ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพื่อที่จะไล่พ่อครัวหลวงเหล่านี้ออกไป เจี่ยนอันอันจึงหยิบผงยาถ่ายออกจากมิติแล้วโปรยใส่หน้าพวกเขาหลังจากพ่อครัวหลวงหลายคนสูดผงยาระบายเข้าไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มบ่นปวดท้อง แล้วรีบกุมท้องวิ่งออกจากห้องเครื่องกันไปหมดเจี่ยนอันอันฮัมเพลงไปพลาง กินขนมไปพลาง พร้อมกับโยนขนมและอาหารจากห้องครัวหลวงทั้งหมดเข้าไปในมิติของนางนางเหลือบมองผักและธัญพืชที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงเนื้อที่ถูกหั่นไว้แล้วเจี่ยนอันอันคิดว่าต้องนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปด้วยถึงจะดีเมื่อถูกเนรเทศ นางจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอาหารอร่อย ๆ ได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยนอันอันก็รีบขนวัตถุดิบทั้งหมดลงในมิติทันทีหลังจากเจี่ยนอันอันออกจากห้องเครื่องหลวง นางก็คิดว่าควรจะลองไปดูเยียนอ๋องผู้นั้นสักหน่อยวินาทีต่อมา นางก็ปรากฏตัวในคุกโดยพลันในขณะนั้น ฉู่จวินสิงซึ่งก็คือเยียนอ๋องกำลังถูกทรมานอย่างหนักร่างกายของเขาถูกทุบตีจนหนังเปิดเนื้อแตก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยโลหิตจนแดงฉานแม้จะเป็นเช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็ไม่ส่งเสียงครวญครางแม้แต่น้อยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เขานางรู้สึกชื่นชมเขาจากใจจริงว่
ผู้คุมหลายคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงจากการผายลม แต่พวกเขาไม่กล้าอุดจมูกหรือหลบเลี่ยงทำได้เพียงกลั้นใจและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขันทีใหญ่ก็วิ่งตามออกมาด้วย ขณะเดินตามหลังฮ่องเต้ก็มีสีหน้ากังวลเขากลัวจริง ๆ ว่าฮ่องเต้อาจพลาดปล่อยลมออกมา แล้วเผลอทำเลอะในกางเกงเจี่ยนอันอันที่ล่องหนอยู่ มองเห็นท่าทางน่าสมเพชของฮ่องเต้สุนัขที่ดูเหมือนจะถ่ายไม่หยุด นางก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ยาระบายที่นางใช้ไม่มีทางแก้ได้ พอจะทำให้ฮ่องเต้สุนัขนี้ถ่ายไม่หยุดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเมื่อเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เจี่ยนอันอันก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับมาที่เกี้ยวแต่งงานในทันทีในเวลานี้ เกี้ยวแต่งงานได้หยุดอยู่หน้าจวนเยียนอ๋องแล้วไร้เงาของชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวมาเจี่ยนอันอันดึงผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ก่อนจะเปิดม่านเกี้ยวแล้วก้าวออกมาอย่างมั่นใจนางเห็นว่าหน้าจวนเยียนอ๋องได้ถูกล้อมโดยทหารรักษาพระองค์แล้วเสียงร้องไห้และเสียงด่าทอดังมาจากภายในจวนเยียนอ๋องเจี่ยนอันอันไม่สนใจทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น นางก้าวเดินเข้าไปในจวนเยียนอ๋องอย่างไม่ลังเลทันทีที่นางเดินเข้าไปก็เห็นว่าภายในจวนเยียนอ
หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
คนเหล่านั้นยังคงร่ำร้องไม่หยุด คอยปลุกเร้าให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ ด่าทอครอบครัวเยียนอ๋องให้ไสหัวออกไปจากแคว้นไท่ยวนแต่พวกเขาไม่กล้าโยนสิ่งของในมืออย่างแม่นยำเหมือนเดิมอีกแล้วพวกเจี่ยนอันอันถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ควบคุมตัวไปถึงนอกเมืองหลังออกไปนอกเมืองแล้วก็จะมีคนในครอบครัวที่มาบอกลารออยู่ที่นี่คนในครอบครัวเหล่านั้นจะนำอาหารและน้ำมาให้คนที่ถูกเนรเทศ เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่รับผิดชอบควบคุมตัวก็จะไม่ขัดขวางนี่เป็นกฎที่มีมาแต่ช้านาน ไม่เคยมีใครล่วงละเมิดมาก่อนเจี่ยนอันอันนึกว่าคงไม่มีคนจากจวนกั๋วกงมาส่ง แต่กลับเห็นรถม้าของจวนกั๋วกงคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทางสาวใช้คนหนึ่งจูงสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งเดินลงมาจากรถม้าเจี่ยนอันอันจำได้ว่าสาวใช้ผู้นี้คอยรับใช้เจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เจี่ยนหลิงเยว่คงส่งสาวใช้ผู้นี้มาแก้แค้นที่ทำให้ตนเองเสียโฉมเป็นแน่สาวใช้ลงมาจากรถม้าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งให้สุนัขดุร้ายตัวนั้นเข้ามาขย้ำเจี่ยนอันอันทันทีเจ้าสุนัขตัวร้ายกระเหี้ยนกระหือรือมาแต่แรก ได้ยินคำสั่งของสาวใช้ก็กระโจนเข้าหาเจี่ยนอันอันทันทีเจี่ยนอันอันก้าวเท้าหลบการจู่โจมของสุนัขไ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในจวนเยียนอ๋อง พวกเขาค้นไม่เจอทรัพย์สมบัติเลยสักชิ้นตอนไปรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะต้องถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอนหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผูกใจเจ็บคนในครอบครัวเยียนอ๋องเพราะเรื่องนี้เองเดิมนั้นพวกเขานำชุดผ้าป่านเนื้อหยาบสำหรับให้คนในตระกูลเยียนอ๋องผลัดเปลี่ยนมาด้วยแต่ตอนริบทรัพย์กลับค้นไม่เจออะไร หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จึงเปลี่ยนใจเขาจะปล่อยให้คนในตระกูลเหล่านี้ถูกเนรเทศทั้งที่ยังสวมชุดหรูหราเช่นนี้แหละเขาต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่าคนที่ถูกเนรเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้นดีที่สุดคือเจอโจรดักปล้นระหว่างทาง ถึงตอนนั้นเขาก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วอย่างไรเสียฮ่องเต้ก็บัญชาไว้แล้วว่าพวกเขาแค่คุมคนไปส่งก็พอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกโรงปกป้องรอจนไปถึงเมืองร้าง เขาค่อยให้คนเหล่านี้เปลี่ยนไปใส่ชุดผ้าป่านเนื้อหยาบให้พวกเขาใช้ชีวิตอันแสนลำเค็ญในถิ่นทุรกันดารไปเถอะในไม่ช้าเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็เริ่มย่างเนื้อสุนัขกลิ่นหอมของเนื้อโชยมาเป็นระลอก ลอยมาเข้าจมูกของคนในตระกูลเยียนอ๋องพวกเขาเห็นทหารรักษาพระองค์กินเนื้อย่า
ฉู่จวินสิงในตอนนี้ราวกับศพศพหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้มือของเจี่ยนอันอันเคลื่อนไหวตามอำเภอใจไปบนร่างกายของตนเองหลังเจี่ยนอันอันทายาให้ฉู่จวินสิงอย่างรวดเร็วจนเสร็จ ก็นำยาแก้ปวดมาบดเป็นผงนางง้างปากฉู่จวินสิง เทผงยาแก้ปวดใส่ปากเขาฉู่จวินสิงอยากถ่มยาในปากทิ้งไป แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวแค่นี้ยังกลายเป็นความยากเย็นแสนเข็ญสมองของเขาทำงานเร็วจี๋ สตรีผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ นางต้องการวางยาพิษเขาเช่นนั้นหรือ?หากเป็นเช่นนั้นจริง ถึงเขากลายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ขณะที่ฉู่จวินสิงคิดเหลวไหลอยู่ ก็เห็นว่ามือฉู่อันเจ๋อกำลังถือน้ำขวดหนึ่งเขากรอกน้ำในขวดใส่ปากฉู่จวินสิงน้ำและยาไหลผ่านลำคอลงไปในท้องของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงหรี่ตามองฉู่อันเจ๋อไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร่วมมือกับสตรีผู้นี้มากรอกยาพิษให้เขาคนทั้งสองจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้ฉู่จวินสิงจนไม่ได้สังเกตว่าฉู่จวินสิงในตอนนี้ได้สติแล้ว ทั้งยังกำลังมองพวกตนอยู่หลังทำทั้งหมดนั้นเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กล่าวกับฉู่อันเจ๋อว่า “เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขามีอาการอย่างไร เจ้าก็ต้องมาบอกข้าทันที”ฉู่อันเจ๋อพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าเ
หากเจียงหว่านเอ๋อร์ต้องการมาสร้างปัญหาให้เสิ่นจือเจิ้ง เช่นนั้นแค่เซียงเสวี่ยคนเดียวก็รับมือได้แล้วเซียงเสวี่ยไม่ได้คัดค้านอะไร นางรู้ว่าฐานะตัวเองต้อยต่ำ การได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้คนก็สื่อความเชื่อมั่นที่เจี่ยนอันอันมีต่อนางเซียงเสวี่ยย่อมตั้งใจปรนนิบัติรับใช้อย่างสุดความสามารถเจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่เสิ่นจืออวี้ยังตามมาไม่ถึงมาย้ายผักในห้วงมิติไปไว้บนรถม้าเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เสิ่นจืออวี้ก็เดินสืบเท้าเข้ามาทั้งสามคนขึ้นนั่งรถม้าเดินทางสู่อำเภอไถหยางโดยมีฉู่จวินสิงเป็นคนขับเซียงเสวี่ยที่ถูกเจี่ยนอันอันส่งตัวไปไม่ทำให้นางผิดหวังแต่อย่างใดเซียงเสวี่ยมาถึงบ้านหลังแรกที่สร้างใหม่ เห็นเสิ่นจือเจิ้งนั่งอยู่ในลานบ้านเสิ่นจือเจิ้งเงยหน้าขึ้นมาเห็นเซียงเสวี่ย จังหวะที่กำลังจะถามว่านางเป็นผู้ใดก็ได้ยินเซียงเสวี่ยแนะนำตัว“สวัสดีเจ้าค่ะคุณชายเสิ่น ข้ามีนามว่าเซียงเสวี่ย เป็นสาวใช้ของตระกูลฉู่ เจี่ยนอันอันส่งข้ามาปรนนิบัติท่าน”เสิ่นจือเจิ้งได้ยินมาเจี่ยนอันอันเป็นคนส่งมาก็พยักหน้าเขารู้อยู่แล้วว่าเจี่ยนอันอันไม่วางใจที่จะให้เขาอยู่บ้านคนเดียวสำหรับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว เซียง
ครานี้ดีเลย ในที่สุดพวกเขาก็จะมีที่อยู่เป็นของตัวเองแล้วทั้งสี่คนไม่ได้ไปรบกวนกวนซิน ทำการเก็บสัมภาระของตัวเองอย่างเงียบเชียบแล้วย้ายออกจากที่นี่เมื่อมาถึงบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ เจี่ยนอันอันก็ประคองเสิ่นจือเจิ้งไปที่ห้องของเขาเสิ่นจือเจิ้งมองการประดับตกแต่งภายในห้อง มันเป็นระเบียบเรียบร้อยและเรียบง่าย พร้อมทั้งมีกลิ่นน้ำหอมจางๆเขาหันไปมองเจี่ยนอันอัน “เจ้าฉีดน้ำหอมหรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉีดน้ำหอมเพื่อช่วยดับกลิ่น”นางไม่ได้บอกเรื่องที่เจียงหว่านเอ๋อร์เคยอยู่ห้องนี้อย่างไรตอนนี้เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกมากขนาดนั้น“พี่ใหญ่พึงพอใจหรือไม่?” เจี่ยนอันอันหันไปถามเสิ่นจือเจิ้งพยักหน้า “บ้านที่อันอันสร้างให้ ข้าต้องพึงพอใจอยู่แล้ว”เจี่ยนอันอันประคองเสิ่นจือเจิ้งไปนั่งหน้าเตียง“พี่ใหญ่ ท่านพักผ่อนที่นี่ไปก่อน ข้าจะนำผักกับธัญญาหารที่ปลูกเมื่อวันก่อนไปเก็บที่โรงเก็บของ”“ต่อไปท่านกับเสิ่นจืออวี้จะได้ทำอาหารกินเองได้”เสิ่นจือเจิ้งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มปลื้มใจเขานึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันมาอยู่ที่นี่แล้วจะเรียนรู้ที
ฉู่จวินสิงยิ้ม เดินไปที่เตียงอย่างเงียบเชียบและทำการห่มผ้าให้ทั้งคู่เขากอดเจี่ยนอันอันแล้วหลับไปอย่างสงบเมื่อเจี่ยนอันอันตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่จวินสิงก็ยังหลับอยู่นางสวมเสื้ออย่างเบามือก่อนจะลุกจากเตียง ไม่ได้รีบร้อนไปขายผักที่ตลาดแต่อย่างใด แต่เลือกไปหาเสิ่นจือเจิ้งก่อนจังหวะที่เจี่ยนอันอันสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ฉู่จวินสิงก็ตื่นพอดีเขาเห็นเจี่ยนอันอันเร่งรีบไปขายผักที่ตลาดแบบนี้ก็รีบลุกขึ้นตามเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันออกจากห้อง ฉู่จวินสิงก็รีบสวมเสื้อผ้าตามออกไปแต่แล้วเมื่อออกจากห้อง เขากลับพบว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้เดินไปจูงรถม้า แต่เดินไปอีกทางหนึ่งฉู่จวินสิงตามออกจากลานบ้าน เห็นว่าเจี่ยนอันอันเดินไปทางบ้านของกวนซินเขาตามเข้าไปดึงตัวเจี่ยนอันอัน“เจ้าจะไปหาพี่ใหญ่หรือ เหตุใดไม่เรียกให้ข้าไปด้วยกัน”เจี่ยนอันอันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของฉู่จวินสิง ขณะที่ถูกเขาดึงตัวไว้ก็ยังคงมีอาการใจลอยเล็กน้อย“เหตุใดท่านไม่นอนต่ออีกสักหน่อย ข้าไปหาพี่ใหญ่เดี๋ยวเดียวก็กลับ”ฉู่จวินสิงจูงมือเจี่ยนอันอันพูดว่า “ข้าตื่นแล้ว ย่อมต้องตามเจ้าไปด้วยกัน”เขาไม่วางใจให้เจี่ยนอันอันไปเ
หลังจากที่ทั้งสองคนแช่น้ำร้อนอยู่นานมาก ฉู่จวินสิงถึงค่อยอุ้มเจี่ยนอันอันออกจากอ่างเขาหยิบผ้าเช็ดตัวบนฉากกั้นมาเช็ดตัวให้ทั้งคู่ จากนั้นอุ้มเจี่ยนอันอันไปที่เตียงฉู่จวินสิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ จ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยแววตาเร่าร้อน“ต่อไปอยู่ห่างจากเหยียนอวี่ให้ไกลหน่อย เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า อย่าทำดีต่อบุรุษคนอื่นที่ไม่ใช่ข้ามากเกินไป”ถ้อยคำของฉู่จวินสิงทำให้เจี่ยนอันอันงุนงงเล็กน้อยนางไปทำดีต่อเหยียนอวี่เมื่อใดกัน?นางมีเพียงความคิดที่หมอมีต่อผู้ป่วย อยากให้เหยียนอวี่ดีขึ้นโดยเร็วฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันทำหน้าไร้เดียงสาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก้มหน้าลงจุมพิตต่อเจี่ยนอันอันจุมพิตตอบ นี่ทำให้ฉู่จวินสิงปลื้มใจทั้งสองคนทำการร่วมอภิรมย์กันอีกครั้งบนเตียงสไตล์ยุโรปหลังใหญ่บางทีอาจจะเพราะเหนื่อยแล้วจริงๆ หลังจากเสร็จกิจ เจี่ยนอันอันก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วจังหวะที่ฉู่จวินสิงกำลังจะเข้านอนเช่นกัน เขาก็มองเห็นผ่านหน้าต่างว่าเหมือนจะมีคนนั่งอยู่ด้านนอกฉู่จวินสิงสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปเห็นว่าพี่ใหญ่ฉู่จวินหลุนกำลังนั่งอยู่ในลานบ้าน ท่าทีเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างกระทั
ความคิดของเจี่ยนอันอันเพิ่งจะปรากฏ นางก็ได้ยินภารกิจของห้วงมิติส่งเสียงว่า “ชิ”[เจ้าเคยเป็นหญิงแสนดีเมื่อไรกัน]“เจ้าหุบปากไปเลย!” เจี่ยนอันอันโมโหจนด่าออกเสียงคำพูดนี้ทำให้ฉู่จวินสิงที่เดินเข้ามามีสีหน้าประหลาดใจเจี่ยนอันอันนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะเข้ามาพอดี นางกระแอมไอแล้วหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน“ข้าไม่ได้หมายถึงท่าน ฮะๆๆ…”ฉู่จวินสิงมองเห็นว่าภายในห้องมีเจี่ยนอันอันอยู่แค่คนเดียว ไม่ได้มีคนอื่น แม้แต่หนูสักตัวก็ยังไม่มีเช่นนั้นเจี่ยนอันอันกำลังคุยกับผู้ใดกัน?ฉู่จวินสิงไม่ได้ถาม และเจี่ยนอันอันก็ไม่คิดจะบอกทั้งสองคนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ประกอบกับวันนี้ก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าเวลานี้ต่างก็รู้สึกง่วงนอนมากเจี่ยนอันอันดมกลิ่นตัวฉู่จวินสิงแล้วพูดกับเขา “ท่านไปอาบน้ำก่อนค่อยเข้านอนเถิด จะได้สบายตัวหน่อย”ฉู่จวินสิงขานรับและให้เหล่าสาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้ เขาเดินเข้าไปหลังฉากกั้น ถอดเสื้อผ้าออกแล้วแช่ตัวในอ่างเจี่ยนอันอันกำลังจะใช้จังหวะนี้เข้าไปในห้องอาบน้ำห้วงมิติเพื่อแช่น้ำแต่แล้วกลับได้ยินเสียงของฉู่จวินสิงลอยมา “อันอัน ขาข้าตะคริวกิน!”หัวคิ้วของเจี่ยนอันอันขมว
เจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่ฉู่จวินสิงยังไม่กลับห้องมาดูของในห้วงมิตินางตรวจดูคลังอาวุธ ตั้งใจว่าจะนำปืนกระบอกนั้นออกมาดูแต่แล้วกลับพบความผิดปกติบางอย่างภายในปืนกระบอกนั้นเหลือกระสุนอยู่หนึ่งนัดตอนที่ต่อสู้กับกู้มั่วหลี นางจำได้ว่าด้านในมีกระสุนอยู่เต็ม เหตุนี้ตอนนี้จึงเหลือแค่นัดเดียว?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังสงสัย เบื้องหน้านางก็มีภารกิจของห้วงมิติปรากฏ[เนื่องจากมีการนำปืนออกจากคลังอาวุธ คลังอาวุธจึงถูกลดระดับลง][ระดับของคลังอาวุธตอนนี้ถูกลดเป็นเลเวล 0 และกำลังจะปิดลง กรุณาเก็บปืนกลับคืนโดยเร็ว]นี่มันบ้าอะไรกัน ไม่ใช่ว่าคลังอาวุธจะเปิดตอนไหนก็ได้หรือ เหตุใดจึงมีการลดระดับด้วย?เจี่ยนอันอันถามห้วงมิติด้วยความคิด เห็นว่าภารกิจของห้วงมิติปรากฏอีกครั้ง[อาวุธเหล่านี้ไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เจ้าไม่ทราบเรื่องนี้หรือ?]มุมปากของเจี่ยนอันอันกระตุก นางรู้ว่าอาวุธพวกนี้ไม่ได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้องมันเป็นของที่นางได้มาจากการติดตามพี่ชายไปซื้อมาขายเก็งกำไรในยุคปัจจุบันพี่ใหญ่เคยอยู่หน่วยรบพิเศษ เคยได้เป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับระหว่างปฏิบัติภารกิจครั้งหนึ่งแต่หลังจากที่เขาทำภาร
หากไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องรีบไปคิดบัญชีกับเฉินหย่งเหนียน นางคงขายผักได้มากกว่านี้ฮูหยินใหญ่มองเงินทองแดงแล้วพูดกับเจี่ยนอันอัน “อันอัน เจ้าเก็บเงินพวกนี้ไว้เถิด นี่เป็นเงินที่เจ้ากับจวินสิงได้จากการปลูกผักขาย พวกข้ารับไว้ไม่ได้”“พี่หญิงพูดถูก พวกข้ารับเงินพวกนี้ไว้ไม่ได้ เจ้าเก็บไว้เถอะ” ฮูหยินรองพูดกับเจี่ยนอันอันเช่นกันเจี่ยนอันอันมองทุกคน พบว่าทุกคนต่างก็มีความคิดเช่นนี้จึงไม่ได้พูดอะไร ทำการเก็บเงินเข้าสู่ห้วงมิติ“พรุ่งนี้ข้าจะไปขายผักอีก ได้เงินแล้วจะนำมาแบ่งให้กับทุกคน”เจี่ยนอันอันกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายนั่งรถม้ามาตั้งนาน ร่างกายตึงเกร็งไปหมดแล้วฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันมีท่าทีอ่อนล้าก็ให้นางกลับห้องไปพักผ่อนฉู่จวินสิงกำลังจะเดินตามไปแต่ถูกฮูหยินใหญ่เรียกไว้“จวินสิง เจ้านั่งก่อน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”ฉู่จวินสิงมองจนเจี่ยนอันอันเดินเข้าห้องไปแล้วถึงค่อยดึงสายตากลับคืนฮูหยินใหญ่ถาม “จวินสิง อันอันก็แต่งงานกับเจ้ามานานแล้ว เหตุใดท้องของนางจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีก?”คนอื่นๆ มองฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยเช่นกันฉู่จวินสิงเห็นทุกคนมองตัว
จางเฉวียนรับหนังสือแต่งตั้งหัวหน้าทหารพิทักษ์เมืองทำการขอบคุณขุนนางฝ่ายราชเลขาธิการแล้วกลับไปอย่างมีความสุขบรรดาเจ้าหน้าที่มาถึงหอกำแพงเมืองก่อนจางเฉวียนหนึ่งก้าวพวกเขาจับกุมเฉินหย่งเหนียนไปที่สำนักราชเลขาธิการทันทีเมื่อเฉินหย่งเหนียนเห็นจางเฉวียนที่กลับมา เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถลึงตาใส่จางเฉวียน ตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด “จางเฉวียน เจ้าคนเนรคุณ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้!”จางเฉวียนไม่ยี่หระต่อคำขู่ของเฉินหย่งเหนียนแม้แต่น้อย เขาไม่ชอบเฉินหย่งเหนียนมานานแล้ว ตอนนี้ตัวเขาถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทหารพิทักษ์เมืองยิ่งไม่เห็นเฉินหย่งเหนียนอยู่ในสายตามากกว่าเดิมหลังจากที่เจ้าหน้าที่คุมตัวเฉินหย่งเหนียนจากไป จางเฉวียนก็นำหนังสือแต่งตั้งออกมาให้เหล่าทหารได้ดูตามด้วยนำเงินสองร้อยตำลึงมาแบ่งให้ทหารทุกคนจางเฉวียนพูดเสียงดังว่า “ทุกคนฟังให้ดี ข้า จางเฉวียน จะไม่มีวันยักยอกเงินแบบเฉินหย่งเหนียนเด็ดขาด”“หากวันหน้าข้ามีเงินแม้เพียงอีแปะเดียว ข้าก็จะนำมาแบ่งกับทุกคน”เหล่าทหารต่างมีความสุขเมื่อได้รับเงินพวกเขาต่างเรียกจางเฉวียนว่าท่านหัวหน้าจางทางฝั่งของเจ
พวกเขามองเฉินหย่งเหนียนกลับไปเอาเงิน ไม่มีผู้ใดเข้าไปปลอบประโลมทั้งนั้นภายในใจของเฉินหย่งเหนียนหลั่งเลือด นำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมาทั้งหมดแต่เขามีการเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเอง บางทีเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าหนิงเจิ้นให้เงินเขามาเท่าไรเขาจะไม่โง่ที่จะนำเงินออกมาทั้งหมดหรอกเฉินหย่งเหนียนหยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงสามใบกลับไปใส่ไว้ใต้เตียงอาศัยจังหวะที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นมารีบเก็บตั๋วเงินที่เหลือเข้าในอกเสื้อเขารีบเดินออกจากกำแพงเมือง มอบตั๋วเงินจำนวนเจ็ดร้อยตำลึงให้เจี่ยนอันอันด้วยใบหน้าที่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเจี่ยนอันอันนับดูแล้วพบว่าเงินแค่เจ็ดร้อยตำลึงก็สามารถซื้อตัวเฉินหย่งเหนียนได้แล้วชีวิตของเขานี่ช่างไม่มีค่าเอาเสียเลยเจี่ยนอันอันเก็บตั๋วเงิน นางปรายตามองเฉินหย่งเหนียนด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะขึ้นรถม้า กระทั่งเมื่อฉู่จวินสิงขับรถม้าจากไป เฉินหย่งเหนียนถึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งใจในที่สุดคอของเขายังปวดแสบสุดๆ อยู่ จึงรีบวิ่งกลับไปทายาให้ตัวเองขณะที่เฉินหย่งเหนียนกำลังทายา ทหารเหล่านั้นก็พากันเบียดเสียดเข้ามาในห้องข