ในรุ่งเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่า นัยน์สีฟ้าครามเข้มเบิกโพล่งสะดุ้งตื่นจากนิทรา พลันผลักผ้านวมหนาที่คลุมห่มตัวอยู่อย่างงุนงง เมื่อคืนที่หลับไปทั้งชุดทำงานเขาไม่ได้หยิบจับอะไรสักอย่าง ผ้าห่มลายตุ๊กตาน่ารักจะเป็นฝีมือใครหากไม่ใช่เมียเจ้าของบ้าน!
ร่างสูงในเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นดังจากข้างหมอน สายจากปรเมษฐ์โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบของลูกเมีย และงานเฝ้าของเขาว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมส่งข่าวมาว่ากำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ตื่นเต็มตาได้ไม่ยาก ทว่าพอวางสายจากเจ้านายหนุ่ม อลันมีความคิดบางอย่างเมื่อเหลือบมองตามบันไดทางขึ้นไปชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาอบอุ่น ทำไมบ้านเงียบ? พุทราก็ไม่มาเรียกเขาสักคำ เพราะนิสัยของปรายลดาเป็นคนช่างห่วง ยังดูแลทุกคนรอบตัวเป็นอย่างดี เขาไม่ลังเลที่จะถือวิสาสะบุกห้องนอนตามหน้าที่ ก้าวขายาว ๆ เหยียบย่องขึ้นบันไดไป ชั้นสองมีสามห้องนอน ห้องโถงกลาง และห้องนอนสำหรับเล่นสนุกซุกซนของเจ้านาย ซึ่งคนเป็นเลขาฯ มานานถึงสิบปีต้องรู้ความลับเรื่องรสนิยมทางเพศของปรเมษฐ์เป็นอย่างดี ถึงเจ้าตัวจะเลิกราจากคู่ขาประหลาด ๆ ไปเพราะความรักในตัวลูกเลี้ยง ห้องนอนห้องในสุดของชั้น ประตูสีดำสลับขาวเปิดอ้าไว้ทำให้เขาต้องถือวิสาสะผลักลูกบิดเบา ๆ เข้าไป สัญชาตญาณบอกได้ในทันทีว่าปรายลดาคิดแผนบางอย่างไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยิ่งพอพบว่าบนเตียงนอนเหลืออยู่เพียงผ้านวมหนาก้อนม้วนกลม เสียงไอค่อกแค่กหลุดมาเป็นระยะ ขณะปลายเท้าหนาหยุดอยู่ข้างเตียง ก้มหน้าลงมองกระดาษใบเล็ก ๆ ที่หญิงสาวเขียนทิ้งไว้ [ไปซื้อยาให้ปริม ปริมไม่สบาย... จะรีบกลับ] “Damn!” คำสบถหลุดรอดมาจากหนุ่มบราซิลที่กำลังจะกลายร่างเป็นพวกหัวรุนแรง แน่ว่าตระกูลแบรดฟอร์ดตั้งแต่รุ่นทวด ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่เลขาฯ ประกายโทสะปะทุขึ้นในแววตาคู่สีฟ้าคราม ฉับพลันกับที่ความคั่งแค้นทั้งเก่าและใหม่พุ่งขึ้นมา อลันไม่คิดว่าปรายลดาจะไปซื้อยา แต่ไปหาปองกานต์ต่างหาก! “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ นังตัวดี!” เสียงตวาดกร้าวดัง มือหนากระชากผ้านวมจากคนที่ซุกกอดมันอยู่อย่างหวงแหน แต่เป็นเพราะความหนาวจับใจ ร่างสั่นเทายกสองมือกอบกุมตัวเองแล้วห่อไหล่ลีบเล็ก “ไม่ลุกใช่ไหม...?” เสียงขู่ฟ่อผ่านไรฟัน ร่างสูงกระโจนกายข้ามผ่านเตียงนอนไปในอีกฝั่ง เพื่อหยิบอ่างใบเล็ก ๆ ที่ลอยน้ำอยู่บนโต๊ะหัวเตียงเทสาดลงไปบนที่นอนด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด น้ำเย็นตามอุณหภูมิห้องและผ้าขนหนูบนกายไม่ต่างจากน้ำร้อนดี ๆ คนหลับอย่างไรก็ต้องตื่น ในสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดทำให้ดวงตาคู่สวยหรี่มองภาพพร่าเลือนตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ผมจะถามครั้งเดียว... เพื่อนคุณอยู่ที่ไหน?” “หนาว... ผ้าห่ม...” เสียงตะกุกตะกักกระซิบบอกผู้ชายตัวโตที่ไม่มีวี่แววส่งของให้ตามคำขอ ชุดกระโปรงนอนเปียกโชกชุ่มแนบไปกับเรือนกายผุดผ่อง อาการนิ่งเงียบบนใบหน้าเย็นยะเยือกเป็นคำตอบได้อย่างดี เมื่อคำสั่งของเจ้านายทุกคำสั่งนับเป็นคำขาดกับอลัน แบรดฟอร์ด เลขาฯ ผู้ไม่เคยทำงานพลาด! ร่างสูงตวัดกายออกจากห้องไปอย่างไม่แยแสคนข้างหลัง เพื่อหยิบโทรศัพท์บนโซฟาข้างล่าง ขณะที่ยังพยายามสงบสติอารมณ์ในทุกย่างก้าวเดิน คว้าโทรศัพท์กดเบอร์ซึ่งคนปลายสายแทบจะรับในทันที “อยู่ไหนครับ?” [ร้านขายยา... รถติดมาก ประมาณชั่วโมงนะคุณอลัน ขอโทษที่ไม่ได้บอกค่ะ ปริมไม่สบายมาก แบตจะหมดแล้ว แค่นี้ก่อนนะ] “พุด...” สายที่ตัดไปทำชายหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย มือเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาจึงใช้ความคิดว่าควรไปตามหาปรายลดาที่ไหน หรือควรรอก่อนสักหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ผ้าสีขาวกับอ่างใบเล็ก ๆ ด้วยฝีมือของเขายังคงกองอยู่ตรงปลายเตียงที่เดิม ใบหน้าสดสวยซีดเซียวปิดตาสนิทแน่นจนหัวคิ้วผูกกัน ริมฝีปากสีขาวซีดสั่นจนกรามกระทบ ดูอย่างไรแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนแกล้งป่วย กว่าจะคิดได้ว่าเขาควรติดต่อปรายลดาก่อนสาดน้ำใส่คนในห้องอย่างนั้น ก็ตอนไล่สายตาไปตามเสื้อผ้าเปียกโชกชุ่ม สองแขนของเธอกอดกุมตัวเองแน่น นอนตัวขดงอ จนหน้าอกทะลักออกมาตามซอกแขน ภายใต้ชุดสีชมพูหวานแนบเนื้อติดสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน เขาแน่ใจว่าข้างในเปลือยเปล่าไม่มีชั้นในสักชิ้น อลันลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นทุกอย่างเต็มสองตา เด็กปากดีทำไมโตมานมใหญ่ขนาดนี้วะ! เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด แล้วนี่... เขาจะทำยังไงต่อ? “นี่... คุณปริม..” เหมือนกลายเป็นคนโง่ขึ้นมากับการเรียกคนป่วยที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ร่างสูงค่อยหย่อนก้นนั่งลงบนเตียง เอื้อมมือไปแตะแก้มแดงก่ำซึ่งเขาต้องดึงมือออกในทันที เพราะตัวเธอร้อนเป็นไฟ! เขาสาดน้ำใส่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เนี่ยนะ? “น้ำ... ฉัน.. หิวน้ำ” เสียงแผ่วเบาผ่านริมฝีปากที่กระทบกัน ร่างสูงลุกไปหยิบน้ำบนโต๊ะตรงมุมห้องที่เจ้าของบ้านเตรียมไว้ ยังเจอกระดาษอีกใบ [ให้ปริมกินยาลดไข้ตัวนี้ไปก่อนนะคะ ฉันกำลังไปหาเภสัชกรอีกที] แน่ว่าอลันนั้นอยู่เมืองไทยมานานจนอ่านออก เขียนได้ และพูดชัดเท่าเจ้าของภาษา แม้ว่าเขาจะยังมีลักษณะของชาวต่างชาติทุกประการ คิ้วเข้มหนาย่นเข้าหากันครั้งหนึ่ง หยิบน้ำ เทยาในกระปุกออกมาสองเม็ด ทำไมพุทราไม่พาปริมไปโรงพยาบาล? “บ้าเอ๊ย...!” สบถอย่างหัวเสีย เพราะรู้แน่แล้วว่าหญิงสาวมีแผนอะไร แต่จะให้ทิ้งคนป่วยไว้ในบ้านก็น่าจะชักตายเสียก่อน เขาหยิบน้ำและยาไปประคองร่างเปียกปอน โดยช้อนท้ายทอยน้อยขึ้น พร้อมเส้นผมสีน้ำตาลเปียกหมาดสยายกระจายอยู่บนท่อนแขน “กินยาก่อน...” “แม่... หนูขอโทษ...” “ไม่เป็นไรจ้ะ.. กินยาก่อนนะลูก” เขาเออออไปตามน้ำ ด้วยว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ทว่าแก้วน้ำในมือก็เกือบหก! ทันทีที่สองแขนไร้เรี่ยวแรงตะครุบเข้าเอวหนา เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทบนร่างกำยำกลายเป็นเครื่องดูดซับน้ำดี ๆ “แม่ขา...” ยัยปริมคงละเมอพิษไข้ ไม่ก็เสียสติไปแล้วแน่ ๆ ที่เห็นฝรั่งตัวเท่าเสาไฟฟ้าเป็นแม่! เรียวปากหนาเม้มติดกันแล้วผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ ร่างร้อนระอุที่กอดรัดเอาสอบแน่นไม่ได้มีแค่ความเปียก ปลายแหลมมนบีบอัดไปกับสองเต้าทะลักไถอยู่ตรงสีข้าง ขณะที่หญิงสาวคงไม่ได้รู้สึกตัวอะไรเลยกับสติพร่าเลือน เธอคงจะคิดถึงคนคนเดียวคือแม่... เอาวะ! กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดชอบ คิดพลันเชยปลายคางมนขึ้นแล้วบีบกรามไว้ด้วยแรงระดับหนึ่ง เพื่อที่จะโยนยาเข้าไปในปากอย่างง่ายดาย “กินเข้าไปนะ นังหนู...” ว่าแล้วก็ส่งน้ำตามให้คนที่ยังหลับตาไร้การโต้ตอบใด เขาจึงต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเสียเอง ก่อนดึงแขนที่ติดหนึบออกจากเอว โน้มตัวลงประกบริมฝีปากคู่อิ่มงามเพื่อส่งน้ำตาม น้ำดื่มในปากคงจะต้องไหลลงตามแรงโน้มถ่วง ชายหนุ่มคิดว่าเธอคงไม่ได้กินยาแน่ แม้จะรู้สึกดีกับปากนุ่มราวปุยนุ่นนี้สักเท่าไร สะกิดคนหลับให้รู้สึกตัวตื่นด้วยปลายลิ้นหนา แทรกเข้าไปกระหวัดลิ้นเรียวเบา ๆ ตามสัญชาตญาณของคนรับซึ่งถูกก่อกวนก็อ้าปากดูดหาอากาศ รับน้ำเข้าไปแทน รสชาติขมเฝื่อนของยาที่ละลายไปพร้อมน้ำในปากผสมปนเปมั่วไปหมด เขาดันรู้สึกว่ามันหวาน! จนไม่อยากปล่อยกลีบปากบางนุ่มให้เป็นอิสระ... แต่เพราะไม่อยากเอาเปรียบหญิงสาวในสภาวะไร้สติ ริมฝีปากหนาจึงยอมผละออกอย่างจำใจ ฉับพลันกันนั้นเอง เปลือกตาขาวปรือขึ้นเบา ๆ บนดวงหน้าแดงก่ำของร่างสั่นเทาในอ้อมแขน ตาสบตาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมจากในอกของคนทั้งสองที่ชนปลายจมูกไว้ตรงกัน “คุณ... อลัน?” เสียงหวานพร่าถาม เธอรู้สึกถึงความร้อนไปทั่วทั้งใบหน้ายิ่งเสียกว่าเป็นไข้ พอตระหนักรู้ว่าเพิ่งได้รับจุมพิตอันอ่อนโยน อาการเต้นตุบในหัวเหมือนมีบางอย่างกำลังเริงระบำสร้างความเจ็บปวดในอ้อมกอดอุ่น “รู้สึกตัวแล้วเหรอ เป็นเจ้าหญิงนิทรารึไง? ต้องให้จูบถึงจะตื่นน่ะ”“ฉันหนาว... ขอ... ผ้าห่ม..” อ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและแววตา ก่อนที่สติของเธอจะค่อย ๆ รางเลือน อลันถึงจะขี้หงุดหงิด ยังเป็นคนคิดเร็วทำเร็วอยู่สักหน่อย เขาคงไม่ปล่อยให้เธอต้องหนาวตายซะก่อน มือหนาสากลากชุดกระโปรงนอนออกจากเรือนกายแน่งน้อยออกอย่างระวัง เนื้อตัวของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อนราวดอกไม้แรกแย้มบาน ก็คงจะใช่... นี่มันเด็กสาว! ยัยเด็กบ้านี่อายุห่างจากเขาตั้งสิบปี คิดพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างหื่นกระหาย เมื่อทุกปลายนิ้วสัมผัสผิวนุ่มเนียนดุจแพรไหม