“ไทเฮาพ่ะย่ะฮะ อย่าทรงโศกเศร้าเสียพระทัยไปนักเลย ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะฮะ ควรส่งพระศพได้แล้วพ่ะย่ะฮะ พระสนมป่วยไข้เกรงว่าร่างกายจะ ไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น และเอ่อเอ่อ อาจเป็นโรคติดต่อได้”ป๊ะแกสิโรคติดต่อ
เฮอะคิดจะกำจัดฉันหรือ คิดว่าฉันจะเน่าเหม็นหรือ พวกแกนั่นแหละ มือบางค่อยๆขยับกำมือไทเฮาไว้ส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่แววตาเศร้าโศกเมื่อครู่ของไทเฮาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และตกใจไม่น้อยรีบดึงมือออก
“ต้าเหนิงเจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ”
พูดราวกับกระซิบ
ต้าเหนิงลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองคนพูด
ไทเฮาสวมกอดต้าเหนิงไว้แน่น ต้าเหนิงยกมือขึ้นกอดตอบแต่ไม่อาจเปล่งเสียงพูด
“ตามหมอหลวง เจายี่รีบตามหมอหลวง”
เปล่งเสียงด้วยความดีใจ ต้าเหนิงถอนหายใจยาว ตัดไปที่เจายี่ที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อมาก็คือกำลังใช้สมองกำลังคิดหาคำแก้ตัว
ถลาเข้ามาข้างในม่าน
“พระสนม โธ่พระสนมไม่เป็นไรแล้วหรือเจ้าค่ะ”
น้ำตาแห่งความเสแสร้งมาอีกแล้วต้าเหนิงยิ้มเย็น ต้องเน้นๆแล้วแหละเจายี่เอ๊ย ยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดหน้าของเจายี่อย่างแรงจนนางล้มลงก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการชักกระตุกตาค้างดิ้นทุรนทุราย ไทเฮารีบเข้ามาพยุง
“ต้าเหนิง ต้าเหนิงพวกเจ้าช้าอยู่ไยรีบตามหมอหลวงพระสนมชักใหญ่แล้ว”
ไทเฮาส่งเสียงตวาดดังๆ เจายี่ขยับตัวลุกขึ้นด้วยความงุนงงก็จะไม่งงได้อย่างไรก็โดนถีบยอดหน้าขนาดนั้นถึงกับวินกันเลยทีเดียว
ต้าเหนิง เล่นละครจนพอใจก่อนจะค่อยๆชักเกร็งให้ช้าลงกว่าเดิม แล้วค่อยๆสงบลงในอ้อมแขนของไทเฮา
“หมอหลวงมาหรือยัง”
หมอหลวงถือหลวมยาเดินชมนกชมไม่ได้เร่งรีบอะไร เดินทอดน่องสบายอารมณ์เหมือนกำลังถ่วงเวลาก็ถ่วงเวลานั่นแหละ
“หมอหลวงทำไมมาช้าเสียจริงเรือนรักษาอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว”
หยุดยืนอยู่หน้าตำหนักเก่า สีหมองคล้ำ ป้ายตำหนักเขียนไว้ชัดเจนตำหนัก16สนมคนที่สิบหกของฮ่องเต้
“อะแฮ่ม”
ก่อนจะถลาเข้าไปในห้องด้วยท่าทีร้อนรนผิดกับเมื่อครู่ที่ยังหวานเย็น
“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ โอ้พระสนมข้าน้อยคิดว่าท่านจะ…ตุยไม่น่าเชื่อว่าจะแข็งแกร่งเพียงนี้สวรรค์เมตตาจริงๆ ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะข้าน้อยจะตรวจดูอาการพระสนมอีกครั้งเชิญไทเฮาด้านนอก”
ตรวจอะไรวะทำไมไทเฮาอยู่ไม่ได้ต้าเหนิงคันจมูกขึ้นมา
