ลลิลชื่อของฉันมันช่างใสซื่อ ต่างจากนิสัยสิ้นเชิง ถ้าเราได้ตกหลุมรักใครสักคน ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเจอกับอะไรก็พร้อมจะเสี่ยงทั้งนั้น “ลิลจะออกไปไหน ?” เสียงของพี่ชายเพียงคนเดียวของฉันท้วงขึ้นมา เฮียเฟยคือพี่ชายที่ดูแลฉันดีมากๆ “หนูจะไปอู่น่ะเฮีย ^_^” “ไปอู่ ?” เฮียเฟยขมวดคิ้วก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้า แล้วถามต่อ “ถามกี่ครั้งก็ไปอู่ ไปทำไมบ่อยขนาดนั้น”“รถเสียค่ะ”“จะเสียได้ยังไงเฮียเพิ่งจะออกคันใหม่ให้ไม่กี่เดือนนี้เองนะ”“เอาน่าเฮีย ต้องรีบไปทำงานใช่ไหมคะ ไปสิไปเร็วๆ เลย” ฉันดันตัวเฮียให้เดินออกไปจากบ้านถูกสายตาของเฮียมองค้อนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บ้านหลังนี้ฉันอยู่กับเฮียเฟยสองคน ส่วนคุณพ่ออยู่ที่ต่างประเทศ ดูแลบริษัทที่นั่นและมอบหมายให้เฮียดูแลธุรกิจที่ไทย ส่วนฉันก็อยู่ในขั้นตอนการศึกษางานที่บริษัท แต่เอาตามความจริงฉันแทบจะไม่ได้เข้าบริษัทเลยตั้งแต่กลับมาไทย ส่วนมากจะไปที่อู่ซ่อมรถน่ะ คงสงสัยใช่ไหมล่ะว่าไปทำไมที่อู่ ก็เพราะหัวใจของฉันอยู่ที่นั่นยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันกำลังตามจีบเด็กคนนึง เขาเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งชื่อตุลอยู่ เขาเป็นเพื่อนแฟนยัยแพรเพื่อนของฉัน ครั้งแรกที่ได้เจอกันเขามาปา
ฉันเปิดประตูลงมาจากรถด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดแต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มให้กับกระจกรถของตุลให้เขาเห็นว่าฉันน่ะโอเค แค่โดนไล่ลงจากรถไม่เห็นจะเป็นอะไร “ขับรถดีๆ นะ ^_^” ฉันโบกมือให้กับกระจกรถสีดำสนิท พอรถของตุลขับห่างออกไปฉันก็ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการเตะเข้าไปที่ถังขยะแรงๆ โดยลืมคิดว่ามันสกปรกแค่ไหน “คอยดูเถอะไอ้เด็กบ้า! เห็นว่าฉันชอบแล้วจะปล่อยทิ้งปล่อยขว้างที่ไหนก็ได้หรือไง” “ไปไหนดีครับ” พี่แท็กซี่เดินมาถามฉัน“ไม่ไปไหนทั้งนั้น จะให้คนขับรถที่บ้านมารับเข้าใจนะ” ฉันบอกคนขับแท็กซี่จากนั้นก็เดินห่างออกมา ตรงนี้มีแต่ผู้ชายท่าทางน่ากลัวๆ กล้าปล่อยผู้หญิงสวยๆ แบบฉันไว้ได้ยังไง ไม่ชอบก็น่าจะเป็นห่วงกันบ้างสิ รอไม่นานหลังจากที่โทรบอกให้คนขับรถมารับ ฉันสั่งให้คนขับรถพามาที่คลับของเฮียเฟยเพราะปกติเป็นคนนอนดึก การมาคลับถือว่าได้ผ่อนคลายอารมณ์ที่อึดอัดในใจ ฉันไม่มีเพื่อนสมัยเรียนเลยสักคนที่ไทย เพื่อนส่วนมากจะเป็นต่างชาติเพราะฉันเรียนที่นู้น มีแค่แพรที่เป็นเพื่อนที่รู้จักกันแต่ตอนนี้แพรมีแฟนแล้วฉันก็ไม่อยากรบกวน“ทำไมไม่โทรมาบอกเฮียก่อนว่าจะมา” เฮียเฟยเดินมาหาฉันที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะวีไอพี“หนูกลัวว่า
