“ไปล้างหน้าเจ้าเสียแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งให้ฝ่าบาทเห็นเจ้าในสภาพนี้ไม่ได้”ต้าเหนิงกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกเจ็บ เดินหายไปวิดน้ำในชามล้างหน้าน้ำเย็นเฉียบทำเอาสติกลับมา ต่อแต่นี้จะต้องเอาตัวรอดเพียงลำพ้งแล้ว จะต้องงัดทุกกลวิธีเพื่อเอาตัวรอดนำค่ำคืนนี้สูดลมหายใจเข้าลึกสุดลึกอีกครั้ง ใครจะยอมเป็นเมียใครก็ไม่รู้แล้วยังต้องใช้สามีร่วมกับคนอื่นต้าเหนิงไม่มีทางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาเดินมากระแทกตูดลงบน เก้าอี้ฉินเกอหลังเดินมา ด้านหลังต้าเหนิงลอบมองใบหน้าหล่อเลหาที่สะท้อนจากกระจกเงา ขยับปะคำที่ถือประจำคล้องไว้ที่วงแขนยกมือเรียวขึ้นมาปลดแกะมวยผมที่หล่นลงมารุงรังหลังจากที่นางกำนับเหล่านั้นจัดสรรให้อย่างงดงามอี้หลินก็ทำมันพัง หยิบหวีบรรจงสางผมให้อย่างอ่อนโยน“ไว้พรุ่งนี้เจ้าจึงจะเข้าใจข้า”พูดเบาๆราวกระซิบ ต้าเหนิงแทบไม่ได้สนใจว่าอีกคนพูดอะไรเอาแต่มองใบหน้าหล่อเหลาที่สะท้อนจากกระจกเงามันงดงามจนอดมองไม่ได้ งดงามที่เรียกว่างดงามผู้ชายอะไรสวยขนาดนี้มือเรียวยังคงจัดแต่งมวยผมให้อย่างเบามือ ก่อนจะจับไหล่บางให้หันหน้านิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมให้เข้าที่ หยิบผ้าเช็ดหน้าหอมกรุ่นที่ข้างเอวมาบรรจงซับน้ำที่
“เร็วเข้าสิพวกเจ้าข้าดูดีที่สุดหรือยังหล่อเหลาหรือยัง”น้ำเสียงตื่นเต้นร้อนรน“เพคะฝ่าบาททรงดูดีและหล่อเหลาที่สุด เพคะ”เหล่านางกำนัลต่างชวนกันสรรเสริญพร้อมเพรียงกัน“ไม่จริงใจเลยพวกเจ้านี่ ตั่วเค่อกลับมาหรือยัง สนมเอ่อนางมาหรือยัง ใครก็ได้ออกไปดูสิ ไม่ได้สิข้ากับนางต้องพบกันที่ซุ้มประตูตอนจุดพลุกับโคมไฟนี่ ตัวเค่อเตรียมการเรียบร้อยไหมมีข้อบกพร่องไหม”ร้อนรนจนน่าสงสาร“ชิงซีถวายพระพรฝ่าบาท”“นี่พวกเจ้าถุงหอมของข้าเล่าอยู่ที่ไหนพวกเจ้าเอากลิ่นที่หอมแรงที่สุดด้วยนะข้าเห็นว่าถุงหอมที่พวกเจ้าเย็บมักจะมีกลิ่นจางๆข้าต้องการที่มีกลิ่นแรงกว่านั้นหน่อย”ไม่ได้สนใจชิงซีที่ยืนอยู่ตรงนั้น“ฝ่าบาทเพคะ วันนี้ชิงซีอยากจะ…”“แล้วแต่เจ้าเลยจะเอาอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าวันนี้ข้ามีเรื่องเร่งด่วนไม่อาจอยู่รอฟังสิ่งที่เจ้าต้องการได้”ชิงซีก้มหน้า“ฝ่าบาทฝ่าบาทเพฮะสนมเอ่อมาแล้วเพฮะ งดงามที่สุดเลยเพฮะ”เสียงของตัวเค่อกงงกงดังอยู่ด้านนอก“ ข้าอยากจะเห็นหน้านางแล้ว”“ไม่เพฮะพบพระสนมตอนนี้แล้วแผนที่วางไว้เล่า”กัวกั่วฮ่องเต้ยิ้มสดใส“จริงด้วย แต่ว่านางจะไม่ลำบากในการรอข้านานใช่ไหม”“หากฝ่าบาทอยากให้เป็นไปตามแผนการก็ต้อง