ดึงมือไทเฮาไว้เวลาแบบนี้จะไว้ใจใครได้ พยายามเปล่งเสียงขอร้องแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“ไม่ต้องกลัวข้าอยู่ด้านนอก ไม่ห่าง ให้ท่านหมอดูแลเจ้า”
“อะอ่าอะอะ”ไทเฮาแกะมือต้าเหนิงออกยิ้มอ่อนโยนตบที่หลังมือต้าเหนิงเบาๆเดินออกจากม่านไปในทันที ต้าเหนิงหันซ้ายหันขวา
หมอหลวงยิ้มไม่บริสุทธิ์หรือเรียกว่าแสยะยิ้มนั่นแหละ ทรุดกายลงข้างแท่นนอน
“เจายี่ นำน้ำดื่มมาพระสนมต้าเหนิงกำลังจะกินยา”
ยาอะไร จะให้กินยาอะไร สายตาหมอหลวงที่ไม่น่าไว้ใจบวกกับรอยยิ้มเจ้าเลห์ของเจ้าหมอหลวงนั่นทำเอาต้าเหนิงใจหายแว๊บ
ต้าเหนิงพยายามจะเปล่งเสียงร้องแต่เปล่าประโยชน์หมอหลวงนามซุนเตอหลี่บีบปากให้อ้าออก เจายี่เดินถือจอกน้ำเข้ามา ซุนเตอหลี่ยกยาเม็ดเล็กชูขึ้นตรงหน้าต้าเหนิง ที่ไม่มีทางดิ้นรนเพราะถูกเจายี่จับตัวไว้แน่น
“อย่าดื้อเพคะพระสนมข้าน้อยรู้ดีว่าพระสนมไม่ชอบกินยาแต่นี่จะช่วยพระสนมได้”ต้าเหนิงดิ้นรน หนีเสือปะจระเข้จะเปล่งเสียงก็ไร้ซึ่งสรรพเสียงมือไม้ดิ้นรนเปะปะ เจายี่ตัวร้ายยิ้มอย่างผู้ชนะ
ยกชามน้ำเตรียมกรอกลงปากของต้าเหนิงหมอหลวงก็กำลังจะหย่อนยาลงในปาก
ราวกับมัจจุราชที่พร้อมจะพรากชีวิตของต้าเหนิงไปพยายามทำลำคอให่เล้กที่สุดโดนบีบปากแต่ต้าเหนิงจะไม่มีทางกลืนยางลงคอแน่ หลับตานับหนึ่งสองสามตั้งใจจะดิ้นรนครั้งสุดท้าย1….2
“เช้งงงงง”
ผ้าม่านสีทึบถูกคมกระบี่ปาดฉับจนขาดหวิ่น ร่วงลงพื้นกระจาย ไทเฮายืนมองขมวดคิ้วสีหม่นเข้าหากัน ร่างสูงที่ต้าเหนิงมองเห็นราวกับมีออร่าหรือแสงสว่างรอบตัวเดินเข้ามาพร้อมกับเก็บกระบี่คมเข้าไปในฝัก บุรุษองอาจอีกคนยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง
ยาเม็ดเล็กถูกหย่อนลงคอพร้อมกับหมอหลวงรีบปล่อยมือจากปากต้าเหนิงที่ ดันกลืนยาเข้าไปในลำคอ พวกเขายังไม่ยอมพลาดและทำทีว่าพลั้งมือหย่อนยาไปแล้ว กระบี่ในมือของบุรษชุดดำตวัดพาดไปที่ลำคอของหมอหลวงซุนเตอหลี่
ที่รีบทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นเสีย
“อั๊กกกก”
คนมาใหม่ที่หล่อราวกับเทพบุตรแล้วดันสวมชุดขาวคนนั้นทรุดกายลงกับแท่นนอนพยุงต้าเหนิงให้นั่งแล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่เต็มแผ่นหลังเล็กจนจุกแอ่ก ทำให้ยาเม็ดเล็กที่หมอหลวงจงใจหย่อนลงไปกระเด็นหลุดออกมา แทบเท้าของเจายี่ที่ขยับเท้าเหยียบเม็ดยาไว้เสีย คนชุดขาวก็หาได้ติดใจไม่ ก้มมองหน้าซูบ ร่างผอมบางในอ้อมแขนของตัวเองด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะปล่อยร่างบางของต้าเหนิงให้ร่วงลงบนแท่นนอนดึงผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยออกจากอกเสื้อมาเช็ดถูที่มือไปมาราวกับรังเกียจต้าเหนิงเสียเต็มที
