คำถามของฉันทำให้ตุลชะงักแต่ไม่ตอบอะไร ถ้าเขาตกลงฉันก็พร้อมจะเสี่ยง แต่นี่แค่พูดให้มั่นใจยังไม่ทำเลย“ปล่อยพี่” ฉันดิ้นอีกครั้ง “ถ้าเจอคนที่ไม่ชอบจะยอมเปิดใจรึเปล่า ?” คำถามนี้ทำเอาฉันจุกในอก ถ้าเกิดว่าเจอคนที่ไม่ชอบก็คงจะไม่สนใจอย่างที่ตุลทำในตอนนี้ “ถ้าพี่เลิกทำตัวน่ารำคาญล่ะตุลจะหันมาสนใจหรือเปล่า” ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจจะทำให้เขารำคาญมากเกินไป แล้วถ้าฉันลดความน่ารำคาญลงล่ะ “ฝัน ?” มันเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาแต่สามารถทำให้คนฟังอย่างฉันจุกเสียดจนพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัดฉันกำลังหลงอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองที่ฟุ้งซ่าน รู้ตัวอีกทีใบหน้าคมคายของตุลก็ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคออีกแล้ว “ต…ตุลหยุดนะพี่ไม่…อื้อ~” น้ำเสียงของฉันมันขาดหายไปเมื่อถูกริมฝีปากหนาบดขยี้จูบ เขาทั้งดูดและกัดริมฝีปากของฉันจนรู้สึกชาหนึบ “อื้อ~” ฉันใช้เสียงท้วงและดิ้นสู้ ในเมื่อไม่มีความมั่นใจอะไรเลยใครจะอยากยอมกันล่ะ มือสากลูบไล้บริเวณสะโพกของฉันแล้วเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก เขาบีบขยำหน้าอกของฉันอย่างแรง แรงจนคิดว่าหน้าอกมันหลุดติดมือไปแล้ว “อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ฉันร้องท้วงในลำคอเพราะหายใจไ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันอยู่บ้านเพื่อทบทวนตัวเองและรักษาแผลที่เท้าจนหายดี ที่ต้องทบทวนคือทบทวนความรู้สึก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงชอบตุลมากขนาดนั้นและไม่เข้าใจว่าทำไมตุลถึงได้ตั้งท่ารังเกียจฉันขนาดนั้น คำตอบที่ได้สำหรับฉันยังคงเหมือนเดิม มันคือรักแรกพบ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะถอดใจ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลองแล้วแต่ก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะร้ายกาจแถมยังเคยเกือบจะเขมือบฉันก็ตาม “ไม่ออกไปอู่ ?” เฮียเฟยกำลังจะออกไปทำงานเห็นฉันอยู่ที่บ้านก็เลยเดินมาถาม จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเฮียถามหรอก อาทิตย์ที่ผ่านมาเฮียถามฉันทุกวันว่าไม่ไปอู่หรอ คงเป็นเพราะฉันไปบ่อยมากๆ พอไม่ไปเลยผิดปกติ“จะให้หนูไปทุกวันเลยหรอเฮีย” “ก็เห็นไปทุกวัน”“…ถ้าคนนั้นเขาถามแบบที่เฮียถามคงจะดี” ฉันพูดไปอย่างเหม่อลอย คนนั้นที่ว่าคือตุล การที่ฉันหายหน้าไปแบบนี้เขาจะคิดถึงบ้างหรือเปล่านะ เฮ้อ! ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกคำตอบนี้ฉันรู้ดีในใจ เฮียออกไปทำงานแล้วส่วนฉันก็นั่งๆ นอนๆ มันรู้สึกเบื่อไปหมด อยากจะออกไปเจอหน้าตุลแต่ภาพนั้นยังติดตา กลัวจะมองหน้าไม่ติด แถมเขายังทิ้งความร้ายกาจไว้อีกด้วย
ฉันยืนเงียบอยู่นานสองนาน ส่วนตุลก็เอาแต่มองฉันจนเขาหันหลังเดินไปซ่อมรถต่อ “พี่ขอนั่งอยู่ต่อสักพักนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกตุลแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจึงเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิมผ่านไปครู่ใหญ่เห็นว่าตุลไม่ได้กินน้ำเลยฉันจึงถือวิสาสะเอาน้ำไปให้เขาเพราะความเป็นห่วง “กินน้ำก่อนไหม”“ไม่หิว” ไม่ต้องคิดอะไรมากหลังจากที่ฉันพูดจบเขาก็รีบตอบสวนกลับมา “พี่เห็นตุลไม่ได้กินน้ำเลย…”“ถ้าหิวเดี๋ยวเดินไปกินเอง” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ กับตุลที่กำลังซ่อมรถอยู่ “พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง “ไม่ว่าง” “ไม่ว่างหรือเป็นเพราะพี่ตุลถึงไม่อยากคุยด้วย”ตุลหยุดซ่อมรถแล้วหันมามองฉัน ก่อนจะพูด “รู้ขนาดนี้แล้วจะถามทำไม” “… แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมตุลถึงไม่ชอบพี่” ฉันถามคำนี้ออกไปจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ก็แค่อยากรู้เหตุผลที่เป็นเหตุผลจริง ๆ เท่านั้นเอง “ไม่ชอบคือไม่ชอบ ต้องมีเหตุผล?” เป็นคำตอบที่เลือดเย็นทำให้ฉันเจ็บจนจุกไปทั่วทั้งอก “นั่นสินะ ไม่ชอบแล้วทำไมต้องมีเหตุผล” ฉันทวนคำพูดของตุลเบา ๆ แล้วถามต่อ “ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมถึงชอบพูดถึงเรื่
พอฉันชวนไปคุยในห้องตุลก็เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง “พี่ขอไปรอตุลที่ห้องนะ” พอฉันจะเดินไปตุลก็พูดขึ้น “มีอะไรก็คุยตรงนี้จะไปคุยที่ห้องเพื่อ?”พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ชะงัก คิดว่าตุลจะเข้าใจที่พูดแต่เหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ดูท่าจะรำคาญมากกว่า “ดื่มด้วยกันไหมพี่” เพื่อนของตุลพูดชวน เขาคงเห็นว่าฉันเงียบไปจึงถาม “พี่ดื่มมาแล้ว” “ดื่มมาแล้วก็ดื่มอีกได้ มานั่งก่อน ๆ” เขาดูเป็นมิตรมาก ๆ อยากให้ตุลเป็นแบบนี้จัง “พี่อยากคุยกับตุลมากกว่า”“ถ้าอยากคุยก็นั่งรอก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่ว่าง” ตุลตอบอย่างไร้เยื่อใย “มึงก็คุยกับพี่เขาก่อนดิวะไอ้ตุลจะให้นั่งรอทำไมกว่ามึงจะเลิกแดกคงเช้าพอดี”“รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็กลับ” ตุลบอกเพื่อนก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ได้บังคับ” “อื้อ พี่รอได้” ฉันเม้มปากแน่นแล้วมองหาที่นั่ง เห็นมุมหนึ่งพอนั่งได้อยู่จึงเดินมานั่ง ที่ไม่นั่งร่วมโต๊ะกับตุลเพราะกลัวเขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ทำไมฉันต้องอยากชนะใจคนเย็นชาแบบนี้ด้วยนะ ยิ่งเห็นท่าทางเมินเฉยของเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากชนะใจเขามากขึ้น รู้ว่าท้าทายคนอย่างตุลมันอั