ความขาวจัดจ้านเสียจนเห็นเส้นเลือดฝาดสะกดดวงตาของเขาไว้ ตัวของเธอร้อนแต่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะร้อนยิ่งกว่า ม่านตาสีฟ้าครามจะเบิกกว้างตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อเสื้อเปียกในมือหล่นแหมะจากมือหนาลงบนที่นอน ปรากฏสองเต้าเต่งตึง ยอดอกเต่งตึงประดับสีชมพูหวานติดตรึงเข้าไปในหัวสมอง ทั้งที่รสนิยมของอลันต้องสาวผิวแทนเท่านั้น! แต่เธอสวย! อืม.. ยัยเด็กแสบนี่สวยทั้งตัวจริง ๆ หน้าอกหน้าใจใหญ่ขนาดนี้ก็คงจะบีบได้พอดีมือ ไม่! จับไม่ได้เด็ดขาด... ความคิดหยุดลงพลางถอนหายใจหนัก นานแล้วที่ห่างหายไปจากเรื่องอย่างว่าเพราะมัวทำแต่งาน แต่เขาก็หนักแน่นมากพอหักห้ามใจ ท้ายทอยที่ช้
สถาปนิกหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปีกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องมาจากว่าปิ่นแก้วจำเป็นต้องหอบงานโปรเจคใหญ่จากฟิลิปปินส์กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว แต่ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ นัชชาสนิทสนมกับบ้านนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาล ก็ไม่แปลกที่เธอจะต้องรู้จักทั้งพ่อเลี้ยง และอดีตผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อย่างหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว ยังต้องติดต่อกันด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมปรเมษฐ์ถึงไม่หาทางปลีกตัวจากผู้หญิงร้ายกาจอย่าง ‘ปิ่นแก้ว’ แม้ปิ่นแก้วจะเคยเป็นเพื่อนคนสนิทในกลุ่มของปรเมษฐ์ จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไร้เดียงสา แต่จ้องจะแทงข้างหลังปรายลดาอยู่เสมอ ด้วยความอิจฉาอยากได้ความรักของเขาที่มีให้แค่ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ผีเห็นผี... มองตากันก็รู้ว่าอีกคนมีนิสัยยังไง ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาของเพื
“m-a-n-n-e-r แปลว่า มา-ระ-ยาด นะคะคุณฝรั่ง อยู่เมืองไทยมาก็นาน ฟังภาษาไทยเข้าใจไหม? คำว่ามารยาทน่ะ” เสียงหวานสะกดทีละคำทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ขนาดรอเรือยังออกเสียงควบกล้ำชัดเจน ฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมาสิบปี! แม่ของเขาก็เป็นคนไทยถึงเขาจะถือสัญชาติอเมริกัน ไม่ต่างจากโดนตอกหน้ายับเยิน ชายหนุ่มได้แต่ยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทั่งหญิงสาวอีกคนวิ่งตามมา “พี่ซื้อขนม น้ำมาฝากเรากับพ่อเลี้ยง มากินกับพี่ก่อนสิ พุทรา กินก่อนค่อยไป เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ” บนวงหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบที่ดูไม่แก่กว่าวัยฉาบด้วยรอยยิ้มที่คงไม่ต่างจากยาพิษ นัชชาเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ปรายลดาชะงักครู่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกเร่งเร้า “ไปเร็ว... ไปกินขนมกับพี่นะ” “ค่ะ พี่ปิ่น กินก่อนก็ได้ค่อยไป แก..” มือที่ยังจับกันไว้กระตุกเบา ๆ อีกคนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความคิดตรงกันว่าหากเข้าบ้านไปตอนนี้ ปรเมษฐ์คงเลิกรากับการทำงาน แล้วมาพาคนท้องไปโรงพยาบาลแทน เป็นเรื่องปรกติของผู้ใหญ่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนชอบที่จะซื้ออาหารมารับประทานร่วมกัน แม้แต่ปิ่นแก้วเองกับคนบ้านนู้นก็มากันอยู่บ่อย ๆ มีพักหลังมานี้ที่สถานะของเจ้าต
