#ภายในห้องตอนนี้กันเพื่อนของตุลได้กลับไปแล้ว พอเข้ามาในห้องตุลก็หยิบเอากล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ตรงหน้าให้ “ทำแผลตัวเองซะ” คิดว่าเขาจะทำแผลให้ฉันแทนคำขอโทษซะอีก หัดโรแมนติกบ้างก็ได้ ฉันมองตุลที่ถอดเสื้ออกแล้วนอนลงบนเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงมาก ๆ เวลาที่ได้เห็นภาพแบบนี้ เมื่อหัวใจมันเต้นแรงเกินไปฉันจึงระงับมันด้วยการก้มลงมาทำแผลที่มือให้ตัวเอง แสบมาก ๆ เลย ดีนะที่รอยขีดนี้ไม่ได้บาดลึกจนต้องเย็บ หลังจากทำแผลตัวเองเสร็จฉันก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ ตุลที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นว่าฉันนั่งข้าง ๆ ก็ละสายตาจากโทรศัพท์มามองฉัน “ทำไม?”“นั่งสิเดี๋ยวพี่ทำแผลให้”“ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธเสียงเย็นแล้วดูโทรศัพท์ต่อ “ถ้าไม่ยอมให้ทำพี่ก็จะพูด ๆ ให้ตุลรำคาญนะ แต่ถ้ายอมให้ทำ…” ยังพูดไม่ทันจบตุลก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดโดยที่สายตาคู่นั้นจ้องหน้าฉัน “ทำสิ รีบทำ” ถึงจะเป็นการยอมแบบไม่เต็มใจแต่ฉันก็ยิ้มออกมาได้เพราะเขานั่นแหละ ผู้ชายคนนี้เป็นทั้งความทุกข์และความสุขของฉัน…“โอ้ย! แกล้งเหรอวะ” ตุลร้องออกมาเสียงดังทันทีที่ฉันแตะสำลีลงบนแผลของเขา แต่
แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินตุลพูดแบบนั้นออกมา เขากล่าวหาฉันว่า แรดเงียบ มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า “หรือไม่จริง ผู้หญิงที่ไหนบ้างนอนกับผู้ชายไปทั่วให้ไลน์ผู้ชายไปทั่ว” “นอนกับผู้ชายไปทั่วอย่างนั้นเหรอ” ฉันพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอโกรธไปมากกว่านี้แต่มันควบคุมไม่ได้จริง ๆ “ก็รู้ ๆ กันอยู่” “ตุลเป็นผู้ชายคนแรกของพี่นะ ทำไมถึงกล้ากล่าวหากันแบบนี้” “มีคนแรกก็ต้องมีคนต่อไปเรื่อย ๆ”“แล้วตุลล่ะ นอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน!!” “มั่นใจว่าจะให้พูด?” “…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด ไม่รักไม่ชอบฉันก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรแบบนี้ใส่กันเลย “หึ!!”“ถ้าพี่ตัดใจจากตุลได้เมื่อไหร่ ตุลจะเป็นผู้ชายที่พี่เกลียดที่สุด”“เชิญ” เขาตอบกลับอย่างไม่สนใจว่าฉันจะเกลียดหรือไม่ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะโง่งมงายจมปักกับคนปากร้ายที่ไม่รักตัวเองแบบนี้หรอก ฉันอยากถอนตัวแต่มันทำไม่ได้“ถ้าพี่เปลี่ยนใจจากตุลไปชอบกันล่ะ” “อย่าแม้แต่จะคิด” ครั้งนี้ตุลรีบตอบกลับเสียงแข็งแล้วจ้องฉันตาเขม็ง “ทำไม หวงพี่เหรอ” “ถ้าจะชอบใครก็ชอบไป แต่ไอ้กันห้ามชอบ”“แต่น้องกันเป็นคนดี เขาน่ารักกับพี่…” เสียงพูดของฉันเบาลงเมื่อตุลเดินมาใกล
ถ้าบอกเรื่องไปเที่ยวตุลจะเป็นยังไงนะ เขาจะหึงจะหวงหรือเปล่า ไม่สิ! ห้ามพูดเด็ดขาด ฉันตั้งใจว่าจะหายไปเงียบ ๆ ลองใจเขาดูนี่นา ถ้าบอกก็เสียแผนหมด “เขาเป็นเพื่อนพี่นะตุล” “ไม่มีเพื่อนผู้หญิง?” ตุลถามด้วยสีหน้าที่ชวนหาเรื่อง ทำให้ฉันคลี่ยิ้มออกมาแล้วพูด “หึงพี่เหรอ ^_^” พอได้ยินคำถามตุลก็ทิ้งโทรศัพท์ของฉันลงบนเตียงแบบไม่ถนอมมันเลย เขาไม่ตอบแต่ชักสีหน้าใส่ “พี่เป็นเพื่อนกับเควินจริง ๆ เพื่อนผู้หญิงก็มีแพรแล้วส่วนมากก็อยู่ต่างประเทศ…”“บอกทำไมไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” เขาตอบกลับเสียงเย็นก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันงุนงง ก็เป็นคนถามเองแท้ ๆ นี่ ให้หลังจากที่ตุลเดินไปฉันก็ตามเขาออกมาจากห้องเหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ เป็นเด็กเป็นเล็กใครให้สูบบุหรี่กัน ถ้าได้เป็นแฟนฉันจะห้ามเขาเรื่องนี้อันดับแรกเลย “ตุลไปส่งพี่ได้ไหม” “ไม่ว่าง” ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรก็แค่ยืนสูบบุหรี่ทำไมถึงไม่ว่างได้ล่ะ “จะให้พี่เดินกลับเหรอ” ไม่ทันจะตอบอะไรสายโทรศัพท์ของเขาก็เข้า ก็แทนที่จะคุยกันก่อนเขาดันกดรับสาย ไม่สนใจที่กำลังยืนทำหน้าน้อยใจตัวเองอยู่ตรงนี้ “… พี่เดินกลับก็ได้” ฉันตอบไปแบบน้อยใจจากนั้น
เสียงของฉันมันเบาไปงั้นเหรอตุลถึงได้ทำเมิน เขาหยิบอุปกรณ์มาซ่อมรถต่อโดยทำเหมือนไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่ ต้องทำวิธีไหนที่ผู้ชายคนนี้จะสนใจ พอยอมเขาก็เมิน พอวุ่นวายมากเขาก็รำคาญ ตรงกลางมันอยู่ตรงไหนงั้นเหรอ “ช่วยพูดอะไรกับพี่หน่อยได้ไหมตุล”“จะให้พูดอะไร” เขาถามโดยไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้า“ก็ที่พี่พูดไง ทำไมต้องทำเมินเหมือนไม่ได้ยิน”“เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่”“เห็น แต่คุยกับพี่มันคงไม่ทำให้ตุลเสียเวลามากขนาดนั้นหรอก”“เสียเวลา” เขาตอบกลับทันควัน ทำเอาฉันพูดไม่ออก “พี่ซื้อของมาฝากตุลด้วยนะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถหยิบของฝากที่ซื้อมาจากทะเล ตุลยังคงนั่งซ้อมรถไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม ฉันอยากเย็นชา อยากเมินทุกอย่างได้แบบนี้จัง “พี่เอาของวางไว้ให้ตรงนี้นะ” ฉันบอกแล้วเอาของวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า” เพราะยังไม่อยากกลับฉันจึงหาเรื่องคุย แต่อีกคนไม่อยากคุยด้วยกับฉันสักเท่าไหร่ “เดี๋ยวเพื่อนจะมากินเหล้า รีบกลับไปซะ” “กินทุกวันเลยเหรอ” “เพิ่งกินวันนี้ ถามทำไมบอกว่าให้กลับบ้าน เกะกะฉิบ!” ตุลลุกขึ้นเดินเฉียดไหล่ฉันไปหยิบอะไรไม่รู้ เขาแสดงท่าทางที่แสนจะหงุดหงิดเอาม
