#ภายในห้องตอนนี้กันเพื่อนของตุลได้กลับไปแล้ว พอเข้ามาในห้องตุลก็หยิบเอากล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ตรงหน้าให้ “ทำแผลตัวเองซะ” คิดว่าเขาจะทำแผลให้ฉันแทนคำขอโทษซะอีก หัดโรแมนติกบ้างก็ได้ ฉันมองตุลที่ถอดเสื้ออกแล้วนอนลงบนเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงมาก ๆ เวลาที่ได้เห็นภาพแบบนี้ เมื่อหัวใจมันเต้นแรงเกินไปฉันจึงระงับมันด้วยการก้มลงมาทำแผลที่มือให้ตัวเอง แสบมาก ๆ เลย ดีนะที่รอยขีดนี้ไม่ได้บาดลึกจนต้องเย็บ หลังจากทำแผลตัวเองเสร็จฉันก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ ตุลที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นว่าฉันนั่งข้าง ๆ ก็ละสายตาจากโทรศัพท์มามองฉัน “ทำไม?”“นั่งสิเดี๋ยวพี่ทำแผลให้”“ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธเสียงเย็นแล้วดูโทรศัพท์ต่อ “ถ้าไม่ยอมให้ทำพี่ก็จะพูด ๆ ให้ตุลรำคาญนะ แต่ถ้ายอมให้ทำ…” ยังพูดไม่ทันจบตุลก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดโดยที่สายตาคู่นั้นจ้องหน้าฉัน “ทำสิ รีบทำ” ถึงจะเป็นการยอมแบบไม่เต็มใจแต่ฉันก็ยิ้มออกมาได้เพราะเขานั่นแหละ ผู้ชายคนนี้เป็นทั้งความทุกข์และความสุขของฉัน…“โอ้ย! แกล้งเหรอวะ” ตุลร้องออกมาเสียงดังทันทีที่ฉันแตะสำลีลงบนแผลของเขา แต่
แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินตุลพูดแบบนั้นออกมา เขากล่าวหาฉันว่า แรดเงียบ มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า “หรือไม่จริง ผู้หญิงที่ไหนบ้างนอนกับผู้ชายไปทั่วให้ไลน์ผู้ชายไปทั่ว” “นอนกับผู้ชายไปทั่วอย่างนั้นเหรอ” ฉันพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอโกรธไปมากกว่านี้แต่มันควบคุมไม่ได้จริง ๆ “ก็รู้ ๆ กันอยู่” “ตุลเป็นผู้ชายคนแรกของพี่นะ ทำไมถึงกล้ากล่าวหากันแบบนี้” “มีคนแรกก็ต้องมีคนต่อไปเรื่อย ๆ”“แล้วตุลล่ะ นอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน!!” “มั่นใจว่าจะให้พูด?” “…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด ไม่รักไม่ชอบฉันก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรแบบนี้ใส่กันเลย “หึ!!”“ถ้าพี่ตัดใจจากตุลได้เมื่อไหร่ ตุลจะเป็นผู้ชายที่พี่เกลียดที่สุด”“เชิญ” เขาตอบกลับอย่างไม่สนใจว่าฉันจะเกลียดหรือไม่ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะโง่งมงายจมปักกับคนปากร้ายที่ไม่รักตัวเองแบบนี้หรอก ฉันอยากถอนตัวแต่มันทำไม่ได้“ถ้าพี่เปลี่ยนใจจากตุลไปชอบกันล่ะ” “อย่าแม้แต่จะคิด” ครั้งนี้ตุลรีบตอบกลับเสียงแข็งแล้วจ้องฉันตาเขม็ง “ทำไม หวงพี่เหรอ” “ถ้าจะชอบใครก็ชอบไป แต่ไอ้กันห้ามชอบ”“แต่น้องกันเป็นคนดี เขาน่ารักกับพี่…” เสียงพูดของฉันเบาลงเมื่อตุลเดินมาใกล
