ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพื่อที่จะไล่พ่อครัวหลวงเหล่านี้ออกไป เจี่ยนอันอันจึงหยิบผงยาถ่ายออกจากมิติแล้วโปรยใส่หน้าพวกเขาหลังจากพ่อครัวหลวงหลายคนสูดผงยาระบายเข้าไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มบ่นปวดท้อง แล้วรีบกุมท้องวิ่งออกจากห้องเครื่องกันไปหมดเจี่ยนอันอันฮัมเพลงไปพลาง กินขนมไปพลาง พร้อมกับโยนขนมและอาหารจากห้องครัวหลวงทั้งหมดเข้าไปในมิติของนางนางเหลือบมองผักและธัญพืชที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงเนื้อที่ถูกหั่นไว้แล้วเจี่ยนอันอันคิดว่าต้องนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปด้วยถึงจะดีเมื่อถูกเนรเทศ นางจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอาหารอร่อย ๆ ได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยนอันอันก็รีบขนวัตถุดิบทั้งหมดลงในมิติทันทีหลังจากเจี่ยนอันอันออกจากห้องเครื่องหลวง นางก็คิดว่าควรจะลองไปดูเยียนอ๋องผู้นั้นสักหน่อยวินาทีต่อมา นางก็ปรากฏตัวในคุกโดยพลันในขณะนั้น ฉู่จวินสิงซึ่งก็คือเยียนอ๋องกำลังถูกทรมานอย่างหนักร่างกายของเขาถูกทุบตีจนหนังเปิดเนื้อแตก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยโลหิตจนแดงฉานแม้จะเป็นเช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็ไม่ส่งเสียงครวญครางแม้แต่น้อยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เขานางรู้สึกชื่นชมเขาจากใจจริงว่
ผู้คุมหลายคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงจากการผายลม แต่พวกเขาไม่กล้าอุดจมูกหรือหลบเลี่ยงทำได้เพียงกลั้นใจและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขันทีใหญ่ก็วิ่งตามออกมาด้วย ขณะเดินตามหลังฮ่องเต้ก็มีสีหน้ากังวลเขากลัวจริง ๆ ว่าฮ่องเต้อาจพลาดปล่อยลมออกมา แล้วเผลอทำเลอะในกางเกงเจี่ยนอันอันที่ล่องหนอยู่ มองเห็นท่าทางน่าสมเพชของฮ่องเต้สุนัขที่ดูเหมือนจะถ่ายไม่หยุด นางก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ยาระบายที่นางใช้ไม่มีทางแก้ได้ พอจะทำให้ฮ่องเต้สุนัขนี้ถ่ายไม่หยุดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเมื่อเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เจี่ยนอันอันก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับมาที่เกี้ยวแต่งงานในทันทีในเวลานี้ เกี้ยวแต่งงานได้หยุดอยู่หน้าจวนเยียนอ๋องแล้วไร้เงาของชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวมาเจี่ยนอันอันดึงผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ก่อนจะเปิดม่านเกี้ยวแล้วก้าวออกมาอย่างมั่นใจนางเห็นว่าหน้าจวนเยียนอ๋องได้ถูกล้อมโดยทหารรักษาพระองค์แล้วเสียงร้องไห้และเสียงด่าทอดังมาจากภายในจวนเยียนอ๋องเจี่ยนอันอันไม่สนใจทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น นางก้าวเดินเข้าไปในจวนเยียนอ๋องอย่างไม่ลังเลทันทีที่นางเดินเข้าไปก็เห็นว่าภายในจวนเยียนอ
หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