#ภายในห้องรับแขก เฮียเฟยนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว้ห้าง มือสองข้างประสานเข้าหากันสายตาจับจ้องมองฉันที่กำลังรู้สึกประหม่า “พ… พ่อล่ะคะ ไม่เห็นอยู่ที่บ้านเลย” ฉันพยายามถามเบี่ยงประเด็นแต่มันไม่ได้ผล “นั่งก่อนสิ”ฉันค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ไม่กล้าสบตากับเฮีย “อย่าทำท่าเคร่งขรึมแบบนั้นสิคะหนูกลัวนะเฮีย”เฮียเฟยถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูด “ไอ้เด็กนั่นเป็นเพื่อนของแฟนแพรใช่ไหม”“ค… ใครหรอคะหนูไม่รู้เรื่อง” ทั้งที่ถูกจับได้แล้วฉันก็ยังแถ ทั้งที่รู้ว่าไม่รอดแน่ ๆ “เฮียส่งลูกน้องคอยตามดูลิลมาตลอด ยังจะปกปิดอีกหรือไง”“เฮียทำแบบนั้นทำไมคะ” “น้องสาวเฮียชอบออกจากบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ บางวันไม่กลับมานอนที่บ้าน ตอนกลางวันก็ไม่อยู่บอกจะไปอู่ซ่อมรถ จะไม่ให้เฮียสงสัยเลยหรือไง” “…” “ไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรลิล บอกมาเฮียจะไปจัดการมัน!!”“… เขาไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ มีแค่หนูที่ทำตัวเอง” ฉันก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาเบา ๆ วันนี้เพิ่งตัดสินใจถอยออกมามันก็เลยเศร้ามากเป็นพิเศษ “ทำตัวเองยังไง?” เฮียทวนคำพูดของฉันแล้วขมวดคิ้วเข้ม “ทำให้ตัวเองเจ็บ ทำให้ตัวเองไร้ค่า ทำให้ตัวเองร้องไห้…” ฉันบอ
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเผลอเรียกชื่อเขาออกไปทั้งที่ควรทำเหมือนคนไม่รู้จัก “ว่าไงนะลิล” เควินเอียงคอมาถามเหมือนว่าเขาได้ยินเสียงของฉันเมื่อครู่ “ป… เปล่า” ตอนนี้ตุลก็ยังคงเพ่งมองเควินราวกับจะกัดกินเลือดเนื้อ จนกระทั่งหนังเริ่มฉายเขาถึงยอมหันไปมองจอ บรรยากาศในโรงหนังเงียบสงัดไร้เสียงคนคุยกัน มีเพียงเสียงหนังที่กำลังฉายอยู่ หัวใจของฉันมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ การที่เขานั่งใกล้กันแต่ทำเหมือนไม่รู้จักกันสำหรับตุลมันคงเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับฉันมันยาก ฉันไม่ได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนังที่ฉาย แต่กำลังจดจ่ออยู่กับคนที่นั่งข้าง ๆ ความคิดเริ่มฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานาเฮือก! รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาแตะที่ขาอ่อนทำให้สะดุ้งเฮือกตกใจสุดขีด เมื่อก้มลงมองที่ขาก็เห็นฝ่ามือใหญ่ของตุลวางอยู่ ฉันจึงรีบปัดมือเขาออก ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน เป็นคนอยากให้ฉันถอย อยากให้ฉันเลิกยุ่ง แต่ตัวเองมายุ่งซะเองเป็นแบบนี้จะให้ฉันถอยยังไง ฉันหันมามองหน้าตุลที่นั่งข้าง ๆ เขาไม่ได้มีท่าทางสนใจอย่างการกระทำเมื่อคู่ สายตาคู่นั้นจ้องมองไปตรงหน้าไม่หันมามองฉันเลยสักนิด เขาก็แค่ต้องการปั่นหัวอยู่สินะ… เด็กค
