“คุณ ไม่สิท่านอ๋อง จะเริ่มอย่างไรดี ฉัน..คือ..ต้าเหนิงคือข้า”อีกคนยังคงนั่งนับปะคำ
“นั่งลง อย่ามาเดินวนรอบตัวข้า”หลับตาแล้วเห้นว่าเดินวนได้อย่างไรแอบมองสิท่า
นั่งลงชันเข่าจ้องอีกคนที่นับปะคำ
“ไต้ซือ ท่านละทิ้งทางโลกได้จริงๆหรือ”เท้าคางมอง
ยังไม่ทันจะได้ิยนคำตอบหานจงกลับเข้ามาอีกครั้ง
“หวางซื่อองครักษ์ของวังหลังออกค้นหาคนร้ายในเขตวังหลังหานจงจึงกลับมาอารักขาท่านอ๋อง”
“หานจง ..ข้าพูดได้แล้ว” เดินมากางแขนหมุนรอบๆข้างหน้า หานจงเลิกคิ้วสูงยิ้มกว้าง
“หือ ยาของท่านหมอเทวดานี่ดีจริงๆ”ต้าเหนิงยิ้มกว้างสดใส อ๋องฉินหลุบตามอง
พื้นเสีย
“คิดว่าไม่พบแน่”
“ขอรับไม่มีทางจะพบไม่ว่าจะด้วยเหตุใด”
“ไปนอนได้แล้ว”อ๋องฉินสั่งต้าเหนิงที่มานั่งตากลมบ้องแบ๋วคอยฟังอ๋องฉินกับหานจงคุยกัน
“ยังไม่ง่วง”
“บอกให้ไปนอนก็ไปนอน นี่ยามโฉว่แล้วไปนอนได้แล้ว”
“ใครจะหลับลงเล่าเพิ่งจะผ่านการถูกความตายมาหมาดๆ”
“หานจง ส่งพระสนมเข้านอน”หานจงชี้มือที่อกของเขา
“เอ่อหวางซื่อ ให้หานจงหรือขอรับ”
“เจ้านั่นแหละนางพูดมากน่ารำคาญและเรื่องที่เราจะหารือกันนางก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้คอยตะแคงหูฟัง”นี่ก็พูดตรงเกิน แต่ถ้าจะพูดตรงๆกว่านี้ว่านายกำลังจะนินทาฉัน
“ไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครไปส่งนอนฉันไปเองก็ได้”ต้าเหนิงลุกขึ้นเดินช้าๆเข้ายังแท่นนอนด้านใน
“หวางซื่อ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้”
“นางงดงามและยังทำตัวใกล้ชิดกับเราเกินไป”หานจงยิ้มเจื่อนๆ
“หานจงหมายถึงเรื่อง เรื่องการลอบสังหารในครั้งนี้” อ๋องฉิน เงยหน้าขึ้นถอนหายใจแก้เขิน
“ข้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นางทำไมถึงมีคนอยากให้ตายมากขนาดนี้นางมีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องไหนกันแน่”
“ไทฮองไทเฮาจะต้องให้คำตอบได้แน่”หานจงตั้งข้อสังเกต
“เสด็จย่าไม่ได้ใช้ชีวิตในวังหลวง ปีปีหนึ่งเร้นกายที่วิหารเทียมฟ้าเช่นไรจึงจะเข้าใจเรื่องราวในวังหลวง”
“เช่นนั้นคงต้องหาคำตอบเพียงลำพัง ข้าน้อยเห็นว่าพระสนมน่าเอ็นดูเพียงนี้หากจะมีใครสักคนที่อยากให้นางตายก็คงเป็นฮองเฮา กุ้ยเหรินกุ้ยเฟย สนมอันดับต่างๆของฝ่าบาทและอาจมีนางกำนัลอีกส่วนที่เคยรับใช้นางอย่างเช่นนางกำนัลเจายี่คนนั้น แต่พวกนางคงได้แค่คิดไม่ได้ลงมือ”
“ข้าเห็นว่าเจายี่เกือบจะลงมือกับนางแต่นางเสแสร้งว่าไม่รู้เรื่องนี้แล้วหาทางเอาคืนเจายี่ จะเห็นได้ชัดว่านางถีบกัดเจายี่จนนางต้องหนีไปไม่อยู่รับใช้เหมือนที่ควรจะเป็น”หานจงยิ้ม
“หวางซื่อท่านช่างสังเกตยิ่งแล้ว เช่นนั้นคงมีหลายคนที่อยากให้นางตายทว่าเหตุผลหลักๆก็ยังไม่อาจทราบได้”