สนมหวงไปแล้ว ต้าเหนิงนั่งนิ่งทุกอย่างเหมือนความฝันเรื่องราวหักเหลี่ยมเฉือนคมในวังหลัง วังหลวงนี่น่ากลัวจริงๆ ต้าเหนิงไม่ยอมมอบกายให้ฝ่าบาทอะไรนั่นแต่มีคนที่อยากมอบกายเพราะหวังผลประโยชน์ หากแผนการของสนมหวงสำเร็จต้าเหนิงก็ต้องคิดแผนการใหม่ไม่ให้สนมหวงใช้ประโยชน์จากตรงนี้ เพื่อกดให้ต้าเหนิงอยู่ในอานัสของนาง ตอนนี้อับจนหนทางจริงๆต้าเหนิงจำต้องยอมตามแผนการของสนมหวงไปก่อนเพื่อเอาตัวรอดในคืนนี้“สนมเอ่อต้าเหนิงฝ่าบาทเชิญท่านที่ซุ้มประตูทางทิศเหนือ”เสียงบอกล่าวดังๆคงเป็นตัวเค่อกงกงนั่นแหละนางกำนัลสองสามคนรีบมา ตรงจรดูความเรียบร้อย พยุงต้าเหนิงช่วยจัดชุดที่สวมให้เข้ารูปเข้ารอยรู้สึกเหมือนกำลังเข้าพิธีวิวาห์อย่างงัยชอบกล แบบประมาณว่าเอาเสาลงหลุมสูดพลมหายใจเข้าอีกครั้ง ตัวเค่อกงกงเดินมาพยุงต้าเหนิงกระซิบเบาๆ“ไม่ต้องกลัวพ่ะย่ะฮะตัวเค่อไม่โดดเดี่ยวพระสนมแน่ๆ”ยิ้มพรายจนต้าเหนิงขนลุกเกรียวร่างงดงามที่สุดอาภรณ์สวยที่สุดเดิน ออกจากห้องพักยังซุ้มประตูทิศเหนือที่อยู่ห่างออกไปไกลนักเสียงพลุแสงสีที่ถูกจุดทำให้สะดุ้งได้เหมือนกัน แต่ต้าเหนิงตอนนี้กำลังคิดทบทวนแผนการที่วางไว้กับสนมหวง“พ่ะย่ะฮะต้องเดินไป
กัวกั๋วฮ่องเต้ลุกขึ้นจากแท่นนั่ง ยืนตะลึงจ้องมองใบหน้างดงามผุดผาดเหมือนไม่ใช่สนมเอ่อต้าเหนิงคนเดิม ต้าเหนิงเองก็จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับไม่มีพิษมีภัย ใบหน้าละม้ายฉินเกอหลงทว่าสายตาไม่ได้เรียบเฉยเป็นมิตรเช่นเดียวกับสายตาของฉินเกอหลง“งดงามงดงามที่สุด” เดินเข้ามาประคองกอดต้าเหนิงมือข้างหนึ่งเลื้อยลงไปลูบที่เอวกิ่วต้าเหนิงขืนตัวด้วยความไม่คุ้นชิน“หืมมมข้าละเลยเจ้าสินะจึง ได้ทำท่าที่ไม่พอใจข้าต่อไปนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าร้อยเท่า โดยเฉพาะคืนนี้”กระซิบข้างหูเบาๆ ลมหายใจร้อนผะผ่าวรินรดข้างหู ต้าเหนิง สะอิดสะเอียนอย่างที่สุด มือไม้ยังลุบไล้ที่เอวกับสะโพกกลม“ฝะฝะฝ่าบาทต้าเหนิงหิวไส้จะขาดแล้วเมื่อกลางวันจะกินพวกนางก็ไม่ให้กินกลัวว่าจะมาร่วมเสวยกับฝ่าบาทได้ไม่มากแล้วยังบอกว่าจะสวมอาภรณ์ชุดนี้ออกมาไม่สวยจึงห้ามไม่ให้กินอะไรตอนนี้หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว”“ข้า..ก็หิวอยากจะกินเจ้าทั้งตัวเช่นกัน”เสียงกระซิบสั่นกระเส่า จนต้าเหนิงแทบจะอ้วกถอนหายใจยาว“ฝ่าบาทก็ให้ต้าเหนิงได้ดื่มกินก่อนดีไหมจะกินหรือ จะเลีย จะอะไรก็แล้วแต่เถอะ”“ข้ายินดีเลียทั้งตัว แล้วกลืนกินไม่ให้ใครได้เห็นเจ้าอีก หากคืนนี้เจ้า