ก็อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังนั่งเหม่อทำให้สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือเฮียเฟย เมื่อประตูถูกเปิดออกเฮียก็เดินแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับยิงคำถามใส่“คิดอะไรอยู่ถึงไปตกลงกับพ่อว่าจะหมั้น”“หนูปฏิเสธมาตลอด ครั้งนี้ถ้าปฏิเสธพ่อคงจะผิดคำพูดกับเพื่อน อาจจะมีปัญหากัน…”“มั่นใจว่าเหตุผลนี้?” เฮียเฟยถามสวนคำพูดของฉันอย่างรู้ทัน “…” พอถูกเฮียถามฉันก็เงียบแล้วหลบสายตา เพราะเหตุผลจริง ๆ มันไม่ใช่อย่างที่พูด “ทำแบบนี้รู้ไหมว่าตัวเองเองจะแย่ ต้องหมั้นกับใครก็ไม่รู้ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักชีวิตจะเป็นยังไง”“หนูเชื่อว่าพ่อต้องหาคนดี ๆ มาเป็นคู่หมั้นของลูกสาวอยู่แล้วค่ะ เฮียไม่ต้องห่วงนะ”“หน้าตามันเป็นยังไงลิลก็ไม่เคยเจอ ถ้าอยากจะหมั้นก็น่าจะนัดเจอศึกษาดูใจกันก่อน”“เอาน่าเฮีย หนูเลือกแล้ว” “ที่ลิลเลือกแบบนี้เพราะไอ้เด็กนั่น?” “…” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ อยากจะตอบไปว่าใช่ ตุลมีส่วนให้ฉันตัดสินใจแบบนี้ แต่เงียบไปแบบนี้เฮียคงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ทำไมต้องยอมทำอะไรบ้า ๆ เพราะมัน”“หนูขอโทษ” “ไปบอกพ่อว่าจะไม่ยอมหมั้นแล้วกลับไปอยู่ต่างป
สนามบินวันนี้เควินต้องกลับไปต่างประเทศแล้วฉันจึงมาส่งเขาด้วยตัวเอง “ไว้เจอกันนะ” ฉันยกมือขึ้นโบกมือบ้ายบายเพื่อน“อย่าลืมล่ะถ้าพ่อบังคับให้หมั้นต้องคิดถึงฉันเป็นคนแรก ฉันยินดีหมั้นตบตาพ่อเธอนะ” “หยุดพูดไร้สาระสักที ฉันตอบตกลงกับพ่อไปแล้ว” ฉันยิ้มเจือน ๆ หลังพูดจบ เควินเองก็ขมวดคิ้วเข้มหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น “เธอจะหมั้นกับคนที่พ่อหาให้?” “อื้อ ฉันตัดสินใจแล้ว” “ไม่กลัวได้ผัวแก่? ถ้าเกิดไอ้นั่นอายุห้าสิบหกสิบเธอจะทำยังไง” “บ้าเหรอ” ฉันหลุดขำออกมาให้กับคำพูดของเควิน เขาตั้งใจพูดให้ขำ “ฉันยังหนุ่มยังแน่นแถมหล่อบาดใจขนาดนี้ เธอทำไมไม่เลือก”“ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่องนะ” ฉันจับเควินหันหลังแล้วผลักให้เดิน“นี่อยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอวะ นี่เพื่อนนาน ๆ จะมาหาแสดงความอาลัยอาวรณ์ที่เพื่อนจะกลับหน่อยดิ”“ไม่คิดถึงไปเลย ๆ” “เธอมันยัยใจหิน” เควินหันมาบอกก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉัน “ดูแลตัวเองดี ๆ เลือกคนที่ตัวเธอรักมันดีกว่าต้องฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำ” ครั้งนี้เขาพูดจริงจังมันยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ฉันเลือกมันผิด “อื้อ ไว้ฉันจะไปหานะ ฝากบอกคิดถึงพวกนั้นด้วย^_^” เควินยิ้มก่อนจะหันหลังแล้