“เจ้ายังไม่รู้อีกหรือหานจง เห็นได้ชัดว่านางร้ายกาจฉลาดเป็นกรดหากแต่ทำทีราวกับคนโง่งมต่อหน้าเรา ย้ำว่าต่อหน้าเรา เพราะเจายี่นางรับใช้สนมเอ่อมานานนางเองคงรู้ว่าต่อไปจะต้องลงปรโลกไปแน่หากยังอยู่ข้างกายสนมเอ่อ”
“หวางซื่อท่านมองพระสนมในแง่ร้ายไปหน่อยหรือไม่”
สีหน้าของอ๋องฉินยังคงเรียบเฉย หลุบตามองพื้น
“หญิงงามมักจะนำความยุ่งยากมาให้ เช่นนั้นไม่ควรวางใจพวกนาง”หานจงยิ้ม
“ราวกับหวางซื่อ เคยถูกหญิงงามกระทำย่ำยี”
“พรุ่งนี้จะต้องสืบหาตัวคนร้ายให้ได้ ในวังหลังไม่ยินยอมให้ผู้อื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปข้างในเพราะเป็นที่ที่เหล่าสนมของฝ่าบาทรวมทั้งฮองเฮาและไทเฮาประทับที่นั่นเราก็ควรหาทางสืบข่าวด้วยตัวเอง”เปลี่ยนเรื่องเสีย
“ขอรับ พรุ่งนี้หานจงจะลองหาทางสอบถามเรื่องนี้กับคนจากวังหลัง”ฉินเกอหลงถอนหายใจ
“ติดต่อใต้เท้าลู่ให้ช่วยในเรื่องนี้ บางทีเราควรจะเปลี่ยนแผน”ต้าเหนิงเอาหูแนบกับบานประตูตั้งใจฟังคนทั้งสองพูดคุยและนินทาต้าเหนิง
“ชิ ใครๆก็อยากให้ฉันตายงั้นเหรอแล้วคิดว่าฉันจะยอมตายง่ายๆหรือไรไม่มีทางโป๊กกกก…”อ๋องฉินเปิดประตูกระแทกเข้าที่หน้าผากเนียน
ต้าเหนิงคลำหัวปอยๆ พยักนห้าใฟ้กับหานจงว่าให้มาดูความร้ายกาจของต้าเหนิงไม่ผิดกับที่พูดไว้ หานจงอมยิ้ม
“เจ็บนะโว๊ย”อ๋องฉินส่ายหน้า
“ไปนอนได้แล้ว พระสนมควรจะพักผ่อนมิใช่มายืนแอบฟังผู้อื่นคุยกันเช่นนี้”หานจงรีบพูดขึ้นก่อนที่ฉินเกอหลงจะโมโหผายมือเชิญ ต้าเหนิงให้กลับเข้าไปในแท่นนอน
ต้าเหนิงหน้าเง้า
“ก็ได้ไม่เห็นจำเป็นต้องดุนี่พูดดีดีก็ได้”เดินไปหน่อยนึงเหมือนเพิ่งจะคิดอะไรขึ้นมาได้ พุ่งตัวเข้าไปกระจุ๊บที่แก้มของอ๋องฉินจวิ้นหวังอย่างจัง
“ขอบคุณที่ช่วยข้า”ทำท่าจะกระโดดไปจุ๊บหานจงที่รีบยกมือกันไว้ อ๋องฉินแก้มแดงถึงใบหู
“อ่าพระสนมไม่ต้องเกรงใจขอรับ”หานจงรีบสั่งเสียงห้ามแต่อ๋องฉินกับ ออกลูกโมโห
“นี่เจ้าไม่มีสงวนท่าทีเช่นหญิงงามทั่วไปเจ้าเป็นถึงสนมของฝ่าบาท”ตอนโมโหนห้าแดงนี่น่ารักดีแฮะ
“ใครสน พวกท่านช่วยชีวิตข้าก็ต้องขอบคุณแต่ตอนนี้เงินสักอี่แปะยังไม่มีเลยข้ามาอยู่ที่นี่พี่น้องก็ไม่มี คนหวังดีก็ไม่มีมีแต่คนคอยจ้องจะฆ่าแกงพวกท่านเป็นใครก็ไม่รู้ปกป้องข้าเพียงนี้ก็ควรขอบคุณเถอะ”
“เลอะเลือนไปนอนเสีย”น้ำเสียงตำหนิชัดเจนแล้วก็ก้าวขาจากไป ต้าเหนิงเบ้ปากคนอะไร เหมือนกับน้ำแข็งเย็นชาสิ้นดี
ห้องบรรทมกัวกั๋วฮ่องเต้
“ฮืมมม หลายวันมานี้สนมซิงซีไม่มีอะไรดึงดูดใจข้าแล้ว ให้ตายสิข้ากำลังคิดถึงสนมคนหนึ่งที่นางยั่วยวนและเร้าใจข้าในยามอุ่นเตียงยิ่งนัก”
ขันทีชราตั่วเค่อประสานมืออมยิ้ม
