ฉันหยุดนิ่งครู่หนึ่งเพื่อรอฟังว่าตุลจะพูดอะไรหรือเปล่า สักคำก็ได้ที่ถาม พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกดีมากกว่านี้ แต่ไม่เลยเขาไม่ถามอะไรสักคำ “ถ้าพ่อรู้ว่ามึงทำตัวแบบนี้นะไอ้ตุล” ผู้ชายคนนั้นบอกแล้วหันมามองฉัน ก่อนที่ตุลจะพูด “ถ้ามึงไม่พูดพ่อจะรู้ได้ยังไง” ที่พูดมาก็ทำให้ฉันพอจะจับใจความได้ว่าตุลกับผู้ชายคนนั้นเป็นพี่น้องกันแน่นอน เหมือนเขาจะกลัวพ่ออยู่เหมือนกัน “พี่ขอคุยกับตุลก่อนกลับได้ไหม” ทุกอย่างมันต่างไปจากเดิม ตอนที่ยังไม่มีอะไรกันฉันสามารถกวนใจเขาได้เต็มที่ แต่พอมีอะไรกันแล้วฉันกลับรู้สึกไม่กล้า “คุยไร?” “ขอคุยแค่สองคนได้ไหม” พอฉันบอกแบบนั้นผู้ชายที่ยืนข้างตุลก็พูดขึ้น “กูกลับก่อนละกัน เดี๋ยวจะบอกพ่อให้ว่ามึงทำตัวดีมาก ๆ ตั้งใจเรียนสุด ๆ” “เออ” เมื่อเขาเดินไปแล้วฉันก็เดินมาหาตุลที่กำลังจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พอเห็นแบบนั้นฉันรีบดึงซองบุหรี่มาก่อนเพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันสักเท่าไหร่ “เอามา” ตุลมองซองบุหรี่ในมือก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมามองหน้าฉันเขม็ง “คุยกันก่อนเดี๋ยวพี่คืนให้” “วุ่นวายจังวะ!!” ไม่รู้ว่าเป็นแค่ฉันหรือเปล่าที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ได้ขนาดนี้ หรือเขาเป็นแบบนี้กับท
ฉันหันไปมองตุล เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่กลับไม่ได้สนใจข้อความของฉันที่เพิ่งส่งไป หัวใจมันรู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดแน่นจุกไปหมดแล้วตอนนี้ “เดี๋ยวฉันมานะ” เป็นอีกครั้งที่เควินจะเดินไปโต๊ะอื่น ฉันไม่ได้ค้านอะไรเขาอยากจะไปก็ให้ไป ตอนนี้สมองมันสนใจแค่ตุลที่กำลังใช้มือโอบผู้หญิงคนนั้นอยู่ สิ่งที่เขาทำกับคนอื่นได้แต่ไม่เคยทำกับฉันเลยสักอย่าง ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อไม่สามารถทนมองภาพนั้นต่อไปได้ แก้วเหล้าในมือถูกยกดื่มจนหมดแก้วอีกครั้งก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะของตุล พอเดินมาที่โต๊ะตุลกับเพื่อนเขาไม่ทันได้สังเกตเพราะคนค่อนข้างเยอะ ฉันดึงมือของตุลที่โอบเอวผู้หญิงอยู่ออกแล้วเป็นฝ่ายแทรกตัวมาคั่นกลางแทน “นี่! ไม่มีตาหรือไงฉันยืนอยู่นะ” ยัยผู้หญิงคนนั้นถามฉันด้วยท่าทางที่หาเรื่อง“ยืนอยู่แล้วยังไง” ฉันเองก็ถามกลับอย่างหาเรื่องเช่นกัน “ใครเหรอตุล?” เธอมองผ่านฉันมาถามตุลที่นั่งอยู่ คนที่ถูกถามไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ ตุลก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับเพื่อนที่มาด้วยกัน “กูไปสูบบุหรี่ข้างนอกก่อนนะ”“เออ ๆ” ตุลมองฉันด้วยสายตาที่เลือดเย็นครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปเลย มีใครที่เย็นชามากกว่าผู้ชา
#ภายในห้อง หลังจากที่ประตูถูกปิดร่างของฉันก็ถูกดันมาติดกับกำแพงห้อง ฝ่ามือใหญ่จับใบหน้าของฉันให้หันมาอยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากหนากดขยี้จูบหนัก ๆ ความดิบเถื่อนทำให้ริมฝีปากเจ็บจนระบมไปหมดไม่นานที่ตุลบดขยี้ความดิบเถื่อนลงบนริมฝีปากของฉันเขาก็ผละใบหน้าออก สายตาเย็นชาตรงหน้ามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม“สนใจแค่เรื่องบนเตียงดีกว่าไหม” “… พี่ไม่ได้ต้องการแค่นั้น” “ถ้ามากกว่านี้คงให้ไม่ได้” ตุลปล่อยใบหน้าของฉันให้เป็นอิสระ จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วพูดต่อ “ให้เลือกอีกครั้งว่าจะอยู่ต่อ หรือจะกลับไป” “…”“ถ้าเลือกอยู่ต่อก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสถานะ” ตุลเว้นคำพูดก่อนจะถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงพื้น ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเลือกกลับไปทุกอย่างก็จบ ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”ฉันกำมือแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วถามผู้ชายตรงหน้ากลับ “ถ้าตุลชอบใครสักคนมาก ๆ จะเลือกแบบไหนเหรอ”คนที่ถูกถามไม่ตอบอะไรสักคำ อย่างน้อยมันก็ดีที่เขาให้โอกาสได้เลือกอีกครั้ง แต่ฉันยังอยากจะลองดูก่อน อยากสู้อีกสักครั้ง ถ้าทุกอย่างที่ทำไปมันไม่มีความหมายจริง ๆ ฉันจะเป็นคนถอยออกมาเอง ฉันเดินมาหยิบเสื้อที
ฉันคิดทบทวนคำว่า ‘ไอ้ผู้ชายคนนั้น’ ที่ตุลว่าหมายถึงคือใครอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามเขา “คนที่ขอไลน์พี่น่ะเหรอ? พี่ไม่รู้จักนะแต่เห็นเขาคุยกับตุลนี่” “ขอไลน์?” ตุลขมวดคิ้วเข้ม แต่สายตาของเขามันก็ยังเย็นชามาก ๆ อยู่ “ไม่ใช่คนนั้นเหรอแล้วตุลหมายถึงใคร อ๋อ! ถ้าเป็นคนที่ไปกับพี่คนนั้นชื่อเควินเป็นเพื่อนที่เรียนต่างประเทศด้วยกันน่ะ เขามา…”“ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” ตุลพูดขัดด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ ก็เขาถามเองนี่นาฉันก็แค่ตอบไงผิดมากเหรอ “เราเป็นเพื่อนกัน” “อืม” “ง… งั้นพี่ไปก่อนนะ” “อืม” เฮ้อ! คิดว่าจะรั้งให้อยู่ด้วยซะอีกน่าน้อยใจจัง เมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้ถึงจะยอมเปิดใจสักทีนะ #บ้านกลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่ทำคือส่งข้อความไปบอกตุลว่า ‘พี่กลับมาถึงบ้านแล้วนะ ฝันดีนะครับ’ ฉันพิมพ์ไปแบบนี้จริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม ฉันนอนไม่หลับพยายามข่มตานอนแล้วแต่ทำยังไงก็ไม่หลับเพราะหิวจนต้องลุกจากเตียงมาหาอะไรกินที่ครัว “เพิ่งกลับ?” “เฮีย! หนูตกใจหมดเลยค่ะ” แทบจะกรี๊ดลั่นบ้านเพราะจู่ ๆ เฮียเฟยก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง “หนูกลับนานแล้วแค่ลงมาหาอะไรกินเพราะนอนไม่หลับต่างหาก”“แล้วไปไหนมา?”
“เป็นเด็กเป็นเล็กนิสัยเสียชะมัด” เควินบ่นหลังจากที่ตุลเดินไปแล้ว จากนั้นเขาก็เป็นคนก้มลงไปเก็บของที่หล่นให้ “ทำแบบนี้ทำคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง” เควินยังไม่เลิกบ่น เขาหยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วพูดต่อ “หรือเธอรู้จัก?” “ป… เปล่าฉันไม่รู้จักสักหน่อย” ที่ต้องปฏิเสธก็เพราะว่าไม่อยากถูกถามอะไรต่าง ๆ เพราะถ้าเควินรู้ว่าฉันรู้จักตุลเขาคงไม่ใช่แค่พยักหน้าแล้วเงียบไปแน่ ๆ คงจะต้องยิงคำถามใส่รัว ๆ ก่อนมาที่โรงแรมฉันกับเควินแวะกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาทำกินเอง หลังจากส่งเพื่อนเสร็จฉันก็ขับรถกลับไปที่บ้าน ยังไม่ทันจะถึงที่บ้านเลยโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เป็นแพรที่โทรมาจึงรีบกดรับสาย “ว่าไงแพร เงียบหายไปเลยนะฉันเหงามากรู้ไหม”(ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ น่ะ)“แล้วแกโทรมามีอะไรหรือเปล่า”(จะชวนไปดูแข่งรถด้วยกัน)“แข่งรถงั้นเหรอ” (ไปหรือเปล่าวันนี้เพื่อนแฟนของฉันแข่ง ตุลไปด้วยนะ)จริง ๆ ฉันไม่ชอบดูการแข่งรถเลยแต่พอรู้ว่าตุลไปด้วย ความอยากไปมันก็พุ่งขึ้นมาระดับร้อย“อื้อไปสิ แกมารับฉันหน่อยได้ไหม” (ที่บ้านเหรอ)“อื้อ ขี้เกียจขับรถไปเองน่ะ” (อื้อ แต่แกห้ามพูดเรื่องที่ฉันไปรับแก
ฉันมองตุลอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงให้ไปรอที่อู่ ที่นี่มันมีอะไรทำไมฉันถึงอยู่ไม่ได้ หรือเขานัดผู้หญิงมาอย่างนั้นเหรอ “แพรยังอยู่ได้เลยทำไมพี่ถึงอยู่ไม่ได้” “บอกให้กลับก็กลับจะถามมากเพื่อ?” พอฉันไม่ยอมทำตามคำสั่งตุลก็หัวเสีย “พี่ไม่ได้เอารถมาจะให้ไปยังไง” ตุลพ่นลมหายใจแรง ๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถมายื่นให้ฉัน “ขับกลับไป” “รถตุลเหรอ?” ฉันขมวดคิ้วมองกุญแจในมือเขา นั่นมันกุญแจรถยี่ห้อหรู หากเป็นรถของตุลแปลว่าบ้านเขาต้องมีฐานะมาก ๆ แน่ ๆ “เอาไปไม่ต้องถามมาก” ฉันเอากุญแจห้องคืนตุล “พี่จะกลับพร้อมแพร เดี๋ยวให้แพรไปส่งที่อู่…”“ถ้าจะกลับพร้อมเพื่อนก็ไม่ต้องไป” ตุลเก็บกุญแจรถและกุญแจห้องใส่กระเป๋าเหมือนเดิม“โกรธพี่เหรอ” ตุลไม่ตอบอะไรเขาเดินนำหน้าไปก่อน ฉันจึงรีบเดินตามเพราะกลัวจะเจอคนแปลกหน้าเขามาถามอะไรอีก แถวนี้มันดูอันตราย ๆ ยังไงก็ไม่รู้ พอทุกคนเห็นว่าฉันเดินมาพร้อมกับตุลต่างก็มองกันเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร พอมาถึงฉันก็เดินมานั่งข้าง ๆ แพร “ทำไมถึงมาพร้อมตุลได้ล่ะลิล” แพรถาม “บังเอิญน่ะ”“ตุลไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้แกรู้สึกไม่ดีใช่ไหม” “ไม่เลย เขาช่วยฉันเอาไว้จากผู
อยากจะตอบไปว่าเพราะอยากได้ใจเขาไงถึงยอมขนาดนี้ แต่พูดไปตั้งหลายครั้งแล้วยังถามหาเหตุผลอีกหรือไง ฉันยกมือขึ้นมาคล้องคอแกร่งก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นหน้ามาจูบเขาอีกครั้ง คนที่ถูกจูบนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบรับสัมผัสจูบอย่างเร่าร้อน ฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้ามาในเสื้อลูบคลำตามผิวเนื้อก่อนจะบีบเคล้นที่หน้าอกของฉัน เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่มันเริ่มดังขึ้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ปรารถนา เมื่อทุกอย่างกำลังเข้าทางฉันก็ผละตัวออกจากตุล ก่อนจะมองนิ่ง ๆ แล้วถามเขา “แพรบอกจะไปส่งพี่ก่อน พี่ต้องกลับแล้วนะ”พูดจบฉันก็หันหลังให้เขา ในใจหวังว่าเขาจะรั้งไว้และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ทำแบบนี้ได้ผล ตุลคว้ามือมาจับแขน ฉันจึงหันกลับมามองเขาอีกครั้ง “มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”“ไม่ต้องกลับ”“จะให้พี่นอนด้วยเหรอ” ตุลพยักหน้าแทนคำตอบฉันจึงยิ้มออกมาได้ ถึงจะรู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร แต่การที่ได้อยู่กับเขานาน ๆ มันดีสำหรับฉัน ภาวนาขอให้คืนนี้เราได้นอนบนเตียงเดียวกันฉันกับตุลเดินออกมาข้างนอกพร้อมกัน การหายเข้าไปในห้องสองคนทำให้ถูกแพรมองอย่างสงสัย พอนั่งลงฉันก็กระซิบบอก “ฉันไม่กลับแล้วนะแพร”“จะนอนค้างที่นี่เหรอ?”“อื้อ”“แ
#ภายในห้องตอนนี้กันเพื่อนของตุลได้กลับไปแล้ว พอเข้ามาในห้องตุลก็หยิบเอากล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ตรงหน้าให้ “ทำแผลตัวเองซะ” คิดว่าเขาจะทำแผลให้ฉันแทนคำขอโทษซะอีก หัดโรแมนติกบ้างก็ได้ ฉันมองตุลที่ถอดเสื้ออกแล้วนอนลงบนเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงมาก ๆ เวลาที่ได้เห็นภาพแบบนี้ เมื่อหัวใจมันเต้นแรงเกินไปฉันจึงระงับมันด้วยการก้มลงมาทำแผลที่มือให้ตัวเอง แสบมาก ๆ เลย ดีนะที่รอยขีดนี้ไม่ได้บาดลึกจนต้องเย็บ หลังจากทำแผลตัวเองเสร็จฉันก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ ตุลที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นว่าฉันนั่งข้าง ๆ ก็ละสายตาจากโทรศัพท์มามองฉัน “ทำไม?”“นั่งสิเดี๋ยวพี่ทำแผลให้”“ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธเสียงเย็นแล้วดูโทรศัพท์ต่อ “ถ้าไม่ยอมให้ทำพี่ก็จะพูด ๆ ให้ตุลรำคาญนะ แต่ถ้ายอมให้ทำ…” ยังพูดไม่ทันจบตุลก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดโดยที่สายตาคู่นั้นจ้องหน้าฉัน “ทำสิ รีบทำ” ถึงจะเป็นการยอมแบบไม่เต็มใจแต่ฉันก็ยิ้มออกมาได้เพราะเขานั่นแหละ ผู้ชายคนนี้เป็นทั้งความทุกข์และความสุขของฉัน…“โอ้ย! แกล้งเหรอวะ” ตุลร้องออกมาเสียงดังทันทีที่ฉันแตะสำลีลงบนแผลของเขา แต่