วังหลวง
ต้าเหนิงนอนเอกคเนกในเกี้ยวหลังใหญ่ ฉินเกอหลงนั่งนิ่งนับประคำอยุ่อีกฝั่งหนึ่งนั่งตัวตรงหลังแข็งเพื่ออะไรกันระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ หรือว่ารักษาภาพลักษณ์เหมือนพวกนักเรียนนายร้อยที่นั่งยืนตัวตรงตลอดเวลา มีจริงนะคนแบบนี้ ทางไกลมากต้องเปลี่ยนคนหามเกี้ยววนกันไปมาถึงยี่สิบสองคนจากวิหารเทียมฟ้าอย่างนั้นจะทนทรมานไปทำไมต้าเหนิงก็ควรนอนดีที่สุด
ฮ่องเต้นั้นตั้งใจส่งเกี้ยวมารับเพื่ออะไรความทรงจำบางเบาของสนมต้าเหนิงในหัวบอกกับต้าเหนิงว่าหลายเดือนมาแล้วไม่เคยได้รับใช้ใกล้ชิด อีกทั้งต้าเหนิงยังนอนป่วยลุกไปไหนไม่ได้ฮ่องเต้นั่นก็ไม่เคยสนใจแล้วยังแต่งตั้งสนมชิงซี ที่ท่าทียั่วยวน เอว่าแต่ต้าเหนิงกับฝ่าบาทนี่ได้เสียเป็นเมียผัวกันหรือยังน้า
เกี้ยวจอดลงที่หน้าตำหนักเก่าๆเดิมๆที่มีความทรงจำยอดแย่… ตำหนักที่16… นางกำนัลเจายี่เดินเข้ามาในกรอบหน้าของต้าเหนิง ปรับสีหน้าเศร้าสร้อยกระแอมเบาๆ
“พระสนมโอ้พระสนมกลับมาแล้ว”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ตีหน้าเศร้า
ต้าเหนิงยิ้มย่อกายลงจับไหล่ทั้งสองข้างของเจายี่ ยังกล้าเสนอหน้ามาอีกหรือก่อนหน้านั้นเจ้าคิดว่าคนอย่างต้าเหนิงสมองเสื่อมหรือไร เจายี่เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างแค่เพียงมือทั้งสองแตะที่หัวไหล่เท่านั้นต้าเหนิงก็เกิดอาการชักเกร็ง มือทั้งสองบีบคอเจายี่สุดแรงร่างเกร็งกระตุกไปทั้งตัว
“อะอะ พะพระสนม เป็นอะไรไปเจ้าค่ะ” เจายี่ที่พยายามจะพูดทว่าพูดไม่ออกต้าเหนิงถึงเวลาแก้แค้นแล้ว บีบคอนางปีศาจเจายี่สุดแรงจะบีบให้หสุดแรงเหมือนที่ยัยป้านี่ทำกับต้าเหนิง เจายี่หน้าถอดสี ยิ่งเกร็งกระตุกก็ยิ่งบีบแรงขึ้นเจายี่ดวงตาเหลือกลานจะหนีก็หนีไม่ได้จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ด้วยต้าเหนิงเป็นถึงพระสนมแล้วยังเป็นนายของเจ้ายี่โดยตรง
“อั๊กๆๆๆๆๆพะพระสนม” คิ้วคมของฉินอ๋องขมวดเข้าหากัน
หานจงรีบตรงเข้าประคองต้าเหนิงไว้ พอดีเลยต้าเหนิงเหนื่อยแล้ว รีบปล่อยมือออกจากลำคอของเจายี่ ฉินอ๋องยกมือขึ้นสะกัดจุดให้ต้าเหนิงสงบลง
ต้าเหนิงอมยิ้มทิ้งตัวลงบนอ้อมแขนของหานจงหลับตาพริ้มใบหน้างามหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสแค่เบาะคราวหลังอย่าให้เจออีกแม่กัดไม่ปล่อย ฉินอ๋องเบือนหน้าหนี
หานจงหอบเอาร่างเล็กของต้าเหนิงไว้พาเข้าไปในตำหนัก
เจายี่ลุกขึ้นคลำที่ลำคอเขียวคล้ำเจ็บจนไม่อยากสัมผัส ความรู้สึกเฉียดตายเมื่อครู่ทำให้หวาดกลัว
“ไม่เอาแล้วข้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว ใครจะอยู่ก็อยู่ไป”กลับเข้าไปในตำหนัก ที่ห้องพักที่เคยอาศัยหลับนอนรับใช้สนมต้าเหนิงมาตลอดระยะเวลาสามปี ขนข้าวของรีบแจ้นออกจากตำหนักไปในทันที