“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ””ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”พยักหน้าขึ้นลง“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือ
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
“เรื่องอะไรขอรับ”สาวเท้าเดินเข้าไปข้างในหานจงเดินขวางหน้าไว้ ท่านอ๋องขอรับเรื่องอะไรขอรับที่ฝ่าบาทพูดถึงพระสนม”นางกำนัลสามสี่คนวิ่งสวนทางออกมาพร้อมกับย่อกายแล้วจากไป“พวกนางรีบร้อนอะไรกัน” หานจงยิ้มเจื่อนๆ“เอ่อ หวางซื่อท่านยังไม่ได้บอกข้าน้อยว่าฝ่าบาททรงพูดถึงพระสนมว่าอย่างไร”“ก็พูดพร่ำเพ้อถึงนาง แล้วเจ้ามาขวางข้าไว้ทำไม”“เอ่อ ก็หานจงอยากจะรู้เรื่องที่หวางซื่อคุยกับฝ่าบาท”ฉินเกอหลงสาวเท้ายาวๆข้างในนั่น ต้าเหนิงกำลังโกยเอาเงินเหรียญอย่างรีบร้อนร่วงหล่นเกลื่อนพื้นคลานลงไปเก็บเอาเงินเหรียญ เต็มไม้เต็มมือ“ดวงดีที่สุดแหมเสียดายจริงๆคนเย็นชานั่นมาเสียได้”คลานไปคว้าเหรียญที่กลิ้งหลุนๆไปแทบเท้าของใครบางคน ต้าเหนิงเงยหน้าขึ้นช้าๆปล่อยเงินเหรียญที่หอบไว้ตรงหน้าอกร่วงเกลื่อนพื้นด้วยความตกใจ“การพนันอย่างนั้นหรือ”“ไม่ผิดศีลเสียหน่อยการพนันไม่ได้มีอยู่ในศีลห้าข้อ”“ไม่ควรอย่างยิ่งเจ้าเป็นถึงสนมที่ฝ่าบาทโปรดปราน แล้วทำตัวเป็นหัวโจกแบบนี้ พาพวกนางกำนัลทำเรื่องที่ต้องห้ามในวังหลวง”ต้าเหนิงเบ้ปาก“ไม่ต้องดุก็ได้นี่"คนอะไรหล่อก็หล่อท่าทางก็ดูดีแต่ทำไมชอบดุเอาแบบนี้ครั้งนี้ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายก
พูดตรงๆเลยหรือไม่อ้อมค้อมหน่อยหรือ แล้วสนมต้าเหนิงนี้ร้ายขนาดนั้นเลยหรือ แล้วคนร้ายๆแบบนั้นทำไมถึงเอาตัวเองไม่รอด“เฮ้อพูดไปก็ไม่อยากรื้อฟื้น สนมเอ่อกลายเป็นที่โปรดปรานขึ้นมาอีกครั้ง ข้าในฐานะไทเฮา ก็ไม่อยากให้เจ้าให้นิสัยเดิมๆอีกให้รู้จักผ่อนหนักเบา เมื่อหลายวันก่อนเจายี่พบข้าเพราะอยากย้ายไปตำหนักพระพันปีอ้างว่าเจ้าทำร้ายนางแม้จะบอกว่าสนมเอ่อไม่ตั้งใจ แต่เจายี่นางให้กลับก็ไม่กลับอ้างว่าสักวันไหนสนมเอ่อจะพลั้งมือฆ่านางเข้าสักวัน เอ่อต้าเหนิง ต่อไปวางตัวให้ดีให้ผู้คนรักใช่เกรงกลัว ตำแหน่งฮองเฮาฮ่องเต้ก็ยังเฟ้นหา เจ้าเป็นที่โปรดปรานก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม”ต้าเหนิงยิ้ม “เอาแบบนี้ข้าตั้งใจส่งนางกำนัลให้เจ้าอีกสักคนสองคนเพราะเวลาฝ่าบาทเรียกเจ้าเข้าปรนนิบัติก็จะไม่มีใครคอยดูแลเจ้า”ก็ควรจะตามน้ำใช่ไหม“ต้าเหนิงขอบพระทัยไทเฮา” จะต้องอยู่ได้อยู่เป็นสินะไอ้เรื่องที่หาทางกลับบ้าน ตอนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แค่อยู่ที่นี่ให้มีความสุขไม่สิให้รอดปลอดภัยเพราะตระกูลเอ่อนี่เหลือต้าเหนิงคนนี้คนเดียวแล้ว“ดีแล้ว วันนี้ข้านำเครื่องประดับมามอบให้เจ้า คืนนี้สวมมันพบกับฝ่าบาทหวังว่าจะเชื่อฟังข้าไม่เหมือนที่แล้วมา
