ปรายลดาหัวเราะพอนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้วในสมัยที่นัชชาอยากสอยมะม่วงข้างบ้านมาให้เธอกับพ่อเลี้ยงรับประทาน
“ระวังเหอะ คุณอลันจะจับแกตีก้น”
“ผมคงไม่กล้า เดี๋ยวจะมีคนร้องไห้ไปฟ้องแม่ ให้มาเอาเรื่องผมอีก”
อีกคนก็จำได้ว่าเขาเคยสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่เด็กตัวเล็ก ๆ ยิ่งเสียกว่าเธอเผาบ้านทั้งหลัง เรียวปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่นเพราะความโกรธ ทว่าไม่ทันจะได้เถียง สายโทรศัพท์จากแม่ทำให้นัชชาต้องสะบัดหน้างอนขึ้นห้องไปคุยธุระส่วนตัวลำพัง
แผ่นหลังบางลับตาไปพร้อมความสงสัยของเขาที่แค่มองตาม แต่ก็ไม่ได้ถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลย เป็นปรายลดาที่ถาม
“คุณอลันหิวไหมคะ.. ให้พุดโทรสั่งอะไรให้ทานไหม?”
“ไม่เป็นไร ผมอยากได้อะไร เดี๋ยวไปซื้อเอง พุดอยู่กับเพื่อนตามสบายเลยครับ” เขาตอบเท่านั้น เพราะรู้ว่าหมอนผ้าห่มสำหรับแขกอย่างเขาเก็บไว้ตรงไหน คงไม่ต้องให้หญิงสาวมาเป็นธุระ ทันใดนั้นเอง
“พุด...”
เสียงเล็กเรียกแผ่วเบา ทั้งสองคนหยุดสนทนากัน มองขวับตามเจ้าของร่างบางที่ยืนหลบอยู่ตรงหัวบันได
ใต้แสงสีนวลสลัวของโคมไฟระย้า ดวงหน้าแดงก่ำเปรอะเปื้อนหยดน้ำตาบอกว่านัชชาคงทะเลาะกับแม่ ในสภาพเปียกชุ่มมีผ้าขนหนูพาดไว้บนไหล่ทำให้เจ้าตัวยิ่งดูน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ปรายลดาก้าวไว ๆ ไปกอดประคองเพื่อน เพื่อพาขึ้นห้องนอนไปด้วยกัน
อลันมองตามหญิงสาวทั้งสองคนอย่างนึกห่วง ก่อนจะล้มตัวลงนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า ไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหนทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ กินข้าวหรือทำอะไรสักอย่าง
-------------------------------
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัว หยิบเดรสนอนลายหวานมาใส่ นัชชาล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนของเพื่อนทั้งน้ำตา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนอนกว้างขวางตอนนี้ไม่ได้เป็นสีชมพูอีกต่อไป แต่เป็นสีเดียวกันกับที่เธอชอบคือสีเทา สีขาว และสีดำ
ไฟสีเหลืองนวลสลัวจากโคมไฟข้างหัวเตียงทำให้เปลือกตาช้ำเปียกปอนต้องกะพริบอยู่ตลอด พอคนที่ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้ การกระทำแสนอ่อนโยนของเพื่อนทำให้นัชชารู้สึกผิด...
“ฉันขอโทษนะพุด... ขอบใจแกด้วย”
“ขอโทษอะไรล่ะ?” คนถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ก่อนจะซุกมือเข้าใต้หมอนทำเหมือนกันกับอีกคนที่หลุบตาลงต่ำ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ก่อนจะยอมเอ่ย
“หลาย ๆ เรื่อง... บางทีฉัน เอ่อ... อิจฉาแกน่ะ”
ปรายลดายิ้ม ความเป็นเพื่อนทำให้เข้าใจหัวอกกันเป็นอย่างดี “ฉันรู้... แต่ฉันไม่โกรธแกหรอก แกน่าสงสารจะตาย...”
“เอ้า... ไมพูดงั้นอ่ะ ฉันเนี่ยนะน่าสงสารอะไร” คนฟังหน้าตะลึงและก็ได้คำตอบให้หายคาใจ
“แกน่ะเหมือนเด็กมีปัญหา เพราะโดนสปอยล์เยอะไป แต่จริง ๆ แล้วแกเป็นคนดี ฉันแน่ใจได้เลย ปริม...” พูดด้วยแววตาประกายมาดมั่นแต่สีหน้านั้นก็เจือแววไม่พอใจในอีกครู่
“เรื่องที่แกชอบทำอะไรลับหลัง อย่างพยายามจะแย่งพี่ธามไปจากฉัน ที่แกโทรไปฟ้องพี่เปา คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง? อืม... แต่ถ้าแกไม่ทำแบบนั้น พี่เปาแกไม่กลับมาหาฉันหรอก ฉันต้องขอบใจแกมากกว่า”
คำขอบคุณอย่างไม่จริงใจ คนทำความผิดรู้สึกเหมือนว่าตัวของเธอลีบเล็กลงจนเท่ามด มือเล็กดึงผ้าห่มซุกตัวเพราะความหนาว โดยได้รับความช่วยเหลือ
“หนาวไหม? เดี๋ยวฉันไปเบาแอร์ให้นะ กินยาไว้ก่อนดีมะ แกยืนตากฝนตั้งนาน” คนพูดหยัดกายลุกขึ้นจัดแจงผ้านวมหนาให้เข้าที่ เดินไปหยิบยามาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ยังเอาผ้านวมลายตุ๊กตาน่ารักมาให้ด้วยอีกผืน
ด้วยความหวังดีของเพื่อนรักตอนนี้ นัชชารู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากดักแด้นอนขดอยู่ในรังไหม ทว่ามันก็ช่วยให้คลายหนาวลงบ้าง ขณะที่มีเรื่องต้องคิด...