“ทำอย่างไรดี หวางซื่อ”
หานจงถามฉินอ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังไม่พูดว่าอย่างไรสักคำปล่อยให้ต้าเหนิงแกล้งนอนหลับตาอยู่แบบนั้น
“ทำอย่างไร”นั่งขัดสมาธินับปะคำ
“ไม่ตามหมอหลวงหรือขอรับ”
“ไม่ต้อง”
“ตะตะแต่ พระสนมยังไม่ฟื้นอาจเป็นอันตรายเพราะชักเกร็ง”
“ไม่ต้องนางก็แค่หลับไป”
ต้าเหนิงเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่หลับตานับปะคำในมือ
“แล้วแล้วเรื่องที่เราต้องมาอารักขาแต่กลับปล่อยให้พระสนมชักเกร็ง”
“หานจง เจ้าไม่สงสัยหรือว่าสนมเอ่อทำไมถึงไม่เป็นที่รักของคนในวังหลวง”
หานจงส่ายหน้าไปมา
“นั่นเพราะนางชอบชักเกร็งอย่างไรเล่า”อยากจะบอกหานจงว่าเพราะนางแกล้งชักเกร็งแล้วอาศัยอาการชักของนางทำร้ายคนอื่น นึกว่าเขาไม่เห็นหรือว่านางทำอะไรกับเจ้ายี่ถึงสองครั้งสองคราครั้งแรกเจายี่คนนั้นถูกถีบที่ยอดหน้านั่นสนมเอ่อคนนี้นางป่วยไข้จนแทบไม่ได้สติแต่นางไม่เคยยอมคน ครั้งนี้บีบคอนางกำนัลเจายี่ อาการไม่ได้แสดงว่าชักเกร็งคนที่จะชักเกร็งต้องมีปัจจัยบางอย่างกระตุ้น เช่นอากาศร้อนหรือการอดนอน แต่ต้าเหนิงเมื่อครู่นางยังดีดี นอนมาในเกี้ยวไม่ได้ลำบากอะไร แล้วจะเป้นไปได้อย่างไรที่นางจะชักเกร็งในทุกครั้งต่อหน้าเจายี่
หานจงเดินมาต้าเหนิงรีบหลับตาในทันที
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อจากนี้”
“อ๋องฉินจวิ้นหวังรับราชโองการรรรรรรร”เสียงขันทีที่อัญเชิญราชโองการที่ขานก่อนจะเห็นตัวถือเอาราชโองการกางตรงหน้าฉินอ๋องที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมหานจง
“ด้วยไต้ซือ อ๋องฉินเอ๊ยไม่ใช่อ๋องฉินจวิ้นหวัง”
หานจงขยับกระบี่ให้บังเกิดเสียงเพราะไม่พอใจที่ขันทีเรียกอ๋องฉินว่าไต้ซือ แต่อ๋องฉินกลับคว้ามือของหานจงเพื่อเตือนสติ
“เอ่อฝ่าบาทเห็นว่าจวิ้นหวังเสด็จกลับมาที่วังหลวงอาจพำนักที่นี่สองสามวัน และด้วยจวิ้นหวังไม่มีตำหนักและจวนอ๋องเป็นของตัวเองดังนั้นฝ่าบาททรงมีพระเมตตาให้ช่างและคนงานที่เชียวชาญเรื่องการซ่อมแซมมาซ่อมตำหนักที่16ของสนมเอ่อต้าเหนิงเพื่อให้ท่านอ๋องได้พักพิงอาศัยที่นี่สักสองสามวันจนกว่าจะเดินทางกลับวัดทางเหนือ” เชิญเข้าวังไม่มีมีที่พักจวนจิว้นหวังๆหลังเก่าก็รื้อถอน มาบัดนี้กลับพูดว่าให้พักได้แค่สองสามวันต้องเป้นพี่ชายที่เกลียดกันมากๆแน่ๆเลย
ขันทีวางราชโองการไว้บนมือของอ๋องฉินที่รับเอาพร้อมกับประสานมือ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ท่าทีบ่งบอกว่าขอบพระทัยจริงๆต้าเหนิงส่ายหน้า คนอะไรไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่เกลียดใคร
