“เป็นเด็กเป็นเล็กนิสัยเสียชะมัด” เควินบ่นหลังจากที่ตุลเดินไปแล้ว จากนั้นเขาก็เป็นคนก้มลงไปเก็บของที่หล่นให้ “ทำแบบนี้ทำคนที่ไม่รู้จักได้ยังไง” เควินยังไม่เลิกบ่น เขาหยุดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วพูดต่อ “หรือเธอรู้จัก?” “ป… เปล่าฉันไม่รู้จักสักหน่อย” ที่ต้องปฏิเสธก็เพราะว่าไม่อยากถูกถามอะไรต่าง ๆ เพราะถ้าเควินรู้ว่าฉันรู้จักตุลเขาคงไม่ใช่แค่พยักหน้าแล้วเงียบไปแน่ ๆ คงจะต้องยิงคำถามใส่รัว ๆ ก่อนมาที่โรงแรมฉันกับเควินแวะกินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาทำกินเอง หลังจากส่งเพื่อนเสร็จฉันก็ขับรถกลับไปที่บ้าน ยังไม่ทันจะถึงที่บ้านเลยโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น เป็นแพรที่โทรมาจึงรีบกดรับสาย “ว่าไงแพร เงียบหายไปเลยนะฉันเหงามากรู้ไหม”(ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ น่ะ)“แล้วแกโทรมามีอะไรหรือเปล่า”(จะชวนไปดูแข่งรถด้วยกัน)“แข่งรถงั้นเหรอ” (ไปหรือเปล่าวันนี้เพื่อนแฟนของฉันแข่ง ตุลไปด้วยนะ)จริง ๆ ฉันไม่ชอบดูการแข่งรถเลยแต่พอรู้ว่าตุลไปด้วย ความอยากไปมันก็พุ่งขึ้นมาระดับร้อย“อื้อไปสิ แกมารับฉันหน่อยได้ไหม” (ที่บ้านเหรอ)“อื้อ ขี้เกียจขับรถไปเองน่ะ” (อื้อ แต่แกห้ามพูดเรื่องที่ฉันไปรับแก
ฉันมองตุลอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงให้ไปรอที่อู่ ที่นี่มันมีอะไรทำไมฉันถึงอยู่ไม่ได้ หรือเขานัดผู้หญิงมาอย่างนั้นเหรอ “แพรยังอยู่ได้เลยทำไมพี่ถึงอยู่ไม่ได้” “บอกให้กลับก็กลับจะถามมากเพื่อ?” พอฉันไม่ยอมทำตามคำสั่งตุลก็หัวเสีย “พี่ไม่ได้เอารถมาจะให้ไปยังไง” ตุลพ่นลมหายใจแรง ๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถมายื่นให้ฉัน “ขับกลับไป” “รถตุลเหรอ?” ฉันขมวดคิ้วมองกุญแจในมือเขา นั่นมันกุญแจรถยี่ห้อหรู หากเป็นรถของตุลแปลว่าบ้านเขาต้องมีฐานะมาก ๆ แน่ ๆ “เอาไปไม่ต้องถามมาก” ฉันเอากุญแจห้องคืนตุล “พี่จะกลับพร้อมแพร เดี๋ยวให้แพรไปส่งที่อู่…”“ถ้าจะกลับพร้อมเพื่อนก็ไม่ต้องไป” ตุลเก็บกุญแจรถและกุญแจห้องใส่กระเป๋าเหมือนเดิม“โกรธพี่เหรอ” ตุลไม่ตอบอะไรเขาเดินนำหน้าไปก่อน ฉันจึงรีบเดินตามเพราะกลัวจะเจอคนแปลกหน้าเขามาถามอะไรอีก แถวนี้มันดูอันตราย ๆ ยังไงก็ไม่รู้ พอทุกคนเห็นว่าฉันเดินมาพร้อมกับตุลต่างก็มองกันเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร พอมาถึงฉันก็เดินมานั่งข้าง ๆ แพร “ทำไมถึงมาพร้อมตุลได้ล่ะลิล” แพรถาม “บังเอิญน่ะ”“ตุลไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้แกรู้สึกไม่ดีใช่ไหม” “ไม่เลย เขาช่วยฉันเอาไว้จากผู