“พุด... แกว่าฉันเอาแต่ใจมากไปไหม?”
ปรายลดาถอนหายใจพลางส่ายหน้าไปมา “นี่ไม่รู้ตัวจริง ๆ เหรอ? แกน่ะ โคตรเอาแต่ใจ แต่ว่ามันก็เป็นแกป่ะ จะไปคิดอะไรมาก แม่แกโกรธแกไม่นานหรอก แม่ป้อมรักแกจะตาย”
เพราะความเป็นเพื่อนสนิทกันคงเป็นไปได้ยากที่จะหลับในเวลานี้ หากใครมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษากันและกันมาเสมอ พอคนหนึ่งซุกตัวลงนอนตาม กลายเป็นว่าอีกคนยังชวนคุยไม่เลิก
“ฉันหวังว่าแม่จะหายโกรธอย่างที่แกว่า แต่แม่ฉันไม่เคยโกรธฉันมาก่อนเลยนะ นี่แหละประเด็น”
“ตกลงไปทำเรื่องอะไรไว้?”
“ฉัน... กรี๊ดในห้องประชุมแม่เพราะแม่จะให้ฉันหมั้น... กับไอ้นักธุรกิจบ้าคนหนึ่ง ฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน” เสียงหวานแฝงความกร้าวโกรธ กระทั่งใบหน้าสดสวยบึ้งตึงหนักผ่านแสงสลัว หญิงสาวอีกคนก็คงจะต้องตกใจ
“เฮ้ย! แกถึงขั้นกรี๊ด คนเยอะไหมนั่น ทำไมทำอะไรไม่คิดเลย?”
หากว่าใครจำเสียงหวีดร้องลั่นชนิดคอแทบแตกของนัชชาได้ว่าไม่ต่างจากนางร้ายในละครหลังข่าวดี ๆ คงต้องส่ายหน้าเอือมระอาไปตาม ๆ กัน รวมถึงปรายลดาซึ่งเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อน เคยเห็นนัชชาแผลงฤทธิ์เหมือนคนบ้าอยู่
หญิงสาวหักมุมปากลงเป็นเด็กน้อยทำความผิด และกำลังจะร้องไห้อีกรอบ ทว่าเธอกลับพลิกตัวไปอีกฝั่ง นอนหันก้นให้
“นอนดีกว่า”
ถึงบอกไปว่าจะ ‘นอน’ สุดท้ายแล้วนัชชาก็ยังไม่หยุดปากพูดไปเรื่อยจนดึกดื่น เรื่องทั้งเรื่องมีแต่เรื่องของแม่ผู้แสนดี ตามใจเธอไปเสียทุกอย่าง กว่าจะผล็อยหลับไป
-------------------------------
“คุณป้อม ผมว่า... ไม่ควรปล่อยเธอไปแบบนี้ ผมจะไปรับปริมกลับบ้านนะครับ” เสียงเข้มขรึมกึ่งอ้อนวอนของเลขานุการประจำบ้าน ‘ธนทรัพย์สกุล’ บอกว่าเขาอยากบึ่งรถไปรับคุณหนูมากแค่ไหน
นัยน์ตาสีนิลสนิทรับวงหน้าหล่อเหลาเย็นยะเยือกสบมองไปยังดวงตาคู่สวยใต้อายไลเนอร์คมกริบที่เลื่อนจากเอกสารกองพะเนิน มือเล็กวางปากกาแท็บเล็ตในมือ ทิ้งแผ่นหลังลงบนโซฟามีพนักพิงของผู้บริหารพร้อมสีหน้าครุ่นคิด
“อืม... เดี๋ยวนะ... แบร์นาร์ด คุณจะไปรับมันทำไม?”
“ทำไมจะไปรับไม่ได้ล่ะ? ผมว่าสวย ๆ แบบหนูปริมป่านนี้อาจถูกผู้ชายหลอกไปทำไม่ดีไม่ร้ายแล้วก็ได้ อย่าบอกนะว่าคุณป้อมไม่ห่วงลูกสาวเลย?”
ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าปีแลดูอ่อนกว่าวัยประสาคนมีเงินนิ่งเฉย ก็เพราะว่าห่วง... หวง รักมากเกินไป ลูกของเธอถึงได้กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้! กระเป๋าแบรนด์ใบละเจ็ดแสนเธอก็ถอยให้ลูกได้ แบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิน เธอให้ลูกเอาไปช้อปปิ้งได้วันเป็นล้าน! ลูกสาวสุดที่รักอยากได้รถยนต์ขับไปเรียน ไว้รับส่งเพื่อนที่กำลังจะตั้งตัวทำธุรกิจ เธอก็ถอยบีเอ็มดับบลิวตัวล่าสุดรุ่นท็อปให้ ‘คุณแม่ขา น้องปริมอยากได้จังเลยค่ะ’ ทั้งน้ำเสียงและสายตาเว้าวอน กอดรัดแม่อย่างออดอ้อน นัชชาคงจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ คิดเท่านั้น ริมฝีปากบางเฉียบเคลือบลิปสติกสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่นด้วยอารมณ์กร้าวโกรธ “คุณไปทำงานของคุณ... ปล่อยมันไป” แบร์นาร์ดถอนหายใจออกมา “ผมไม่เข้าใจ... เธอก็ไม่ได้ทำเรื่องร้ายแรงอะไร แค่ปกป้องตัวเธอเอง เพราะว่าถูกบังคับ” “บังคับ? อะไรนะ ฉันเนี่ยนะเคยบังคับอะไรมัน มันอยากได้อะไรฉันก็ให้ แล้วนี่... บอร์ดผู้บริหาร หุ้นส่วนเขานินทากันว่าฉันปกครองลูกสาวตัวเองไม่ได้ เพราะมันไปยืนกรี๊ดกลางห้องประชุมฉัน มันเป็นบ้าเหรอ?” คนแม่หัวเราะออกมา
มันจะมีสักกี่เหตุผลกัน? คิดแล้วก็แสร้งถามกลับอย่างนิ่ง ๆ “ก็เรียนการตลาดนี่นะ คุณมาบอกอะไรตอนนี้ล่ะ?” “ที่ผมไม่พูด เพราะคุณไม่เคยฟังไงครับ” เขายิ้ม เป็นยิ้มเย็นยะเยือกที่สุดเท่าที่รู้จักกันมา แบร์นาร์ดไม่สามารถก้าวก่ายในบางเรื่องได้ แต่ถ้าหากว่ามีโอกาสที่จะพูดแล้วละก็ เขาต้องปกป้องนัชชา... “ปริมกำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของเธอ ถ้าคุณไม่รีบเอาเธอมายุ่งกับบริษัท ผมเชื่อว่าเธออยู่ของเธอได้ เดี๋ยวนี้เธอไม่ได้ใช้เงินฟุ้งเฟ้อมาก ผลการเรียนก็ดี เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจขายเสื้อผ้ากับเพื่อน คุณพุทราซื้อคอนโดฯ เป็นชื่อของตัวเอง เป็นเด็กปีสี่กันเองนะครับ” ทั่วทั้งวงหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความชื่นชมประหนึ่งว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง ก่อนจะวกกลับเรื่องเดิม “ผมไม่ไว้ใจนายนนท์... คุณป้อมจะยกลูกสาวให้เขาจริง ๆ?” “ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ... ฉันไม่อยากเห็นหน้ามัน ถ้ามันไม่ยอมหมั้นกับนายนนท์ให้ฉัน” ความดื้อรั้นของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวฉายชัดออกมาทางสีหน้าและแววตา มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมสาวสวยรวยมากอย่า
“อยู่ไหนครับ?” [ร้านขายยา... รถติดมาก ประมาณชั่วโมงนะคุณอลัน ขอโทษที่ไม่ได้บอกค่ะ ปริมไม่สบายมาก แบตจะหมดแล้ว แค่นี้ก่อนนะ] “พุด...” สายที่ตัดไปทำชายหนุ่มสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย มือเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาจึงใช้ความคิดว่าควรไปตามหาปรายลดาที่ไหน หรือควรรอก่อนสักหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ผ้าสีขาวกับอ่างใบเล็ก ๆ ด้วยฝีมือของเขายังคงกองอยู่ตรงปลายเตียงที่เดิม ใบหน้าสดสวยซีดเซียวปิดตาสนิทแน่นจนหัวคิ้วผูกกัน ริมฝีปากสีขาวซีดสั่นจนกรามกระทบ ดูอย่างไรแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนแกล้งป่วย กว่าจะคิดได้ว่าเขาควรติดต่อปรายลดาก่อนสาดน้ำใส่คนในห้องอย่างนั้น ก็ตอนไล่สายตาไปตามเสื้อผ้าเปียกโชกชุ่ม สองแขนของเธอกอดกุมตัวเองแน่น นอนตัวขดงอ จนหน้าอกทะลักออกมาตามซอกแขน ภายใต้ชุดสีชมพูหวานแนบเนื้อติดสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน เขาแน่ใจว่าข้างในเปลือยเปล่าไม่มีชั้นในสักชิ้น อลันลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นทุกอย่างเต็มสองตา เด็กปากดีทำไมโตมานมใหญ่ขนาดนี้วะ! เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด แล้วนี่... เขาจะทำยังไงต่อ?