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินยอมให้แพทย์ทำการรักษา สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้เ
พอปรเมษฐ์แวะเอากระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงมาให้ เขาก็ขอตัวกลับไปดูแลภรรยา ปล่อยให้เป็นธุระของคนที่รับปากว่าจะรับผิดชอบอยู่ดูแลผู้ป่วย นัชชาไม่เคยจะต้องนอนเฝ้าไข้ใครมาก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หยิบชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ในกระเป๋ามาสวมค่อยย้อนกลับไปดูสายน้ำเกลือก่อนเป็นอย่างแรก “น้ำ... หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าเรียกคนข้างกาย ในความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแม้ว่าเขาจะนอนเฉย ๆ หญิงสาวก็เดินไปรินน้ำอุ่นใส่แก้ว เธอต้องวางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อน เพื่อปรับเบาะให้เอนขึ้นเล็กน้อยด้วยการกดปุ่มเล็ก ๆ ตรงขอบเตียง “ดีขึ้นไหม... คุณหิวหรือเปล่า? กินยาก่อนค่อยนอนนะ...” พูดพลางหยิบแก้วมาประคองป้อนให้ถึงปากคนที่ขยับคอขึ้นจิบน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดราวกระดาษ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงพิงราบอยู่บนหมอน ปรือตามองคนเฝ้าอย่างไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ แต่มันเป็นหน้าที่ของเธอในตอนนี้ “ไม่หิว...” “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะหายได้ไงเล่า ตัวออกจะโตขนาดนี้ อย่าทำใจเสาะน่ะ กินยาเช็ดตัวแล้วค่อยนอนนะคะ” น้ำเสียงกึ่งสั่ง เธอเห็นอยู่ว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน! เอาแต่ใจตั
กลิ่นหอมอ่อนโชยผ่านโสตประสาทของคนป่วย ดวงตาของเขาเหมือนปะติดอยู่บนใบหน้าสะสวย ประดับความหวานไว้บนขนตาเป็นแพงอนงามเหนือนัยน์ตาสว่างใส “อืม... ก็เข้ากับหน้าตาดี ปากไม่ดีหน่อยพอให้อภัย” เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หญิงสาวตั้งใจทำงานแต่หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวยแล้วยังใจดีใช่มะ?” “มั่นใจเหลือเกินนะครับ” “แน่นอน คนมันเกิดมาสวยนี่นะ” ตอบเร็ว ๆ ทุกครั้งที่ผ้าในมือเริ่มร้อนเธอก็จะชุบน้ำแล้วบิดมันใหม่ ทุกแรงเช็ดทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ ไม่แรงไปแต่ก็ไม่เบาเสียจนไม่มีประโยชน์กับการเช็ดตัวเพื่อช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ มันไม่มีประโยชน์เลยต่างหาก! กับฝรั่งหื่นที่พกพาความร้อนระอุมาเต็มเรือนกายคงรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กับความช่างเอาอกเอาใจของสาวไทยคนแรก