ตัดสินใจยกมือรับคมกระบี่ ทั้งๆที่หลับตา“เช้งงงงงงงง”เสียงคมกระบี่ปะทะกันดังลั่นร่างเล็กถูกดึงเข้าหาตัวของฉินเกอหลง ถลาเข้าซบลงบอกกว้าง“ฉินเกอหลง”กัวกั๋วฮ่องเต้ยกกระบี่ชี้มาที่ใบหน้าของฉินเกอหลง“บังอาจ คืนนางมา เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันด้วยโทสะที่เปี่ยมล้นฉินเกอหลงประสานมือตรงหน้าอย่างนอบน้อม“ฝ่าบาทพี่ใหญ่ได้โปรด ฉินเกอหลงแค่ทำตามบัญชาไท่ซางหวงปกป้องนางตามบัญชาเสด็จปู่”ยังใช้ไม้อ่อน“ฮะฮะฮะฮ่าาจริงรึนี่มีบัญชที่ข้าไม่รู้รึนี่ ไม่ได้ทำเพราะชอบนางใช่ไหม ไม่ได้ทำเพราะเจ้ามีใจให้นางใช่ไหมฉินเกอหลง เช่นนั้นก็น่าเห็นใจอยู่นะ แต่ข้าไม่เห็นใจ นางทั้งสองคนจงใจหลอกลวงเบื้องสูงแล้วขากัวกั๋วมิใช่คนที่ใครจะมาหลอกลวงได้ ข้าเกลียดที่สุดก็คือพวกที่คิดว่าข้าโง่งม”ตวัดคมกระบี่พุ่งเข้าหาใบหน้่างามของต้าเหนิงฉินเกอหลงพลิกตัวเอาร่างของตัวเองเข้าป้องต้าเหนิงไว้ คมกระบี่เสียบเข้าที่แผ่นหลัง อย่างจังสะดุ้งเฮือกกัดฟันข่มความเจ็บปวด ต้าเหนิงอ้าปากค้างกัวกั๋วชักกระบี่คืน แสยะยิ้ม“ส่งนางมา ข้ายังเห็นแก่ความเป็นพี่น้องไม่ฆ่าเจ้าอีกคน ส่งนางมาแล้วเจ้ากลับไปที่วัดทางเหนือเสีย”“พี่ใหญ่ข้าขออภัยท่านๆไม่ฆ่าข้า
“ข้า อธิบายให้นางฟังแล้ว ด้วยหน่วยก้านของนาง คงพอจะดูแลฉินเกอหลงได้ดีกว่าใคร เพราะนางมีความตื่นกลัวและตื่นตัวในตัวของนาง คุณหนูเฉินมีเรื่องไหนที่สงสัย ก็ควรจะ…”“สงสัยต่อไป”ต้าเหนิงต่อประโยคให้ หมอเทวดาเยี่ยนฉือโค้งคำนับยิ้มบางๆ“ความจริงแล้วหากบอกว่าเป็นคนละเอียดรอบคอบเช่นคุณหนูเฉินอี้เหมยก็ควรจะรู้ว่าควรจะดูแลคนที่บาดเจ็บเช่นไร ข้าก็เกือบลืมย้ำเรื่องสำคัญว่าแต่ละวัน อ๋องฉินจะต้องดื่มยาให้ได้หนึ่งถ้วย ถ้าป้อนยาแล้วเขาไม่กลืน ก็ควรพยายามป้อนให้ได้หนึ่งถ้วยยาจึงจะส่งผลให้อาการบาดเจ็บดีขึ้น”ต้าเหนิงเม้มโมรี่ไว้หมดแล้ว ยิ้มแก้มใสท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือหันมายิ้มให้กับต้าเหนิง“จะไม่มีการป้อนยาแบบ ยกกระดกแล้วกดริมฝีปากนะ นั่นมันนิยายเกินไป เจ้าอย่าฝันไปไกลเพียงนั้น ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาดื่มยา แม้จะไม่ได้สติก็ต้องดื่ม”รู้ทันต้าเหนิงไปเสียอีก“ท่านหมอก็แหม มันก็ธรรมดา ก็มันธรรมดา”เฉินอี้เหมยมองท่านหมอกับต้าเหนิงสลับกันไปมา“อย่าเพิ่งทำตลกไปเจ้ารู้ไหม ยาวิเศษที่ข้าจะไปหานี้500ปีถึงจะงอกมาต้นหนึ่งเจ้าดูแลจวิ้นหวังให้ดี หากได้ยากลับมานั่นจึงถือว่าสรรค์เมตตาเช่นนั้นทั้งสองคนช่วยกันดูแลจวิ้นหวังรอ