“เมื่อไหร่จะวางตัวเช่นดังหญิงที่กิริยาดีเสียทีทำเช่นนี้ ไม่แค่ทำให้เจ้าเสียหายทว่าข้าก็…”“ก็อะไร”“ก็จะไม่อาจทนอารักขาเจ้าได้อีกต่อไป”หน้าชา หน้าร้อน หน้าแดง ก็โดนเขาว่าจังๆแบบนี้“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อยแต่ เอาจริงๆนะฉันเอ๊ยข้าหมายถึงว่าไม่เคยนอนกับฮ่องเต้อะไรนั่นเสียหน่อยแล้วก็กลัวที่จะต้องเข้าไปใกล้ชิดใครก็ไม่รู้”“จะต้องกลัวทำไมในเมื่อเจ้าเป็นสนมของฝ่าบาท เข้ามาเพื่อเป็นสนมและเต็มใจที่จะเข้ามาเป็นสนม ไม่ได้มีใครฝืนใจเจ้าเสียหน่อย”พูดตามความจริงที่เห็น“ต้าเหนิงคนนั้นอาจไม่ฝืนใจแต่ฉัน เอาจริงๆนะจะมาพูดอะไรแบบนี้ ถึงจะบอกว่าที่นี่สมัยโบราณแบบนี้ที่วังหลวงแบบนี้จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาก็เถอะถึงฉันจะคิดว่าที่นี่วังหลวงก็เถอะถึงจะคิดว่าตัวเองเป็นสนมก็เถอะ ตะตะแต่ฉันฮืออออออไม่เคยเลยสักครั้งแค่จูบก็ยังไม่เคยฉันเพิ่ง18เองนะฮือออออๆๆๆๆๆท่านที่เป็นบุรุษก็พูดได้สิครั้งแรกของท่านเคยหรือยัง สำหรับผู้หญิงอย่างฉันครั้งแรกมันน่ากลัวมากเลยนะแล้วก็กับใครไม่รู้นั่นอีกฮ่องเต้อะไรนั่นก็จ้องจะงาบ คืนนี้จะรอดไปไหมไม่ตายก็โดน จับ..ยัดสำหรับผู้หญิงมันน่ากลัวมากเลยนะ ดูท่านสิแค่ฉันหอมแก้มแค่ฉันเข้า
“ไปล้างหน้าเจ้าเสียแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งให้ฝ่าบาทเห็นเจ้าในสภาพนี้ไม่ได้”ต้าเหนิงกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ เดินหายไปวิดน้ำในชามล้างหน้าน้ำเย็นเฉียบทำเอาสติกลับมา ต่อแต่นี้จะต้องเอาตัวรอดเพียงลำพ้งแล้ว จะต้องงัดทุกกลวิธีเพื่อเอาตัวรอดนำค่ำคืนนี้สูดลมหายใจเข้าลึกสุดลึกอีกครั้ง ใครจะยอมเป็นเมียใครก็ไม่รู้แล้วยังต้องใช้สามีร่วมกับคนอื่นต้าเหนิงไม่มีทางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาเดินมากระแทกตูดลงบน เก้าอี้ฉินเกอหลังเดินมา ด้านหลังต้าเหนิงลอบมองใบหน้าหล่อเลหาที่สะท้อนจากกระจกเงา ขยับปะคำที่ถือประจำคล้องไว้ที่วงแขนยกมือเรียวขึ้นมาปลดแกะมวยผมที่หล่นลงมารุงรังหลังจากที่นางกำนับเหล่านั้นจัดสรรให้อย่างงดงามอี้หลินก็ทำมันพัง หยิบหวีบรรจงสางผมให้อย่างอ่อนโยน“ไว้พรุ่งนี้เจ้าจึงจะเข้าใจข้า”พูดเบาๆราวกระซิบ ต้าเหนิงแทบไม่ได้สนใจว่าอีกคนพูดอะไรเอาแต่มองใบหน้าหล่อเหลาที่สะท้อนจากกระจกเงามันงดงามจนอดมองไม่ได้ งดงามที่เรียกว่างดงามผู้ชายอะไรสวยขนาดนี้มือเรียวยังคงจัดแต่งมวยผมให้อย่างเบามือ ก่อนจะจับไหล่บางให้หันหน้านิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมให้เข้าที่ หยิบผ้าเช็ดหน้าหอมกรุ่นที่ข้างเอวมาบรรจงซับน้ำที่
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห