วังหลวง
ต้าเหนิงนอนเอกคเนกในเกี้ยวหลังใหญ่ ฉินเกอหลงนั่งนิ่งนับประคำอยุ่อีกฝั่งหนึ่งนั่งตัวตรงหลังแข็งเพื่ออะไรกันระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ หรือว่ารักษาภาพลักษณ์เหมือนพวกนักเรียนนายร้อยที่นั่งยืนตัวตรงตลอดเวลา มีจริงนะคนแบบนี้ ทางไกลมากต้องเปลี่ยนคนหามเกี้ยววนกันไปมาถึงยี่สิบสองคนจากวิหารเทียมฟ้าอย่างนั้นจะทนทรมานไปทำไมต้าเหนิงก็ควรนอนดีที่สุด
ฮ่องเต้นั้นตั้งใจส่งเกี้ยวมารับเพื่ออะไรความทรงจำบางเบาของสนมต้าเหนิงในหัวบอกกับต้าเหนิงว่าหลายเดือนมาแล้วไม่เคยได้รับใช้ใกล้ชิด อีกทั้งต้าเหนิงยังนอนป่วยลุกไปไหนไม่ได้ฮ่องเต้นั่นก็ไม่เคยสนใจแล้วยังแต่งตั้งสนมชิงซี ที่ท่าทียั่วยวน เอว่าแต่ต้าเหนิงกับฝ่าบาทนี่ได้เสียเป็นเมียผัวกันหรือยังน้า
เกี้ยวจอดลงที่หน้าตำหนักเก่าๆเดิมๆที่มีความทรงจำยอดแย่… ตำหนักที่16… นางกำนัลเจายี่เดินเข้ามาในกรอบหน้าของต้าเหนิง ปรับสีหน้าเศร้าสร้อยกระแอมเบาๆ
“พระสนมโอ้พระสนมกลับมาแล้ว”น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ตีหน้าเศร้า
ต้าเหนิงยิ้มย่อกายลงจับไหล่ทั้งสองข้างของเจายี่ ยังกล้าเสนอหน้ามาอีกหรือก่อนหน้านั้นเจ้าคิดว่าคนอย่างต้าเหนิงสมองเสื่อมหรือไร เจายี่เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างแค่เพียงมือทั้งสองแตะที่หัวไหล่เท่านั้นต้าเหนิงก็เกิดอาการชักเกร็ง มือทั้งสองบีบคอเจายี่สุดแรงร่างเกร็งกระตุกไปทั้งตัว
“อะอะ พะพระสนม เป็นอะไรไปเจ้าค่ะ” เจายี่ที่พยายามจะพูดทว่าพูดไม่ออกต้าเหนิงถึงเวลาแก้แค้นแล้ว บีบคอนางปีศาจเจายี่สุดแรงจะบีบให้หสุดแรงเหมือนที่ยัยป้านี่ทำกับต้าเหนิง เจายี่หน้าถอดสี ยิ่งเกร็งกระตุกก็ยิ่งบีบแรงขึ้นเจายี่ดวงตาเหลือกลานจะหนีก็หนีไม่ได้จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ด้วยต้าเหนิงเป็นถึงพระสนมแล้วยังเป็นนายของเจ้ายี่โดยตรง
“อั๊กๆๆๆๆๆพะพระสนม” คิ้วคมของฉินอ๋องขมวดเข้าหากัน
หานจงรีบตรงเข้าประคองต้าเหนิงไว้ พอดีเลยต้าเหนิงเหนื่อยแล้ว รีบปล่อยมือออกจากลำคอของเจายี่ ฉินอ๋องยกมือขึ้นสะกัดจุดให้ต้าเหนิงสงบลง
ต้าเหนิงอมยิ้มทิ้งตัวลงบนอ้อมแขนของหานจงหลับตาพริ้มใบหน้างามหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสแค่เบาะคราวหลังอย่าให้เจออีกแม่กัดไม่ปล่อย ฉินอ๋องเบือนหน้าหนี
หานจงหอบเอาร่างเล็กของต้าเหนิงไว้พาเข้าไปในตำหนัก
เจายี่ลุกขึ้นคลำที่ลำคอเขียวคล้ำเจ็บจนไม่อยากสัมผัส ความรู้สึกเฉียดตายเมื่อครู่ทำให้หวาดกลัว
“ไม่เอาแล้วข้าไม่อยู่ที่นี่แล้ว ใครจะอยู่ก็อยู่ไป”กลับเข้าไปในตำหนัก ที่ห้องพักที่เคยอาศัยหลับนอนรับใช้สนมต้าเหนิงมาตลอดระยะเวลาสามปี ขนข้าวของรีบแจ้นออกจากตำหนักไปในทันที
“ทำอย่างไรดี หวางซื่อ”
หานจงถามฉินอ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังไม่พูดว่าอย่างไรสักคำปล่อยให้ต้าเหนิงแกล้งนอนหลับตาอยู่แบบนั้น
“ทำอย่างไร”นั่งขัดสมาธินับปะคำ
“ไม่ตามหมอหลวงหรือขอรับ”
“ไม่ต้อง”
“ตะตะแต่ พระสนมยังไม่ฟื้นอาจเป็นอันตรายเพราะชักเกร็ง”
“ไม่ต้องนางก็แค่หลับไป”
ต้าเหนิงเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่หลับตานับปะคำในมือ
“แล้วแล้วเรื่องที่เราต้องมาอารักขาแต่กลับปล่อยให้พระสนมชักเกร็ง”
“หานจง เจ้าไม่สงสัยหรือว่าสนมเอ่อทำไมถึงไม่เป็นที่รักของคนในวังหลวง”
หานจงส่ายหน้าไปมา
“นั่นเพราะนางชอบชักเกร็งอย่างไรเล่า”อยากจะบอกหานจงว่าเพราะนางแกล้งชักเกร็งแล้วอาศัยอาการชักของนางทำร้ายคนอื่น นึกว่าเขาไม่เห็นหรือว่านางทำอะไรกับเจ้ายี่ถึงสองครั้งสองคราครั้งแรกเจายี่คนนั้นถูกถีบที่ยอดหน้านั่นสนมเอ่อคนนี้นางป่วยไข้จนแทบไม่ได้สติแต่นางไม่เคยยอมคน ครั้งนี้บีบคอนางกำนัลเจายี่ อาการไม่ได้แสดงว่าชักเกร็งคนที่จะชักเกร็งต้องมีปัจจัยบางอย่างกระตุ้น เช่นอากาศร้อนหรือการอดนอน แต่ต้าเหนิงเมื่อครู่นางยังดีดี นอนมาในเกี้ยวไม่ได้ลำบากอะไร แล้วจะเป้นไปได้อย่างไรที่นางจะชักเกร็งในทุกครั้งต่อหน้าเจายี่