อยากจะตอบไปว่าเพราะอยากได้ใจเขาไงถึงยอมขนาดนี้ แต่พูดไปตั้งหลายครั้งแล้วยังถามหาเหตุผลอีกหรือไง ฉันยกมือขึ้นมาคล้องคอแกร่งก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นหน้ามาจูบเขาอีกครั้ง คนที่ถูกจูบนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบรับสัมผัสจูบอย่างเร่าร้อน ฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้ามาในเสื้อลูบคลำตามผิวเนื้อก่อนจะบีบเคล้นที่หน้าอกของฉัน เสียงลมหายใจของเราทั้งคู่มันเริ่มดังขึ้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ปรารถนา เมื่อทุกอย่างกำลังเข้าทางฉันก็ผละตัวออกจากตุล ก่อนจะมองนิ่ง ๆ แล้วถามเขา “แพรบอกจะไปส่งพี่ก่อน พี่ต้องกลับแล้วนะ”พูดจบฉันก็หันหลังให้เขา ในใจหวังว่าเขาจะรั้งไว้และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ทำแบบนี้ได้ผล ตุลคว้ามือมาจับแขน ฉันจึงหันกลับมามองเขาอีกครั้ง “มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”“ไม่ต้องกลับ”“จะให้พี่นอนด้วยเหรอ” ตุลพยักหน้าแทนคำตอบฉันจึงยิ้มออกมาได้ ถึงจะรู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร แต่การที่ได้อยู่กับเขานาน ๆ มันดีสำหรับฉัน ภาวนาขอให้คืนนี้เราได้นอนบนเตียงเดียวกันฉันกับตุลเดินออกมาข้างนอกพร้อมกัน การหายเข้าไปในห้องสองคนทำให้ถูกแพรมองอย่างสงสัย พอนั่งลงฉันก็กระซิบบอก “ฉันไม่กลับแล้วนะแพร”“จะนอนค้างที่นี่เหรอ?”“อื้อ”“แ
#ภายในห้องตอนนี้กันเพื่อนของตุลได้กลับไปแล้ว พอเข้ามาในห้องตุลก็หยิบเอากล่องปฐมพยาบาลมาวางไว้ตรงหน้าให้ “ทำแผลตัวเองซะ” คิดว่าเขาจะทำแผลให้ฉันแทนคำขอโทษซะอีก หัดโรแมนติกบ้างก็ได้ ฉันมองตุลที่ถอดเสื้ออกแล้วนอนลงบนเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงมาก ๆ เวลาที่ได้เห็นภาพแบบนี้ เมื่อหัวใจมันเต้นแรงเกินไปฉันจึงระงับมันด้วยการก้มลงมาทำแผลที่มือให้ตัวเอง แสบมาก ๆ เลย ดีนะที่รอยขีดนี้ไม่ได้บาดลึกจนต้องเย็บ หลังจากทำแผลตัวเองเสร็จฉันก็เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ ตุลที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ พอเขาเห็นว่าฉันนั่งข้าง ๆ ก็ละสายตาจากโทรศัพท์มามองฉัน “ทำไม?”“นั่งสิเดี๋ยวพี่ทำแผลให้”“ไม่ต้อง” เขาปฏิเสธเสียงเย็นแล้วดูโทรศัพท์ต่อ “ถ้าไม่ยอมให้ทำพี่ก็จะพูด ๆ ให้ตุลรำคาญนะ แต่ถ้ายอมให้ทำ…” ยังพูดไม่ทันจบตุลก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดโดยที่สายตาคู่นั้นจ้องหน้าฉัน “ทำสิ รีบทำ” ถึงจะเป็นการยอมแบบไม่เต็มใจแต่ฉันก็ยิ้มออกมาได้เพราะเขานั่นแหละ ผู้ชายคนนี้เป็นทั้งความทุกข์และความสุขของฉัน…“โอ้ย! แกล้งเหรอวะ” ตุลร้องออกมาเสียงดังทันทีที่ฉันแตะสำลีลงบนแผลของเขา แต่
แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินตุลพูดแบบนั้นออกมา เขากล่าวหาฉันว่า แรดเงียบ มันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า “หรือไม่จริง ผู้หญิงที่ไหนบ้างนอนกับผู้ชายไปทั่วให้ไลน์ผู้ชายไปทั่ว” “นอนกับผู้ชายไปทั่วอย่างนั้นเหรอ” ฉันพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอโกรธไปมากกว่านี้แต่มันควบคุมไม่ได้จริง ๆ “ก็รู้ ๆ กันอยู่” “ตุลเป็นผู้ชายคนแรกของพี่นะ ทำไมถึงกล้ากล่าวหากันแบบนี้” “มีคนแรกก็ต้องมีคนต่อไปเรื่อย ๆ”“แล้วตุลล่ะ นอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน!!” “มั่นใจว่าจะให้พูด?” “…” ฉันกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด ไม่รักไม่ชอบฉันก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรแบบนี้ใส่กันเลย “หึ!!”“ถ้าพี่ตัดใจจากตุลได้เมื่อไหร่ ตุลจะเป็นผู้ชายที่พี่เกลียดที่สุด”“เชิญ” เขาตอบกลับอย่างไม่สนใจว่าฉันจะเกลียดหรือไม่ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะโง่งมงายจมปักกับคนปากร้ายที่ไม่รักตัวเองแบบนี้หรอก ฉันอยากถอนตัวแต่มันทำไม่ได้“ถ้าพี่เปลี่ยนใจจากตุลไปชอบกันล่ะ” “อย่าแม้แต่จะคิด” ครั้งนี้ตุลรีบตอบกลับเสียงแข็งแล้วจ้องฉันตาเขม็ง “ทำไม หวงพี่เหรอ” “ถ้าจะชอบใครก็ชอบไป แต่ไอ้กันห้ามชอบ”“แต่น้องกันเป็นคนดี เขาน่ารักกับพี่…” เสียงพูดของฉันเบาลงเมื่อตุลเดินมาใกล
ถ้าบอกเรื่องไปเที่ยวตุลจะเป็นยังไงนะ เขาจะหึงจะหวงหรือเปล่า ไม่สิ! ห้ามพูดเด็ดขาด ฉันตั้งใจว่าจะหายไปเงียบ ๆ ลองใจเขาดูนี่นา ถ้าบอกก็เสียแผนหมด “เขาเป็นเพื่อนพี่นะตุล” “ไม่มีเพื่อนผู้หญิง?” ตุลถามด้วยสีหน้าที่ชวนหาเรื่อง ทำให้ฉันคลี่ยิ้มออกมาแล้วพูด “หึงพี่เหรอ ^_^” พอได้ยินคำถามตุลก็ทิ้งโทรศัพท์ของฉันลงบนเตียงแบบไม่ถนอมมันเลย เขาไม่ตอบแต่ชักสีหน้าใส่ “พี่เป็นเพื่อนกับเควินจริง ๆ เพื่อนผู้หญิงก็มีแพรแล้วส่วนมากก็อยู่ต่างประเทศ…”“บอกทำไมไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” เขาตอบกลับเสียงเย็นก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันงุนงง ก็เป็นคนถามเองแท้ ๆ นี่ ให้หลังจากที่ตุลเดินไปฉันก็ตามเขาออกมาจากห้องเหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ เป็นเด็กเป็นเล็กใครให้สูบบุหรี่กัน ถ้าได้เป็นแฟนฉันจะห้ามเขาเรื่องนี้อันดับแรกเลย “ตุลไปส่งพี่ได้ไหม” “ไม่ว่าง” ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรก็แค่ยืนสูบบุหรี่ทำไมถึงไม่ว่างได้ล่ะ “จะให้พี่เดินกลับเหรอ” ไม่ทันจะตอบอะไรสายโทรศัพท์ของเขาก็เข้า ก็แทนที่จะคุยกันก่อนเขาดันกดรับสาย ไม่สนใจที่กำลังยืนทำหน้าน้อยใจตัวเองอยู่ตรงนี้ “… พี่เดินกลับก็ได้” ฉันตอบไปแบบน้อยใจจากนั้น
