ฉันหันไปมองตุล เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่กลับไม่ได้สนใจข้อความของฉันที่เพิ่งส่งไป หัวใจมันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดแน่นจุกไปหมดแล้วตอนนี้ “เดี๋ยวฉันมานะ” เป็นอีกครั้งที่เควินจะเดินไปโต๊ะอื่น ฉันไม่ได้ค้านอะไรเขาอยากจะไปก็ให้ไป ตอนนี้สมองมันสนใจแค่ตุลที่กำลังใช้มือโอบผู้หญิงคนนั้นอยู่ สิ่งที่เขาทำกับคนอื่นได้แต่ไม่เคยทำกับฉันเลยสักอย่าง ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อไม่สามารถทนมองภาพนั้นต่อไปได้ แก้วเหล้าในมือถูกยกดื่มจนหมดแก้วอีกครั้งก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะของตุล พอเดินมาที่โต๊ะตุลกับเพื่อนเขาไม่ทันได้สังเกตเพราะคนค่อนข้างเยอะ ฉันดึงมือของตุลที่โอบเอวผู้หญิงอยู่ออกแล้วเป็นฝ่ายแทรกตัวมาคั่นกลางแทน “นี่! ไม่มีตาหรือไงฉันยืนอยู่นะ” ยัยผู้หญิงคนนั้นถามฉันด้วยท่าทางที่หาเรื่อง“ยืนอยู่แล้วยังไง” ฉันเองก็ถามกลับอย่างหาเรื่องเช่นกัน “ใครเหรอตุล?” เธอมองผ่านฉันมาถามตุลที่นั่งอยู่ คนที่ถูกถามไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ ตุลก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับเพื่อนที่มาด้วยกัน “กูไปสูบบุหรี่ข้างนอกก่อนนะ”“เออ ๆ” ตุลมองฉันด้วยสายตาที่เลือดเย็นครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปเลย มีใครที่เย็นชามากกว่าผู้ชา
#ภายในห้อง หลังจากที่ประตูถูกปิดร่างของฉันก็ถูกดันมาติดกับกำแพงห้อง ฝ่ามือใหญ่จับใบหน้าของฉันให้หันมาอยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากหนากดขยี้จูบหนัก ๆ ความดิบเถื่อนทำให้ริมฝีปากเจ็บจนระบมไปหมดไม่นานที่ตุลบดขยี้ความดิบเถื่อนลงบนริมฝีปากของฉันเขาก็ผละใบหน้าออก สายตาเย็นชาตรงหน้ามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม“สนใจแค่เรื่องบนเตียงดีกว่าไหม” “… พี่ไม่ได้ต้องการแค่นั้น” “ถ้ามากกว่านี้คงให้ไม่ได้” ตุลปล่อยใบหน้าของฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วพูดต่อ “ให้เลือกอีกครั้งว่าจะอยู่ต่อ หรือจะกลับไป” “…”“ถ้าเลือกอยู่ต่อก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสถานะ” ตุลเว้นคำพูดก่อนจะถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงพื้น ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเลือกกลับไปทุกอย่างก็จบ ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”ฉันกำมือแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วถามผู้ชายตรงหน้ากลับ “ถ้าตุลชอบใครสักคนมาก ๆ จะเลือกแบบไหนเหรอ”คนที่ถูกถามไม่ตอบอะไรสักคำ อย่างน้อยมันก็ดีที่เขาให้โอกาสได้เลือกอีกครั้ง แต่ฉันยังอยากจะลองดูก่อน อยากสู้อีกสักครั้ง ถ้าทุกอย่างที่ทำไปมันไม่มีความหมายจริง ๆ ฉันจะเป็นคนถอยออกมาเอง ฉันเดินมาหยิบเสื้อที
ฉันคิดทบทวนคำว่า ‘ไอ้ผู้ชายคนนั้น’ ที่ตุลว่าหมายถึงคือใครอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเขา “คนที่ขอไลน์พี่น่ะเหรอ? พี่ไม่รู้จักนะแต่เห็นเขาคุยกับตุลนี่” “ขอไลน์?” ตุลขมวดคิ้วเข้ม แต่สายตาของเขามันก็ยังเย็นชามาก ๆ อยู่ “ไม่ใช่คนนั้นเหรอแล้วตุลหมายถึงใคร อ๋อ! ถ้าเป็นคนที่ไปกับพี่คนนั้นชื่อเควินเป็นเพื่อนที่เรียนต่างประเทศด้วยกันน่ะ เขามา…”“ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” ตุลพูดขัดด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ ก็เขาถามเองนี่นาฉันก็แค่ตอบไงผิดมากเหรอ “เราเป็นเพื่อนกัน” “อืม” “ง… งั้นพี่ไปก่อนนะ” “อืม” เฮ้อ! คิดว่าจะรั้งให้อยู่ด้วยซะอีกน่าน้อยใจจัง เมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้ถึงจะยอมเปิดใจสักทีนะ #บ้านกลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่ทำคือส่งข้อความไปบอกตุลว่า ‘พี่กลับมาถึงบ้านแล้วนะ ฝันดีนะครับ’ ฉันพิมพ์ไปแบบนี้จริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม ฉันนอนไม่หลับพยายามข่มตานอนแล้วแต่ทำยังไงก็ไม่หลับเพราะหิวจนต้องลุกจากเตียงมาหาอะไรกินที่ครัว “เพิ่งกลับ?” “เฮีย! หนูตกใจหมดเลยค่ะ” แทบจะกรี๊ดลั่นบ้านเพราะจู่ ๆ เฮียเฟยก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง “หนูกลับนานแล้วแค่ลงมาหาอะไรกินเพราะนอนไม่หลับต่างหาก”“แล้วไปไหนมา?”
“เป็นเด็กเป็นเล็กนิสัยเสียชะมัด” เควินบ่นหลังจากที่ตุลเดินไปแล้ว จากนั้นเขาก็เป็นคนก้มลงไปเก็บของที่หล่นให้ “ทำแบบนี้ทำคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง” เควินยังไม่เลิกบ่น เขาหยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วพูดต่อ “หรือเธอรู้จัก?” “ป… เปล่าฉันไม่รู้จักสักหน่อย” ที่ต้องปฏิเสธก็เพราะว่าไม่อยากถูกถามอะไรต่าง ๆ เพราะถ้าเควินรู้ว่าฉันรู้จักตุลเขาคงไม่ใช่แค่พยักหน้าแล้วเงียบไปแน่ ๆ คงจะต้องยิงคำถามใส่รัว ๆ ก่อนมาที่โรงแรมฉันกับเควินแวะกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาทำกินเอง หลังจากส่งเพื่อนเสร็จฉันก็ขับรถกลับไปที่บ้าน ยังไม่ทันจะถึงที่บ้านเลยโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เป็นแพรที่โทรมาจึงรีบกดรับสาย “ว่าไงแพร เงียบหายไปเลยนะฉันเหงามากรู้ไหม”(ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ น่ะ)“แล้วแกโทรมามีอะไรหรือเปล่า”(จะชวนไปดูแข่งรถด้วยกัน)“แข่งรถงั้นเหรอ” (ไปหรือเปล่าวันนี้เพื่อนแฟนของฉันแข่ง ตุลไปด้วยนะ)จริง ๆ ฉันไม่ชอบดูการแข่งรถเลยแต่พอรู้ว่าตุลไปด้วย ความอยากไปมันก็พุ่งขึ้นมาระดับร้อย“อื้อไปสิ แกมารับฉันหน่อยได้ไหม” (ที่บ้านเหรอ)“อื้อ ขี้เกียจขับรถไปเองน่ะ” (อื้อ แต่แกห้ามพูดเรื่องที่ฉันไปรับแก
ฉันมองตุลอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงให้ไปรอที่อู่ ที่นี่มันมีอะไรทำไมฉันถึงอยู่ไม่ได้ หรือเขานัดผู้หญิงมาอย่างนั้นเหรอ “แพรยังอยู่ได้เลยทำไมพี่ถึงอยู่ไม่ได้” “บอกให้กลับก็กลับจะถามมากเพื่อ?” พอฉันไม่ยอมทำตามคำสั่งตุลก็หัวเสีย “พี่ไม่ได้เอารถมาจะให้ไปยังไง” ตุลพ่นลมหายใจแรง ๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถมายื่นให้ฉัน “ขับกลับไป” “รถตุลเหรอ?” ฉันขมวดคิ้วมองกุญแจในมือเขา นั่นมันกุญแจรถยี่ห้อหรู หากเป็นรถของตุลแปลว่าบ้านเขาต้องมีฐานะมาก ๆ แน่ ๆ “เอาไปไม่ต้องถามมาก” ฉันเอากุญแจห้องคืนตุล “พี่จะกลับพร้อมแพร เดี๋ยวให้แพรไปส่งที่อู่…”“ถ้าจะกลับพร้อมเพื่อนก็ไม่ต้องไป” ตุลเก็บกุญแจรถและกุญแจห้องใส่กระเป๋าเหมือนเดิม“โกรธพี่เหรอ” ตุลไม่ตอบอะไรเขาเดินนำหน้าไปก่อน ฉันจึงรีบเดินตามเพราะกลัวจะเจอคนแปลกหน้าเขามาถามอะไรอีก แถวนี้มันดูอันตราย ๆ ยังไงก็ไม่รู้ พอทุกคนเห็นว่าฉันเดินมาพร้อมกับตุลต่างก็มองกันเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร พอมาถึงฉันก็เดินมานั่งข้าง ๆ แพร “ทำไมถึงมาพร้อมตุลได้ล่ะลิล” แพรถาม “บังเอิญน่ะ”“ตุลไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้แกรู้สึกไม่ดีใช่ไหม” “ไม่เลย เขาช่วยฉันเอาไว้จากผู
อยากจะตอบไปว่าเพราะอยากได้ใจเขาไงถึงยอมขนาดนี้ แต่พูดไปตั้งหลายครั้งแล้วยังถามหาเหตุผลอีกหรือไง ฉันยกมือขึ้นมาคล้องคอแกร่งก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นหน้ามาจูบเขาอีกครั้ง คนที่ถูกจูบนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบรับสัมผัสจูบอย่างเร่าร้อน ฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้ามาในเสื้อลูบคลำตามผิวเนื้อก่อนจะบีบเคล้นที่หน้าอกของฉัน เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่มันเริ่มดังขึ้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ปรารถนา เมื่อทุกอย่างกำลังเข้าทางฉันก็ผละตัวออกจากตุล ก่อนจะมองนิ่ง ๆ แล้วถามเขา “แพรบอกจะไปส่งพี่ก่อน พี่ต้องกลับแล้วนะ”พูดจบฉันก็หันหลังให้เขา ในใจหวังว่าเขาจะรั้งไว้และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ทำแบบนี้ได้ผล ตุลคว้ามือมาจับแขน ฉันจึงหันกลับมามองเขาอีกครั้ง “มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”“ไม่ต้องกลับ”“จะให้พี่นอนด้วยเหรอ” ตุลพยักหน้าแทนคำตอบฉันจึงยิ้มออกมาได้ ถึงจะรู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร แต่การที่ได้อยู่กับเขานาน ๆ มันดีสำหรับฉัน ภาวนาขอให้คืนนี้เราได้นอนบนเตียงเดียวกันฉันกับตุลเดินออกมาข้างนอกพร้อมกัน การหายเข้าไปในห้องสองคนทำให้ถูกแพรมองอย่างสงสัย พอนั่งลงฉันก็กระซิบบอก “ฉันไม่กลับแล้วนะแพร”“จะนอนค้างที่นี่เหรอ?”“อื้อ”“แ
#ภายในห้องตอนนี้กันเพื่อนของตุลได้กลับไปแล้ว พอเข้ามาในห้องตุลก็หยิบเอากล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ตรงหน้าให้ “ทำแผลตัวเองซะ” คิดว่าเขาจะทำแผลให้ฉันแทนคำขอโทษซะอีก หัดโรแมนติกบ้างก็ได้ ฉันมองตุลที่ถอดเสื้ออกแล้วนอนลงบนเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงมาก ๆ เวลาที่ได้เห็นภาพแบบนี้ เมื่อหัวใจมันเต้นแรงเกินไปฉันจึงระงับมันด้วยการก้มลงมาทำแผลที่มือให้ตัวเอง แสบมาก ๆ เลย ดีนะที่รอยขีดนี้ไม่ได้บาดลึกจนต้องเย็บ หลังจากทำแผลตัวเองเสร็จฉันก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ ตุลที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นว่าฉันนั่งข้าง ๆ ก็ละสายตาจากโทรศัพท์มามองฉัน “ทำไม?”“นั่งสิเดี๋ยวพี่ทำแผลให้”“ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธเสียงเย็นแล้วดูโทรศัพท์ต่อ “ถ้าไม่ยอมให้ทำพี่ก็จะพูด ๆ ให้ตุลรำคาญนะ แต่ถ้ายอมให้ทำ…” ยังพูดไม่ทันจบตุลก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดโดยที่สายตาคู่นั้นจ้องหน้าฉัน “ทำสิ รีบทำ” ถึงจะเป็นการยอมแบบไม่เต็มใจแต่ฉันก็ยิ้มออกมาได้เพราะเขานั่นแหละ ผู้ชายคนนี้เป็นทั้งความทุกข์และความสุขของฉัน…“โอ้ย! แกล้งเหรอวะ” ตุลร้องออกมาเสียงดังทันทีที่ฉันแตะสำลีลงบนแผลของเขา แต่
แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินตุลพูดแบบนั้นออกมา เขากล่าวหาฉันว่า แรดเงียบ มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า “หรือไม่จริง ผู้หญิงที่ไหนบ้างนอนกับผู้ชายไปทั่วให้ไลน์ผู้ชายไปทั่ว” “นอนกับผู้ชายไปทั่วอย่างนั้นเหรอ” ฉันพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอโกรธไปมากกว่านี้แต่มันควบคุมไม่ได้จริง ๆ “ก็รู้ ๆ กันอยู่” “ตุลเป็นผู้ชายคนแรกของพี่นะ ทำไมถึงกล้ากล่าวหากันแบบนี้” “มีคนแรกก็ต้องมีคนต่อไปเรื่อย ๆ”“แล้วตุลล่ะ นอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน!!” “มั่นใจว่าจะให้พูด?” “…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด ไม่รักไม่ชอบฉันก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรแบบนี้ใส่กันเลย “หึ!!”“ถ้าพี่ตัดใจจากตุลได้เมื่อไหร่ ตุลจะเป็นผู้ชายที่พี่เกลียดที่สุด”“เชิญ” เขาตอบกลับอย่างไม่สนใจว่าฉันจะเกลียดหรือไม่ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะโง่งมงายจมปักกับคนปากร้ายที่ไม่รักตัวเองแบบนี้หรอก ฉันอยากถอนตัวแต่มันทำไม่ได้“ถ้าพี่เปลี่ยนใจจากตุลไปชอบกันล่ะ” “อย่าแม้แต่จะคิด” ครั้งนี้ตุลรีบตอบกลับเสียงแข็งแล้วจ้องฉันตาเขม็ง “ทำไม หวงพี่เหรอ” “ถ้าจะชอบใครก็ชอบไป แต่ไอ้กันห้ามชอบ”“แต่น้องกันเป็นคนดี เขาน่ารักกับพี่…” เสียงพูดของฉันเบาลงเมื่อตุลเดินมาใกล
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