วังหลวง
ต้าเหนิงนอนเอกคเนกในเกี้ยวหลังใหญ่ ฉินเกอหลงนั่งนิ่งนับประคำอยุ่อีกฝั่งหนึ่งนั่งตัวตรงหลังแข็งเพื่ออะไรกันระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ หรือว่ารักษาภาพลักษณ์เหมือนพวกนักเรียนนายร้อยที่นั่งยืนตัวตรงตลอดเวลา มีจริงนะคนแบบนี้ ทางไกลมากต้องเปลี่ยนคนหามเกี้ยววนกันไปมาถึงยี่สิบสองคนจากวิหารเทียมฟ้าอย่างนั้นจะทนทรมานไปทำไมต้าเหนิงก็ควรนอนดีที่สุด
ฮ่องเต้นั้นตั้งใจส่งเกี้ยวมารับเพื่ออะไรความทรงจำบางเบาของสนมต้าเหนิงในหัวบอกกับต้าเหนิงว่าหลายเดือนมาแล้วไม่เคยได้รับใช้ใกล้ชิด อีกทั้งต้าเหนิงยังนอนป่วยลุกไปไหนไม่ได้ฮ่องเต้นั่นก็ไม่เคยสนใจแล้วยังแต่งตั้งสนมชิงซี ที่ท่าทียั่วยวน เอว่าแต่ต้าเหนิงกับฝ่าบาทนี่ได้เสียเป็นเมียผัวกันหรือยังน้า
เกี้ยวจอดลงที่หน้าตำหนักเก่าๆเดิมๆที่มีความทรงจำยอดแย่… ตำหนักที่16… นางกำนัลเจายี่เดินเข้ามาในกรอบหน้าของต้าเหนิง ปรับสีหน้าเศร้าสร้อยกระแอมเบาๆ
“พระสนมโอ้พระสนมกลับมาแล้ว”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ตีหน้าเศร้า
ต้าเหนิงยิ้มย่อกายลงจับไหล่ทั้งสองข้างของเจายี่ ยังกล้าเสนอหน้ามาอีกหรือก่อนหน้านั้นเจ้าคิดว่าคนอย่างต้าเหนิงสมองเสื่อมหรือไร เจายี่เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างแค่เพียงมือทั้งสองแตะที่หัวไหล่เท่านั้นต้าเหนิงก็เกิดอาการชักเกร็ง มือทั้งสองบีบคอเจายี่สุดแรงร่างเกร็งกระตุกไปทั้งตัว
“อะอะ พะพระสนม เป็นอะไรไปเจ้าค่ะ” เจายี่ที่พยายามจะพูดทว่าพูดไม่ออกต้าเหนิงถึงเวลาแก้แค้นแล้ว บีบคอนางปีศาจเจายี่สุดแรงจะบีบให้หสุดแรงเหมือนที่ยัยป้านี่ทำกับต้าเหนิง เจายี่หน้าถอดสี ยิ่งเกร็งกระตุกก็ยิ่งบีบแรงขึ้นเจายี่ดวงตาเหลือกลานจะหนีก็หนีไม่ได้จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ด้วยต้าเหนิงเป็นถึงพระสนมแล้วยังเป็นนายของเจ้ายี่โดยตรง
“อั๊กๆๆๆๆๆพะพระสนม” คิ้วคมของฉินอ๋องขมวดเข้าหากัน
หานจงรีบตรงเข้าประคองต้าเหนิงไว้ พอดีเลยต้าเหนิงเหนื่อยแล้ว รีบปล่อยมือออกจากลำคอของเจายี่ ฉินอ๋องยกมือขึ้นสะกัดจุดให้ต้าเหนิงสงบลง
ต้าเหนิงอมยิ้มทิ้งตัวลงบนอ้อมแขนของหานจงหลับตาพริ้มใบหน้างามหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสแค่เบาะคราวหลังอย่าให้เจออีกแม่กัดไม่ปล่อย ฉินอ๋องเบือนหน้าหนี
หานจงหอบเอาร่างเล็กของต้าเหนิงไว้พาเข้าไปในตำหนัก
เจายี่ลุกขึ้นคลำที่ลำคอเขียวคล้ำเจ็บจนไม่อยากสัมผัส ความรู้สึกเฉียดตายเมื่อครู่ทำให้หวาดกลัว
“ไม่เอาแล้วข้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว ใครจะอยู่ก็อยู่ไป”กลับเข้าไปในตำหนัก ที่ห้องพักที่เคยอาศัยหลับนอนรับใช้สนมต้าเหนิงมาตลอดระยะเวลาสามปี ขนข้าวของรีบแจ้นออกจากตำหนักไปในทันที
“ทำอย่างไรดี หวางซื่อ”
หานจงถามฉินอ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังไม่พูดว่าอย่างไรสักคำปล่อยให้ต้าเหนิงแกล้งนอนหลับตาอยู่แบบนั้น
“ทำอย่างไร”นั่งขัดสมาธินับปะคำ
“ไม่ตามหมอหลวงหรือขอรับ”
“ไม่ต้อง”
“ตะตะแต่ พระสนมยังไม่ฟื้นอาจเป็นอันตรายเพราะชักเกร็ง”
“ไม่ต้องนางก็แค่หลับไป”