“คงไม่ช้าไป”
คนสนิทท่าทีองอาจนามหานจงประสานมือยิ้มน้อยๆ
เจ้ายี่คุกเข่าลงอีกคน
“อุอะอะ”น่าเบื่อจากคนที่พูดได้ก็ไม่ได้พูดเดินตามมาตั้งใจชวนคุยและขอบคุณเขา แต่เปล่าเลยเขากลับไม่สนใจจะมองหน้าต้าเหนิงแม้แต่น้อย “หวางซื่อ ได้เรื่องแล้ว”หานจงเดินถือกระบี่และห่อของบางอย่างเข้ามา ในวิหารเทียมฟ้า“ว่าอย่างไร”รีบปัดมือลุกขึ้นไปหาหานจงไม่เหลือบตาแลต้าเหนิงที่หน้าเง้าอยู่ตรงนั้น “นี่คือยาที่ท่านหมอเทวดาจัดมาให้สนมเอ่อ ไม่ได้เป็นใบ้ตั้งแต่เกิดจึงพอจะมีทางรักษาอยู่บ้าง นางถูกวางยาจึงพูดไม่ได้ยานี่อาจช่วยฟื้นฟู มิใช่แค่วางยาให้พูดไม่ได้แต่นางถูกว่ายาสารพัดทั้งอาการป่วยไข้และ ร่างกายซูบผอมอ่อนแอ”“ดีเลย”ต้าเหนิงเดินเข้ามาเมียงมอง ทำเพื่อต้าเหนิงหรอกหรือ แต่ดูท่าทีเรียบเฉยนั่นสิโอ้แม่เจ้าคนอะไรจะนิ่งได้ขนาดนั้น นิ่งจริงน้ำนิ่งไหลลึกหรือว่าแอบนิ่งไปอย่างนั้นหน้าหล่อๆไม่น่านิ่งได้นาน“หวางซื่อ” กระซิบกระซาบกัน ไม่สนใจว่าต้าเหนิงจะตะแคงหูฟัง“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่อยากใกล้นางเท่าไหร่เจ้าช่วยเอายานี่ไปให้กับนางกำนัลของเสด็จย่าให้ช่วยเคี่ยวให้สนมเอ่อ”หานจงพยักหน้า“มาแล้วหรือหานจง”เสียงไทฮองไทเฮาที่นางกำนัลพยุงมาที่ลานกว้างของวิหารเทียมฟ้าเอ่ยขึ้นเบาๆน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน“เสด็จย่า”
วังหลวงต้าเหนิงนอนเอกคเนกในเกี้ยวหลังใหญ่ ฉินเกอหลงนั่งนิ่งนับประคำอยุ่อีกฝั่งหนึ่งนั่งตัวตรงหลังแข็งเพื่ออะไรกันระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ หรือว่ารักษาภาพลักษณ์เหมือนพวกนักเรียนนายร้อยที่นั่งยืนตัวตรงตลอดเวลา มีจริงนะคนแบบนี้ ทางไกลมากต้องเปลี่ยนคนหามเกี้ยววนกันไปมาถึงยี่สิบสองคนจากวิหารเทียมฟ้าอย่างนั้นจะทนทรมานไปทำไมต้าเหนิงก็ควรนอนดีที่สุด ฮ่องเต้นั้นตั้งใจส่งเกี้ยวมารับเพื่ออะไรความทรงจำบางเบาของสนมต้าเหนิงในหัวบอกกับต้าเหนิงว่าหลายเดือนมาแล้วไม่เคยได้รับใช้ใกล้ชิด อีกทั้งต้าเหนิงยังนอนป่วยลุกไปไหนไม่ได้ฮ่องเต้นั่นก็ไม่เคยสนใจแล้วยังแต่งตั้งสนมชิงซี ที่ท่าทียั่วยวน เอว่าแต่ต้าเหนิงกับฝ่าบาทนี่ได้เสียเป็นเมียผัวกันหรือยังน้าเกี้ยวจอดลงที่หน้าตำหนักเก่าๆเดิมๆที่มีความทรงจำยอดแย่… ตำหนักที่16… นางกำนัลเจายี่เดินเข้ามาในกรอบหน้าของต้าเหนิง ปรับสีหน้าเศร้าสร้อยกระแอมเบาๆ“พระสนมโอ้พระสนมกลับมาแล้ว”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ตีหน้าเศร้าต้าเหนิงยิ้มย่อกายลงจับไหล่ทั้งสองข้างของเจายี่ ยังกล้าเสนอหน้ามาอีกหรือก่อนหน้านั้นเจ้าคิดว่าคนอย่างต้าเหนิงสมองเสื่อมหรือไร เจายี่เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างแค่เพ