“ท่านอ๋อง เป็นโอรสที่เสี้ยนตี้ทรงรักมากว่าใคร ชีวิตที่ผ่านมาในวังหลวงไม่เคยต้องตรากตรำ เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆเจ้ารู้ไหมคนที่เห็นเพื่อเล่นขอท่านอ๋องก็คือข้า เราสองคนสนิทสนมกันเกินใคร ตำแหน่งไท่จือของท่านอ๋องกับตำแหน่งไท่จือเฟยเป็นข้าที่คู่ควร แต่ทุกอย่างพังลงเพราะกัวกั๋ว ครั้งนี้ต้องไปบวชที่วัดทางเหนืออดมื้อกินมื้อ พอจะทำใจได้ก็ไม่อยากจะกลับมาท่านพ่อของข้าส่งฎีกาทุกวันให้กลับมาทวงบัลลังก์คืนก็ไม่ยอมกลับมาแต่เพราะบัญชาของไทฮองไทเฮาจึงได้กลับมาพบกับความเจ็บปวดแทบเอาชีวิตไม่รอดที่นี่”อี้เหมยพูดเหมือนกำลังเล่านิทาน“แล้วอย่างไง”เริ่มจะเข้าใจเจตนาของนางแล้วแต่แค่อยากได้ยินชัดๆจากปาก“แล้วอย่างไง ก็ให้เจ้าเสียใจก็ให้เจ้ารู้ว่า อย่ามายุ่งกับคนที่เป็นวาสนาของข้า เจ้าไม่คู่ควร ไปเสีย ถ้ายอมไปข้าจะหาที่ซ่อนตัวให้เจ้าบิดาข้ามีเงินทองและช่องสุมกำลังคนไว้มากมายเจ้าไปข้ายินดีช่วย”น้ำเสียงที่พูดเปลี่ยนไปทันทีอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าคู่ควร อย่างไรไหนถึงว่าไม่คุ่ควรคนที่ชวนให้เอาชนะนั่นแหละคือคู่ควรสำหรับต้าเหนิงต้องเล่นบทไหน แล้วใครกันจะเป็นผู้ที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่ควรเป็นคนอื่นสินะต้องเห็นต้
“ตามข้าออกไปเถิดท่านองครักษ์ ข้าจะนำทองมามอบให้ท่าน”อี้เหมยก้ายก้าวเดินออกจากห้องไปแล้วหานจงมองฉินเกอหลงตาละห้อยประสานมือนอบน้อมตรงหน้าฉินเกอหลงอย่างที่คนภักดีคนหนึ่งคงวรกระทำเขาคงรู้สึกผิดเหมือนกันที่ปล่อยให้ฉินเกอหลงบาดจเ็บเพียงนี้ ทั้งหานจงและต้าเหนองตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันต่างคนต่างกำลังไถ่โทษเถอะ ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“พระสนมท่านหมอฝากข้ามาย้ำกับท่านว่าท่านอ๋องต้องกินยานี่ทุกหนึ่งชั่วยามท่านต้องเคี่ยวยาไว้ตลอดห้ามให้ยาหมด หานจงห่วงว่าพระสนมจะลำบากเช่นนั้นหานจงจะรีบกลับมา”ยื่นหอยาเกือบสิบห่อตรงหน้าต้าเหนิง“ฮ่าๆๆๆๆไม่ต้องห่วงน่า อือๆๆแค่ไม่ต้องหลับต้องนอนกันไปเลยเคี่ยวยา ป้อนยาวนกันไป แป็บเดียวผ่านไปหนึ่งชั่วยามหนึ่งชั่วยามตายแน่ต้าเหนิง แต่ไม่เป็นไร ฮือออไม่เป็นไรจริงๆฮึบบบบอย่าห่วง ข้าต้าเหนิงต้องทำให้ได้”หานจงยิ้มเศร้าๆประสานมือตรงหน้าต้าเหนิงอีกครั้ง“ต้องอาศัยท่านแล้วล่ะพระสนมหวังว่าท่าจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายดาย”ต้าเหนิงยิ้มทั้งน้ำตา“ข้าน้อยขอลา”ประสานมืออีกครั้งรับเอาห่อยาไปที่เตาผิงข้างในห้องก่อกองไฟอย่างขมักเขม้น จะต้องทำได้สิ เรียนเนตรนารีมาตั้งแต่มอต้น ทำไมจะทำไมไ่ด้ไม่ได้
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท
“ที่นี่คือ”“ซูตงขอรับ”“ซูตง”“ดินแดนซูตงที่โอบลอ้มไปด้วยหุบเขาและแมกไม้พวกท่านไม่มีทางผ่านเข้ามาได้หากไม่เคยมาที่นี่ และมีคนนำทาง”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงจริงด้วยเพราะตอนที่ขเ้ามาต้าเหนิงเอาแต่ห่วงฉินเกอหลงจนไม่มีเวลาได้ชื่นชมทิวทัศน์รอบๆตัวรู้แค่ว่ามันคือหุบเขาทางเข้าเป็นม่านน้ำตกข้างในเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนคงเคยเป็นปล่องภูเขาไฟแต่ตอนนี้มอดดับจึงเหลือแต่ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้และสายน้ำลำธาร“เคยได้ยินคนผู้หนึ่งกล่าวถึงที่นี่เยียนฉือ เจ้ารู้จักท่านหมอที่ชื่อเยียนฉือหรือไม่”เสี่ยวจิ้งยิ้มดวงตาพร่างพราวท่านหมอวางหลวมยาพร้อมกับเดินเข้ามาจับชีพจร“ท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือคือคนที่สอนวิชาแพทย์แก้ข้าน้อย หากว่าท่านคือสหายเช่นนั้นข้าน้อยคงต้องดูแลท่านราวกับสหายคนหนึ่งเช่นกัน”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“แหมท่านหมอนะหรือสนิทกันที่สุดเลยเป็นคนสนิท..อุ๊ป”รีบยกมืออุดปากตัวเองพูดมากไปแล้วต้าเหนิง“ท่านหมอกับเราสองคนมีมิตรภาพพี่ดีต่อกันอย่าพูดว่าเป็นดังสหายเรากับท่านหมอ รู้จักเพียงผิวเผิน”ฉินเกอหลงรีบแก้ต่าง ต้าเหนิงขมดคิ้วว่าทำไมไม่ขิงไปเลยว่าสนิทกับท่านหมอเทวดานั่นพวกเขาจะได้รู้สึกว่าเป็นคนกันเอง“โอ้
“ไฉหรานเจ้าทำแบบนี้พี่ใหญ่เฉินของเจ้าจะแบกรับภาระไม่ไหวนะ”เชียวกงเล่อพูดยิ้มๆ“เชอะก็ข้าอยากจะฝึกกระบี่ให้เก่งกาจขึ้นกว่าเดิมจะได้ จัดการกับคนเร่รอนสองคนนั่นให้พวกเขาเห็นว่าคนซูตงเก่งกาจเพียงใด”“น้องสาวเจ้าก็เก่งอยู่แล้วนี่จะต้องกลัวอะไรแล้วใครกันทำน้องสาวข้าให้อยากเอาชนะเพียงนี้”“พี่ใหญ่เฉินท่านถามพี่ใหญ่เชียวดูสิเขาชื่นชมคนเหล่านั้นทำให้ข้าโดนท่านพ่อตำหนิแล้วยังห้ามไม่ให้ข้าจัดการพวกเขาเสียก่อนให้อยู่หมัดไม่เข้าใจริงๆว่าทำไมต้องเอาใจพวเขาเพียงนั้น ถึงกับต้องรั้งพวกเขาอยู่ที่นี่”“นี่เจ้าแอบฟังข้ากับท่านพ่อคุยกันหรือไรไร้มารยาท”“พี่ใหญ่เฉินเห็นไหมพวกเขากันข้าออกจากฝูงแล้วเอาใจคนอื่น”เสียงยังออดอ้อน“ใครกันคนแปลกหน้าเหมือนว่าคนพวกนั้นจะทำให้ไฉหรานขุ่นเคืองไม่น้อยแล้วทำให้พี่ใหญเชียวของเราออกโรงปกป้องเพียงนั้น”“ฮะฮะฮะฮ่า อย่าได้สนใจเลยก้แค่คนเร่ร่อนธรรมดา ไฉหรานก็แค่หาใครในซูตง ประอลงด้วยไม่ได้ทุกคนต่างยอมแพ้ก็เลยคันไม้คันมือก็เท่านั้น ส่วนข้าก็ในฐานะจ้าวบ้านก็ต้องดูแลแขกบ้าน”“หือ คนในซูตต่างยอมแพไฉหรานหมดเลยหรือ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝีมือก้าวหน้าเพียงนี้” เชียวกงเล่อยิ้มขำ“ใครบอกที่
