“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”
“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว
“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ”
”ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง
“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”
“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”
“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”
พยักหน้าขึ้นลง
“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”
“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือท่านนั้นจะชื่นชอบหญิงใดได้ในเมื่อเขาเองเป็นได้แค่ไต้ซือ”
“ฮะฮะฮะๆๆๆฮ่าาาาาจริงด้วยข้าลืมข้อนี้ไปไต้ซืออย่างไรก็เป็นไต้ซือวันก่อนคนของเรายังบอกว่านั่งสมาธินับลูกปะคำราวกับว่าอยู่ในวัดก็ไม่ปาน”เสียงหัวเราะดังลั่น
ตำหนัก16
สนมซิงซีก้าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม นางกำนัลตามมาติดๆถึงสี่คนบ่งบอกว่าเป็นที่โปรดปราน เพียงใด
“สนมต้าเหนิง สนมต้าเหนิง”ต้าเหนิงที่นอนบิดขี้เกียจอยู่บนแท่นนอนเอาหมอนมาอุดหู
“พวกเจ้าไปลากนางมา ก่อนนั้นข้าแวะมาหานางนางจะต้องออกมาคุกเข่าต้อนรับแม้กระมั่งป่สวยไข้ก้ต้องมาคุดเข่าต้อนรับข้าวันนี้ทำไมไม่เห็นนางทำเช่นเดียวกับทุกครั้ง หรือคิดว่ารอดตายมาได้จะไม่กลัวตายอีกแล้ว”นางกำนัลสองคนเดินเข้าไปในตำหนัก16อย่างถือวิสาสะ ต้าเหนิงนอนเอาหมอนอุดหูพวกนางกลับทั้งดึงทั้งลาก
“เฮ้ย จะบ้าหรือทำอะไรของพวกเธอ อย่านะโว๊ย บอกว่าอย่า ใครสอนให้รบกวนคนเวลานอนไม่มีใครเขาสอนหรือไรว่าเวลา กิน ขี้ ปี้ นอน ห้ามรบกวน”ตวาดแว๊ด สนมซิงซีเดินเข้ามาพอดี
“เจ้า..กล้าเสียงดังใส่ข้าหรือ”ต้าเหนิงถอนหายใจทำใจเหอะศัตรูเยอะก็แบบนี้แหละนางตัวดีนี่จะมาไม้ไหนอีกหนอกล้ามาวางกล้ามใส่ต้าเหนิง
ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ
“มะเอางัย” หน้าตาบอกว่ายังไม่ตื่น
“เชอะกล้าพูดกับข้าแบบนี้เชียวหรือ อ่อจริงสิมีน้ำมีนวลขึ้นนี่ หายป่วยแล้วใช่ไหมถึงได้เป็นแบบนี้”ต้าเหนิงถอนหายใจ
“พวกเจ้าจับนางไว้ข้าจะสั่งสอนนางให้รู้ว่าต่อไปควรจะปฏิบัติกับข้าแบบไหน” นางกำนัลสี่คนตรงเข้ามารุมล้อมต้าเหนิง ที่หันหน้าหันหลังทั้งเตะทั้งถีบแล้วยังกรีดร้องจนแสบแก้วหู
“จับนางไว้” ต้าเหนิงดิ้นไม่หลุดถูกจับไว้แน่น สนมซิงซีเดินมาหยุดข้าง
หน้าเงื้อมือขึ้นสุดแรงตั้งใจฟาดลงบนใบหน้าของต้าเหนิง
“ผลั๊ก” เท้าที่ยังว่างของต้าเหนิงเตะเข้าที่ท้องของซิงซีอย่างจังเรียกว่าไม่ปรานีจนตัวงองุ้มเป็นกุ้งด้วยความเจ็บปวด
“อั๊ก จะจะเจ้าบังอาจทำร้ายข้าพวกเจ้าจัดการนาง จับขานาง
ไว้”
ต้าเหนิงดิ้นสุดแรงไม่ยอมให้จับง่ายถีบนางกำนัลจนหงายหลังสองสามครั้งแต่ในที่สุดก็ไม่อาจต้านทานแรงของคนสี่คนได้
