“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”
“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว
“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ”
”ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง
“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”
“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”
“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”
พยักหน้าขึ้นลง
“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”
“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือท่านนั้นจะชื่นชอบหญิงใดได้ในเมื่อเขาเองเป็นได้แค่ไต้ซือ”
“ฮะฮะฮะๆๆๆฮ่าาาาาจริงด้วยข้าลืมข้อนี้ไปไต้ซืออย่างไรก็เป็นไต้ซือวันก่อนคนของเรายังบอกว่านั่งสมาธินับลูกปะคำราวกับว่าอยู่ในวัดก็ไม่ปาน”เสียงหัวเราะดังลั่น
ตำหนัก16
สนมซิงซีก้าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม นางกำนัลตามมาติดๆถึงสี่คนบ่งบอกว่าเป็นที่โปรดปราน เพียงใด
“สนมต้าเหนิง สนมต้าเหนิง”ต้าเหนิงที่นอนบิดขี้เกียจอยู่บนแท่นนอนเอาหมอนมาอุดหู
“พวกเจ้าไปลากนางมา ก่อนนั้นข้าแวะมาหานางนางจะต้องออกมาคุกเข่าต้อนรับแม้กระมั่งป่สวยไข้ก้ต้องมาคุดเข่าต้อนรับข้าวันนี้ทำไมไม่เห็นนางทำเช่นเดียวกับทุกครั้ง หรือคิดว่ารอดตายมาได้จะไม่กลัวตายอีกแล้ว”นางกำนัลสองคนเดินเข้าไปในตำหนัก16อย่างถือวิสาสะ ต้าเหนิงนอนเอาหมอนอุดหูพวกนางกลับทั้งดึงทั้งลาก
“เฮ้ย จะบ้าหรือทำอะไรของพวกเธอ อย่านะโว๊ย บอกว่าอย่า ใครสอนให้รบกวนคนเวลานอนไม่มีใครเขาสอนหรือไรว่าเวลา กิน ขี้ ปี้ นอน ห้ามรบกวน”ตวาดแว๊ด สนมซิงซีเดินเข้ามาพอดี
“เจ้า..กล้าเสียงดังใส่ข้าหรือ”ต้าเหนิงถอนหายใจทำใจเหอะศัตรูเยอะก็แบบนี้แหละนางตัวดีนี่จะมาไม้ไหนอีกหนอกล้ามาวางกล้ามใส่ต้าเหนิง
ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ
“มะเอางัย” หน้าตาบอกว่ายังไม่ตื่น
“เชอะกล้าพูดกับข้าแบบนี้เชียวหรือ อ่อจริงสิมีน้ำมีนวลขึ้นนี่ หายป่วยแล้วใช่ไหมถึงได้เป็นแบบนี้”ต้าเหนิงถอนหายใจ
“พวกเจ้าจับนางไว้ข้าจะสั่งสอนนางให้รู้ว่าต่อไปควรจะปฏิบัติกับข้าแบบไหน” นางกำนัลสี่คนตรงเข้ามารุมล้อมต้าเหนิง ที่หันหน้าหันหลังทั้งเตะทั้งถีบแล้วยังกรีดร้องจนแสบแก้วหู
“จับนางไว้” ต้าเหนิงดิ้นไม่หลุดถูกจับไว้แน่น สนมซิงซีเดินมาหยุดข้าง
หน้าเงื้อมือขึ้นสุดแรงตั้งใจฟาดลงบนใบหน้าของต้าเหนิง
“ผลั๊ก” เท้าที่ยังว่างของต้าเหนิงเตะเข้าที่ท้องของซิงซีอย่างจังเรียกว่าไม่ปรานีจนตัวงองุ้มเป็นกุ้งด้วยความเจ็บปวด
“อั๊ก จะจะเจ้าบังอาจทำร้ายข้าพวกเจ้าจัดการนาง จับขานาง
ไว้”
ต้าเหนิงดิ้นสุดแรงไม่ยอมให้จับง่ายถีบนางกำนัลจนหงายหลังสองสามครั้งแต่ในที่สุดก็ไม่อาจต้านทานแรงของคนสี่คนได้
“ปล่อยนะโว๊ยไม่อย่างนั้นไม่อย่างนั้นถ้าฉันหลุดไปได้…พวกแกตาย”
“ฮะฮะฮะฮ่าาาา ยังคิดว่าจะรอดไปอีกหรือพวกเจ้าจับนางกรอกยา ให้นางป่วยไข้เช่นเดิม”นางกำนัล บีบปากต้าเหนิงให้อ้าออก อ่อคนพวกนี้นี่เองที่วางยาจนสนมต้าเหนิงร่างกายอ่อนแอป่วยไข้เจียนตาย
ชิงซีกำลังจะหย่อนยาลงไปในลำคอต้าเหนิงถีบเข้าที่ข้อเท้าของสนมซิงชีล้มลงไปกับพื้น
“ว้าย ตายแล้วโอ๊ยยยนางงูพิษบังอาจทำร้ายข้า”เงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดลงบนใบหน้างดงามของต้าเหนิง
“หยุดเดี๋ยวนี้”เสียงดังประกาศิต ฉินเกอหลงก้าวขาเข้ามาตรงหน้าใช้กระบี่ทั้งฝักกางกั้นฝ่ามือของสนมชิงซีไว้ แต่อีกคนกลับฟาดมือลงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นฉินเกอหลง ยกมือขึ้นซัดฝ่ามือเข้าใส่อย่างที่ยั้งมือทำเอาสนมชิงซีเซแซ่ดๆ หานจงรีบพยุงต้าเหนิง
“ท่าน เป็นใครอ่อ จริงสิไต้ซือนั่นเองมาขวางข้าทำไม”
“พระสนมท่านล้ำเส้นเกินไปแล้วสนมต้าเหนิงแม้ตอนนี้จะไม่เป็นที่โรดปรานแต่ก็เป็นสนมของฝ่าบาท” อยากจะบอกว่าไม่โปรดปรานแต่ห้ามตาย
“ท่านลืมไปหรือไรจวิ้นหวังท่านแค่ตำแหน่งจวิ้นหวังข้าชิงซีคือสนมอันดับหนึ่งหากข้านำเรื่องที่ท่านกล้าซัดฝ่ามือใส่ข้าไปทูลฝ่าบาท”
ต้าเหนิงที่หานจงพยุงไว้ถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความโมโหที่สุด ถลาเข้าไปฟาดมือลงบนใบหน้าของชิงซีท่ามกลางความตกตะลึงของหานจง นางกำนัล ขันทีและตัวสนมชิงซีเองไม่คิดว่าต้าเหนิงจะกล้าลงมือ มีเพียงจวิ้นวังเท่านั้นที่ไม่ผิดคาดเหมือนคนอื่น
หานจงรีบเข้ามาจับมือต้าเหนิงไว้
“พระสนมอย่าพ่ะย่ะค่ะ”เอ่ยปากเตือนเบาๆ
“นางมาร นางงูพิษ นางจิ้งจอกบังอาจจะทำร้ายข้าหรือเฮอะเคยตายหรือยัง”ถลาเข้าใส่ทั้งเตะทั้งถีบ
“พอได้แล้ว”จวิ้นหวังตวาดดังๆแต่สีหน้าเรียบเฉย
“เฮ้อ เข้าข้างหรือฉันไม่ฆ่านางหรอกน่าแค่จะสั่งสอนว่าคราวหลังอย่ามาแย๋ม” ชิงซีกัดฟันจนเป็นสันนูน
“ยังกล้ามามองหน้าข้าอีก ข้าจะควักลูกตาเจ้าเสียอย่าเผลอละกัน”ยกมือชี้หน้าชิงซี อย่างอาฆาต หานจงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ
“เด็กๆพยุงพระสนมชิงซีกลับตำหนัก”จวิ้นหวังเอ่ยปากด้วยสีหน้าเรียบเป็นปกติ
ต้าเหนิงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ชันเข่าขึ้นมาหนึ่งข้าง
“คิดว่าเป็นใครตั้งใจมารังแกกันฝากไว้ก่อนเถอะ”ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนทำเขายังมีหน้ามาฝากไว้อีก
“เจ้า สร้างศัตรูแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ฉินเกอหลงอดที่จะถามไม่ได้
“ไม่รู้”
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
ความรู้สึกอึดอัดจนอยากจะอาเจียน ความรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย แม่จ๋าช่วยหนูด้วย เหมือนกำลังโดนบีบคอ บีบคอ ใช่แล้วมีใครบางคนกำลังบีบคอ กรอบหน้าอ้วนของใครคนนั้นลอบเดนอยู่ตรงหน้า อี่อ้วนแกบีบคอฉันทำไม“ไทเฮาเพคะ พระสนมกำลัง จะหมดลมหายใจแล้ว”่น้ำเสียงเศร้าสร้อยผิดกับท่าทีที่ออกแรงอย่างเต็มที่ในการบีบคอ ยังยังไม่ปล่อยอีกต้าเหนิงดิ้นรนแต่รุ้สึกว่าทำไมมีแรงเพีงแค่น้อยนิดมือใหญ่ของยายป้าอ้วนบีบที่ลำคอไว้แน่น ริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน ดวงตามุ่งมาดให้ตายดับตรงหน้า