ต้าเหนิงเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่หลับตานับปะคำในมือ
“แล้วแล้วเรื่องที่เราต้องมาอารักขาแต่กลับปล่อยให้พระสนมชักเกร็ง”
“หานจง เจ้าไม่สงสัยหรือว่าสนมเอ่อทำไมถึงไม่เป็นที่รักของคนในวังหลวง”
หานจงส่ายหน้าไปมา
“นั่นเพราะนางชอบชักเกร็งอย่างไรเล่า”อยากจะบอกหานจงว่าเพราะนางแกล้งชักเกร็งแล้วอาศัยอาการชักของนางทำร้ายคนอื่น นึกว่าเขาไม่เห็นหรือว่านางทำอะไรกับเจ้ายี่ถึงสองครั้งสองคราครั้งแรกเจายี่คนนั้นถูกถีบที่ยอดหน้านั่นสนมเอ่อคนนี้นางป่วยไข้จนแทบไม่ได้สติแต่นางไม่เคยยอมคน ครั้งนี้บีบคอนางกำนัลเจายี่ อาการไม่ได้แสดงว่าชักเกร็งคนที่จะชักเกร็งต้องมีปัจจัยบางอย่างกระตุ้น เช่นอากาศร้อนหรือการอดนอน แต่ต้าเหนิงเมื่อครู่นางยังดีดี นอนมาในเกี้ยวไม่ได้ลำบากอะไร แล้วจะเป้นไปได้อย่างไรที่นางจะชักเกร็งในทุกครั้งต่อหน้าเจายี่
หานจงเดินมาต้าเหนิงรีบหลับตาในทันที
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อจากนี้”
“อ๋องฉินจวิ้นหวังรับราชโองการรรรรรรร”เสียงขันทีที่อัญเชิญราชโองการที่ขานก่อนจะเห็นตัวถือเอาราชโองการกางตรงหน้าฉินอ๋องที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมหานจง
“ด้วยไต้ซือ อ๋องฉินเอ๊ยไม่ใช่อ๋องฉินจวิ้นหวัง”
หานจงขยับกระบี่ให้บังเกิดเสียงเพราะไม่พอใจที่ขันทีเรียกอ๋องฉินว่าไต้ซือ แต่อ๋องฉินกลับคว้ามือของหานจงเพื่อเตือนสติ
“เอ่อฝ่าบาทเห็นว่าจวิ้นหวังเสด็จกลับมาที่วังหลวงอาจพำนักที่นี่สองสามวัน และด้วยจวิ้นหวังไม่มีตำหนักและจวนอ๋องเป็นของตัวเองดังนั้นฝ่าบาททรงมีพระเมตตาให้ช่างและคนงานที่เชียวชาญเรื่องการซ่อมแซมมาซ่อมตำหนักที่16ของสนมเอ่อต้าเหนิงเพื่อให้ท่านอ๋องได้พักพิงอาศัยที่นี่สักสองสามวันจนกว่าจะเดินทางกลับวัดทางเหนือ” เชิญเข้าวังไม่มีมีที่พักจวนจิว้นหวังๆหลังเก่าก็รื้อถอน มาบัดนี้กลับพูดว่าให้พักได้แค่สองสามวันต้องเป้นพี่ชายที่เกลียดกันมากๆแน่ๆเลย
ขันทีวางราชโองการไว้บนมือของอ๋องฉินที่รับเอาพร้อมกับประสานมือ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ท่าทีบ่งบอกว่าขอบพระทัยจริงๆต้าเหนิงส่ายหน้า คนอะไรไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่เกลียดใคร
“ฝ่าบาททรงมีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นครั้งนี้จึงให้ท่านอ๋องร่วมเสวยเช้าเย็นกับฝ่าบาทที่นี่ไม่จัดให้ยกเครื่องเสวยสำหรับท่านอ๋อง ที่นี่จะมีเพียงนางกำนัลที่ยกเครื่องเสวยสำหรับพระสนมเอ่อต้าเหนิงที่ป่วยไข้เท่านั้น”ขันทีจากไปหานจงถอนหายใจยาว
“ตั้งใจกดดันให้รีบกลับไปที่วัดทางเหนือเสีย จะได้ไม่ต้องมาระแวดระวังว่าท่านอ๋องจะคิดการใหญ่และต้องคอยระวังว่าขุนนางจะมาถวายพระพรท่านอ๋อง” หานจงยังคิดได้อีกคนทำท่าไม่สนใจ
“หานจงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดกันเก็บไว้ในใจเช่นข้าเถอะ”หานจงถอนหายใจอีกครั้ง
“ไม่ยกเครื่องเสวยก็ทำราวกับว่าเราจะต้องไปให้ฝ่าบาทคอยเห้นหน้าในทุกเช้าเย็นความจริงแล้วท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องมากดดันทางกายทางใจเช่นนี้ มีขุนนางที่ภักดีหลายคนพร้อมที่จะเชิญท่านอ๋องค้างอ้างแรมที่จวนขุนนางเหล่านั้น พร้อมที่พักและอาหารมากมาย”