“ปล่อยนะโว๊ยไม่อย่างนั้นไม่อย่างนั้นถ้าฉันหลุดไปได้…พวกแกตาย”
“ฮะฮะฮะฮ่าาาา ยังคิดว่าจะรอดไปอีกหรือพวกเจ้าจับนางกรอกยา ให้นางป่วยไข้เช่นเดิม”นางกำนัล บีบปากต้าเหนิงให้อ้าออก อ่อคนพวกนี้นี่เองที่วางยาจนสนมต้าเหนิงร่างกายอ่อนแอป่วยไข้เจียนตาย
ชิงซีกำลังจะหย่อนยาลงไปในลำคอต้าเหนิงถีบเข้าที่ข้อเท้าของสนมซิงชีล้มลงไปกับพื้น
“ว้าย ตายแล้วโอ๊ยยยนางงูพิษบังอาจทำร้ายข้า”เงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดลงบนใบหน้างดงามของต้าเหนิง
“หยุดเดี๋ยวนี้”เสียงดังประกาศิต ฉินเกอหลงก้าวขาเข้ามาตรงหน้าใช้กระบี่ทั้งฝักกางกั้นฝ่ามือของสนมชิงซีไว้ แต่อีกคนกลับฟาดมือลงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นฉินเกอหลง ยกมือขึ้นซัดฝ่ามือเข้าใส่อย่างที่ยั้งมือทำเอาสนมชิงซีเซแซ่ดๆ หานจงรีบพยุงต้าเหนิง
“ท่าน เป็นใครอ่อ จริงสิไต้ซือนั่นเองมาขวางข้าทำไม”
“พระสนมท่านล้ำเส้นเกินไปแล้วสนมต้าเหนิงแม้ตอนนี้จะไม่เป็นที่โรดปรานแต่ก็เป็นสนมของฝ่าบาท” อยากจะบอกว่าไม่โปรดปรานแต่ห้ามตาย
“ท่านลืมไปหรือไรจวิ้นหวังท่านแค่ตำแหน่งจวิ้นหวังข้าชิงซีคือสนมอันดับหนึ่งหากข้านำเรื่องที่ท่านกล้าซัดฝ่ามือใส่ข้าไปทูลฝ่าบาท”
ต้าเหนิงที่หานจงพยุงไว้ถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความโมโหที่สุด ถลาเข้าไปฟาดมือลงบนใบหน้าของชิงซีท่ามกลางความตกตะลึงของหานจง นางกำนัล ขันทีและตัวสนมชิงซีเองไม่คิดว่าต้าเหนิงจะกล้าลงมือ มีเพียงจวิ้นวังเท่านั้นที่ไม่ผิดคาดเหมือนคนอื่น
หานจงรีบเข้ามาจับมือต้าเหนิงไว้
“พระสนมอย่าพ่ะย่ะค่ะ”เอ่ยปากเตือนเบาๆ
“นางมาร นางงูพิษ นางจิ้งจอกบังอาจจะทำร้ายข้าหรือเฮอะเคยตายหรือยัง”ถลาเข้าใส่ทั้งเตะทั้งถีบ
“พอได้แล้ว”จวิ้นหวังตวาดดังๆแต่สีหน้าเรียบเฉย
“เฮ้อ เข้าข้างหรือฉันไม่ฆ่านางหรอกน่าแค่จะสั่งสอนว่าคราวหลังอย่ามาแย๋ม” ชิงซีกัดฟันจนเป็นสันนูน
“ยังกล้ามามองหน้าข้าอีก ข้าจะควักลูกตาเจ้าเสียอย่าเผลอละกัน”ยกมือชี้หน้าชิงซี อย่างอาฆาต หานจงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ
“เด็กๆพยุงพระสนมชิงซีกลับตำหนัก”จวิ้นหวังเอ่ยปากด้วยสีหน้าเรียบเป็นปกติ
ต้าเหนิงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ชันเข่าขึ้นมาหนึ่งข้าง
“คิดว่าเป็นใครตั้งใจมารังแกกันฝากไว้ก่อนเถอะ”ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนทำเขายังมีหน้ามาฝากไว้อีก
“เจ้า สร้างศัตรูแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ฉินเกอหลงอดที่จะถามไม่ได้
“ไม่รู้”
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