“ฝ่าบาททรงมีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นครั้งนี้จึงให้ท่านอ๋องร่วมเสวยเช้าเย็นกับฝ่าบาทที่นี่ไม่จัดให้ยกเครื่องเสวยสำหรับท่านอ๋อง ที่นี่จะมีเพียงนางกำนัลที่ยกเครื่องเสวยสำหรับพระสนมเอ่อต้าเหนิงที่ป่วยไข้เท่านั้น”ขันทีจากไปหานจงถอนหายใจยาว
“ตั้งใจกดดันให้รีบกลับไปที่วัดทางเหนือเสีย จะได้ไม่ต้องมาระแวดระวังว่าท่านอ๋องจะคิดการใหญ่และต้องคอยระวังว่าขุนนางจะมาถวายพระพรท่านอ๋อง” หานจงยังคิดได้อีกคนทำท่าไม่สนใจ
“หานจงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดกันเก็บไว้ในใจเช่นข้าเถอะ”หานจงถอนหายใจอีกครั้ง
“ไม่ยกเครื่องเสวยก็ทำราวกับว่าเราจะต้องไปให้ฝ่าบาทคอยเห้นหน้าในทุกเช้าเย็นความจริงแล้วท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องมากดดันทางกายทางใจเช่นนี้ มีขุนนางที่ภักดีหลายคนพร้อมที่จะเชิญท่านอ๋องค้างอ้างแรมที่จวนขุนนางเหล่านั้น พร้อมที่พักและอาหารมากมาย”
“ข้าเสวยแค่เช้ากับเพลมิได้เสวยตอนค่ำเราพบฝ่าบาทแค่ตอนเช้า”น้ำเสียงเรียบๆไม่มีสะดุดราวกับครูที่กำลังตั้งใจอธิบายการบ้านให้เด็กเข้าใจ แล้วเสวยเช้ากับเพลด้วยอย่างกับพระแน่ะ
“ข้าน้อยเข้าใจขอรับแต่ทว่าเห็นก็เห็นว่าท่านอ๋องสามปีเพิ่งจะกลับวังหลวงแค่ครั้งนี้ ยังกล้าผลักไส ราชโองการบอกว่าสองสามวันให้อยู่ที่วังหลวงได้แค่สองสามวัน หวางเยว่ท่านว่ามันไม่เกินไปหน่อยหรือ กลัวว่าเหล่าขุนนาง
จะพากันมาถวายฎีกาหรือฟ้องเรื่องราวต่างๆที่ฝ่าบาททำหางโผล่ไว้”
“ช่างเถอะ เราจะอยู่กี่วันก็ไม่ต้องเกรงว่าใครจะว่าเพราะใจเราบริสุทธิ์ไม่ได้คิดจะทำเรื่องชั่วช้าเหมือนที่ใครคิดเช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไร เวลาที่ผ่านไปพวกเขาก็จะได้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด”
“แม้แต่ขันทียังกล้าจาบจ้วงท่านอ๋องเรียกท่านว่าไต้ซือ เช่นนี้จะไม่กลัวว่าพวกเขาจะพูดจาให้ร้ายหรือไร”
“เรียกไต้ซือก็ไม่ผิดข้าบวชมาแล้วถือเพศบรรพชิตแล้วยังกินข้าวสองเวลาดีที่ไม่โกนหัวเพราะถือว่าอย่างไรเสียข้าก็ปฏิบัติได้เคร่งครัดกว่าไต้ซือทั่วไป ก็ถูกแล้วที่พวกเขาจะเรียกไต้ซือ”
คราวนี้เป็นต้าเหนิงที่ถอนหายใจ
เรียกพระอรหันต์ อย่าเรียกไต้ซือเลย
“แต่หวางซื่อ ในใจท่านตอนนี้…”
“ไม่อาจจะกล่าวคำใดได้เต็มปากข้าแค่เพียงผู้ทรงศีลเช่นนี้”
“ข้าน้อยหมายถึง”บุ้ยใบ้ไปทางต้าเหนิงที่แกล้งหลับ
“ก็แค่ทำตามบัญชา ไมไ่ด้มีอะไรแค่เพียงนางใช้ชีวิตที่นี่ได้ต่อไป ตระกูลเอ่อเหลือนางคนสุดท้าย แต่นางกลับทำให้ผู้คนเกลียดชังวังหลวงแห่งนี้ใครบ้างไม่อยากให้นางตาย”
“งานละเอียดเลยขอรับจำต้องอารักขานางทั้งที่ท่านอ๋องเป็นถึงจวิ้นหวัง”บทจะเห้นด้วยก็เห้นด้วย มมีที่ไหนเขาทำกันจวิ้นหวังมาอารักขาสนม