“ดีขึ้นหรือยัง”กงเล่อเอ่ปากทักเมื่อเห้นว่าต้าเหนิงนั่งสัปหงกเอามือเท้าคางมองฉินเกอหลงบนแท่นนอนไม้ไผ่ เขาวางผ้าห่มผืนใหม่ลงบนโต๊ะข้างๆ“ไม่ดีขึ้นไม่เห็นว่าเขาเอ๊ยสามีข้าจะฟื้นคืนสติ หมอหลวงเอ๊ยหมอของพวกท่านเชื่อถือได้หรือไม่”คิดถึงท่านหมอเทวดาเยี่ยนแือขึ้นมาทันที แล้วหานจงหากรู้ว่าหวางเย่ของเขาบาดเจ้บแบบนี้จะต้อง หนักใจอีกแน่ สองคนนั้นป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง“ถึงจะเป็นหมอบ้านป่าแต่ก้พอจะดูแลคนบาดเจ็บได้แน่ๆ และอาจจะไม่มียาดีเพราะนี่คือบ้านป่าแต่สมุนไพรหลายอย่างที่มีคุณภาพกว่าสุมนไพรแห้งๆ”ทรุดกายยลงข้างๆต้าเหนิงที่รีบลุกขึ้นยืนเชียวกงเล่ออมยิ้มขำกับท่าทีระวังตัวของต้าเหนิง“กล้วข้าหรือ”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก เชียวกงเล่อยิ้มบางๆ“กลัวก็บอกว่ากลัว นับถือนับถือแต่ไม่ต้องกลัวข้าเพราะข้าไม่นิยมขืนใจภรรยาชาวบ้าน”พูดที่เล่นที่จริงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย“พูดแบบนี้แสดงว่าหากเป็นหญิงอื่นที่ผลัดหลงเข้ามาไม่มีสามีท่านก็จะขืนใจเช่นนั้นหรือ” เชียวกงเล่อยิ้มขำ แม่นางคนนนี้ช่างเจรจายิ่งนัก นางคงพูดจ้อได้ทั้งวันหากคนคนนั้นเป็นคนที่นางวางใจ“พูดแบบนี้ข้า เลยนึกขึ้นมาได้ว่าจะให้เสี่วจิ้งมาดูแลเจ้
เรือนใหญ่กลางหมู่บ้าน เชียวกงเล่อยืนก้มศรีษะตรงหน้าบิดาเชียวกวงเล่อข้างหน้าสาวน้อยวัยสดใสทว่าท่าทีราวกับจอมยุทธ์หนุ่มเชียวไฉหรานยืนอยู่ข้างๆบิดากับมารดา เชียวหรูเหมินที่อยู่ในวัยกลางคนทว่ายังสาว“อาการบาดเจ็บของคนแปลกหน้าคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอครับท่านพ่อ บาดเจ็บไม่น้อยแต่เพราะเพลงกระบี่ของเขาเยี่ยมยอดทีเดียวเลยทำให้ พวกเราไม่อาจล้มเขาได้ต้องใช้ คนของเราถึงสอบสองคนจึงทำให้เขานิ่งได้ขอรับ”เชียวไฉยาอ้าปากค้าง“พวกท่าน ไร้ความสามารถกันเองหรือเปล่าถึงได้ พ่ายแพ้แก่เขาเพลงกระบี่ใครกันจะยอดเยี่ยมกว่าเพลงกระบี่ซูตงของเราได้อย่างไรกัน”น้ำเสียงหยิ่งยโสไม่ได้น่าเอ็นดูเหมือนหน้าตา“ไฉหราน”เสียงมารดาปรามเบาๆคิ้วเรียวขาวขมวดเข้าหากัน เชียวกงเล่อยิ้มน้อยๆ“ลูกอ่อนหัดจริงๆท่านพ่อเพียงสองกระบวนท่าก็แพ้ให้กับคนแปลกหน้านั้น หากไม่ใช้คนหมู่มากเหมือนที่ฮูหยินเขากล่าวโทษว่าพวกเราเป็นหมาหมู่ ก็คงไม่อาจเอาชนะเขาได้”ไฉหรานยิ้มมุมปาก“คนแปลกหน้าป่าเถื่อนนั่นจะเก่งกว่าคนซูตงของเราได้อย่างไร”“ไฉหรานเจ้าผิดแล้วคนจากวังหลวง บางคนสามารถต่อกรกับนักรบของเราได้ถึงสิบคนได้ง่ายๆการที่จะรับหน้าที่องครักษ์ของอ่องเ