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเปิดวิดีโอ ก่อนจะใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหามุมที่พอจะตั้งกล้องแล้วไม่ผิดสังเกตได้เมื่อมองเห็นว่ามุมตรงนั้นมันไม่เป็นที่จับสังเกตก็รีบเอากล้องไปตั้ง ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อกันเอาไว้เพราะหลังจากคืนนี้ไม่รู้ว่าตุลจะเป็นยังไง การมีคลิปฉันสามารถใช้ข่มขู่เขาได้ เข้าข่ายแบล็กเมลใช่ไหมล่ะ มันก็ประมาณนั้นนั้นแหละ … ครั้งแรกของฉันมันดูไม่โรแมนติกอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลย แต่ทั้งหมดนี้ฉันเลือกให้มันเกิดขึ้นเองหลังจากตั้งกล้องเสร็จฉันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงแบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ทั้งที่ตุลบอกเอาไว้ว่าขอแค่ครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ แต่นี่มันเกือบจะเช้าแล้ว ด้วยความที่มันนานเกินไปฉันจึงลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะเปิดประตูออกไปดูว่าตุลยังดื่มกับเพื่อนอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาหนีไปแล้ว จู่ ๆ ประตูห้องกูถูกเปิดเข้ามาซะก่อน ตุลขมวดคิ้วเข้มมองฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู ฉันจึงรีบพูดขึ้น “พี่จะออกไปดูว่าตุลดื่มเสร็จหรือยังน่ะ” “รีบมากขนาดนั้น?”“ป… เปล่าพี่ไม่ได้รีบ ก็… ก็ตุลพูดเองว่าขอครึ่งชั่วโมงแต่นี่มันผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วพี่แค่จะไปดู” ฉันเม้มปาก
ฉันพยายามคิดว่าจะทำยังไงให้ตุลเลิกสนใจเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ จึงรีบลุกขึ้นแต่พอลุกขึ้นมันก็เจ็บร้าวตรงกลางระหว่างขาจนแทบไม่มีแรง “ตุล” เสียงของฉันทำให้ตุลเปลี่ยนความสนใจหันมามอง เขามองนิ่ง ๆ ไม่ได้ถามอะไร ฉันจึงพูดต่อ “ทำ… ทำต่ออีกรอบได้ไหม?”“ไหว?” เขาเลิกคิ้วถาม ใช่! ฉันไม่ไหว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเขาเห็นโทรศัพท์ฉันชะตาขาดแน่ “ว… ไหวสิ พี่ไหว” “เสียงโทรศัพท์ไม่รับหน่อย?” “ช่างเถอะ เฮียคงโทรตามน่ะ” “โทรศัพท์อยู่ไหน” “…” ฉันสะอึกอ้ำอึ้งเพราะคิดคำตอบไม่ทัน ตุลเดินมาใกล้ ๆ เขาจ้องฉันด้วยสายตาที่จับผิดแล้วถามย้ำ “ถามว่าโทรศัพท์อยู่ไหน”“ย… อยู่ อยู่ไหนไม่รู้พี่จำไม่ได้” “จำไม่ได้ ?” “อื้อ”“งั้นเดี๋ยวช่วยหา” ตุลหันหลังให้ฉันเตรียมจะหาโทรศัพท์ต่อ เสียงนั้นก็สั่นไม่ยอมหยุดสักที ฉันรีบคว้ามือจับแขนตุลเอาไว้ “มาทำต่อดีกว่านะตุล อย่าสนใจเลย”“ถ้าอยากให้ทำต่อก็เอาโทรศัพท์มา” เขาหันมาบอกเสียงแข็ง“ตุลจะสนใจทำไม โทรศัพท์ของพี่นะหรือคิดว่าจะมีผู้ชายคนอื่นโทรมางั้นเหรอ”“…” พอถูกถามแบบนั้นเขาก็เงียบ “มาต่อกันดีกว่านะอย่าสนใจเลย” ตุลแกะมือฉันออกจากแขน เขาไม่สนใจเดินไปตามเสียงสั่นของโท
มันจะดีกว่านี้มาก ๆ ถ้าเขาพูดดี ๆ กับฉันแทนการตวาด ฉันตกเป็นของเขาแล้วนะอ่อนโยนบ้างไม่ได้หรือไง “แล้วตุลไม่นอนด้วยกันเหรอ” “จะกลับไปนอนบ้าน” เขาตอบกลับมาเสียงห้วน“บ้านตุลอยู่ที่ไหนเหรอ” “จะรู้ไปทำไม ? อย่าให้รู้ว่าตามสืบไม่อย่างนั้นได้เจอดีแน่” ฉันเม้มปากแน่นเพราะเขารู้ทันว่าฉันจะตามสืบ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นฉันคิดแบบนั้น แต่พอเจอดุก็ไม่กล้าจะตามสืบแล้ว ก่อนจะออกไปตุลหยิบรูปภาพบนโต๊ะติดมือไปด้วย ถ้าให้เดาคงจะเป็นภาพของผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก มันต้องมีสักวันสิที่ฉันแทนที่ผู้หญิงคนนั้นได้ ไม่ท้อหรอก!ฉันพูดกับตัวเองในใจอย่างแน่วแน่ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยสภาพที่อิดโรยแล้วสวมใส่เสื้อผ้า เมื่อหันมาที่เตียงก็เห็นมีคราบเลือดเป็นวงใหญ่ นั่นคือเลือดของฉัน… ในเมื่อตุลไม่อยู่ฉันก็ไม่รู้จะนอนที่นี่ไปทำไม จุดประสงค์คืออยากนอนกับเขาไม่ใช่นอนคนเดียว คิดว่าถ้ายอมไปแล้วเขาคงจะนอนด้วยกันแท้ ๆ ดันกลับไปนอนบ้านใจร้ายมากเลย #บ้าน ทันทีที่ฉันเดินผ่านประตูบ้านมาก็เห็นเฮียเฟยกำลังยืนกอดอกทำหน้าไม่รับแขกอยู่ ใจเริ่มรู้สึกกลัวเพราะเฮียโทรมาหาฉันหลายสายมาก ๆ ฉันพยายามเดินให้ปกติเข้ามาในบ้านก่อนจะถาม “ยัง
ฉันหยุดนิ่งครู่หนึ่งเพื่อรอฟังว่าตุลจะพูดอะไรหรือเปล่า สักคำก็ได้ที่ถาม พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกดีมากกว่านี้ แต่ไม่เลยเขาไม่ถามอะไรสักคำ “ถ้าพ่อรู้ว่ามึงทำตัวแบบนี้นะไอ้ตุล” ผู้ชายคนนั้นบอกแล้วหันมามองฉัน ก่อนที่ตุลจะพูด “ถ้ามึงไม่พูดพ่อจะรู้ได้ยังไง” ที่พูดมาก็ทำให้ฉันพอจะจับใจความได้ว่าตุลกับผู้ชายคนนั้นเป็นพี่น้องกันแน่นอน เหมือนเขาจะกลัวพ่ออยู่เหมือนกัน “พี่ขอคุยกับตุลก่อนกลับได้ไหม” ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม ตอนที่ยังไม่มีอะไรกันฉันสามารถกวนใจเขาได้เต็มที่ แต่พอมีอะไรกันแล้วฉันกลับรู้สึกไม่กล้า “คุยไร?” “ขอคุยแค่สองคนได้ไหม” พอฉันบอกแบบนั้นผู้ชายที่ยืนข้างตุลก็พูดขึ้น “กูกลับก่อนละกัน เดี๋ยวจะบอกพ่อให้ว่ามึงทำตัวดีมาก ๆ ตั้งใจเรียนสุด ๆ” “เออ” เมื่อเขาเดินไปแล้วฉันก็เดินมาหาตุลที่กำลังจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พอเห็นแบบนั้นฉันรีบดึงซองบุหรี่มาก่อนเพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันสักเท่าไหร่ “เอามา” ตุลมองซองบุหรี่ในมือก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมามองหน้าฉันเขม็ง “คุยกันก่อนเดี๋ยวพี่คืนให้” “วุ่นวายจังวะ!!” ไม่รู้ว่าเป็นแค่ฉันหรือเปล่าที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ได้ขนาดนี้ หรือเขาเป็นแบบนี้กับท