” ปรเมษฐ์แย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย มือเปรอะเปื้อนยังคงกำดินสอ หลุบตามองสองมือเรียวที่กอบกุมกันอยู่ ด้วยความรู้สึกเจ็บจุกประหลาด เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้ทำหน้าที่พ่อเลย “ก็เห็นว่ายุ่งนี่คะ... ปริมว่าง ปริมอยากดูแลคนท้องคนไส้ แม่พุดกับลูกสำคัญที่สุดกับปริมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ ปริมจะดูแลคุณแม่พุทราอย่างดี” คำพูดของนัชชาเหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ไม่รู้ว่าภรรยาฝากท้องที่โรงพยาบาลไหนด้วยซ้ำ พอเลื่อนสายตามองไปยังอีกคนที่มีสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ “เราสองคนน่ะ มีเรื่องอะไรปิดบังพี่อีกหรือเปล่า? อย่ามาประชดพี่นะ ที่พี่ทำงานงก ๆ นี่ก็ตั้งใจจะหาเงินให้ลูก” “ปริมไม่เคยมีเรื่องปิดบังอะไรใครอยู่แล้ว หมอบอกว่าวันนี้ควรจะไป หมอย้ำว่าสำคัญมาก! ใช่ไหมพุด?” ปลายเสียงบอกคนข้างกายที่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้วแล้วเออออตาม “นั่นสิ... ถ้าแกไม่เตือนฉันคงลืมไปแล้วแน่ ๆ ขอบใจนะเพื่อน อุตส่าห์ดูตารางคนท้องให้ด้วย น่ารักที่สุดเนี่ย ยัยปริม” ว่าแล้วก็บีบแก้มขาวนวลเล่น เหมือนที่หยอกก
ปิ่นแก้วจึงจงเกลียดจงชังหญิงสาวเป็นเท่าทวี พอสองหนุ่มรับอาสาหน้าที่ไปหยิบจานมาใส่อาหาร ถุงหลายใบบนโต๊ะกับขนมที่มีภาชนะห่อหุ้มของมันอยู่แล้วถูกแกะออกวางพร้อมรอยยิ้ม “แม่อนงค์ล่ะ? พุด ชวนแม่มากินข้าว กินขนมด้วยกันเปล่า?” “หน้าใส ใจดี ไม่มีกาลเทศะ ออ... นิยายเรื่องใหม่นี่ พุด แกได้อ่านป่ะ?” บางคนจงใจกัดสีหน้าแย้มยิ้มของปิ่นแก้ว แต่เพียงไม่นาน นัชชาก็ทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรไป ยังเลียนแบบท่าทางไร้เดียงสา “อุ๊ย... ขนมของพี่ปิ่นน่าทานมากเลยค่ะ เนอะพุทรา” น้ำเสียงแสนไพเราะอ่อนหวานน่าจะเป็นน้ำเสียงของปรายลดาเสียมากกว่าทำเอาชายหนุ่มสองคนที่วางจานหลายใบลงบนโต๊ะกระจกในห้องรับแขกกว้างขวาง คิ้วขมวดมุ่นไปตามกัน ใคร ๆ ก็เห็นอยู่ว่านัชชาชอบจิกชอบกัดเป็นชีวิตจิตใจ “น่ากินจริง ๆ เรอะ ไม่ใช่ว่าประชด?” “จริงสิคะ คุณอลัน ทำไมเห็นปริมเป็นคนขี้ประชดไปได้ล่ะ?” เธอหันไปบอกร่างสูงในเสื้อยืด กางเกงยีนเท่ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ปรายลดาสะกิดมือเพื่อนสาวข้าง ๆ กันให้สงบปากสงบคำ หยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะยกขึ้นจรดสายตาไว้ในท่าทีว่าจะกินก็ไม่กิ
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินย
“ให้พยาบาลสาว ๆ ดูแลไปก่อนนะคะ รับรองว่าไม่เกินสิบห้านาที หื่นนิดก็อดทนหน่อย เดี๋ยวน้องปริมจะรีบมาเฝ้าคุณอลันเนอะ” สองหญิงสาวโบกมือลาคนป่วยก่อนเดินออกจากห้องไป อลันถึงหงุดหงิดผู้หญิงช่างกวนประสาทสักแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พริ้มตาปิดลงหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะฤทธิ์ยา ------------------------------- “หน็อย... นังเด็กบ้า!” เสียงตวาดกร้าวดัง มือทุบพวงมาลัยในรถยนต์ที่คนขับเหยียบคันเร่งแรงตามอารมณ์ ผ่านความมืดสลัวของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน น้ำตานองแก้มแดงก่ำบนใบหน้าสดสวยเพราะความโกรธและเสียใจ ปิ่นแก้วคบ ๆ เลิก ๆ กับปรเมษฐ์มาตั้งแต่เรียนจบ หล่อนเคยที่จะเข้าออกบ้านได้ตลอดเหมือนเป็นญาติมิตรกันอีกคนหนึ่ง เคยนอนกกกอดทำเรื่องสนุก ๆ อยู่บนเตียงของเขา จนกระทั่งเขาปฏิเสธที่จะอยู่ในฐานะคู่นอน และคงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไว้ เพราะหัวใจมีแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียวมาตลอด ‘ปิ่น... ผมจำเป็นต้องเลิกคบกับคุณนะ แล้วที่คุณเจตนาทำร้ายครอบครัวผม เตรียมทนายเอาไว้ด้วยล่ะ’ นั่นคือข้อความหลังจากที่เธอปิดเครื่องไป ด้วยกลัวความผิดอันสั่งสมมาจากความริษยา
อลันเป็นคนจู้จี้จุกจิก น่ารำคาญในนอกเวลางาน อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ทั้งที่ยังไม่เข้าวัยทอง เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนว่าง่าย น้องชายห่าง ๆ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องยังขยาดเขาทุกคน ถึงขั้นว่าเจอกันนาน ๆ ครั้งดีกว่าหากไม่ได้มีธุระเรื่องงาน ก็ไม่คิดว่าจะมีใครทนเขาไหว ยิ่งตอนนี้ที่ความร้อนพลุ่งพล่านเหมือนวัวตัวผู้กลัดมัน ถึงหมอจะให้ยา และน้ำเกลือยังช่วยชะล้างสารตกค้างในร่างกาย ไม่รวมพิษไข้ที่พอจะบรรเทาอาการหื่นลงบ้าง! เสื้อยืดสีขาวเข้ารูปธรรมดา ๆ โค้งเว้าเข้าสัดส่วนนมเป็นนม เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด ของเจ้าของร่างเย้ายวนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมช้อนข้าว มีผู้หญิงสวย ๆ มาบริการถึงที่แบบนี้ เขาคงอยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวต้ม... มือเล็กบรรจงจับช้อนส่งให้ถึงปาก คนป่วยไข้สูงกว่าสามสิบแปดองศาเลยเจริญอาหารแม้ว่ารสชาติมันจืดชืดอย่างบางคนว่า กระทั่งมันหมดไม่มีเหลือ เขารับประทานยาครบทุกเม็ดพร้อมดื่มน้ำตาม และก็ยังมีคนคอยป้อน! แก้วที่วางลงพร้อมหน้าที่ที่ทำได้เป็นอย่างดีจึงได้รับคำชมเชย “ขอบคุณนะ ปริม... หาอะไรทานซะด้วยล่ะ” “ฉันไม่กินข้าวเย็น ก
อลันไม่ได้กลับไปทำงานกับเจ้านายเก่าอย่างปรเมษฐ์ เมื่อคุณนายนิตยาไม่ยอม หล่อนรั้งเขาไว้ด้วยคำว่าจะไม่ยกลูกสาวให้คำเดียว เขาจึงต้องลาออกเป็นการถาวรแต่ส่งน้องชายคือเจมส์ไปฝึกงานเลขาฯ แทนชีวิตแต่งงานเรียบง่ายที่มีความสุขในทุก ๆ วัน จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะความเอาแต่ใจประสาเด็กสาว หรือเรื่องความขี้หึงของอลันมาถึงจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย ผ่านด่านตรวจคนเข้ามาเมืองมาอย่างง่ายดาย คนเป็นสามีก็ทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว เรียกรถแท็กซี่ บอกทางที่จะไปด้วยภาษาท้องถิ่น ช่วยคนขับรถเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างหลัง“พี่พูดได้กี่ภาษาอ่ะ? ทำไมปริมไม่เคยถามพี่เลยนะ” เสียงหวานบ่นถามทั้งตัวเองและคนที่ปิดประตูนั่งตามในที่นั่งข้างหลัง“ภาษาไทย... โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษครับที่รัก...”ความสนิทสนมกันเกินไป มีบางอย่างที่ไม่รู้... หญิงสาวชะงักนิ่งไปหลังนับนิ้วจนครบว่าไม่ผิดแน่“ตั้งห้า... ภาษา แล้วปริมเคยว่า...” เธอหน้าตาตะลึงมองเขาที่แค่ยิ้มกับคำดูถูกคราแรกพบหน้ากัน แน่ว่าอลันจำมันได้แม่น!‘เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ด หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา...’“ตอนสักอายุสิบห้า พ่อแม่พี่ไม่ค่อยว่าง พี่กลับมาอยู่บราซิลกับ
“ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง...”สองหนุ่มสาวกอดกันตัวกลม สองหนุ่มบอร์ดี้การ์ดมองหน้ากันก็ตรงไปสะสางเรื่องให้เรียบร้อย เจ้าของห้องที่ใบหน้าลำคอเต็มไปด้วยรอยข่วนไม่ได้หนีหรือมีท่าทีหวาดกลัวอานนท์เป็นคนส่งการ์ดกุญแจห้องให้เธอเดินออกไปเฉย ๆ และแค่มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดชายอื่นด้วยแววตาเศร้าหมองจนเธอจากไป-------------------------------เรื่องวุ่นวายทั้งหมดถึงหูคุณนายที่มารออยู่ข้างล่างเพนเฮ้าส์ของนายอานนท์พร้อมกับแบร์นาร์ดนิตยาเพิ่งรู้ว่าลูกสาวมีปัญหากับปิ่นแก้ว ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกิดการทำร้ายร่างกาย คุณแม่ที่กำลังเกรี้ยวโกรธจึงส่งทนาย โทรบอกพวกพ้องให้จัดการกับคนผิดอย่างถึงที่สุดนัชชาไม่ใช่เด็กที่จะร้องไห้เพราะความกลัว แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาเช่นนั้นวันนี้เธอแค่ทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่อ้อนกอดผู้ชายตัวโต ให้เขาต้องอุ้มขึ้นรถในที่นั่งข้างหลัง ในสายตาของหลายคนรวมถึงพ่อแม่คงไม่ขัดหรือห้ามปราม เพราะคงจะห้ามกันไม่ได้กับการที่คุณหนูของบ้าน โตเป็นสาว ได้ตกหลุมผู้ชายสักคนหัวปักหัวปำเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำแล่นฉลิวในความเงียบ มีโอกาสได้นั่งกันตามลำพังข้า
ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าตัวต้นเหตุยังวนเวียนอยู่แถวนี้ หลังจากที่เขาขับรถมาสมทบกับเจมส์ ยังมีบอร์ดี้การ์ดนอกเครื่องแบบอีกสองคน ตามคำสั่งของคุณนายว่าให้เฝ้าลูกสาวไว้ “พวกสวะน่ะพอได้ ตำรวจต้องการตัวอยู่แล้ว ซัดทอดความผิดไปว่าเก็บกันเอง ขัดผลประโยชน์ แต่คุณนักธุรกิจคนดังคนนั้น ใจเย็น ๆ หน่อย” “อย่างมากก็กลับไปอยู่บราซิล...” พูดจบก็เหน็บอาวุธไว้ด้านหลัง ก่อนลงจากรถยนต์อย่างไม่รอช้า แน่นอนว่าเขาจะใช้มันในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ถุงมือถักทอด้วยเส้นใยโพลีเอสเทอร์บางละเอียด ใช้กับงานที่ป้องกันคราบเหงื่อและรอยนิ้วมือจะทำให้เขาไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ถูกสวมทีละข้าง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉย ลอบมองซ้ายขวามือกระตุกหมวกแก้ปให้ปกใบหน้าลงมาเล็กน้อย เปลวไฟในดวงตาคู่คมสีฟ้าครามลุกโชน จับจ้องอยู่กับรถยนต์สีดำอีกสองคันถัดไป คนขับนั้นเป็นพี่น้องห่าง ๆ หน้าตา ความสูง และรูปร่างเป็นล่ำสันใกล้เคียงกันกับเขา สองคนข้างหลังที่เพิ่งจะขึ้นรถไปต่างหากคือเป้าหมาย... ------------------------------- สิ่งที่นัชชาไม่ต้องการมากที่สุด คือความเจ
“พี่ให้โอกาสน้องขอโทษน้องสาวพี่แล้วนะคะน้องปริม แต่น้องยังทำปากดี ช่วยไม่ได้”แทนที่นัชชาจะกลัว กลับแค่นหัวเราะ “ฮึ! แกคิดดีแล้วเหรอ? ที่มายุ่งฉันน่ะ”“ไม่ได้ยุ่ง แค่มาเป็นกามเทพ... กับเป็นเพื่อนเจ้าสาว พี่คงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า” เสียงหัวเราะดัง ยกมือขึ้นป้องปากด้วยท่าทางเสแสร้ง ความคับแค้นใจสะท้อนขึ้นในแววตากร้าวของนัชชา หยัดกายลุกขึ้นนั่งในท่าเตรียมพร้อมปะทะ!“ฉันว่าแกควรไปพบจิตแพทย์นะนังปิ่น ไม่ก็หัดเข้าวัดเข้าวาซะบ้าง ผู้ชายเขาไม่เอาทำพาลไปทั่ว รับรองได้ว่าแม่ฉันเอาเรื่องแกแน่ ๆ” เสียงขู่ฟ่อหลุดรอดจากไรฟัน หญิงสาวอีกคนก็ขยับก้าวช้า ๆ มาหยุดลงข้างเตียงอย่างท้าทาย“แม่น้องไม่เอาเรื่องพี่หรอก... ดีเสียอีก... พี่มาช่วยให้เรื่องมัน Happy ending พี่ไม่ได้มาฆ่าใคร ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราเลยนะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของปิ่นแก้วแม้กระการแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องของคนกันเองตามปากว่าเป็นความสะใจล้วน ๆ ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แลัวนังเด็กปากดี! ยังไปเอาเรื่องปานทิพย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยความคิดแค้นของปิ่นแก้วไม่น้อยไปกว่านัชชา ดวงตาคู่สวยคมฟาด
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในเชิ้ตสีดำสนิทนั่งตัวเกร็ง มือกุมพวงมาลัยแน่น เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิปรกติในรถให้ความรู้สึกเย็นยะเยียบ เขาจึงต้องกดปลายเท้าเหยียบลงอีก เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น“ขับช้า ๆ หน่อยสิคุณอลัน จะรีบไปไหนกัน บ้านฉันก็อยู่แค่นี้” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าละจากแท็บเล็ตในมือ สารถีประจำตัวก็ลดความเร็วลงเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญหลายวันมานี้เขาเหนื่อยหน่ายกับการพูดเรื่องเดิม ๆ คือมาขอลูกสาว เมื่อคุณนายนิตยาทำเป็นไม่สนใจยังให้เหตุผลว่าลูกสาวของหล่อนเด็กเกินจะมีครอบครัว“ลูกปริม... มีเงินใช้หรือเปล่า?”“ปริมหาเงินใช้เอง แต่ถ้าวันไหนไม่มีหรือไม่พอ ผมไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก ผมโอนไวครับ”เมีย ย้ำชัดหนักแน่น คนข้างหลังปิดตาลงเพื่อสะกดกลั้นความโกรธ ก่อนจะเหน็บแนมด้วยถ้อยคำร้ายกาจ“ทรัพย์สมบัติพ่อ ทำไมไม่เอาไปลงทุน จะรอแต่งงานกับผู้หญิงไทยเอากรีนการ์ดค่อยกว้านซื้อที่ดินหรือว่ายังไง?”“ผมจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? ผมไม่ได้อยากได้สัญชาติไทย เลิกให้คนไปสืบเรื่องของผมนะครับคุณนาย ที่ดินที่ผมไปดูมาคือเรือนหอของผมกับปริม ผมจะให้เธอเลือกเองว่าอยากได้บ้านแบบไหน”“แบร์นาร์ดบอกฉัน
ความสัมพันธ์อันดีของเขาจบลงที่การปล่อยมือจากสาวร้อนแรงอย่างปิ่นแก้ว ไม่ว่าเป็นใครก็คงจะต้องเสียดายอยู่ อานนท์คิดว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า“รอบนี้แกรับเสื้อมาจากจีนกี่กระสอบอ่ะ? ฉันต้องหุ้นกับแกเท่าไร” พูดไปพร้อม ๆ กับที่จดขยุกขยิกลงในโทรศัพท์ขนาดพอดีมือ สีหน้าจริงจังของนัชชาคงเฉพาะเวลาเรียน และธุรกิจเล็ก ๆ ของเธอกับเพื่อนสาวปรายลดาเป็นคนริเริ่มร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นในคราวแรก สุดท้ายก็ทำคนเดียวไม่ไหว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ท้องโตมากจนเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวไปมา คราวเด็กน้อยในท้องถีบแขนถีบขา อีกไม่ถึงสองเดือนคลอดลูกแล้วคงจะได้ยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้“ชุดนอนแขนสั้น กางเกงผ้าฝ้าย แจ็คเก็ตยีน อย่างละสามกระสอบ พวกงานลิขสิทธิ์เก็บไว้ก่อน ล่อซื้อเยอะไม่อยากเสี่ยง ทั้งหมดเท่าไรแกคิดเลย”กองเสื้อผ้าตรงหน้ามีที่ขายไม่ออก ตัวไหนขายดีปรายลดาก็จะสั่งมาอีกเป็นล็อต ๆในห้องพักแบ่งแยกเป็นสัดส่วน ห้องสตูดิโอของคอนโดมิเนียมกลายเป็นที่เก็บเสื้อผ้านับพันตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างคนมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปเสียเงินเช่าห้องเก็บเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ด้วยค่าเช่าหลักครึ่งแสนต่อเดือนในเมื่อห้องนี้ก็ไม
“งานหมั้นเหรอ... น้ายกเลิกไปเพราะอะไรรู้ไหม?” ถามพลางยกมือป้องปากหัวเราะเป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนที่จะพิงแผ่นหลังบนเก้าอี้มีพนักของผู้บริหาร ใบหน้าสดสวยฉาบประกายเย็นยะเยือก“น้าไม่อยากให้ลูกสาวติดโรค เพราะไปคลุกคลีกับพวกมักมากในกาม เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย”“ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ... มีกินเล็กกินน้อยบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่ผมจริงจังกับน้องปริม ถ้าผมหมั้นกับน้อง ผมจะไม่มีใครอีกทั้งนั้น” คนที่มีสีหน้าเข้มเครียดมาเพื่อแก้ความเข้าใจผิด อานนท์ไปพูดกับผู้ใหญ่ให้กลับมาคุยกับนิตยาอีกครั้ง ทว่าหล่อนก็ทำเป็นเมินเฉยจนเขาต้องเข้ามายืนทนโท่อยู่ตรงนี้“ลูกสาวน้าคบอยู่กับทายาทซีเพิร์ลจ้ะ น้าต้องขอโทษด้วย เราคงไม่อยากให้พ่อมีปัญหาเนอะ” เป็นข้ออ้างของคนฉลาดกว่า ชายหนุ่มในชุดสูทหล่อเหลาที่ยืนอยู่ในฝั่งตรงข้ามกันจึงเลิกคิ้วขึ้น“อะไรนะครับ? คุณน้า ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องหุ้นของพ่อ... คุณน้าอย่าลืมสิครับ ผมเป็นนักธุรกิจ ทำงานหาเงินใช้เอง”“ไม่ได้ลืม แค่เตือนด้วยความหวังดี ในฐานะคนทำงานมานานกว่า เรื่องผลประโยชน์ครอบครัวมันควรจะต้องมาก่อนตั้งตัวได้อย่างน้านะ นนท์” สีหน้าของนักธุรกิจสาวรุ่นแม่เต็มเปี่ยมไปด้ว