“พระสนมเอ่อต้าเหนิงกลับมาแล้วเพฮะไทเฮา”ไทเฮายิ้มบางๆ“ดีแล้วส่งเทียบยาบำรุง ที่ตำหนักของสนมเอ่อ”“เพฮะไทเฮาแต่ทว่านางไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อ อีกทั้งยังเดินเหินสะดวกเมื่อวานเจายี่บอกว่าพระสนมชักเกร็งแต่สีหน้ายิ่งผุดผาด ราวกับสาวแรกรุ่นข้าน้อยได้ยินเรื่อวที่นางได้ยาจากหมอเทวดามารักษา”ไทเฮาขมวดคิ้ว“เจายี่ไม่ได้รับใช้นางแล้วหรือ”“นางกำนัลเจายี่มาขออาศัยที่ตำหนักพระพันปีของไทเฮานางบอกว่าพระสนมเมื่อวานเกือบจะฆ่านาง ตอนนี้มีเพียง เอ่อ เอ่อไต้ซือเอ๊ย อ๋องฉินจวิ้นหวังที่คอยอารักขาพร้อมด้วยองครักษ์ข้างกายของจวิ้นหวังนามว่าหานจงเท่านั้น”“ระวังปากของเจ้าอย่าได้เผลอเรียกจวิ้นหวังเช่นนี้อีกเป็นอันขาดจวิ้นหวังถึงจะเป็นคนพูดน้อยไม่เคยกล่าวโทษใครและไม่ถือสาทว่าเป็นถึงจวิ้นหวังเจ้าควรระวังปากมากกว่านี้”“พ่ะย่ะค่ะ”ก้มหน้าสำนึกผิดปลอม“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไร”“ไม่เช่นไรพ่ะย่ะฮะแค่ได้ยินว่าฝ่าบาททรงให้ช่างในวังหลวงบูรณะตำหนักไร้ชื่อหรือตำหนักที่16ของสนมเอ่อแล้วมีประทานอนุญาตให้อ๋องฉินพำนักที่นั่นได้…สักสองสามวัน”“พำนักที่นั่นหรือสนมกับจวิ้นหวังเช่นไรจึงให้ใกล้ชิดกัน”ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“ฝ่าบาทอาจะทรงรู้ว่า
“คุณ ไม่สิท่านอ๋อง จะเริ่มอย่างไรดี ฉัน..คือ..ต้าเหนิงคือข้า”อีกคนยังคงนั่งนับปะคำ“นั่งลง อย่ามาเดินวนรอบตัวข้า”หลับตาแล้วเห้นว่าเดินวนได้อย่างไรแอบมองสิท่านั่งลงชันเข่าจ้องอีกคนที่นับปะคำ“ไต้ซือ ท่านละทิ้งทางโลกได้จริงๆหรือ”เท้าคางมองยังไม่ทันจะได้ิยนคำตอบหานจงกลับเข้ามาอีกครั้ง“หวางซื่อองครักษ์ของวังหลังออกค้นหาคนร้ายในเขตวังหลังหานจงจึงกลับมาอารักขาท่านอ๋อง”“หานจง ..ข้าพูดได้แล้ว” เดินมากางแขนหมุนรอบๆข้างหน้า หานจงเลิกคิ้วสูงยิ้มกว้าง“หือ ยาของท่านหมอเทวดานี่ดีจริงๆ”ต้าเหนิงยิ้มกว้างสดใส อ๋องฉินหลุบตามองพื้นเสีย“คิดว่าไม่พบแน่”“ขอรับไม่มีทางจะพบไม่ว่าจะด้วยเหตุใด”“ไปนอนได้แล้ว”อ๋องฉินสั่งต้าเหนิงที่มานั่งตากลมบ้องแบ๋วคอยฟังอ๋องฉินกับหานจงคุยกัน“ยังไม่ง่วง”“บอกให้ไปนอนก็ไปนอน นี่ยามโฉว่แล้วไปนอนได้แล้ว”“ใครจะหลับลงเล่าเพิ่งจะผ่านการถูกความตายมาหมาดๆ”“หานจง ส่งพระสนมเข้านอน”หานจงชี้มือที่อกของเขา“เอ่อหวางซื่อ ให้หานจงหรือขอรับ”“เจ้านั่นแหละนางพูดมากน่ารำคาญและเรื่องที่เราจะหารือกันนางก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้คอยตะแคงหูฟัง”นี่ก็พูดตรงเกิน แต่ถ้าจะพูดตรงๆกว่านี้ว่านายกำลังจะน