ถ้าบอกเรื่องไปเที่ยวตุลจะเป็นยังไงนะ เขาจะหึงจะหวงหรือเปล่า ไม่สิ! ห้ามพูดเด็ดขาด ฉันตั้งใจว่าจะหายไปเงียบ ๆ ลองใจเขาดูนี่นา ถ้าบอกก็เสียแผนหมด “เขาเป็นเพื่อนพี่นะตุล” “ไม่มีเพื่อนผู้หญิง?” ตุลถามด้วยสีหน้าที่ชวนหาเรื่อง ทำให้ฉันคลี่ยิ้มออกมาแล้วพูด “หึงพี่เหรอ ^_^” พอได้ยินคำถามตุลก็ทิ้งโทรศัพท์ของฉันลงบนเตียงแบบไม่ถนอมมันเลย เขาไม่ตอบแต่ชักสีหน้าใส่ “พี่เป็นเพื่อนกับเควินจริง ๆ เพื่อนผู้หญิงก็มีแพรแล้วส่วนมากก็อยู่ต่างประเทศ…”“บอกทำไมไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” เขาตอบกลับเสียงเย็นก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันงุนงง ก็เป็นคนถามเองแท้ ๆ นี่ ให้หลังจากที่ตุลเดินไปฉันก็ตามเขาออกมาจากห้องเหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ เป็นเด็กเป็นเล็กใครให้สูบบุหรี่กัน ถ้าได้เป็นแฟนฉันจะห้ามเขาเรื่องนี้อันดับแรกเลย “ตุลไปส่งพี่ได้ไหม” “ไม่ว่าง” ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรก็แค่ยืนสูบบุหรี่ทำไมถึงไม่ว่างได้ล่ะ “จะให้พี่เดินกลับเหรอ” ไม่ทันจะตอบอะไรสายโทรศัพท์ของเขาก็เข้า ก็แทนที่จะคุยกันก่อนเขาดันกดรับสาย ไม่สนใจที่กำลังยืนทำหน้าน้อยใจตัวเองอยู่ตรงนี้ “… พี่เดินกลับก็ได้” ฉันตอบไปแบบน้อยใจจากนั้น
เสียงของฉันมันเบาไปงั้นเหรอตุลถึงได้ทำเมิน เขาหยิบอุปกรณ์มาซ่อมรถต่อโดยทำเหมือนไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่ ต้องทำวิธีไหนที่ผู้ชายคนนี้จะสนใจ พอยอมเขาก็เมิน พอวุ่นวายมากเขาก็รำคาญ ตรงกลางมันอยู่ตรงไหนงั้นเหรอ “ช่วยพูดอะไรกับพี่หน่อยได้ไหมตุล”“จะให้พูดอะไร” เขาถามโดยไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้า“ก็ที่พี่พูดไง ทำไมต้องทำเมินเหมือนไม่ได้ยิน”“เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่”“เห็น แต่คุยกับพี่มันคงไม่ทำให้ตุลเสียเวลามากขนาดนั้นหรอก”“เสียเวลา” เขาตอบกลับทันควัน ทำเอาฉันพูดไม่ออก “พี่ซื้อของมาฝากตุลด้วยนะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถหยิบของฝากที่ซื้อมาจากทะเล ตุลยังคงนั่งซ้อมรถไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม ฉันอยากเย็นชา อยากเมินทุกอย่างได้แบบนี้จัง “พี่เอาของวางไว้ให้ตรงนี้นะ” ฉันบอกแล้วเอาของวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า” เพราะยังไม่อยากกลับฉันจึงหาเรื่องคุย แต่อีกคนไม่อยากคุยด้วยกับฉันสักเท่าไหร่ “เดี๋ยวเพื่อนจะมากินเหล้า รีบกลับไปซะ” “กินทุกวันเลยเหรอ” “เพิ่งกินวันนี้ ถามทำไมบอกว่าให้กลับบ้าน เกะกะฉิบ!” ตุลลุกขึ้นเดินเฉียดไหล่ฉันไปหยิบอะไรไม่รู้ เขาแสดงท่าทางที่แสนจะหงุดหงิดเอาม