หานจงเดินมาต้าเหนิงรีบหลับตาในทันที
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อจากนี้”
“อ๋องฉินจวิ้นหวังรับราชโองการรรรรรรร”เสียงขันทีที่อัญเชิญราชโองการที่ขานก่อนจะเห็นตัวถือเอาราชโองการกางตรงหน้าฉินอ๋องที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมหานจง
“ด้วยไต้ซือ อ๋องฉินเอ๊ยไม่ใช่อ๋องฉินจวิ้นหวัง”
หานจงขยับกระบี่ให้บังเกิดเสียงเพราะไม่พอใจที่ขันทีเรียกอ๋องฉินว่าไต้ซือ แต่อ๋องฉินกลับคว้ามือของหานจงเพื่อเตือนสติ
“เอ่อฝ่าบาทเห็นว่าจวิ้นหวังเสด็จกลับมาที่วังหลวงอาจพำนักที่นี่สองสามวัน และด้วยจวิ้นหวังไม่มีตำหนักและจวนอ๋องเป็นของตัวเองดังนั้นฝ่าบาททรงมีพระเมตตาให้ช่างและคนงานที่เชียวชาญเรื่องการซ่อมแซมมาซ่อมตำหนักที่16ของสนมเอ่อต้าเหนิงเพื่อให้ท่านอ๋องได้พักพิงอาศัยที่นี่สักสองสามวันจนกว่าจะเดินทางกลับวัดทางเหนือ” เชิญเข้าวังไม่มีมีที่พักจวนจิว้นหวังๆหลังเก่าก็รื้อถอน มาบัดนี้กลับพูดว่าให้พักได้แค่สองสามวันต้องเป้นพี่ชายที่เกลียดกันมากๆแน่ๆเลย
ขันทีวางราชโองการไว้บนมือของอ๋องฉินที่รับเอาพร้อมกับประสานมือ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ท่าทีบ่งบอกว่าขอบพระทัยจริงๆต้าเหนิงส่ายหน้า คนอะไรไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่เกลียดใคร
“ฝ่าบาททรงมีน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นครั้งนี้จึงให้ท่านอ๋องร่วมเสวยเช้าเย็นกับฝ่าบาทที่นี่ไม่จัดให้ยกเครื่องเสวยสำหรับท่านอ๋อง ที่นี่จะมีเพียงนางกำนัลที่ยกเครื่องเสวยสำหรับพระสนมเอ่อต้าเหนิงที่ป่วยไข้เท่านั้น”ขันทีจากไปหานจงถอนหายใจยาว
“ตั้งใจกดดันให้รีบกลับไปที่วัดทางเหนือเสีย จะได้ไม่ต้องมาระแวดระวังว่าท่านอ๋องจะคิดการใหญ่และต้องคอยระวังว่าขุนนางจะมาถวายพระพรท่านอ๋อง” หานจงยังคิดได้อีกคนทำท่าไม่สนใจ
“หานจงไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดกันเก็บไว้ในใจเช่นข้าเถอะ”หานจงถอนหายใจอีกครั้ง
“ไม่ยกเครื่องเสวยก็ทำราวกับว่าเราจะต้องไปให้ฝ่าบาทคอยเห้นหน้าในทุกเช้าเย็นความจริงแล้วท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องมากดดันทางกายทางใจเช่นนี้ มีขุนนางที่ภักดีหลายคนพร้อมที่จะเชิญท่านอ๋องค้างอ้างแรมที่จวนขุนนางเหล่านั้น พร้อมที่พักและอาหารมากมาย”
“ข้าเสวยแค่เช้ากับเพลมิได้เสวยตอนค่ำเราพบฝ่าบาทแค่ตอนเช้า”น้ำเสียงเรียบๆไม่มีสะดุดราวกับครูที่กำลังตั้งใจอธิบายการบ้านให้เด็กเข้าใจ แล้วเสวยเช้ากับเพลด้วยอย่างกับพระแน่ะ
“ข้าน้อยเข้าใจขอรับแต่ทว่าเห็นก็เห็นว่าท่านอ๋องสามปีเพิ่งจะกลับวังหลวงแค่ครั้งนี้ ยังกล้าผลักไส ราชโองการบอกว่าสองสามวันให้อยู่ที่วังหลวงได้แค่สองสามวัน หวางเยว่ท่านว่ามันไม่เกินไปหน่อยหรือ กลัวว่าเหล่าขุนนาง
จะพากันมาถวายฎีกาหรือฟ้องเรื่องราวต่างๆที่ฝ่าบาททำหางโผล่ไว้”
“ช่างเถอะ เราจะอยู่กี่วันก็ไม่ต้องเกรงว่าใครจะว่าเพราะใจเราบริสุทธิ์ไม่ได้คิดจะทำเรื่องชั่วช้าเหมือนที่ใครคิดเช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไร เวลาที่ผ่านไปพวกเขาก็จะได้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด”
“แม้แต่ขันทียังกล้าจาบจ้วงท่านอ๋องเรียกท่านว่าไต้ซือ เช่นนี้จะไม่กลัวว่าพวกเขาจะพูดจาให้ร้ายหรือไร”
“เรียกไต้ซือก็ไม่ผิดข้าบวชมาแล้วถือเพศบรรพชิตแล้วยังกินข้าวสองเวลาดีที่ไม่โกนหัวเพราะถือว่าอย่างไรเสียข้าก็ปฏิบัติได้เคร่งครัดกว่าไต้ซือทั่วไป ก็ถูกแล้วที่พวกเขาจะเรียกไต้ซือ”
คราวนี้เป็นต้าเหนิงที่ถอนหายใจ
เรียกพระอรหันต์ อย่าเรียกไต้ซือเลย
“แต่หวางซื่อ ในใจท่านตอนนี้…”
“ไม่อาจจะกล่าวคำใดได้เต็มปากข้าแค่เพียงผู้ทรงศีลเช่นนี้”
“ข้าน้อยหมายถึง”บุ้ยใบ้ไปทางต้าเหนิงที่แกล้งหลับ
“ก็แค่ทำตามบัญชา ไมไ่ด้มีอะไรแค่เพียงนางใช้ชีวิตที่นี่ได้ต่อไป ตระกูลเอ่อเหลือนางคนสุดท้าย แต่นางกลับทำให้ผู้คนเกลียดชังวังหลวงแห่งนี้ใครบ้างไม่อยากให้นางตาย”
“งานละเอียดเลยขอรับจำต้องอารักขานางทั้งที่ท่านอ๋องเป็นถึงจวิ้นหวัง”บทจะเห้นด้วยก็เห้นด้วย มมีที่ไหนเขาทำกันจวิ้นหวังมาอารักขาสนม
“พระสนมเอ่อต้าเหนิงกลับมาแล้วเพฮะไทเฮา”ไทเฮายิ้มบางๆ“ดีแล้วส่งเทียบยาบำรุง ที่ตำหนักของสนมเอ่อ”“เพฮะไทเฮาแต่ทว่านางไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อ อีกทั้งยังเดินเหินสะดวกเมื่อวานเจายี่บอกว่าพระสนมชักเกร็งแต่สีหน้ายิ่งผุดผาด ราวกับสาวแรกรุ่นข้าน้อยได้ยินเรื่อวที่นางได้ยาจากหมอเทวดามารักษา”ไทเฮาขมวดคิ้ว“เจายี่ไม่ได้รับใช้นางแล้วหรือ”“นางกำนัลเจายี่มาขออาศัยที่ตำหนักพระพันปีของไทเฮานางบอกว่าพระสนมเมื่อวานเกือบจะฆ่านาง ตอนนี้มีเพียง เอ่อ เอ่อไต้ซือเอ๊ย อ๋องฉินจวิ้นหวังที่คอยอารักขาพร้อมด้วยองครักษ์ข้างกายของจวิ้นหวังนามว่าหานจงเท่านั้น”“ระวังปากของเจ้าอย่าได้เผลอเรียกจวิ้นหวังเช่นนี้อีกเป็นอันขาดจวิ้นหวังถึงจะเป็นคนพูดน้อยไม่เคยกล่าวโทษใครและไม่ถือสาทว่าเป็นถึงจวิ้นหวังเจ้าควรระวังปากมากกว่านี้”“พ่ะย่ะค่ะ”ก้มหน้าสำนึกผิดปลอม“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไร”“ไม่เช่นไรพ่ะย่ะฮะแค่ได้ยินว่าฝ่าบาททรงให้ช่างในวังหลวงบูรณะตำหนักไร้ชื่อหรือตำหนักที่16ของสนมเอ่อแล้วมีประทานอนุญาตให้อ๋องฉินพำนักที่นั่นได้…สักสองสามวัน”“พำนักที่นั่นหรือสนมกับจวิ้นหวังเช่นไรจึงให้ใกล้ชิดกัน”ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“ฝ่าบาทอาจะทรงรู้ว่า
“คุณ ไม่สิท่านอ๋อง จะเริ่มอย่างไรดี ฉัน..คือ..ต้าเหนิงคือข้า”อีกคนยังคงนั่งนับปะคำ“นั่งลง อย่ามาเดินวนรอบตัวข้า”หลับตาแล้วเห้นว่าเดินวนได้อย่างไรแอบมองสิท่านั่งลงชันเข่าจ้องอีกคนที่นับปะคำ“ไต้ซือ ท่านละทิ้งทางโลกได้จริงๆหรือ”เท้าคางมองยังไม่ทันจะได้ิยนคำตอบหานจงกลับเข้ามาอีกครั้ง“หวางซื่อองครักษ์ของวังหลังออกค้นหาคนร้ายในเขตวังหลังหานจงจึงกลับมาอารักขาท่านอ๋อง”“หานจง ..ข้าพูดได้แล้ว” เดินมากางแขนหมุนรอบๆข้างหน้า หานจงเลิกคิ้วสูงยิ้มกว้าง“หือ ยาของท่านหมอเทวดานี่ดีจริงๆ”ต้าเหนิงยิ้มกว้างสดใส อ๋องฉินหลุบตามองพื้นเสีย“คิดว่าไม่พบแน่”“ขอรับไม่มีทางจะพบไม่ว่าจะด้วยเหตุใด”“ไปนอนได้แล้ว”อ๋องฉินสั่งต้าเหนิงที่มานั่งตากลมบ้องแบ๋วคอยฟังอ๋องฉินกับหานจงคุยกัน“ยังไม่ง่วง”“บอกให้ไปนอนก็ไปนอน นี่ยามโฉว่แล้วไปนอนได้แล้ว”“ใครจะหลับลงเล่าเพิ่งจะผ่านการถูกความตายมาหมาดๆ”“หานจง ส่งพระสนมเข้านอน”หานจงชี้มือที่อกของเขา“เอ่อหวางซื่อ ให้หานจงหรือขอรับ”“เจ้านั่นแหละนางพูดมากน่ารำคาญและเรื่องที่เราจะหารือกันนางก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้คอยตะแคงหูฟัง”นี่ก็พูดตรงเกิน แต่ถ้าจะพูดตรงๆกว่านี้ว่านายกำลังจะน
“สนมคนไหนพ่ะย่ะฮะที่ฝ่าบาทมีความ รู้สึกเช่นนั้นกับนาง”“นางหายป่วยหรือยัง ข้าได้ยินเขาพูดกันว่านางเข้ามาในวังหลวงครั้งนี้หายป่วยไข้แล้ว และยังมีใบหน้าสดใสผุดผาดมีน้ำมีนวล”ขันทีขมวดคิ้ว“ฝ่าบาททรงหมายถึงพระสนมเอ่อต้าเหนิงหรือพ่ะย่ะฮะ””ก็มีนางคนเดียว แต่พักหลังมาป่วยไข้จนน่ารำคาญจะว่าไปนางก็ทำให้ข้าสุขสมไม่น้อยแต่ทำไทำไม ถึงได้ป่วยไข้จนเสียของ”ตั่วเค่อพยักหน้าขึ้นลง“กระหม่อม จะไปสอดแนมหากว่าพระสนมแข็งแรงดีจะให้มาปรนนิบัติในอีกคืนต่อไป”“อืมม มีเนื้อมีหนังไหมข้าไม่ชอบหญิงผอมบางข้าชอบหญิงที่อวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ แห้งผอมเหมือนซากศพไม่อาจรับได้”“พ่ะย่ะฮ่ะ เดิม พระสนมต้าเหนิงงดงามอันดับสองรองจากฮองเฮาแต่ทว่าป่วยไข้จนหมดความงาม ฝ่าบาทก็ทรงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงให้นางได้ทั้งพระสนมที่งดงามคืนมาได้ทั้งใจของพระสนมต้าเหนิงเพราะก่อนหน้านั้นฝ่าบาทละเลยนางมาเสียนาน แล้วยังจะได้สนมที่งดงามกลับคืนมา”พยักหน้าขึ้นลง“อืมมมข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปบัญชาออกไปให้หมอหลวงจัดเทียบยาบำรุง อีกอย่างอ๋องฉินอยู่ใกล้นางจะจิตใจสั่นไหวหรือไม่ไต้ซือนั่นยิ่งไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อน”“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลเลยพ่ะย่ะฮะไต้ซือ
“แล้วไม่กลัวว่าคนเขาจะรุมเกลียดเจ้าหรือ”“ไม่รู้ ข้าอะนะไม่เคยทำร้ายใครก่อนก็แล้วกัน…แค่เอาคืน”“เมื่อคืนข้าเห็นว่าเจ้ากลัวมือสังหารจนร้องห่มร้องไห้กลัวตายขนาดนั้น แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่กลัวว่าสนมเอกคนนั้นจะจัดการกับเจ้าด้วยเล่ห์ลวงของวังหลวง”“นั่นสิถ้ามาแบบนางก็พอจะรับมือได้แต่หากถ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมข้าจะรับมือไหวไหม ความจริงข้ากลัวตายนะกลัวว่าจะโดนฆ่าแต่เกลียดที่สุดก็คือคนที่มารังแกข้า แบบที่ข้าไม่รู้ ขอบคุณท่านนะที่ช่วยข้าเมื่อกี้”ฉินเกอหลงถอนหายใจ“ฝ่าบาทส่งยาบำรุงร่างกายและจะเสด็จที่นี่ ซึ่งข้าวิเคราะห์ตั้งนานนึกอย่าไงรก็นึกไม่ออกมาว่าเสด็จมาทำไมแต่พอเห็นว่าสนมเอกชิงซี พาคนมาทำร้ายเจ้าจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า ฝ่าบาทกำลังทำให้ทุกคนรู้ว่ากำลังจะกลับมาโปรดปรานเจ้าอีกแล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้วอ้าปากกว้าง“จะมาโปรดปรานข้าไม่น้าาาาาาาาข้ายังบริสุทธิ์ไม่สิ ข้ายังไม่เคยผ่านมือผู้ชาย ไม่สิข้ายังไม่เคยเป็นสนม …อะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย”ฉินเกอหลงกับหานจงขมวดคิ้วแล้วกัวกั๋วฮองเต้ คนนั้นไม่เคยให้นางปรนนิบัติเลยหรือไร“เจ้าพูดจาโป้ปดอะไรอีก”ต้าเหนิงขมวดคิ้วพยายามขุดเอาความทรงจำของสนมต้าเหนิงกลับมาแต่เปล
“แต่ หวางซื่อนางอาจกำลังไม่สบาย”“นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรือที่ผ่านมานางล้วนแต่เสแสร้ง”ในใจกลับรู้สึกย้อนแย้ง“หวางซื่อแต่”ฉินเกอหลงส่ายหน้ารีบเปิดประตูเข้าไปเพราะความเป็นห่วง ต้าเหนิงนั่งชันเข่าสะอื้นอย่างหนัก“เป็นอะไรไป”จวิ้นหวังทอดเสียงอ่อนโยน หานจงตามมาติดๆ“คิดถึงบ้านนนนนฮือๆๆๆๆทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ฮือออๆๆๆๆๆ”น้ำตาเต็มขอบตา จวิ้นหวังหันหน้าันหลังไม่ชอบนางตาผู้หญิงทำตัวไม่ถูกว่าต้องควรทำเช่นไร“ฮืออออคิดดูสิ มันน่าอนาถแ่ไหนอยู่สบายๆจู่ๆก็ต้องมาเอาชีวิตรอดในแต่ละวันแต่ละคนที่เข้ามาไม่มีใครไม่อยากเอาชีวิต ที่ปรึกษาก็ไม่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ตรงไหนฮืออออ”เดินเข้าไปยืนข้างๆทำสีหน้าเฉยชา แต่มือข้างหนึ่งกดศีรษะต้าเหนิงให้ซบที่อกตัวแข็งทื่อ นิ่งงัน ไม่เอ่ยคำใดปลอบใจแม้แต่น้อย “ฮืออออๆๆๆๆๆๆฮือออออ”มีไหมจูบซับน้ำตงน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาหล่อก็หล่อท่าทางก็ดี แต่ดูเอาสิ ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้“หยุดร้องเถอะ”เอ่ยคำพูดแข็งทื่อเหมือนกันกับท่าทาง ต้าเหนิงรวบเอหนามาซบหน้าลงไปสะอื้นอย่างหนักเกลือกลิ้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาหานจงหันหลังก้าวเดินออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกปล่อยจวิ้นหวังอยู่กับต้าเหนิงเพ
“พระมารดาของข้าต้องสังเวยให้กับการแย่งชิงในครั้งนี้ ท่านคิดว่าข้ายอมง่ายดายหรือหากมิใช่ชีวิตที่ไม่เคยเป็นสุขของพระมารดาอยู่ในมือเขา”“ แล้วฝ่าบาททรงรักษาชีวิตพระมารดาได้หรือไม่”ฉินเกอหลงยังจดจำเรื่องในอดีตไม่เคยลืมเลือน เขาในวัย16ปี วันที่ไท่ซางหวงทรงสวรรคต พระมารดาถูกจับตัวไว้ในคุกหลวง เขาถูกกักบริเวณ ขันทีตั๋วเค่อ เผาลักษ์อักษรมอบบัลัลงก์มังกรให้กับเขาของไท่ซางหวงทิ้งต่อหน้าฉินเกอหลงในตอนนั้นพร้อมกับบังคับให้ร่างสัญญายินยอมรับตำแหน่งจวิ้นหวังเพื่อแลกกับโทษประหารของพระมารดาที่วางยาพิษไท่ซางหวงจนสิ้นพระชนม์โดยการใส่ความของฮองเฮาสุยจือพระมารดาของกัวกั๋วฮ่องเต้ในตอนนั้น แล้วฉินเกอหลงจะกล้าลังเลอย่างนั้นหรือ แต่ฟ้ายังตาในเมื่อวันที่ร่างลายลักษ์อักษรมอบบัลลังก์ให้กับฉินเกอหลงนั้น ใต้เท้าลู่ผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ และทั้งสามตระกูลก็อยู่กับไท่ซางหวงด้วย“ฝ่าบาทได้โปรด”ใต้เท้าลู่ไม่เคยยอมแพ้ตลอดสามปีที่ฉินเกอหลงบวชอยู่ทางเหนือ ใต้เท้าลู่ส่งฎีกาในทุกวัน เพื่อให้ฉินเกอหลงกลับมาทวงบัลลังก์คืน“ไม่มีแล้วฉินเกอหลงคนนั้นไม่อยู่แล้ว ข้าในตอนนี้ไร้การแย่งชิง”“ดูดีหรือยังอาภรณ์ชุดนี้”กัวกั๋วฮ่องเต้ตื่น
“เรื่องอะไรขอรับ”สาวเท้าเดินเข้าไปข้างในหานจงเดินขวางหน้าไว้ ท่านอ๋องขอรับเรื่องอะไรขอรับที่ฝ่าบาทพูดถึงพระสนม”นางกำนัลสามสี่คนวิ่งสวนทางออกมาพร้อมกับย่อกายแล้วจากไป“พวกนางรีบร้อนอะไรกัน” หานจงยิ้มเจื่อนๆ“เอ่อ หวางซื่อท่านยังไม่ได้บอกข้าน้อยว่าฝ่าบาททรงพูดถึงพระสนมว่าอย่างไร”“ก็พูดพร่ำเพ้อถึงนาง แล้วเจ้ามาขวางข้าไว้ทำไม”“เอ่อ ก็หานจงอยากจะรู้เรื่องที่หวางซื่อคุยกับฝ่าบาท”ฉินเกอหลงสาวเท้ายาวๆข้างในนั่น ต้าเหนิงกำลังโกยเอาเงินเหรียญอย่างรีบร้อนร่วงหล่นเกลื่อนพื้นคลานลงไปเก็บเอาเงินเหรียญ เต็มไม้เต็มมือ“ดวงดีที่สุดแหมเสียดายจริงๆคนเย็นชานั่นมาเสียได้”คลานไปคว้าเหรียญที่กลิ้งหลุนๆไปแทบเท้าของใครบางคน ต้าเหนิงเงยหน้าขึ้นช้าๆปล่อยเงินเหรียญที่หอบไว้ตรงหน้าอกร่วงเกลื่อนพื้นด้วยความตกใจ“การพนันอย่างนั้นหรือ”“ไม่ผิดศีลเสียหน่อยการพนันไม่ได้มีอยู่ในศีลห้าข้อ”“ไม่ควรอย่างยิ่งเจ้าเป็นถึงสนมที่ฝ่าบาทโปรดปราน แล้วทำตัวเป็นหัวโจกแบบนี้ พาพวกนางกำนัลทำเรื่องที่ต้องห้ามในวังหลวง”ต้าเหนิงเบ้ปาก“ไม่ต้องดุก็ได้นี่"คนอะไรหล่อก็หล่อท่าทางก็ดูดีแต่ทำไมชอบดุเอาแบบนี้ครั้งนี้ครั้งเดียวครั้งสุดท้ายก
พูดตรงๆเลยหรือไม่อ้อมค้อมหน่อยหรือ แล้วสนมต้าเหนิงนี้ร้ายขนาดนั้นเลยหรือ แล้วคนร้ายๆแบบนั้นทำไมถึงเอาตัวเองไม่รอด“เฮ้อพูดไปก็ไม่อยากรื้อฟื้น สนมเอ่อกลายเป็นที่โปรดปรานขึ้นมาอีกครั้ง ข้าในฐานะไทเฮา ก็ไม่อยากให้เจ้าให้นิสัยเดิมๆอีกให้รู้จักผ่อนหนักเบา เมื่อหลายวันก่อนเจายี่พบข้าเพราะอยากย้ายไปตำหนักพระพันปีอ้างว่าเจ้าทำร้ายนางแม้จะบอกว่าสนมเอ่อไม่ตั้งใจ แต่เจายี่นางให้กลับก็ไม่กลับอ้างว่าสักวันไหนสนมเอ่อจะพลั้งมือฆ่านางเข้าสักวัน เอ่อต้าเหนิง ต่อไปวางตัวให้ดีให้ผู้คนรักใช่เกรงกลัว ตำแหน่งฮองเฮาฮ่องเต้ก็ยังเฟ้นหา เจ้าเป็นที่โปรดปรานก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม”ต้าเหนิงยิ้ม “เอาแบบนี้ข้าตั้งใจส่งนางกำนัลให้เจ้าอีกสักคนสองคนเพราะเวลาฝ่าบาทเรียกเจ้าเข้าปรนนิบัติก็จะไม่มีใครคอยดูแลเจ้า”ก็ควรจะตามน้ำใช่ไหม“ต้าเหนิงขอบพระทัยไทเฮา” จะต้องอยู่ได้อยู่เป็นสินะไอ้เรื่องที่หาทางกลับบ้าน ตอนนี้ไม่มีทางเป็นไปได้แค่อยู่ที่นี่ให้มีความสุขไม่สิให้รอดปลอดภัยเพราะตระกูลเอ่อนี่เหลือต้าเหนิงคนนี้คนเดียวแล้ว“ดีแล้ว วันนี้ข้านำเครื่องประดับมามอบให้เจ้า คืนนี้สวมมันพบกับฝ่าบาทหวังว่าจะเชื่อฟังข้าไม่เหมือนที่แล้วมา