“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ””ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”พยักหน้าขึ้นลง“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือ
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท
“ที่นี่คือ”“ซูตงขอรับ”“ซูตง”“ดินแดนซูตงที่โอบลอ้มไปด้วยหุบเขาและแมกไม้พวกท่านไม่มีทางผ่านเข้ามาได้หากไม่เคยมาที่นี่ และมีคนนำทาง”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงจริงด้วยเพราะตอนที่ขเ้ามาต้าเหนิงเอาแต่ห่วงฉินเกอหลงจนไม่มีเวลาได้ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆตัวรู้แค่ว่ามันคือหุบเขาทางเข้าเป็นม่านน้ำตกข้างในเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนคงเคยเป็นปล่องภูเขาไฟแต่ตอนนี้มอดดับจึงเหลือแต่ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้และสายน้ำลำธาร“เคยได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าวถึงที่นี่เยียนฉือ เจ้ารู้จักท่านหมอที่ชื่อเยียนฉือหรือไม่”เสี่ยวจิ้งยิ้มดวงตาพร่างพราวท่านหมอวางหลวมยาพร้อมกับเดินเข้ามาจับชีพจร“ท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือคือคนที่สอนวิชาแพทย์แก้ข้าน้อย หากว่าท่านคือสหายเช่นนั้นข้าน้อยคงต้องดูแลท่านราวกับสหายคนหนึ่งเช่นกัน”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“แหมท่านหมอนะหรือสนิทกันที่สุดเลยเป็นคนสนิท..อุ๊ป”รีบยกมืออุดปากตัวเองพูดมากไปแล้วต้าเหนิง“ท่านหมอกับเราสองคนมีมิตรภาพพี่ดีต่อกันอย่าพูดว่าเป็นดังสหายเรากับท่านหมอ รู้จักเพียงผิวเผิน”ฉินเกอหลงรีบแก้ต่าง ต้าเหนิงขมดคิ้วว่าทำไมไม่ขิงไปเลยว่าสนิทกับท่านหมอเทวดานั่นพวกเขาจะได้รู้สึกว่าเป็นคนกันเอง“โอ้
“ไฉหรานเจ้าทำแบบนี้พี่ใหญ่เฉินของเจ้าจะแบกรับภาระไม่ไหวนะ”เชียวกงเล่อพูดยิ้มๆ“เชอะก็ข้าอยากจะฝึกกระบี่ให้เก่งกาจขึ้นกว่าเดิมจะได้ จัดการกับคนเร่รอนสองคนนั่นให้พวกเขาเห็นว่าคนซูตงเก่งกาจเพียงใด”“น้องสาวเจ้าก็เก่งอยู่แล้วนี่จะต้องกลัวอะไรแล้วใครกันทำน้องสาวข้าให้อยากเอาชนะเพียงนี้”“พี่ใหญ่เฉินท่านถามพี่ใหญ่เชียวดูสิเขาชื่นชมคนเหล่านั้นทำให้ข้าโดนท่านพ่อตำหนิแล้วยังห้ามไม่ให้ข้าจัดการพวกเขาเสียก่อนให้อยู่หมัดไม่เข้าใจริงๆว่าทำไมต้องเอาใจพวเขาเพียงนั้น ถึงกับต้องรั้งพวกเขาอยู่ที่นี่”“นี่เจ้าแอบฟังข้ากับท่านพ่อคุยกันหรือไรไร้มารยาท”“พี่ใหญ่เฉินเห็นไหมพวกเขากันข้าออกจากฝูงแล้วเอาใจคนอื่น”เสียงยังออดอ้อน“ใครกันคนแปลกหน้าเหมือนว่าคนพวกนั้นจะทำให้ไฉหรานขุ่นเคืองไม่น้อยแล้วทำให้พี่ใหญเชียวของเราออกโรงปกป้องเพียงนั้น”“ฮะฮะฮะฮ่า อย่าได้สนใจเลยก้แค่คนเร่ร่อนธรรมดา ไฉหรานก็แค่หาใครในซูตง ประอลงด้วยไม่ได้ทุกคนต่างยอมแพ้ก็เลยคันไม้คันมือก็เท่านั้น ส่วนข้าก็ในฐานะจ้าวบ้านก็ต้องดูแลแขกบ้าน”“หือ คนในซูตต่างยอมแพไฉหรานหมดเลยหรือ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝีมือก้าวหน้าเพียงนี้” เชียวกงเล่อยิ้มขำ“ใครบอกที่