#ภายในห้องรับแขก เฮียเฟยนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว้ห้าง มือสองข้างประสานเข้าหากันสายตาจับจ้องมองฉันที่กำลังรู้สึกประหม่า “พ… พ่อล่ะคะ ไม่เห็นอยู่ที่บ้านเลย” ฉันพยายามถามเบี่ยงประเด็นแต่มันไม่ได้ผล “นั่งก่อนสิ”ฉันค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ไม่กล้าสบตากับเฮีย “อย่าทำท่าเคร่งขรึมแบบนั้นสิคะหนูกลัวนะเฮีย”เฮียเฟยถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูด “ไอ้เด็กนั่นเป็นเพื่อนของแฟนแพรใช่ไหม”“ค… ใครหรอคะหนูไม่รู้เรื่อง” ทั้งที่ถูกจับได้แล้วฉันก็ยังแถ ทั้งที่รู้ว่าไม่รอดแน่ ๆ “เฮียส่งลูกน้องคอยตามดูลิลมาตลอด ยังจะปกปิดอีกหรือไง”“เฮียทำแบบนั้นทำไมคะ” “น้องสาวเฮียชอบออกจากบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ บางวันไม่กลับมานอนที่บ้าน ตอนกลางวันก็ไม่อยู่บอกจะไปอู่ซ่อมรถ จะไม่ให้เฮียสงสัยเลยหรือไง” “…” “ไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรลิล บอกมาเฮียจะไปจัดการมัน!!”“… เขาไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ มีแค่หนูที่ทำตัวเอง” ฉันก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาเบา ๆ วันนี้เพิ่งตัดสินใจถอยออกมามันก็เลยเศร้ามากเป็นพิเศษ “ทำตัวเองยังไง?” เฮียทวนคำพูดของฉันแล้วขมวดคิ้วเข้ม “ทำให้ตัวเองเจ็บ ทำให้ตัวเองไร้ค่า ทำให้ตัวเองร้องไห้…” ฉันบอ
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเผลอเรียกชื่อเขาออกไปทั้งที่ควรทำเหมือนคนไม่รู้จัก “ว่าไงนะลิล” เควินเอียงคอมาถามเหมือนว่าเขาได้ยินเสียงของฉันเมื่อครู่ “ป… เปล่า” ตอนนี้ตุลก็ยังคงเพ่งมองเควินราวกับจะกัดกินเลือดเนื้อ จนกระทั่งหนังเริ่มฉายเขาถึงยอมหันไปมองจอ บรรยากาศในโรงหนังเงียบสงัดไร้เสียงคนคุยกัน มีเพียงเสียงหนังที่กำลังฉายอยู่ หัวใจของฉันมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ การที่เขานั่งใกล้กันแต่ทำเหมือนไม่รู้จักกันสำหรับตุลมันคงเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับฉันมันยาก ฉันไม่ได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนังที่ฉาย แต่กำลังจดจ่ออยู่กับคนที่นั่งข้าง ๆ ความคิดเริ่มฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานาเฮือก! รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาแตะที่ขาอ่อนทำให้สะดุ้งเฮือกตกใจสุดขีด เมื่อก้มลงมองที่ขาก็เห็นฝ่ามือใหญ่ของตุลวางอยู่ ฉันจึงรีบปัดมือเขาออก ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน เป็นคนอยากให้ฉันถอย อยากให้ฉันเลิกยุ่ง แต่ตัวเองมายุ่งซะเองเป็นแบบนี้จะให้ฉันถอยยังไง ฉันหันมามองหน้าตุลที่นั่งข้าง ๆ เขาไม่ได้มีท่าทางสนใจอย่างการกระทำเมื่อคู่ สายตาคู่นั้นจ้องมองไปตรงหน้าไม่หันมามองฉันเลยสักนิด เขาก็แค่ต้องการปั่นหัวอยู่สินะ… เด็กค