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าตุลน่ากลัว เขาพูดคำนั้นออกมาด้วยท่าทางที่สุดแสนจะเย็นชา “พ…พี่” ฉันกำชายกระโปรงแน่น มันยากที่จะตัดสินใจกระทันหันถึงแม้ว่าจะชอบเขามากขนาดไหนก็ตามตุลไม่ได้รอฟังคำตอบเขาหันหลังให้ฉันแล้วเดินไปที่รถ เปิดประตูค้นหาของบางอย่าง “หาอะไร หะ ให้พี่ช่วยหาไหม” พอถามตุลก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองฉันแล้วพูด “หาถุงยาง” “อ…เอาไปทำไม” หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินว่าเขากำลังหาอะไร “เอาไปเป่าเล่นมั้ง ถามไม่คิด” “…….” ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ฉันกลับหวงเขามากๆ “เรื่องที่ตุลบอกพี่ขอคิดดูก่อนได้ไหม” “ไม่ได้บังคับ” เขาหันหน้ากลับไปค้นหาของต่อ “พี่อยากให้ตุลเปิดใจมากกว่าคิดเรื่องแบบนั้นนะ” “หยุดพูด รำคาญ!” เขาตวาดบอกทั้งที่ยังไม่หันหน้ามา “ตุลจะเอาหาถุงยางอนามัยไปใช้กับใครหรอ” “ยุ่ง!!” เขาพูดอย่างหงุดหงิด ฉันได้แต่นิ่งยืนมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่ใหญ่ มองจนตุลหาของสิ่งนั้นเจอ เขาปิดประตูรถแล้วเดินมาหาฉันก่อนจะชูกล่องถุงยางอนามัยขึ้นตรงหน้า “อยากใช้ไหม ?” “ม…ไม่” “ชอบสด อ่า! มันคงไม่แปลกอายุขนาดนี้แล้วประสบการณ์คงจะโชกโชน” “
ฉันสะดุ้งกับน้ำเสียงที่ตุลตวาดแต่ก็ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ เพราะไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนบวกกับรู้สึกผิดด้วย“เดี๋ยวฉันซื้อกรอบรูปใหม่ให้ก็ได้ นายอย่าโกรธขนาดนั้นสิ” มันเจ็บที่เห็นว่าตุลอาลัยอาวรณ์กรอบรูปขนาดนั้นถึงแม้ฉันจะเป็นคนผิดก็เถอะ “ซื้อให้ใหม่ ?” ตุลเงยหน้ามาก่อนที่เขาจะยืนขึ้น พรึบ! ฝ่ามือใหญ่กระชากแขนของฉันจนตัวปลิว เริ่มรู้สึกเจ็บแผลที่เท้าขึ้นมาแล้วตอนนี้ “ต..ตุลพี่เจ็บ” ฉันพยายามแกะแขนตัวเองออกจากมือของตุลแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขากำแน่นมากๆ “ชอบให้เงินแก้ปัญหามากเลยว่างั้น ?”“ป…เปล่าพี่ไม่ได้คิดแบบนั้น” “รู้ตัวไหมว่าน่ารำคาญมากขนาดไหน เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งสักทีวะ!!” ตุลตะคอกใส่หน้าฉันเสียงดังลั่น เขาน่ากลัวมากๆ จนฉันสั่นไปทั้งตัว “รู้สิ พี่รู้ว่าตัวเองน่ารำคาญขนาดไหน เพราะตุลพูดคำนี้แทบทุกครั้งที่เราเจอกัน”คำว่ารำคาญฉันได้ยินจากปากของผู้ชายคนนี้จนชินแล้ว มันก็จริงนั่นแหละฉันมันน่ารำคาญ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อหัวใจมันชอบไปแล้ว “ถ้ารู้ตัวเองดีก็อย่ามายุ่ง อย่าโผล่หน้ามาให้เห็น!!” “ตุลไม่ชอบพี่พี่ก็เข้าใจนะ แต่ไม่เข้าใจที่ตุลยังรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ทั้งที่เธอเป็นฝ
คำถามของฉันทำให้ตุลชะงักแต่ไม่ตอบอะไร ถ้าเขาตกลงฉันก็พร้อมจะเสี่ยง แต่นี่แค่พูดให้มั่นใจยังไม่ทำเลย“ปล่อยพี่” ฉันดิ้นอีกครั้ง “ถ้าเจอคนที่ไม่ชอบจะยอมเปิดใจรึเปล่า ?” คำถามนี้ทำเอาฉันจุกในอก ถ้าเกิดว่าเจอคนที่ไม่ชอบก็คงจะไม่สนใจอย่างที่ตุลทำในตอนนี้ “ถ้าพี่เลิกทำตัวน่ารำคาญล่ะตุลจะหันมาสนใจหรือเปล่า” ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจจะทำให้เขารำคาญมากเกินไป แล้วถ้าฉันลดความน่ารำคาญลงล่ะ “ฝัน ?” มันเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาแต่สามารถทำให้คนฟังอย่างฉันจุกเสียดจนพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดฉันกำลังหลงอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองที่ฟุ้งซ่าน รู้ตัวอีกทีใบหน้าคมคายของตุลก็ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคออีกแล้ว “ต…ตุลหยุดนะพี่ไม่…อื้อ~” น้ำเสียงของฉันมันขาดหายไปเมื่อถูกริมฝีปากหนาบดขยี้จูบ เขาทั้งดูดและกัดริมฝีปากของฉันจนรู้สึกชาหนึบ “อื้อ~” ฉันใช้เสียงท้วงและดิ้นสู้ ในเมื่อไม่มีความมั่นใจอะไรเลยใครจะอยากยอมกันล่ะ มือสากลูบไล้บริเวณสะโพกของฉันแล้วเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก เขาบีบขยำหน้าอกของฉันอย่างแรง แรงจนคิดว่าหน้าอกมันหลุดติดมือไปแล้ว “อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ฉันร้องท้วงในลำคอเพราะหายใจไ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันอยู่บ้านเพื่อทบทวนตัวเองและรักษาแผลที่เท้าจนหายดี ที่ต้องทบทวนคือทบทวนความรู้สึก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงชอบตุลมากขนาดนั้นและไม่เข้าใจว่าทำไมตุลถึงได้ตั้งท่ารังเกียจฉันขนาดนั้น คำตอบที่ได้สำหรับฉันยังคงเหมือนเดิม มันคือรักแรกพบ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะถอดใจ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลองแล้วแต่ก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะร้ายกาจแถมยังเคยเกือบจะเขมือบฉันก็ตาม “ไม่ออกไปอู่ ?” เฮียเฟยกำลังจะออกไปทำงานเห็นฉันอยู่ที่บ้านก็เลยเดินมาถาม จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเฮียถามหรอก อาทิตย์ที่ผ่านมาเฮียถามฉันทุกวันว่าไม่ไปอู่หรอ คงเป็นเพราะฉันไปบ่อยมากๆ พอไม่ไปเลยผิดปกติ“จะให้หนูไปทุกวันเลยหรอเฮีย” “ก็เห็นไปทุกวัน”“…ถ้าคนนั้นเขาถามแบบที่เฮียถามคงจะดี” ฉันพูดไปอย่างเหม่อลอย คนนั้นที่ว่าคือตุล การที่ฉันหายหน้าไปแบบนี้เขาจะคิดถึงบ้างหรือเปล่านะ เฮ้อ! ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกคำตอบนี้ฉันรู้ดีในใจ เฮียออกไปทำงานแล้วส่วนฉันก็นั่งๆ นอนๆ มันรู้สึกเบื่อไปหมด อยากจะออกไปเจอหน้าตุลแต่ภาพนั้นยังติดตา กลัวจะมองหน้าไม่ติด แถมเขายังทิ้งความร้ายกาจไว้อีกด้วย
ฉันยืนเงียบอยู่นานสองนาน ส่วนตุลก็เอาแต่มองฉันจนเขาหันหลังเดินไปซ่อมรถต่อ “พี่ขอนั่งอยู่ต่อสักพักนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกตุลแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจึงเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิมผ่านไปครู่ใหญ่เห็นว่าตุลไม่ได้กินน้ำเลยฉันจึงถือวิสาสะเอาน้ำไปให้เขาเพราะความเป็นห่วง “กินน้ำก่อนไหม”“ไม่หิว” ไม่ต้องคิดอะไรมากหลังจากที่ฉันพูดจบเขาก็รีบตอบสวนกลับมา “พี่เห็นตุลไม่ได้กินน้ำเลย…”“ถ้าหิวเดี๋ยวเดินไปกินเอง” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ กับตุลที่กำลังซ่อมรถอยู่ “พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง “ไม่ว่าง” “ไม่ว่างหรือเป็นเพราะพี่ตุลถึงไม่อยากคุยด้วย”ตุลหยุดซ่อมรถแล้วหันมามองฉัน ก่อนจะพูด “รู้ขนาดนี้แล้วจะถามทำไม” “… แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมตุลถึงไม่ชอบพี่” ฉันถามคำนี้ออกไปจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ก็แค่อยากรู้เหตุผลที่เป็นเหตุผลจริง ๆ เท่านั้นเอง “ไม่ชอบคือไม่ชอบ ต้องมีเหตุผล?” เป็นคำตอบที่เลือดเย็นทำให้ฉันเจ็บจนจุกไปทั่วทั้งอก “นั่นสินะ ไม่ชอบแล้วทำไมต้องมีเหตุผล” ฉันทวนคำพูดของตุลเบา ๆ แล้วถามต่อ “ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมถึงชอบพูดถึงเรื่
พอฉันชวนไปคุยในห้องตุลก็เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง “พี่ขอไปรอตุลที่ห้องนะ” พอฉันจะเดินไปตุลก็พูดขึ้น “มีอะไรก็คุยตรงนี้จะไปคุยที่ห้องเพื่อ?”พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ชะงัก คิดว่าตุลจะเข้าใจที่พูดแต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดูท่าจะรำคาญมากกว่า “ดื่มด้วยกันไหมพี่” เพื่อนของตุลพูดชวน เขาคงเห็นว่าฉันเงียบไปจึงถาม “พี่ดื่มมาแล้ว” “ดื่มมาแล้วก็ดื่มอีกได้ มานั่งก่อน ๆ” เขาดูเป็นมิตรมาก ๆ อยากให้ตุลเป็นแบบนี้จัง “พี่อยากคุยกับตุลมากกว่า”“ถ้าอยากคุยก็นั่งรอก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่ว่าง” ตุลตอบอย่างไร้เยื่อใย “มึงก็คุยกับพี่เขาก่อนดิวะไอ้ตุลจะให้นั่งรอทำไมกว่ามึงจะเลิกแดกคงเช้าพอดี”“รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็กลับ” ตุลบอกเพื่อนก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ได้บังคับ” “อื้อ พี่รอได้” ฉันเม้มปากแน่นแล้วมองหาที่นั่ง เห็นมุมหนึ่งพอนั่งได้อยู่จึงเดินมานั่ง ที่ไม่นั่งร่วมโต๊ะกับตุลเพราะกลัวเขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ทำไมฉันต้องอยากชนะใจคนเย็นชาแบบนี้ด้วยนะ ยิ่งเห็นท่าทางเมินเฉยของเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากชนะใจเขามากขึ้น รู้ว่าท้าทายคนอย่างตุลมันอั