“ข้าเสวยแค่เช้ากับเพลมิได้เสวยตอนค่ำเราพบฝ่าบาทแค่ตอนเช้า”น้ำเสียงเรียบๆไม่มีสะดุดราวกับครูที่กำลังตั้งใจอธิบายการบ้านให้เด็กเข้าใจ แล้วเสวยเช้ากับเพลด้วยอย่างกับพระแน่ะ
“ข้าน้อยเข้าใจขอรับแต่ทว่าเห็นก็เห็นว่าท่านอ๋องสามปีเพิ่งจะกลับวังหลวงแค่ครั้งนี้ ยังกล้าผลักไส ราชโองการบอกว่าสองสามวันให้อยู่ที่วังหลวงได้แค่สองสามวัน หวางเยว่ท่านว่ามันไม่เกินไปหน่อยหรือ กลัวว่าเหล่าขุนนาง
จะพากันมาถวายฎีกาหรือฟ้องเรื่องราวต่างๆที่ฝ่าบาททำหางโผล่ไว้”
“ช่างเถอะ เราจะอยู่กี่วันก็ไม่ต้องเกรงว่าใครจะว่าเพราะใจเราบริสุทธิ์ไม่ได้คิดจะทำเรื่องชั่วช้าเหมือนที่ใครคิดเช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไร เวลาที่ผ่านไปพวกเขาก็จะได้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด”
“แม้แต่ขันทียังกล้าจาบจ้วงท่านอ๋องเรียกท่านว่าไต้ซือ เช่นนี้จะไม่กลัวว่าพวกเขาจะพูดจาให้ร้ายหรือไร”
“เรียกไต้ซือก็ไม่ผิดข้าบวชมาแล้วถือเพศบรรพชิตแล้วยังกินข้าวสองเวลาดีที่ไม่โกนหัวเพราะถือว่าอย่างไรเสียข้าก็ปฏิบัติได้เคร่งครัดกว่าไต้ซือทั่วไป ก็ถูกแล้วที่พวกเขาจะเรียกไต้ซือ”
คราวนี้เป็นต้าเหนิงที่ถอนหายใจ
เรียกพระอรหันต์ อย่าเรียกไต้ซือเลย
“แต่หวางซื่อ ในใจท่านตอนนี้…”
“ไม่อาจจะกล่าวคำใดได้เต็มปากข้าแค่เพียงผู้ทรงศีลเช่นนี้”
“ข้าน้อยหมายถึง”บุ้ยใบ้ไปทางต้าเหนิงที่แกล้งหลับ
“ก็แค่ทำตามบัญชา ไมไ่ด้มีอะไรแค่เพียงนางใช้ชีวิตที่นี่ได้ต่อไป ตระกูลเอ่อเหลือนางคนสุดท้าย แต่นางกลับทำให้ผู้คนเกลียดชังวังหลวงแห่งนี้ใครบ้างไม่อยากให้นางตาย”
“งานละเอียดเลยขอรับจำต้องอารักขานางทั้งที่ท่านอ๋องเป็นถึงจวิ้นหวัง”บทจะเห้นด้วยก็เห้นด้วย มมีที่ไหนเขาทำกันจวิ้นหวังมาอารักขาสนม
“พระสนมเอ่อต้าเหนิงกลับมาแล้วเพฮะไทเฮา”ไทเฮายิ้มบางๆ“ดีแล้วส่งเทียบยาบำรุง ที่ตำหนักของสนมเอ่อ”“เพฮะไทเฮาแต่ทว่านางไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อ อีกทั้งยังเดินเหินสะดวกเมื่อวานเจายี่บอกว่าพระสนมชักเกร็งแต่สีหน้ายิ่งผุดผาด ราวกับสาวแรกรุ่นข้าน้อยได้ยินเรื่อวที่นางได้ยาจากหมอเทวดามารักษา”ไทเฮาขมวดคิ้ว“เจายี่ไม่ได้รับใช้นางแล้วหรือ”“นางกำนัลเจายี่มาขออาศัยที่ตำหนักพระพันปีของไทเฮานางบอกว่าพระสนมเมื่อวานเกือบจะฆ่านาง ตอนนี้มีเพียง เอ่อ เอ่อไต้ซือเอ๊ย อ๋องฉินจวิ้นหวังที่คอยอารักขาพร้อมด้วยองครักษ์ข้างกายของจวิ้นหวังนามว่าหานจงเท่านั้น”“ระวังปากของเจ้าอย่าได้เผลอเรียกจวิ้นหวังเช่นนี้อีกเป็นอันขาดจวิ้นหวังถึงจะเป็นคนพูดน้อยไม่เคยกล่าวโทษใครและไม่ถือสาทว่าเป็นถึงจวิ้นหวังเจ้าควรระวังปากมากกว่านี้”“พ่ะย่ะค่ะ”ก้มหน้าสำนึกผิดปลอม“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไร”“ไม่เช่นไรพ่ะย่ะฮะแค่ได้ยินว่าฝ่าบาททรงให้ช่างในวังหลวงบูรณะตำหนักไร้ชื่อหรือตำหนักที่16ของสนมเอ่อแล้วมีประทานอนุญาตให้อ๋องฉินพำนักที่นั่นได้…สักสองสามวัน”“พำนักที่นั่นหรือสนมกับจวิ้นหวังเช่นไรจึงให้ใกล้ชิดกัน”ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“ฝ่าบาทอาจะทรงรู้ว่า