“เรื่องอะไรขอรับ”สาวเท้าเดินเข้าไปข้างในหานจงเดินขวางหน้าไว้ ท่านอ๋องขอรับเรื่องอะไรขอรับที่ฝ่าบาทพูดถึงพระสนม”นางกำนัลสามสี่คนวิ่งสวนทางออกมาพร้อมกับย่อกายแล้วจากไป“พวกนางรีบร้อนอะไรกัน” หานจงยิ้มเจื่อนๆ“เอ่อ หวางซื่อท่านยังไม่ได้บอกข้าน้อยว่าฝ่าบาททรงพูดถึงพระสนมว่าอย่างไร”“ก็พูดพร่ำเพ้อถึงนาง แล้วเจ้ามาขวางข้าไว้ทำไม”“เอ่อ ก็หานจงอยากจะรู้เรื่องที่หวางซื่อคุยกับฝ่าบาท”ฉินเกอหลงสาวเท้ายาวๆข้างในนั่น ต้าเหนิงกำลังโกยเอาเงินเหรียญอย่างรีบร้อนร่วงหล่นเกลื่อนพื้นคลานลงไปเก็บเอาเงินเหรียญ เต็มไม้เต็มมือ“ดวงดีที่สุดแหมเสียดายจริงๆคนเย็นชานั่นมาเสียได้”คลานไปคว้าเหรียญที่กลิ้งหลุนๆไปแทบเท้าของใครบางคน ต้าเหนิงเงยหน้าขึ้นช้าๆปล่อยเงินเหรียญที่หอบไว้ตรงหน้าอกร่วงเกลื่อนพื้นด้วยความตกใจ“การพนันอย่างนั้นหรือ”“ไม่ผิดศีลเสียหน่อยการพนันไม่ได้มีอยู่ในศีลห้าข้อ”“ไม่ควรอย่างยิ่งเจ้าเป็นถึงสนมที่ฝ่าบาทโปรดปราน แล้วทำตัวเป็นหัวโจกแบบนี้ พาพวกนางกำนัลทำเรื่องที่ต้องห้ามในวังหลวง”ต้าเหนิงเบ้ปาก“ไม่ต้องดุก็ได้นี่"คนอะไรหล่อก็หล่อท่าทางก็ดูดีแต่ทำไมชอบดุเอาแบบนี้ครั้งนี้ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายก
พูดตรงๆเลยหรือไม่อ้อมค้อมหน่อยหรือ แล้วสนมต้าเหนิงนี้ร้ายขนาดนั้นเลยหรือ แล้วคนร้ายๆแบบนั้นทำไมถึงเอาตัวเองไม่รอด“เฮ้อพูดไปก็ไม่อยากรื้อฟื้น สนมเอ่อกลายเป็นที่โปรดปรานขึ้นมาอีกครั้ง ข้าในฐานะไทเฮา ก็ไม่อยากให้เจ้าให้นิสัยเดิมๆอีกให้รู้จักผ่อนหนักเบา เมื่อหลายวันก่อนเจายี่พบข้าเพราะอยากย้ายไปตำหนักพระพันปีอ้างว่าเจ้าทำร้ายนางแม้จะบอกว่าสนมเอ่อไม่ตั้งใจ แต่เจายี่นางให้กลับก็ไม่กลับอ้างว่าสักวันไหนสนมเอ่อจะพลั้งมือฆ่านางเข้าสักวัน เอ่อต้าเหนิง ต่อไปวางตัวให้ดีให้ผู้คนรักใช่เกรงกลัว ตำแหน่งฮองเฮาฮ่องเต้ก็ยังเฟ้นหา เจ้าเป็นที่โปรดปรานก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม”ต้าเหนิงยิ้ม “เอาแบบนี้ข้าตั้งใจส่งนางกำนัลให้เจ้าอีกสักคนสองคนเพราะเวลาฝ่าบาทเรียกเจ้าเข้าปรนนิบัติก็จะไม่มีใครคอยดูแลเจ้า”ก็ควรจะตามน้ำใช่ไหม“ต้าเหนิงขอบพระทัยไทเฮา” จะต้องอยู่ได้อยู่เป็นสินะไอ้เรื่องที่หาทางกลับบ้าน ตอนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แค่อยู่ที่นี่ให้มีความสุขไม่สิให้รอดปลอดภัยเพราะตระกูลเอ่อนี่เหลือต้าเหนิงคนนี้คนเดียวแล้ว“ดีแล้ว วันนี้ข้านำเครื่องประดับมามอบให้เจ้า คืนนี้สวมมันพบกับฝ่าบาทหวังว่าจะเชื่อฟังข้าไม่เหมือนที่แล้วมา
“เมื่อไหร่จะวางตัวเช่นดังหญิงที่กิริยาดีเสียทีทำเช่นนี้ ไม่แค่ทำให้เจ้าเสียหายทว่าข้าก็…”“ก็อะไร”“ก็จะไม่อาจทนอารักขาเจ้าได้อีกต่อไป”หน้าชา หน้าร้อน หน้าแดง ก็โดนเขาว่าจังๆแบบนี้“ไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อยแต่ เอาจริงๆนะฉันเอ๊ยข้าหมายถึงว่าไม่เคยนอนกับฮ่องเต้อะไรนั่นเสียหน่อยแล้วก็กลัวที่จะต้องเข้าไปใกล้ชิดใครก็ไม่รู้”“จะต้องกลัวทำไมในเมื่อเจ้าเป็นสนมของฝ่าบาท