“คิดอะไรอยู่”ต้าเหนิงถามฉินเกอหลงที่เงียบไป“คิด คิดถึงเรื่องราวในอดีต ข้าไม่อาจปกป้องคนที่รักและเก็บรักษาพวกเขาไว้ได้ เสด็จพ่อจากไป รวดเร็วเหลือเกิน เจ้ารู้ไหเจ้าจะเจ็บที่สุดก็ต่อเมื่อเขาจากไปไม่ลา”“คนที่กำลังจะตาย เขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะพร้อมหรือเปล่าเราพร้อมให้เขาไปไหม เมื่อถึงเวลาเขาก็จะทิ้งเราไป เหมือนกับว่าไมารักเราไม่ห่วงเราทั้งที่เขาอยากจะอยู่กับเรานานๆ”ฉินเกอหลงยิ้ม“เราจะอยู่ที่ซูตงอีกไม่นานแล้วจะออกเดินทางเพื่อไปพำนักที่สุ่ยจิง”“ที่นี่ก็สบายดีทำไมเราไม่อยู่ที่นี่”“ข้า หากข้าจะบอกว่าเจ้ายินดีจะแต่งกับข้าไหม”ต้าเหนิงเลิกคิ้วสูงต้าเหนิงยกมือขึ้นอังหน้าผากฉินเกอหลง เขากับรวบมือบางมาจุมพิต“ไมไ่ด้ไม่สบายไม่ได้จับไข้ไม่ได้เป็นอะไรแต่ต้องพิษ”“ต้องพิษ ต้องตามท่านหมอแล้วท่านอ๋องรอนี่แป็บนะ”คว้ามือมาไว้ กอดรวบรอบเอวบาง“ต้องพิษ…รัก เจ้า ต้าเหนิงนี่เก่งจริงๆวางยาพิษกัวกั๋วฮ่องเต้ แล้วยังวางพิษรักกับฉินเกอหลงได้อีก”“หือ นี่ชมหรือด่า”“ข้า รักเจ้าหมดใจ จะกล้าด่าหรือ จึงอยากแต่งเจ้าเสียแต่งกันก่อนที่จะถึงสุ่ยจิง”“ทำไม อยู่ๆถึงอยากจะแต่ง ท่านอ๋องแน่ใจหรือว่าจะรันิสัยไม่ดีของต้าเหนิ
อุทยานหลวงหมู่แมกไม้กลับงดงามด้วยโคมไฟสว่างไสวเอ่อต้าเหนิงเดินพลางสงสัยว่าทำไมต้องมานัดพบกันในที่สว่างไสวเพียงนี้ที่นั่นใต้ต้นดอกเหมยสีแดงสด ร่างสูงยืนหันหลัง ต้าเหนิงก้าวขาไปข้างหน้ามือกำที่ป้ายหยกไว้แน่นปีหนึ่งเต็มๆที่ไม่ได้พบกัน ตั้งแต่วันนั้นฉินเกอหลงไม่เคยไปที่วิหารเทียมฟ้าอีกเลย เขาคงมีเรื่องราวมากมายให้สะสางจึงไม่ไปรับเต้าเหนิงเข้าวัง“ทะท่านอ๋อง” ร่างสูงที่เอามือไพล่หลังหันหน้ามาช้าๆ“เอ่อต้าเหนิง เจ้าหรือคุณหนูเอ่อต้าเหนิง”เอ่อต้าเหนิงยืนตัวแข็งทื่อกับภาพตรงหน้ากัวกั๋วฮ่องเต้ที่มีใบหน้าละม้ายฉินเกอหลงทว่าสีหน้ากับไม่มีความจริงใจ“งดงาม งดงามจริงๆ”เอ่ต้าเหนิงรีบหันหลังกลับเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ฉินเกอหลง แต่กลับถูกกัวกั๋วฮ่องเต้ คว้าเอวบางกอดรวบไว้แน่น พยายามดิ้นรนยิ่งดิ้นอ้อมกอดยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฝะฝ่าบาทปล่อยเต้าเหนิงเพคะ”ดิ้นรนเอาตัวรอดรู้ว่าถูกหลอกเสียแล้ว“ฮือ ได้ยินว่าจะไปพบอ๋องฉินจวิ้นหวัง จริงสิพรุ่งนี้เขาก็จะไปบวชแล้วนี่ อยากพบกเขาก็ต้องดีกับข้าหน่อย คืนนี้ปรนิบัติข้าดีไหม…ข้าต้องการเจ้า”กระซิบข้างหูเสียงสั่น เอ่อต้าเหนิงส่ายหน้าไปมา แต่กัวกั๋วฮ่องเต้กลับยิ้มพรายเอ่อต้
“ท่านกำลังจะพาข้าไปที่ไหน”“เสด็จย่ากำลังจะไปบำเพ็ญเพียรที่วิหารเทียมฟ้าที่นั่นเจ้าจะปลอดภัย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยข้าจะแวะมารับเจ้าขอประทานอนุญาตพาเจ้าเข้าวัง”“ทำไมไม่พาข้าเข้าวังในตอนนี้เลยเล่าข้ากลัวที่จะต้องอยู่โดยที่ไม่มีใครที่ข้ารู้จัก”“เจ้ารู้จักข้าหรือ” เอ่อต้าเหนิงไม่ตอบคำถามแต่ซบหน้าลงลบนแผ่นหลังบอบบางของฉินเกอหลงแทนคำตอบ อีกคนอมยิ้มก่อนลาในคืนนั้น ต้าเหนิงยืนนิ่งมองฉินเกอหลงที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าหานจงยืนม้าคอยอยู่ก่อนแล้ว“ข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าวังได้ แต่นี่คือป้ายหยกของข้าเจ้านำมันไปยื่นที่ประตูวังเพื่อขอพบข้า หากว่าอยากพบข้า”ปลดป้ายหยกข้างเอวให้กับเอ่อต้าเหนิงที่รับเอาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆวังหลวง“เกอหลง แม่ให้ขันทีตามตัวเจ้าเหตุใดจึงไม่พบที่ตำหนักบูรพา”“เอ่อ เอ่อ ลูกไปที่ตลาดเช่นทุกครั้งที่เคยทำไม่ได้ไปนอกลู่นอกทางที่ไหนดีแล้วมาใกล้ๆแม่หน่อย”ฉินเกอหลงเดินเข้าไปหามารดาที่สวมกอดฉินเกอหลงไว้แนบแน่น“คิดถึงเจ้าเหลือเกินเกอหลง หลายวันมานี้แม่ป่วยไข้คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าเจ้าเสียแล้ว”“พระมารดา ท่านอย่าพูดแบบนี้ต่อไปลูกจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อให้พระมารดากอด”มารดาเหอเต่อยิ้