เสียงของฉันมันเบาไปงั้นเหรอตุลถึงได้ทำเมิน เขาหยิบอุปกรณ์มาซ่อมรถต่อโดยทำเหมือนไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่ ต้องทำวิธีไหนที่ผู้ชายคนนี้จะสนใจ พอยอมเขาก็เมิน พอวุ่นวายมากเขาก็รำคาญ ตรงกลางมันอยู่ตรงไหนงั้นเหรอ “ช่วยพูดอะไรกับพี่หน่อยได้ไหมตุล”“จะให้พูดอะไร” เขาถามโดยไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้า“ก็ที่พี่พูดไง ทำไมต้องทำเมินเหมือนไม่ได้ยิน”“เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่”“เห็น แต่คุยกับพี่มันคงไม่ทำให้ตุลเสียเวลามากขนาดนั้นหรอก”“เสียเวลา” เขาตอบกลับทันควัน ทำเอาฉันพูดไม่ออก “พี่ซื้อของมาฝากตุลด้วยนะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถหยิบของฝากที่ซื้อมาจากทะเล ตุลยังคงนั่งซ้อมรถไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม ฉันอยากเย็นชา อยากเมินทุกอย่างได้แบบนี้จัง “พี่เอาของวางไว้ให้ตรงนี้นะ” ฉันบอกแล้วเอาของวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า” เพราะยังไม่อยากกลับฉันจึงหาเรื่องคุย แต่อีกคนไม่อยากคุยด้วยกับฉันสักเท่าไหร่ “เดี๋ยวเพื่อนจะมากินเหล้า รีบกลับไปซะ” “กินทุกวันเลยเหรอ” “เพิ่งกินวันนี้ ถามทำไมบอกว่าให้กลับบ้าน เกะกะฉิบ!” ตุลลุกขึ้นเดินเฉียดไหล่ฉันไปหยิบอะไรไม่รู้ เขาแสดงท่าทางที่แสนจะหงุดหงิดเอาม
#ภายในห้องรับแขก เฮียเฟยนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว้ห้าง มือสองข้างประสานเข้าหากันสายตาจับจ้องมองฉันที่กำลังรู้สึกประหม่า “พ… พ่อล่ะคะ ไม่เห็นอยู่ที่บ้านเลย” ฉันพยายามถามเบี่ยงประเด็นแต่มันไม่ได้ผล “นั่งก่อนสิ”ฉันค่อย ๆ หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ไม่กล้าสบตากับเฮีย “อย่าทำท่าเคร่งขรึมแบบนั้นสิคะหนูกลัวนะเฮีย”เฮียเฟยถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูด “ไอ้เด็กนั่นเป็นเพื่อนของแฟนแพรใช่ไหม”“ค… ใครหรอคะหนูไม่รู้เรื่อง” ทั้งที่ถูกจับได้แล้วฉันก็ยังแถ ทั้งที่รู้ว่าไม่รอดแน่ ๆ “เฮียส่งลูกน้องคอยตามดูลิลมาตลอด ยังจะปกปิดอีกหรือไง”“เฮียทำแบบนั้นทำไมคะ” “น้องสาวเฮียชอบออกจากบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ บางวันไม่กลับมานอนที่บ้าน ตอนกลางวันก็ไม่อยู่บอกจะไปอู่ซ่อมรถ จะไม่ให้เฮียสงสัยเลยหรือไง” “…” “ไอ้เด็กนั่นมันทำอะไรลิล บอกมาเฮียจะไปจัดการมัน!!”“… เขาไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ มีแค่หนูที่ทำตัวเอง” ฉันก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาเบา ๆ วันนี้เพิ่งตัดสินใจถอยออกมามันก็เลยเศร้ามากเป็นพิเศษ “ทำตัวเองยังไง?” เฮียทวนคำพูดของฉันแล้วขมวดคิ้วเข้ม “ทำให้ตัวเองเจ็บ ทำให้ตัวเองไร้ค่า ทำให้ตัวเองร้องไห้…” ฉันบอ