“ดีขึ้นหรือยัง”กงเล่อเอ่ปากทักเมื่อเห้นว่าต้าเหนิงนั่งสัปหงกเอามือเท้าคางมองฉินเกอหลงบนแท่นนอนไม้ไผ่ เขาวางผ้าห่มผืนใหม่ลงบนโต๊ะข้างๆ“ไม่ดีขึ้นไม่เห็นว่าเขาเอ๊ยสามีข้าจะฟื้นคืนสติ หมอหลวงเอ๊ยหมอของพวกท่านเชื่อถือได้หรือไม่”คิดถึงท่านหมอเทวดาเยี่ยนแือขึ้นมาทันที แล้วหานจงหากรู้ว่าหวางเย่ของเขาบาดเจ้บแบบนี้จะต้อง หนักใจอีกแน่ สองคนนั้นป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง“ถึงจะเป็นหมอบ้านป่าแต่ก้พอจะดูแลคนบาดเจ็บได้แน่ๆ และอาจจะไม่มียาดีเพราะนี่คือบ้านป่าแต่สมุนไพรหลายอย่างที่มีคุณภาพกว่าสุมนไพรแห้งๆ”ทรุดกายยลงข้างๆต้าเหนิงที่รีบลุกขึ้นยืนเชียวกงเล่ออมยิ้มขำกับท่าทีระวังตัวของต้าเหนิง“กล้วข้าหรือ”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก เชียวกงเล่อยิ้มบางๆ“กลัวก็บอกว่ากลัว นับถือนับถือแต่ไม่ต้องกลัวข้าเพราะข้าไม่นิยมขืนใจภรรยาชาวบ้าน”พูดที่เล่นที่จริงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย“พูดแบบนี้แสดงว่าหากเป็นหญิงอื่นที่ผลัดหลงเข้ามาไม่มีสามีท่านก็จะขืนใจเช่นนั้นหรือ” เชียวกงเล่อยิ้มขำ แม่นางคนนนี้ช่างเจรจายิ่งนัก นางคงพูดจ้อได้ทั้งวันหากคนคนนั้นเป็นคนที่นางวางใจ“พูดแบบนี้ข้า เลยนึกขึ้นมาได้ว่าจะให้เสี่วจิ้งมาดูแลเจ้
เรือนใหญ่กลางหมู่บ้าน เชียวกงเล่อยืนก้มศรีษะตรงหน้าบิดาเชียวกวงเล่อข้างหน้าสาวน้อยวัยสดใสทว่าท่าทีราวกับจอมยุทธ์หนุ่มเชียวไฉหรานยืนอยู่ข้างๆบิดากับมารดา เชียวหรูเหมินที่อยู่ในวัยกลางคนทว่ายังสาว“อาการบาดเจ็บของคนแปลกหน้าคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอครับท่านพ่อ บาดเจ็บไม่น้อยแต่เพราะเพลงกระบี่ของเขาเยี่ยมยอดทีเดียวเลยทำให้ พวกเราไม่อาจล้มเขาได้ต้องใช้ คนของเราถึงสอบสองคนจึงทำให้เขานิ่งได้ขอรับ”เชียวไฉยาอ้าปากค้าง“พวกท่าน ไร้ความสามารถกันเองหรือเปล่าถึงได้ พ่ายแพ้แก่เขาเพลงกระบี่ใครกันจะยอดเยี่ยมกว่าเพลงกระบี่ซูตงของเราได้อย่างไรกัน”น้ำเสียงหยิ่งยโสไม่ได้น่าเอ็นดูเหมือนหน้าตา“ไฉหราน”เสียงมารดาปรามเบาๆคิ้วเรียวขาวขมวดเข้าหากัน เชียวกงเล่อยิ้มน้อยๆ“ลูกอ่อนหัดจริงๆท่านพ่อเพียงสองกระบวนท่าก็แพ้ให้กับคนแปลกหน้านั้น หากไม่ใช้คนหมู่มากเหมือนที่ฮูหยินเขากล่าวโทษว่าพวกเราเป็นหมาหมู่ ก็คงไม่อาจเอาชนะเขาได้”ไฉหรานยิ้มมุมปาก“คนแปลกหน้าป่าเถื่อนนั่นจะเก่งกว่าคนซูตงของเราได้อย่างไร”“ไฉหรานเจ้าผิดแล้วคนจากวังหลวง บางคนสามารถต่อกรกับนักรบของเราได้ถึงสิบคนได้ง่ายๆการที่จะรับหน้าที่องครักษ์ของอ่องเ