“พระสนมเอ่อต้าเหนิงกลับมาแล้วเพฮะไทเฮา”ไทเฮายิ้มบางๆ“ดีแล้วส่งเทียบยาบำรุง ที่ตำหนักของสนมเอ่อ”“เพฮะไทเฮาแต่ทว่านางไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อ อีกทั้งยังเดินเหินสะดวกเมื่อวานเจายี่บอกว่าพระสนมชักเกร็งแต่สีหน้ายิ่งผุดผาด ราวกับสาวแรกรุ่นข้าน้อยได้ยินเรื่อวที่นางได้ยาจากหมอเทวดามารักษา”ไทเฮาขมวดคิ้ว“เจายี่ไม่ได้รับใช้นางแล้วหรือ”“นางกำนัลเจายี่มาขออาศัยที่ตำหนักพระพันปีของไทเฮานางบอกว่าพระสนมเมื่อวานเกือบจะฆ่านาง ตอนนี้มีเพียง เอ่อ เอ่อไต้ซือเอ๊ย อ๋องฉินจวิ้นหวังที่คอยอารักขาพร้อมด้วยองครักษ์ข้างกายของจวิ้นหวังนามว่าหานจงเท่านั้น”“ระวังปากของเจ้าอย่าได้เผลอเรียกจวิ้นหวังเช่นนี้อีกเป็นอันขาดจวิ้นหวังถึงจะเป็นคนพูดน้อยไม่เคยกล่าวโทษใครและไม่ถือสาทว่าเป็นถึงจวิ้นหวังเจ้าควรระวังปากมากกว่านี้”“พ่ะย่ะค่ะ”ก้มหน้าสำนึกผิดปลอม“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไร”“ไม่เช่นไรพ่ะย่ะฮะแค่ได้ยินว่าฝ่าบาททรงให้ช่างในวังหลวงบูรณะตำหนักไร้ชื่อหรือตำหนักที่16ของสนมเอ่อแล้วมีประทานอนุญาตให้อ๋องฉินพำนักที่นั่นได้…สักสองสามวัน”“พำนักที่นั่นหรือสนมกับจวิ้นหวังเช่นไรจึงให้ใกล้ชิดกัน”ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“ฝ่าบาทอาจะทรงรู้ว่า
“คุณ ไม่สิท่านอ๋อง จะเริ่มอย่างไรดี ฉัน..คือ..ต้าเหนิงคือข้า”อีกคนยังคงนั่งนับปะคำ“นั่งลง อย่ามาเดินวนรอบตัวข้า”หลับตาแล้วเห้นว่าเดินวนได้อย่างไรแอบมองสิท่านั่งลงชันเข่าจ้องอีกคนที่นับปะคำ“ไต้ซือ ท่านละทิ้งทางโลกได้จริงๆหรือ”เท้าคางมองยังไม่ทันจะได้ิยนคำตอบหานจงกลับเข้ามาอีกครั้ง“หวางซื่อองครักษ์ของวังหลังออกค้นหาคนร้ายในเขตวังหลังหานจงจึงกลับมาอารักขาท่านอ๋อง”“หานจง ..ข้าพูดได้แล้ว” เดินมากางแขนหมุนรอบๆข้างหน้า หานจงเลิกคิ้วสูงยิ้มกว้าง“หือ ยาของท่านหมอเทวดานี่ดีจริงๆ”ต้าเหนิงยิ้มกว้างสดใส อ๋องฉินหลุบตามองพื้นเสีย“คิดว่าไม่พบแน่”“ขอรับไม่มีทางจะพบไม่ว่าจะด้วยเหตุใด”“ไปนอนได้แล้ว”อ๋องฉินสั่งต้าเหนิงที่มานั่งตากลมบ้องแบ๋วคอยฟังอ๋องฉินกับหานจงคุยกัน“ยังไม่ง่วง”“บอกให้ไปนอนก็ไปนอน นี่ยามโฉว่แล้วไปนอนได้แล้ว”“ใครจะหลับลงเล่าเพิ่งจะผ่านการถูกความตายมาหมาดๆ”“หานจง ส่งพระสนมเข้านอน”หานจงชี้มือที่อกของเขา“เอ่อหวางซื่อ ให้หานจงหรือขอรับ”“เจ้านั่นแหละนางพูดมากน่ารำคาญและเรื่องที่เราจะหารือกันนางก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้คอยตะแคงหูฟัง”นี่ก็พูดตรงเกิน แต่ถ้าจะพูดตรงๆกว่านี้ว่านายกำลังจะน
“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ””ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”พยักหน้าขึ้นลง“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือ
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
