เสียงของฉันมันเบาไปงั้นเหรอตุลถึงได้ทำเมิน เขาหยิบอุปกรณ์มาซ่อมรถต่อโดยทำเหมือนไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่ ต้องทำวิธีไหนที่ผู้ชายคนนี้จะสนใจ พอยอมเขาก็เมิน พอวุ่นวายมากเขาก็รำคาญ ตรงกลางมันอยู่ตรงไหนงั้นเหรอ “ช่วยพูดอะไรกับพี่หน่อยได้ไหมตุล”“จะให้พูดอะไร” เขาถามโดยไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้า“ก็ที่พี่พูดไง ทำไมต้องทำเมินเหมือนไม่ได้ยิน”“เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่”“เห็น แต่คุยกับพี่มันคงไม่ทำให้ตุลเสียเวลามากขนาดนั้นหรอก”“เสียเวลา” เขาตอบกลับทันควัน ทำเอาฉันพูดไม่ออก “พี่ซื้อของมาฝากตุลด้วยนะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถหยิบของฝากที่ซื้อมาจากทะเล ตุลยังคงนั่งซ้อมรถไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม ฉันอยากเย็นชา อยากเมินทุกอย่างได้แบบนี้จัง “พี่เอาของวางไว้ให้ตรงนี้นะ” ฉันบอกแล้วเอาของวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า” เพราะยังไม่อยากกลับฉันจึงหาเรื่องคุย แต่อีกคนไม่อยากคุยด้วยกับฉันสักเท่าไหร่ “เดี๋ยวเพื่อนจะมากินเหล้า รีบกลับไปซะ” “กินทุกวันเลยเหรอ” “เพิ่งกินวันนี้ ถามทำไมบอกว่าให้กลับบ้าน เกะกะฉิบ!” ตุลลุกขึ้นเดินเฉียดไหล่ฉันไปหยิบอะไรไม่รู้ เขาแสดงท่าทางที่แสนจะหงุดหงิดเอาม
#ภายในห้องรับแขก เฮียเฟยนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว้ห้าง มือสองข้างประสานเข้าหากันสายตาจับจ้องมองฉันที่กำลังรู้สึกประหม่า “พ… พ่อล่ะคะ ไม่เห็นอยู่ที่บ้านเลย” ฉันพยายามถามเบี่ยงประเด็นแต่มันไม่ได้ผล “นั่งก่อนสิ”ฉันค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ไม่กล้าสบตากับเฮีย “อย่าทำท่าเคร่งขรึมแบบนั้นสิคะหนูกลัวนะเฮีย”เฮียเฟยถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูด “ไอ้เด็กนั่นเป็นเพื่อนของแฟนแพรใช่ไหม”“ค… ใครหรอคะหนูไม่รู้เรื่อง” ทั้งที่ถูกจับได้แล้วฉันก็ยังแถ ทั้งที่รู้ว่าไม่รอดแน่ ๆ “เฮียส่งลูกน้องคอยตามดูลิลมาตลอด ยังจะปกปิดอีกหรือไง”“เฮียทำแบบนั้นทำไมคะ” “น้องสาวเฮียชอบออกจากบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ บางวันไม่กลับมานอนที่บ้าน ตอนกลางวันก็ไม่อยู่บอกจะไปอู่ซ่อมรถ จะไม่ให้เฮียสงสัยเลยหรือไง” “…” “ไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรลิล บอกมาเฮียจะไปจัดการมัน!!”“… เขาไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ มีแค่หนูที่ทำตัวเอง” ฉันก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาเบา ๆ วันนี้เพิ่งตัดสินใจถอยออกมามันก็เลยเศร้ามากเป็นพิเศษ “ทำตัวเองยังไง?” เฮียทวนคำพูดของฉันแล้วขมวดคิ้วเข้ม “ทำให้ตัวเองเจ็บ ทำให้ตัวเองไร้ค่า ทำให้ตัวเองร้องไห้…” ฉันบอ
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเผลอเรียกชื่อเขาออกไปทั้งที่ควรทำเหมือนคนไม่รู้จัก “ว่าไงนะลิล” เควินเอียงคอมาถามเหมือนว่าเขาได้ยินเสียงของฉันเมื่อครู่ “ป… เปล่า” ตอนนี้ตุลก็ยังคงเพ่งมองเควินราวกับจะกัดกินเลือดเนื้อ จนกระทั่งหนังเริ่มฉายเขาถึงยอมหันไปมองจอ บรรยากาศในโรงหนังเงียบสงัดไร้เสียงคนคุยกัน มีเพียงเสียงหนังที่กำลังฉายอยู่ หัวใจของฉันมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ การที่เขานั่งใกล้กันแต่ทำเหมือนไม่รู้จักกันสำหรับตุลมันคงเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับฉันมันยาก ฉันไม่ได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนังที่ฉาย แต่กำลังจดจ่ออยู่กับคนที่นั่งข้าง ๆ ความคิดเริ่มฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานาเฮือก! รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาแตะที่ขาอ่อนทำให้สะดุ้งเฮือกตกใจสุดขีด เมื่อก้มลงมองที่ขาก็เห็นฝ่ามือใหญ่ของตุลวางอยู่ ฉันจึงรีบปัดมือเขาออก ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน เป็นคนอยากให้ฉันถอย อยากให้ฉันเลิกยุ่ง แต่ตัวเองมายุ่งซะเองเป็นแบบนี้จะให้ฉันถอยยังไง ฉันหันมามองหน้าตุลที่นั่งข้าง ๆ เขาไม่ได้มีท่าทางสนใจอย่างการกระทำเมื่อคู่ สายตาคู่นั้นจ้องมองไปตรงหน้าไม่หันมามองฉันเลยสักนิด เขาก็แค่ต้องการปั่นหัวอยู่สินะ… เด็กค
ก็อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังนั่งเหม่อทำให้สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือเฮียเฟย เมื่อประตูถูกเปิดออกเฮียก็เดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับยิงคำถามใส่“คิดอะไรอยู่ถึงไปตกลงกับพ่อว่าจะหมั้น”“หนูปฏิเสธมาตลอด ครั้งนี้ถ้าปฏิเสธพ่อคงจะผิดคำพูดกับเพื่อน อาจจะมีปัญหากัน…”“มั่นใจว่าเหตุผลนี้?” เฮียเฟยถามสวนคำพูดของฉันอย่างรู้ทัน “…” พอถูกเฮียถามฉันก็เงียบแล้วหลบสายตา เพราะเหตุผลจริง ๆ มันไม่ใช่อย่างที่พูด “ทำแบบนี้รู้ไหมว่าตัวเองเองจะแย่ ต้องหมั้นกับใครก็ไม่รู้ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักชีวิตจะเป็นยังไง”“หนูเชื่อว่าพ่อต้องหาคนดี ๆ มาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวอยู่แล้วค่ะ เฮียไม่ต้องห่วงนะ”“หน้าตามันเป็นยังไงลิลก็ไม่เคยเจอ ถ้าอยากจะหมั้นก็น่าจะนัดเจอศึกษาดูใจกันก่อน”“เอาน่าเฮีย หนูเลือกแล้ว” “ที่ลิลเลือกแบบนี้เพราะไอ้เด็กนั่น?” “…” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ อยากจะตอบไปว่าใช่ ตุลมีส่วนให้ฉันตัดสินใจแบบนี้ แต่เงียบไปแบบนี้เฮียคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ทำไมต้องยอมทำอะไรบ้า ๆ เพราะมัน”“หนูขอโทษ” “ไปบอกพ่อว่าจะไม่ยอมหมั้นแล้วกลับไปอยู่ต่างป
สนามบินวันนี้เควินต้องกลับไปต่างประเทศแล้วฉันจึงมาส่งเขาด้วยตัวเอง “ไว้เจอกันนะ” ฉันยกมือขึ้นโบกมือบ้ายบายเพื่อน“อย่าลืมล่ะถ้าพ่อบังคับให้หมั้นต้องคิดถึงฉันเป็นคนแรก ฉันยินดีหมั้นตบตาพ่อเธอนะ” “หยุดพูดไร้สาระสักที ฉันตอบตกลงกับพ่อไปแล้ว” ฉันยิ้มเจือน ๆ หลังพูดจบ เควินเองก็ขมวดคิ้วเข้มหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น “เธอจะหมั้นกับคนที่พ่อหาให้?” “อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว” “ไม่กลัวได้ผัวแก่? ถ้าเกิดไอ้นั่นอายุห้าสิบหกสิบเธอจะทำยังไง” “บ้าเหรอ” ฉันหลุดขำออกมาให้กับคำพูดของเควิน เขาตั้งใจพูดให้ขำ “ฉันยังหนุ่มยังแน่นแถมหล่อบาดใจขนาดนี้ เธอทำไมไม่เลือก”“ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่องนะ” ฉันจับเควินหันหลังแล้วผลักให้เดิน“นี่อยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอวะ นี่เพื่อนนาน ๆ จะมาหาแสดงความอาลัยอาวรณ์ที่เพื่อนจะกลับหน่อยดิ”“ไม่คิดถึงไปเลย ๆ” “เธอมันยัยใจหิน” เควินหันมาบอกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉัน “ดูแลตัวเองดี ๆ เลือกคนที่ตัวเธอรักมันดีกว่าต้องฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำ” ครั้งนี้เขาพูดจริงจังมันยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ฉันเลือกมันผิด “อื้อ ไว้ฉันจะไปหานะ ฝากบอกคิดถึงพวกนั้นด้วย^_^” เควินยิ้มก่อนจะหันหลังแล้
ตุลเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเอาแต่จ้องมองฉันราวกับคนที่มีความผิด ซึ่งตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร “ป… ปล่อยก่อนได้ไหม พี่เจ็บนะตุล” “รู้อยู่แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกล่วงหน้าจะได้ต้อนรับดีกว่านี้” ตุลกัดฟันถาม “พูดเรื่องอะไรพี่งงไปหมดแล้ว” “เรื่องหมั้น อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง” “พี่เพิ่งรู้ว่าเป็นตุลก็ตอนที่เดินเข้ามา สาบานได้”“หึ!!” เขาก้มหน้าลงแล้วหัวเราะในลำคอออกมา ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ใช่ว่านี่เป็นแผนหรอกเหรอ ทำท่าทางไม่รู้เรื่องทั้งที่รู้อยู่เต็มอก เป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือไง” “พ… พี่พูดอะไร” “พูดว่าจะบอกพ่อเรื่องนั้น ถ้าบอกพ่อคงจะให้เราหมั้นกัน เป็นอย่างที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ทำทีว่าถอยแต่มันคือแผนจะมัดมือให้ดิ้นไม่หลุด?” ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ตอนนี้เองว่าพูดคำนั้นไว้ ลืมไปสนิทเลย แต่ทำไมล่ะ ทำไมตุลถึงมั่นอกมั่นใจว่านี่คือแผนของฉัน ทำไมถึงไม่คิดว่าฉันก็ถูกบังคับมาเหมือนกัน “พี่เคยพูดแบบนั้นก็จริง แต่พี่ไม่ได้พูดกับพ่อไม่เคยบอกอะไรเลย ที่เราหมั้นกันเพราะพ่อพี่และพ่อตุลเป็นเพื่อนกันท่านสัญญา…”“มันเป็นแค่ข้ออ้างต่างหาก” เขาพูดสวนขึ้น น่าจะฟังฉันอธิบายสักนิด “ทำไมถึงคิดว่าเป็นข้ออ้างล่ะต
เมื่อทุกอย่างจบลงตุลเป็นฝ่ายเปิดประตูออกไปข้างนอกก่อน พอเขาไปแล้วฉันก็รีบปิดประตูห้องน้ำแล้วร้องไห้ออกมา การกระทำของเขามันไร้ความรักความเห็นใจ ไม่คิดเลยว่าฉันต้องเจ็บปวดเพราะชอบเขาขนาดนี้ ทำยังไงถึงจะหยุดความรู้สึกได้ ฉันอยากเกลียด ไม่อยากรู้สึกรักแบบนี้ ฉันร้องไห้อยู่พักใหญ่ก่อนจะล้างหน้าแล้วเดินกลับมาที่ห้องรับแขก เพราะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานเกินไปแล้ว “ทำไมไม่รอกลับมาพร้อมพี่ ปล่อยให้เดินกลับมาคนเดียวถ้าเกิดหลงขึ้นมา…”“ก็กลับมาถูกไม่เห็นจะหลง” ตุลพูดขัดพ่อของเขาทันที “เด็กสมัยนี้ชอบเถียงเป็นนิสัย เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” “พ่อคะ คุณลุงคะ หนูขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ” ฉันมองท่านทั้งสองก่อนจะหันมองตุล เขาดูพึงพอใจที่ฉันขัดแบบนี้ “ผู้ใหญ่กำลังคุยกันอย่าขัดสิลิล” พ่อดุฉันแต่คุณลุงยอมให้พูด “มีอะไรจะพูดก็ว่ามาสิหนูลิล” ฉันกำมือจนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูด “เรื่องหมั้นหนูขอยกเลิกได้ไหมคะ” พอพูดไปแบบนั้นทั้งพ่อและพ่อของตุลก็ต่างอึ้งกันไปเลยทั้งคู่ “เอ่อ… นี่ตาตุลไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับหนูลิลใช่ไหม” คุณลุงถามก่อนจะหันไปมองลูกชายเขม็ง แต่ตุลกลับทำตัว
อู่ซ่อมรถคิดไว้แล้วเชียวว่าต้องอยู่ที่นี่ ใช่จริง ๆ ด้วย ฉันมองตุลที่นั่งใช้แผ่นหลังพิงเสา ตอนนี้ชุดนักศึกษาของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ทั้งมุมปากและหัวคิ้วมีเลือดไหล“ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เด็กพวกนี้ทำไมถึงชอบมีเรื่องกันนัก” “มาทำไม” เสียงทุ้มที่แผ่วเบาถามฉันพร้อมกับมองด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม “นั่นสิ… พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาทำไม น่าจะปล่อยให้เจ็บตายไปซะ” ฉันกำหมัดแน่นพูดประชดตัวเองที่เป็นห่วงเด็กหนุ่มตรงหน้ามากขนาดนี้ “กลับไปซะ!” เจ็บขนาดนั้นยังจะไล่ฉันอีกหรือไง “ทำไมไม่อยู่ที่บ้านจะกลับมาที่อู่ทำไม”“เพราะบ้านมันไม่น่าอยู่” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินมาหาตุลที่เจ็บหนัก “พี่จะช่วยพยุงไปขึ้นรถ เจ็บขนาดนี้ต้องไปโรงพยาบาลนะ”“ไม่ไป”“จะไม่ไปได้ยังไง พี่จะช่วยพยุง” ฉันจะช่วยพยุงเขาขึ้นแท้ ๆ แต่ก็ถูกผลักออก “ทำไมดื้อแบบนี้นะ”“โดนทำแบบนั้นยังจะเป็นห่วงอีกรึไง โง่ชะมัด” “… ใช่พี่มันโง่ แต่พี่ขอยืนยันว่าเรื่องหมั้นมันไม่ใช่แผน พี่ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นเลิกคิดว่านั่นคือแผนสักที” ตุลไม่ตอบอะไรเขาเบือนหน้าหนี้ไปทางอื่น จากนั้นบรรยากาศก็เงียบสงัด เราทั้งคู่ไม่พูดอะไ
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