ก็อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังนั่งเหม่อทำให้สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือเฮียเฟย เมื่อประตูถูกเปิดออกเฮียก็เดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับยิงคำถามใส่“คิดอะไรอยู่ถึงไปตกลงกับพ่อว่าจะหมั้น”“หนูปฏิเสธมาตลอด ครั้งนี้ถ้าปฏิเสธพ่อคงจะผิดคำพูดกับเพื่อน อาจจะมีปัญหากัน…”“มั่นใจว่าเหตุผลนี้?” เฮียเฟยถามสวนคำพูดของฉันอย่างรู้ทัน “…” พอถูกเฮียถามฉันก็เงียบแล้วหลบสายตา เพราะเหตุผลจริง ๆ มันไม่ใช่อย่างที่พูด “ทำแบบนี้รู้ไหมว่าตัวเองเองจะแย่ ต้องหมั้นกับใครก็ไม่รู้ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักชีวิตจะเป็นยังไง”“หนูเชื่อว่าพ่อต้องหาคนดี ๆ มาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวอยู่แล้วค่ะ เฮียไม่ต้องห่วงนะ”“หน้าตามันเป็นยังไงลิลก็ไม่เคยเจอ ถ้าอยากจะหมั้นก็น่าจะนัดเจอศึกษาดูใจกันก่อน”“เอาน่าเฮีย หนูเลือกแล้ว” “ที่ลิลเลือกแบบนี้เพราะไอ้เด็กนั่น?” “…” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ อยากจะตอบไปว่าใช่ ตุลมีส่วนให้ฉันตัดสินใจแบบนี้ แต่เงียบไปแบบนี้เฮียคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ทำไมต้องยอมทำอะไรบ้า ๆ เพราะมัน”“หนูขอโทษ” “ไปบอกพ่อว่าจะไม่ยอมหมั้นแล้วกลับไปอยู่ต่างป
สนามบินวันนี้เควินต้องกลับไปต่างประเทศแล้วฉันจึงมาส่งเขาด้วยตัวเอง “ไว้เจอกันนะ” ฉันยกมือขึ้นโบกมือบ้ายบายเพื่อน“อย่าลืมล่ะถ้าพ่อบังคับให้หมั้นต้องคิดถึงฉันเป็นคนแรก ฉันยินดีหมั้นตบตาพ่อเธอนะ” “หยุดพูดไร้สาระสักที ฉันตอบตกลงกับพ่อไปแล้ว” ฉันยิ้มเจือน ๆ หลังพูดจบ เควินเองก็ขมวดคิ้วเข้มหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น “เธอจะหมั้นกับคนที่พ่อหาให้?” “อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว” “ไม่กลัวได้ผัวแก่? ถ้าเกิดไอ้นั่นอายุห้าสิบหกสิบเธอจะทำยังไง” “บ้าเหรอ” ฉันหลุดขำออกมาให้กับคำพูดของเควิน เขาตั้งใจพูดให้ขำ “ฉันยังหนุ่มยังแน่นแถมหล่อบาดใจขนาดนี้ เธอทำไมไม่เลือก”“ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่องนะ” ฉันจับเควินหันหลังแล้วผลักให้เดิน“นี่อยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอวะ นี่เพื่อนนาน ๆ จะมาหาแสดงความอาลัยอาวรณ์ที่เพื่อนจะกลับหน่อยดิ”“ไม่คิดถึงไปเลย ๆ” “เธอมันยัยใจหิน” เควินหันมาบอกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉัน “ดูแลตัวเองดี ๆ เลือกคนที่ตัวเธอรักมันดีกว่าต้องฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำ” ครั้งนี้เขาพูดจริงจังมันยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ฉันเลือกมันผิด “อื้อ ไว้ฉันจะไปหานะ ฝากบอกคิดถึงพวกนั้นด้วย^_^” เควินยิ้มก่อนจะหันหลังแล้
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