หากไม่นับงานวันไนต์สแตนด์ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในรุ่งเช้า หน้าอกเต่งตึงเด้งตามแรงขยับบางครั้งหากเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ทิ่มหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเช้าพอเธอหายเข้าห้องน้ำไป เขาก็ได้แต่มองตามจนถึงกระทั่งตอนนี้ กลิ่นหอมอ่อนของแชมพูของคนที่เพิ่งอาบน้ำสระผม มือนุ่มนิ่มที่ไม่เคยได้ลองจับดูสักครั้งลากผ้าอุ่นเย็นไปมาบนใบหน้าไล่ไปถ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’ คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาอาฆาตแค้นเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจ อลันได้สืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว เขารายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้ฝากให้ลูกพี่ลูกน้องแอบตามไป สัญชาตญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน “คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนู สี่วันสามคืนอยู่กินกันฉันผัวเมีย! นัชชาถึงปากร้ายไปสักหน่อยเธอกลับดูแลเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้ยันขับรถยนต์พาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ วันนี้ก็ยังเตรียมข้าวต้มอร่อย ๆ ไว้ให้เรียบร้อยโดยที่เขาไม่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเลยสักอย่าง เป็นธรรมดาที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย อยากให้เธออยู่ชวนทะเลา
ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องธรรมดาหากคนคบกันจะคบอีกคนหนึ่งไปด้วยในฐานะกิ๊ก คู่นอน หรืออะไรก็ตามแต่ เธอไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก[แล้วทีปริมล่ะ? ปริมจะหมั้นกับคนของแม่ปริม ปริมไม่บอกพี่สักคำ คุณอานนท์ นักธุรกิจคนดัง พ่อพี่ก็รู้จัก]“ปริมไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น ปริมไม่สน จะแม่หรือใครก็บังคับปริมไม่ได้” ถ้อยคำหนักแน่นบอกว่าเธอไม่มีวันยอมให้แม่มาคลุมถุงชน! ธามไทเองก็น่าจะรู้ว่าเธอมีนิสัยยังไง ความขุ่นเคืองใจของเขาจึงเบาบางลง[แล้วนี่... ปริมอยู่ไหนอ่ะ พี่ไปหาได้ไหม?]“ห้องพุด กำลังจะทำงานหญิงแย้มให้เสร็จ พุดมันดองงานมานานละ ปริมจะรีบทำรีบส่งไปสักที”[ให้พี่ช่วยเปล่า?]“ก็มาสิ แต่เจอกันข้างนอกนะคะ เกรงใจ ห้องเพื่อน”[ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรบอกพุทราเอง]ปลายสายวางไปไม่ทันให้เธอได้พูดอะไร นัชชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จริง ๆ เลยนะพี่ธามนี่ เก็บกดจากยัยพุดมาหรือไง”ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่คบหากันแม้ว่าเขาจะจบการศึกษาไปก่อนแล้วนั้น ธามไทเป็นผู้ชายรุกหนักกว่าตอนคบหากับปรายลดาเป็นเท่าตัว เธอไม่ได้บอกหรือเล่าให้ใครฟัง... นัชชาได้รับสายอีกทีคือไม่ถึงสิบนาทีถัดมาว่าเขาจะมาหาถึงที่! ด้วยความหวังดีของเพื่อนที่คงอยากให้