ถ้ำกลางหุบเขา“หานจงดื่มยาเสียหน่อยเจ้่าอาการไม่ดีขึ้นเลย”ท่านหมอเยี่ยนฉือผประคองร่างบอบซ้ำของหานจงบรรจงป้อนยาที่เป่าไล่ลมร้อนไปแล้วจนอุ่นกำลังดี ท่านจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหมท่านจะยังอยู่ตรงนี้ไใช่ไหม เยี่ยนฉือข้ากลัว กลางคืนมาน่ากลัว”มือไม้ไขว่คว้ากอดรัดเพ้อเพราะพิษไข้จากบาดแผลที่กำลังระบม“เจ้าเด็กโง่เอ๊ยใครกันจะทิ้งเจ้า ข้าควรจะไปเรียนวิชาแพทย์ใหม่ใช่ไหมอาการบาดเจ้บแค่นี้กลับทำให้ดีขึ้นไม่ได้”ร่างเล็กที่ท่อนบนมีผ้าพันแผลรอบไหลเลือดสีแดงยังไหลซึม“หนาวจัง”เยี่ยนฉือรีบเสื้อคลุมห่มให้แล้วขยับตัวตั้งใจจะเพิ่มฟืนให้โหมกระพือ แต่หานจงกลับรั้งร่างสูงมากอดรัดด้วยอาการของคนที่ไร้สติ“หนาว หนาวจัง”เยี่ยนฉือกอดร่างเล็กในอ้อมแขนเขาไว้แน่น อากาศหนาวอ้อมกอดอบอุ่นจึงช่วยได้ไม่น้อยเยี่ยนฉือยิ้มเศร้าๆกอดหานจงไว้ในอ้อมแขนแน่น จะห่วงอะไรห่วงอะไรกันเล่า ความสุขความทุกข์รายล้อมรอบตัวเราอยู่ที่ใครจะเก็บเกี่ยวความสุขได้มากกว่ากันเช้าสดใส“ท่าน ท่าน เยี่ยนฉือ เจ้าคนบ้าทำอะไรกับข้า”เสียงหานตงโวยวายแต่เช้าเยี่ยนฉืองัวเงียลืมตาขึ้นช้าๆก็เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนหมอนี่ตัวร้อนเขาต้องคอยป้อนยาและกอดไว้ไม่ปล่อยพอจะปล่
“บิดาท่าน ไม่ว่าหรือที่ท่านหนีออกมาอย่างนี้”ต้าเหนิงถาม ซือกวานเบาๆอีกคนยิ้มทอดถอนใจ“ข้าเนรเทศตัวเอง”ต้าเหนิงยิ้ม อีกคนยิ้มเศร้า“ข้าไม่เคยได้ยินว่าใครเนรเทศตัวเองมาก่อนท่านกล้าเสียจริงต้าเหนิงคารวะเป็นศิษย์ดีไหม555 แล้วเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของท่านอ๋องเล่านางจะลำบากไหม”ประโยคสุดท้ายคือคำห่วงใยจริงจังที่เฉินซือกวานสัมผัสได้“นางไม่ลำบาก เจ้าไม่ต้องห่วงนาง เดิมทีอี้เหมยนางสบายมาตลอดแค่ต้องมาใช้ความคิดนิดหน่อย มีน้ำตาเพียงเล็กน้อยตอนที่จะต้องถวายตัวกับกัวกั๋วตลอดชีวิตนางไม่เคยร้องไห้ด้วยซ้ำ ข้ากับหวางเย่ก็คอยปกป้องนางมาตลอดและยังมีหานจงที่ยอมเป็นลูกไล่นางเช่นนั้นนางไม่มีอะไรต้องกลัวหรือต้องห่วงอะไร”ต้าเหนิงยิ้มเศร้าๆรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที “ขอบคุณท่านที่ ที่เลือกที่ยืนข้างที่ถูก”เฉินชือกวานยิ้มบางๆ“ขอบคุณเจ้าเช่นกันที่วันนี้ทำให้ข้ารู้ว่าข้าตัดสินใจไม่ผิด”“ข้าไปแล้วท่าน อวยพรให้ข้าหน่อยสิว่าอย่าได้เจอ…คนหล่อหน้ายักษ์” เฉินซือกวานยิ้มสดใสนึกขำกับคำเรียกขานฉินเกอหลงของต้าเหนิงนางช่างสรรหาคำที่เหมาะกับตัวฉินเกอหลงเสียจริง“ขอให้ เจ้าอย่าใจดำกับหวางเย่ก็พอ”“ขี้โกงนี่ ข้าให้อ
ต้าเหนิงโยนหินลงกระทบผิวน้ำ ทีละก้อนแล้วยังไม่หายโมโห มือสองข้างกอบเอาก้อนหินเต็มกำมือปาลงบนพื้นน้ำแตกกระจาย เชียวกงเล่อวางดอกเหมยสีแดงหนึ่งดอกให้ไหลไปตามท้องน้ำ ต้าเหนิงมองดอกเหมยสีแดงงดงามลอยล่องไปตามลำน้ำ แล้วหันมาจ้องเชียวกงเล่อด้วยสายตาคมดุ“อย่างไหนที่ทำให้เจ้ารู้สึกสบายใจกว่ากันความแข็งแกร่งหรือความอ่อนโยน”“ถามทำไม ข้าผู้ไม่นิยมความอ่อนแอ”“เพราะฉะนั้นหวางเย่จึงเลือกที่จะดุดันเพื่อให้เจ้าได้รู้ว่า ชีวิตคนเราอะนะเกิดเพียงครั้งตายเพียงหนึ่งหากเจ้ายังใช้มันสิ้นเปลืองคนที่เจ็บปวดใจก็คือท่านอ๋องที่นั่งมองจ้าเน้นใช้ชีวิตไม่เน้นมีชีวิต ท่านอ๋องเช่นไรจะตามปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา”“ช่างเขาเถอะข้าไ่สนใจเขาแล้วว่าแต่ที่นี่มีงานให้ทำไหมข้าจะอยู่มันที่นี่แหละ” เชียวกงเล่ออมยิ้ม“งานหรือ”อือต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง“ข้ารับสมัครนายหญิงน้อย เจ้ายินดีไหมเล่า”“อีกแล้วหรือ เฮ้อต้าเหนิงทำใจเถอะนะก็เจ้าหน้าตาดีขนาดนี้เจ้าก็เลยมีคนมาชอบมากมายสินะ”ิยิ้มแก้มปริเชิดหน้าสูงขึ้นเชียวกงเล่อยิ้ม“เจ้านี่จริงๆเลยไม่แปลกใจที่หวางเย่จะหวงแหนเจ้ายิ่งกว่าสิ่งของมีค่าชิ้นไหนเพราะเจ้าทำให้โลกสดใสเช่นนี้นี่เอง”“ข