กลางป่าหนทางมุ่งหน้าสู่สุ่ยจิง“ไหวไหม เยี่ยนแือพยุงร่างอ่อนแรงของหานจงยังถ้ำเล็กๆที่แทบจะมองไม่เป็นปากถ้ำเพราะมีต้นไม้ปกคลุมเป็นดงหนา หานจงอดสงสัยไม่ได้ว่าเยี่ยนฉือรู้ได้อย่างไรว่ามีถ้ำอยู่ที่นี่ คนอื่รับรองไม่มีใครรู้แน่แม้แต่หานจงที่เข้ามาในตอนแรกมองไม่เห็นปากถ้ำด้วยซ้ำไปแจ่เยียนฉือกับแหวกดงไม้หนาพาหานจงเร้นกายเข้ามาในถ้า หากจะลึกลับเพียงนี้หานจงคิดอยู่ที่นี่ได้ยาวๆเพราะไม่มีทางที่ใครจะหาเขากับเยียนฉือพบ“พักก่อนคงไม่มีใครตามมาแล้ว จากที่ข้าคาดเดาพวกเขาหยุดที่จะค้นหาเราแล้ว เพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“เขาได้ตัวหวางเย่กับสนมเอ่อไปแล้วหรือ”“เจ้าน่ะนะเลิกเรียกเอ่อต้าเหนิงว่าพระสนมได้แล้วไม่เห็นหรือไรว่านางเป็นตายไม่ยอมทอดกายให้กับกัวกั๋ว ทำไมเราไม่ให้เกียรติในสิ่งที่นางไม่อยากเป็น เลิกยัดเยียดคำว่าพระสนมให้นางเสียที”“เข้าใจแล้วน่า”“นั่งลงก่อนสิ”หานจงพยักหน้าเจ็บปวดไปทั่วตัวบาดแผลก็มีทั้งลึกทั้งตื้นสร้างความเจ็บปวดให้กับหานจงไม่น้อย“โอ๊ะๆๆเจ็บจัง”หานจงทำหน้าตาเหยเก ทิ้งตัวลงบนพื้นเยี่ยนฉือรีบเข้าประคอง”“ฝีมือกระบี่เจ้ายังต้องพัฒนาอีกไกล เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเอาชนะผู้ที่ผ่านการฝึ
“ลุกขึ้นหยุดร้อง”เชียวกงเล่อฉินเกอหลงก้มหน้าดวงตาพร่ามัว ไม่ชอบหยาดน้ำตาของต้าเหนิงไม่ว่านางจะเสแสร้งหรือจริงใจ สติดับวูบด้วยอาการบาดเจ็บ“สามี๊ฮือออออออออออออย่าตายนะ”ถลาแหวกฝูงชนเข้าไปกอดร่างสูงแน่นิ่ง ตกใจไม่น้อยอันนี้ไม่ได้แกล้งละหน้าเสีย ถ้าฉินเกอหลงตายจริงๆต้าเหนิงก็แย่สิ จะต้องพบกับอะไรอีกหนอ คราวนี้กลายเป็นน้ำตาจริงน้ำตาแห่งความกลัวและตื่นตกใจ“ม่ายยยยยนะจะตายไม่ได้นะฮือออออออย่าทิ้งข้าไปนะฮือออออแย่แล้ว ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยพวกเจ้าใจดำอำมหิต…เหลือเกิน ทำไมอยู่ดูเฉยๆเล่าช่วยเขาหน่อยฮืออออออออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”ฉินเกอหลงลืมตาขึ้นช้าๆพูดเบาๆ แล้วหมดสติไปอีกครั้งอาจเพราะต้าเหนิงเขย่าตัวหรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่“พวกเจ้าช่วยเขา”เชียวกงเล่อสั่งดังประกาศิต ลูกสมุนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาพยุงดึงแขนดึงขา รับเอาร่างไร้สติของฉินเกอหลงขึ้นไปบนหลังมาแล้วพากลับหมู่บ้านของพวกเขา“เจ้าจะมากับเราไหม”ต้าเหนิงส่ายหน้า เรื่องอะไรจะขึ้นไปบนหลังม้าตัวเดียวกับคนแปลกหน้า“อย่างนั้นก้วิ่งตามม้าไป ไม่แน่นะจากที่ร้องไห้ฟูมฟายว่าสามีเจ้าจะตายทิ้งเจ้ากับ..ลูกในท้องอาจจะเป็น เจ้าที่ตายก่อนสามี”“มี