ความรู้สึกอึดอัดจนอยากจะอาเจียน ความรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย แม่จ๋าช่วยหนูด้วย เหมือนกำลังโดนบีบคอ บีบคอ ใช่แล้วมีใครบางคนกำลังบีบคอ กรอบหน้าอ้วนของใครคนนั้นลอบเดนอยู่ตรงหน้า อี่อ้วนแกบีบคอฉันทำไม“ไทเฮาเพคะ พระสนมกำลัง จะหมดลมหายใจแล้ว”่น้ำเสียงเศร้าสร้อยผิดกับท่าทีที่ออกแรงอย่างเต็มที่ในการบีบคอ ยังยังไม่ปล่อยอีกต้าเหนิงดิ้นรนแต่รุ้สึกว่าทำไมมีแรงเพีงแค่น้อยนิดมือใหญ่ของยายป้าอ้วนบีบที่ลำคอไว้แน่น ริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน ดวงตามุ่งมาดให้ตายดับตรงหน้า นี่กล้าฆ่าคนเลยหรือไทเฮาวัยกลางคนใบหน้ายังงดงามราวกับเพิ่งจะผ่านวัยสาวได้ไม่นานที่ยืนนอกม่านพยายามแหวกม่านสีทึมทึบเข้ามา ขันทีข้างกายรีบจับมือไว้เสีย ไม่ให้ได้ทำอย่างที่ใจคิด“อย่าเลยพ่ะย่ะฮะ พระสนมต้าเหนิงกำลังจะเดินทางไปยังสรวงสวรรค์นางคงอยากให้ไทเฮาจดจำแต่ภาพงดงามของนางก็เท่านั้น อย่าเข้าไปเลยพ่ะย่ะฮะ ไทเฮาเองสุงส่งไม่บังควรจะต้องมาเห็นอะไรที่ไม่งดงามเช่นนั้น”ความตายเช่นไรจึงจะสวยงามคนใกล้ตายอย่างไรจึงจะสวยงาม อี่บ้า ต้าเหนิงพยายามลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียง และความอึดอัดที่ลำคอหายไป แต่ภาพที่เห็นคือร่างอ้วนของยายป้าคนเดิมกำลังยกหมอน
“ไทเฮาพ่ะย่ะฮะ อย่าทรงโศกเศร้าเสียพระทัยไปนักเลย ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะฮะ ควรส่งพระศพได้แล้วพ่ะย่ะฮะ พระสนมป่วยไข้เกรงว่าร่างกายจะ ไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น และเอ่อเอ่อ อาจเป็นโรคติดต่อได้”ป๊ะแกสิโรคติดต่อเฮอะคิดจะกำจัดฉันหรือ คิดว่าฉันจะเน่าเหม็นหรือ พวกแกนั่นแหละ มือบางค่อยๆขยับกำมือไทเฮาไว้ส่งสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่แววตาเศร้าโศกเมื่อครู่ของไทเฮาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และตกใจไม่น้อยรีบดึงมือออก“ต้าเหนิงเจ้ายังไม่ตายหรอกหรือ”พูดราวกับกระซิบต้าเหนิงลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองคนพูดไทเฮาสวมกอดต้าเหนิงไว้แน่น ต้าเหนิงยกมือขึ้นกอดตอบแต่ไม่อาจเปล่งเสียงพูด“ตามหมอหลวง เจายี่รีบตามหมอหลวง”เปล่งเสียงด้วยความดีใจ ต้าเหนิงถอนหายใจยาว ตัดไปที่เจายี่ที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจต่อมาก็คือกำลังใช้สมองกำลังคิดหาคำแก้ตัวถลาเข้ามาข้างในม่าน“พระสนม โธ่พระสนมไม่เป็นไรแล้วหรือเจ้าค่ะ”น้ำตาแห่งความเสแสร้งมาอีกแล้วต้าเหนิงยิ้มเย็น ต้องเน้นๆแล้วแหละเจายี่เอ๊ย ยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดหน้าของเจายี่อย่างแรงจนนางล้มลงก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาการชักกระตุกตาค้างดิ้นทุรนทุราย ไทเฮารีบเข้ามาพยุง“ต้าเหนิง ต้าเหน