กลางป่าหนทางมุ่งหน้าสู่สุ่ยจิง“ไหวไหม เยี่ยนแือพยุงร่างอ่อนแรงของหานจงยังถ้ำเล็กๆที่แทบจะมองไม่เป็นปากถ้ำเพราะมีต้นไม้ปกคลุมเป็นดงหนา หานจงอดสงสัยไม่ได้ว่าเยี่ยนฉือรู้ได้อย่างไรว่ามีถ้ำอยู่ที่นี่ คนอื่รับรองไม่มีใครรู้แน่แม้แต่หานจงที่เข้ามาในตอนแรกมองไม่เห็นปากถ้ำด้วยซ้ำไปแจ่เยียนฉือกับแหวกดงไม้หนาพาหานจงเร้นกายเข้ามาในถ้า หากจะลึกลับเพียงนี้หานจงคิดอยู่ที่นี่ได้ยาวๆเพราะไม่มีทางที่ใครจะหาเขากับเยียนฉือพบ“พักก่อนคงไม่มีใครตามมาแล้ว จากที่ข้าคาดเดาพวกเขาหยุดที่จะค้นหาเราแล้ว เพราะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“เขาได้ตัวหวางเย่กับสนมเอ่อไปแล้วหรือ”“เจ้าน่ะนะเลิกเรียกเอ่อต้าเหนิงว่าพระสนมได้แล้วไม่เห็นหรือไรว่านางเป็นตายไม่ยอมทอดกายให้กับกัวกั๋ว ทำไมเราไม่ให้เกียรติในสิ่งที่นางไม่อยากเป็น เลิกยัดเยียดคำว่าพระสนมให้นางเสียที”“เข้าใจแล้วน่า”“นั่งลงก่อนสิ”หานจงพยักหน้าเจ็บปวดไปทั่วตัวบาดแผลก็มีทั้งลึกทั้งตื้นสร้างความเจ็บปวดให้กับหานจงไม่น้อย“โอ๊ะๆๆเจ็บจัง”หานจงทำหน้าตาเหยเก ทิ้งตัวลงบนพื้นเยี่ยนฉือรีบเข้าประคอง”“ฝีมือกระบี่เจ้ายังต้องพัฒนาอีกไกล เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเอาชนะผู้ที่ผ่านการฝึ
“ลุกขึ้นหยุดร้อง”เชียวกงเล่อฉินเกอหลงก้มหน้าดวงตาพร่ามัว ไม่ชอบหยาดน้ำตาของต้าเหนิงไม่ว่านางจะเสแสร้งหรือจริงใจ สติดับวูบด้วยอาการบาดเจ็บ“สามี๊ฮือออออออออออออย่าตายนะ”ถลาแหวกฝูงชนเข้าไปกอดร่างสูงแน่นิ่ง ตกใจไม่น้อยอันนี้ไม่ได้แกล้งละหน้าเสีย ถ้าฉินเกอหลงตายจริงๆต้าเหนิงก็แย่สิ จะต้องพบกับอะไรอีกหนอ คราวนี้กลายเป็นน้ำตาจริงน้ำตาแห่งความกลัวและตื่นตกใจ“ม่ายยยยยนะจะตายไม่ได้นะฮือออออออย่าทิ้งข้าไปนะฮือออออแย่แล้ว ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยพวกเจ้าใจดำอำมหิต…เหลือเกิน ทำไมอยู่ดูเฉยๆเล่าช่วยเขาหน่อยฮืออออออออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”ฉินเกอหลงลืมตาขึ้นช้าๆพูดเบาๆ แล้วหมดสติไปอีกครั้งอาจเพราะต้าเหนิงเขย่าตัวหรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่“พวกเจ้าช่วยเขา”เชียวกงเล่อสั่งดังประกาศิต ลูกสมุนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาพยุงดึงแขนดึงขา รับเอาร่างไร้สติของฉินเกอหลงขึ้นไปบนหลังมาแล้วพากลับหมู่บ้านของพวกเขา“เจ้าจะมากับเราไหม”ต้าเหนิงส่ายหน้า เรื่องอะไรจะขึ้นไปบนหลังม้าตัวเดียวกับคนแปลกหน้า“อย่างนั้นก้วิ่งตามม้าไป ไม่แน่นะจากที่ร้องไห้ฟูมฟายว่าสามีเจ้าจะตายทิ้งเจ้ากับ..ลูกในท้องอาจจะเป็น เจ้าที่ตายก่อนสามี”“มี