เชียวเกอหลงอมยิ้ม ความหวานส่งออกมาทางสายตาและการกระทำ“ใครกัน จะไม่หลงเชื่อในเมื่อท่านอ๋องห่วงใยนางเพียงนั้น”“เอ่อต้าเหนิงนางคือเอ่อต้าเหนิงคนของตระกูลเอ่อที่เหลือรอดเพียงคนเดียวและนางคือคนที่ข้าต้องปกป้องตามบัญชาของเสี้ยนตี้หรือเสด็จปู่”“ตระกูลเอ่อ”“นางเหลือรอดคนสุดท้ายไร้ญาติมิตรเดส็จย่าจึงให้ข้า มาคอยอารักขานางและ นางตอนนี้วางยา กัวกั๋วฮ่องเต้ จนต้องหนีตาย”เชียวเกอหลงอ้าปากค้าง“เป็นแม่นางเอ่อต้าเหนิงคนนี้หรอกหรือที่วางยากัวกั๋วฮ่องเต้”สีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุดต้าเหนิงอายุอานามไม่กี่มากน้อยทำไมถึงได้ใจถึงขนาดนี้“ข้าจะเล่าให้ฟังดีไหม เดิมใต้เท้าเฉินมอบยาพิษให้ข้าและบอกว่าให้วางยากัวกั๋วฮ่องเต้แต่พิษไม่ได้ร้ายแรงอะไรแค่ทำให้กัวกั๋วรู้ว่าต้องพิษแล้วข้าเป็นคนทำเพื่อจะได้สั่งประหารข้าแล้ว ๆๆๆท่านอ๋องจะได้มีแรงฮึดที่จะเข้าไปช่วยข้าและชิงบัลลังก์ไม่ได้บอกว่ากัวกั๋วฮ่องเต้จะต้องเป็นแบบนี้ ข้าผิดเองไม่คิดว่า ใต้เท้าเฉินจะเป็นคนแบบนี้ใต้เท้าเฉินจะหลอกใช้ข้าคิดว่าเป็นเขาที่ดีกับท่านอ๋องช่วยพวกเราจากองครักษ์วังหลวงให้ที่หลบซ่อน และยังมี เฉินอี้เหมยที่คอยดูแลอาากรบาดเจ็บของท่านอ๋อง”เหลือบต
“หวางเย่หมายความว่าอย่างไร ซือกวานท่านต้องตอบคำถามข้าแล้วล่ะ”“ท่านอ๋องฉินเกอหลง”เชียวกงเล่อ อ้าปากค้างยกมือประสานกันตรงหน้าอย่างนอบน้อม“สวรรค์มีตาแต่เชียวกงเล่อหามีตาไม่ ข้าน้อยเชียวกงเล่อน้อมรับหารลงทัณฑ์จากหวางเย่”ไฉหรานหยุดร้องไห้ยืนตลึงพรึงเพริศ ทั้งรุ้สึกผิดทั้งเสียดายฉินเกอหลง และทั้งเจ็บปวดที่เห็นฉินเกอหลงกระอักเลือด“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องการลงทัณฑ์ ตอนนี้หวางเย่กำลังบาดเจ็บสาหัสคนของท่านตามหมอหลวงถึงไหนกันป่านนี้ยังไม่มา”ซือกวานร้อนรนรีบพยุงฉินเกอหลงยังแท่นบรรทมไม้ไผ่ต้าเหนิงเม้มริมฝีปากหน้าเสียเมื่อฉินเกอหลงนิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัดท่านหมอหอบหลวมยาเข้ามาหน้าตื่น เสี่ยวจิ้งตามมาติดๆ“นี่ยาขอรับ นายท่านรีบกลืนยานี่ก่อน”ต้าเหนิงรีบรินน้ำใส่ในจอกส่งให้ฉินเกอหลงเริ่มใจเสียน้ำตาปริ่มขอบตาฉินเกอหลงที่นั่งนิ่งหลับตาข่มความเจ็บปวด“อึกกๆๆฮืออ”“ต้าเหนิงอย่าร้องไห้”เพียงคำพูดนี้ของฉินเกอหลงทำเอาน้ำตาร่วงพรู“ฮือออออย่าเป็นอะไรน้าาาาา ฮืออออเจ็บไหมอึกกกกๆๆๆ”ฉินเกอหลงเอื้อมมือกอดรวบเอวบางของต้าเหนิงอย่างปลอบโยน“ข้าไม่ชอบให้เจ้าร้องไห้ไม่รู้หรือไร”เฉินซือกวานถอนหายใจ หมอหลวงส่ายหน้าไป
“ไม่ต้องพูดได้ไหม”รีบเดินเลี่ยง ฉินเกอหลงที่เอนตัวพิงอยู่กับพนังห้องรีบคว้ามือบางไว้“เอ่อต้าเหนิงมีช่วงเวลานี้ด้วยหรือ”“ช่วงเวลาอะไร”ฉินเกอหลงยิ้มกรุ้มกริ่ม“ช่วงเวลาเขินอายข้าเห็นก่อนหน้านั้นยามที่ข้าไม่อยากเข้าใกล้เจ้า เจ้าก็หาทางเข้ามาใกล้ชิดข้าก่อน”“อย่ามาพูดแบบนี้นะ ก็ท่านอ๋องเอาแต่เก็กไม่ยอม… ไม่ยอมพูดกับต้าเหนิงนี่”ดวงตากลมโตหลุบตามองพื้นเสียกลัวอีกคนเป็นความในใจจากดวงตา“ใกล้ชิดเจ้าแล้วอย่างไรใกล้ชิดเจ้าแล้ว ข้าแทบจะหยุดหายใจ ข้าแทบจะสะกดกลั้นความรู้สึกเสน่หาเจ้าไม่ได้แล้วจะไม่ให้ทำที่ว่าเฉยชาได้อย่างไรกัน ขข้าแต่เดิมไม่เคยเข้าใกล้หญิงใดมาก่อนวันนี้ต้องมาใกล้ชิดกับสนมคนงามของกัวกั๋วที่นางพยายามจะเข้าใกล้ถูกเนื้อต้องตัวข้าตลอดเวลา เจ้าคิดว่าบุรุษที่ไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดเช่นข้าบำเพ็ญเพียรเป็นนักบวชมาตั้งนานจะไม่ตะบะแตกหรือไร”“ นั่นมันเรื่องของท่านอ๋อง ต้าเหนิงไม่พูดด้วยแล้ว”เขินจนไม่รู้จะไปอย่างไร เดินเอาห่อยาไปยังเตาไฟเพื่อจะเคี่ยวยา“โอ้ไม่น่าเชื่อแค่เพียงคนเร่ร่อนรอนแรมเหตุใดได้มาพักในเรือนรับรองของแขกคนสำคัญของซูตงกันเลยนะ”เชียวไฉหรานเดินเข้ามาข้างในห้องอย่างถือวิสาสะ ไม่ท