นี่กล้าฆ่าคนเลยหรือไทเฮาวัยกลางคนใบหน้ายังงดงามราวกับเพิ่งจะผ่านวัยสาวได้ไม่นานที่ยืนนอกม่านพยายามแหวกม่านสีทึมทึบเข้ามา ขันทีข้างกายรีบจับมือไว้เสีย ไม่ให้ได้ทำอย่างที่ใจคิด“อย่าเลยพ่ะย่ะฮะ พระสนมต้าเหนิงกำลังจะเดินทางไปยังสรวงสวรรค์นางคงอยากให้ไทเฮาจดจำแต่ภาพงดงามของนางก็เท่านั้น อย่าเข้าไปเลยพ่ะย่ะฮะ ไทเฮาเองสุงส่งไม่บังควรจะต้องมาเห็นอะไรที่ไม่งดงามเช่นนั้น”ความตายเช่นไรจึงจะสวยงามคนใกล้ตายอย่างไรจึงจะสวยงาม อี่บ้า ต้าเหนิงพยายามลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียง และความอึดอัดที่ลำคอหายไป แต่ภาพที่เห็นคือร่างอ้วนของยายป้าคนเดิมกำลังยกหมอน
“ไทเฮาพ่ะย่ะฮะ อย่าทรงโศกเศร้าเสียพระทัยไปนักเลย ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะฮะ ควรส่งพระศพได้แล้วพ่ะย่ะฮะ พระสนมป่วยไข้เกรงว่าร่างกายจะ ไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น และเอ่อเอ่อ อาจเป็นโรคติดต่อได้”ป๊ะแกสิโรคติดต่อเฮอะคิดจะกำจัดฉันหรือ คิดว่าฉันจะเน่าเหม็นหรือ พวกแกนั่นแหละ มือบางค่อยๆขยับกำมือไทเฮาไว้ส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่แววตาเศร้าโศกเมื่อครู่ของไทเฮาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และตกใจไม่น้อยรีบดึงมือออก“ต้าเหนิงเจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ”พูดราวกับกระซิบต้าเหนิงลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองคนพูดไทเฮาสวมกอดต้าเหนิงไว้แน่น ต้าเหนิงยกมือขึ้นกอดตอบแต่ไม่อาจเปล่งเสียงพูด“ตามหมอหลวง เจายี่รีบตามหมอหลวง”เปล่งเสียงด้วยความดีใจ ต้าเหนิงถอนหายใจยาว ตัดไปที่เจายี่ที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อมาก็คือกำลังใช้สมองกำลังคิดหาคำแก้ตัวถลาเข้ามาข้างในม่าน“พระสนม โธ่พระสนมไม่เป็นไรแล้วหรือเจ้าค่ะ”น้ำตาแห่งความเสแสร้งมาอีกแล้วต้าเหนิงยิ้มเย็น ต้องเน้นๆแล้วแหละเจายี่เอ๊ย ยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดหน้าของเจายี่อย่างแรงจนนางล้มลงก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการชักกระตุกตาค้างดิ้นทุรนทุราย ไทเฮารีบเข้ามาพยุง“ต้าเหนิง ต้าเหน
“อุอะอะ”น่าเบื่อจากคนที่พูดได้ก็ไม่ได้พูดเดินตามมาตั้งใจชวนคุยและขอบคุณเขา แต่เปล่าเลยเขากลับไม่สนใจจะมองหน้าต้าเหนิงแม้แต่น้อย “หวางซื่อ ได้เรื่องแล้ว”หานจงเดินถือกระบี่และห่อของบางอย่างเข้ามา ในวิหารเทียมฟ้า“ว่าอย่างไร”รีบปัดมือลุกขึ้นไปหาหานจงไม่เหลือบตาแลต้าเหนิงที่หน้าเง้าอยู่ตรงนั้น “นี่คือยาที่ท่านหมอเทวดาจัดมาให้สนมเอ่อ ไม่ได้เป็นใบ้ตั้งแต่เกิดจึงพอจะมีทางรักษาอยู่บ้าง นางถูกวางยาจึงพูดไม่ได้ยานี่อาจช่วยฟื้นฟู มิใช่แค่วางยาให้พูดไม่ได้แต่นางถูกว่ายาสารพัดทั้งอาการป่วยไข้และ ร่างกายซูบผอมอ่อนแอ”“ดีเลย”ต้าเหนิงเดินเข้ามาเมียงมอง ทำเพื่อต้าเหนิงหรอกหรือ แต่ดูท่าทีเรียบเฉยนั่นสิโอ้แม่เจ้าคนอะไรจะนิ่งได้ขนาดนั้น นิ่งจริงน้ำนิ่งไหลลึกหรือว่าแอบนิ่งไปอย่างนั้นหน้าหล่อๆไม่น่านิ่งได้นาน“หวางซื่อ” กระซิบกระซาบกัน ไม่สนใจว่าต้าเหนิงจะตะแคงหูฟัง“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่อยากใกล้นางเท่าไหร่เจ้าช่วยเอายานี่ไปให้กับนางกำนัลของเสด็จย่าให้ช่วยเคี่ยวให้สนมเอ่อ”หานจงพยักหน้า“มาแล้วหรือหานจง”เสียงไทฮองไทเฮาที่นางกำนัลพยุงมาที่ลานกว้างของวิหารเทียมฟ้าเอ่ยขึ้นเบาๆน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน“เสด็จย่า”
วังหลวงต้าเหนิงนอนเอกคเนกในเกี้ยวหลังใหญ่ ฉินเกอหลงนั่งนิ่งนับประคำอยุ่อีกฝั่งหนึ่งนั่งตัวตรงหลังแข็งเพื่ออะไรกันระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ หรือว่ารักษาภาพลักษณ์เหมือนพวกนักเรียนนายร้อยที่นั่งยืนตัวตรงตลอดเวลา มีจริงนะคนแบบนี้ ทางไกลมากต้องเปลี่ยนคนหามเกี้ยววนกันไปมาถึงยี่สิบสองคนจากวิหารเทียมฟ้าอย่างนั้นจะทนทรมานไปทำไมต้าเหนิงก็ควรนอนดีที่สุด ฮ่องเต้นั้นตั้งใจส่งเกี้ยวมารับเพื่ออะไรความทรงจำบางเบาของสนมต้าเหนิงในหัวบอกกับต้าเหนิงว่าหลายเดือนมาแล้วไม่เคยได้รับใช้ใกล้ชิด อีกทั้งต้าเหนิงยังนอนป่วยลุกไปไหนไม่ได้ฮ่องเต้นั่นก็ไม่เคยสนใจแล้วยังแต่งตั้งสนมชิงซี ที่ท่าทียั่วยวน เอว่าแต่ต้าเหนิงกับฝ่าบาทนี่ได้เสียเป็นเมียผัวกันหรือยังน้าเกี้ยวจอดลงที่หน้าตำหนักเก่าๆเดิมๆที่มีความทรงจำยอดแย่… ตำหนักที่16… นางกำนัลเจายี่เดินเข้ามาในกรอบหน้าของต้าเหนิง ปรับสีหน้าเศร้าสร้อยกระแอมเบาๆ“พระสนมโอ้พระสนมกลับมาแล้ว”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ตีหน้าเศร้าต้าเหนิงยิ้มย่อกายลงจับไหล่ทั้งสองข้างของเจายี่ ยังกล้าเสนอหน้ามาอีกหรือก่อนหน้านั้นเจ้าคิดว่าคนอย่างต้าเหนิงสมองเสื่อมหรือไร เจายี่เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างแค่เพ
“พระสนมเอ่อต้าเหนิงกลับมาแล้วเพฮะไทเฮา”ไทเฮายิ้มบางๆ“ดีแล้วส่งเทียบยาบำรุง ที่ตำหนักของสนมเอ่อ”“เพฮะไทเฮาแต่ทว่านางไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อ อีกทั้งยังเดินเหินสะดวกเมื่อวานเจายี่บอกว่าพระสนมชักเกร็งแต่สีหน้ายิ่งผุดผาด ราวกับสาวแรกรุ่นข้าน้อยได้ยินเรื่อวที่นางได้ยาจากหมอเทวดามารักษา”ไทเฮาขมวดคิ้ว“เจายี่ไม่ได้รับใช้นางแล้วหรือ”“นางกำนัลเจายี่มาขออาศัยที่ตำหนักพระพันปีของไทเฮานางบอกว่าพระสนมเมื่อวานเกือบจะฆ่านาง ตอนนี้มีเพียง เอ่อ เอ่อไต้ซือเอ๊ย อ๋องฉินจวิ้นหวังที่คอยอารักขาพร้อมด้วยองครักษ์ข้างกายของจวิ้นหวังนามว่าหานจงเท่านั้น”“ระวังปากของเจ้าอย่าได้เผลอเรียกจวิ้นหวังเช่นนี้อีกเป็นอันขาดจวิ้นหวังถึงจะเป็นคนพูดน้อยไม่เคยกล่าวโทษใครและไม่ถือสาทว่าเป็นถึงจวิ้นหวังเจ้าควรระวังปากมากกว่านี้”“พ่ะย่ะค่ะ”ก้มหน้าสำนึกผิดปลอม“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไร”“ไม่เช่นไรพ่ะย่ะฮะแค่ได้ยินว่าฝ่าบาททรงให้ช่างในวังหลวงบูรณะตำหนักไร้ชื่อหรือตำหนักที่16ของสนมเอ่อแล้วมีประทานอนุญาตให้อ๋องฉินพำนักที่นั่นได้…สักสองสามวัน”“พำนักที่นั่นหรือสนมกับจวิ้นหวังเช่นไรจึงให้ใกล้ชิดกัน”ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“ฝ่าบาทอาจะทรงรู้ว่า