ร่างกำยำส่งแรงกระแทกแต่ละครั้งหนักหน่วงจนศีรษะกระทบเข้ากับหมอนที่รองรับอยู่บนหัวเตียง ประกายเร่าร้อนดิบเถื่อนฉายออกมาทางแววตา“อ๊า... อื้ม... อลัน เอาแรง ๆ อีก...” คนบ่นสั่งสูดลมเข้าปากอย่างซ่านสยิว ราวกับว่าร่างกายปรับเปลี่ยนขนาดไปเองตามธรรมชาติสรรค์สร้าง ร่องทางรักขยายตัวอย่างเหมาะสม ปลดปล่อยและดูดดึงมันกลับเข้าสู่กลางกาย ร่างบางบิดเร่าแอ่นเอวรับทุกอย่างที่เป็นเขา ส่งเสียงครางหวานในสีหน้ายุ่งเหยิง ไม่ต่างจากว่าเธอได้กลายเป็นทาสบำเรอกามของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ“อลัน...! ปริมจะเสร็จ... อ๊า... อีกนิด... เร็ว ๆ!” เธอส่งเสียงหวีดร้องก่อนยกมือขึ้นปิดป้องปากไว้ ด้วยความเกรงใจห้องข้าง ๆ จังหวะเร่งเร้าของบุรุษผู้พกพาความร้อนแรงมาชนิดจัดเต็ม ไม่มีพักหรือหยุดสักนาที สวรรค์ของเธออาจอยู่ใกล้กว่าขณะที่อีกคนไม่ได้ทำตามคำขอ หยุดพื้นพรมอันสวยงามเบื้องหน้าให้ชะงักนิ่งบางครั้งอลันก็ชอบที่จะแกล้งเธออย่างนั้น เขามักพาเธอไปแค่ครึ่งทางก่อนค่อยบรรเลงบทเรียนสวาทต่อ ให้มันเป็นไปอย่างช้า ๆ อย่างดุเดือดเลือดร้อน...มือหนาตะปบเข้าท้ายทอยน้อย จับพลิกให้นอนคว่ำหน้าโดยไม่ปล่อยให้ส่วนสอดสวมกันหลุดออก แม้ว่ามันจะลื่
ร่างสูงโน้มตัวลงประกบลงบนเรียวปากอิ่มงาม ขณะที่เธอตอบรับจุมพิตหวานฉ่ำ เลื่อนมือขึ้นล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา แม้ว่าเขาจะยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมืออาชีพที่พลอดรักกันได้ทุกเช้าเย็นปากอุ่นนุ่มเผยอเชื้อเชิญให้เธอเป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นน้อยเข้าหาความหวาน จากนั้นปลายลิ้นหนาก็กระหวัดเกี่ยวอย่างช่ำชองงานงานที่นัชชาทำได้ดีที่สุดและได้รับคำชมเชยจากครูผู้สอนเสมอคือจูบ... หากว่าเป็นเรื่องอย่างอื่นแล้วคนฉลาดหัวไว ผ่านการดูอะไรต่อมิอะไรมามาก เทียบไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของคู่ขาในอดีตของอลัน ทว่าเขากลับเสพย์ติดเรือนร่างนิ่มนวลนี้มากที่สุด เสพย์ติดทุกอย่างที่เป็นเธอผ่านริมฝีปากนุ่มละมุนคราวขยับอย่างเป็นผู้นำให้อีกคนเผยอรั้งปากตาม ชายหนุ่มคอยแต่จะแย่งสูดลมหายใจของเธอไว้ให้เป็นของเขา มือลูบไล้หน้าท้องแบนราบเข้าไปในสาบเสื้อ แต่เพียงหยุดไว้เท่านั้นหลายนานกับการผลัดแลกรสจูบแสนหวานแทนคำบอกรัก ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาแทนที่กันและกันได้ ก็จะต้องเป็นเขาเท่านั้น ก่อนที่ชายผู้แสนดีจะมอบอิสรภาพให้ เขาผ่อนลมหายใจหอบสั่นอันเต็มไปด้วยความปรารถนา“ไป... ขึ้นห้องนอนกันดีกว่า”นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามหลุบมองร่างเป