ยกมือขึ้นกอดรอบเอวหนาไว้ยิ้มสดใสขอกอดนอนสักคืนเถอะน่าคนอาไร้ น่ารักที่สุดกอดนอนแล้วอุ่นที่สุดเกลือกกลิ้งใบหน้ากับอกกว้างเป็นสุขหลับไหลไปในอ้อมกอดของฉินเกอหลงทั้งอุ่นทั้งรู้สึกปลอดภัยวังหลวงในตำหนักพระพันปีที่บัดนี้ในห้องมีเพียงเฉินตงลี่กับไทเฮาเพียงลำพังหลังจากที่ เฉินตงลี่แวะไปที่ตำหนักของกัวกั๋วฮ่องเต้ที่นอนไม่ได้สติ“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาททรงได้รับยาถอนพิษแล้วแต่อาจจะยังไม่ฟื้นในตอนนี้ข้าน้อยเฉินตงลี่จะเรียกเรียกประชุมเหล่าขุนนางเพื่อแสดงความยินดีกับไทเฮาตำแหน่งผู้สั่งการ ในวังหลวงแทนฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้หวังว่าไทเฮาจะเตรียมตัวให้พร้อม ”ไทเฮายิ้มลุกขึ้นยืน ส่งมือให้กับใต้เท้าเฉินที่จุมพิตหลังมือเบาๆ“ท่านจะเคียงข้างข้าใช่ไหมเฉินตงลี่แล้วท่านจะสามารถช่วยให้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่สนับสนุนข้าใช่ไหม เรื่องนี้ท่านจะทำให้ข้าใช่ไหม”“มิใช่แค่สี่ตระกูลแต่ขุนนางน้อยใหญ่รวมทั้งแม่ทัพและค่ายฝึกที่เผยจ๋ายจะเชื่อฟังคำบัญชาของไทเฮาเพื่อตบแทนตำแหน่งราชครูของเฉินตงลี่”ไทเฮาเดินไปที่ราวแขนเสื้อคลุมเฉินตงี่รีบมา หยิบเสื้อคลุมปักลายหงส์สวมทับให้อย่างเอาใจ ไทเฮายิ้มยกมือขึ้นลูบไล้ลวดลายบนผ้าดวงตา ฉายแ
“ท่านมาได้ทันเวลาพอดีเลยนะใต้เท้าเฉิน”รอมยิ้มหยักที่มุมปากไม่ได้บ่งบอกอะไรแม้แต่น้อยใครเดาออกกันเล่า“ข้าน้อยเพิ่งจะทราบข่าวรีบรุดมาที่นี่เพราะ…ห่วงใย”“ช่างเถอะยานี่ พอจะทำให้กัวกั๋วรอด ถึงจะต้องนอนป่วยเป็นผักก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่อาจตัดใจให้เขาตาย ถึงจะไม่เคยเชื่อฟังข้าดื้อดึงมาตลอดแต่ในส่วนลึกแล้วเขาคือลูกคนเดียวของข้ามีแแม่สักกี่คนที่อยากเห็นลูกตายไปต่อหน้า”“ต่อไปอำนาจสั่งการทั้งหมดก็คือของพระนาง จะตัดชุดหงส์สีทองไว้รอก็ไม่น่าเกลียด ด้านหน้าเป้นฝ่าบาทที่นอนเป็นฉากหน้าให้เหล่าขุนนางได้เห็นด้านหลังม่านเป็นไทเฮา หรือจะให้เฉินตงลี่เรียกว่าหวงตี้ดี”ไทเฮายิ้มอีกครั้งส่งมือเรียวให้กับเฉินตงลี่“ดี ดีที่สุด”รอยยิ้มนี้ใครบ้างจะคาดเดาไม่ได้ เป็นรอยสมหวังอย่างที่สุดกลางป่า“หิวแล้ว”เสียงออดอ้อนจนน่าสงสาร“ท่านอ๋องงงงงงงข้าหิวแล้ว”เดินชนกับร่างสูงที่หยุดเดินกระทันหันฉินเกอหลงคว้าเอวบางไว้ก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้น“เช่นนั้นต้องพักใช่ไหมระยาทางจากที่นี่ถึงสุ่ยจิงยังอีกไกลเราควรจะเร่งเดินทางพักเพียงชั่วประเดี๋ยว”จริงด้วย เหมือนในซีรีย์อะเนอะพระเอกก็เร่งนางเอกก็หิวก็เหนื่อยและขาแพลงต้าเหนิงก็ไม่