เข้ามาเพื่อเป็นสนมและเต็มใจที่จะเข้ามาเป็นสนม ไม่ได้มีใครฝืนใจเจ้าเสียหน่อย”พูดตามความจริงที่เห็น“ต้าเหนิงคนนั้นอาจไม่ฝืนใจแต่ฉัน เอาจริงๆนะจะมาพูดอะไรแบบนี้ ถึงจะบอกว่าที่นี่สมัยโบราณแบบนี้ที่วังหลวงแบบนี้จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาก็เถอะถึงฉันจะคิดว่าที่นี่วังหลวงก็เถอะถึงจะคิดว่าตัวเองเป็นสนมก็เถอะ ตะตะแต่ฉันฮืออออออไม่เคยเลยสักครั้งแค่จูบก็ยังไม่เคยฉันเพิ่ง18เองนะฮือออออๆๆๆๆๆท่านที่เป็นบุรุษก็พูดได้สิครั้งแรกของท่านเคยหรือยัง สำหรับผู้หญิงอย่างฉันครั้งแรกมันน่ากลัวมากเลยนะแล้วก็กับใครไม่รู้นั่นอีกฮ่องเต้อะไรนั่นก็จ้องจะงาบ คืนนี้จะรอดไปไหมไม่ตายก็โดน จับ..ยัดสำหรับผู้หญิงมันน่ากลัวมากเลยนะ ดูท่านสิแค่ฉันหอมแก้มแค่ฉันเข้า
“ไปล้างหน้าเจ้าเสียแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งให้ฝ่าบาทเห็นเจ้าในสภาพนี้ไม่ได้”ต้าเหนิงกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ เดินหายไปวิดน้ำในชามล้างหน้าน้ำเย็นเฉียบทำเอาสติกลับมา ต่อแต่นี้จะต้องเอาตัวรอดเพียงลำพ้งแล้ว จะต้องงัดทุกกลวิธีเพื่อเอาตัวรอดนำค่ำคืนนี้สูดลมหายใจเข้าลึกสุดลึกอีกครั้ง ใครจะยอมเป็นเมียใครก็ไม่รู้แล้วยังต้องใช้สามีร่วมกับคนอื่นต้าเหนิงไม่มีทางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาเดินมากระแทกตูดลงบน เก้าอี้ฉินเกอหลังเดินมา ด้านหลังต้าเหนิงลอบมองใบหน้าหล่อเลหาที่สะท้อนจากกระจกเงา ขยับปะคำที่ถือประจำคล้องไว้ที่วงแขนยกมือเรียวขึ้นมาปลดแกะมวยผมที่หล่นลงมารุงรังหลังจากที่นางกำนับเหล่านั้นจัดสรรให้อย่างงดงามอี้หลินก็ทำมันพัง หยิบหวีบรรจงสางผมให้อย่างอ่อนโยน“ไว้พรุ่งนี้เจ้าจึงจะเข้าใจข้า”พูดเบาๆราวกระซิบ ต้าเหนิงแทบไม่ได้สนใจว่าอีกคนพูดอะไรเอาแต่มองใบหน้าหล่อเหลาที่สะท้อนจากกระจกเงามันงดงามจนอดมองไม่ได้ งดงามที่เรียกว่างดงามผู้ชายอะไรสวยขนาดนี้มือเรียวยังคงจัดแต่งมวยผมให้อย่างเบามือ ก่อนจะจับไหล่บางให้หันหน้านิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมให้เข้าที่ หยิบผ้าเช็ดหน้าหอมกรุ่นที่ข้างเอวมาบรรจงซับน้ำที่
“เร็วเข้าสิพวกเจ้าข้าดูดีที่สุดหรือยังหล่อเหลาหรือยัง”น้ำเสียงตื่นเต้นร้อนรน“เพคะฝ่าบาททรงดูดีและหล่อเหลาที่สุด เพคะ”เหล่านางกำนัลต่างชวนกันสรรเสริญพร้อมเพรียงกัน“ไม่จริงใจเลยพวกเจ้านี่ ตั่วเค่อกลับมาหรือยัง สนมเอ่อนางมาหรือยัง ใครก็ได้ออกไปดูสิ ไม่ได้สิข้ากับนางต้องพบกันที่ซุ้มประตูตอนจุดพลุกับโคมไฟนี่ ตัวเค่อเตรียมการเรียบร้อยไหมมีข้อบกพร่องไหม”ร้อนรนจนน่าสงสาร“ชิงซีถวายพระพรฝ่าบาท”“นี่พวกเจ้าถุงหอมของข้าเล่าอยู่ที่ไหนพวกเจ้าเอากลิ่นที่หอมแรงที่สุดด้วยนะข้าเห็นว่าถุงหอมที่พวกเจ้าเย็บมักจะมีกลิ่นจางๆข้าต้องการที่มีกลิ่นแรงกว่านั้นหน่อย”ไม่ได้สนใจชิงซีที่ยืนอยู่ตรงนั้น“ฝ่าบาทเพคะ วันนี้ชิงซีอยากจะ…”“แล้วแต่เจ้าเลยจะเอาอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าวันนี้ข้ามีเรื่องเร่งด่วนไม่อาจอยู่รอฟังสิ่งที่เจ้าต้องการได้”ชิงซีก้มหน้า“ฝ่าบาทฝ่าบาทเพฮะสนมเอ่อมาแล้วเพฮะ งดงามที่สุดเลยเพฮะ”เสียงของตัวเค่อกงงกงดังอยู่ด้านนอก“ ข้าอยากจะเห็นหน้านางแล้ว”“ไม่เพฮะพบพระสนมตอนนี้แล้วแผนที่วางไว้เล่า”กัวกั่วฮ่องเต้ยิ้มสดใส“จริงด้วย แต่ว่านางจะไม่ลำบากในการรอข้านานใช่ไหม”“หากฝ่าบาทอยากให้เป็นไปตามแผนการก็ต้อง
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท
“ที่นี่คือ”“ซูตงขอรับ”“ซูตง”“ดินแดนซูตงที่โอบลอ้มไปด้วยหุบเขาและแมกไม้พวกท่านไม่มีทางผ่านเข้ามาได้หากไม่เคยมาที่นี่ และมีคนนำทาง”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงจริงด้วยเพราะตอนที่ขเ้ามาต้าเหนิงเอาแต่ห่วงฉินเกอหลงจนไม่มีเวลาได้ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆตัวรู้แค่ว่ามันคือหุบเขาทางเข้าเป็นม่านน้ำตกข้างในเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนคงเคยเป็นปล่องภูเขาไฟแต่ตอนนี้มอดดับจึงเหลือแต่ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้และสายน้ำลำธาร“เคยได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าวถึงที่นี่เยียนฉือ เจ้ารู้จักท่านหมอที่ชื่อเยียนฉือหรือไม่”เสี่ยวจิ้งยิ้มดวงตาพร่างพราวท่านหมอวางหลวมยาพร้อมกับเดินเข้ามาจับชีพจร“ท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือคือคนที่สอนวิชาแพทย์แก้ข้าน้อย หากว่าท่านคือสหายเช่นนั้นข้าน้อยคงต้องดูแลท่านราวกับสหายคนหนึ่งเช่นกัน”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“แหมท่านหมอนะหรือสนิทกันที่สุดเลยเป็นคนสนิท..อุ๊ป”รีบยกมืออุดปากตัวเองพูดมากไปแล้วต้าเหนิง“ท่านหมอกับเราสองคนมีมิตรภาพพี่ดีต่อกันอย่าพูดว่าเป็นดังสหายเรากับท่านหมอ รู้จักเพียงผิวเผิน”ฉินเกอหลงรีบแก้ต่าง ต้าเหนิงขมดคิ้วว่าทำไมไม่ขิงไปเลยว่าสนิทกับท่านหมอเทวดานั่นพวกเขาจะได้รู้สึกว่าเป็นคนกันเอง“โอ้
“ไฉหรานเจ้าทำแบบนี้พี่ใหญ่เฉินของเจ้าจะแบกรับภาระไม่ไหวนะ”เชียวกงเล่อพูดยิ้มๆ“เชอะก็ข้าอยากจะฝึกกระบี่ให้เก่งกาจขึ้นกว่าเดิมจะได้ จัดการกับคนเร่รอนสองคนนั่นให้พวกเขาเห็นว่าคนซูตงเก่งกาจเพียงใด”“น้องสาวเจ้าก็เก่งอยู่แล้วนี่จะต้องกลัวอะไรแล้วใครกันทำน้องสาวข้าให้อยากเอาชนะเพียงนี้”“พี่ใหญ่เฉินท่านถามพี่ใหญ่เชียวดูสิเขาชื่นชมคนเหล่านั้นทำให้ข้าโดนท่านพ่อตำหนิแล้วยังห้ามไม่ให้ข้าจัดการพวกเขาเสียก่อนให้อยู่หมัดไม่เข้าใจริงๆว่าทำไมต้องเอาใจพวเขาเพียงนั้น ถึงกับต้องรั้งพวกเขาอยู่ที่นี่”“นี่เจ้าแอบฟังข้ากับท่านพ่อคุยกันหรือไรไร้มารยาท”“พี่ใหญ่เฉินเห็นไหมพวกเขากันข้าออกจากฝูงแล้วเอาใจคนอื่น”เสียงยังออดอ้อน“ใครกันคนแปลกหน้าเหมือนว่าคนพวกนั้นจะทำให้ไฉหรานขุ่นเคืองไม่น้อยแล้วทำให้พี่ใหญเชียวของเราออกโรงปกป้องเพียงนั้น”“ฮะฮะฮะฮ่า อย่าได้สนใจเลยก้แค่คนเร่ร่อนธรรมดา ไฉหรานก็แค่หาใครในซูตง ประอลงด้วยไม่ได้ทุกคนต่างยอมแพ้ก็เลยคันไม้คันมือก็เท่านั้น ส่วนข้าก็ในฐานะจ้าวบ้านก็ต้องดูแลแขกบ้าน”“หือ คนในซูตต่างยอมแพไฉหรานหมดเลยหรือ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝีมือก้าวหน้าเพียงนี้” เชียวกงเล่อยิ้มขำ“ใครบอกที่
“ดีขึ้นหรือยัง”กงเล่อเอ่ปากทักเมื่อเห้นว่าต้าเหนิงนั่งสัปหงกเอามือเท้าคางมองฉินเกอหลงบนแท่นนอนไม้ไผ่ เขาวางผ้าห่มผืนใหม่ลงบนโต๊ะข้างๆ“ไม่ดีขึ้นไม่เห็นว่าเขาเอ๊ยสามีข้าจะฟื้นคืนสติ หมอหลวงเอ๊ยหมอของพวกท่านเชื่อถือได้หรือไม่”คิดถึงท่านหมอเทวดาเยี่ยนแือขึ้นมาทันที แล้วหานจงหากรู้ว่าหวางเย่ของเขาบาดเจ้บแบบนี้จะต้อง หนักใจอีกแน่ สองคนนั้นป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง“ถึงจะเป็นหมอบ้านป่าแต่ก้พอจะดูแลคนบาดเจ็บได้แน่ๆ และอาจจะไม่มียาดีเพราะนี่คือบ้านป่าแต่สมุนไพรหลายอย่างที่มีคุณภาพกว่าสุมนไพรแห้งๆ”ทรุดกายยลงข้างๆต้าเหนิงที่รีบลุกขึ้นยืนเชียวกงเล่ออมยิ้มขำกับท่าทีระวังตัวของต้าเหนิง“กล้วข้าหรือ”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก เชียวกงเล่อยิ้มบางๆ“กลัวก็บอกว่ากลัว นับถือนับถือแต่ไม่ต้องกลัวข้าเพราะข้าไม่นิยมขืนใจภรรยาชาวบ้าน”พูดที่เล่นที่จริงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย“พูดแบบนี้แสดงว่าหากเป็นหญิงอื่นที่ผลัดหลงเข้ามาไม่มีสามีท่านก็จะขืนใจเช่นนั้นหรือ” เชียวกงเล่อยิ้มขำ แม่นางคนนนี้ช่างเจรจายิ่งนัก นางคงพูดจ้อได้ทั้งวันหากคนคนนั้นเป็นคนที่นางวางใจ“พูดแบบนี้ข้า เลยนึกขึ้นมาได้ว่าจะให้เสี่วจิ้งมาดูแลเจ้
เรือนใหญ่กลางหมู่บ้าน เชียวกงเล่อยืนก้มศรีษะตรงหน้าบิดาเชียวกวงเล่อข้างหน้าสาวน้อยวัยสดใสทว่าท่าทีราวกับจอมยุทธ์หนุ่มเชียวไฉหรานยืนอยู่ข้างๆบิดากับมารดา เชียวหรูเหมินที่อยู่ในวัยกลางคนทว่ายังสาว“อาการบาดเจ็บของคนแปลกหน้าคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอครับท่านพ่อ บาดเจ็บไม่น้อยแต่เพราะเพลงกระบี่ของเขาเยี่ยมยอดทีเดียวเลยทำให้ พวกเราไม่อาจล้มเขาได้ต้องใช้ คนของเราถึงสอบสองคนจึงทำให้เขานิ่งได้ขอรับ”เชียวไฉยาอ้าปากค้าง“พวกท่าน ไร้ความสามารถกันเองหรือเปล่าถึงได้ พ่ายแพ้แก่เขาเพลงกระบี่ใครกันจะยอดเยี่ยมกว่าเพลงกระบี่ซูตงของเราได้อย่างไรกัน”น้ำเสียงหยิ่งยโสไม่ได้น่าเอ็นดูเหมือนหน้าตา“ไฉหราน”เสียงมารดาปรามเบาๆคิ้วเรียวขาวขมวดเข้าหากัน เชียวกงเล่อยิ้มน้อยๆ“ลูกอ่อนหัดจริงๆท่านพ่อเพียงสองกระบวนท่าก็แพ้ให้กับคนแปลกหน้านั้น หากไม่ใช้คนหมู่มากเหมือนที่ฮูหยินเขากล่าวโทษว่าพวกเราเป็นหมาหมู่ ก็คงไม่อาจเอาชนะเขาได้”ไฉหรานยิ้มมุมปาก“คนแปลกหน้าป่าเถื่อนนั่นจะเก่งกว่าคนซูตงของเราได้อย่างไร”“ไฉหรานเจ้าผิดแล้วคนจากวังหลวง บางคนสามารถต่อกรกับนักรบของเราได้ถึงสิบคนได้ง่ายๆการที่จะรับหน้าที่องครักษ์ของอ่องเ
กลางป่าหนทางมุ่งหน้าสู่สุ่ยจิง“ไหวไหม เยี่ยนแือพยุงร่างอ่อนแรงของหานจงยังถ้ำเล็กๆที่แทบจะมองไม่เป็นปากถ้ำเพราะมีต้นไม้ปกคลุมเป็นดงหนา หานจงอดสงสัยไม่ได้ว่าเยี่ยนฉือรู้ได้อย่างไรว่ามีถ้ำอยู่ที่นี่ คนอื่รับรองไม่มีใครรู้แน่แม้แต่หานจงที่เข้ามาในตอนแรกมองไม่เห็นปากถ้ำด้วยซ้ำไปแจ่เยียนฉือกับแหวกดงไม้หนาพาหานจงเร้นกายเข้ามาในถ้า หากจะลึกลับเพียงนี้หานจงคิดอยู่ที่นี่ได้ยาวๆเพราะไม่มีทางที่ใครจะหาเขากับเยียนฉือพบ“พักก่อนคงไม่มีใครตามมาแล้ว จากที่ข้าคาดเดาพวกเขาหยุดที่จะค้นหาเราแล้ว เพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“เขาได้ตัวหวางเย่กับสนมเอ่อไปแล้วหรือ”“เจ้าน่ะนะเลิกเรียกเอ่อต้าเหนิงว่าพระสนมได้แล้วไม่เห็นหรือไรว่านางเป็นตายไม่ยอมทอดกายให้กับกัวกั๋ว ทำไมเราไม่ให้เกียรติในสิ่งที่นางไม่อยากเป็น เลิกยัดเยียดคำว่าพระสนมให้นางเสียที”“เข้าใจแล้วน่า”“นั่งลงก่อนสิ”หานจงพยักหน้าเจ็บปวดไปทั่วตัวบาดแผลก็มีทั้งลึกทั้งตื้นสร้างความเจ็บปวดให้กับหานจงไม่น้อย“โอ๊ะๆๆเจ็บจัง”หานจงทำหน้าตาเหยเก ทิ้งตัวลงบนพื้นเยี่ยนฉือรีบเข้าประคอง”“ฝีมือกระบี่เจ้ายังต้องพัฒนาอีกไกล เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเอาชนะผู้ที่ผ่านการฝึ
“ลุกขึ้นหยุดร้อง”เชียวกงเล่อฉินเกอหลงก้มหน้าดวงตาพร่ามัว ไม่ชอบหยาดน้ำตาของต้าเหนิงไม่ว่านางจะเสแสร้งหรือจริงใจ สติดับวูบด้วยอาการบาดเจ็บ“สามี๊ฮือออออออออออออย่าตายนะ”ถลาแหวกฝูงชนเข้าไปกอดร่างสูงแน่นิ่ง ตกใจไม่น้อยอันนี้ไม่ได้แกล้งละหน้าเสีย ถ้าฉินเกอหลงตายจริงๆต้าเหนิงก็แย่สิ จะต้องพบกับอะไรอีกหนอ คราวนี้กลายเป็นน้ำตาจริงน้ำตาแห่งความกลัวและตื่นตกใจ“ม่ายยยยยนะจะตายไม่ได้นะฮือออออออย่าทิ้งข้าไปนะฮือออออแย่แล้ว ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยพวกเจ้าใจดำอำมหิต…เหลือเกิน ทำไมอยู่ดูเฉยๆเล่าช่วยเขาหน่อยฮืออออออออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”ฉินเกอหลงลืมตาขึ้นช้าๆพูดเบาๆ แล้วหมดสติไปอีกครั้งอาจเพราะต้าเหนิงเขย่าตัวหรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่“พวกเจ้าช่วยเขา”เชียวกงเล่อสั่งดังประกาศิต ลูกสมุนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาพยุงดึงแขนดึงขา รับเอาร่างไร้สติของฉินเกอหลงขึ้นไปบนหลังมาแล้วพากลับหมู่บ้านของพวกเขา“เจ้าจะมากับเราไหม”ต้าเหนิงส่ายหน้า เรื่องอะไรจะขึ้นไปบนหลังม้าตัวเดียวกับคนแปลกหน้า“อย่างนั้นก้วิ่งตามม้าไป ไม่แน่นะจากที่ร้องไห้ฟูมฟายว่าสามีเจ้าจะตายทิ้งเจ้ากับ..ลูกในท้องอาจจะเป็น เจ้าที่ตายก่อนสามี”“มี