“คุณ ไม่สิท่านอ๋อง จะเริ่มอย่างไรดี ฉัน..คือ..ต้าเหนิงคือข้า”อีกคนยังคงนั่งนับปะคำ“นั่งลง อย่ามาเดินวนรอบตัวข้า”หลับตาแล้วเห้นว่าเดินวนได้อย่างไรแอบมองสิท่านั่งลงชันเข่าจ้องอีกคนที่นับปะคำ“ไต้ซือ ท่านละทิ้งทางโลกได้จริงๆหรือ”เท้าคางมองยังไม่ทันจะได้ิยนคำตอบหานจงกลับเข้ามาอีกครั้ง“หวางซื่อองครักษ์ของวังหลังออกค้นหาคนร้ายในเขตวังหลังหานจงจึงกลับมาอารักขาท่านอ๋อง”“หานจง ..ข้าพูดได้แล้ว” เดินมากางแขนหมุนรอบๆข้างหน้า หานจงเลิกคิ้วสูงยิ้มกว้าง“หือ ยาของท่านหมอเทวดานี่ดีจริงๆ”ต้าเหนิงยิ้มกว้างสดใส อ๋องฉินหลุบตามองพื้นเสีย“คิดว่าไม่พบแน่”“ขอรับไม่มีทางจะพบไม่ว่าจะด้วยเหตุใด”“ไปนอนได้แล้ว”อ๋องฉินสั่งต้าเหนิงที่มานั่งตากลมบ้องแบ๋วคอยฟังอ๋องฉินกับหานจงคุยกัน“ยังไม่ง่วง”“บอกให้ไปนอนก็ไปนอน นี่ยามโฉว่แล้วไปนอนได้แล้ว”“ใครจะหลับลงเล่าเพิ่งจะผ่านการถูกความตายมาหมาดๆ”“หานจง ส่งพระสนมเข้านอน”หานจงชี้มือที่อกของเขา“เอ่อหวางซื่อ ให้หานจงหรือขอรับ”“เจ้านั่นแหละนางพูดมากน่ารำคาญและเรื่องที่เราจะหารือกันนางก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้คอยตะแคงหูฟัง”นี่ก็พูดตรงเกิน แต่ถ้าจะพูดตรงๆกว่านี้ว่านายกำลังจะน
“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ””ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”พยักหน้าขึ้นลง“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือ
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
“เรื่องอะไรขอรับ”สาวเท้าเดินเข้าไปข้างในหานจงเดินขวางหน้าไว้ ท่านอ๋องขอรับเรื่องอะไรขอรับที่ฝ่าบาทพูดถึงพระสนม”นางกำนัลสามสี่คนวิ่งสวนทางออกมาพร้อมกับย่อกายแล้วจากไป“พวกนางรีบร้อนอะไรกัน” หานจงยิ้มเจื่อนๆ“เอ่อ หวางซื่อท่านยังไม่ได้บอกข้าน้อยว่าฝ่าบาททรงพูดถึงพระสนมว่าอย่างไร”“ก็พูดพร่ำเพ้อถึงนาง แล้วเจ้ามาขวางข้าไว้ทำไม”“เอ่อ ก็หานจงอยากจะรู้เรื่องที่หวางซื่อคุยกับฝ่าบาท”ฉินเกอหลงสาวเท้ายาวๆข้างในนั่น ต้าเหนิงกำลังโกยเอาเงินเหรียญอย่างรีบร้อนร่วงหล่นเกลื่อนพื้นคลานลงไปเก็บเอาเงินเหรียญ เต็มไม้เต็มมือ“ดวงดีที่สุดแหมเสียดายจริงๆคนเย็นชานั่นมาเสียได้”คลานไปคว้าเหรียญที่กลิ้งหลุนๆไปแทบเท้าของใครบางคน ต้าเหนิงเงยหน้าขึ้นช้าๆปล่อยเงินเหรียญที่หอบไว้ตรงหน้าอกร่วงเกลื่อนพื้นด้วยความตกใจ“การพนันอย่างนั้นหรือ”“ไม่ผิดศีลเสียหน่อยการพนันไม่ได้มีอยู่ในศีลห้าข้อ”“ไม่ควรอย่างยิ่งเจ้าเป็นถึงสนมที่ฝ่าบาทโปรดปราน แล้วทำตัวเป็นหัวโจกแบบนี้ พาพวกนางกำนัลทำเรื่องที่ต้องห้ามในวังหลวง”ต้าเหนิงเบ้ปาก“ไม่ต้องดุก็ได้นี่"คนอะไรหล่อก็หล่อท่าทางก็ดูดีแต่ทำไมชอบดุเอาแบบนี้ครั้งนี้ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายก
พูดตรงๆเลยหรือไม่อ้อมค้อมหน่อยหรือ แล้วสนมต้าเหนิงนี้ร้ายขนาดนั้นเลยหรือ แล้วคนร้ายๆแบบนั้นทำไมถึงเอาตัวเองไม่รอด“เฮ้อพูดไปก็ไม่อยากรื้อฟื้น สนมเอ่อกลายเป็นที่โปรดปรานขึ้นมาอีกครั้ง ข้าในฐานะไทเฮา ก็ไม่อยากให้เจ้าให้นิสัยเดิมๆอีกให้รู้จักผ่อนหนักเบา เมื่อหลายวันก่อนเจายี่พบข้าเพราะอยากย้ายไปตำหนักพระพันปีอ้างว่าเจ้าทำร้ายนางแม้จะบอกว่าสนมเอ่อไม่ตั้งใจ แต่เจายี่นางให้กลับก็ไม่กลับอ้างว่าสักวันไหนสนมเอ่อจะพลั้งมือฆ่านางเข้าสักวัน เอ่อต้าเหนิง ต่อไปวางตัวให้ดีให้ผู้คนรักใช่เกรงกลัว ตำแหน่งฮองเฮาฮ่องเต้ก็ยังเฟ้นหา เจ้าเป็นที่โปรดปรานก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม”ต้าเหนิงยิ้ม “เอาแบบนี้ข้าตั้งใจส่งนางกำนัลให้เจ้าอีกสักคนสองคนเพราะเวลาฝ่าบาทเรียกเจ้าเข้าปรนนิบัติก็จะไม่มีใครคอยดูแลเจ้า”ก็ควรจะตามน้ำใช่ไหม“ต้าเหนิงขอบพระทัยไทเฮา” จะต้องอยู่ได้อยู่เป็นสินะไอ้เรื่องที่หาทางกลับบ้าน ตอนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แค่อยู่ที่นี่ให้มีความสุขไม่สิให้รอดปลอดภัยเพราะตระกูลเอ่อนี่เหลือต้าเหนิงคนนี้คนเดียวแล้ว“ดีแล้ว วันนี้ข้านำเครื่องประดับมามอบให้เจ้า คืนนี้สวมมันพบกับฝ่าบาทหวังว่าจะเชื่อฟังข้าไม่เหมือนที่แล้วมา
ฉินเกอหลง ก่อนหน้านั้นเมื่อพันปีก่อนยืนโปรยเถ้ากระดูกของต้าเหนิง“ฝ่าบาท ท่านหมอเยี่ยนฉือกับหานจงขอประทานอนุญาตออกเดินท่องยุทธภพ หวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาติในครั้งนี้”เชียวกงเล่อประสานมือตรงหน้า ความรู้สึกเหมือนบางอย่างแหว่งเว้าหายไป“ในที่สุดเราทุกคนก็ได้แค่เพียงเป็นเถ้าธุลี ปลิวหายไปพร้อมกับสายลม ข้าเองแม้จะอยากทำตามใจเพียงใดสุดท้ายข้าก็ได้แค่เพียงสะกดกลั้นความคิดนั้นไว้เสีย”“พ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ..กงเล่อหมายถึงท่านปู่ของฮองเฮาเอ่อถูหวังซวน เสียใจที่ต้องสูญเสียคนของตระกูลเอ่อไปจนไม่เหลือใครแม้กงเล่อขอใช้แซ่ของตระกูลเอ่อแต่ท่านพ่อก็ยังเศร้าโศกเช่นเดิมกงเล่อเข้าใจดีว่าไม่อาจทดแทนกันได้”“จริงสินะในที่สุดตระกูลฉินก็ไม่อาจปกป้องตระกูลเอ่อไว้ได้ ข้าที่ทุ่มเทตั้งแต่วันแรกที่พบนางก็ยังไม่อาจช่วยเหลือนางได้ทันเช่นนั้นจึงเรียกว่าเป็นความผิดของข้า”“ไม่มีใครผิดพ่ะย่ะค่ะสวรรค์กำหนดไว้แล้วหากไม่มีฝ่าบาทบางที่ตระกูลเอ่ออาจไม่เหลือรอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกฆ่าล้างตระกูลฝ่าบาททำดีที่สุดแล้ว”“จริงสินะในครั้งแรกที่ข้าพยายามช่วยชีวิตเอ่อต้าเหนิงจากคนชั่ว และครั้งที่สองข้าที่พยายามช่วยชีวิตนางจากการสั่งกา
หนึ่งปีผ่านไป“โอ้ๆๆๆๆอย่าร้องนะคนดีมาให้พ่ออุ้มเร็ว”ฉินเกอหลงพูดไทยสำเนียงแปลกๆคุณหมอดนัย ส่ายหน้าไปมา“เมื่อไหร่จะพูดไทยแข้งแรงสักทีบอกให้สอนกันหน่อยก็ไม่เอาวันๆเอาแต่ผลิตลูกดูสินี่ก้ท้องอีกแล้วหัวปีท้ายปีเชียว”ต้าเหนิงยิ้มดวงตาเป็นประกาย“คุณแม่ฮับลูกชายหิวนมแล้วฮับ”เสียงออดอ้อนของฉินเกอหลง ทำเอาต้าเหนิงส่ายหน้า รับเอาร่างกระจ้อยมากอดแนบอก แกะกระดุมป้อนนมทารกในอ้อมแขนฉินเกอหลงดวงตาเป็นประกาย หมอดนัยวางยาที่จัดมาสำหรับแม่ลูกอ่อนลงตรงหน้าฉินเกอหลง“อิจแาต้าเหนิงจังมีสามีที่คอยดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกับข้าวกับปลาเลี้ยงลูกเตือนให้กินยา ถ้ามีแบบนี้รักตายเลย บ้านช่องก็เลยไม่กลับมาคตอยดูแลภรรยาตั้งสองสามเดือนแล้วธุรกิจที่นั่น ไม่ต้องห่วงหรือ”ฉินเกอหลงยิ้มกำลังเรียบเรียงคำพูด“ผมจัดเตรียมทุกอย่างและประชุม ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ในมุกเช้าจึงไม่ต้องห่วงอะไรหากว่ามีอะไรขัดข้องก็จะเรียกประชุมทันที ทางนี้ผมเองไม่อาจวางใจ ต้าเหนิงเขาต้องมีผมคอยดูแล เขาลำบากอุ้มท้องลุกของผม เขาต้องอุ้มเด็กอีกคนไว้ในท้องฉะนั้นผมเลยคิดว่าไม่มีใครจะดูแลต้าเหนิงได้ดีเท่าผมและควรจะดูแลต้าเหนิงอย่างดี”หมอดนัยส่าย
“คุณไม่อยากลองขอฉันแต่งงานดูอีกสักทีหรือ”อมยิ้มฉินเกอหลงเลิกคิ้วสูง“อยากสิ ถ้าอย่างนั้น แต่งงานกับผมนะครับ”คุกเข่าลงกับพื้นที่ด้านล่างมีกลับดอกเมหยสีชมพูดร่วงเกลื่อนกราดต้าเหนิงยิ้มพยักหน้าขึ้นลง ฉินเกอหลงรวบร่างบางไว้แนบอกอีกครั้ง“ขอบคุณขอบคุณจริงๆ ที่ยอมแต่งกับผม”ยิ้มหว้างสดใสจนต้าเหนิงต้องยิ้มตาม““ความจริงแล้วเธอไม่ได้ติดค้างอะไรหรอกนะที่ตามหาเพราะต้องการชดเชยให้คุณอย่างไรเล่า ต้าเหนิง”ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูง เมื่อฉินเกอหลงกระซิบข้างหูเบาๆ“คุณพูดอะไรนะ อย่าบอกนะว่าคุณ เพิ่งจะข้ามภพมา”ฉินเกอหลงเองก็เลิกคิ้วสูง“ข้ามภพหรือ แค่ความฝันหรือเปล่าสิ่งที่ผมฝันในทุกๆคืนนั่นก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของผม เธอกำลังเจ็บปวดและทรมานผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามีหยาดน้ำตาทุกครั้ง ตั้งแต่จำความได้ พอโตขึ้นมาสิ่งที่ผมตั้งใจทำมาตลอดคือตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ให้จิตกรมาวาดภาพเธอคนนั้นไว้ในห้องนอนเพื่อให้ได้เห็นหน้าเธอในทุกๆวัน คุณอยากเห็นรูปผู้หญิงคนนั้นไหม”ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง“คุณอยากเห็นก็คงต้องไปส่องกระจกแล้วล่ะ เพราะรูปนั่นเหมือนคุณอย่างกับแกะ”ดึงมือต้าเหนิงให้เดินเคียงข้างกันไป“คุณฝันถึ
ฉินเกอหลงจอดรถลงข้างทางที่ประดับด้วยไฟหลากสีใต้ต้น ดอกเหมยสีชมพูเบ่งบาน ผู้คนเดินจูงมือคู่รัก“คุณชอบดอกเหมยหรือ”ต้าเหนิงถามเบาๆ“ชอบ อยากให้ต้าเหนิงได้เหนมันไงเล่ากว่าจะผ่านไปแต่ละปีจะต้องทนนับวันนับเดือนที่ดอกเหมยบานและร่วงโรยครั้งแล้วครั้งเล่าลำพังเดียวดายตราบนานเท่านาน”ต้าเหนิงก้มมองมือในอุ้งมืออุ่นของฉินเกอหลง ยอมให้เขากุมมือไว้ราวกับคู่รักแต่ไม่ยอมฟังคำพูดเศร้าๆของเขา“ฮ่าาาพามาแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ไอ้เรารึคิดไปไกลเยว่าจะพาไป…ทำมิดีมิร้าย”ฉินเกอหลงส่ายหน้าไปมา“วางใจเถอะไม่เอาไปขายหรอก”“หือ ไม่ขายแต่ฆ่าหั่นศพและแย่เชียวฮ่าๆๆๆๆ”ยังตลกได้อีกฉินเกิอหลงหันมาทำสีหน้าจริงจังต้าเหนิงขนลุกเกรียวหรือว่า หรือว่า“จูบได้ไหม”“หา จะจูบเลยหรือ”“ก็ต้องจูบสิคนที่เขาลองคบกันก็ต้องลองหลายๆอย่างว่าเขากันได้ไหม”“อย่าทำแบบนี้นะมาถึงก็จูบเลยหรือจะไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือ”ฉินเกอหลงรวบร่างบางมากอดไว้แนบกายจมูกโด่งสูดดมเรือนผมที่หอมละมุนเนิ่นนาน“เจ้าเข้าสู่โหมดโรแมนติกแล้วนะ คิดถึงจังสบายดีไหม”ทอดเสียงอ่อนโยนจนต้าเหนิงตัวเย็น มือที่ยกขึ้นกอดรอบเอวของฉินเกอหลงอย่างกล้าๆกลัวๆก็เย็นเฉียบ“คือๆๆๆค
ต้าเหนิงยิ้มพยักหน้าหงึกหงักกำลังช่างใจว่ากัวกั๋วก็คือกํวกํ๋วหรือว่ากัวกํ่วคนนี้ไม่ใช่กัวกั๋ว“ขอบคุณ แต่จะว่าไปฉันไม่ได้หลงตัวเองนะแต่คุณสองคนกำลังแย่งฉันใช่ไหม”ฉินเกอหลงอมยิ้มกัวกั๋วงง“มีคนแบบนี้ด้วยหรือ คนที่คิดว่าคนอื่นกำลังแย่งคุณผู้หญิงไท่กัวเป็นแบบนี้ทุกคนไหมนะ”ฉินเกอหลงเปยเบาๆต้าเหนิงอมยิ้ม ความคนึงหาทีข้ามผ่านมาปีหนึ่งสิ้นสุดลง“เอาล่ะที่นี้ เราสองคนมาตกลงกันดีกว่าไหมพี่ใหญ่ว่าใครจะจีบก่อนจีบที่หลังไอ้ผมอะนะเริ่มชอบผู้หญิงไท่กัวคนนี้แล้ว”กัวกั๋วพูดขึ้นพร้อมกับใช้ตะเกียบในมือคีบอาหารในจานวางตรงถ้วยข้าวตรงหน้าต้าเหนิง ฉินเกอหลงที่เห็นก็รีบคีบของกินที่คิดว่าต้าเหนิงจะชอบวางลงบนถ้วยข้าวของต้าเหนิงบ้างไฉหรานอมยิ้ม“ต้าเหนิงของเราฮอตน่าดู”หันไปพูดกับเฉินซือกวาน“ก็นะบอกแล้วไงว่าฉันอะนะกำลังโดนแย่งจากคนสองคน”อมยิ้ม“ใครบอก กัวกั๋วนายนะมาทีหลังหลบไปเถอะไม่มีการแย่งชิงอะไรทั้งนั้น”ฉินเกอหลงทรุดกายลงกับพื้นคุกเข่าตรงหน้าพร้อมกับหยิบกล่องกำมยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋าเปิดกล่องกำมยี่สีแดงออกแสงแวววาวจากเพชรเม้ดมะหึมาคงราวๆห้ากะรัตสุกสกาวต้องแสงไฟ ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูง“แต่งานกบผมนะครับคุณต
“ใครจะบังอาจเล่าค่ะ ต้าเหนิงเองเขาก็ไม่ใช่คนที่พูดมากหรือชอบนินทาใครต้าเหนิงเขาเป็นคนเรียบร้อยน่ารักที่สุด”ไฉหรานเชียร์เต็มที่ ต้าเหนิงยิ้มจื่อนๆ เรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ในโรงรับจำนำเถอะ“เรียบ จริงหรือครับ”“อืมมม เรียบร้อยครับคุณฉินไม่ใช่เรียบเฉยๆ” เฉินซือกวานรีบพูดแทรกขึ้นกลัวว่าต้าเหนิงจะรู้สึกไม่ดี เปล่าต้าเหนิง ที่รีบก้มมองหน้าอกของตัวเองมันก็ไม่ได้ราบแบนเสียหน่อยบริกรนำอาหารมาเสริ์ฟบนโต๊ะ ฉินเกอหลงผายมือ“มีที่พักหรือยังครับอี้ตวนของเรามีที่พักมากมายในเครือให้คุณ …ได้เลือกพัก”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอมยิ้มแก้มป่องจากฝ่าบาทมากลายเป็นนักขายอย่างไรกัน“ต้าเหนิงเขาพักกับเราค่ะคุณฉินไม่ต้องห่วงเขามาที่นี่แค่5วันตั้งใจพาเที่ยว อย่างที่ต้าเหนิงอยากจะไปเรื่องที่พักก็เลยไม่ใช่ปัญหาที่บ้านของเราก็มีห้องวางอยู่หลายห้อง”ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง บริกรเดินถือช่อดอกกุหลาบสีแดงนับพันดอกมุ่งตรงมาที่ ต้าเหนิงโค้งคำนับอย่างนอบน้อม“ต้าเหนิงรับเอาดอกกุหลาบช่อโตหยิบการ์ดที่สอดไว้ด้านหน้าขึ้นมาอ่าน”ฉินเกอหลงขมวดคิ้ว“ของใคร”ไฉหรานชะโงกมองเพราะความสงสัยแล้วหันไปสบตากับเฉินซือกวาน“เอ่อ คุณฉินกัวกั๋วครับ
ภัตตาคารหรูริมน้ำมองเห็นแสงสีสว่างไสวไปทั่งสะพานที่ทอดข้ามผ่านแม่น้ำสายใหญ่งดามท่ามกลางผู้คน ต้าเหนิงกับไฉหรานมาถึงแล้ว เฉินซือกวานรีบ เปิดประตูรถให้ทั้งสองคนลงมาจากรถด้วยท่าทีราวกับนักันไว้นั่นคือให้ช้าๆเข้าไว้ก็ต้าเหนิงไม่อยากพบเจ้าคนรวยอ้วนพุงพุ้ยและกินจุคนนั้นตั้งใจ ปิดภัตตาคารเพื่อจะได้กินอิ่มๆคนเดียวไม่ได้เพื่อให้ต้าเหนิงนั่งสบายหรือเปย์ต้าเหนิงหรอก“คุณครับ คุณฉินเชิญคุณทั้งสามบนชั้นสองขอรับ”บริกรก้มศรีษะนอบน้อม ต้าเหนิงเงยหน้ามองขึ้นไปบนชั้นสองที่สว่างไสวเห็นเพียงใครบางคนที่นั่งนระเบียงภัตตาคารหรู ต้าเหนิงเบ้ปากเข้าใจเลือกมุมให้มองเห็นพวกต้าเหนิงก่อนแหมร้ายจริง“คุณผู้หญิงครับนี่คือของขวัญต้อนรับสำหรับการยินยอมมารับประทานอาหารกับ...คุณฉิน”“คุณฉิน ฉินอะไร”ต้าเหนิงรับเอากล่องน้ำหอมระดับโลกไว้ในมือไฉหรานยิ้มสดใสดีใจยิ่งกว่าต้าเหนิงเสียอีก“เห็นไหมต้าเหนิงเขาจริงใจแค่ไหน”กระซิบต้าเหนิงเบาๆต้าเหนิงส่ายหน้าไปมาเดินตามไฉหรานที่ดึงมือให้เดินตามเฉินซือกวานขึ้นไปข้างบนชั้นสองพอ้าเหนิงยืนอยู่ชั้นบนเสียงดนตรีก็ดังขึ้นนักดนตรีบรรเลงเพลงหนึ่งทำนองคุ้นหูเหลือเกินต้าเหนิงหยุดนิ่งอยู่กับท
“ทำไมต้องเป็นที่นั่น”อ่านชื่อภัตตาคารหรูริมแม่น้ำที่อาหารอร่อยมากตามรีวิวแต่ราคาแพงหูฉี่“หืออาหารอร่อยมากและที่สำคัญ…”ไฉหรานยิ้มดวงตาพร่างพราว"ฉันว่ามันมากไปฉันอยากกินของอร่อยๆก็จริงแต่ ก็ยังไม่อยากหมดตัวฮ่าาาา"ต้าเหนิงพูดไปยิ้มไปไฉหรานเองก็ยิ้ม"ฉันไม่สิคุณเฉินสามีฉันเขาบอกจะเลี้ยงเธอในฐานะที่เราไม่ได้ชวนเธอมางานแต่งของเราเขารู้ว่าฉันกับต้าเหนิงสนิทกันแค่ไหนก็แค่อยากจะเลี้ยงต้อนรับเธอสักครั้ง""มันหลายตังค์นะฉันเกรงใจ"ไฉหรานยิ้มอีกแล้ว"ไม่ต้องเกรงใจน่าเราตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องต้อนรับเธอให้ดีที่สุดให้เธอประทับใจที่สุดจนอยากจะอยู่ที่นี่เลยดีไหม""ไม่ใช่ล่ะ มันแปลกๆ ฉันว่ามันมีกลิ่นนะ เอาความจริงมาพูดกันเราสองคนคบกันมาตั้งปีหนึ่งฉันไว้ใจเธอมากเลยนะไฉหรานว่าเธอจะไว้ใจได้ และไม่โกหกฉัน"ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆนั่งลงข้างๆต้าเหนิงเลื่อนแก้วกาแฟตรงหน้าต้าเหนิงอย่างเอาใจ“คุณเฉินเขานัดใครบางคนดูตัวเพื่อนสาวของเราต้าเหนิงซึ่งเขาก็แค่อยากจะกินข้าวแล้วก็ดูตัวต้าเหนิงไปด้วย คนคนนี้อะนะหล่อที่สุดนิสัยดีที่สุด และเอาใจเก่งที่สุด ที่สำคัญเป็นทายาทโดยตรงที่กำลังจะนั่งตำแหน่งท่านประทานของอี้ตวนในขณะนี้สาว
“แม่จ๋าหนูอยากจะไปเมืองจีน คุณแม่คนสวยใจดีที่สุดในโลกอนุญาตให้ลูกสาวตัวน้อยๆคนนี้ได้ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้ไหม”คุณปทุมยิ้มแกล้งมองไปทางอื่นเสีย“น่านะคุณแม่ขา ต้าเหนิงอยากจะไปจริงๆบรรพบุรุษเราเป็นคนจีนพ้นทะเลๆไม่ใช่หรือแล้วนี่ไม่ให้ต้าเหนิงไปพอต้าเหนิงตายไปจะกล้ามองหน้าบรรพชนได้อย่างไร”แอบเอาประโยคยอดนิยมในซีรีย์จีนมาพูดกับคุณปทุม“จะไปทำไม”“หนูอยาก…เป็นกำแพงเมืองจีนอยากไปพระราชวังต้องห้ามอยากจะเที่ยวจางเจี่ยเจีย”“มีเงินแล้วหรืถึงอยากจะไปพอให้แต่งกับผู้ชายจีนที่เป็นญาติห่างๆกันก็ไม่เอา ทีแบบนี้แล้วอยากจะไปไปคนเดียวมันอันตรายนะ แม่ไม่อนุญาต”“หนูไปแค่ไม่กี่วัน คุณแม่ไม่ต้องห่วงน่าแล้วตอนนี้ที่นั่นก็มีไฉหราน”“ไฉหรานอะไรของแกนั่นไว้ใจเขาได้หรือไม่เคยเห็นตัวเป็นๆเขาสักหน่อยก็ไว้ใจเขา แม่ละท้อใจกับการไว้ใจคนและเข้ากับคนได้ง่ายๆอย่างหนูจังเลยแบบนี้ยิ่งจะทำให้คนชั่วมาตีสนิท”“ไฉหรานเขาไม่หลอกหนูหรอกค่ะเราพูดคุยแลกเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างจนสนิทกันแล้วระยะเวลาเกือบปีมานี้หนูคิดว่าหนูดูเขาดีพอแล้วค่ะ”คุณปทุมถอนหายใจ“แล้วที่หลับที่นอน โรงแรมที่พัก เล่าจัดเตรียมไว้แล้วหรือ”“เรียบร้อยแล้วค่ะตั