คนเหล่านั้นยังคงร่ำร้องไม่หยุด คอยปลุกเร้าให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ ด่าทอครอบครัวเยียนอ๋องให้ไสหัวออกไปจากแคว้นไท่ยวนแต่พวกเขาไม่กล้าโยนสิ่งของในมืออย่างแม่นยำเหมือนเดิมอีกแล้วพวกเจี่ยนอันอันถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ควบคุมตัวไปถึงนอกเมืองหลังออกไปนอกเมืองแล้วก็จะมีคนในครอบครัวที่มาบอกลารออยู่ที่นี่คนในครอบครัวเหล่านั้นจะนำอาหารและน้ำมาให้คนที่ถูกเนรเทศ เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่รับผิดชอบควบคุมตัวก็จะไม่ขัดขวางนี่เป็นกฎที่มีมาแต่ช้านาน ไม่เคยมีใครล่วงละเมิดมาก่อนเจี่ยนอันอันนึกว่าคงไม่มีคนจากจวนกั๋วกงมาส่ง แต่กลับเห็นรถม้าของจวนกั๋วกงคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทางสาวใช้คนหนึ่งจูงสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งเดินลงมาจากรถม้าเจี่ยนอันอันจำได้ว่าสาวใช้ผู้นี้คอยรับใช้เจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เจี่ยนหลิงเยว่คงส่งสาวใช้ผู้นี้มาแก้แค้นที่ทำให้ตนเองเสียโฉมเป็นแน่สาวใช้ลงมาจากรถม้าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งให้สุนัขดุร้ายตัวนั้นเข้ามาขย้ำเจี่ยนอันอันทันทีเจ้าสุนัขตัวร้ายกระเหี้ยนกระหือรือมาแต่แรก ได้ยินคำสั่งของสาวใช้ก็กระโจนเข้าหาเจี่ยนอันอันทันทีเจี่ยนอันอันก้าวเท้าหลบการจู่โจมของสุนัขไ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในจวนเยียนอ๋อง พวกเขาค้นไม่เจอทรัพย์สมบัติเลยสักชิ้นตอนไปรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะต้องถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอนหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผูกใจเจ็บคนในครอบครัวเยียนอ๋องเพราะเรื่องนี้เองเดิมนั้นพวกเขานำชุดผ้าป่านเนื้อหยาบสำหรับให้คนในตระกูลเยียนอ๋องผลัดเปลี่ยนมาด้วยแต่ตอนริบทรัพย์กลับค้นไม่เจออะไร หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จึงเปลี่ยนใจเขาจะปล่อยให้คนในตระกูลเหล่านี้ถูกเนรเทศทั้งที่ยังสวมชุดหรูหราเช่นนี้แหละเขาต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่าคนที่ถูกเนรเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้นดีที่สุดคือเจอโจรดักปล้นระหว่างทาง ถึงตอนนั้นเขาก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วอย่างไรเสียฮ่องเต้ก็บัญชาไว้แล้วว่าพวกเขาแค่คุมคนไปส่งก็พอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกโรงปกป้องรอจนไปถึงเมืองร้าง เขาค่อยให้คนเหล่านี้เปลี่ยนไปใส่ชุดผ้าป่านเนื้อหยาบให้พวกเขาใช้ชีวิตอันแสนลำเค็ญในถิ่นทุรกันดารไปเถอะในไม่ช้าเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็เริ่มย่างเนื้อสุนัขกลิ่นหอมของเนื้อโชยมาเป็นระลอก ลอยมาเข้าจมูกของคนในตระกูลเยียนอ๋องพวกเขาเห็นทหารรักษาพระองค์กินเนื้อย่า
ฉู่จวินสิงในตอนนี้ราวกับศพศพหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้มือของเจี่ยนอันอันเคลื่อนไหวตามอำเภอใจไปบนร่างกายของตนเองหลังเจี่ยนอันอันทายาให้ฉู่จวินสิงอย่างรวดเร็วจนเสร็จ ก็นำยาแก้ปวดมาบดเป็นผงนางง้างปากฉู่จวินสิง เทผงยาแก้ปวดใส่ปากเขาฉู่จวินสิงอยากถ่มยาในปากทิ้งไป แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวแค่นี้ยังกลายเป็นความยากเย็นแสนเข็ญสมองของเขาทำงานเร็วจี๋ สตรีผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ นางต้องการวางยาพิษเขาเช่นนั้นหรือ?หากเป็นเช่นนั้นจริง ถึงเขากลายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ขณะที่ฉู่จวินสิงคิดเหลวไหลอยู่ ก็เห็นว่ามือฉู่อันเจ๋อกำลังถือน้ำขวดหนึ่งเขากรอกน้ำในขวดใส่ปากฉู่จวินสิงน้ำและยาไหลผ่านลำคอลงไปในท้องของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงหรี่ตามองฉู่อันเจ๋อไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร่วมมือกับสตรีผู้นี้มากรอกยาพิษให้เขาคนทั้งสองจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้ฉู่จวินสิงจนไม่ได้สังเกตว่าฉู่จวินสิงในตอนนี้ได้สติแล้ว ทั้งยังกำลังมองพวกตนอยู่หลังทำทั้งหมดนั้นเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กล่าวกับฉู่อันเจ๋อว่า “เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขามีอาการอย่างไร เจ้าก็ต้องมาบอกข้าทันที”ฉู่อันเจ๋อพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าเ
ตงฮุ่ยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน จึงรีบบอกให้เสี่ยวเอ้อนำผักต่างๆ ไปให้พ่อครัว เพื่อทำเป็นอาหารหลายอย่างออกมาเพียงไม่นานพ่อครัวก็ทำออกมา และให้เสี่ยวเอ้อนำอาหารออกมาหลายอย่าง“เถ้าแก่ อาหารเหล่านี้ ล้วนใช้ผักเมื่อครู่นี้ทำออกมาทั้งสิ้น”ต่งฮุ่ยรีบใช้ตะเกียบคีบเข้าปากหนึ่งคำ พลันตะลึงกับความหอมของผักจนแทบตาค้างและยังมีอาหารอื่นอีกหลายอย่าง ซึ่งล้วนได้ลิ้มลองเช่นกันไม่นานจึงถามด้วยความตื่นเต้น “เหล่านี้ล้วนใช้ผักเมื่อครู่นี้ปรุงออกมาทั้งสิ้นรึ?”เสี่ยวเอ้อพยักหน้าตอบรับ ขณะมองดูเถ้าแก่กินอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเขาเองก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอเมื่อครู่ก่อนจะยกอาหารออกมา เขาก็ได้แอบชิมผักเล็กๆ ไปคำหนึ่งจนบัดนี้ความหอมของผักก็ยังอบอวลอยู่ในปากหากเถ้าแก่ยอมให้ส่งผักเหล่านี้เข้ามาก็คงดี ไม่เพียงช่วยให้กิจการในโรงเตี๊ยมยิ่งเฟื่องฟูมากขึ้นจนแม้แต่เสี่ยวเอ้ออย่างเขา ก็อาจพลอยมีลาภปาก ได้ชิมอาหารรสเลิศเหล่านี้ตามต่งฮุ่ยแอบชื่นชมรสชาติอาหารอยู่ในใจเงียบๆเขาไม่คาดคิดว่า เพียงแค่ผักหน้าตาพื้นๆ ไม่กี่อย่าง จะสามารถปรุงเป็นอาหารที่มีรสชาติดีได้เช่นนี้ผักเหล่านี้ยังไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์ ก็มีควา
เหยียนซวงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเหล่านี้ตาบอดหรืออย่างไร ผักสดเช่นนี้ยังจะติโน่นตินี่อีก”แต่เจี่ยนอันอันหาได้นำพาไม่ นางไม่เชื่อว่าจะไม่มีโรงเตี๊ยมสักแห่งเดียว ที่ยอมใช้ผักที่นางปลูก“ในเมื่ออำเภอไถหยางไม่มีผู้ใดต้องการผักของเรา เราลองไปติดต่อที่อื่นดู”ไม่นานฉู่จวินสิงก็รีบควบรถม้า มุ่งไปยังอำเภออู่หนานต่อก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไปติดต่อโรงเตี๊ยมหลายแห่ง เจี่ยนอันอันได้สังเกตข้างทางว่ามีลูกเป็ดลูกไก่ขายหรือไม่แต่ลูกเป็ดลูกไก่ในอำเภอไถหยาง ดูไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าใดนัก คล้ายกับล้วนติดโรคอะไรบางอย่างซึ่งเจี่ยนอันอันย่อมไม่คิดซื้อเป็ดไก่ขี้โรคเหล่านี้ ไปให้เสิ่นจือเจิ้งเลี้ยงดูแน่นอนรถม้าเดินทางไกลอีกระยะหนึ่ง จนมาถึงอำเภออู่หนานที่นี่มีผู้คนสัญจรมากนัก มากกว่าอำเภอไถหยางเป็นเท่าตัวเลยทีเดียวตามถนนหนทางล้วนมีแต่ผู้คน แลดูคึกคักเป็นอย่างมากฉู่จวินสิงไปสืบข่าวมา ได้ความว่าอำเภออู่หนานก็มีโรงเตี๊ยมเจ็ดแปดแห่งเช่นกันและที่ตั้งของโรงเตี๊ยมแต่ละแห่งก็อยู่ห่างไกลกัน แสดงว่าคงไม่ต้องการให้ร้านอื่นมาแย่งลูกค้าของตนกระมังฉู่จวินสิงจึงมุ่งไปยังทิศทางของโรงเตี๊ยมแห่งห
เจี่ยนอันอันก็ไม่คิดอยู่นี่นานนัก เพราะนางยังมีงานต้องทำอีกทุกคนสนทนาอยู่กลางลานครู่หนึ่ง เจี่ยนอันอันจึงลุกขึ้นคิดจะจากไปจงหลานเห็นเข้า จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม“แม่นางเจี่ยน หมู่นี้พี่เวินเป็นอย่างไรบ้าง”เจี่ยนอันอันดูออกนานแล้วว่า เมื่อจงหลานไม่เห็นเวินอี๋ติดตามมาด้วย สายตานางปรากฏแววผิดหวังขึ้นวูบหนึ่งจึงได้กล่าวตอบยิ้มๆ “พี่เวินของเจ้าสบายดี หากมีเวลา เจ้าจะไปเยี่ยมเขาก็ได้”เมื่อได้ยินคำตอบจากเจี่ยนอันอัน เวินหลานจึงหันไปมองจงซิ่นด้วยความดีใจ“ท่านปู่” นางใช้สายตาเว้าวอน หวังเพียงว่าจงซิ่นจะพาไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเพื่อเยี่ยมเวินอี๋โดยเร็วจงซิ่นมีหรือจะไม่รู้ทันความคิดของผู้เป็นหลานสาว แต่เขากลับคิดว่าอายุของทั้งคู่ห่างกันมากไปดังนั้นทุกครั้งที่เวินหลานร้องขอไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเพื่อจะหาเวินอี๋ จงซิ่นก็มักจะปฏิเสธทุกคราไปและครั้งนี้เขาก็ไม่เปลี่ยนความคิดเช่นกัน“ไว้อีกสักพักค่อยว่าเถอะ คุณชายเวินมีงานยุ่งอยู่ตลอด เราไม่ควรไปรบกวนเขาบ่อยนัก”เวินหลานก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง ไม่กล้าพูดมากความอีกเจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าหม่นหมองของเวินหลาน จึงได้เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม “ผู้เ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาขายผักที่ตลาด จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย“อันอัน ให้ข้าช่วยพวกเจ้าขายผักเถอะนะ”เจ้าของแผงผักหลายรายไม่เห็นหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาหลายวันแล้วทุกคนต่างนึกว่าพวกเขาคงจะไม่มาตลาดขายผักอีกแต่ก็เพราะพวกเขาไม่มาขายผักหลายวัน ทำให้ผักของพ่อค้าอื่นต่างขายได้ไม่น้อยแต่ไม่นึกว่า วันนี้พวกเขาจะมาอีกครั้งเจ้าของแผงผักทั้งหลายต่างก็พูดไม่ออก และไม่กล้าเอาอย่างคราวที่แล้ว ทำตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาได้แต่มองดูผู้คนที่มาเลือกซื้อผัก อุดหนุนแต่ผักของเจี่ยนอันอันไม่มีใครสักคน คิดอุดหนุนผักของพ่อค้าอื่นบ้างเลยเมื่อได้เหยียนซวงมาช่วยเหลือ ผักหนึ่งคันรถไม่นานก็ขายหมดเกลี้ยงเจี่ยนอันอันยังเก็บผักอีกหลายต้นไว้ กำลังคิดอยู่ว่าอีกประเดี๋ยวจะไปถามตามโรงเตี๊ยม ว่ามีเจ้าไหนคิดจะเหมาผักของนางบ้างหรือไม่นางนับเงินที่อยู่ในถุงผ้า วันนี้ขายได้ทั้งสิ้นสามสิบห้าตำลึงแม้จะเป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่นางก็ยังดีใจมากอยู่“ไป เราไปเยี่ยมจงซิ่นกัน”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเดินนำขึ้นรถม้าไปก่อนเหยียนซวงก็ตามขึ้นไปนั่งด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาช่วยขายผัก ไม่คาดคิดว่าจะมีค
เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้าของฉู่จวินสิง จึงพลอยตื่นมาด้วยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืนนี้ คล้ายดั่งความฝันแต่ลูกธนูที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ทำให้เจี่ยนอันอันอดวิเคราะห์อีกครั้งไม่ได้ว่า ผู้ที่ยิงมาคือใครกันแน่?และข้อความในกระดาษเขียนว่ามีคนจะมาเมืองอินเป่ยนั่นคือผู้ใดที่จะมาเมืองนี้ จึงทำให้มีคนต้องใช้วิธีนี้ส่งข่าวให้นางกับฉู่จวินสิงได้รู้เจี่ยนอันอันนอนคิดอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก็ยังหาคำตอบไม่ได้นางจึงไม่อยากคิดมากต่อไปอีก เพราะอย่างไรถึงเวลาก็จะรู้เอง ว่าคือผู้ใดจะมาเมืองอินเป่ยเจี่ยนอันอันแต่งกายเรียบร้อยพร้อมลงจากเตียง ล้างหน้าล้างตาแล้วจึงไปกินอาหารเช้าที่ลานวันนี้นางยังต้องไปอำเภอไถหยางสักครั้ง ตั้งว่าจะซื้อลูกเป็ดลูกไก่มาให้เสิ่นจือเจิ้งเลี้ยงผักที่ปลูกได้เมื่อวาน จะได้นำไปขายในตลาดด้วยหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เจี่ยนอันอันจึงให้บ่าวไพร่นำผักไปไว้ในรถม้า จากนั้นจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปอำเภอไถหยางพร้อมกับฉู่จวินสิงทั้งคู่เพิ่งขึ้นนั่งในรถม้าไม่ทันไร พลันเห็นเหยียนซวงเดินมา“พวกท่านจะไปอำเภอไถหยางหรือ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”เหยียนซวงกำลังคิดจะไปอำเภอไถ
เจี่ยนอันอันพยักหน้า นางเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิง“ท่านกล่าวถูกต้อง ตอนนี้เมืองจิงโจวคงวุ่นวายยิ่งกว่าแต่ก่อน”“หากเราย้อนกลับไปตอนนี้ ไม่แน่อาจตกหลุมพรางฉู่ชางเหยียนก็เป็นได้”“บวกกับเจี่ยนกั๋วกงที่คิดปองร้ายเราอยู่ คงจะหาหนทางส่งคนมาอีก เพื่อตรวจสอบดูว่าพวกเราเสียชีวิตแล้วหรือยังกันแน่”เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันหรี่เล็กน้อย“ถ้าให้ดีคือเขามาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขามาได้ แต่กลับไปไม่ได้อีก”ฉู่จวินสิงมองดูเจี่ยนอันอันแสดงท่าทีคล้ายถือคติคุณธรรมประหารญาติ จึงเอื้อมมือไปขยับผ้าห่มให้นาง“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ต่อให้เจี่ยนกั๋วกงส่งคนมาจริง ก็คงสืบไม่ได้ความอะไร”ทั้งคู่พูดคุยอีกครู่หนึ่ง จึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนจวบจนถึงเวลายามสาม จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็รู้สึกปวดท้องนางลืมตาขึ้นเร็วพลัน พร้อมรีบร้อนใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียง“เจ้าจะไปไหนกัน?” การเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงพลอยตื่นขึ้นเจี่ยนอันอันตอบโดยแทบไม่หันหน้ามา “ไปห้องปลดทุกข์”ฉู่จวินสิงก็รีบใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียงเช่นกัน เดินตามหลังเจี่ยนอันอันไปเพราะเขาไม่อยากให้นางถูกก
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา