ก็อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังนั่งเหม่อทำให้สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือเฮียเฟย เมื่อประตูถูกเปิดออกเฮียก็เดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับยิงคำถามใส่“คิดอะไรอยู่ถึงไปตกลงกับพ่อว่าจะหมั้น”“หนูปฏิเสธมาตลอด ครั้งนี้ถ้าปฏิเสธพ่อคงจะผิดคำพูดกับเพื่อน อาจจะมีปัญหากัน…”“มั่นใจว่าเหตุผลนี้?” เฮียเฟยถามสวนคำพูดของฉันอย่างรู้ทัน “…” พอถูกเฮียถามฉันก็เงียบแล้วหลบสายตา เพราะเหตุผลจริง ๆ มันไม่ใช่อย่างที่พูด “ทำแบบนี้รู้ไหมว่าตัวเองเองจะแย่ ต้องหมั้นกับใครก็ไม่รู้ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักชีวิตจะเป็นยังไง”“หนูเชื่อว่าพ่อต้องหาคนดี ๆ มาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวอยู่แล้วค่ะ เฮียไม่ต้องห่วงนะ”“หน้าตามันเป็นยังไงลิลก็ไม่เคยเจอ ถ้าอยากจะหมั้นก็น่าจะนัดเจอศึกษาดูใจกันก่อน”“เอาน่าเฮีย หนูเลือกแล้ว” “ที่ลิลเลือกแบบนี้เพราะไอ้เด็กนั่น?” “…” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ อยากจะตอบไปว่าใช่ ตุลมีส่วนให้ฉันตัดสินใจแบบนี้ แต่เงียบไปแบบนี้เฮียคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ทำไมต้องยอมทำอะไรบ้า ๆ เพราะมัน”“หนูขอโทษ” “ไปบอกพ่อว่าจะไม่ยอมหมั้นแล้วกลับไปอยู่ต่างป
สนามบินวันนี้เควินต้องกลับไปต่างประเทศแล้วฉันจึงมาส่งเขาด้วยตัวเอง “ไว้เจอกันนะ” ฉันยกมือขึ้นโบกมือบ้ายบายเพื่อน“อย่าลืมล่ะถ้าพ่อบังคับให้หมั้นต้องคิดถึงฉันเป็นคนแรก ฉันยินดีหมั้นตบตาพ่อเธอนะ” “หยุดพูดไร้สาระสักที ฉันตอบตกลงกับพ่อไปแล้ว” ฉันยิ้มเจือน ๆ หลังพูดจบ เควินเองก็ขมวดคิ้วเข้มหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น “เธอจะหมั้นกับคนที่พ่อหาให้?” “อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว” “ไม่กลัวได้ผัวแก่? ถ้าเกิดไอ้นั่นอายุห้าสิบหกสิบเธอจะทำยังไง” “บ้าเหรอ” ฉันหลุดขำออกมาให้กับคำพูดของเควิน เขาตั้งใจพูดให้ขำ “ฉันยังหนุ่มยังแน่นแถมหล่อบาดใจขนาดนี้ เธอทำไมไม่เลือก”“ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่องนะ” ฉันจับเควินหันหลังแล้วผลักให้เดิน“นี่อยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอวะ นี่เพื่อนนาน ๆ จะมาหาแสดงความอาลัยอาวรณ์ที่เพื่อนจะกลับหน่อยดิ”“ไม่คิดถึงไปเลย ๆ” “เธอมันยัยใจหิน” เควินหันมาบอกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉัน “ดูแลตัวเองดี ๆ เลือกคนที่ตัวเธอรักมันดีกว่าต้องฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำ” ครั้งนี้เขาพูดจริงจังมันยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ฉันเลือกมันผิด “อื้อ ไว้ฉันจะไปหานะ ฝากบอกคิดถึงพวกนั้นด้วย^_^” เควินยิ้มก่อนจะหันหลังแล้
ตุลเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเอาแต่จ้องมองฉันราวกับคนที่มีความผิด ซึ่งตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร “ป… ปล่อยก่อนได้ไหม พี่เจ็บนะตุล” “รู้อยู่แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกล่วงหน้าจะได้ต้อนรับดีกว่านี้” ตุลกัดฟันถาม “พูดเรื่องอะไรพี่งงไปหมดแล้ว” “เรื่องหมั้น อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง” “พี่เพิ่งรู้ว่าเป็นตุลก็ตอนที่เดินเข้ามา สาบานได้”“หึ!!” เขาก้มหน้าลงแล้วหัวเราะในลำคอออกมา ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ใช่ว่านี่เป็นแผนหรอกเหรอ ทำท่าทางไม่รู้เรื่องทั้งที่รู้อยู่เต็มอก เป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือไง” “พ… พี่พูดอะไร” “พูดว่าจะบอกพ่อเรื่องนั้น ถ้าบอกพ่อคงจะให้เราหมั้นกัน เป็นอย่างที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ทำทีว่าถอยแต่มันคือแผนจะมัดมือให้ดิ้นไม่หลุด?” ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ตอนนี้เองว่าพูดคำนั้นไว้ ลืมไปสนิทเลย แต่ทำไมล่ะ ทำไมตุลถึงมั่นอกมั่นใจว่านี่คือแผนของฉัน ทำไมถึงไม่คิดว่าฉันก็ถูกบังคับมาเหมือนกัน “พี่เคยพูดแบบนั้นก็จริง แต่พี่ไม่ได้พูดกับพ่อไม่เคยบอกอะไรเลย ที่เราหมั้นกันเพราะพ่อพี่และพ่อตุลเป็นเพื่อนกันท่านสัญญา…”“มันเป็นแค่ข้ออ้างต่างหาก” เขาพูดสวนขึ้น น่าจะฟังฉันอธิบายสักนิด “ทำไมถึงคิดว่าเป็นข้ออ้างล่ะต
เมื่อทุกอย่างจบลงตุลเป็นฝ่ายเปิดประตูออกไปข้างนอกก่อน พอเขาไปแล้วฉันก็รีบปิดประตูห้องน้ำแล้วร้องไห้ออกมา การกระทำของเขามันไร้ความรักความเห็นใจ ไม่คิดเลยว่าฉันต้องเจ็บปวดเพราะชอบเขาขนาดนี้ ทำยังไงถึงจะหยุดความรู้สึกได้ ฉันอยากเกลียด ไม่อยากรู้สึกรักแบบนี้ ฉันร้องไห้อยู่พักใหญ่ก่อนจะล้างหน้าแล้วเดินกลับมาที่ห้องรับแขก เพราะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานเกินไปแล้ว “ทำไมไม่รอกลับมาพร้อมพี่ ปล่อยให้เดินกลับมาคนเดียวถ้าเกิดหลงขึ้นมา…”“ก็กลับมาถูกไม่เห็นจะหลง” ตุลพูดขัดพ่อของเขาทันที “เด็กสมัยนี้ชอบเถียงเป็นนิสัย เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” “พ่อคะ คุณลุงคะ หนูขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมคะ” ฉันมองท่านทั้งสองก่อนจะหันมองตุล เขาดูพึงพอใจที่ฉันขัดแบบนี้ “ผู้ใหญ่กำลังคุยกันอย่าขัดสิลิล” พ่อดุฉันแต่คุณลุงยอมให้พูด “มีอะไรจะพูดก็ว่ามาสิหนูลิล” ฉันกำมือจนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูด “เรื่องหมั้นหนูขอยกเลิกได้ไหมคะ” พอพูดไปแบบนั้นทั้งพ่อและพ่อของตุลก็ต่างอึ้งกันไปเลยทั้งคู่ “เอ่อ… นี่ตาตุลไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับหนูลิลใช่ไหม” คุณลุงถามก่อนจะหันไปมองลูกชายเขม็ง แต่ตุลกลับทำตัว
อู่ซ่อมรถคิดไว้แล้วเชียวว่าต้องอยู่ที่นี่ ใช่จริง ๆ ด้วย ฉันมองตุลที่นั่งใช้แผ่นหลังพิงเสา ตอนนี้ชุดนักศึกษาของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ทั้งมุมปากและหัวคิ้วมีเลือดไหล“ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เด็กพวกนี้ทำไมถึงชอบมีเรื่องกันนัก” “มาทำไม” เสียงทุ้มที่แผ่วเบาถามฉันพร้อมกับมองด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม “นั่นสิ… พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมาทำไม น่าจะปล่อยให้เจ็บตายไปซะ” ฉันกำหมัดแน่นพูดประชดตัวเองที่เป็นห่วงเด็กหนุ่มตรงหน้ามากขนาดนี้ “กลับไปซะ!” เจ็บขนาดนั้นยังจะไล่ฉันอีกหรือไง “ทำไมไม่อยู่ที่บ้านจะกลับมาที่อู่ทำไม”“เพราะบ้านมันไม่น่าอยู่” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินมาหาตุลที่เจ็บหนัก “พี่จะช่วยพยุงไปขึ้นรถ เจ็บขนาดนี้ต้องไปโรงพยาบาลนะ”“ไม่ไป”“จะไม่ไปได้ยังไง พี่จะช่วยพยุง” ฉันจะช่วยพยุงเขาขึ้นแท้ ๆ แต่ก็ถูกผลักออก “ทำไมดื้อแบบนี้นะ”“โดนทำแบบนั้นยังจะเป็นห่วงอีกรึไง โง่ชะมัด” “… ใช่พี่มันโง่ แต่พี่ขอยืนยันว่าเรื่องหมั้นมันไม่ใช่แผน พี่ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นเลิกคิดว่านั่นคือแผนสักที” ตุลไม่ตอบอะไรเขาเบือนหน้าหนี้ไปทางอื่น จากนั้นบรรยากาศก็เงียบสงัด เราทั้งคู่ไม่พูดอะไ
ฉันขมวดคิ้วมองหน้าตุลอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่เขาห้าม ทำเอาเงียบไปครู่หนึ่งพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ “ตุลห้ามพี่ชอบผู้ชายคนอื่น มันหมายความว่ายังไงเหรอ” “หมายความว่าอย่างที่พูด” ร่างหนาลุกขึ้นไปจากตัวของฉัน ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “ช่วยพูดให้พี่เข้าใจอะไรมากกว่านี้ได้หรือเปล่า” คนที่ถูกถามเปิดประตูออกไปจากห้องเฉยเลย สุดท้ายฉันก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าเพราะอะไรถึงห้ามแบบนั้น ฉันว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องของความรู้สึก อย่างที่ฉันชอบตุลมันไม่สามารถห้ามกันได้ ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องมาที่รถ ตอนนี้ตุลกำลังยืนสูบบุหรี่และกดโทรศัพท์อยู่เขาไม่ได้สนใจฉันที่กำลังจะกลับ คนอุตส่าห์มาช่วยคำว่าขอบคุณก็ไม่มี ตอนนี้สถานะของเราคือพี่น้องเขาน่าจะแสดงความจริงใจกับพี่สาวคนนี้สักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ ตุลก็คือตุล เขาเป็นผู้ชายที่เย็นชา วันต่อมา ฉันเข้าบริษัทพร้อมกับเฮีย ตอนนี้กำลังเล่นแอปหาคู่เพราะไม่รู้ว่าจะไปหาผู้ชายมาตบตาพ่อจากที่ไหน “ทำอะไรอยู่” เฮียเฟยถาม“กำลังนัดบอดน่ะเฮีย” “นัดบอด?” เฮียขมวดคิ้วสงสัยกับคำตอบของฉัน “ค่ะ หนูจะหาผู้ชายมาตบตาพ่อ พ่อจะได้ไม
ไนท์น้องชายเพื่อนเฮียที่จะช่วยตบตาเป็นแฟนหลอก ๆ ให้ ส่งร้านอาหารมาให้ในแชต เป็นร้านที่ฉันชอบไปกิน เหมือนเขารู้ว่าฉันชอบร้านนี้ ไนท์: ไปร้านนี้นะครับ ฉัน: อื้อ ตอนเย็นเจอกันนะ ไนท์: ผมตั้งตารอเจอพี่แล้วครับ บทสนทนาจบลงแค่นี้ ฉันทำงานที่กองบนโต๊ะต่อ ช่วงนี้จริงจังกับการช่วยงานเฮียมากขึ้น เหตุผลเพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ ให้สมองมันคิดฟุ้งซ่าน ติ๊ง~ แชตจากกันเพื่อนของตุลเด้งเข้ามาในมือถือ ฉันจึงรีบกดดู กัน: ผมมาต่างจังหวัดกับครอบครัวครับพี่ ไอ้อลันก็กลับบ้านไปหาพ่อมัน ตอนนี้ไม่มีใครว่างซื้อยาไปให้ไอ้ตุลเลยสักคน ฉัน: เดี๋ยวเขาคงบอกให้คนในครอบครัวซื้อให้เองนั่นแหละ ช่างเถอะ กัน: ผมว่าไม่นะครับ ไอ้ตุลมันไม่เคยขอความช่วยเหลืออะไรจากทางบ้าน พี่ซื้อไปให้มันหน่อยก็ดี ฉันไม่ตอบกลับอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเพื่อนของตุลรู้เรื่องที่เขาเจอทำร้ายเมื่อคืนหรือเปล่า ดูท่าน่าจะยัง #ตอนเย็น ถึงเวลาที่ฉันนัดไนท์เอาไว้ การเจอกันวันนี้แค่พูดคุยทำความรู้จักกันก่อนจะเริ่มแผนหลอกพ่อ ฉันจะให้คนมาคอยถ่ายภาพทำเหมือนแอบถ่ายด้วย แล้วเอาภาพพวกนั้นไปให้พ่อของตุล พอท่านเห็นคงไม่อยากจะได้ฉันเป็นสะใภ้แน่ ๆ ฉันยอมเ
ให้หลังจากที่ตุลเดินไป ไนท์ก็เดินกลับมานั่งที่เดิม เป็นจังหวะที่พนักงานเดินเอาอาหารมาเสริฟให้พอดี “คู่หมั้นพี่ลิลดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบผมนะครับ” “เขาเป็นคนเข้ากับคนอื่นยากน่ะ” “พี่ลิลรู้จักเขาดีจัง” “…” พอถูกถามกลับมาแบบนั้นทำให้ฉันเงียบไปไม่เป็น ก่อนจะหยิบช้อนมาตักอาหารกินกลบเกลื่อนคำตอบ “ผมว่าเขาอาจจะไม่อยากถอนหมั้น ถึงได้จ้องหน้าผมแบบนั้น”“กินข้าวกันดีกว่านะไนท์ เดี๋ยวพี่ต้องรีบกลับบ้าน” “ขอโทษนะครับถ้าผมพูดเยอะไป” เหมือนไนท์จะรู้สึกผิด เขาพูดมากจริง ๆ บางเรื่องฉันก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงฉันพยักหน้าก่อนที่เราสองคนจะนั่งกินอาหารกันเงียบ ๆ จู่ ๆ สมองก็คิดถึงคำพูดของตุลขึ้นมา เขาบอกว่าไม่ได้เอารถมาแล้วจะกลับยังไงนะ ช่างสิ! ไม่เห็นต้องสนใจเลย เขาปากร้ายได้แปลว่าคงไม่เป็นอะไรมากหรอกก่อนแยกกันฉันนัดกับไนท์ว่าพรุ่งนี้เราจะมาไปเดินห้างด้วยกัน ทำอะไร ๆ แบบที่คู่รักเขาทำกัน เรื่องจ้างคนมาทำเหมือนแอบถ่ายรูปเดี๋ยวฉันจะขอให้เฮียจัดการให้ #บ้าน “ทำไมถึงไม่บอกว่าไอ้เด็กนั่นคือคู่หมั้นของลิล ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเป็นมัน” เฮียเดินมาถามหน้าขรึม ไม่รู้ว่าเฮียไปรู้เรื่องนี้มาจากใคร “หนูไม่รู้