เป็นโชคดีที่ปรายลดากลับมาในอีกไม่นาน ไม่ได้เถลไถลที่ไหน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ทว่าก้าวแรกที่เหยียบห้องนอนแขกพร้อมถุงพลาสติกใบเล็กเต็มไปด้วยยา หลังจากที่หาอยู่ว่าเพื่อนไปไหน “อ้าว... ทำไม... มานอนห้องนี้ล่ะคะ?” คำถามเต็มวงหน้าสดสวยที่ก้มลงมองสภาพของคนทั้งสอง ผมสีน้ำตาลเปียกชุ่มลู่ไปกับหน้าซีดขาวราวกระดาษ ตัวม้วนอยู่ในผ้าห่มเป็นหนอนดักแด้ อลันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ตะกุกตะกักเอ่ย “ผม... ทำน้ำหกใส่เธอครับ” “คุณอลันนี่นะจริง ๆ เลย ใครทำก็ช่วยรับผิดชอบด้วยนะคะ” บ่นพลางหยุดยืนท้าวเอวเอาเรื่อง เธอไม่เชื่อหรอกว่าเพื่อนไม่ได้โดนแกล้ง “ครับ ผมต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ” “ได้ช่วยแน่ ๆ ค่ะ เตียงฉันนี่เปียกชุ่ม น้ำมันวางอยู่ข้าง ๆ มันจะหกลงที่นอนได้ยังไง แล้วทำไมเสื้อคุณอลันถึงได้เปียกไปด้วย?” “เธอ... ตกใจอะไรไม่รู้ มากอดผม” คนตอบลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าเขาทำอะไร ขณะดวงตาคู่สวยหรี่เล็กจนเหยียดตรง เหมือนจะเอาคำตอบใหม่แต่กลับเอ่ยไล่ “ออกไปก่อน ฉันจะเช็ดตัวให้ปริม” “อ้อ... ครับ” เสียงทุ้มตอบอย่างเก้อเขิ
“เออ... ได้ยินว่าแม่บ้านแกหยุดเหรอ?” “อืม... มาพรุ่งนี้ มะรืนมั้ง ปรกติก็ไม่ได้มาทุกวันอยู่แล้วนะ เมื่อก่อนไม่ได้จ้างด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรให้ทำมากหรอก ฉันเก็บเอง” ปรายลดาลุกขึ้นหยิบจานและช้อนส้อมมาซ้อนเรียงกันหลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ นัชชาจึงลุกขึ้นช่วยตามมารยาท ชำเลืองมองท้องที่เนินนูนขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้ “เออ... คนท้องนี่ต้องบำรุงเยอะ ๆ เนอะ ฉันหาซื้ออะไรให้หลานกินดีกว่า ไม่ได้ซื้อให้แกนะ ฉะนั้นต้องกิน” ความหวังดีของเพื่อนได้รับรอยยิ้มหวานจากคุณแม่ท้องอ่อนที่คงไม่ปฏิเสธน้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ซึ่งได้รับการไหว้วานจากเจ้านาย บางเรื่องอะไรอะลุ่มอล่วยได้ อลันไม่ได้จุกจิกไปเสียหมด นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ปรเมษฐ์เลือกเลขานุการชาย บางครั้งเขายังไม่เกี่ยงงานเล็กงานน้อยแม้กระทั่งงานของผู้หญิง “เดี๋ยวผมล้างจานให้เอง คนท้องควรจะพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ” “ค่ะ แหม... แต่ละคนเอาใจพุดจริง ๆ นะ” คุณแม่ที่กำลังคิดถึงสามีผลัดส่งยิ้มให้คนทั้งสอง โดยไม่ได้รู้ว่าเพื่อนรักมีแผนการบางอย่างแอบแฝง นัชชาไม่ได้จำได้แค
“ลูกพี่นะ ปริม ทำไมปริมต้องไป?” ปรเมษฐ์แย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย มือเปรอะเปื้อนยังคงกำดินสอ หลุบตามองสองมือเรียวที่กอบกุมกันอยู่ ด้วยความรู้สึกเจ็บจุกประหลาด เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้ทำหน้าที่พ่อเลย “ก็เห็นว่ายุ่งนี่คะ... ปริมว่าง ปริมอยากดูแลคนท้องคนไส้ แม่พุดกับลูกสำคัญที่สุดกับปริมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ ปริมจะดูแลคุณแม่พุทราอย่างดี” คำพูดของนัชชาเหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ไม่รู้ว่าภรรยาฝากท้องที่โรงพยาบาลไหนด้วยซ้ำ พอเลื่อนสายตามองไปยังอีกคนที่มีสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ “เราสองคนน่ะ มีเรื่องอะไรปิดบังพี่อีกหรือเปล่า? อย่ามาประชดพี่นะ ที่พี่ทำงานงก ๆ นี่ก็ตั้งใจจะหาเงินให้ลูก” “ปริมไม่เคยมีเรื่องปิดบังอะไรใครอยู่แล้ว หมอบอกว่าวันนี้ควรจะไป หมอย้ำว่าสำคัญมาก! ใช่ไหมพุด?” ปลายเสียงบอกคนข้างกายที่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้วแล้วเออออตาม “นั่นสิ... ถ้าแกไม่เตือนฉันคงลืมไปแล้วแน่ ๆ ขอบใจนะเพื่อน อุตส่าห์ดูตารางคนท้องให้ด้วย น่ารักที่สุดเนี่ย ยัยปริม” ว่าแล้วก็บีบแก้มขาวนวลเล่น เหมือนที่หยอกก
ปิ่นแก้วจึงจงเกลียดจงชังหญิงสาวเป็นเท่าทวี พอสองหนุ่มรับอาสาหน้าที่ไปหยิบจานมาใส่อาหาร ถุงหลายใบบนโต๊ะกับขนมที่มีภาชนะห่อหุ้มของมันอยู่แล้วถูกแกะออกวางพร้อมรอยยิ้ม “แม่อนงค์ล่ะ? พุด ชวนแม่มากินข้าว กินขนมด้วยกันเปล่า?” “หน้าใส ใจดี ไม่มีกาลเทศะ ออ... นิยายเรื่องใหม่นี่ พุด แกได้อ่านป่ะ?” บางคนจงใจกัดสีหน้าแย้มยิ้มของปิ่นแก้ว แต่เพียงไม่นาน นัชชาก็ทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรไป ยังเลียนแบบท่าทางไร้เดียงสา “อุ๊ย... ขนมของพี่ปิ่นน่าทานมากเลยค่ะ เนอะพุทรา” น้ำเสียงแสนไพเราะอ่อนหวานน่าจะเป็นน้ำเสียงของปรายลดาเสียมากกว่าทำเอาชายหนุ่มสองคนที่วางจานหลายใบลงบนโต๊ะกระจกในห้องรับแขกกว้างขวาง คิ้วขมวดมุ่นไปตามกัน ใคร ๆ ก็เห็นอยู่ว่านัชชาชอบจิกชอบกัดเป็นชีวิตจิตใจ “น่ากินจริง ๆ เรอะ ไม่ใช่ว่าประชด?” “จริงสิคะ คุณอลัน ทำไมเห็นปริมเป็นคนขี้ประชดไปได้ล่ะ?” เธอหันไปบอกร่างสูงในเสื้อยืด กางเกงยีนเท่ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ปรายลดาสะกิดมือเพื่อนสาวข้าง ๆ กันให้สงบปากสงบคำ หยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะยกขึ้นจรดสายตาไว้ในท่าทีว่าจะกินก็ไม่กิ
เนื่องมาจากผู้ป่วยไม่รู้ว่าได้รับสารพิษตัวใดแน่ประกอบกับมีไข้สูง แพทย์จึงทำการล้างท้องเพื่อกำจัดสารแปลกปลอมออกจากร่างกาย ให้น้ำเกลือ และทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยสาเหตุเพิ่มเติมในเบื้องต้น ชายร่างกำยำในชุดสีเขียวของคนไข้ตอนนี้หมดสภาพอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าหล่อเหลาราวกระดาษขาวซีดกว่ากางเกงยีนที่ใส่มาในทีแรก ทั่วทั้งไรผมสีน้ำตาลเข้มเปียกชุ่มเหงื่อเพราะอุณหภูมิร้อนรุ่ม บางครั้งก็มีอาการหนาวสั่น “ญาติคนไข้ใช่ไหมคะ?” พยาบาลสาวถาม ก่อนหันไปมองฝรั่งหล่อล่ำกล้ามโต ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกตั้งแต่เข็นเตียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมาท่ามกลางสายตาวิบวับของเหล่าสาวน้อยใหญ่ ถ้าไม่มองนี่สิแปลก! “ค่ะ ใช่ค่ะ...” / “ไม่ใช่ครับ” เอ่ยพร้อมกัน พยาบาลสาวหน้าตาดีถึงกับงุนงง ทว่าไม่ทันจะได้ซักต่อ “คุณอลัน คุณมีญาติที่ไหนเล่า ก็ต้องยัยปริมเนี่ยล่ะตอนนี้ เลิกทะเลาะกันก่อนนะคะ... ยัยปริม แกอยู่ดูคุณอลันเลยนะ” ปลายเสียงต่อว่าเพื่อนในฝั่งตรงข้ามกัน ตัวต้นเหตุของเรื่องวุ่น ๆ ทั้งหมดคงรู้ตัวเป็นอย่างดี ในเหตุว่ามีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นอะไร ต้องมีญาติคนไข้ลงนามยินย
อลันไม่ได้กลับไปทำงานกับเจ้านายเก่าอย่างปรเมษฐ์ เมื่อคุณนายนิตยาไม่ยอม หล่อนรั้งเขาไว้ด้วยคำว่าจะไม่ยกลูกสาวให้คำเดียว เขาจึงต้องลาออกเป็นการถาวรแต่ส่งน้องชายคือเจมส์ไปฝึกงานเลขาฯ แทนชีวิตแต่งงานเรียบง่ายที่มีความสุขในทุก ๆ วัน จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะความเอาแต่ใจประสาเด็กสาว หรือเรื่องความขี้หึงของอลันมาถึงจุดหมายปลายทางในช่วงบ่าย ผ่านด่านตรวจคนเข้ามาเมืองมาอย่างง่ายดาย คนเป็นสามีก็ทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว เรียกรถแท็กซี่ บอกทางที่จะไปด้วยภาษาท้องถิ่น ช่วยคนขับรถเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างหลัง“พี่พูดได้กี่ภาษาอ่ะ? ทำไมปริมไม่เคยถามพี่เลยนะ” เสียงหวานบ่นถามทั้งตัวเองและคนที่ปิดประตูนั่งตามในที่นั่งข้างหลัง“ภาษาไทย... โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษครับที่รัก...”ความสนิทสนมกันเกินไป มีบางอย่างที่ไม่รู้... หญิงสาวชะงักนิ่งไปหลังนับนิ้วจนครบว่าไม่ผิดแน่“ตั้งห้า... ภาษา แล้วปริมเคยว่า...” เธอหน้าตาตะลึงมองเขาที่แค่ยิ้มกับคำดูถูกคราแรกพบหน้ากัน แน่ว่าอลันจำมันได้แม่น!‘เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ด หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา...’“ตอนสักอายุสิบห้า พ่อแม่พี่ไม่ค่อยว่าง พี่กลับมาอยู่บราซิลกับ
“ไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง...”สองหนุ่มสาวกอดกันตัวกลม สองหนุ่มบอร์ดี้การ์ดมองหน้ากันก็ตรงไปสะสางเรื่องให้เรียบร้อย เจ้าของห้องที่ใบหน้าลำคอเต็มไปด้วยรอยข่วนไม่ได้หนีหรือมีท่าทีหวาดกลัวอานนท์เป็นคนส่งการ์ดกุญแจห้องให้เธอเดินออกไปเฉย ๆ และแค่มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดชายอื่นด้วยแววตาเศร้าหมองจนเธอจากไป-------------------------------เรื่องวุ่นวายทั้งหมดถึงหูคุณนายที่มารออยู่ข้างล่างเพนเฮ้าส์ของนายอานนท์พร้อมกับแบร์นาร์ดนิตยาเพิ่งรู้ว่าลูกสาวมีปัญหากับปิ่นแก้ว ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องใหญ่โตจนเกิดการทำร้ายร่างกาย คุณแม่ที่กำลังเกรี้ยวโกรธจึงส่งทนาย โทรบอกพวกพ้องให้จัดการกับคนผิดอย่างถึงที่สุดนัชชาไม่ใช่เด็กที่จะร้องไห้เพราะความกลัว แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาเช่นนั้นวันนี้เธอแค่ทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่อ้อนกอดผู้ชายตัวโต ให้เขาต้องอุ้มขึ้นรถในที่นั่งข้างหลัง ในสายตาของหลายคนรวมถึงพ่อแม่คงไม่ขัดหรือห้ามปราม เพราะคงจะห้ามกันไม่ได้กับการที่คุณหนูของบ้าน โตเป็นสาว ได้ตกหลุมผู้ชายสักคนหัวปักหัวปำเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำแล่นฉลิวในความเงียบ มีโอกาสได้นั่งกันตามลำพังข้า
ก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าตัวต้นเหตุยังวนเวียนอยู่แถวนี้ หลังจากที่เขาขับรถมาสมทบกับเจมส์ ยังมีบอร์ดี้การ์ดนอกเครื่องแบบอีกสองคน ตามคำสั่งของคุณนายว่าให้เฝ้าลูกสาวไว้ “พวกสวะน่ะพอได้ ตำรวจต้องการตัวอยู่แล้ว ซัดทอดความผิดไปว่าเก็บกันเอง ขัดผลประโยชน์ แต่คุณนักธุรกิจคนดังคนนั้น ใจเย็น ๆ หน่อย” “อย่างมากก็กลับไปอยู่บราซิล...” พูดจบก็เหน็บอาวุธไว้ด้านหลัง ก่อนลงจากรถยนต์อย่างไม่รอช้า แน่นอนว่าเขาจะใช้มันในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ถุงมือถักทอด้วยเส้นใยโพลีเอสเทอร์บางละเอียด ใช้กับงานที่ป้องกันคราบเหงื่อและรอยนิ้วมือจะทำให้เขาไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ถูกสวมทีละข้าง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉย ลอบมองซ้ายขวามือกระตุกหมวกแก้ปให้ปกใบหน้าลงมาเล็กน้อย เปลวไฟในดวงตาคู่คมสีฟ้าครามลุกโชน จับจ้องอยู่กับรถยนต์สีดำอีกสองคันถัดไป คนขับนั้นเป็นพี่น้องห่าง ๆ หน้าตา ความสูง และรูปร่างเป็นล่ำสันใกล้เคียงกันกับเขา สองคนข้างหลังที่เพิ่งจะขึ้นรถไปต่างหากคือเป้าหมาย... ------------------------------- สิ่งที่นัชชาไม่ต้องการมากที่สุด คือความเจ
“พี่ให้โอกาสน้องขอโทษน้องสาวพี่แล้วนะคะน้องปริม แต่น้องยังทำปากดี ช่วยไม่ได้”แทนที่นัชชาจะกลัว กลับแค่นหัวเราะ “ฮึ! แกคิดดีแล้วเหรอ? ที่มายุ่งฉันน่ะ”“ไม่ได้ยุ่ง แค่มาเป็นกามเทพ... กับเป็นเพื่อนเจ้าสาว พี่คงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า” เสียงหัวเราะดัง ยกมือขึ้นป้องปากด้วยท่าทางเสแสร้ง ความคับแค้นใจสะท้อนขึ้นในแววตากร้าวของนัชชา หยัดกายลุกขึ้นนั่งในท่าเตรียมพร้อมปะทะ!“ฉันว่าแกควรไปพบจิตแพทย์นะนังปิ่น ไม่ก็หัดเข้าวัดเข้าวาซะบ้าง ผู้ชายเขาไม่เอาทำพาลไปทั่ว รับรองได้ว่าแม่ฉันเอาเรื่องแกแน่ ๆ” เสียงขู่ฟ่อหลุดรอดจากไรฟัน หญิงสาวอีกคนก็ขยับก้าวช้า ๆ มาหยุดลงข้างเตียงอย่างท้าทาย“แม่น้องไม่เอาเรื่องพี่หรอก... ดีเสียอีก... พี่มาช่วยให้เรื่องมัน Happy ending พี่ไม่ได้มาฆ่าใคร ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราเลยนะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของปิ่นแก้วแม้กระการแต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องของคนกันเองตามปากว่าเป็นความสะใจล้วน ๆ ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์อยู่เงียบ ๆ แลัวนังเด็กปากดี! ยังไปเอาเรื่องปานทิพย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยความคิดแค้นของปิ่นแก้วไม่น้อยไปกว่านัชชา ดวงตาคู่สวยคมฟาด
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในเชิ้ตสีดำสนิทนั่งตัวเกร็ง มือกุมพวงมาลัยแน่น เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิปรกติในรถให้ความรู้สึกเย็นยะเยียบ เขาจึงต้องกดปลายเท้าเหยียบลงอีก เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น“ขับช้า ๆ หน่อยสิคุณอลัน จะรีบไปไหนกัน บ้านฉันก็อยู่แค่นี้” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบห้าละจากแท็บเล็ตในมือ สารถีประจำตัวก็ลดความเร็วลงเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญหลายวันมานี้เขาเหนื่อยหน่ายกับการพูดเรื่องเดิม ๆ คือมาขอลูกสาว เมื่อคุณนายนิตยาทำเป็นไม่สนใจยังให้เหตุผลว่าลูกสาวของหล่อนเด็กเกินจะมีครอบครัว“ลูกปริม... มีเงินใช้หรือเปล่า?”“ปริมหาเงินใช้เอง แต่ถ้าวันไหนไม่มีหรือไม่พอ ผมไม่เคยปล่อยให้เมียลำบาก ผมโอนไวครับ”เมีย ย้ำชัดหนักแน่น คนข้างหลังปิดตาลงเพื่อสะกดกลั้นความโกรธ ก่อนจะเหน็บแนมด้วยถ้อยคำร้ายกาจ“ทรัพย์สมบัติพ่อ ทำไมไม่เอาไปลงทุน จะรอแต่งงานกับผู้หญิงไทยเอากรีนการ์ดค่อยกว้านซื้อที่ดินหรือว่ายังไง?”“ผมจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? ผมไม่ได้อยากได้สัญชาติไทย เลิกให้คนไปสืบเรื่องของผมนะครับคุณนาย ที่ดินที่ผมไปดูมาคือเรือนหอของผมกับปริม ผมจะให้เธอเลือกเองว่าอยากได้บ้านแบบไหน”“แบร์นาร์ดบอกฉัน
ความสัมพันธ์อันดีของเขาจบลงที่การปล่อยมือจากสาวร้อนแรงอย่างปิ่นแก้ว ไม่ว่าเป็นใครก็คงจะต้องเสียดายอยู่ อานนท์คิดว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า“รอบนี้แกรับเสื้อมาจากจีนกี่กระสอบอ่ะ? ฉันต้องหุ้นกับแกเท่าไร” พูดไปพร้อม ๆ กับที่จดขยุกขยิกลงในโทรศัพท์ขนาดพอดีมือ สีหน้าจริงจังของนัชชาคงเฉพาะเวลาเรียน และธุรกิจเล็ก ๆ ของเธอกับเพื่อนสาวปรายลดาเป็นคนริเริ่มร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นในคราวแรก สุดท้ายก็ทำคนเดียวไม่ไหว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ท้องโตมากจนเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวไปมา คราวเด็กน้อยในท้องถีบแขนถีบขา อีกไม่ถึงสองเดือนคลอดลูกแล้วคงจะได้ยุ่งวุ่นวายมากกว่านี้“ชุดนอนแขนสั้น กางเกงผ้าฝ้าย แจ็คเก็ตยีน อย่างละสามกระสอบ พวกงานลิขสิทธิ์เก็บไว้ก่อน ล่อซื้อเยอะไม่อยากเสี่ยง ทั้งหมดเท่าไรแกคิดเลย”กองเสื้อผ้าตรงหน้ามีที่ขายไม่ออก ตัวไหนขายดีปรายลดาก็จะสั่งมาอีกเป็นล็อต ๆในห้องพักแบ่งแยกเป็นสัดส่วน ห้องสตูดิโอของคอนโดมิเนียมกลายเป็นที่เก็บเสื้อผ้านับพันตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างคนมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปเสียเงินเช่าห้องเก็บเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ ด้วยค่าเช่าหลักครึ่งแสนต่อเดือนในเมื่อห้องนี้ก็ไม
“งานหมั้นเหรอ... น้ายกเลิกไปเพราะอะไรรู้ไหม?” ถามพลางยกมือป้องปากหัวเราะเป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนที่จะพิงแผ่นหลังบนเก้าอี้มีพนักของผู้บริหาร ใบหน้าสดสวยฉาบประกายเย็นยะเยือก“น้าไม่อยากให้ลูกสาวติดโรค เพราะไปคลุกคลีกับพวกมักมากในกาม เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย”“ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ... มีกินเล็กกินน้อยบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่ผมจริงจังกับน้องปริม ถ้าผมหมั้นกับน้อง ผมจะไม่มีใครอีกทั้งนั้น” คนที่มีสีหน้าเข้มเครียดมาเพื่อแก้ความเข้าใจผิด อานนท์ไปพูดกับผู้ใหญ่ให้กลับมาคุยกับนิตยาอีกครั้ง ทว่าหล่อนก็ทำเป็นเมินเฉยจนเขาต้องเข้ามายืนทนโท่อยู่ตรงนี้“ลูกสาวน้าคบอยู่กับทายาทซีเพิร์ลจ้ะ น้าต้องขอโทษด้วย เราคงไม่อยากให้พ่อมีปัญหาเนอะ” เป็นข้ออ้างของคนฉลาดกว่า ชายหนุ่มในชุดสูทหล่อเหลาที่ยืนอยู่ในฝั่งตรงข้ามกันจึงเลิกคิ้วขึ้น“อะไรนะครับ? คุณน้า ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องหุ้นของพ่อ... คุณน้าอย่าลืมสิครับ ผมเป็นนักธุรกิจ ทำงานหาเงินใช้เอง”“ไม่ได้ลืม แค่เตือนด้วยความหวังดี ในฐานะคนทำงานมานานกว่า เรื่องผลประโยชน์ครอบครัวมันควรจะต้องมาก่อนตั้งตัวได้อย่างน้านะ นนท์” สีหน้าของนักธุรกิจสาวรุ่นแม่เต็มเปี่ยมไปด้ว
ร่างกำยำส่งแรงกระแทกแต่ละครั้งหนักหน่วงจนศีรษะกระทบเข้ากับหมอนที่รองรับอยู่บนหัวเตียง ประกายเร่าร้อนดิบเถื่อนฉายออกมาทางแววตา“อ๊า... อื้ม... อลัน เอาแรง ๆ อีก...” คนบ่นสั่งสูดลมเข้าปากอย่างซ่านสยิว ราวกับว่าร่างกายปรับเปลี่ยนขนาดไปเองตามธรรมชาติสรรค์สร้าง ร่องทางรักขยายตัวอย่างเหมาะสม ปลดปล่อยและดูดดึงมันกลับเข้าสู่กลางกาย ร่างบางบิดเร่าแอ่นเอวรับทุกอย่างที่เป็นเขา ส่งเสียงครางหวานในสีหน้ายุ่งเหยิง ไม่ต่างจากว่าเธอได้กลายเป็นทาสบำเรอกามของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ“อลัน...! ปริมจะเสร็จ... อ๊า... อีกนิด... เร็ว ๆ!” เธอส่งเสียงหวีดร้องก่อนยกมือขึ้นปิดป้องปากไว้ ด้วยความเกรงใจห้องข้าง ๆ จังหวะเร่งเร้าของบุรุษผู้พกพาความร้อนแรงมาชนิดจัดเต็ม ไม่มีพักหรือหยุดสักนาที สวรรค์ของเธออาจอยู่ใกล้กว่าขณะที่อีกคนไม่ได้ทำตามคำขอ หยุดพื้นพรมอันสวยงามเบื้องหน้าให้ชะงักนิ่งบางครั้งอลันก็ชอบที่จะแกล้งเธออย่างนั้น เขามักพาเธอไปแค่ครึ่งทางก่อนค่อยบรรเลงบทเรียนสวาทต่อ ให้มันเป็นไปอย่างช้า ๆ อย่างดุเดือดเลือดร้อน...มือหนาตะปบเข้าท้ายทอยน้อย จับพลิกให้นอนคว่ำหน้าโดยไม่ปล่อยให้ส่วนสอดสวมกันหลุดออก แม้ว่ามันจะลื่
ร่างสูงโน้มตัวลงประกบลงบนเรียวปากอิ่มงาม ขณะที่เธอตอบรับจุมพิตหวานฉ่ำ เลื่อนมือขึ้นล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา แม้ว่าเขาจะยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมืออาชีพที่พลอดรักกันได้ทุกเช้าเย็นปากอุ่นนุ่มเผยอเชื้อเชิญให้เธอเป็นฝ่ายสอดแทรกลิ้นน้อยเข้าหาความหวาน จากนั้นปลายลิ้นหนาก็กระหวัดเกี่ยวอย่างช่ำชองงานงานที่นัชชาทำได้ดีที่สุดและได้รับคำชมเชยจากครูผู้สอนเสมอคือจูบ... หากว่าเป็นเรื่องอย่างอื่นแล้วคนฉลาดหัวไว ผ่านการดูอะไรต่อมิอะไรมามาก เทียบไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของคู่ขาในอดีตของอลัน ทว่าเขากลับเสพย์ติดเรือนร่างนิ่มนวลนี้มากที่สุด เสพย์ติดทุกอย่างที่เป็นเธอผ่านริมฝีปากนุ่มละมุนคราวขยับอย่างเป็นผู้นำให้อีกคนเผยอรั้งปากตาม ชายหนุ่มคอยแต่จะแย่งสูดลมหายใจของเธอไว้ให้เป็นของเขา มือลูบไล้หน้าท้องแบนราบเข้าไปในสาบเสื้อ แต่เพียงหยุดไว้เท่านั้นหลายนานกับการผลัดแลกรสจูบแสนหวานแทนคำบอกรัก ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาแทนที่กันและกันได้ ก็จะต้องเป็นเขาเท่านั้น ก่อนที่ชายผู้แสนดีจะมอบอิสรภาพให้ เขาผ่อนลมหายใจหอบสั่นอันเต็มไปด้วยความปรารถนา“ไป... ขึ้นห้องนอนกันดีกว่า”นัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามหลุบมองร่างเป