ยกมือขึ้นกอดรอบเอวหนาไว้ยิ้มสดใสขอกอดนอนสักคืนเถอะน่าคนอาไร้ น่ารักที่สุดกอดนอนแล้วอุ่นที่สุดเกลือกกลิ้งใบหน้ากับอกกว้างเป็นสุขหลับไหลไปในอ้อมกอดของฉินเกอหลงทั้งอุ่นทั้งรู้สึกปลอดภัยวังหลวงในตำหนักพระพันปีที่บัดนี้ในห้องมีเพียงเฉินตงลี่กับไทเฮาเพียงลำพังหลังจากที่ เฉินตงลี่แวะไปที่ตำหนักของกัวกั๋วฮ่องเต้ที่นอนไม่ได้สติ“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาททรงได้รับยาถอนพิษแล้วแต่อาจจะยังไม่ฟื้นในตอนนี้ข้าน้อยเฉินตงลี่จะเรียกเรียกประชุมเหล่าขุนนางเพื่อแสดงความยินดีกับไทเฮาตำแหน่งผู้สั่งการ ในวังหลวงแทนฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้หวังว่าไทเฮาจะเตรียมตัวให้พร้อม ”ไทเฮายิ้มลุกขึ้นยืน ส่งมือให้กับใต้เท้าเฉินที่จุมพิตหลังมือเบาๆ“ท่านจะเคียงข้างข้าใช่ไหมเฉินตงลี่แล้วท่านจะสามารถช่วยให้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่สนับสนุนข้าใช่ไหม เรื่องนี้ท่านจะทำให้ข้าใช่ไหม”“มิใช่แค่สี่ตระกูลแต่ขุนนางน้อยใหญ่รวมทั้งแม่ทัพและค่ายฝึกที่เผยจ๋ายจะเชื่อฟังคำบัญชาของไทเฮาเพื่อตบแทนตำแหน่งราชครูของเฉินตงลี่”ไทเฮาเดินไปที่ราวแขนเสื้อคลุมเฉินตงี่รีบมา หยิบเสื้อคลุมปักลายหงส์สวมทับให้อย่างเอาใจ ไทเฮายิ้มยกมือขึ้นลูบไล้ลวดลายบนผ้าดวงตา ฉายแ
“ท่านมาได้ทันเวลาพอดีเลยนะใต้เท้าเฉิน”รอมยิ้มหยักที่มุมปากไม่ได้บ่งบอกอะไรแม้แต่น้อยใครเดาออกกันเล่า“ข้าน้อยเพิ่งจะทราบข่าวรีบรุดมาที่นี่เพราะ…ห่วงใย”“ช่างเถอะยานี่ พอจะทำให้กัวกั๋วรอด ถึงจะต้องนอนป่วยเป็นผักก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่อาจตัดใจให้เขาตาย ถึงจะไม่เคยเชื่อฟังข้าดื้อดึงมาตลอดแต่ในส่วนลึกแล้วเขาคือลูกคนเดียวของข้ามีแแม่สักกี่คนที่อยากเห็นลูกตายไปต่อหน้า”“ต่อไปอำนาจสั่งการทั้งหมดก็คือของพระนาง จะตัดชุดหงส์สีทองไว้รอก็ไม่น่าเกลียด ด้านหน้าเป้นฝ่าบาทที่นอนเป็นฉากหน้าให้เหล่าขุนนางได้เห็นด้านหลังม่านเป็นไทเฮา หรือจะให้เฉินตงลี่เรียกว่าหวงตี้ดี”ไทเฮายิ้มอีกครั้งส่งมือเรียวให้กับเฉินตงลี่“ดี ดีที่สุด”รอยยิ้มนี้ใครบ้างจะคาดเดาไม่ได้ เป็นรอยสมหวังอย่างที่สุดกลางป่า“หิวแล้ว”เสียงออดอ้อนจนน่าสงสาร“ท่านอ๋องงงงงงงข้าหิวแล้ว”เดินชนกับร่างสูงที่หยุดเดินกระทันหันฉินเกอหลงคว้าเอวบางไว้ก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้น“เช่นนั้นต้องพักใช่ไหมระยาทางจากที่นี่ถึงสุ่ยจิงยังอีกไกลเราควรจะเร่งเดินทางพักเพียงชั่วประเดี๋ยว”จริงด้วย เหมือนในซีรีย์อะเนอะพระเอกก็เร่งนางเอกก็หิวก็เหนื่อยและขาแพลงต้าเหนิงก็ไม่