ยกมือขึ้นกอดรอบเอวหนาไว้ยิ้มสดใสขอกอดนอนสักคืนเถอะน่าคนอาไร้ น่ารักที่สุดกอดนอนแล้วอุ่นที่สุดเกลือกกลิ้งใบหน้ากับอกกว้างเป็นสุขหลับไหลไปในอ้อมกอดของฉินเกอหลงทั้งอุ่นทั้งรู้สึกปลอดภัยวังหลวงในตำหนักพระพันปีที่บัดนี้ในห้องมีเพียงเฉินตงลี่กับไทเฮาเพียงลำพังหลังจากที่ เฉินตงลี่แวะไปที่ตำหนักของกัวกั๋วฮ่องเต้ที่นอนไม่ได้สติ“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาททรงได้รับยาถอนพิษแล้วแต่อาจจะยังไม่ฟื้นในตอนนี้ข้าน้อยเฉินตงลี่จะเรียกเรียกประชุมเหล่าขุนนางเพื่อแสดงความยินดีกับไทเฮาตำแหน่งผู้สั่งการ ในวังหลวงแทนฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้หวังว่าไทเฮาจะเตรียมตัวให้พร้อม ”ไทเฮายิ้มลุกขึ้นยืน ส่งมือให้กับใต้เท้าเฉินที่จุมพิตหลังมือเบาๆ“ท่านจะเคียงข้างข้าใช่ไหมเฉินตงลี่แล้วท่านจะสามารถช่วยให้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่สนับสนุนข้าใช่ไหม เรื่องนี้ท่านจะทำให้ข้าใช่ไหม”“มิใช่แค่สี่ตระกูลแต่ขุนนางน้อยใหญ่รวมทั้งแม่ทัพและค่ายฝึกที่เผยจ๋ายจะเชื่อฟังคำบัญชาของไทเฮาเพื่อตบแทนตำแหน่งราชครูของเฉินตงลี่”ไทเฮาเดินไปที่ราวแขนเสื้อคลุมเฉินตงี่รีบมา หยิบเสื้อคลุมปักลายหงส์สวมทับให้อย่างเอาใจ ไทเฮายิ้มยกมือขึ้นลูบไล้ลวดลายบนผ้าดวงตา ฉายแ
“ท่านมาได้ทันเวลาพอดีเลยนะใต้เท้าเฉิน”รอมยิ้มหยักที่มุมปากไม่ได้บ่งบอกอะไรแม้แต่น้อยใครเดาออกกันเล่า“ข้าน้อยเพิ่งจะทราบข่าวรีบรุดมาที่นี่เพราะ…ห่วงใย”“ช่างเถอะยานี่ พอจะทำให้กัวกั๋วรอด ถึงจะต้องนอนป่วยเป็นผักก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่อาจตัดใจให้เขาตาย ถึงจะไม่เคยเชื่อฟังข้าดื้อดึงมาตลอดแต่ในส่วนลึกแล้วเขาคือลูกคนเดียวของข้ามีแแม่สักกี่คนที่อยากเห็นลูกตายไปต่อหน้า”“ต่อไปอำนาจสั่งการทั้งหมดก็คือของพระนาง จะตัดชุดหงส์สีทองไว้รอก็ไม่น่าเกลียด ด้านหน้าเป้นฝ่าบาทที่นอนเป็นฉากหน้าให้เหล่าขุนนางได้เห็นด้านหลังม่านเป็นไทเฮา หรือจะให้เฉินตงลี่เรียกว่าหวงตี้ดี”ไทเฮายิ้มอีกครั้งส่งมือเรียวให้กับเฉินตงลี่“ดี ดีที่สุด”รอยยิ้มนี้ใครบ้างจะคาดเดาไม่ได้ เป็นรอยสมหวังอย่างที่สุดกลางป่า“หิวแล้ว”เสียงออดอ้อนจนน่าสงสาร“ท่านอ๋องงงงงงงข้าหิวแล้ว”เดินชนกับร่างสูงที่หยุดเดินกระทันหันฉินเกอหลงคว้าเอวบางไว้ก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้น“เช่นนั้นต้องพักใช่ไหมระยาทางจากที่นี่ถึงสุ่ยจิงยังอีกไกลเราควรจะเร่งเดินทางพักเพียงชั่วประเดี๋ยว”จริงด้วย เหมือนในซีรีย์อะเนอะพระเอกก็เร่งนางเอกก็หิวก็เหนื่อยและขาแพลงต้าเหนิงก็ไม่